|
แบ่งปันทริปแบกเป้คนเดียวไปประเทศเอสโตเนีย เมืองเล็กๆน่ารักสวยงามเก่าแก่อีกแห่งที่ได้เป็นเมืองมรดกโลก มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปเที่ยวชมกันจ้า |
สวัสดีเพื่อนๆเหล่าผู้รักการทัศนาจร เว้าวอนดวงฤทัย งามวิไลสวยเก๋ แสนเท่ห์โสภา ช่ะช่ะช่าหัวหัวใจทุกๆค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งกับบล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน ที่จะพาเพื่อนๆไปเปิดโลกทัศน์ หาประสบการณ์ใหม่ๆเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศในดินแดนแปลกถิ่นจากที่เราเคยอยู่กันค่ะ
และจากบทความรีวิวแบกเป้คนเดียวตอนที่แล้ว ได้พาเพื่อนๆไปเที่ยวชมเมืองเฮลซิงกิ เมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์กันไปแล้วนะคะ ซึ่งเดี๊ยนได้เขียนรีวิวก่อนหน้าไว้แล้วจากบทความลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2024/09/lonely-travel-helsinki-finland-backpacker.html
การเดินทางแบกเป้คนเดียวเที่ยวยุโรปทริปนี้ ยังไม่จบค่ะ เดี๊ยนขอแบกเป้เดินทางต่อมาเที่ยวยังเมืองทาลลินน์ เมืองหลวงของประเทศเอสโตเนีย อีกหนึ่งประเทศเล็กๆในทวีปยุโรป ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจให้ไปแวะชมเช่นกัน เดี๊ยนเลยขอจัดโปรแกรมเที่ยวประเทศเอสโตเนียสักครั้ง
เพราะใหนก็เดินทางมาเที่ยวถึงประเทศฟินแลนด์แล้ว และอีกอย่างจากเมืองเฮลซิงกิ ฟินแลนด์ ก็มีท่าเรือให้บริการข้ามฟากมาที่กรุงทาลลินน์เช่นกัน
ซึ่งการเดินทางด้วยเรือข้ามฟากจากประเทศฟินแลนด์ มาเที่ยวยังประเทศเอสโตเนียนั้น ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะมีเรือโดยสารให้บริการทุกๆวัน แต่ก็ต้องจองกันล่วงหน้านะคะ และอีกอย่างก็ไม่มีด่าน ตม.ตรวจวีซ่าแต่อย่างใด สามารถใช้วีซ่าเชงเก้นได้เลยค่ะ
แต่ก่อนที่เราจะไปเที่ยวดูภาพแหล่งท่องเที่ยวสวยๆในเมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย เราก็มารู้จักและอ่านประวัติความเป็นมาของกรุงทาลลินน์กันก่อนสักน้อยค่ะ
|
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย (About Tallinn, Estonia) |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย (About Tallinn, Estonia)
สำหรับกรุงทาลลินน์ เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุด ของประเทศเอสโตเนีย โดยเมืองทาลลินน์ตั้งอยู่บนอ่าวทางตอนเหนือของเอสโตเนีย บนชายฝั่งอ่าวฟินแลนด์ของทะเลบอลติก มีประชากรประมาณ 461,000 คน (ข้อมูล ณ ปี พ.ศ. 2567) และเขตการปกครองตั้งอยู่ในเขตฮาร์จูมาคอนด์ (เคาน์ตี) ทาลลินน์เป็นศูนย์กลางของรัฐบาล การเงิน อุตสาหกรรม และวัฒนธรรมหลักของเอสโตเนีย อยู่ห่างจากเมือง Tartu ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 187 กม. (116 ไมล์) อย่างไรก็ตาม ห่างจากเฮลซิงกิ ฟินแลนด์ ไปทางใต้เพียง 80 กม. (50 ไมล์) ห่างจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซียไปทางตะวันตก 320 กม. (200 ไมล์) ห่างจากริกา ลัตเวียไปทางเหนือ 300 กม. (190 ไมล์) และทางตะวันออก 380 กม. (240 ไมล์) สตอกโฮล์ม, สวีเดน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 จนถึงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ทาลลินน์เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกโดยใช้ชื่อทางประวัติศาสตร์อื่น ๆ
|
กรุงทาลลินน์มีบริษัทสตาร์ทอัพต่อคนมากที่สุดในบรรดาเมืองหลวงและเมืองใหญ่ทั้งหมดในยุโรป |
โดยในปี 2012 กรุงทาลลินน์มีบริษัทสตาร์ทอัพต่อคนมากที่สุดในบรรดาเมืองหลวงและเมืองใหญ่ทั้งหมดในยุโรป
อีกทั้งในเมืองยังเป็นแหล่งกำเนิดของบริษัทเทคโนโลยีชั้นสูงระดับนานาชาติหลายแห่ง รวมถึง Skype และ Wise เมืองนี้เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของหน่วยงานด้านไอทีของสหภาพยุโรปและศูนย์ความเป็นเลิศด้านการป้องกันทางไซเบอร์ของ NATO ในปี พ.ศ. 2550 ทาลลินน์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 10 เมืองดิจิทัลชั้นนำของโลก และในปี พ.ศ. 2565 ทาลลินน์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 10 "เมืองขนาดกลางแห่งอนาคตของยุโรปอีกด้วย
ทาลลินน์มีเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายสูง โดยมีจุดแข็งในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ มากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของเอสโตเนียถูกสร้างขึ้นในทาลลินน์ ในปี 2008 GDP ต่อหัวของทาลลินน์อยู่ที่ 172% ของค่าเฉลี่ยเอสโตเนีย
|
สิ่งที่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของทาลลินน์นั้นตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าทาลลินน์ (แบ่งออกเป็น "เมืองตอนล่าง" และเนินเขา Toompea) |
และสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของทาลลินน์นั้นตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าทาลลินน์ (แบ่งออกเป็น "เมืองตอนล่าง" และเนินเขา Toompea) ซึ่งสามารถเดินเที่ยวและถือแผนที่ท่องเที่ยวสำรวจแหล่งท่องเที่ยวต่างๆด้วยตัวเองได้อย่างง่ายดาย ส่วนทางตะวันออกของเมือง โดยเฉพาะเขต Pirita (ซึ่งมี Pirita Convent) และเขต Kadriorg (พร้อมพระราชวัง Kadriorg) ก็เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมเช่นกัน
และพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเอสโตเนียใน Rocca al Mare ทางตะวันตกของเมือง ยังคงรักษาแง่มุมต่างๆ ของวัฒนธรรมชนบทของเอสโตเนีย และสถาปัตยกรรม ย่านชานเมืองที่เต็มไปด้วยป่าทางประวัติศาสตร์ เช่น Kalamaja, Pelgulinn, Kassisaba และ Kelmiküla และพื้นที่อุตสาหกรรมที่ได้รับการฟื้นฟู เช่น Rotermanni Quarter, Noblessner และ Dvigatel เป็นสถานที่ที่มีเอกลักษณ์ให้เยี่ยมชมเช่นกัน
|
การเดินทางด้วยรถบัสโดยสารในเมืองทาลลินน์ สามารถใช้บัตร Debit Travel Card ที่ทำมาจากเมืองไทย ใช้แตะบัตรจ่ายบนรถโดยสารได้เลย เรียกว่าสะดวกมากๆ |
|
ส่วนค่าโดยสารจากรูปภาพตามป้ายระบุเป็นภาษาเอสโตเนียน เริ่มต้น 1 ชั่วโมง ค่าโดยสารอยู่ที่ 2 ยูโรค่ะ |
ส่วนการเดินทางด้วยเรือโดยสารนั้น มีบริษัทเรือเป็ฺนผู้ให้บริการเรือข้ามฟากหลายราย ได้แก่ Viking Line, Tallink และ Eckerö Line เชื่อมต่อทาลลินน์ไปยังเฮลซิงกิ มารีฮามน์ สตอกโฮล์ม และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เส้นทางผู้โดยสารเชื่อมต่อทาลลินน์กับเฮลซิงกิ (83 กม. (52 ไมล์) ทางเหนือของทาลลินน์) ในเวลาประมาณ 2–3.5 ชั่วโมงโดยเรือเฟอร์รี่ โดยมีจุดผ่านแดนสูงสุดแปดเที่ยวต่อวันตลอดทั้งปี ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนกรุงทาลลินน์อย่างไม่ขาดสาย
หลังจากที่ได้อ่านสาระเล็กๆน้อยเกี่ยวเมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนียกันไปแล้ว ก็ตามไปดูภาพรีวิวท่องเที่ยวกันเลยจ้า
|
เช็คเอาท์เดินทางออกจากโรงแรมในเมืองเฮลซิงกิ แล้วก็นั่งบัสโดยสารมาลงที่สถานีรถไฟ เมื่อมายืนรถขึ้นรถรางไฟฟ้าไปยังท่าเรือค่ะ |
เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ เขียนต่อจากบทความตอนที่แล้ว : https://khunnaiver.blogspot.com/2024/09/lonely-travel-helsinki-finland-backpacker.html
การเดินทางไปเที่ยวประเทศเอสโตเนียทริปนี้ เดี๊ยนเช็คเอาท์เดินทางออกจากโรงแรมในเมืองเฮลซิงกิ แล้วก็นั่งบัสโดยสารมาลงที่สถานีรถไฟ เมื่อมายืนรถขึ้นรถรางไฟฟ้าไปยังท่าเรือค่ะ
ซึ่งจากหน้าสถานีรถไฟจะมีรถรางให้บริการมายังท่าเรือตลอดทั้งวันเลยค่ะ
|
สามารถปักหมุดดูขบวนใน Google Map ได้ค่ะ จะมีขบวนหมายเลขรถรางให้ตามภาพเลยจ้า |
ส่วนเพื่อนๆคนใหนที่ยังสับสนและงงๆ ไม่รู้ว่าจะขึ้นขบวนใหนดี สามารถปักหมุดดูขบวนใน Google Map ได้ค่ะ จะมีขบวนหมายเลขรถรางให้ตามภาพเลยจ้า
|
สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำการเช็คอินค่ะ แต่เจ้าหน้าที่บอกให้ไปเช็คอินกับเครื่องอัตโนมัติค่ะ |
และเมื่อเดินทางเข้ามาที่ท่าเรือแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำการเช็คอินค่ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่เคาว์เตอร์ ก็บอกให้เดี๊ยนนำหมายเลข Booking Number Ferry ที่ได้จากการจองทางออนไลน์ มากรอกในตู้เช็คอินได้เลยค่ะ
|
นำหมายเลขการจองที่ได้ซื้อผ่านทางเว็ปไซต์ออนไลน์มาใส่ค่ะ ซึ่งในตู้จะมีขั้นตอนและภาษาให้ทำตามเลจ้า |
โดยตู้เครื่องเช็คอินอัตโนมัติค่ะ เราก็ต้องนำหมายเลขการจองมาใส่ ซึ่งในตู้จะมีขั้นตอนและภาษาให้ทำตามเลจ้า
|
โดยราคาที่เดี๊ยนจองล่วงหน้าทางเว็ปไซต์ออนไลน์ ซึ่งราคาเรือจากเฮลซิงกิ ไปกรุงทาลลินน์ ค่าเรืออยู่ที่ 24 ยูโร แต่หากจองล่วงหน้าเนิ่นๆเป็นเดือนๆ ราคาเรือจะถูกมากๆ ใครที่วางแผนมาเนิ่นๆ จองไว้ก่อน ก็จะประหยัดเงินได้เยอะทีเดียว |
พอใส่หมายเลข Booking ไปแล้ว ก็จะได้บัตรออกมาตามภาพเลยค่ะ ซึ่งค่าเรือโดยสารต้องทำการจองทางออนไลน์มาล่วงหน้าแล้วนะคะ ราคาจองจะถูกกว่า มาซื้อที่ท่าเรือค่ะ โดยราคาที่เดี๊ยนจองล่วงหน้าจะเดินทางมาประมาณ 5 วันค่ะ ราคาเรือจากเฮลซิงกิ ไปกรุงทาลลินน์ เอสโตเนียอยู่ที่ 24 ยูโรค่ะ
เมื่อได้บัตรหรือตั๋วเรือโดยสารแล้ว ก็เอามาแตะที่ประตู้เพื่อเข้าไปด้านใน อาคารเรือขาออกค่ะ
|
อาหารมื้่อเที่ยง ทำมาจากครัวที่โรงแรม พกใส่กล่องมาทาน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องของกินได้เยอะเลย |
เมื่อเดินทางเข้้ามาแล้ว ระหว่างที่รอเรือออก ก็สามารถนำอาหารออกมาทานได้นะคะ ด้านในอาคารท่าเรือมีร้านอาหารเปิดขาย หรือสามารถนำอาหารด้านนอกมาทานได้ค่ะ
เมื่อได้ยินเสียงประกาศ ก็ได้เวลาขึ้นเรือโดยสารข้า่มฟากไปยังประเทศเอสโตเนียค่ะ ซึ่งเรือที่เดี๊ยนเลือกใช้บริการคือเรือของ Eckerö Line | MS Finlandia ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือเฟอรี่ ราคาประหยัด ที่ให้บริการข้ามไปยังประเทศเอสโตเนียค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกับอีก 30 นาทีค่ะ
ออกจากท่าเรือในเมืองเฮลซิงกิมาไม่นานนัก ฝนก็ตกโปรยปรายลงมาอย่างหนักเลยค่ะ
|
ด้านในตัวเรือก็มีบริการอาหารและเครื่องดื่มแก่ผู้โดยสารอีกด้วยค่ะ |
แต่ในลำเรือก็มีบริการโดยสารคล้ายๆกับเรือสำราญขนาดใหญ่เลยนะคะ มีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการอย่างจุใจ อยากทานอะไรไปเดินเลือกและสั่งซื้อทานได้
|
ใช้เวลานั่งเรือจากเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์มาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถือกรุงทาลลิน ประเทศเอสโตเนียแล้วล่ะค่ะ |
ซึ่งระยะเวลาในการเดินทางจากเมืองเฮลซิงกิ มาที่เมืองทาลลินน์ เมืองหลวงของประเทศเอสโตเนีย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงแล้วค่ะ
เดินเข้ามายังอาคารผู้โดยสารขาเข้าเมืองทาลลินน์
ส่วนตัวเดี๊ยนเดินทางแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวประเทศเอสโตเนียครั้งแรก ก็จะงงๆ ไม่รู้่จะเริ่มต้นไงดี เลยมาเปิดอ่านไกด์ไลน์หรือหนังสือแนะนำการเดินทางในเมืองทาลลินน์ก่อนค่ะ หากมาเที่ยวทาลลินน์ครั้งแรก จะเดินทางไปโรงแรมอย่างไร
|
ก่อนจะเดินทางมา ก็มีการติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่โรงแรมที่ทาลลินน์ บอกว่า สามารถเดินแบกเป้จากท่าเรือมาได้ไม่ไกลค่ะ ประมาณ 1 กิโลเมตร จะได้ไม่ต้องเสียค่าแท๊กซี่ ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าไปอีก |
ซึ่งจากท่าเรือไปยังตัวโรงแรมนั้น ก็อยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะเดินทางมา ก็มีการติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่โรงแรมที่ทาลลินน์ บอกว่า สามารถเดินแบกเป้จากท่าเรือมาได้ไม่ไกลค่ะ ประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ
เดินออกมาตั้งหลักหน้าอาคารท่าเรือทาลลินน์ เพือเปิด GPS ไปยังโรงแรมที่พักในคืนนี้ ซึ่งวันที่ไปเที่ยวฝนก็ตกโปรยปรายลงมาเรื่อยๆ
เดินเท้าแบกเป้ออกจากท่าเรือมา ท่ามกลางฝนตกเปาะแปะและลมทะเลที่พัดเย็นยะเยือกมากๆ ขนาดมาเที่ยวฤดูร้อน ลมยังหนาวขนาดนี้ ท่ามาฤดูหนาว เดี๊ยนว่าหน้าชาแน่ๆค่ะ
เดินมาถึงย่านเมืองเก่าแล้วค่ะ ค่อยๆเปิด GPS ในมือถือเพื่อคลำหาเส้นทางไปยังโรงแรมที่พัก เวลาเดินทางไปเที่ยวที่ใหน สนุกตรงหาพิกัดโรงแรมให้เจอนี้แหละค่ะ
|
โรงแรมที่เดี๊ยนพักค้างคืนในเมืองทาลลินน์ โรงแรมมีชื่อว่า อิเมจินารี โฮสเทล (Imaginary Hostel) เป็นโรงแรมเล็กๆตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า ไม่ไกลจากท่าเรือมากนัก |
ในที่สุดก็ถึงทางเข้าหน้าโรงแรมแล้วค่ะ ซึ่งโรงแรมที่เดี๊ยนพักค้างคืนในเมืองทาลลินน์ โรงแรมมีชื่อว่า อิเมจินารี โฮสเทล (Imaginary Hostel) เป็นโรงแรมเล็กๆตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า ไม่ไกลจากท่าเรือมากนัก ซึ่งป้ายโรงแรมก็เล็กมากๆนะคะ ใครที่เดินทางมา แนะนำว่าต้องสังเกตุดีๆ
เดินเข้ามาด้านในถึงได้เห็นป้ายโรงแรมติดไว้ค่ะ เพราะถ้าเดินมาจากด้านนอก จะไม่เห็นป้ายชื่อโรงแรมนะคะ เดี๊ยนแบกเป้มาถึง ก็งวยงง แหงนหน้าหาป้ายโรงแรมอยู่ด้านนอกนานพอสมควร
พอมาถึงก็ต้องเดินแบกเป้ไปตามบันไดขึ้นไปด้านบนอีกค่ะ เพราะจุดเช็คอินน์อยู่ด้านบนจ้า
เมื่อเปิดประตูมาถึงก็จะเป็นล็อบบี้โอ่โถ่งพอสมควรค่ะ มีโซฟาและมุมให้นั่งพักอยู่หลายมุมค่ะ
ติดๆกับล็อบบี้ก็เป็นห้องครัวให้ทำอาหารทานได้ด้วย
|
ห้องพักเตียงนอนรวมภายในโรงแรมอิเมจินารี โฮสเทล (Imaginary Hostel ในห้องมีทั้งหมดน่าจะ 10 ว่าเตียงได้ค่ะ นอนรวมกัน ราคาตกคืนละ 1,020 บาท ราคาห้องพักถูกกว่าที่ประเทศฟินแลนด์มากๆ
|
ส่วนห้องพักที่เดี๊ยนเลือกพักก็เป็น ห้องพักเตียงนอนรวมค่ะ ในห้องมีทั้งหมดน่าจะ 10 ว่าเตียงได้ค่ะ นอนรวมกัน ราคาตกคืนละ 1,020 บาท ถือว่าราคาถูกว่าที่พักในประเทศฟินแลนด์มากๆ
เตียงนอนสำหรับนักแบกเป้ก็จะประมาณนี้ค่ะ เน้นนอนพักชั่วคราวแบบง่ายๆ ในห้องมีโคมไฟให้
ด้านล่างของเตียง มีตู้ลินชักเป็นล็อกเกอร์ให้ใส่กระเป๋าหรือของมีค่าได้
และมีผ้าปูที่นอนกับปลอกผ้านวมให้ ซึ่งต้องจัดและปูเอง พอจะเช็คเอาท์ก็ต้องนำผ้าปูที่ใช้แล้วไปคืนค่ะ
ส่วนห้องน้ำของโรงแรม อิเมจินารี โฮสเทล (Imaginary Hostel) ก็เป็นห้องน้ำรวม แยกชายหญิง
โดยภายในห้องน้ำก็สะอาดสะอ้านดีมาก มีแม่บ้านทำความสะอาดตลอด
|
ที่ชอบที่สุดคงเป็นห้องครัวส่วนกลาง ที่สามารถซื้อของกิน จากซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆกับโรงแรมมาทำอาหารทานเองได้ง่ายๆ |
และที่ชอบที่สุดคงเป็นห้องครัวส่วนกลาง ที่สามารถซื้อของกิน จากซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆกับโรงแรมมาทำอาหารทานเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องไปหาซื้อทานข้างนอก
|
ห้องครัวส่วนกลางของโรงแรม สามารถทำอาหารทานเองได้ |
โดยในห้องครัวก็มีอุปกรณ์ถ้วย จาน ชาม ช้อนครบ แต่ที่สำคัญก็คือ ของที่แช่ในตู้เย็น ต้องเขียนชื่อและวันเช็คเอาท์ตลอด เพราะถ้าไม่เขียน แม่บ้านของโรงแรมจะเคลียตู้เย็น และนำของกินไปทิ้งได้
หลังจากนำกระเป๋าไปไว้ที่ห้องพักของโรงแรมแล้ว ก็ได้เวลาออกไปซื้ออะไรทานค่ะ
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรม แนะนำว่ามีซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก เดินเท้ามาได้ประมาณ 100 เมตรค่ะ
สามารถซื้อทั้งของสด หรือของแห้ง จากซุปเปอร์มาเก็ตไปทำอาหารทานเองที่ห้องครัวส่วนกลางของโรงแรมได้ค่ะ ถือว่าเป็นการประหยัดค่ากินไปได้เช่นกัน แถมได้ทานอาหารอิ่มท้องด้วย
|
เดินเท้าจากโรงแรมมาไม่ไกล เป็นจุดประชาสัมพันธ์แนะนำแหล่งท่องเที่ยวในเมืองทาลลินน์ |
หลังจากที่ได้รีวิวห้องพักของโรงแรมไปแล้ว ต่อมาก็ได้เวลาเดินทางออกไปท่องเที่ยวในเมืองทาลลินน์แล้วล่ะค่ะ
เดินเท้าตรงจากโรงแรมมาไม่ไกล ประมาณ 100 เมตรจะเป็นจุดประชาสัมพันธ์ ซึงมีเจ้าหน้าทีแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองทาลลินน์ให้เราด้วยค่ะ
|
จากรูปภาพที่ทางเจ้าหน้าที่ใช้ปากกาสีน้ำเงิน วงแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในย่านเมืองเก่าทาลลินน์ให้สามารถเดินเท้าเที่ยวชมเมืองได้ด้วยตัวเองใน 1 วันค่ะ |
ซึ่งจากภาพแผนที่ตามลายปากกาสีน้ำเงิน ที่ทางเจ้าหน้าที่ใช้ปากกาวงไว้นั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในย่านเมืองเก่าทาลลินน์ที่สามารถเดินเท้าและไปเที่ยวได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆเลยค่ะ เพราะว่าจุดที่เที่ยวแต่ละแห่งอยู่ไม่ไกลกัน เดินเท้าไปได้ไม่ไกล และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็มักจะนิยมเดินเที่ยวหรือ Sightseeing ชมเมืองกันเป็นจำนวนมากค่ะ
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นในเมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย ที่สามารถเดินเที่ยวได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ มีดังนี้
|
1.เมืองเก่าทาลลินน์ (เอสโตเนีย: Tallinna vanalinn หรือ Tallinn old town) ย่านเมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศเอสโตเนีย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1997
|
|
1.เมืองเก่าทาลลินน์ (เอสโตเนีย: Tallinna vanalinn หรือ Tallinn old town) ย่านเมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศเอสโตเนีย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1997
|
|
1.เมืองเก่าทาลลินน์ (เอสโตเนีย: Tallinna vanalinn หรือ Tallinn old town) ย่านเมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศเอสโตเนีย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1997
|
|
1.เมืองเก่าทาลลินน์ (เอสโตเนีย: Tallinna vanalinn หรือ Tallinn old town) ย่านเมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศเอสโตเนีย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1997 |
|
1.เมืองเก่าทาลลินน์ (เอสโตเนีย: Tallinna vanalinn หรือ Tallinn old town) |
|
1.เมืองเก่าทาลลินน์ (เอสโตเนีย: Tallinna vanalinn หรือ Tallinn old town) |
|
1.เมืองเก่าทาลลินน์ (เอสโตเนีย: Tallinna vanalinn หรือ Tallinn old town) |
1.เมืองเก่าทาลลินน์ (เอสโตเนีย: Tallinna vanalinn หรือ Tallinn old town) เป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย เมืองเก่าของทาลลินน์สามารถรักษาโครงสร้างของยุคกลางและต้นกำเนิดของ Hanseatic ได้อย่างสมบูรณ์ เมืองเก่าแสดงถึงผังเมืองที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศ และตั้งแต่ปี 1997 พื้นที่ดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO เมืองเก่าล้อมรอบด้วยกำแพงทาลลินน์ พื้นที่ของมันคือ 113 เฮกตาร์และมีเขตกันชน 2,253 เฮกตาร์
โครงสร้างเมืองเก่าทาลินน์แห่งนี้ ส่วนใหญ่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13-16 และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของเมืองเก่าทาลลินน์นั้น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่กองทัพเยอรมันเข้ายึดครองเอสโตเนียในปี พ.ศ. 2484-2487 เมืองเก่าทาลลินน์ต้องทนทุกข์ทรมานจากเหตุระเบิดทางอากาศหลายครั้งโดยกองทัพอากาศโซเวียต ระหว่างการโจมตีทิ้งระเบิดของโซเวียตที่มีการทำลายล้างมากที่สุดในวันที่ 9–10 มีนาคม พ.ศ. 2487 มีการทิ้งระเบิดเพลิงกว่าพันครั้งลงบนทาลลินน์ ทำให้เกิดไฟไหม้อย่างกว้างขวาง ทำลายอาคารประมาณ 10% ในย่านเมืองเก่า คร่าชีวิตผู้คนไปหลายร้อยคน และทำให้ผู้คนกว่า 20,000 คนไม่มีที่พักพิง
และหลังจากช่วงสงครามโลกสงบลง ทางรัฐบาลก็ได้มีการปรับปรุงและดูแลรักษาเมืองเก่าแห่งนี้มีความสมบูรณ์ขึ้นมาอีกครั้ง จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและดึงดูดนักเดินทางมาเที่ยวเมืองทาลลินน์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงสำคัญของของประเทศเอสโตเนียอย่างไม่ขาดสาย .
|
2.ศาลาว่าการเก่าแก่ย่านเมืองเก่าเมืองทาลลินน์ (Tallinn Town Hall) |
|
2.ศาลาว่าการเก่าแก่ย่านเมืองเก่าเมืองทาลลินน์ (Tallinn Town Hall) |
|
2.ศาลาว่าการเก่าแก่ย่านเมืองเก่าเมืองทาลลินน์ (Tallinn Town Hall) |
|
2.ศาลาว่าการเก่าแก่ย่านเมืองเก่าเมืองทาลลินน์ (Tallinn Town Hall) |
|
2.ศาลาว่าการเก่าแก่ย่านเมืองเก่าเมืองทาลลินน์ (Tallinn Town Hall) |
2.ศาลาว่าการเก่าแก่ย่านเมืองเก่าเมืองทาลลินน์ (Tallinn Town Hall)
ศาลากลางทาลลินน์ (เอสโตเนีย: Tallinna raekoda) เป็นอาคารในย่านเมืองเก่า (Vanalinn) ของทาลลินน์ (Reval) ประเทศเอสโตเนีย ติดกับจัตุรัสศาลาว่าการ อาคารนี้ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของจัตุรัสตลาดในยุคกลาง และมีความยาว 36.8 เมตร (121 ฟุต) กำแพงด้านตะวันตกยาว 14.5 เมตร (48 ฟุต) และด้านตะวันออกยาว 15.2 เมตร (50 ฟุต) เป็นอาคารสองชั้นพร้อมชั้นใต้ดินกว้างขวาง เป็นศาลากลางที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคทะเลบอลติกและสแกนดิเนเวีย
โดยศาลากลางซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 1530 เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองทาลลินน์ ความสูงของหอคอยคือ 64 เมตร ศาลากลางเมืองทาลลินน์ตั้งอยู่ที่จัตุรัสศาลาว่าการ โดยมีถนน Kullassepa, ถนน Dunkri และถนน Vanaturu kael เป็นผู้นำ ถนนสายหนึ่งที่สั้นที่สุดของทาลลินน์คือ Raekoja tänav ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังศาลากลาง
ศาลากลางถูกสร้างขึ้นโดยสิ่งที่เคยเป็นจัตุรัสตลาด จัตุรัสศาลากลางมีความยาวในปัจจุบันในช่วงทศวรรษที่ 1370 ศาลากลางจังหวัดปกคลุมด้วยหลังคาไม้กระดานในปี 1374 น่าจะเป็นอาคารหินชั้นเดียวและมีชั้นใต้ดิน ห้องใต้หลังคาถูกใช้เป็นห้องเก็บของ ด้านหน้าของอาคารที่ยาวและแคบนี้ปัจจุบันกลายเป็นผนังด้านหลังของอาร์เคด ซึ่งยังคงมองเห็นหน้าต่างกรอบรูปปั้นที่เรียบง่ายจากสมัยนี้อยู่
ในปี พ.ศ. 2548 ศาลากลางเมืองทาลลินน์ได้รับการยอมรับอย่างสูง - รางวัลที่สองในประเภทการอนุรักษ์มรดกทางสถาปัตยกรรมสำหรับการฟื้นฟูศาลาว่าการแบบโกธิกแห่งสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ในยุโรปเหนือ และการเปิดเผยตัวอย่างชั้นประวัติศาสตร์ทั้งหมดของสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่นี้ ประเพณียุโรปของอำนาจเทศบาล รางวัลนี้มอบให้กับ Elvira Liiver Holmström ผู้อำนวยการศาลากลางเมืองทาลลินน์โดยสมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสเปนในพิธีมอบรางวัล European Heritage Awards ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ที่ Palacio Real de El Pardo กรุงมาดริด เหรียญรางวัล Europa Nostra ได้รับการมอบให้แก่ศาลากลางเมืองทาลลินน์ในพิธีเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2549 โดย Siim Kallas รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และ Thomas Willoch สมาชิกคณะกรรมการของ Europa Nostra
|
3.มหาวิหารอะเลคซันดร์ เนฟสกี (Alexander Nevsky Cathedral) |
|
3.มหาวิหารอะเลคซันดร์ เนฟสกี (Alexander Nevsky Cathedral) |
|
3.มหาวิหารอะเลคซันดร์ เนฟสกี (Alexander Nevsky Cathedral) |
3.มหาวิหารอะเลคซันดร์ เนฟสกี (Alexander Nevsky Cathedral)
เป็นอาสนวิหารอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ ในใจกลางเมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย โดยโบสถ์เก่าแห่งแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1894 และ 1900 (พ.ศ. 2437-2443) เมื่อประเทศนี้เป็นส่วนหนึ่งของอดีตจักรวรรดิรัสเซีย อาสนวิหารแห่งนี้ มีลักษณณะเป็นโบสถ์ทรงโดมอันโดดเด่นที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ซึ่งพระสังฆราชอเล็กซีที่ 2 แห่งมอสโกผู้ล่วงลับไปแล้ว (พ.ศ. 2472-2551) เริ่มปฏิบัติศาสนกิจในฐานะปุโรหิตในอาสนวิหาร ในช่วงเวลาที่เอสโตเนียเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิรัสเซีย อาสนวิหารอะเลคซันดร์ เนฟสกี เป็นวิหารออร์โธดอกซ์แบบโดมที่ใหญ่ที่สุดของทาลลินน์ สร้างเพื่ออุทิศให้กับนักบุญอะเลคซันดร์ เนฟสกีซึ่งในปี 1242
ระหว่างการยึดครองเอสโตเนียของโซเวียตในปี พ.ศ. 2487-2534 เนื่องจากระบอบการปกครองของโซเวียตไม่มีศาสนาอย่างเป็นทางการ โบสถ์หลายแห่งรวมทั้งอาสนวิหารจึงอยู่ในสภาพทรุดโทรมอย่างมาก อาคารและการตกแต่งภายในได้รับการบูรณะอย่างพิถีพิถันอีกครั้ง นับตั้งแต่เอสโตเนียได้รับเอกราชอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1991
หลังจากที่เอสโตเนียกลายเป็นประเทศเอกราช รัฐสภาและรัฐบาลต้องหารือและพิจารณาถอดอาสนวิหารหลายครั้งตามคำเรียกร้องของประชาชน หลายครั้งในช่วงทศวรรษปี ค.ศ. 1920 และ 1930 อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการรื้อถอนอาคารหลังนี้
|
4.พิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองเก่า (Walls of Tallinn) แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองทาลลินน์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว |
|
4.พิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองเก่า (Walls of Tallinn) แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองทาลลินน์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว |
|
4.พิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองเก่า (Walls of Tallinn) แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองทาลลินน์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว |
|
4.พิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองเก่า (Walls of Tallinn) แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองทาลลินน์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว |
|
4.พิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองเก่า (Walls of Tallinn) แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองทาลลินน์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว |
|
4.พิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองเก่า (Walls of Tallinn) แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองทาลลินน์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว |
|
4.พิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองเก่า (Walls of Tallinn) แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองทาลลินน์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว |
|
4.พิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองเก่า (Walls of Tallinn) แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองทาลลินน์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว |
|
4.พิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองเก่า (Walls of Tallinn) แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองทาลลินน์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว |
|
4.พิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองเก่า (Walls of Tallinn) แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองทาลลินน์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว |
4.พิพิธภัณฑ์กำแพงเมืองเก่า (Walls of Tallinn) แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองทาลลินน์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว
กำแพงทาลลินน์เป็นกำแพงป้องกันยุคกลางที่สร้างขึ้นรอบเมืองทาลลินน์ในเอสโตเนีย จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมือง และยังเป็นหนึ่งในจุดชมวิวเมืองที่สวยงามเมืองทาลลินน์อีกแห่งด้วย
กำแพงแรกรอบทาลลินน์ ถูกให้สร้างโดย Margaret Sambiria ในช่วงปี 1265 จึงมีชื่อเรียกว่า 'กำแพงมาร์กาเร็ต' กำแพงนี้มีความสูงน้อยกว่า 5 เมตร (16 ฟุต) และหนาที่ฐานประมาณ 1.5 เมตร (4.9 ฟุต) นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีการขยายและเข้มแข็งขึ้น กำแพงและประตูหลายแห่งยังคงหลงเหลืออยู่เป็นส่วนใหญ่จนทุกวันนี้ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ย่านเมืองเก่าของทาลลินน์ให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
ทั้งนี้กำแพงได้รับการขยายใหญ่ขึ้นในศตวรรษที่ 14 และพลเมืองของทาลลินน์จำเป็นต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่เฝ้า ซึ่งหมายถึงต้องสวมชุดเกราะและแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเผชิญหน้ากับผู้รุกราน
|
5.พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอสโตเนีย (Art Museum of Estonia) อาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีสถาปัตยกรรมและสวนที่จัดตกแต่งอย่างสวยงาม กลายเป็นหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูปภาพของนักท่องเที่ยว |
|
5.พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอสโตเนีย (Art Museum of Estonia) อาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีสถาปัตยกรรมและสวนที่จัดตกแต่งอย่างสวยงาม กลายเป็นหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูปภาพของนักท่องเที่ยว |
|
5.พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอสโตเนีย (Art Museum of Estonia) อาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีสถาปัตยกรรมและสวนที่จัดตกแต่งอย่างสวยงาม กลายเป็นหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูปภาพของนักท่องเที่ยว |
|
5.พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอสโตเนีย (Art Museum of Estonia) อาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีสถาปัตยกรรมและสวนที่จัดตกแต่งอย่างสวยงาม กลายเป็นหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูปภาพของนักท่องเที่ยว |
|
5.พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอสโตเนีย (Art Museum of Estonia) อาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีสถาปัตยกรรมและสวนที่จัดตกแต่งอย่างสวยงาม กลายเป็นหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูปภาพของนักท่องเที่ยว |
|
5.พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอสโตเนีย (Art Museum of Estonia) อาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีสถาปัตยกรรมและสวนที่จัดตกแต่งอย่างสวยงาม กลายเป็นหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูปภาพของนักท่องเที่ยว |
|
5.พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอสโตเนีย (Art Museum of Estonia) อาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีสถาปัตยกรรมและสวนที่จัดตกแต่งอย่างสวยงาม กลายเป็นหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูปภาพของนักท่องเที่ยว |
|
5.พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอสโตเนีย (Art Museum of Estonia) อาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีสถาปัตยกรรมและสวนที่จัดตกแต่งอย่างสวยงาม กลายเป็นหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูปภาพของนักท่องเที่ยว |
|
5.พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอสโตเนีย (Art Museum of Estonia) อาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีสถาปัตยกรรมและสวนที่จัดตกแต่งอย่างสวยงาม กลายเป็นหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูปภาพของนักท่องเที่ยว |
5.พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอสโตเนีย (Art Museum of Estonia) อาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีสถาปัตยกรรมและสวนที่จัดตกแต่งอย่างสวยงาม กลายเป็นหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูปภาพของนักท่องเที่ยว
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอสโตเนีย (เอสโตเนีย: Eesti Kunstimuuseum) ก่อตั้งขึ้นในปี 1919 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เดิมตั้งอยู่ในพระราชวัง Kadriorg และได้ขยายออกไปในหลายพื้นที่ และปัจจุบันจัดแสดงผลงานศิลปะทั้งในระดับนานาชาติและระดับท้องถิ่น ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ในปี 1980 โดยอาคารแรกของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอสโตเนียได้ก่อตั้งขึ้น เริ่มตั้งแต่ปี 199 โดยห้องที่จัดนิทรรศการให้เรียนรู้และได้ชมมีโปรแกรมการศึกษาที่แตกต่างกันสำหรับเด็กและเยาวชน ในปี 1996 ห้องนิทรรศการบนชั้นหนึ่งของ Rotermann Salt Storage ได้เปิดขึ้น สาขานี้ปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548
|
6.จัตุรัสอิสรภาพกรุงทาลลินน์ (Freedom Square) |
|
6.จัตุรัสอิสรภาพกรุงทาลลินน์ (Freedom Square) |
|
6.จัตุรัสอิสรภาพกรุงทาลลินน์ (Freedom Square) |
|
6.จัตุรัสอิสรภาพกรุงทาลลินน์ (Freedom Square) |
6.จัตุรัสอิสรภาพกรุงทาลลินน์ (Freedom Square)
จัตุรัสเสรีภาพ (เอสโตเนีย: Vabaduse väljak) เป็นจัตุรัสทางตอนใต้สุดของเมืองเก่าในทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย ซึ่งเป็นที่ที่รัฐทำหน้าที่และจัดคอนเสิร์ตต่างๆ ทิศตะวันออกติดกับโบสถ์เซนต์จอห์น (สร้างเมื่อ พ.ศ. 2405–67) ทางใต้ติดกับถนน Kaarli Boulevard และศูนย์การค้าใต้ดิน (พ.ศ. 2551–2552) และทางทิศตะวันตกมีเสาชัยชนะ (พ.ศ. 2552) เพื่อรำลึกถึงสงครามเอสโตเนีย แห่งอิสรภาพ ค.ศ. 1918–1920
ซึ่งการออกแบบในปัจจุบันนั้น สร้างโดยสถาปนิก Tiit Trummal, Veljo Kaasik และ Andres Alver ก่อนปี 2553 เป็นลานจอดรถ มีพื้นที่ 7,752 ตร.ม.[1] โดยมีขนาดประมาณ. 110 ม. x 75 ม. จัดเป็นหนึงในสถานที่ท่องเที่ยวและะจุดถ่ายรูปเช็คอินที่สวยงามของเมืองทาลลินน์
|
7.โบสถ์เซ็นต์โอเลวิสเต ทาลลินน์ (St. Olaf's Church, Tallinn) |
|
7.โบสถ์เซ็นต์โอเลวิสเต ทาลลินน์ (St. Olaf's Church, Tallinn) |
|
7.โบสถ์เซ็นต์โอเลวิสเต ทาลลินน์ (St. Olaf's Church, Tallinn) |
|
7.โบสถ์เซ็นต์โอเลวิสเต ทาลลินน์ (St. Olaf's Church, Tallinn) |
|
7.โบสถ์เซ็นต์โอเลวิสเต ทาลลินน์ (St. Olaf's Church, Tallinn) |
7.โบสถ์เซ็นต์โอเลวิสเต ทาลลินน์ (St. Olaf's Church, Tallinn)
โบสถ์โอเลวิสเต หรือ โบสถ์เซนต์โอลาฟ (เอสโตเนีย: Oleviste kirik) ในเมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 และเป็นศูนย์กลางของชุมชนสแกนดิเนเวียเก่าแก่ในทาลลินน์ ก่อนที่เดนมาร์กจะพิชิตทาลลินน์ในปี 1219 การอุทิศตน เกี่ยวข้องกับพระเจ้าโอลาฟที่ 2 แห่งนอร์เวย์ (หรือที่รู้จักในชื่อนักบุญโอลาฟ, ค.ศ. 995–1030) บันทึกลายลักษณ์อักษรแรกที่ทราบเกี่ยวกับคริสตจักรนี้มีอายุย้อนกลับไปในปี 1267 และได้รับการสร้างขึ้นใหม่อย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 14
ในปี ค.ศ. 1590 หอคอยโบสถ์มีความสูงรวม 115.35–125 ม. หอคอยถูกฟ้าผ่าประมาณ 10 ครั้ง และโบสถ์ทั้งหมดถูกไฟไหม้สามครั้งตลอดการดำรงอยู่ หลังจากบูรณะใหม่หลายครั้ง ยอดแหลมของหอคอยก็สูง 123.8 เมตรแล้ว
โดยที่เที่ยวแต่ละแห่งก็อยู่ในย่านเมืองเก่า
เราสามารถเดินลัดเลาะตามตรอก ซอกซอยต่างๆด้วยตัวเองค่ะ
ซึ่งในย่านเมืองเก่านั้น มีจุดให้ถ่ายรูปภาพเช็คอินสวยๆหลายแห่งเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณอาคารศาลาว่าการเมืองทาลลินน์หลังเก่า ซึ่งเป็นจุดรวมพลของนักท่องเที่ยวที่จะมานัดกันที่นี่
หรือหากใครที่อยากชมวิวสวยๆ ก็สามารถเดินลัดเลาะตามกำแพงเมืองได้ค่ะ ซึงนอกจากเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีจุดนั่งพักชมวิวเมืองให้ชมกันอย่างเพลิดเพลินใจด้วย
|
ร้านขายช่อดอกไม้บูเก้สวยๆทางเข้าประตูเมืองเก่าทาลลินน์ มีดอกไม้สวยให้เลือกหลายแบบ |
ส่วนใครที่เดินมาตรงบริเวณประตูเมือง ก็จะมีร้านขายช่อดอกไม้สด จัดเป็นช่อบูเก้ไว้อย่างสวยงามให้ได้เลือกซื้อเอาไปให้คนที่เรารักหรือคนที่ห่วงหา เรียกว่าน่าจะเป็นปากคลองตลาดในเมืองทาลลินน์ก็ว่าได้
และในช่วงที่เดี๊ยนเดินทางมาเที่ยวนั้น ก็ตรงกับช่วงวันหยุดพอดี
โดยในช่วงวันหยุดจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีสีสันมากๆ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็จะเดินทางมาเที่ยวจากฟินแลนด์ และมาจากฝั่งประเทศรัสเซียก็มีมากเช่นกัน
ซึ่งในย่านท่องเที่ยวเมืองเก่า ซึงเป็นจุดรวมพลของนักท่องเที่ยว ก็จะขนาบไปด้วยร้านค้าเสื้อผ้า แฟชั่น และร้านขายอาหารและเครื่องดื่มมากมาย
ส่วนเพื่อนๆคนใหนที่ไม่อยากเดินให้เมื่อยเท้า ในเมืองก็มีบริการรถม้าให้บริการนั่งชมเมืองด้วย แต่เดี๊ยนก็ไม่ทราบแน่ชัด ว่าราคาเท่าไหร่ แต่น่าจะสมเหตุสมผลกับเมืองเก่าแห่งนี้ค่ะ และที่ขาดไม่ได้หากมาเที่ยวแล้ว ตามจุดชมวิวท่องเที่ยวต่างๆก็คับคั่งไปด้วยนักทองเที่ยวมายืนชมวิวกันเป็นจำนวนมากอยากให้รู้ว่าเยอะแค่ใหนๆ ดูเอาตามภาพเลยค่ะ ส่วนใหญ่เดินมากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ อารมมประมาณมีไกด์ทัวร์นำเที่ยวว่ามาถ่ายรูปตรงจุดนี้นะ ทำให้จุดชมวิวเมืองได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
แน่นอนว่าหากเดินทางมาในเมืองท่องเที่ยว ก็ต้องระมัดระวังตัวเองให้มากๆด้วยนะคะ เพราะจะมีมิจฉาชีพหรือโจรขโมยแฝงตัวอยู่ด้วยเช่น แต่ถ้าหากใครที่แบกเป้เดินเท้าเที่ยวรอบเมืองมาเหนือยๆ ในย่านเมืองเก่าก็มีร้านคาเฟ่เล็กๆน่ารักให้ไปนั่งจิบชากาแฟอยู่หลายแห่งเช่นกันค่ะ
โดยเฉพาะหากเพื่อนๆคนใหนที่เป็นคนชอบถ่ายรูป เดินตามตรอกซอกซอยเล็กๆจะเจอร้านคาเฟ่ซ่อนตัวอยู่ในหลึบ มีมุมให้นั่งถ่ายรูปสวยอีกด้วย
สำหรับบทความบล็อกที่ได้แบ่งปันข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวประเทศเอสโตเนีย โดยเฉพาะที่เที่ยวในเมืองทาลลินน์ ซึ่งได้นำมาแบ่งปันให้ดูกันในบทความนี้ น่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอบพระคุณที่เข้ามาคลิ๊กเปิดสไลด์อ่านกันค่ะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
0 ความคิดเห็น