Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

แบ่งปันรีวิวเที่ยวนอร์เวย์ เดินสรวลเสชมเมืองออสโล เมืองหลวงแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง

แบ่งปันทริปรีวิวแบกเป้คนเดียวไปเที่ยวนอร์เวย์ แวะชมเมืองออสโล เมืองหลวงแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวและจุดเช็คอินถ่ายรูปสวยๆอะไรบ้าง ตามไปดูกันจ้า




สวัสดีเพื่อนๆสายเที่ยวทุกคนค่ะ กลับมาอีกครั้งกับรีวิวบล็อกท่องเที่ยวประจำเดือน ที่จะมาย้ำเตือนตัวเองให้มาเขียนบล็อกบทความแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวรอบโลก มาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน เพื่อไม่ให้เสียเวลากับการพร่ำเพร้อ พรรณาของเดี๊ยนไปมากกว่านี้ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ หลังจากที่บทความก่อนหน้านี้ได้พาไปเที่ยวประเทศอังกฤษแล้ว จากเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2024/02/Backpack-travel-liverpool-city-Uk.html


บทความนี้ขอมาแบ่งปันการเดินทางไปเที่ยวกรุงออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ มาให้ได้เพื่อนได้สไลด์เลื่อนดูกัน เผื่อว่ามีข้อมูลสาระบางส่วนไม่ว่าจะเป็น ภาพการเดินทางของเครื่องบิน หรือภาพโรงแรมที่พักในเมืองออสโล ราคาถูกๆ น่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย 


ซึ่งการเดินทางแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวยุโรป และเป็นการเที่ยวในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย รอบที่สอง หลังจากเมื่อหลายปีก่อนโน้น ได้ไปเที่ยวประเทศเดนมาร์กแล้ว แต่ยังเก็บไม่หมด พอได้วันหยุดลาพักร้อน เดี๊ยนเลยขอปักหมุด มาเที่ยวประเทศนอร์เวย์สักครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะ เพราะใหนๆก็เดินทางมาถึงประเทศอังกฤษแล้ว 


ทริปนี้เลยต้องทำวีซ่าทั้งของประเทศอังกฤษเอง และทำวีซ่าในกลุ่มเชงเก้น โดยยื่นวีซ่ากับประเทศนอร์เวย์ เพราะเป็นประเทศแรกที่มาเที่ยวและเลือกอยู่นานที่สุดค่ะ 

โดยวางแผนนอนพักค้างแรมในเมืองออสโล 4 วัน 3 คืน ก่อนจะเดินทางไปเที่ยววเมืองอื่นต่อ เลยอยากมาแบ่งปันและเก็บเป็นบันทึกไดอารี่ความทรงจำ ว่าครึ่งหนึ่งคุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า เคยมาลั๊ลลาเที่ยวที่เมืองออสโลแล้ว วันนี้เลยอยากมาแบ่งปันการเดินทางและรูปภาพเล็กๆน้อยไว้ดูกันค่ะ



เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมในกรุงลอนดอน แบกเป้ใบใหญ่เดินทางไปสถานีรถไฟ เพื่อเดินทางไปสนามบินแกตวิก 


โดยตามแผนต้องไปเช็คอินล่วงหน้าที่สนามบินแกตวิทอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และทริปไปเที่ยวนอร์เวย์ วางแผนนอนพักค้างคืนในเมืองออสโล 4 วัน 3 คืนค่ะ 


สะพายกระเป๋าเป้ออกจากโรงแรม มาขึ้นรถไฟที่สถานี London Blackfriars เพื่อไปต่อที่สถานี Victoria 

ยืนรอรถไฟที่สถานี  London Blackfriars เป็นสถานีรถไฟที่สร้างข้ามแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอน 


นั่งรถไฟมาต่อที่สถานี Victoria  เพื่อเดินทางไปสนามบิน Gatwick ให้ทันเวลาเช็คอินค่ะ 



พอมาถึงสนามบินแกตวิก (Gatwick Airport) ก็หาจุดเช็คอินของสายการบินนอรเวเจียนแอร์ไลน์ก่อนเลยค่ะ ต้องรีบทำเวลามากค่ะ เพราะเหลือเวลาอีกแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น 



เดี๊ยนเองก็เกรงว่าจะตกเครื่อง ไม่ได้ไปนอร์เวย์  ไปถึงก็สอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อทำการโหลดกระเป๋าที่เคาวร์เตอร์ของสายการบิน  Norwegian Airline 

ตามป้ายเวลาที่จะไปออสโล จะแสดงตอนเวลา 14.32 น. ต้องกลับมาดูอีกรอบว่าได้ประตูหมายเลขอะไร

เมื่อทำการโหลดกระเป๋าเสร็จ ก็จะผ่านด่านตรวจสัมภาระค่ะ แนะนำว่าหากใครที่เดินทางจากสนามบินแกตวิก ไปยังประเทศอื่นๆในยุโรป ของเหลวต่างๆเขาจะให้แยกใส่ถุงใบเล็กๆหมดเลย ถ้าเกินกำหนด จะต้องทิ้งเท่านั้นนะคะ 

และพอผ่านด่านตรวจสัมภาระแล้ว ก็จะต้องมาตรวจหาประตูขึ้นเครื่อง หรือ Gate ว่าอยู่ช่องใหน ซึ่งจะมีป้ายแสดงอยู่ตามจุดต่างๆค่ะ 


โดยเวลาที่จะออกจากกรุงลอนดอนไป ออสโล เที่ยวเวลา 15.00 น. ซึ่งยังไม่แสดงค่ะ



ระหว่างที่รอหมายเลข Gate หรือชานชลาขึ้นเครื่องที่สนามบิน ก็ขอเติมพลังด้วยแซนวิชสักหน่อยค่ะ น่าจะเป็นอาหารที่ราคาถูกที่สุดในสนามบินแกตวิกแล้วค่ะ




ซึ่งในสนามบินก็มีสินค้าอื่นๆให้เลือกซื้อหลายแห่ง คล้ายๆกับ duty free shop เหมือนบ้านเรา



เมื่อได้หมายเลข Gate แล้ว ก็ต้องรีบเดินทางที่ประตูขึ้นเครื่องโดยเร็วค่ะ โดยเที่ยวบินที่เดินทางในวันนี้ delay ไปประมาณ 20 นาทีค่ะ กว่าเครื่องบินจะ Take off  จากสนามบิน London Gatwick ก็ปาไปเกือบ 15.30 นาทีเลยค่ะ 

ขึ้นมาบนเครื่องบินของสายการบิน Norwegain Airline ก็มีเมนูอาหารให้เลือกเช่นกัน เนื่องจากเป็นสายการบินราคาประหยัด


เมนูอาหารก็เป็นแซนวิชแรป และเมนูอาหารว่างต่างๆ ซึ่งทานกับไวน์แดงก็ได้



มีแผ่นแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการบริการของเครื่องบิน 


และยังมีบริการ WiFi ให้ด้วย แต่ว่าวันที่ไป ไม่สามารถใช้บริการ Wifi บนเครื่องบินได้จ้า


ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงจากกรุงลอนดอน ก็มาถึงสนามบินออสโล ประเทศนอร์เวย์แล้วค่ะ ช่วงที่ต้องผ่านด่าน ตม. เจ้าหน้าที่ถามด้วยว่า มาเที่ยวกี่วัน และเดินทางสิ้นสุดที่ประเทศอะไร ซึ่งต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ไปให้หมดค่ะ 



พอออกจากด่าน ตม.ก็มายืนรอรับกระเป๋า่ค่ะ 



แต่ต้องรอคิวกระเป๋านานอยู่สักพักได้ค่ะ ตอนแรกคิดว่า กระเป๋าน่าจะมาถึงก่อน เพราะตอนเข้าคิวรอที่ด่าน ตม.ก็ใช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน กลายเป็นว่า ต้องออกมายืนรอกระเป๋าอีกสักพักเลยค่ะ  



เนื่องจากเป็นการเดินทางมาเที่ยวกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ครั้งแรก เดี๊ยนเลยมาตั้งหลักเปิดใช้ Sim และดูแผนที่จะเดินทางจากสนามบินไปยังตัวเมืองด้านในค่ะ 



มาเดินดูแผนที่เส้นทางรถไฟที่ให้บริการในเมืองออสโล ซึ่งจากรูปจะเห็นรูปป้ายบริการ Airport Express Train ด้วย ซึ่งมีเที่ยวรถไฟให้บริการตลอด และรอไม่นานด้วย

แต่จากที่ไปดูในข้อมูล pantip มาบอกว่า ถ้าใครที่อยากจะประหยัด ให้นั่งรถไฟ Local train ก็มีเหมือนกัน และราคาถูก ไม่แพงด้วย 

และด้วยที่เวลาก็พลบค่ำแล้วด้วย เดี๊ยนเลยเลือกไปใช้บริการนั่งรถไฟ Airport express ซึ่งเป็นรถไฟที่ดูทันสมัยและหรูหราทีเดียวค่ะ มีที่นั่งสะดวกสบายน กว้างขวาง 

บรรยากาศช่วง 6 โมงเย็นที่นี่ ยังสว่างอยู่เลยค่ะ กว่าจะมืดค่ำก็คงจะ 3 ทุ่มได้ค่ะ 



ในที่สุดก็มาถึงสถานีรถไฟศูนย์กลาง Oslo S ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง 


ภายในสถานีรถไฟก็ค่อนข้างกว้างขวาง โอ่โถง และมีร้านค้า ร้านอาหารต่างๆให้บริการมากมาย เหมือนอยู่ในห้างสรรพสินค้าเลยค่ะ 


เดินออกมาตั้งหลักด้านหน้าสถานีรถไฟ Oslo Central station เพื่อเปิด Gps ในมือถือเดินเท้าไปยังโรงแรม 


ซึ่งโรงแรมที่เดี๊ยนจองไว้ ก็ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 1 กิโลเมตร ตอนแรกกะว่าจะนั่งรถรางไป แต่ว่ายังสับสนเกี่ยกับเส้นทางอยู่ เลยยอมแบกเป้ใหญ่ เลือกเดินไปดีกว่าค่ะ 


ซึ่งโรงแรมที่เดี๊ยนเลือกพัก ก็มานอนพักที่โรงแรม Anker Hostel ซึ่งน่าจะเป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่ราคาถูกที่สุดในกรุงออสโลแล้วค่ะ เพราะโรงแรมในเมืองออสโลส่วนใหญ่ ราคาก็คืนละ 3000 - 4000 บาทอัพทั้งนั้นเลยค่ะ 



ห้องพักที่โรงแรม Anker Hostel Oslo 

ส่วนห้องพักที่โรงแรม Anker hostel เป็นห้องพักนอนรวมกับคนอื่น ในห้องพักมี 4 เตียงค่ะ ราคาตกคืนละ 1,400 บาทต่อคน/คืน ถือว่าราคาไม่แพง ขนาดห้องพักถือว่ากว้างขวาง อารมณ์เหมือนอพาร์ทเม้นต์ แต่นำมาปรับแต่งเป็นโรงแรม และทำเป็นโฮสเทล มีเตียงแยกให้ลูกค้าได้มาใช้บริการในราคาประหยัด 



ภายในห้องพักก็ยังมีตู้เสื้อผ้า มีโซนครัวขนาดเล็กให้

โดยครัวขนาดเล็กก็สามารถทำอาหารทานเองได้นะคะ แต่อุปกรณ์จำพวกจานชานจะไม่มีให้ ถ้าอยากได้ ต้องไปติดต่อจ่ายค่ามัดจำกับเจ้าหน้าที่ จะมีอุปกรณ์มาให้ค่ะ 


ส่วนห้องน้ำก็กว้างขวางดีค่ะ เป็นห้องน้ำแบบฝักบัว หากจะปวดหนัก ปวดเบา ก็ต้องรอคิวให้เพื่อนร่วมห้องออกมาก่อน ถึงจะเข้าได้ ถ้าไม่อย่างนั้น ก็เดินลงไปที่ห้างน้ำที่ล็อบบี้ด้านล่างของโรงแรมค่ะ 


และสำหรับเรื่องอาหารการกิน ใกล้กับที่พักก็มีร้านสะดวกเล็กๆให้บริการด้วยค่ะ 


เดินเท้ามาเหนื่อยๆ ยังนึกไม่ออกว่าจะทานอะไรดี มื้อค่ำนี้เลยทานแฮมเบอร์ฮอทด็อกไปแทนค่ะ 

อรุณเบิกฟ้าเช้าวันใหม่ในกรุงออสโล อากาศตอนเช้าที่นี่เย็นสบายดีมากค่ะ 

เดินลงจากห้องพักมาติดต่อเพื่อขอเช้าอุปกรณ์หม้อกะทะถ้วยชามค่ะ 

โดยทางโรงแรมมีอุปกรณ์ให้บริการด้วยนะคะ ค่าบริการไม่แพง โดยต้องจ่ายค่ามัดจำจะได้คืนตอนเช็คเอ้าท์ค่ะ 

จำได้ว่าตอนเดินแบกเป้มาโรงแรมเมื่อวาน มีซุปเปอร์มาเก็ตและร้านขายผักอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมค่ะ ออกไปซื้อของมาทำทานเองดีกว่า

เนื่องจากในห้องพักมีห้องครัวให้ทำอาหารทานได้ และแขกร่วมห้องที่นอนด้วยกัน ก็ไม่มีใครทำกับข้าวทานกันเลย มีแต่ซื้ออาหารสำเร็จรูปมาทานกัน ส่วนเดี๊ยนเป็นคนชอบทำกับข้าวทาน น่าจะประหยัดกว่าเยอะ 

จำได้ว่าตอนเดินแบกเป้มาโรงแรมเมื่อวาน มีซุปเปอร์มาเก็ตและร้านขายผักอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมค่ะ เลยเดินออกไปซื้อหาไว้ไปทำทานที่ห้องครัว


เดินมาจากโรงแรมไม่ไกล มีร้านขายผักและผลไม้ต่างๆ 

แต่ที่สะดวกกว่าน่าจะเป็น ซุปเปอร์มาเก็ตที่มีชื่อว่า KIWI ซึงมีอาหารและของกินมากมายให้เลือกทานค่ะ 


เดี๊ยนไม่พลาดเลยจัดมาทำทานเองที่ห้องพักค่ะ  ถ้าเหลือก็แบ่งปันให้เพือนร่วมห้องทานด้วย 

โดยมื้อเช้านี้ ทำแซนวิชแฮม ทานคู่กับสลัดผัก ทานง่ายๆ ทำไว้เผื่อไว้ทานตอนกลางวันด้วย ประหยัดไปอีก 1 วัน เพราะว่าต้องเดินทางไปอีกหลายเมือง เกรงจะหมดเงินเสียก่อน 

ห้องครัวของโรงแรม ซื้อของมาทำทานเอง ประหยัดไปอีก 1 มื้อค่ะ

สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่เดินทางมาเที่ยวออสโล และเป็นสายแบกเป้ อยากประหยัด ก็แนะนำทำอาหารทานเองก็อิ่มมากๆเลยนะคะ 




และใกล้กับโรงแรมก็มีสวนสาธารณะ รายล้อมด้วยต้นไม้ให้ไปเดินและมีที่ให้นั่งพักผ่อนด้วย บรรยากาศดี อากาศเย็นสบายๆมาก อุณหภูมิช่วงกลางวันน่าจะประมาณ 20-25 องศา ไม่เกินนี้



หลังจากรีวิวสายการบินของ Norwegian และรีวิวห้องบางส่วนของโรงแรม Anker Hostel ไปแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาออกไปเดินท่องเที่ยวในเมืองออสโลแล้วล่ะค่ะ 

ซึ่งทางโรงแรมก็มีแผ่นที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่น่าสนใจในเมืองออสโล ให้เราสามารถเดินเท้าไปเช็คอินถ่ายรูปได้ด้วยตัวเองค่ะ  ส่วนจะมีแหล่งท่องเที่ยวอะไรบ้างนั้นเมืองออสโล สรุปมาให้อ่านกันดังนี้ค่ะ



รวมสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ ที่สามารถเดินเที่ยวได้ด้วยตัวเอง สรุปข้อมูลบางส่วนของที่พักในออสโส มาให้มีดังนี้ 


1.โรงละครออสโล โอเปร่า  (Oslo Opera House)

1.โรงละครออสโล โอเปร่า  (Oslo Opera House)

1.โรงละครออสโล โอเปร่า  (Oslo Opera House)

1.โรงละครออสโล โอเปร่า  (Oslo Opera House)

1.โรงละครออสโล โอเปร่า  (Oslo Opera House)

1.โรงละครออสโล โอเปร่า  (Oslo Opera House)



1.โรงละครออสโล โอเปร่า  (Oslo Opera House)

หนึ่งที่เที่ยวในเมืองออสโล เป็นจุดเช็คอินและสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อถ่ายรูปภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งในเมืองออสโล เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟใจกลางเมือง  อาคารหลังนี้ตั้งอยู่ในย่านBjørvika ใจกลางออสโล ตรงส่วนหัวของออสโลฟจอร์ด ดำเนินการโดย Statsbygg ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐบาลที่จัดการทรัพย์สินให้กับรัฐบาลนอร์เวย์ โครงสร้างประกอบด้วยห้อง 1,100 ห้องในพื้นที่ทั้งหมด 49,000 ตร.ม. (530,000 ตารางฟุต)[2] หอประชุมหลักรองรับได้ 1,364 ที่นั่ง และอีกสองพื้นที่แสดงสามารถรองรับได้ 200 และ 400 ที่นั่ง เวทีหลักกว้าง 16 ม. (52 ฟุต) และลึก 40 ม. (130 ฟุต) พื้นผิวด้านนอกที่ทำมุมของอาคารปูด้วยหินอ่อนจากคาร์รารา ประเทศอิตาลี และหินแกรนิตสีขาว ทำให้ดูเหมือนลอยขึ้นมาจากน้ำ เป็นอาคารทางวัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างขึ้นในประเทศนอร์เวย์



2.ป้อมปราการอาเคร์สฮูส (Akershus Fortress) 

2.ป้อมปราการอาเคร์สฮูส (Akershus Fortress) 

2.ป้อมปราการอาเคร์สฮูส (Akershus Fortress) 

2.ป้อมปราการอาเคร์สฮูส (Akershus Fortress) 

2.ป้อมปราการอาเคร์สฮูส (Akershus Fortress) 

2.ป้อมปราการอาเคร์สฮูส (Akershus Fortress) 

2.ป้อมปราการอาเคร์สฮูส (Akershus Fortress) 

2.ป้อมปราการอาเคร์สฮูส (Akershus Fortress) 




2.ป้อมปราการอาเคร์สฮูส (Akershus Fortress) 

สำหรับใครที่เดินทางมาเที่ยวออสโลครั้งแรก อยากสัมผัสประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ แนะนำมาเที่ยวชมป้อมปราการที่ปราสาทอาเคร์ฮูส ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่านใจกลางเมือง โดยตัวป้อมปราการด้านในเป็นปราสาทยุคกลางในเมืองหลวงออสโลของนอร์เวย์ ที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องและเป็นที่ประทับของราชวงศ์ในเมือง ตั้งแต่ยุคกลาง  และป้อมปราการจึงเป็นชื่อเดียวกันและเป็นศูนย์กลางของศักดินาหลักและเขตหลักในเวลาต่อมาคือ Akershus ซึ่งแต่เดิมเป็นหนึ่งในสี่ภูมิภาคหลักของนอร์เวย์ และรวมพื้นที่ส่วนใหญ่ของนอร์เวย์ตะวันออกด้วย 

ป้อมปราการแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในเทศมณฑลหลัก Akershus จนถึงปี 1919 และยังอยู่ในเทศมณฑลย่อย Akershus ที่เล็กกว่าจนถึงปี 1842 ปราสาทแห่งนี้ยังใช้เป็นฐานทัพทหาร เรือนจำ และปัจจุบันเป็นสำนักงานชั่วคราวของนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์



3.พระราชวังหลวงกรุงออสโล (Royal Palace, Oslo)

3.พระราชวังหลวงกรุงออสโล (Royal Palace, Oslo)

3.พระราชวังหลวงกรุงออสโล (Royal Palace, Oslo)

3.พระราชวังหลวงกรุงออสโล (Royal Palace, Oslo)

3.พระราชวังหลวงกรุงออสโล (Royal Palace, Oslo)

3.พระราชวังหลวงกรุงออสโล (Royal Palace, Oslo)

3.พระราชวังหลวงกรุงออสโล (Royal Palace, Oslo)

3.พระราชวังหลวงกรุงออสโล (Royal Palace, Oslo)



3.พระราชวังหลวงกรุงออสโล (Royal Palace, Oslo)

พระราชวังหลวง (นอร์เวย์: Slottet หรือ Det kongelige slott) ในออสโล สร้างขึ้นในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 19 เพื่อเป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งนอร์เวย์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จอห์น ซึ่งประสูติในฝรั่งเศส ซึ่งครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งนอร์เวย์และสวีเดน โดยพระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของกษัตริย์นอร์เวย์องค์ปัจจุบัน ในขณะที่มกุฏราชกุมารประทับอยู่ที่ Skaugum ใน Asker ทางตะวันตกของออสโล พระราชวังตั้งอยู่ที่ปลายสุดของประตูคาร์ล โยฮันส์ ในใจกลางออสโล และล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะพระราชวัง โดยมีจัตุรัสพระราชวังอยู่ด้านหน้า ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงและจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวต้องเดินทางมาเช็คอินกัน 


4.สวนสาธารณะฟรอกเนอร์ (Frogner Park) 

4.สวนสาธารณะฟรอกเนอร์ (Frogner Park) 

4.สวนสาธารณะฟรอกเนอร์ (Frogner Park) 

4.สวนสาธารณะฟรอกเนอร์ (Frogner Park) 


4.สวนสาธารณะฟรอกเนอร์ (Frogner Park) 

อีกหนึ่งสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงของกรุงออสโล ที่นักท่องเที่ยวต้องเดินทางมาถ่ายรูปกัน  สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของอดีตของ Frogner Manor และเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในออสโล ซึ่งเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ตลอดเวลา ประกอบด้วยคฤหาสน์ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ออสโล, ศาลา Henriette Wegner Pavilion ที่อยู่ใกล้เคียง, การจัดแสดงประติมากรรมใน Vigeland (นอร์เวย์: Vigelandsanlegget) ที่สร้างโดยประติมากร Gustav Vigeland, Frogner Baths, สนามกีฬา Frogner, Frognerparken Café, ร้านอาหาร Herregårdskroen และร้านที่ใหญ่ที่สุด รวบรวมดอกกุหลาบในประเทศ 14,000 ต้น 150 สายพันธุ์ Frogner Park เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในนอร์เวย์อีกด้วย หากใครที่เดินทางมาท่องเที่ยวในออสโลครั้งแรก ก็ไม่พลาดมาเดินเที่ยวชมสวนฟรอกเนอร์กัน



5.โบสถ์เก่าเมืองออสโล (Oslo Cathedral) 

5.โบสถ์เก่าเมืองออสโล (Oslo Cathedral) 

5.โบสถ์เก่าเมืองออสโล (Oslo Cathedral) 

5.โบสถ์เก่าเมืองออสโล (Oslo Cathedral) 



5.โบสถ์เก่าเมืองออสโล (Oslo Cathedral) 
วิหารที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้กับสถานีรถไฟและย่านการค้า  (นอร์เวย์: Vår Frelsers kirke) - เป็นโบสถ์หลักของคริสตจักรแห่งนอร์เวย์สังฆมณฑลแห่งออสโล โดยสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1694 ถึง 1697 
ภายในโบสถ์อาสนวิหารออสโลในปัจจุบันเป็นอาสนวิหารแห่งที่สามในเมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ แห่งแรกคืออาสนวิหารฮอลวาร์ดส์ สร้างขึ้นโดยพระเจ้าซีเกิร์ดที่ 1 แห่งนอร์เวย์ในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 12 และตั้งอยู่ข้างพระราชวังโอลด์บิชอปในออสโล ห่างจากอาสนวิหารในปัจจุบันไปทางตะวันออกประมาณ 1.5 กิโลเมตร (0.93 ไมล์)



6.ถนนคาร์ล โยฮันส์ เกท ถนนคนเดินช็อปปิ้งในกรุงออสโล (Karl Johans gate street shopping)

6.ถนนคาร์ล โยฮันส์ เกท ถนนคนเดินช็อปปิ้งในกรุงออสโล (Karl Johans gate street shopping)

6.ถนนคาร์ล โยฮันส์ เกท ถนนคนเดินช็อปปิ้งในกรุงออสโล (Karl Johans gate street shopping)

6.ถนนคาร์ล โยฮันส์ เกท ถนนคนเดินช็อปปิ้งในกรุงออสโล (Karl Johans gate street shopping)

6.ถนนคาร์ล โยฮันส์ เกท ถนนคนเดินช็อปปิ้งในกรุงออสโล (Karl Johans gate street shopping)

6.ถนนคาร์ล โยฮันส์ เกท ถนนคนเดินช็อปปิ้งในกรุงออสโล (Karl Johans gate street shopping)

6.ถนนคาร์ล โยฮันส์ เกท ถนนคนเดินช็อปปิ้งในกรุงออสโล (Karl Johans gate street shopping)

6.ถนนคาร์ล โยฮันส์ เกท ถนนคนเดินช็อปปิ้งในกรุงออสโล (Karl Johans gate street shopping)

6.ถนนคาร์ล โยฮันส์ เกท ถนนคนเดินช็อปปิ้งในกรุงออสโล (Karl Johans gate street shopping)



6.ถนนคาร์ล โยฮันส์ ถนนคนเดินช็อปปิ้งในกรุงออสโล (Karl Johans gate street shopping)

อีกหนึ่งเส้นถนนสายช็อปปิ็งมีชื่อเสียงในกรุงออสโล โดยประตูคาร์ล โยฮันส์เป็นถนนสายหลักของเมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ ถนนสายนี้ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จอห์น ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งสวีเดนในชื่อชาร์ลส์ที่ 14 จอห์น 

ประตูคาร์ล โยฮันส์ประกอบด้วยถนนเก่าแก่หลายสายซึ่งเคยเป็นทางสัญจรแยกจากกัน ส่วนด้านตะวันออกเป็นส่วนหนึ่งของเมืองดั้งเดิมของพระเจ้าคริสเตียนที่ 4 ใกล้กับเชิงเทินที่ล้อมรอบเมือง เมื่อกำแพงถูกถอดออกเพื่อหลีกทางให้กับอาสนวิหารออสโล สามส่วนที่แยกจากกันก็กลายเป็น Østre Gade ในที่สุด


และสำหรับข้อมูลรีวิวเที่ยวเมืองออสโลด้วยตัวเองคนเดียว ที่ได้นำเสนอในบทความนี้ เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น น่าจะมีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอบพระคุณที่เข้ามาคลิ๊กเปิดสไลด์อ่านกันค่ะ  หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไป...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น