 |
| แบ่งปันทริปแบกเป้เที่ยวประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ แวะไปเยือนกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงยิ่งใหญ่แห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง |
กลับมาอีกครั้งกับรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน ที่จะพาเพื่อนๆเดินทางไปเที่ยวทัศนาจร พักผ่อนชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังจากที่ห่างหายไปเป็นแรมเดือน เพราะมัวแต่ทำงานหาเงินอยู่ค่ะ รอบนี้ได้เวลาพักผ่อน เลยขอตะลอนบินลัดฟ้าไปเที่ยวกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงแผ่นดินใหญ่ในจีน ซึ่งหลังจากที่มีการประกาศให้ Free Visa ไปจีนได้ ก็ทำให้การเดินทางนั้นสะดวกมากยิ่งขึ้น และทริปนี้เดี๊ยนเลยก็วางแผนไปเที่ยวปักกิ่ง 5 วัน 4 คืน และนำภาพรีวิวการเดินทางมาและแหล่งท่องเที่ยวบางส่วนมาให้ได้อ่านกันค่ะ
สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางในทริปนี้
ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ รวม 12,320 บาท
ค่าที่พัก 4 คืน โรงแรม Cheermay Hotel รวม 8,340 บาท หาร 2 เหลือคนละ 4,170 บาท
ค่าเข้าพระราชวังต้องห้าม คนละ 80 หยวน ต้องจองและจ่ายล่วงหน้าทางออนไลน์เท่านั้น
ค่าเข้า Summer palace วังฤดูร้อน คนละ 60 หยวน
ค่าเข้าหอเทียนฟ้าคนละ 68 หยวน
ค่ารถไฟจากปักกิ่งไปด่านปาตาหลิงเพื่อไปชมกำแพงเมืองจีน ไป 46 หยวน กลับ 50 หยวน รวม 96 หยวน
ค่าเคเบิ้ลขึ้นไปกำแพงเมืองจีนทั้งขึ้นและลง รวม 288.40 หยวน
ค่าธรรมเนียมเข้ากำแพงเมืองจีนคนละ 40 หยวน
ค่ากิน+ค่าเดินทางด้วยรถไฟฟ้า+อื่นๆส่วนตัวอีกประมาณ 400 หยวน **ใช้ Alipay ในการจ่ายเงินสะดวกที่สุด เพราะในเมืองปักกิ่ง ไม่ค่อยมีร้านใหนใช้เงินสดเลย**
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1,032 หยวน x 5 บาท + 12,320+ 4,170 บาท = 21,650 บาท
 |
| สารน่ารู้เล็กๆน้อยเกี่ยวกับกรุงปักกิ่ง พอสังเขป |
สารน่ารู้เล็กๆน้อยเกี่ยวกับกรุงปักกิ่ง พอสังเขป
กรุงปักกิ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจีน เป็นเมืองหลวงสำคัญ มีบทบาทเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และเทคโนโลยีมาอย่างยาวนาน มีประวัติศาสตร์มากกว่า 3,000 ปี เคยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของราชวงศ์ต่างๆ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน เมืองนี้มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ตั้งแต่สมัยโบราณเนื่องจากมีภูเขาโอบล้อม จึงเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับเมืองหลวงของจักรวรรดิ ในปัจจุบัน ปักกิ่งยังคงพัฒนาอย่างรวดเร็วควบคู่ไปกับการอนุรักษ์มรดกทางประวัติศาสตร์ เพื่อรองรับการเป็นสากลและการพัฒนาในศตวรรษที่ 21 ศูนย์กลางการคมนาคมและเทคโนโลยี: เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยี การศึกษา และการคมนาคมที่สำคัญของจีน
เดิมชื่อเมืองเป่ยปิง (Beiping) แปลว่า สันติภาพแห่งทิศอุดร ต่อมาเปลี่ยนเป็นเป่ยจิง(Beijing) จักรพรรดิหย่งเล่อได้ย้ายฐานราชการจากนานกิงมายังปักกิ่งในศตวรรษที่ 13 และได้ปรับปรุงผังเมืองใหม่ทั้งหมด
มีภูมิประเทศส่วนใหญ่โอบล้อมด้วยมณฑลเหอเป่ย ยกเว้นทางตะวันออกเฉียงใต้ที่ติดกับนครเทียนจิน อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญของโลก เช่น กำแพงเมืองจีนและพระราชวังต้องห้ามที่กลายนเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มาเยือนอย่างไม่ขาดสาย

|
เริ่ม่ต้นการเดินทางทริปนี้ นั่งเครื่องบินออกจากสุวรรณภูมิ เวลา 10.30 น. ถึงกรุงปักกิ่งเวลา 16.00 น.
|
 |
| พอลงจากสนามบิน ก่อนจะเข้าไปด่าน ต.ม. ก็ทำการลงทะเบียนในตู้นี้ก่อนค่ะ มีภาษาให้เลือกด้วย |
 |
พอผ่านด่าน ต.ม. แล้วก็นั่งรถไฟจากอาคารผู้โดยสารขาเข้าที่ 3 ไปยังอาคาร 1
|
 |
| ส่วนการเดินทางจากสนามบินไปยังในตัวเมือง ที่สะดวกและประหยัดที่สุดคือ การเดินทางด้วยรถไฟ ซึ่งเส้นทางรถไฟใต้ดินในเมืองปักกิ่ง ครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่เลยค่ะ แบบว่าสะดวกมากๆ |
 |
| วันที่มาถึงปักกิ่ง ทำการดาวน์โหลด Alipayมาแล้ว แต่ยังใช้งานไม่ได้ เลยเลือกซื้อบัตรโดยสารผ่านตู้ขายบัตรก่อนค่ะ |
 |
| บัตรโดยสารรถไฟจากสนามบินเข้าไปยังตัวเมือง |
 |
| ซื้อบัตรแล้ว ยืนรอไม่นาน รถไฟก็มาถึงแล้วค่ะ |
 |
| นั่งรถไฟความจากสนามบินเข้าไปยังในเมือง เพื่อเข้าไปยังโรงแรมที่ได้จองไว้ |
 |
| จากนั้นก็มาดูป้ายสถานีรถไฟที่จะเชือมต่อไปยังโรงแรมที่พัก ซึ่งตอนนี้อยู่สายสีฟ้า จะเดินทางไปรถไฟสายสีแดง |
 |
| พอมาถึงก็เปลี่ยนไปนั่งรถไฟสายสีแดงต่อ ก็ต้องเดินอีกเกือบ 1 กิโลเมตรเลยค่ะ ต้องขยันเดินมากๆ เรียกว่าได้ออกกำลังกายไปในตัว ทั้งลากกระเป๋า ทั้งดูป้ายสถานีรถไฟ |
 |
| จากนั้นก็มาสังเกตุป้ายสถานีที่จะไปยังโรงแรมต่อค่ะ |
 |
| ในที่สุดก็มาถึงโรงแรมสักทีค่ะ ซึ่งโรงแรมที่เดี๊ยนพักทริปนี้ นอนที่โรงแรม Cheermay Hotel โรงแรมคืนละ 2,100 บาท รวมอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์สำหรับนอน 2 คน |
 |
| โดยห้องพักที่เดี๊ยนได้จองไว้ เป็นห้องพัก 2 เตียงค่ะ |
 |
| ขนาดห้องพักถือว่าไม่ได้กว้างมากนัก แต่ก็ไม่คับแคบจนเกินไป |
 |
| ภายในห้องพักมีทีวีจอแบน ห้องแอร์ สะอาดสะอ้านดีค่ะ |
 |
| ห้องน้ำก็กว้างขวาง แบ่งเป็นโซนเปียกและโซนแห้ง แต่ไม่มีสายฉีดตูดนะคะ |
 |
| ห้องอาบน้ำโซนเปียก |
 |
| ห้องส้วมของโรงแรม |
 |
| ภายในห้องพักก็มีชากาแฟและมีน้ำดื่มให้ฟรี มีรองเท้าสลิปเปอร์ มีผ้าขนหนู และชุดแปรงสีฟันให้ด้วย |
 |
| หลังจากดูห้องพักไปแล้ว ต่อไปก็มาดูอาหารเช้าของโรงแรมต่อค่ะ ห้องพักรวมอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ให้ทานฟรี อาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม ก็มีอาหารเช้าให้ทานเช่นกันค่ะ |
 |
| อาหารเช้าของโรงแรม ถือว่าจัดเต็มมาก แม้ไม่อลังการเหมือนโรงแรมหรูหรา แต่ก็มีอาหารให้เลือกกินจนอิ่มเลยค่ะ |
 |
| ภาพไลน์อาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม ที่เป็นอาหารเช้าแบบจีนจริงๆค่ะ |
 |
| เน้นไปทางนึ่งๆ ผัดๆค่ะ ไม่มีกะทิ นะคะ |
 |
| เน้นไปทางผัดๆ เลี่ยนน้ำมันหน่อย แต่รสชาติอร่อยๆทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะ ผัดผัดกว้างตุ้ง และผัดกำหล่ำปลี เหมือนแช่น้ำปลาเลย เค็มๆมัน ทานคู่กับข้าวสวยๆ คือเริ่ด |
 |
| ข้าวผัด ก็อร่อย ข้าวร่วนๆติดกลิ่นไหม้ของกะทะ ไม่เลี่ยนเกินไป อร่อยๆค่ะ |
 |
| มีปาท่องโก๋ ขนมไข่หงส์ไส้ถั่วแดง |
 |
| มีน้ำเต้าหู้ร้อนๆ และกาแฟให้ทานด้วยค่ะ |
 |
| อาหารมื้อเช้าของโรงแรม |
 |
| ผัดผัดขาดไม่ได้เลย |
 |
| ทานอาหารเช้าของโรงแรมก็อิ่มไปตลอดทั้งวันค่ะ |
 |
| ส่วนอาหารมื้อเย็น เมื่อมาถึงปักกิ่ง ก็พลาดไม่ได้ที่จะต้องไปลิ้มลองเป็ดปักกิ่ง เป็นอาหารพื้นถิ่นขึ้นชื่อของประเทศจีน ที่ต้องมาลิ้มลองให้ได้ หลังจากเดินทางเที่ยวเสร็จ ก็แวะมาอาหารลิ้มลองทานเป็ดปักกิ่งแถวถนนคนเดินเฉียนเหมิน ซึ่งมีร้านอาหารต้นตำหรับให้เลือกทานหลายร้อนเลยค่ะ |
 |
| มาสะดุดที่ร้านนี้ มีเปิดปักกิ่งให้ทาน และมีลูกค้านั่งทานกันเยอะ น่าจะอร่อย |
 |
| และอีกอย่างราคาไม่แพงเกินไปด้วย ครึ่งตัวอยู่ที่ 88 หยวน หน้าตาดูหน้าทานด้วย |
 |
| เดี๊ยนกับเพื่อนสาย เลยจัดไปครึ่งตัว เป็ดปักกิ่งมีเนื้อติดมาด้วย ส่วนหนังจะไม่กรอบมากเกินไป |
 |
| ทานห่อคู่กับแป้ง แนมกับต้นหอมและแตงกวา ราดน้ำซอส รสเค็มหวานๆ อร่อยมากค่ะ อารมณ์เหมือนทานเนื้อเป็ด MK แต่หนังกรอบๆนิ่มๆ ถือว่าให้ผ่านค่ะ ใครแวะมาเที่ยวปักกิ่ง ก็มาลิ้มลองทานกันได้ |
 |
| นอกจากนั้นยังมีเมนูอาหารอื่นๆให้เลือกทานอีกหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งสเต็กปิ้ง |
 |
| มีขนมหวาน คล้ายขนมดังโงะ |
 |
| ขนมเค้กที่จัดเรียงไว้ในตู้ ก็น่าทาน |
และหลังจากที่ได้รีวิวห้องพักและอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมไปแล้ว ต่อไปก็มาดูภาพแหล่งท่องเที่ยวสำคัญโดดเด่นในเมืองปักกิ่งที่ต้องแวะไปเที่ยวกันต่อดีกว่าค่ะ ซึ่งเดี๊ยนได้สรุปแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมาให้ได้อ่านกันพอสังเขป เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆทุกคนอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงปักกิ่งและใกล้เคียงที่สามารถเดินทางไปเที่ยวได้ด้วยตัวเอง มีดังนี้ค่ะ
 |
| 1.พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง (故宫) (forbidden city) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิมของกรุงปักกิ่ง ต้องห้ามพลาดเข้าไปชมกันให้ได้ |
 |
| 1.พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง (故宫) (forbidden city) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิมของกรุงปักกิ่ง ต้องห้ามพลาดเข้าไปชมกันให้ได้ |
 |
| 1.พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง (故宫) (forbidden city) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิมของกรุงปักกิ่ง ต้องห้ามพลาดเข้าไปชมกันให้ได้ |
 |
| 1.พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง (故宫) (forbidden city) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิมของกรุงปักกิ่ง ต้องห้ามพลาดเข้าไปชมกันให้ได้ |
 |
| 1.พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง (故宫) (forbidden city) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิมของกรุงปักกิ่ง ต้องห้ามพลาดเข้าไปชมกันให้ได้ |
 |
| 1.พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง (故宫) (forbidden city) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิมของกรุงปักกิ่ง ต้องห้ามพลาดเข้าไปชมกันให้ได้ |
 |
| 1.พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง (故宫) (forbidden city) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิมของกรุงปักกิ่ง ต้องห้ามพลาดเข้าไปชมกันให้ได้ |
 |
| 1.พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง (故宫) (forbidden city) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิมของกรุงปักกิ่ง ต้องห้ามพลาดเข้าไปชมกันให้ได้ |
 |
| 1.พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง (故宫) (forbidden city) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิมของกรุงปักกิ่ง ต้องห้ามพลาดเข้าไปชมกันให้ได้ |
 |
| 1.พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง (故宫) (forbidden city) แหล่งท่องเที่ยวยอดนิมของกรุงปักกิ่ง ต้องห้ามพลาดเข้าไปชมกันให้ได้ |
 |
| 1.พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง (故宫) (forbidden city) แหล่งท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดเข้าไปชมกันให้ได้ |
 |
| 1.พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง (故宫) (forbidden city) แหล่งท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดเข้าไปชมกันให้ได้ |
1.พระราชวังต้องห้าม หรือ กู้กง (故宫) (forbidden city) แหล่งท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดเข้าไปชมกันให้ได้
พระราชวังต้องห้าม (กู้กง) คือ พระราชวังหลวงในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งเคยเป็นที่ประทับและศูนย์กลางอำนาจของจักรพรรดิราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงมานานกว่า 500 ปี ความสำคัญอยู่ที่การเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งยวดของจีน โดยเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจจักรพรรดิในอดีต สถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ และปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมศิลปะวัตถุและมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าไว้
ที่มาของชื่อ "พระราชวังต้องห้าม" หรือ "กู้กง" ในภาษาจีน (故宫) มีความหมายว่า "เมืองต้องห้ามสีม่วง" ที่มาของชื่อมาจากความจริงที่ว่า พระราชวังแห่งนี้เป็นเขตหวงห้ามที่ห้ามประชาชนทั่วไปเข้าไปโดยเด็ดขาด พลเมืองธรรมดาไม่สามารถเข้าใกล้กำแพงพระราชวังได้เลย
 |
| 2.กำแพงเมืองจีน -ด่านป้าตาหลิง (Great Wall of China-Badaling) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก |
 |
| 2.กำแพงเมืองจีน -ด่านป้าตาหลิง (Great Wall of China-Badaling) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก |
 |
| 2.กำแพงเมืองจีน -ด่านป้าตาหลิง (Great Wall of China-Badaling) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก |
 |
| 2.กำแพงเมืองจีน -ด่านป้าตาหลิง (Great Wall of China-Badaling) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก |
 |
| 2.กำแพงเมืองจีน -ด่านป้าตาหลิง (Great Wall of China-Badaling) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก |
 |
| 2.กำแพงเมืองจีน -ด่านป้าตาหลิง (Great Wall of China-Badaling) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก |
 |
| 2.กำแพงเมืองจีน -ด่านป้าตาหลิง (Great Wall of China-Badaling) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก |
 |
| 2.กำแพงเมืองจีน -ด่านป้าตาหลิง (Great Wall of China-Badaling) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก |
2.กำแพงเมืองจีน -ด่านป้าตาหลิง (Great Wall of China-Badaling)
กำแพงเมืองจีน ด่านปาต้าหลิงคือ ส่วนที่ได้รับการบูรณะและมีชื่อเสียงที่สุดของกำแพงเมืองจีน อยู่ใกล้กรุงปักกิ่ง มีความสำคัญในฐานะ จุดยุทธศาสตร์ในการป้องกันกรุงปักกิ่ง จากการรุกรานของชนเผ่าเร่ร่อนในอดีต ปัจจุบันเป็น แหล่งท่องเที่ยวสำคัญและนิยมที่สุด ของกำแพงเมืองจีน เนื่องจากเดินทางสะดวก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีทิวทัศน์ที่สวยงาม.
ด่านปาต้าหลิงสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงเพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าเร่ร่อนทางเหนือ. ประตูสู่ปักกิ่ง: ด้วยตำแหน่งที่ตั้ง ทำให้ด่านนี้เปรียบเสมือน "ประตู" สู่กรุงปักกิ่ง ซึ่งหากศัตรูผ่านเข้ามาได้ เมืองหลวงจะตกอยู่ในอันตราย.
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
 |
| 3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) |
3.พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace)
พระราชวังฤดูร้อน หรือ อี้เหอหยวน (Yiheyuan) เป็นสวนหลวงที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของจีน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง เคยเป็นที่ประทับและที่หลบภัยจากความร้อนของราชวงศ์จีนในช่วงฤดูร้อน มีความสำคัญในฐานะแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดย องค์การยูเนสโก เพื่อรวบรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมอันยาวนานของจีน เป็นที่รู้จักจากจุดเด่น เช่น ทะเลสาบคุนหมิง, ระเบียงฉางหลาง (ระเบียงยาวที่สุดในโลก) ที่มีภาพวาดมากกว่า 8,000 ภาพ, และหอฝอเซียง. ซากปรักหักพังของพระราชวังเดิม (Old Summer Palace) ที่อยู่ใกล้เคียง เป็นเครื่องเตือนใจถึงเหตุการณ์การรุกรานของกองทหารอังกฤษและฝรั่งเศสในสมัยสงครามฝิ่น.
 |
| 4.หอสักการะฟ้าเทียนถาน |
 |
| 4.หอสักการะฟ้าเทียนถาน |
 |
| 4.หอสักการะฟ้าเทียนถาน |
 |
| 4.หอสักการะฟ้าเทียนถาน |
 |
| 4.หอสักการะฟ้าเทียนถาน |
 |
| 4.หอสักการะฟ้าเทียนถาน |
 |
| 4.หอสักการะฟ้าเทียนถาน |
 |
| 4.หอสักการะฟ้าเทียนถาน |
4.หอสักการะฟ้าเทียนถาน
หอสักการะฟ้าเทียนถาน คือ มรดกโลกในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง เพื่อเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิจะเสด็จไปประกอบพิธีบวงสรวงขอพรต่อฟ้าดิน ให้การเกษตรอุดมสมบูรณ์และฟ้าฝนตกต้องตามฤดูกาล สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นคือตำหนักฉีเหนียนเตี้ยนที่มีกระเบื้องสีน้ำเงินเข้มสื่อถึงสวรรค์ และลานหินอ่อนทรงกลมที่เชื่อว่าเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของปักกิ่ง
 |
| 5.ถนนคนเดินหวังฟู่จิง (Wangfujing Pedestrian Street) |
 |
| 5.ถนนคนเดินหวังฟู่จิง (Wangfujing Pedestrian Street) |
 |
| 5.ถนนคนเดินหวังฟู่จิง (Wangfujing Pedestrian Street) |
 |
| 5.ถนนคนเดินหวังฟู่จิง (Wangfujing Pedestrian Street) |
 |
| 5.ถนนคนเดินหวังฟู่จิง (Wangfujing Pedestrian Street) |
 |
| 5.ถนนคนเดินหวังฟู่จิง (Wangfujing Pedestrian Street) |
 |
| 5.ถนนคนเดินหวังฟู่จิง (Wangfujing Pedestrian Street) |
5.ถนนคนเดินหวังฟู่จิง (Wangfujing Pedestrian Street)
ถนนคนเดินหวังฟู่จิง (Wangfujing Pedestrian Street) คือย่านช็อปปิ้งและแหล่งรวมของกินที่มีชื่อเสียงและคึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ใกล้กับพระราชวังต้องห้ามและจัตุรัสเทียนอันเหมิน เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการซื้อของแบรนด์เนม สินค้าท้องถิ่น ของฝาก รวมถึงชิมอาหารจีนและสตรีทฟู้ดอร่อยๆ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่เหมาะกับการเดินชมแสงสีในยามค่ำคืนและถ่ายรูปสวยๆ อีกด้วย
 |
| 6.สนามกีฬาปักกิ่ง (สนามกีฬารังนก) |
 |
| 6.สนามกีฬาปักกิ่ง (สนามกีฬารังนก) |
 |
| 6.สนามกีฬาปักกิ่ง (สนามกีฬารังนก) |
 |
| 6.สนามกีฬาปักกิ่ง (สนามกีฬารังนก) |
 |
| 6.สนามกีฬาปักกิ่ง (สนามกีฬารังนก) |
 |
| 6.สนามกีฬาปักกิ่ง (สนามกีฬารังนก) |
 |
| 6.สนามกีฬาปักกิ่ง (สนามกีฬารังนก) |
 |
| 6.สนามกีฬาปักกิ่ง (สนามกีฬารังนก) |
6.สนามกีฬาปักกิ่ง (สนามกีฬารังนก)
สนามกีฬาปักกิ่ง หรือ "สนามกีฬารังนก" (The Bird's Nest) คือสนามกีฬาหลักที่ออกแบบโดย Herzog & de Meuron สถาปนิกชาวสวิสที่ใช้เป็นสถานที่จัดพิธีเปิดและปิดของกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2008 และโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2022 ที่ปักกิ่ง. สนามกีฬาแห่งนี้มีความสำคัญในฐานะสัญลักษณ์ความสำเร็จของจีนในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับโลก เป็นสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจของชาวจีน และยังเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญและสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในกรุงปักกิ่ง.
 |
| 8.ถนนเฉียนเหมิน (Qianmen Street) |
 |
| 8.ถนนเฉียนเหมิน (Qianmen Street) |
 |
| 8.ถนนเฉียนเหมิน (Qianmen Street) |
 |
| 8.ถนนเฉียนเหมิน (Qianmen Street) |
 |
| 8.ถนนเฉียนเหมิน (Qianmen Street) |
 |
| 8.ถนนเฉียนเหมิน (Qianmen Street) |
 |
| 8.ถนนเฉียนเหมิน (Qianmen Street) |
 |
| 8.ถนนเฉียนเหมิน (Qianmen Street) |
 |
| 8.ถนนเฉียนเหมิน (Qianmen Street) |
8.ถนนเฉียนเหมิน (Qianmen Street)
ถนนเฉียนเหมิน (Qianmen Street) คือ ถนนคนเดินสายวัฒนธรรมเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 600 ปี ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ใกล้กับจัตุรัสเทียนอันเหมิน ปัจจุบันเป็นแหล่งช้อปปิ้งและสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง มีอาคารสไตล์จีนโบราณ ร้านอาหารมากมาย ทั้งภัตตาคารชื่อดัง อาหารสตรีทฟู้ด และร้านค้าที่ขายสินค้าหลากหลาย รวมถึงมีรถรางโบราณวิ่งผ่านเป็นไฮไลท์สำคัญ
 |
| 7.ย่าน Sanlintun ย่านช็อปปิ้งทันสมัยในกรุงปักกิ่ง |
 |
| 7.ย่าน Sanlintun ย่านช็อปปิ้งทันสมัยในกรุงปักกิ่ง |
 |
| 7.ย่าน Sanlintun ย่านช็อปปิ้งทันสมัยในกรุงปักกิ่ง |
 |
| 7.ย่าน Sanlintun ย่านช็อปปิ้งทันสมัยใจกลางกรุงปักกิ่ง |
7.ย่าน Sanlintun ย่านช็อปปิ้งทันในกรุงปักกิ่ง
ย่าน Sanlitun เป็นย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องร้านอาหารเก๋ๆ และแหล่งสถานบันเทิงยามค่ำคืน โดยมีร้านอาหารจีนสุดหรูที่เสิร์ฟเป็ดย่างหนังกรอบ บิสโตรนานาชาติ และคาเฟ่ขนมหวานที่เสิร์ฟเมนูสไตล์ยุโรป รวมถึงร้านขนาดเล็กที่เสิร์ฟเมนูเส้นและซาลาเปาไส้หมูให้กับนักท่องราตรีที่มารวมตัวกันอย่างล้นหลามในบาร์คาราโอเกะ ค็อกเทลเลาจน์ และแดนซ์คลับแสนครึกครื้นภายในย่าน ทั้งยังมีห้าง Taikoo Li ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้าแฟรนไชส์จากทั่วโลกและประติมากรรมกลางแจ้งแนวร่วมสมัย
 |
| ส่วนตอนขากลับ เลือกใช้บริการของสายการบินไห่หนานแอร์ไลน์ |
 |
| เป็นสายการบินราคาประหยัดอีกแห่งของจีน |
 |
| มีอาหารให้บริการด้วย เป็นอาหารกล่อง |
 |
| ชุดอาหารบนเครื่องทาน เดินทางจากกรุงปักกิ่ง ตอน 19.00 ถึง กรุงเทพเวลา 23.00 น.โดยสวัสดิภาพ เป็นอันจบทริปเที่ยวกรุงปักกิ่ง |
ขอบคุณผู้อ่านทุกๆคนที่เข้ามาคลิ๊กเปิดสไลด์เลื่อนอ่านกันค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไป...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
-----------------------------------------------------------------------------
0 ความคิดเห็น