 |
แบ่งปันรีวิวทริปแบกเป้เที่ยวเมืองแมนเชสเตอร์ เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งที่ไม่ได้มีแค่ฟุตบอล มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรในเมือง Manchester น่าใจบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า |
สวัสดีเพื่อนๆคุณผู้อ่านและนักทัศนาจร ที่รักการเดินท่องเที่ยวทั่วไทย ไปไกลทั่วโลกกันทุกๆคนค่ะ กลับมาพบปะกันอีกครั้ง หลังจากหายไปนานเป็นแรมเดือน เพราะยุ่งกับการทำงานหาเงินจากประจำ จนเดี๊ยนลืมไปเลยว่าต้องมาเคาะสนิท นั่งดีดแป้นพิมพ์หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อมาบอกเล่า เก้าสิบกับรีวิวท่องเที่ยวเล็กๆน้อยประจำเดือน ที่จะมาแบ่งปันให้เพื่อนได้อ่านกันอีกครั้งค่ะ
และจากบทความก่อนหน้าได้พาไปเที่ยวเมืองลิเว่อรพูล เมืองท่องเที่ยวมีชื่อเสียงอีกแห่งในประเทศอังกฤษ ซึ่งเดี๊ยนได้เขียนไว้กับบทความบล็อกก่อนหน้านี้ไปแล้ว ตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2024/02/Backpack-travel-liverpool-city-Uk.html
ได้เวลาแบกเป้เดินทางต่อค่ะ หลังจากที่ได้ไปเที่ยวเมืองลิเว่อร์พูลแล้ว อีกหนึ่งเมืองมีชื่อเสียงอยู่เคียงคู่กับเมืองนี้คือ เมืองแมนเชสเตอร์ ชื่อเมืองที่กลายเป็นสโมรสรฟุตบอลชื่อดังระดับโลก ที่ใครก็รู้จัก และต้องปักหมุดมาเยือนกันสักครั้ง รวมถึงตัวเดี๊ยนเองด้วย เพราะได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆกับ ชื่อทีมฟุตบอล แมนยู ที่ถือกำเนิดในเมืองแมนเชสเตอร์
การเดินทางครั้งนี้ เลยขอปักหมุดมาเที่ยวเมืองแมนเชสเตอร์ด้วย เพราะอยากรู้ว่าในเมืองนี้ นอกจากมีชื่อเสียงด้านฟุตบอล อย่างที่เรารู้จักแบบผิวเผินไปแล้ว ในเมืองแมนเชสเตอร์ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจอีกบ้าง แต่ก่อนที่จะไปดูภาพรีวิวแหล่งท่องเที่ยว เราก็มารู้จักเมืองแมนเชสเตอร์กันก่อนสักเล็กน้อยค่ะ
 |
เรื่องน่ารู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ (Manchester city, England) |
สาระน่ารู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ (Greater Manchester, England)
เมืองแมนเชสเตอร์ (Greater Manchester) เป็นเมืองและเขตมหานครในเกรทเทอร์แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในฐานะเมืองที่เติบโตจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมแรกๆของโลกและเป็นศูนย์กลางด้านฟุตบอล โดยมีสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงระดับโลก 2 แห่ง คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ซิตี
ในตัวเมืองแมนเชสเตอร์เป็นเขตมหานคร ที่มีประชากรมากเป็นอันดับสามในสหราชอาณาจักร มีประชากร 2.92 ล้านคน และใหญ่ที่สุดในอังกฤษตอนเหนือ มีอาณาเขตติดกับที่ราบเชสเชอร์ทางทิศใต้ เทือกเขาเพนไนน์ทางทิศเหนือและทิศตะวันออก และติดกับเมืองซัลฟอร์ดที่อยู่ใกล้เคียงทางทิศตะวันตก เมืองนี้มีอาณาเขตติดกับเขตปกครองต่างๆ ได้แก่ แทรฟฟอร์ด สต็อกพอร์ต เทมไซด์ โอลด์แฮม รอชเดล เบอรี และซัลฟอร์ด
 |
ในอดีตพื้นที่ทางตอนใต้ของแม่น้ำเมอร์ซีย์เคยเป็นส่วนหนึ่งของแลงคาเชอร์ และถูกผนวกเข้ากับแมนเชสเตอร์ในศตวรรษที่ 20 รวมถึงไวเธนชอว์ในปี 1931 แมนเชสเตอร์ได้รับสถานะเป็นเมืองในปี 1853 |
ประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ เริ่มต้นจากการตั้งถิ่นฐานของพลเรือนที่เกี่ยวข้องกับป้อมปราการโรมัน (คาสตรา) แห่งมามูเซียมหรือแมนคูเนียม ก่อตั้งขึ้นราวปี ค.ศ. 79 บนหน้าผาหินทรายใกล้จุดบรรจบของแม่น้ำเมดล็อกและแม่น้ำเออร์เวลล์ ตลอดช่วงยุคกลาง แมนเชสเตอร์ยังคงเป็นเมืองที่มีคฤหาสน์ แต่เริ่มขยายตัว "อย่างรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ"
จนกระทั้ง ราวต้นศตวรรษที่ 19 การขยายตัวของเมืองโดยไม่ได้วางแผนของแมนเชสเตอร์เกิดจากความเฟื่องฟูของอุตสาหกรรมสิ่งทอในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม และส่งผลให้แมนเชสเตอร์กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมแห่งแรกของโลกก็ว่าได้
ในอดีตพื้นที่ทางตอนใต้ของแม่น้ำเมอร์ซีย์เคยเป็นส่วนหนึ่งของแลงคาเชอร์ และถูกผนวกเข้ากับแมนเชสเตอร์ในศตวรรษที่ 20 รวมถึงไวเธนชอว์ในปี 1931 แมนเชสเตอร์ได้รับสถานะเป็นเมืองในปี 1853 คลองแมนเชสเตอร์ชิปเปิดในปี 1894 ทำให้เกิดท่าเรือแมนเชสเตอร์และเชื่อมเมืองกับทะเลไอริช ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตะวันตก 58 กิโลเมตร ความมั่งคั่งของเมืองลดลงหลังเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากการลดการผลิตภาคอุตสาหกรรม การทิ้งระเบิดของกลุ่มไออาร์เอในปี 1996 นำไปสู่การลงทุนและการฟื้นฟูอย่างกว้างขวาง
 |
ช่วงยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม ถือเป็นเมืองกำเนิดอุตสาหกรรมสิ่งทอแรกๆของโลก การปฏิวัติอุตสาหกรรม แมนเชสเตอ ร์เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตสิ่งทอในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม |
และในช่วงยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม ถือเป็นเมืองกำเนิดอุตสาหกรรมสิ่งทอแรกๆของโลก การปฏิวัติอุตสาหกรรม แมนเชสเตอ ร์เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตสิ่งทอในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม การปั่นฝ้ายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเมืองทางตอนใต้ของแลงคาเชอร์และตอนเหนือของเชเชอร์ และแมนเชสเตอร์เคยเป็นศูนย์กลางการแปรรูปฝ้ายที่มีผลผลิตสูงที่สุดในช่วงหนึ่ง
แมนเชสเตอร์เป็นที่รู้จักในฐานะตลาดสินค้าฝ้ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก และถูกขนานนามว่า "คอตโตโนโปลิส" และ "เมืองโกดังสินค้า" ในช่วงยุควิกตอเรีย ในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้ คำว่า "แมนเชสเตอร์" ยังคงใช้เรียกผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าขนหนู เป็นต้น การปฏิวัติอุตสาหกรรมนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแมนเชสเตอร์ และเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ประชากรของแมนเชสเตอร์เพิ่มขึ้น
 |
มืองนี้โดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม การส่งออกดนตรี ความเชื่อมโยงด้านสื่อต่างๆ รวมทั้งผลงานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ |
เมืองนี้โดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม การส่งออกดนตรี ความเชื่อมโยงด้านสื่อต่างๆ รวมทั้งผลงานทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ผลกระทบทางสังคม สโมสรกีฬา และการเชื่อมโยงการขนส่ง สถานีรถไฟแมนเชสเตอร์ลิเวอร์พูลโรดเป็นสถานีรถไฟโดยสารระหว่างเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ที่มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เออร์เนสต์ รัทเทอร์ฟอร์ด ได้แยกตัวออกเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2460
นอกจากนี้แล้วยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานจากการเป็นเมืองอุตสาหกรรมแห่งแรกของโลก. คุณสามารถเยี่ยมชมศาลาว่าการเมืองแมนเชสเตอร์ในสไตล์วิคตอเรียที่สวยงาม มีหอสมุดแมนเชสเตอร์, และวิหารแมนเชสเตอร์ มีแหล่งช้อปปิ้งที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่าง The Trafford Centre ที่มีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย ที่นักเดินทางต้องไปเที่ยวชมกันด้วย
และหลังจากได้อ่านเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเมืองแมนเชสเตอร์กันบ้างแล้ว ต่อไปก็มาดูรีวิวท่องเที่ยวกันต่อเลยค่ะ
 |
เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม มาซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟที่เมืองลิเว่อร์พูล ราคาตั๋วรถไฟจากเมืองลิเว่อร์พูลไปเมืองแมนเชสเตอร์ ราคา 13 ปอนด์ |
 |
รถขึ้นรถไฟที่ชานชลา ซึ่งที่สถานีรถไฟเมืองลิเว่อร์พูล ก็มีเส้นทางไปยังเมืองต่างๆหลายเมืองเลยค่ะ |
 |
รถไฟที่เมืองนี้ ออกตรงเวลา ไม่เลท หรือล่าช้าจนเกินไป |
 |
มุ่งหน้าไปยังเมืองแมนเชสเตอร์ |
 |
แต่ทริปนี้เลือกพักโรงแรมย่านชานเมืองแมนเชสเตอร์ค่ะ เลือกลงที่สถานี Eccles |
 |
ปักหมุดแผนที่ GPS เดินจากสถานีรถไฟ Eccles ไปยังโรงแรมที่พักคืนนี้ |
 |
เดินจากสถานีรถไฟ Eccles มาไม่ไกลก็ถึงโรงแรมที่พักคืนนี้แล้วจ้า |
 |
โดยโรงแรมที่เลือกนอนพักคืนนี้ คือโรงแรม Milton hotel |
 |
จุดเช็คอินน์ของโรงแรมต้องกดลิฟท์ขึ้นไปอีกชั้น |
 |
ทำการเช็คอินเข้าห้องพักค่ะ |
 |
ทางเจ้าหน้าที่จะให้คีย์การ์ด ใบแจ้งรายละเอียดเวลาอาหารเช้า และข้อมูล WiFi ของโรงแรม มาให้ได้วย |
 |
ส่วนห้องพักที่เดี๊ยนจองมาแบบนอนคนเดียวนะคะ |
 |
ปรากฎว่าได้ห้อง 2 เตียงจ้า ราคาห้องตกคืนละ 1540 บาท รวมอาหารเช้า ราคาถูกกว่าโรงแรมย่านใจกลางเมืองแมนเชเตอร์มาก |
 |
เพราะโรงแรมส่วนใหญ่ในใจกลางเมืองแมนเชอร์ ราคาอย่างต่ำ ก็ 2500 บาทขึ้นไป แต่มาพักย่านชานเมืองก็ราคาถูกกว่ามาก |
 |
ภายในห้องพักของโรงแรม ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบครันเลย |
 |
ห้องนอน และห้องน้ำส่วนตัว สะอาดสะอ้านดีทีเดียว |
 |
มีเงินเหรียญเหลืออยู่ ต้องเอาไปใช้ให้หมด เพราะไม่สามารถนำเหรียญไปแลกที่ไทยได้อีก เนื่องจากจุดรับแลกเงิน ก็รับแต่ธนบัตร พยายามเหลือเงินเหรียญให้น้อยที่สุด |
 |
ใกล้ๆกับโรงแรมก็มีซุปเปอร์มาเก็ตคล้ายๆบิ๊กซี โลตัสเลยค่ะ เดี๊ยนก็แวะไปซื้อของไว้ดีกว่า |
 |
ใช้เงินเหรียญซื้อขนม นมเนยต่างๆ ไว้ทานระหว่างทาง |
 |
ราคาขนมต่างๆ จัดโปรลดราคาเพราะใกล้วันหมดอายุ ราคาเลยถูกมากๆ |
 |
เช้าวันใหม่อากาศแจ่มใส แต่ไม่รู้ว่าจะฝนตกตอนบ่ายใหม๊ อยู่อังกฤษพยากรณ์อากาศยาก เดี่ยวก็ฝนตก เดี่ยวก็แดดออก ต้องพกร่มไว้ดีที่สุด |
 |
ต่อมาก็ตามมาดูไลน์อาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมกันค่ะ มีเครื่องดื่ม ชากาแฟ ร้อน และซีเรียลให้ทาน |
 |
และมีอาหารบุฟเฟ่ต์สไตล์อังกฤษแบบง่ายๆ ที่ขาดไม่ได้ คือ ไข่ ซอสถั่ว เบคอน ไส้กรอก แฮม เห็ด มีนักเก็ตไก่หรือปลาให้ด้วย เดี๊ยนจำไม่ได้ |
 |
และก็มีผักสด มีโยเกิร์ต ชีส และเบเกอรี่ มัลฟินและ ครัวซองให้ด้วย |
 |
อาหารเช้านี้ ทานไม่อิ่มไปตักได้ แต่ทานแค่นี้ |
 |
อาหารเช้าถือว่าดีเลยนะคะ สำหรับห้องพักราคา 1500 กว่าบาท ห้องพักส่วนตัว พร้อมอาหารบุฟเฟ่ต์ดีเดียวค่ะ |
 |
หลังจากรีวิวห้องพักของโรงแรม Milton Hotel ไปแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางมาเที่ยวเมืองแมนเชสเตอร์กันต่อค่ะ |
 |
นั่งรถไฟออกจากสถานี Eccles มาที่สถานี Manchester Piccadilly ซึ่งเป็นสถานีใหญ่ประจำเมืองนี้ |
 |
ซึ่งในเมืองแมนเชสเตอร์ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลากหลายแห่งเลยค่ะ วันนี้เลยสรุปแหล่งท่องเที่ยวสั้นๆ มาให้อ่านกันดังนี้ |
 |
นอกจากรถรางหรือ tram แล้ว ยังมีรถบัสโดยสารฟรี ให้บริการอีกด้วย เป็น Free bus around City |
 |
มาเที่ยวอังกฤษอย่าลืมเลยค่ะ พกร่มเพราะอากาศแปรปรวนมากๆ ร่มเดี๊ยนพังไปหนึ่งแล้ว เลยต้องซื้อใหม่อีกคัน |
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ที่สามารถเดินทางเที่ยวได้ด้วยตัวเอง มีดังนี้ค่ะ (Manchester City tourist attraction places)
 |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum) |
 |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum) |
 |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum) |
 |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum) |
 |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum) |
 |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum) |
 |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum) |
 |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum) |
 |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum) |
 |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum) |
 |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum) |
 |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum) |
 |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum) |
1.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม เมืองแมนเชสเตอร์ (Science and Industry Museum)
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ จัดแสดงพัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรม โดยเน้นที่ความสำเร็จของเมืองในด้านอุตสาหกรรมที่ทำให้กลายเป็นผู้นำในการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมลำดับต้นๆของโลก แต่เดิม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อว่า พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมภาคตะวันตกเฉียงเหนือ (North Western Museum of Science and Industry) เมื่อเปิดทำการในปี พ.ศ. 2512 ในสถานที่ชั่วคราวบนถนนกรอสเวเนอร์ (Grosvenor Street) ในเมืองชอร์ลตัน-ออน-เมดล็อก (Chorlton-on-Medlock) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (University of Manchester Institute of Science & Technology) โดยส่วนใหญ่เติบโตมาจากภาควิชาประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และริชาร์ด แอล. ฮิลส์ จาก UMIST เป็นอาจารย์คนแรกที่รับผิดชอบพิพิธภัณฑ์
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานสาธารณะที่ไม่ใช่หน่วยงานของกระทรวงวัฒนธรรม สื่อ และกีฬา โดยได้ควบรวมกิจการกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติในปี พ.ศ. 2555 ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงมากมายในหัวข้อการขนส่ง (รถยนต์ หัวรถจักรและยานพาหนะเคลื่อนที่) พลังงาน (น้ำ ไฟฟ้า เครื่องยนต์ไอน้ำและก๊าซ) ระบบบำบัดน้ำเสียและสุขาภิบาลของแมนเชสเตอร์ สิ่งทอ การสื่อสารและการคำนวณ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นจุดยึดของเส้นทางมรดกทางอุตสาหกรรมในยุโรป และตั้งอยู่บนพื้นที่ของสถานีรถไฟโดยสารแห่งแรกของโลก ซึ่งก็คือ Manchester Liverpool Road ซึ่งเปิดเป็นส่วนหนึ่งของ Liverpool & Manchester Railway ในปีพ.ศ. 2373 ทั้งด้านหน้าสถานีรถไฟและโกดังสินค้าที่สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2373 ล้วนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอาคารระดับ 1
 |
2.พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติ (National Football Museum) |
 |
2.พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติ (National Football Museum) |
 |
2.พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติ (National Football Museum) |
 |
2.พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติ (National Football Museum) |
 |
2.พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติ (National Football Museum) |
 |
2.พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติ (National Football Museum) |
 |
2.พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติ (National Football Museum) |
 |
2.พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติ (National Football Museum) |
 |
2.พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติ (National Football Museum) |
2.พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติ (National Football Museum)
พิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติเป็นพิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติของอังกฤษ ตั้งอยู่ในอาคารเออร์บิสในใจกลางเมืองแมนเชสเตอร์ เก็บรักษา อนุรักษ์ และจัดแสดงคอลเล็กชันของที่ระลึกฟุตบอลที่สำคัญ
เดิมทีพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ที่ดีพเดล เมืองเพรสตัน แลงคาเชอร์ แต่ย้ายมาอยู่ที่แมนเชสเตอร์ในปี พ.ศ. 2555 แนวคิดในการสร้างพิพิธภัณฑ์ฟุตบอลแห่งชาติ (National Football Museum Museum) ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2537 เมื่อ Baxi Partnership บริษัทท้องถิ่น ได้เข้าซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลเพรสตันนอร์ธเอนด์ (PNE) และเริ่มพัฒนาสนามกีฬาดีพเดล การสนทนาโดยบังเอิญระหว่างไบรอัน เกรย์ ประธาน PNE และฟุตบอลลีก นำไปสู่การพบปะกับแฮร์รี่ แลงตัน ชายผู้ซึ่งใช้เวลากว่าสามสิบปีในการสร้างสิ่งที่ปัจจุบันเรียกว่า คอลเลกชันพิพิธภัณฑ์ฟีฟ่า ฟีฟ่าตระหนักถึงความสำคัญของคอลเลกชันนี้และได้ซื้อมาจากแฮร์รี่ แลงตัน เพื่อหาที่ตั้งถาวร ฟีฟ่ามองว่าพิพิธภัณฑ์ที่เสนอในเพรสตันเป็นสถานที่ถาวรที่เหมาะสมสำหรับคอลเลกชันพิพิธภัณฑ์ฟีฟ่า
 |
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เมืองแมนเชสเตอร์ (Gay village Manchester) |
 |
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เมืองแมนเชสเตอร์ (Gay village Manchester) |
 |
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เมืองแมนเชสเตอร์ (Gay village Manchester) |
 |
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เมืองแมนเชสเตอร์ (Gay village Manchester) |
 |
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เมืองแมนเชสเตอร์ (Gay village Manchester) |
 |
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เมืองแมนเชสเตอร์ (Gay village Manchester) |
 |
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เมืองแมนเชสเตอร์ (Gay village Manchester) |
 |
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เมืองแมนเชสเตอร์ (Gay village Manchester) |
 |
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เมืองแมนเชสเตอร์ (Gay village Manchester) |
 |
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เมืองแมนเชสเตอร์ (Gay village Manchester) |
 |
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เมืองแมนเชสเตอร์ (Gay village Manchester) |
 |
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เมืองแมนเชสเตอร์ (Gay village Manchester) |
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เมืองแมนเชสเตอร์ (Gay village Manchester)
3.หมู่บ้านชาวเกย์ เป็นหมู่บ้านของกลุ่มคนรักร่วมเพศที่ตั้งอยู่ใจกลางถนนคาแนลสตรีท หมู่บ้านเกย์ของแมนเชสเตอร์ เป็นย่านที่มีชีวิตชีวาและเป็นมิตรกับกลุ่ม LGBT+ มีศูนย์กลางอยู่ที่ถนนคาแนลสตรีท เต็มไปด้วยบาร์เกย์ คลับ ร้านอาหาร และร้านค้ามากมายริมคลองรอชเดล ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ มีชื่อเสียงในด้านสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่คึกคัก กิจกรรมชุมชนต่างๆ เช่น เทศกาลแมนเชสเตอร์ไพรด์ประจำปี และสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น อนุสรณ์สถานอลัน ทัวริงในสวนแซ็กวิลล์ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่อบอุ่นและเปิดกว้าง ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
 |
4.ย่านประวัติศาตร์คาสเซิลฟิลด์ (Castlefield area Manchester) |
 |
4.ย่านประวัติศาตร์คาสเซิลฟิลด์ (Castlefield area Manchester) |
 |
4.ย่านประวัติศาตร์คาสเซิลฟิลด์ (Castlefield area Manchester) |
 |
4.ย่านประวัติศาตร์คาสเซิลฟิลด์ (Castlefield area Manchester) |
 |
4.ย่านประวัติศาตร์คาสเซิลฟิลด์ (Castlefield area Manchester) |
 |
4.ย่านประวัติศาตร์คาสเซิลฟิลด์ (Castlefield area Manchester) |
 |
4.ย่านประวัติศาตร์คาสเซิลฟิลด์ (Castlefield area Manchester) |
4.ย่านประวัติศาตร์คาสเซิลฟิลด์ (Castlefield area Manchester)
คาสเซิลฟิลด์เป็นย่านประวัติศาสตร์ใจกลางเมืองแมนเชสเตอร์ เป็นที่รู้จักในฐานะที่ตั้งของป้อมปราการโรมันดั้งเดิม Mamucium ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมือง ปัจจุบัน คาสเซิลฟิลด์เป็นสวนมรดกที่สำคัญของเมืองที่โดดเด่นด้วยโครงข่ายคลอง สถาปัตยกรรมอุตสาหกรรมยุควิกตอเรีย อาคารที่ผสมผสานระหว่างสมัยใหม่และอาคารเก่าแก่ บาร์ริมน้ำ ร้านอาหาร และแหล่งศิลปะและวัฒนธรรมที่คึกคัก เช่น คาสเซิลฟิลด์โบวล์ และศูนย์ศิลปะ HOME
และยังเป็นที่ตั้งของ Castlefield Bowl สถานที่จัดงานกลางแจ้งริมคลองที่จัดคอนเสิร์ตดนตรีร็อกและดนตรีคลาสสิก สถานที่น่าสนใจอื่นๆ ได้แก่ ซากป้อมปราการโรมัน Mamucium ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมือง และ HOME ศูนย์ศิลปะที่มีการฉายภาพยนตร์ นิทรรศการ และการแสดงละครเวทีให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย
 |
5.ป้อมปราการเก่ามามูเซียม (Mamucium) |
 |
5.ป้อมปราการเก่ามามูเซียม (Mamucium) |
 |
5.ป้อมปราการเก่ามามูเซียม (Mamucium) |
 |
5.ป้อมปราการเก่ามามูเซียม (Mamucium) |
 |
5.ป้อมปราการเก่ามามูเซียม (Mamucium) |
5.ป้อมปราการเก่ามามูเซียม (Mamucium)
มามูเซียม (มามูเซียม) หรือที่รู้จักกันในชื่อแมนคูเนียม เป็นอดีตป้อมปราการโรมันในเขตคาสเซิลฟิลด์ เมืองแมนเชสเตอร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ ป้อมปราการนี้ก่อตั้งขึ้นราวปี ค.ศ. 79 ภายในจังหวัดโรมันบริเตน โดยมีกองทหารโรมันคอยสนับสนุนรักษาการณ์อยู่ ใกล้ถนนโรมันสายหลักสองสายที่ตัดผ่านพื้นที่นี้ ชุมชนพลเรือนขนาดใหญ่หลายแห่ง (หรือวิคัส) ซึ่งเป็นที่ตั้งของครอบครัวทหาร พ่อค้า และอุตสาหกรรม ได้พัฒนาขึ้นนอกป้อมปราการนี้ พื้นที่นี้ได้รับการคุ้มครองให้เป็นอนุสรณ์สถานโบราณที่สำคัญของเมืองแมนเชสเตอร์
ซากปรักหักพังถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ถูกรบกวนจนกระทั่งเมืองแมนเชสเตอร์ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมปลายศตวรรษที่ 18 ป้อมปราการส่วนใหญ่ถูกปรับระดับเพื่อหลีกทางให้กับการพัฒนาใหม่ๆ เช่น การก่อสร้างคลองรอชเดลและทางรถไฟสายเกรทนอร์เทิร์น ปัจจุบันพื้นที่นี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานมรดกเมืองแคสเซิลฟิลด์ (Castlefield Urban Heritage Park) ซึ่งประกอบด้วยโกดังสินค้าที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ กำแพงป้อมบางส่วนพร้อมด้วยประตูทางเข้า ยุ้งฉาง และอาคารเสริมอื่นๆ จากบริเวณวิกัส (vicus) ได้รับการบูรณะและเปิดให้สาธารณชนเข้าชมอย่างน่าสนใจ
 |
6.หอศิลป์แมนเชสเตอร์ (Manchester Art Gallery) |
 |
6.หอศิลป์แมนเชสเตอร์ (Manchester Art Gallery) |
6.หอศิลป์แมนเชสเตอร์ (Manchester Art Gallery)
หอศิลป์แมนเชสเตอร์ เดิมชื่อหอศิลป์แมนเชสเตอร์ซิตี้ เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะของรัฐ ตั้งอยู่บนถนนมอสลีย์ ในใจกลางเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ หอศิลป์หลักสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1823 เพื่อสังคมแห่งการเรียนรู้ ปัจจุบันผลงานศิลปะของหอศิลป์ตั้งอยู่ในอาคารสามหลังที่เชื่อมต่อกัน โดยสองหลังได้รับการออกแบบโดยเซอร์ชาร์ลส์ แบร์รี อาคารทั้งสองหลังของแบร์รีได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดก อาคารที่เชื่อมต่อกันได้รับการออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกฮอปกินส์ หลังจากการแข่งขันออกแบบสถาปัตยกรรมที่จัดโดย RIBA Competitions หอศิลป์แห่งนี้เปิดทำการในปี ค.ศ. 2002 หลังจากโครงการปรับปรุงและขยายพื้นที่ครั้งใหญ่ของหอศิลป์ เพื่อจัดแสดงนิทรรศการภาพต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชมอย่างน่าสนใจ
หอศิลป์แมนเชสเตอร์เปิดให้เข้าชมฟรี เปิดให้บริการ 6 วันต่อสัปดาห์ ปิดวันจันทร์ ภายในจัดแสดงผลงานศิลปะที่มีความสำคัญทั้งในระดับท้องถิ่นและนานาชาติมากมาย และมีวัตถุจัดแสดงมากกว่า 25,000 ชิ้น
 |
ย่านใจกลางเมืองแมนเชสเตอร์ |
 |
ซึ่งในย่านดังกล่าวก็มีห้างสรรพสินค้า และแหล่งช็อปปิ้งมากมาย |
 |
หลังจากได้ใช้เวลาเดินทางเที่ยวในเมืองแมนเชสเตอร์ ก็ได้เวลากลับโรงแรมที่พักคืนะ |
 |
ขึ้นรถบัสโดยสารกลับโรงแรมก็สะดวกดีค่ะ จะได้ไม่ต้องเดินไปไกลถึงสถานีรถไฟ ปักหมุดเอาใน Google จะได้รู้ต้องไปรถเมลสายใหน ถือว่าเป็นการเรียนรู้การขึ้นรถเมลโดยสารในบ้านเมืองเขาด้วยค่ะ |
จบทริปสั้นๆ สำหรับการมาเที่ยวเมืองแมนเชสเตอร์ใน 1 วันค่ะ ขอบพระคุณเพื่อนๆและคุณผู้อ่านทุกคน ที่เข้ามาคลิ๊กเปิดสไลด์เลื่อนอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไปค่ะ...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
0 ความคิดเห็น