 |
แบ่งปันทริปเดินทางไปเที่ยวเมืองมาดริด ทริป 3 วัน 2 คืน เดินเที่ยวในเมืองหลวงของประเทศสเปนแห่งนี้ มีที่เที่ยวอะไรให้ไปถ่ายรูปเช็คอินบ้าง ตามไปกันเลยจ้า |
สวัสดีเพื่อนคุณผู้อ่าน และเหล่าเพื่อนผู้รักการทัศนาจรทุกๆคนค่ะ ในที่สุดการเดินทางกับทริปอันยาวไกลกับทริปแบกเป้เที่ยวยุโรปหลายประเทศเป็นแรมเดือน เขียนเป็นแรมปี ก็ยังไม่จบค่ะ เพราะว่าคนเขียนมัวแต่ยุ่งทำงานประจำ เลยไม่ค่อยจะเขียนให้จบรวดเดียว เดี่ยวจะไม่มีอะไรเขียนหลังเลิกงานค่ะ เอาเป็นว่าต้องขอบคุณเพื่อนทุกคนที่เสียสละเวลาคลิ๊กหลงทาง เข้ามาเปิดอ่านกันนะคะ
หลังจากที่บทความก่อนหน้าได้พาไปเที่ยวเมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปนกันไปแล้ว ตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2025/06/backpack-travel-Barcelona-spain-lonly-review.html
ทริปนี้ได้เวลาต้องอำลาเมืองใหญ่อย่างเมืองบาร์เซโลน่า ที่อยู่ติดริมชายทะเล เพื่อมุ่งหน้าเดินทางไปเที่ยวเมืองมาดริด ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศสเปนต่อค่ะ และก่อนที่เราจะไปดูภาพสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง เราก็มารู้จักเมืองมาดริดกันสักเล็กน้อยนะคะ
 |
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเมืองมาดริด ประเทศสเปน (Madrid Capital of Spain) |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองมาดริด ประเทศสเปน (Madrid Capital of Spain)
มาดริด (Madrid) คือเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสเปน เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของสหภาพยุโรป รองจากเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และเขตมหานครใหญ่เป็นอันดับสองของสหภาพยุโรป เทศบาลครอบคลุมพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ 604.3 ตารางกิโลเมตร (233.3 ตารางไมล์) โดย มาดริดตั้งอยู่ริมแม่น้ำมันซานาเรสในตอนกลางของคาบสมุทรไอบีเรีย ที่ระดับความสูงประมาณ 650 เมตร (2,130 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง มาดริดเป็นเมืองหลวงของทั้งสเปนและเขตปกครองตนเองมาดริดโดยรอบ (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526) และยังเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศอีกด้วย
 |
กรุงมาดริดยังเมืองมีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศ |
อีกทั้งกรุงมาดริดยังเมืองมีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจมากมาย มาดริดเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่ก็มีความทันสมัยและเป็นสากล ทำให้เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจ
 |
มาดริดมีที่มาจากชื่อภาษาอาหรับว่า "มัจญฺริต" (مَجْرِيطْ) ซึ่งมีความหมายว่า "แหล่งน้ำ" หรือ "ลำธาร" ในอดีต บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของป้อมปราการที่สร้างโดยชาวมัวร์ |
เมืองมาดริดมีที่มาจากชื่อภาษาอาหรับว่า "มัจญฺริต" (مَجْرِيطْ) ซึ่งมีความหมายว่า "แหล่งน้ำ" หรือ "ลำธาร" ในอดีต บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของป้อมปราการที่สร้างโดยชาวมัวร์ (ผู้ปกครองสเปนเชื้อสายอาหรับ) ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นเมือง. ก่อนหน้าการเข้ามาของชาวมุสลิม มีการตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ตั้งแต่สมัยโรมันและยุควิซิกอธ แต่ไม่มีหลักฐานว่ามีการตั้งชื่อ "มาดริด" ในช่วงเวลานั้น. พอเข้าสู่ช่วงที่ชาวมุสลิมเข้ามาปกครองสเปน (711-1492) มีการสร้างป้อมปราการและกำแพงเมืองที่บริเวณนี้ ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นเมืองและได้รับชื่อ "มัจญฺริต"
การขยายตัวและการเป็นเมืองหลวง: หลังจากที่ชาวคริสต์ยึดครองสเปนคืนได้ เมืองมาดริดก็เริ่มมีการขยายตัวและพัฒนาขึ้น จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1561 พระเจ้าฟิลิปที่ 2 ได้ย้ายราชสำนักมาที่มาดริด ทำให้มาดริดกลายเป็นเมืองหลวงของสเปน.
 |
ศูนย์กลางดั้งเดิมของกรุงมาดริด ซึ่งเป็นฐานทัพที่มีกำแพงล้อมรอบ สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของเอมิเรตแห่งกอร์โดบา |
โดยที่ตั้งศูนย์กลางดั้งเดิมของกรุงมาดริด ซึ่งเป็นฐานทัพที่มีกำแพงล้อมรอบ สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของเอมิเรตแห่งกอร์โดบา ต่อมาถูกชาวคริสต์ยึดครองในปี ค.ศ. 1083 หรือ 1085 และได้รับการสถาปนาขึ้นในช่วงปลายยุคกลางในฐานะเมืองขนาดใหญ่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์กัสติยา การพัฒนากรุงมาดริดในฐานะศูนย์กลางการปกครองได้รับการส่งเสริมหลังจากปี ค.ศ. 1561 โดยกลายเป็นที่ตั้งถาวรของราชสำนักของราชวงศ์ฮิสแปนิก ศตวรรษต่อๆ มามีลักษณะเด่นคือการเสริมสร้างสถานะของกรุงมาดริดภายใต้กรอบของรูปแบบการสร้างรัฐแบบรวมศูนย์และมีความเจริญเรื่อยมา
 |
เมืองมาดริดได้ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม มีพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายแห่ง |
โดยเมืองมาดริดได้ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม มีพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์ปราโด, พิพิธภัณฑ์เรนาโซเฟีย และพิพิธภัณฑ์ทิสเซน-บอร์เนมิสซา นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมมากมาย เช่น พระราชวังหลวง, จัตุรัสมาญอร์, และประตูชัยอัลกาลา
หลังจากที่ได้อ่านสาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองมาดริดไปแล้ว ก็ตามไปดูภาพรีวิวท่องเที่ยวกันต่อได้เลยค่ะ
 |
เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมในเมืองบาร์เซโลน่าประมาณเที่ยงวัน จากนั้นเดินทางมาที่สถานีรถไฟในเมืองมาดริด |
 |
เข้ามาที่สถานีรถไฟเพื่อมากดบัตรคิว ซือตั๋วรถไฟความเร็วสูงเพื่อเดินทางไปเมืองมาดริด |
 |
บรรยากาศด้านในสถานีรถไฟในเมืองบาร์เซโลน่า คนเยอะมากๆ และก็ต้องนั่งรอฟังคิวต่อไปค่ะ |
 |
เนื่องจากฟังภาษาสเปนไม่ค่อยออก ก็เลยต้องเลือกดูจอมิเตอร์แทน ว่าใกล้จะถึงคิวตัวเองหรือเยอะ |
 |
ใช้เวลารอคิวประมาณ 30 กว่านาทีก็ถึงคิวหมายเรียกเข้าไปซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูง เดี๊ยนใช้คู่กับบัตร Euro-Pass ในมือถือที่สมัครไป แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เสียค่าโดยสารรถไฟจ่ายเฉพาะค่าที่นั่งไป 10.55 ยูโร หรือประมาณ 400 บาทค่ะ ได้นั่งรถไฟรอบบ่าย 15.25 น. |
 |
จากนั้นก็มาที่ชานชลาหมายเลข 6 เพื่อไปขึ้นขบวนรถไฟ |
 |
ต้องยืนเข้าแถวรอตรวจบัตรโดยสารให้เจ้าหน้าทีทราบ |
 |
เมื่อผ่านด่านตรวจบัตรแล้ว ก็มาขึ้นขบวนรถไฟต่อ |
 |
มาเดินหาที่นั่งให้ถูกตามหมายเลขตั๋วที่ซือมาค่ะ |
 |
ได้ที่นั่งริมหน้าต่าง ใจจริงอยากได้ริมทางเดิน เพราะจะได้ลุกไปห้องน้ำได้ง่ายๆ |
 |
ล้อหมุนออกจากเมืองบาร์เซโลน่า มุ่งตรงไปยังเมืองมาดริด |
 |
วิวริมหน้าต่าง ก็สามารถมองเห็นทิวทัศน์เป็นเทือกสวนไร่ผักของชาวสเปน ที่ปลูกกันเป็นส่วนใหญ่ |
 |
โดยส่วนใหญ่เป็นไร่ฟาร์มปลูกผัก ผลไม้ ปลูกองุ่น และไร่มะงอก ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา |
 |
แต่ผ่านบางช่วงก็เป็นเขตพื้นที่แห้งแล้ง |
 |
ใช้เวลานัง่รถไฟประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงเมืองมาดริดแล้วค่ะ |
 |
โดยระยะทางจากเมืองบาร์เซโลน่ามาเมืองมาดริด ประมาณ 600 กว่ากิโลเมตร ก็ค่อนข้างไกลพอสมควร นั่งรถไฟความเร็วสูง 2 ชั่วโมงถึงแล้ว |
 |
บรรยากาศด้านในสถานีรถไฟในเมืองมาดริด เดี๊ยนพยายามเดินหาป้ายทางออกค่ะ |
 |
ออกมาจากสถานีรถไฟเมืองมาดริด ก็มาตั้งหลักปักหมุดหาโรงแรมที่่พัก |
 |
ซึ่งโรงแรมที่เดี๊ยนได้ทำการจองไว้ ก็พยามเลือกหาโรงแรมราคาถูก ไม่แพง และอยู่ใกล้สถานีรถไฟมากที่สุด |
 |
ซึ่งเส้นทางไปยังโรงแรมไม่ไกลมากนัก แต่ต้องเดินข้ามทางม้าลาย และเดินขึ้นเนินไปอีกค่ะ |
 |
ในที่สุดก็เดินมาจนถึงโรงแรมที่พักคืนนี้แล้วค่ะ กว่าจะเดินมาถึง เล่นเอาเมื่อยหลัง เพราะโรงแรมตั้งอยู่บนเนินทางลานชัน พักที่โรงแรม Far Home Hostel Atocha |
 |
ทำการเช็คอิน และขึ้นลิฟท์เข้าห้องพัก เป็นห้องนอนรวมมีทั้งหมด 12 เตียง |
 |
ราคาห้องพักคืนละ 800 บาทต่อคน ต่อคืน ห้องพักราคาไม่แพง เตียงนอนมีปลั๊กให้เสียบ แต่ไม่มีม่านที่เตียงนะคะ ทำให้ไม่ค่อยเป็นส่วนตัว เดี๊ยนเลยใช้ผ้าขนหนู ทำให้เป็นม่าน จะได้ดูเป็นส่วนตัว และบังแสงไฟได้ เพราะมีคนเดินเข้า เดินออกตลอด |
 |
ส่วนห้องน้ำ และห้องส้วม อยู่คนละห้อง แยกห้องน้ำชาย หญิง |
 |
ห้องอาบน้ำแบบฝักบัว |
 |
ภายในห้องพักมีกระจก มีถังขยะ และมีตู้ล็อกเกอร์ตามหมายเลขเตียงให้ใส่ของมีค่าได้ด้วย |
 |
ห้องพักมีระเบียง มองเห็นวิวเมืองและถนนที่มุ่งหน้าไปยังจตุรัสมายอร์อีกด้วย |
 |
แต่ที่ชอบคือ ที่โรงแรมมีโซนห้องครัว ให้ทำอาหารทานเองตอนเย็นได้ค่ะ |
 |
ใกล้ๆกับโรงแรมก็มีร้านซุปเปอร์มาเก็ต ซื้อของมาไว้ทำอาหารทานเอง ช่วยประหยัดได้ไปอีก 2 มื้อเลยค่ะ หรือจะหอไปทานระหว่างเดินแบกเป้เที่ยวในตัวเมืองก็ได้ |
 |
ภายในโรงแรมมีโซนให้นั่งพักตามมุมต่างๆด้วย ถือว่าดีทีเดียวค่ะ |
 |
หลังจากดูภาพรีวิวการเดินทางและห้องพักไปแล้ว ต่อไปก็ไปดูสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองมาดริดกันต่อเลยค่ะ |
 |
แผนที่แนะนำแหล่งท่องเที่ยวในเมืองมาดริด ที่ทางเจ้าหน้าที่แนะนำว่าสามารถเดินเท้าเที่ยวรอบเมืองด้วยตัวเองได้ง่ายๆ ตามปากกาที่เจ้าหน้าที่วงเลยค่ะ |
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองมาดริด ประเทศสเปน ทีสามารถเดินเท้าเที่ยวได้ด้วยตัวเอง มีดังนี้ (Sightseeing tour by yourself)
 |
1. จัตุรัสมาญอร์ เมืองมาดริด ประเทศสเปน (Plaza Mayor) |
 |
1.จัตุรัสมาญอร์ เมืองมาดริด ประเทศสเปน (Plaza Mayor) |
 |
1.จัตุรัสมาญอร์ เมืองมาดริด ประเทศสเปน (Plaza Mayor) |
 |
1.จัตุรัสมาญอร์ เมืองมาดริด ประเทศสเปน (Plaza Mayor) |
 |
1.จัตุรัสมาญอร์ เมืองมาดริด ประเทศสเปน (Plaza Mayor) |
 |
1.จัตุรัสมาญอร์ เมืองมาดริด ประเทศสเปน (Plaza Mayor) |
 |
1.จัตุรัสมาญอร์ เมืองมาดริด ประเทศสเปน (Plaza Mayor) |
 |
1. จัตุรัสมาญอร์ -พลาซา เมเยอร์ เมืองมาดริด ประเทศสเปน (Plaza Mayor) |
1.จัตุรัสมาญอร์ (พลาซา มายอร์ เมืองมาดริด ประเทศสเปน (Plaza Mayor)
1.Plaza Mayor สำหรับพลาซา เมเยอร์ หรือบางคนเรียกว่า จัตุรัสมาญอร์ สเปน เป็นจัตุรัสสาธารณะใจกลางเมืองมาดริด ประเทศสเปน มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นศูนย์กลางของกิจกรรมต่างๆ ของเมือง และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญประจำเมืองมาดริด ที่ใครมาเยือนเมืองหลวงของประเทศสเปน ก็ไม่พลาดมาเช็คอินถ่ายรูปกัน จุดเด่นมีอาคารที่สวยงามล้อมรอบจัตุรัส เช่น Casa de la Panaderia เป็นจุดเริ่มต้นของกิโลเมตรที่ 0 ของการนับระยะทางจากเมืองมาดริดด้วย มีอนุสาวรีย์ของกษัตริย์ฟิลิปที่ 3 ขี่ม้า เคยเป็นตลาดกลางของมาดริดในอดีต และมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งจนกลายเป็นจัตุรัสในปัจจุบัน อีกทั้งเป็นจุดนัดพบและทำกิจกรรมต่างๆ ของคนมาดริดและนักท่องเที่ยว
 |
2.ตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel) |
 |
2.ตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel) |
 |
2.ตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel) |
 |
2.ตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel) |
 |
2.ตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel) |
 |
2.ตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel) |
 |
2.ตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel) |
 |
2.ตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel) |
 |
2.ตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel) |
 |
2.ตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel) |
2.ตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel)
2.ตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel) ในมาดริด ถือว่าเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอีกแห่ง เนืองจากอยู่ใกล้กับจตุรัส พลาซา เมเยอร เป็นตลาดอาหารเก่าแก่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่และเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น โดยมีลักษณะเป็นตลาดในร่มซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารและซุ้มขายอาหารที่มีลักษณะเฉพาะตามสไตล์ เป็นศูนย์กลางของอาหารสเปนแท้ๆ มีร้านอาหารมากมายที่นำเสนออาหารหลากหลาย ทั้งอาหารทะเล อาหารว่างแบบทาปาส ไปจนถึงขนมอบและเครื่องดื่มต่างๆให้เลือกทานหลายอย่าง
จุดเด่นของสถาปัตยกรรม โดยเป็นโครงสร้างอาคารที่เป็นเหล็กและกระจก มีความสวยงามและทันสมัย ทำให้ตลาดซานมิเกลเป็นมากกว่าแค่ตลาด แต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ให้นักเดินทางที่มาเยือนเมืองแมดริดต้องถ่ายรูปกันด้วย
 |
3.คาซา ซิสเนรอส (The Casa Cisneros) |
 |
3.คาซา ซิสเนรอส (The Casa Cisneros) |
 |
3.คาซา ซิสเนรอส (The Casa Cisneros) |
 |
3.คาซา ซิสเนรอส (The Casa Cisneros) |
3.คาซา ซิสเนรอส (The Casa Cisneros)
3.คาซา ซิสเนรอส เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่บนจัตุรัสปลาซา เด ลา วิลลา ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1537 ในสไตล์เพลเตอเรสค์ ตามคำร้องขอของเบนิโต ฮิเมเนซ เด ซิสเนรอส สถาปนิกในศตวรรษที่ 16 และเป็นหลานชายของพระคาร์ดินัลซิสเนรอส (รัฐบุรุษและผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยกอมพลูเตนเซ) พระราชวังแห่งนี้ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน
ด้านหน้าของ Plaza de la Villa ได้รับการบูรณะในราวปี ค.ศ. 1909 เมื่อเมืองมาดริดได้เข้าครอบครองพื้นที่และผนวกรวมเข้ากับ Casa de la Villa ทางการได้ดำเนิกปรับปรุงใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1910-1914 ตามแบบแปลนเดิม โดยสถาปนิก Antonio Bellido y Gonzánlez ผู้ซึ่งออกแบบทางเดินด้านหลังที่เชื่อมต่อ Casa de Cisneros กับ Casa de la Villa de Madrid (ศาลาว่าการเก่า)
โดยบริเวณอาคารริม Calle Sacramento ซึ่งเดิมเป็นทางเข้าหลัก มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปะที่สำคัญที่สุด แม้ว่าจะได้รับการปรับเปลี่ยนบางส่วนในระหว่างการบูรณะในปี ค.ศ. 1909 และที่สำคัญพระราชวังแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นคุกของ Antonio Perez เลขานุการหลวงผู้เป็นที่ถกเถียงของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน นอกจากนี้ยังเป็นบ้านเกิดของ Alvaro de Figueroa เคานต์แห่งโรมาโนเนสที่ 1 และนายพล Ramón María Narváez ดยุกแห่งบาเลนเซียที่ 1 ซึ่งเป็นผู้พำนักอันมีชื่อเสียง ซึ่งเคยมาพำนักที่นี่ในปี 1868
 |
4.วิหารซานตามาเรีย ลาเรอัลเดลา อามุดเอนา (Catedral de Santa María la Real de la Almudena) |
 |
4.วิหารซานตามาเรีย ลาเรอัลเดลา อามุดเอนา (Catedral de Santa María la Real de la Almudena) |
 |
4.วิหารซานตามาเรีย ลาเรอัลเดลา อามุดเอนา (Catedral de Santa María la Real de la Almudena) |
 |
4.วิหารซานตามาเรีย ลาเรอัลเดลา อามุดเอนา (Catedral de Santa María la Real de la Almudena) |
 |
4.วิหารซานตามาเรีย ลาเรอัลเดลา อามุดเอนา (Catedral de Santa María la Real de la Almudena) |
4.วิหารซานตามาเรีย ลาเรอัลเดลา อามุดเอนา (Catedral de Santa María la Real de la Almudena)
วิหารซานตามาเรียลาเรอัลเดลาอามุดเอนา (Catedral de Santa María la Real de la Almudena) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า วิหารอัลมูเดนา เป็นอาสนวิหารประจำอัครสังฆมณฑลโรมันคาทอลิกแห่งมาดริด ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน ถือเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญและอลังการที่สุดในมาดริด แม้ว่าสถาปัตยกรรมจะผสมผสานทั้งแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ แต่ก็ยังคงความสวยงามและโดดเด่น ได้รับการอุทิศโดยสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ในปี 1993 ทำให้วิหารแห่งนี้มีความสำคัญทางศาสนาเพิ่มขึ้น โดยวิหารแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองมาดริด และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวและผู้คนในพื้นที่นิยมมาเยี่ยมชมมากที่สุด เนื่องจากอยู่ติดกับพระราชวังหลวง
 |
5.พระราชวังหลวงแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid) |
 |
5.พระราชวังหลวงแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid) |
 |
5.พระราชวังหลวงแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid) |
 |
5.พระราชวังหลวงแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid) |
 |
5.พระราชวังหลวงแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid) |
 |
5.พระราชวังหลวงแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid) |
 |
5.พระราชวังหลวงแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid) |
 |
5.พระราชวังหลวงแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid) |
5.พระราชวังหลวงแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid)
พระราชวังหลวงแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Palacio Real de Madrid เป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก และเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของราชวงศ์สเปน. แม้ว่าปัจจุบันราชวงศ์จะไม่ได้พำนักถาวรที่นี่ แต่ก็ยังคงใช้สำหรับงานพิธีการสำคัญของรัฐ. พระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองมาดริด และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีความสวยงามและประวัติศาสตร์อันยาวนาน.
พระราชวังแห่งนี้มีพื้นที่ 135,000 ตารางเมตร (1,450,000 ตารางฟุต) และมีห้องต่างๆ 3,418 ห้อง นับเป็นพระราชวังหลวงที่ใหญ่อีกแห่งในทวีปในยุโรป พระราชวังมีการผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบบาโรกและนีโอคลาสสิกที่สวยงาม และมีการตกแต่งภายในที่หรูหราด้วยงานศิลปะและของล้ำค่า ภายในพระราชวังมีห้องต่างๆ กว่า 3,000 ห้อง ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี.
 |
6.วิหารเดโบด (Temple of Debod) |
 |
6.วิหารเดโบด (Temple of Debod) |
 |
6.วิหารเดโบด (Temple of Debod) |
 |
6.วิหารเดโบด (Temple of Debod) |
 |
6.วิหารเดโบด (Temple of Debod) |
6.วิหารเดโบด (Temple of Debod)
วิหารเดโบด (Temple of Debod) เป็นวิหารอียิปต์โบราณที่ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน. วิหารเป็นตัวแทนของสถาปัตยกรรมอียิปต์โบราณที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล การย้ายวิหารมายังมาดริดทำให้ผู้คนในยุโรปสามารถเข้าถึงและเรียนรู้เกี่ยวกับอารยธรรมอียิปต์ได้. วิหารแห่งนี้มีความสำคัญเนื่องจากเป็นของขวัญจากรัฐบาลอียิปต์เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือของสเปนในการอนุรักษ์วิหารอาบู ซิมเบล. การย้ายวิหารมายังมาดริดเป็นความพยายามในการอนุรักษ์วิหารและเป็นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ.
วิหารเดโบดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในมาดริด มีนักเดินทางจากทั่วโลกมาเยี่ยมชมวิหารเพื่อชื่นชมความงามทางสถาปัตยกรรมและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ อีกทั้งตัววิหารตั้งอยู่ในสวน Parque de la Montaña ทำให้เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของเมืองมาดริดได้อย่างสวยงามอีกด้วย.
 |
7.จตุรัสแห่งดวงอาทิตย์ หรือ ประตูแห่งดวงอาทิตย์ (Puerta del Sol) |
 |
7.จตุรัสแห่งดวงอาทิตย์ หรือ ประตูแห่งดวงอาทิตย์ (Puerta del Sol) |
 |
7.จตุรัสแห่งดวงอาทิตย์ หรือ ประตูแห่งดวงอาทิตย์ (Puerta del Sol) |
 |
7.จตุรัสแห่งดวงอาทิตย์ หรือ ประตูแห่งดวงอาทิตย์ (Puerta del Sol) |
 |
7.จตุรัสแห่งดวงอาทิตย์ หรือ ประตูแห่งดวงอาทิตย์ (Puerta del Sol) |
 |
7.จตุรัสแห่งดวงอาทิตย์ หรือ ประตูแห่งดวงอาทิตย์ (Puerta del Sol) |
 |
7.จตุรัสแห่งดวงอาทิตย์ หรือ ประตูแห่งดวงอาทิตย์ (Puerta del Sol) |
 |
7.จตุรัสแห่งดวงอาทิตย์ หรือ ประตูแห่งดวงอาทิตย์ (Puerta del Sol) |
 |
7.จตุรัสแห่งดวงอาทิตย์ หรือ ประตูแห่งดวงอาทิตย์ (Puerta del Sol) |
 |
7.จตุรัสแห่งดวงอาทิตย์ หรือ ประตูแห่งดวงอาทิตย์ (Puerta del Sol) |
7.จตุรัสแห่งดวงอาทิตย์ หรือ ประตูแห่งดวงอาทิตย์ (Puerta del Sol) เป็นจัตุรัสสาธารณะและสัญลักษณ์สำคัญในกรุงมาดริด ประเทศสเปน. ถือว่าเป็นศูนย์กลางของเมืองและเครือข่ายถนนรัศมีของสเปน โดยจัตุรัสแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น รูปปั้นหมีและต้นมาโดรญโญ (ต้นสตรอเบอร์รี่) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมาดริด, อนุสาวรีย์พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3, และหลักกิโลเมตรศูนย์ (Kilometer Zero) จัตุรัสนี้เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น เป็นจุดนัดพบและมักมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การเฉลิมฉลองปีใหม่
 |
8.น้ำพุซิเบเลส (Cibeles Fountain) |
 |
8.น้ำพุซิเบเลส (Cibeles Fountain) |
 |
8.น้ำพุซิเบเลส (Cibeles Fountain) |
 |
8.น้ำพุซิเบเลส (Cibeles Fountain) |
8.น้ำพุซิเบเลส (Cibeles Fountain)
เป็นน้ำพุสำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของกรุงมาดริด ประเทศสเปน ตั้งอยู่ในจัตุรัสซิเบเลส (Plaza de Cibeles โดยน้ำพุนี้เป็นที่รู้จักจากรูปปั้นของเทพีซิเบเลส (Cybele) เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ในตำนานกรีก-โรมัน ประทับบนรถศึกที่ลากด้วยสิงโต. น้ำพุซิเบเลสมีความสำคัญในฐานะที่เป็นจุดรวมใจของชาวเมืองมาดริด และยังเป็นสถานที่ที่ใช้เฉลิมฉลองชัยชนะของทีมฟุตบอลเรอัลมาดริด (Real Madrid). อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของกรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน ที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมกันด้วย เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟมากนัก สามารถเดินเท้ามาได้
 |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park) |
 |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park) |
 |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park) |
 |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park) |
 |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park) |
 |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park) |
 |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park) |
 |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park) |
 |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park) |
 |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park) |
 |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park) |
 |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park) |
 |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park) |
9.สวนสาธารณะเรติโร (The Retiro Park)
สำหรับสวนสาธารณะแห่งนี้ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Buen Retiro Park หรือเรียกสั้นๆ ว่า El Retiro เป็นหนึ่งในสวนสาธารณะประจำเมืองที่ใหญ่ที่สุดในกรุงมาดริด ประเทศสเปน สวนแห่งนี้เคยเป็นของราชวงศ์สเปนจนถึงปี ค.ศ. 1868 ก่อนที่จะกลายเป็นสวนสาธารณะหลังการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ริมใจกลางเมือง ใกล้กับประตู Alcalá และพิพิธภัณฑ์ปราโด ครอบคลุมพื้นที่ 1.4 ตารางกิโลเมตร (350 เอเคอร์) ภายในมีสวน อนุสาวรีย์ หอศิลป์ ทะเลสาบเทียม และสถานที่จัดงานต่างๆ ในปี ค.ศ. 2021 สวน Buen Retiro ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ซึ่งรวมถึง Paseo del Prado ด้วย
 |
10.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราโด (Museo Nacional del Prado) |
 |
10.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราโด (Museo Nacional del Prado) |
 |
10.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราโด (Museo Nacional del Prado) |
 |
10.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราโด (Museo Nacional del Prado) |
 |
10.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราโด (Museo Nacional del Prado) |
 |
10.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราโด (Museo Nacional del Prado) |
 |
10.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราโด (Museo Nacional del Prado) |
 |
10.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราโด (Museo Nacional del Prado) |
 |
10.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราโด (Museo Nacional del Prado) |
10.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราโด (Museo Nacional del Prado)
ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน. เป็นพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก. พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีความสำคัญเนื่องจากเป็นที่เก็บรวบรวมงานศิลปะยุโรปจากศตวรรษที่ 12 ถึงต้นศตวรรษที่ 19 ที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก. โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอลเลกชันภาพวาดของสเปนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ที่นี่ยังเป็นที่จัดแสดงผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น ดิเอโก เบลาสเกซ, ฟรานซิสโก โกยา, ราฟาเอล, เฮียโรนิมัส บอช, ปีเตอร์ พอล รูเบนส์, ทิเชียน, แอนโธนี ฟาน ไดค์, เรมบรันต์, และอัลเบร็ชท์ ดือเรอร์ พิพิธภัณฑ์ปราโดเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของกรุงมาดริด และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจในศิลปะต้องเข้าไปชมกัน
 |
11.ประตูอัลกาล่า (Puerta de Alcalá) |
 |
11.ประตูอัลกาล่า (Puerta de Alcalá) |
 |
11.ประตูอัลกาล่า (Puerta de Alcalá) |
11.ประตูอัลกาล่า (Puerta de Alcalá) ตั้งอยู่ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน บริเวณจัตุรัสอัลกาล่า ใกล้กับสวน Retiro. ประตูนี้มีความสำคัญในฐานะที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองมาดริด และเป็นหนึ่งในประตูชัยที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เป็นประตูชัยที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเสด็จมาเยือนของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และยังเป็นจุดเชื่อมต่อของถนนหลายสาย ได้แก่ Calle de Alcalá, Calle de Alfonso XII, Calle de Serrano, และ Calle de la Independencia สามารถเข้าชมและถ่ายรูปได้ฟรี เนื่องจากเป็นแลนด์มาร์คกลางแจ้ง.
 |
12.ถนนแกรนด์เวีย เส้นทางแห่งการช็อปปิ้ง (Gran Vía) |
 |
12.ถนนแกรนด์เวีย เส้นทางแห่งการช็อปปิ้ง (Gran Vía) |
 |
12.ถนนแกรนด์เวีย เส้นทางแห่งการช็อปปิ้ง (Gran Vía) |
 |
12.ถนนแกรนด์เวีย เส้นทางแห่งการช็อปปิ้ง (Gran Vía) |
 |
12.ถนนแกรนด์เวีย เส้นทางแห่งการช็อปปิ้ง (Gran Vía) |
 |
12.ถนนแกรนด์เวีย เส้นทางแห่งการช็อปปิ้ง (Gran Vía) |
12.ถนนแกรนด์เวีย เส้นทางแห่งการช็อปปิ้ง (Gran Vía) ในกรุงมาดริด เป็นถนนสายสำคัญที่มีชื่อเสียงในด้านการช้อปปิ้ง สถาปัตยกรรม และความบันเทิง. ถือเป็นหนึ่งในถนนที่คึกคักที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในเมือง ถนนสายนี้มีอาคารที่โดดเด่นหลายแห่งที่มีสไตล์สถาปัตยกรรมที่หลากหลาย เช่น อาคาร Metropolis, สำนักงานใหญ่ Telefónica, และอาคาร Schweppes. เป็นแหล่งรวมร้านค้าแบรนด์ดัง ห้างสรรพสินค้า และร้านบูติกมากมาย ทำให้เป็นสวรรค์ของนักช้อป.
 |
ของกินอีกอย่างทีคุ้นๆตาคือ ชูโรส หรือ ปาท่องโก๋สเปน |
 |
จุดชมวิวเมืองแถวพระราชวังหลวงสเปน |
 |
จากจุดดังกล่าว สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของตึกรางบ้านช่องในเมืองมาดริดได้อย่างสวยงาม |
 |
ระห่ว่างเดินเที่ยว พกแซนวิชที่ซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ต ราคา 100 กว่าบาท ก็ช่วยให้ทานรองท้องไปก่อนได้ค่ะ |
 |
เดินและก็เดิน ทริปเที่ยวเมืองมาดริด ส่วนใหญ่เน้นเดินค่ะ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งอยู่ในโซนด้วยค่ะ |
 |
และอีกอย่างที่เที่ยวตามจุดต่างๆ ก็อยู่ใกล้ๆกัน ทำให้เดินไม่หลงทางค่ะ |
 |
ก่อนกลับห้องพัก ก็แวะซื้อองุ่นดำที่ขายในซุปเปอร์มาเก็ต ลดราคาถูกมาก ส่วนผลไม้เอเชีย สัปปะรด ราคาแพงไป เลยซื้อองุ่นไป 1 กล่องเอาไปแช่ในตู้ไว้ทานคู่กับสลัดค่ะ |
 |
ส่วนของฝาก และของที่ระลึก ร้านส่วนใหญ่ขายอยู่แถว จตุรัสมาร์ยอ พลาซ่า ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบ |
 |
หรือถ้าเดินมาในย่านถนนแกรนด์เวีย ก็มีร้านขายของฝาก และของที่ระลึกเยอะเช่นกันค่ะ เพื่อนๆคนใหน ที่เดินทางมาเที่ยวมาดริด ก็ไปเดินเลือกซื้อ เลือกหาของที่ชอบกันได้ค่ะ |
และสำหรับทความบล็อกรีวิวแบกเป้คนเดียวไปเที่ยวเมืองมาดริด ประเทศสเปนทริปนี้ ก็ขอจบแต่เพียงแต่เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณเพื่อนๆผู้อ่านทุกคน ที่แวะเวียนเข้ามาคลิ๊กเปิดสไลด์อ่านกัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบกันอีกในบทความถัดไปค่ะ...จากคุณนายเว่อร เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
--------------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกรีวิวท่องเที่ยวเมืองอื่นๆ มีดังนี้ค่ะ
แบ่งปันทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเมืองบาร์เซโลน่า เมืองใหญ่ติดทะเลแห่งนี้ มีที่เที่ยวอะไรใหม่ๆ ต้องไปเช็คอินบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
แบกเป้เดินทางไกล นั่งรถไฟจากอิตาลีไปฝรั่งเศสเที่ยวเมืองอาวียง เพื่อดูสะพานขาดๆปงแซง เบเนแซร์ แลชมเมืองเก่า มีที่เที่ยวอะไรอีกบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>
แบ่งปันทริปแบกเป้เที่ยวกรุงโรมอีกครั้ง 3 วัน 2 คืน แวะนครรัฐวาติกัน เมืองหลวงแห่งนี้นั้น มีที่เที่ยวอะไรให้สุขสันต์บ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
เก็บตกทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเมืองทรอมโซ เมืองงามตามล่าแสงเหนือแห่งนอร์เวย์ มีที่เที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
แปลกถิ่น แบ่งปันทริปแบกเป้พาไปเที่ยวเมืองกราคูฟ เมืองงามติดริมแม่น้ำวิสตูลาแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ไปเช็คอินเที่ยวชมกันบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
จัดทริปรีวิวแบกเป้ไปเที่ยวประเทศโปแลนด์ แวะไปเดินเริ่ดสะแมนแตนชมกรุงวอซอร์ เมืองหลวงสุดยิ่งใหญ่แห่งนี้ มีที่เที่ยวเปิดใหม่อะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
แบ่งปันทริปแบกเป้ไปเที่ยวประเทศลิทัวเนีย ไปเดินคลอเคลียเมืองวีลนีอัส เมืองหลวงมรดกโลกแห่งนี้ มีอะไรให้ไปเช็คอินถ่ายรูปภาพกันบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>
จัดโปรแกรมทริปแบกเป้ไปเที่ยวประเทศลัตเวีย เดินชมเมืองริกา เมืองสวยงามติดทะเลบอลติกแห่งนี้ มีที่เที่ยวอะไรให้ไปเช็คอินบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
แบ่งปันทริปรีวิวแบกเป้นั่งเรือข้ามฟากไปเที่ยวประเทศเอสโนเนีย แวะเยือนเมืองทาลลินน์ เมืองเก่ามรดกโลกแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวไปรีวิวเที่ยวประเทศฟินแลนด์ เดินเริ่ดสะแมนแตนชมเมืองเฮลซิกิ เมืองหลวงแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไร น่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
แบ่งปันรีวิวนั่งเรือจากประเทศสวีเดน ไปประเทศฟินแลนด์ด้วยตัวเอง ไปดูสิว่าบนเรือเฟอรี่โดยสารนั้น มีบริการอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
เก็บตกทริปแบกเป้ไปเที่ยวสวีเดน แวะเดินเล่นในกรุงสต็อกโฮล์ม เมืองหลวงมรดกโลกในแดนดินถิ่นสแกนดิเนเวีย มีที่เที่ยวเปิดใหม่อะไรบ้าง ตามไปดูกันสิ คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>
0 ความคิดเห็น