Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

แบกเป้ไปดูสะพานขาดๆ ปงแซ็ง-เบเนแซ ที่เมืองอาวียง(Avignon) เมืองแห่งนี้มีที่เที่ยวอะไรให้ชมบ้าง

แบ่งปันทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวฝรั่งเศสตอนใต้ นั่งรถไฟจากอิตาลี ไปฝรั่งเศส แวะเที่ยวเมืองอาวีญง เพื่อไปดูสะพานขาดๆ ปงแซ็งเบเนแซร์ แห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ชมอีกบ้าง 




สวัสดีจ้า สวัสดีคุณผู้อ่านทุกๆคน เดี๊ยนหายไปนาน จนบทความบล็อกร้างไปเลยคะ เพราะมัวแต่สาระวนเป็นคนบ้าทำงานประจำอยู่ค่ะ หลังจากเลิกงานมาก่อนเข้านอนคืนนี้ เดี๊ยนเลยขอมาแบ่งปันบทความท่องเที่ยวให้มาได้เพื่อนได้อ่านกันต่อค่ะ

หลังจากที่บทความบล็อกก่อนหน้าๆได้พาไปเที่ยวเมืองเจนัว(Genova) เมืองท่าเรือเก่าแก่สำคัญอีกแห่งในประเทศอิตาลีกันไปแล้ว ซึ่งได้เขียนไว้ในเว็ปไซต์ลิงค์ https://khunnaiver.blogspot.com/2024/05/Travel-Genova-Italy-Backpacker.html


ทริปนี้ต้องเดินทางไกลอีกแล้วค่ะ เพราะปักหมุดไว้จะต้องไปดูสะพานขาดๆ ที่เมืองอาวีญง ในประเทศฝรั่งเศสสักครั้ง เหตุเนื่องจากทริปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่จัดทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวประเทศฝรั่งเศสครั้งแรกคนเดียว และนั่งรถไฟมาเที่ยวเมืองคานส์ ปรากฎว่านั่งรถไฟผ่านเห็นสะพานขาดๆ ที่เมืองอาวีญง ครั้งนั้นพลาดไม่ได้มาเที่ยว ผ่านมาหลายปี เลยจัดทริปมาเที่ยวฝรั่งเศสอีกครั้ง


ทริปนี้เขียนต่อจากบทความก่อนหน้า ตามเว็ปไซต์ลิงค์ด้านบนค่ะ นั่งรถไฟจากอิตาลี มาที่ฝรั่งเศส 


โดยครั้งนี้ต้องนั่งรถไฟจากประเทศอิตาลี มาที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งค่อนข้างทุลักทุเล พอสมควร เพราะต้องเปลี่ยนรถไฟถึง 2 ชานชลา กว่าจะมาถึงเมืองอาวีญง ฝรั่งเศสก็มืดค่ำเลยค่ะ แต่ก่อนที่เราจะไปดูภาพรีวิวท่องเที่ยว ก่อนมารู้จักสาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองอาวีญง (Avignon) กันก่อนสักเล็กน้อย  สำหรับเมืองอาวีญง ออกเสียงเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า อาวียง แต่จะไม่อ่านเป็นแบบภาษาอังกฤษว่า เอวิกอน เพราะให้อ่านแบบ (Avignon) เมื่ออ่านแบบฝรั่งเศสเลยเป็น อาวีญง ตามสำเนียงของคนฝรั่งเศสไปค่ะ 



สาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองอาวีญง ประเทศฝรั่งเศส (About Avignon city, France)


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเมืองอาวีญง ประเทศฝรั่งเศส (About Avignon city, France)


เมืองอาวีญง เป็นหนึ่งเมืองเก่าแก่มีประวัติศาสตร์เป็นมายาวนาน ตั้งอยู่ในจังหวัดของจังหวัดโวกลูส ในแคว้นโพรวองซ์-อาลป์-โกตดาซูร์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโรน และยังถือว่าเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ และยังถือว่าเป็นเมืองหลวงของจังหวัดโวกลูสอีกด้วย 

เมืองอาวีญงได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองแห่งพระสันตะปาปา" เนื่องจากในอดีตนั้นเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสันตะปาปา


โดยเมืองอาวีญงได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองแห่งพระสันตะปาปา" เนื่องจากในอดีตนั้นเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสันตะปาปา (รวมทั้งพระสันตะปาปาเท็จ) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1309 - ค.ศ. 1423 และในช่วงของการแตกแยกครั้งใหญ่ของคริสตจักร (Catholic Schism) นอกจากนี้อาวีญงยังเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองในประเทศฝรั่งเศสที่ยังมีกำแพงเมืองเก่าที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และยังมีศูนย์ประวัติศาสตร์ พระราชวังพระสันตะปาปา สะพานอาวีญง ซึ่งมีการทำนุบำรุงและอนุรักษ์ไว้ให้ชมมาถึงปัจจุบัน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีนักเดินทางมาชมอย่างไม่ขาดสาย 


ด้วยตัวเมืองซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ซึ่งรวมถึง Palais des Papes มหาวิหาร และ Pont d'Avignon ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก


และด้วยตัวเมืองซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ซึ่งรวมถึง Palais des Papes มหาวิหาร และ Pont d'Avignon ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปีค.ศ. 1995 เนื่องมาจากสถาปัตยกรรมและความสำคัญในช่วงศตวรรษที่ 14 และ อนุสรณ์สถานยุคกลางและเทศกาลประจำปี d'Avignon ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลศิลปะการแสดงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ช่วยทำให้เมืองนี้กลายเป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับการท่องเที่ยว


ที่ตั้งของเมืองอาวีญง ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโรน ห่างจากจุดบรรจบกับแม่น้ำดูร็องซ์ไปไม่กี่กิโลเมตร ห่างจากกรุงปารีส ประมาณ 580 กิโลเตร จากรูปภาพเป็นสะพานปงแซ.เบเนแซ โบราณสถานเก่าแก่ชื่อดังประจำเมืองอาวีญง สร้างข้ามแม่น้ำโรน


โดยภูมิศาสตร์ ทำเลที่ตั้งของเมืองอาวีญง ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโรน ห่างจากจุดบรรจบกับแม่น้ำดูร็องซ์ไปไม่กี่กิโลเมตร ห่างจากกรุงปารีส เมืองหลวงของประเทศ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 580 กิโลเมตร ห่างจากลียงไปทางใต้ 229 กิโลเมตร และห่างจากมาร์กเซยไปทางเหนือ-ตะวันตกเฉียงเหนือ 85 กิโลเมตร ทางตะวันตกมีพรมแดนติดกับจังหวัดการ์ดและเทศบาลวิลเนิฟ-เลส์-อาวีญงและเลซองล์ ส่วนทางทิศใต้มีพรมแดนติดกับจังหวัดบูช-ดู-โรนและเทศบาลบาร์เบนเทน โรโญนา ชาโตเรอนาร์ และโนวส์


เมืองนี้ตั้งอยู่ใกล้กับออรองจ์ (ทางเหนือ) นีมส์ มงต์เปลลิเยร์ (ทางตะวันตกเฉียงใต้) อาร์ล (ทางใต้) ซาลอง-เดอ-โพรวองซ์ และมาร์กเซย 


และหากต้องการเดินทางมาเมืองอาวีญงนั้น ก็เดินทางได้หลายวิธี  หากเดินทางด้วยรถยนต์ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง แต่ถ้าเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า โดยส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักเดินทางด้วยรถไฟ เนื่องจากสะดวกสบายและได้ชมทัศนียภาพสวยๆของฝรั่งเศสด้วย 

เมืองนี้ตั้งอยู่ใกล้กับออรองจ์ (ทางเหนือ) นีมส์ มงต์เปลลิเยร์ (ทางตะวันตกเฉียงใต้) อาร์ล (ทางใต้) ซาลอง-เดอ-โพรวองซ์ และมาร์กเซย (ทางตะวันออกเฉียงใต้) มีเขตเทศบาล Caumont-sur-Durance, Morières-lès-Avignon, Le Pontet และ Sorgues อยู่ติดกันทางทิศตะวันออกและทิศเหนือ


เมืองอาวีญงมีสถานที่ท่องเที่ยวและตึกรางสถาปัตยกรรมเก่าแก่จำนวนมาก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ไม่วา่จะเป็น  Rue de la République ถนนสายหลักของเมือง 


โดยเมืองอาวีญงมีสถานที่ท่องเที่ยวและตึกรางสถาปัตยกรรมเก่าแก่จำนวนมาก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ไม่วา่จะเป็น  Rue de la République ถนนสายหลักของเมือง ในส่วนของเมืองภายในกำแพงนั้น อาคารต่างๆ นั้นเก่าแก่ แต่ได้รับการบูรณะหรือสร้างใหม่ในพื้นที่ส่วนใหญ่ (เช่น ที่ทำการไปรษณีย์และ Lycée Frédéric Mistral)  อาคารต่างๆ ริมถนนสายหลัก Rue de la République มีอายุตั้งแต่สมัยจักรวรรดิฝรั่งเศสที่สอง (ค.ศ. 1852–70) โดยมีด้านหน้าอาคารสไตล์ Haussmann และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รอบๆ Place de l'Horloge (จัตุรัสกลาง) ศาลากลางเมืองสไตล์นีโอคลาสสิก และย่านโรงละครที่สำคัญของเมืองอีกด้วย  (เครดิตข้อมูล https://en.wikipedia.org/wiki/Avignon)


หลังจากที่ได้อ่านสาระน่ารู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเมืองอาวีญง เมืองประวัติศาสตร์เก่าแก่ของฝรั่งเศสตอนใต้กันไปแล้ว ก็ไปดูภาพรีวิวท่องเที่ยวกันต่อเลยค่ะ

เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ เขียนต่อจากทริปเที่ยวเมืองเจนัว ประเทศอิตาลี ตามเว็ปไซต์ลิงค์:  https://khunnaiver.blogspot.com/2024/05/Travel-Genova-Italy-Backpacker.html



นั่งรถไฟออกจากเมืองเจนัว (Genova Train station) จองตั๋วล่วงหน้าทางออนไลน์มาเรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่า ตั๋วที่จองทางออนไลน์นั้นเกิดไปซ้ำกับตัวเลขลูกค้าคนอื่น ที่จองกับเจ้าหน้าที่มา ทำให้ที่นั่งเต็ม

ทริปนี้เดี๊ยนเลยต้องแบกเป้ ยืนอยู่ตรงกลางประตูแทน 

จะเห็นว่าด้านในที่นั่งถูกจองเต็มหมด ทำให้ที่วางกระเป๋าแทบไม่มีให้วางเลย บางคนก็วางใกล้ริมทางเดิน ทะลักออกมาตรงประตูเลย

การจองตั๋วรอบนี้ แม้มั่นใจว่าจองล่วงหน้าตั้งแต่ตอนอยู่ที่กรุงโรมมาแล้ว แต่ก็เกิดความผิดพลาดได้ ทำให้เดี๊ยนต้องเสียสละให้คุณป้าซึ่งมีเลขที่นั่งเหมือนกัน ได้นั่งแทน ส่วนเดี๊ยนก็เลยขอมายืนตรงด้านหลังโบกี้รถ 

แม้ว่าจะไม่ได้นั่ง ก็ไม่เป็นไร เพราะได้ยืนดูวิวระหว่างทาง ชมวิวทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในช่วงฤดูร้อนนั้น แสนคึกคัดมากๆ เต็มไปด้วยเตียงผ้าใบ ที่มาจอดตั้งเรียงรายให้บริการลูกค้าที่มานอนอาบแดดกันค่ะ

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 โมงจาก จากเมืองเจนัว (Genova) มาถึง เมืองเวนติมิเกลีย(Ventimiglia) เมืองชายแดนติดกับฝรั่งเศส เพื่อเปลี่ยนไปขึ้นขบวนรถไฟท้องถิ่นต่อคะ

จากนั้นก็นั่งรถไฟท้องถิ่นไปลงที่เมืองนีซ 

พอเปลี่ยนชานชลา ก็ได้นั่งรถไฟ และไม่ต้องยืนเหมือนที่มาจากอิตาลีแล้วค่ะ 

รถไฟที่มาจากอิตาลี จะสิ้นสุดที่เมือง Ventimiglia เป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนไปใช้บริการของขบวนรถไฟท้องถิ่นของประเทศฝรั่งเศส 

ใช้เวลานั่งรถไฟอีกประมาณ 1  ชั่วโมง เพื่อเดินทางไปที่เมืองนีซ (Nice) 

พอมาถึงเมืองนีซ ก็ลงจากสถานีรถไฟเพื่อเข้าไปเช็คขบวนรถไฟที่จะไปเมือง อาวียง 


ซึ่งขบวนรถไฟที่จะนั่งไปเมืองอาวีญง เป็นรถไฟความเร็วสูงค่ะ แต่ยังไม่รู้ว่าต้องไปขึ้นชานชลาใหน 

เดี๊ยนเลยตัดสินใจแบกเป้ ขึ้นบันไดเลื่อนเดินเข้าไปที่สถานี เพื่อไปดูหมายเลข ชานชลารถไฟความเร็วสูงที่จะไปเมืองอาวีญง 

โดยชานชลารถไฟที่จะไปเมืองอาวีญง อยู่ที่หมายเลข F  รอบเวลา 16.34 น. 

เวลา 16.34 น.ก็มาขึ้นนรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเป็นรถไฟที่ต้องจองที่นั่งล่วงหน้าเหมือนกันค่ะ  

รถไฟวิ่งลัดเลาะเลียบริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 

ผ่านหลายเมืองพักตากอากาศทางทะเลที่สวยงามของฝรั่งเศสตอนใต้ไม่ว่าจะเป็น Nice และเมืองคานส์ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงด้วย

ช่วงฤดูร้อนจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว มานอนอาบแดด และเล่นน้ำทะเลกัน 

โดยส่วนใหญ่ก็มักจะพานั่งเรือยอร์ชชมวิวทะเลกัน

นอกจากมีชายหาดที่ไว้อาบแดดกันแล้ว ยังเต็มไปด้วยบ้านพักตากอากาศเรียงรายอยู่บนเชิงเนินเขามากมาย 

ทัศนียภาพระหว่างนั่งรถไฟลัดเลาะริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

หลังจากนั่งรถไฟออกจากทะเลมาไม่ไกลมากนัก ก็จะกลายเป็นพื้นที่ไร่องุ่น

มองไปทางใหนก็มีแต่ไร่องุ่น และไร่ปลูกพืชผักผลไม้ ซึ่งจะออกดอกผลเต็มที่ในฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงฤดูร้อน 

บ้านม่านชานเรือนของผู้คนที่อาศัยอยู่ทางฝรั่งเศสตอนใต้ บ้านหลังเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก น่ารักดีค่ะ

ซึ่งไร่องุ่นส่วนใหญ่ที่ปลูกบริเวณนี้ นิยมนำไปทำไวน์กันค่ะ นั่งรถไฟมา มีแต่ไร่องุ่นค่ะ 

หลังจากที่นั่งรถไฟออกจากเมืองนีชมาตั้งแต่ 4 โมงครึ่ง  เในที่สุดก็มาถึง สถานี Avignon TGV เวลาประมาณ 19.30 น. ซึ่งเป็นสถานีรถไฟความเร็วสูง

เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ Avignon TGV ก็ต้องมารถ รถไฟขบวนที่จะไปสถานี Avignon Center ในย่านตัวเมืองอีกครั้งค่ะ เพราะสถานีรถไฟที่เดี๊ยนลงนั้น อยู่นอกเมืองไกลออกมาอีก 

ระหว่างที่รอรถไฟ ยังมีกับข้าวที่ทำไว้ตั้งแต่อยู่ในห้องครัวที่โรงแรมในเมือง Genova ประเทศอิตาลี เหลืออยู่ เลยนำเอาออกมาทานให้หมด ช่วยประหยัดค่าอาหารไปอีก 1 มื้อค่ะ 

มายืนรอดูตารางเวลารถไฟที่จะไปสถาน Avignon Center  อยู่ที่เวลา 20.56 น. อีกนานเลยค่ะ ที่ชานชลา A 

นั่งทานอาหารกล่องที่เหลืออยู่เพื่อรถไฟประมาณ 30 นาที รถไฟก็มาเทียบชานชลาที่สถานีรถไฟ Avignon TGV แล้ว

บรรยากาศด้านในขบวนรถไฟ ไม่ค่อยมีผู้โดยสารมากนัก เพราะดึกแล้ว 

ใช้เวลานั่งรถไฟจากสถานีรถไฟความเร็วสูง Avignon TGV มาที่สถานี Avignon.Center ใช้เวลาไม่นานประมาณ 15 นาทีก็ถึงค่ะ แต่รอรถไฟนานพอสมควร ส่วนใหญ่ นั่งรถบัสกันมามากกว่า เพราะไม่ต้องรอนาน 

มาถึงสถานีเมืองเก่า อาวีญง ก็ปักหมุด แบกเป้เดินเท้าไปยังโรงแรมต่ออีกค่ะ 

บรรากาศตัวเมืองในช่วงเวลา 3 ท่มก็ยังพอมีคนเดินอยู่บ้างนะคะ แต่ไฟก็เป็นสีส้มมัวๆ สลัว คล้ายๆไฟในเมืองไทยเราเลยค่ะ

ตอนแรกๆก็แอบหวั่นใจเล็กน้อย ว่าจะทางเดินไปโรงแรมจะเปลี่ยวหรือน่ากลัวไหม๊ แต่พอเดินเข้ามา เจอร้านอาหาต่างๆ ก็โล่งอกไปเลยค่ะ รู้สึกปลอดภัยขึ้นเยอะ 

ซึ่งโรงแรมที่เดี๊ยนจองมา ก็เลือกจองโรงแรมใกล้สถานีรถไฟที่สุด จะได้ไม่ต้องเดินไกล เนื่องจากเป็นช่วงดึก มืดค่ำด้วย หากไปไกล เกรงว่าจะอันตราย 

โรงแรมที่พักคืนนี้ มีชื่อว่าโรงแรม Hotel Central Avignon 

ห้องพักตกคืนละ 3200 บาท ยอมจ่ายแพงหน่อย เพื่อความปลอดภัยในการเดินเท้าจากสถานีรถไฟมาไม่ไกลค่ะ ปกติเดี๊ยนจะพักแต่โรงแรมโฮสเทล แต่ที่เมืองอาวียง โรงแรมโอสเทล อยู่ไกลจากสถานีรถไฟมากๆ

ซึ่งห้องพักที่จองมา ก็เหมาะสมกับราคานะคะ มีห้องน้ำในตัว ในห้องมีอ่างอาบน้ำ ลักษณะโรงแรมเป็นที่พักสไตล์บูติค 

ในห้องพักมีโต๊ะให้นั่งทำงาน มีที่วางกระเป๋าเดินทาง มีตู้เสื้อผ้า 

มีร้านคาเฟ่ให้บริการเครื่องดื่ม และมีอาหารเช้าให้บริการด้วย

ซึ่งหากจองห้องพักมาเนิ่นๆล่วงหน้า ราคาห้องพักน่าจะถูกลงกว่านี้ค่ะ แต่เดี๊ยนจองก่อนมาไม่นาน ราคาค่อนข้างสูงพอสมควร 

ใกล้ๆกับโรงแรมก็เป็นซูปเปอร์มาเก็ตห้าง คาร์ฟูร์ ร้านสะดวกซื้อ ใกล้ๆเต็มไปด้วยร้านค้า และร้านอาหาร

และตลอดริมทางเดิน ก็เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น และมีร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่มากมายค่ะ

มาถึงฝรั่งเศสทั้งที ก็สั่งขนมเบเกอรี่มาทานคู่กับเครื่องดื่ม กาแฟ หรือโก้โก้ ร้อนๆสักหน่อยค่ะ 

เดินมาอีกหน่อยไม่ไกล ก็เป็นย่านท่องเที่ยวถนนคนเดิน มีร้านค้าและร้านอาหารให้เลือกทานเยอะทีเดียวค่ะ

เดินมาอีกหน่อย ก็จะเป็นย่านสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแถวเมืองเก่าแล้วค่ะ 



มีร้านขายของที่ระลึกหลายร้านให้เข้าไปซื้อ โดยสินค้าส่วนใหญ่ ก็เป็นพวงกุจแจ ที่หนีบตู้เย็น 

และยังมีผลิตภัณฑ์จากต้นดอกลาเวนเดอร์ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของบที่นี่วางขายด้วย ตุ๊กตาสีม่วง 

ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอาวีญง ก็มีแผนที่แนะนำแหล่งท่องเที่ยวต่างๆให้ด้วยค่ะ (Avignon tourist attraction map)

โดยแหล่งท่องเที่ยวต่างๆในเมืองอาวีญง สามารถเดินเท้าเที่ยวได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆใน 1 วัน เนื่องจากย่านเมืองเก่านั้น สถานที่ท่องเที่ยวอยู่ใกล้ๆกันเลยค่ะ



สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองอาวียง ที่สามารถเดินเที่ยวได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ภายใน 1 วัน ไปเช็คอินถ่ายรูปสวยๆกัน มีดังนี้ (Avignon Tourist Attraction places)


1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) 

1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) 

1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) 

1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) 

1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) 

1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) 

1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) 

1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) 


1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) เป็นสะพานยุคกลางข้ามแม่น้ำโรนในเมืองอาวีญง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เป็นสะพานที่เหลืออยู่เพียงบางส่วน โดยมองเห็นแค่สี่โค้งเท่านั้น ตัวสะพานตัดผ่านแม่น้ำโรน ข้ามจากฝั่งเมืองไปยังฝั่งขวาของแม่น้ำ โดยมีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 900 เมตร


เดิมทีเป็นสะพานไม้ยุคแรกที่ทอดข้ามแม่น้ำโรนระหว่างเมืองวิลเนิฟ-เลส์-อาวีญงและอาวีญง สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1177 ถึง 1185 สะพานไม้แห่งนี้ถูกทำลายในอีกสี่สิบปีต่อมา และในปี ค.ศ. 1226 ในระหว่างสงครามครูเสดอัลบิแฌนเซียน เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 8 แห่งฝรั่งเศสทรงปิดล้อมอาวีญง เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1234 สะพานได้รับการสร้างขึ้นใหม่ ด้วยซุ้มหิน 22 แห่ง สะพานหินมีความยาวประมาณ 900 เมตร (980 หลา) และกว้างเพียง 4.9 เมตร (16 ฟุต 1 นิ้ว) รวมถึงราวกันตกที่ด้านข้าง สะพานถูกทิ้งร้างในกลางศตวรรษที่ 17 เนื่องจากซุ้มหินมักจะพังทลายลงทุกครั้งที่แม่น้ำโรนท่วม ในปีค.ศ. 1669 ได้เกิด อุทกภัยครั้งใหญ่ได้ทำลายสะพานเกือบทั้งหมด โดยเสาฐานของสะพานเหลือเพียง 4 เสาจากทั้งหมด 22 เสาแต่เดิม และได้ถูกทิ้งร้างลงถึงปัจจุบัน


สะพานแห่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเพลง Sur le pont d'Avignon และถือเป็นสถานที่สำคัญของเมือง ในปี 1995 ซุ้มโค้งของสะพานที่ยังหลงเหลืออยู่ได้รับการจัดให้เป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับพระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง และอนุสรณ์สถานอื่นๆ จากศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของอาวีญง เนื่องจากเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทนำของอาวีญงในระบอบของพระสันตปาปาในช่วงศตวรรษที่ 14 และ 15 ที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ฝรังเศสอย่างยิ่งด้วย

 

2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง  (Palais des Papes d'Avignon,)



2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง  (Palais des Papes d'Avignon,)

2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง  (Palais des Papes d'Avignon,)

2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง  (Palais des Papes d'Avignon,)

2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง  (Palais des Papes d'Avignon,)

2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง  (Palais des Papes d'Avignon,)


2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง  (Palais des Papes d'Avignon,)

โดยพระราชวังแห่งนี้ ถือเป็นพระราชวังศิลปแบบโกธิคที่สวยงามอีกแห่งในยุโรป ตั้งในเมืองอาวีญง ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในอาคารกอธิคยุคกลางที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในยุโรป เดิมทีเป็นป้อมปราการและพระราชวัง พระราชวังแห่งนี้เคยเป็นที่นั่งของศาสนาคริสต์ตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 14 มีการประชุมลับของพระสันตปาปา 6 ครั้งด้านในตัวปราสาท ซึ่งนำไปสู่การเลือกตั้งพระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่ 12 ในปี 1334 พระสันตปาปาเคลเมนต์ที่ 6 ในปี 1342 พระสันตปาปาอินโนเซนต์ที่ 6 ในปี 1352 พระสันตปาปาเออร์บันที่ 5 ในปี 1362 พระสันตปาปาเกรกอรีที่ 11 ในปี 1370 และพระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่ 13 ในปี 1394 

จนกระทั่งในปี 1995 พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง ได้รับการจัดให้เป็นแหล่งมรดกโลกของ UNESCO เนื่องจากมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์สำหรับตำแหน่งพระสันตปาปา

จุดเด่นของพระราชวังแห่งนี้ประกอบด้วยอาคารสองหลังที่เชื่อมติดกัน ได้แก่ พระราชวังเก่าของพระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่ 12 ซึ่งตั้งอยู่บนโขดหิน Doms อันแข็งแกร่ง และพระราชวังใหม่ของพระสันตปาปาเคลเมนต์ที่ 6 ซึ่งเป็นพระสันตปาปาที่มีความโอ่อ่าที่สุดแห่งเมืองอาวีญง โดยการสร้างพระราชวังทั้งสองหลังรวมกันเป็นอาคารกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในยุคกลาง นอกจากนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของรูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิคสากลอีกด้วย


3.อาสนวิหารอาวีญง 

3.อาสนวิหารอาวีญง 

3.อาสนวิหารอาวีญง 

3.อาสนวิหารอาวีญง 

3.อาสนวิหารอาวีญง 


3.อาสนวิหารอาวีญง เป็นโบสถ์โรมันคาธอลิกที่ตั้งอยู่ติดกับ Palais des Papes ในเมืองอาวีญง ประเทศฝรั่งเศส มหาวิหารแห่งนี้เป็นที่นั่งของอาร์ชบิชอปแห่งอาวีญง 

มหาวิหารแห่งนี้เป็นอาคารแบบโรมาเนสก์ สร้างขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 12 หอระฆังพังทลายลงในปี ค.ศ. 1405 และได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1425  และในปี ค.ศ. 1670–1672 แอปซิสได้รับการสร้างขึ้นใหม่และต่อเติม  การต่อเติมดังกล่าวส่งผลให้ตัวอารามในยุคกลางนั้นถูกทำลายลง อาคารนี้ถูกทิ้งร้างและปล่อยให้ทรุดโทรมลงในช่วงการปฏิวัติ แต่ได้รับการถวายใหม่ในปี ค.ศ.1822 และบูรณะโดยอาร์ชบิชอปเซเลสติน ดูปองต์ในปี 1835–1842 คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของอาสนวิหารคือรูปปั้นพระแม่มารีปิดทองบนยอดหอระฆัง ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1859 

ในปี พ.ศ. 2538 มหาวิหารแห่งนี้ พร้อมด้วย Palais des Papes และอาคารประวัติศาสตร์อื่นๆ ในใจกลางเมืองอาวีญง ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO เนื่องมาจากสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และความสำคัญในช่วงศตวรรษที่ 14 และ 15 


4.กำแพงเมืองเก่าอาวีญง ( Walls of Avignon) 

4.กำแพงเมืองเก่าอาวีญง ( Walls of Avignon) 

4.กำแพงเมืองเก่าอาวีญง ( Walls of Avignon) 


4.กำแพงเมืองเก่าอาวีญง ( Walls of Avignon) 

4.กำแพงเมืองเก่าอาวีญง ( Walls of Avignon) 

4.กำแพงเมืองเก่าอาวีญง ( Walls of Avignon) 

สำหรับกำแพงเมืองอาวีญง (ภาษาฝรั่งเศส: Les Remparts d'Avignon) เป็นกำแพงหินป้องกันที่ล้อมรอบเมืองอาวีญงทางตอนใต้ของฝรั่งเศส กำแพงเหล่านี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ในสมัยที่อาวีญงเป็นพระสันตปาปา และได้รับการบูรณะและซ่อมแซมอย่างต่อเนื่องตลอดประวัติศาสตร์ที่ตามมา

กำแพงปัจจุบันทำหน้าแทนที่กำแพงป้องกันสองชั้นเดิมที่สร้างเสร็จในสองทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 13 ในช่วงสงครามครูเสดอัลบิเจนเซียน เมืองนี้เข้าข้างเรมอนด์ที่ 7 เคานต์แห่งตูลูส แต่ในปี ค.ศ. 1226 หลังจากที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 8 แห่งฝรั่งเศสปิดล้อมเมืองเป็นเวลาสามเดือน จนทำให้เมืองอาวีญงยอมจำนนและถูกบังคับให้รื้อกำแพงเดิมและถมคูน้ำ กำแพงเดิมได้รับการสร้างขึ้นใหม่ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 1231 และแม้ว่าจะไม่เหลืออยู่ แต่เส้นทางเดินของกำแพงยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ในผังถนนของเมือง


ลักษณะของกำแพงเมืองทอดยาวออกไป 4.3 กิโลเมตร (2.7 ไมล์) และครอบคลุมพื้นที่ 150 เฮกตาร์ (370 เอเคอร์) เดิมทีมีประตูทางเข้าเมือง 12 ประตู แต่จำนวนประตูนี้ลดลงเหลือเพียง 7 ประตูเมื่อมีการดัดแปลงป้อมปราการระหว่างปี ค.ศ. 1481 ถึง 1487 ในช่วงสงครามศาสนาของฝรั่งเศส ปัจจุบันมีทางเข้าสำหรับยานพาหนะ 15 ทางและทางเข้าสำหรับทางเดินเท้า 11 ทาง


5.วิหารแซงต์-มาร์กซิยาล อาวีญง (Temple Saint-Martial d'Avignon)

5.วิหารแซงต์-มาร์กซิยาล อาวีญง (Temple Saint-Martial d'Avignon)

5.วิหารแซงต์-มาร์กซิยาล อาวีญง (Temple Saint-Martial d'Avignon)

5.วิหารแซงต์-มาร์กซิยาล อาวีญง (Temple Saint-Martial d'Avignon)


5.วิหารแซงต์-มาร์กซิยาล อาวีญง (Temple Saint-Martial d'Avignon)

เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของนิกายโปรเตสแตนต์ ตั้งอยู่ที่มุมถนน Rue des Lices และ Rue de la République ในเมืองอาวีญง ตำบลแห่งนี้เป็นสมาชิกของคริสตจักรโปรเตสแตนต์แห่งฝรั่งเศส เดิมทีเป็นพระราชวังของราชินีฌานน์ และต่อมาเป็นที่ประทับของพระคาร์ดินัลแห่งอองโดริง เดอ ลา โรช จึงได้กลายมาเป็นสถานที่อยู่อาศัยของตระกูลคลูเนีย ต่อมาที่นี่ได้รับใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ซึ่ง Jean-Henri Fabre ซึ่งดำรงตำแหน่งภัณฑารักษ์ ได้ทำการสอนร่วมกับ Stéphane Mallarmé  

ในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา การปฏิรูปศาสนาโปรเตสแตนต์ได้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ ในเมืองโปรเตสแตนต์ขนาดใหญ่เช่นออเรนจ์และนีมส์ แต่ถูกปราบปรามในเมืองของพระสันตปาปา จนกระทั่ง เสรีภาพในการนับถือศาสนาได้รับการรับรองระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสโดยมาตรา 10 ของปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของมนุษย์และพลเมืองปี 1789 ตั้งแต่ปี 1830 ชุมชนโปรเตสแตนต์ได้ย้ายเข้าไปอยู่ที่ Hôtel de Sade, rue Dorée

จุดเด่นอีกอย่างภายในบริเวณแห่งนี้คือ มีซากโบสถ์แซงต์มาร์เชียลในจัตุรัส ที่หลงเหลืออยู่ให้ได้เรียนรู้และศึกษามาจนถึงปัจจุบัน 


6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) 

6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) 


6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) 

อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ในเมืองอาวีญงที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ฟรี  โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ภายในพิพิธภัณฑ์ถูกจัดแสดงด้วยนิทรรศการซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสองอาคาร โดยงานศิลปะวิจิตรศิลป์จัดแสดงอยู่ในโรงแรมแบบเฉพาะกิจในศตวรรษที่ 18 และพิพิธภัณฑ์ Lapidary แยกต่างหากในโบสถ์เก่าของวิทยาลัยเยซูอิตของเมืองบนถนน Rue de la République พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดำเนินการโดย Fondation Calvet

ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุ และของสะสมต่างๆยังรวมถึงงานทอง งานเซรามิก เครื่องลายคราม ผ้าทอผนัง งานเหล็ก และตัวอย่างอื่นๆ ของศิลปะตกแต่ง ตลอดจนโบราณคดี และชาติพันธุ์วิทยาของเอเชีย โอเชียเนีย และแอฟริกา

นักสะสมและนักกายภาพบำบัดชื่อดัง Esprit Calvet อุทิศชีวิตให้กับการแพทย์และศิลปะ ในปี 1810 เขาได้ทำพินัยกรรมมอบห้องสมุด คอลเล็กชันประวัติศาสตร์ธรรมชาติ และห้องเก็บโบราณวัตถุให้แก่บ้านเกิดของเขาที่เมืองอาวีญง พร้อมทั้งมอบเงินทุนที่จำเป็นเพื่อให้เข้าถึงได้ในฐานะสถาบันอิสระ นโปเลียนที่ 1 ได้ออกพระราชกฤษฎีกาเมื่อวันที่ 9 เมษายน 1811 จากพระราชวังตุยเลอรี อนุญาตให้ผู้ว่าการเมืองอาวีญงรับมรดกในนามของเมืองอาวียง พิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นจึงตั้งชื่อตามเขาและเป็นที่จัดเก็บคอลเล็กชันของเขา


7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms 

7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms 

7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms 

7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms 

7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms 

7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms 

7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms 

7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms 

7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms 


7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms 


สวน Rocher des Doms เป็นสวนสาธารณะขนาด 3 เฮกตาร์ที่ตั้งอยู่บนยอด Rocher des Doms ในใจกลางเมืองประวัติศาสตร์ของอาวีญง สวนแห่งนี้ได้รับการจัดให้เป็นสวนที่น่าทึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 และเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567 โดยตั้งอยู่ติดกับ Palais des Papes และสวนของสวนแห่งนี้ มีทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเมืองอาวีญง สะพานปงดาวีญง และแม่น้ำโรน 

โดยโรเชอร์ เดส์ โดมส์: เป็นเทือกเขาหินซึ่งเป็นศูนย์กลางดั้งเดิมของเมืองอาวีญง ครั้งหนึ่งที่นี่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงปราการและเป็นที่ตั้งของปราสาท ต่อมาเป็นคลังเก็บดินปืน ก่อนที่จะกลายมาเป็นสวนสาธารณะ สวน Doms ถูกออกแบบมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันมีทางเดินเล่นที่สวยงามเต็มไปด้วยต้นไม้และพุ่มไม้นานาพันธุ์ รวมถึงทะเลสาบที่มีรูปปั้น "วีนัสแห่งนกนางแอ่น" กลายเป็นสวนสาธารณะสำคัญที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว และยังเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็น สะพานปงแซงเบเนแซ และวิวแม่น้ำได้อย่างงดงามอีกด้วย 


สาธารณะสมัยศตวรรษที่ 19 มีพื้นที่ 3 เฮกตาร์ ตั้งอยู่บน Rocher des Doms ในใจกลางเมืองเก่าของอาวีญง (ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก) ในเขตโวกลูสในแคว้นโพรวองซ์ สวนนี้ตั้งอยู่ติดกับ Palais des Papes ในอาวีญงและสวนพระราชวัง โดยได้รับการจัดให้เป็นสวนที่น่าทึ่งตั้งแต่ปี 2003 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี 2024 


นอกจากนี้ยังมีย่านร้านค้า ถนนคนเดินให้ไปเช็คอินกันด้วยค่ะ 

แต่วันที่เดี๊ยนเดินทางมาเที่ยว เป็นวันธรรมดา ร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดกัน

ใช้พลังงานในการเดินเยอะพอสมควร เลยเดินออกมาหาซื้ออะไรทานมื้อเที่ยงก่อนค่ะ 

เดินออกมาหาซื้ออะไรทาน สรุปคือ ได้ไปซื้อแซนวิชที่ห้างคาร์ฟูร์ใกล้ๆโรงแรมมานั่งกินแทนค่ะ


ทานอาหารไปมื้อเที่ยง ยังไม่อิ่มค่ะ ซัดไก่อบ กับมันผรั่ง ทานแนมคู่กับผักสลัด แอปเปิ้ล และขนมอีกค่ะ อิ่มแน่ๆ 

นอกจากแหล่งท่องเที่ยวที่กล่าวมาข้างต้น ในเมืองอาวียง ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายแห่งเลยล่ะค่ะ 


และสำหรับบทความบล็อกรีวิวท่องเที่ยวเมืองอาวีญง แบบเที่ยวไปตามภาพ ซึ่งได้นำเสนอมาให้เพื่อนได้สไลด์อ่านกัน น่าจะได้ความรู้บ้างไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอบพระคุณที่เข้ามาเปิดอ่านดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในบทความถัดไป....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น