|
บันทึกการเดินทางเที่ยวไปตามภาพทริปนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมาแบ่งปันทริปรีวิวเที่ยวเขาวงพระจันทร์ในวันธรรมดา 1 วัน ก็เที่ยวได้นะ ทริปสั้นๆ สักครั้งหนึ่งในชีวิต เดินพิชิตขั้นบันได 3,790 ขั้น |
กลับมาทักทายเพื่อนๆสายเที่ยวทัศนาจร ออนซอนหัวใจทุกคนจ้า จัดทริปเที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ให้จู๊กกรูหัวใจกับบทความทริปนี้ เดี๊ยนเองก็ได้มีโอกาสแวะไปเที่ยวพิชิตยอดเขาวงพระจันทร์มาค่ะ จัดเป็นหนึ่งในที่เที่ยวยอดนิยมอีกแห่งของจังหวัดลพบุรี
หลังจากที่พลาดไม่ได้มาเที่ยวงานเทศกาลขึ้นเเขาวงพระจันทร์ ที่จัดขึ้นทุกเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เหตุเนื่องจากติดงานประจำ ใหนๆมีวันหยุดทั้งที ไปเที่ยวเขาวงพระจันทร์ ในวันธรรมดาก็น่าเที่ยวอยู่ไม่น้อย เพราะผู้คนไม่เยอะ และไม่วุ่นวายอีกด้วย
เพื่อไม่ให้บทความร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า เลยขอมาเก็บตก : รีวิวบันทึกการเดินทางเที่ยวเขาวงพระจันทร์ในวันธรรมดา ก็น่าเที่ยวไม่น้อย เดินพิชิตบันได 3790 ขั้น มาให้เพื่อนๆคุณผู้อ่านที่ยังไม่เคยมาเที่ยวเขาวงพระจันทร์ หรือเพื่อนๆคนใหน ที่ปักหมุดมาเที่ยวลพบุรี นอกจากไปเที่ยวในตัวเมืองแล้ว ก็อย่าลืม แวะมาเดินชิตบันได 3790 ขั้นด้วยการมาเที่ยวเขาวงพระจันทร์กันนะคะ
|
ออกเดินทางไปเที่ยวเขาวงพระจันทร์วันนี้ ออกจากกรุงเทพแต่เช้าเลยจ้า |
เริ่มต้นบันทึกการเดินทางทริปเที่ยวเขาวงพระจันทร์ใน 1 วันทริปนี้ เดี๊ยนออกเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่เช้าเลยค่ะ หลังจากทำธุระทางบ้าน ก็พากันขับรถเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดลพบุรี
โดยใช้ถนนสายเอเชีย ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มุ่งหน้าผ่าน อ่างทอง และก็เข้าจังหวัดลพบุรี
พอเดินทางมาถึงเขตอำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ก็เลือกใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 4132 แทน เพื่อจะได้ไม่ได้ต้องขับรถเข้ามาในเมืองลพบุรีค่ะ
โดยพอขับรถถออกมาจากถนนเลียบชลประทาน ซึ่งจากกรุงเทพ มาถึง วัดเขาวงพระจันทร์ ระยะทางรวมประมาณ 174 กิโลเมตรโดยประมาณค่ะ ใช้เวลาขับรถประมาณ 1ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้วค่ะ แต่ถ้ารถติดก็น่าจะประมาณ 2 ชั่วโมง
ผ่านทุ่งนาข้าวนาปรังเขียวขจี และก็เลี้ยวเข้าถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นถนนที่จะไปตัดกับแยกอำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์
แต่เราไม่ได้ไปถึงนครสวรรค์นะคะ ขับรถมาเรื่อยๆจากนั้นก็เลี้ยวรถเข้าไปตามป้ายบอกทาง เขาวงพระจันทร์อีก 5 กิโลเมตร
|
ขับรถตรงไปอีก 5 กิโลเมตร มองเห็นองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่สีทองอร่าม ตั้งตระหง่านเห็นมาแต่ไกล |
จากปากทางประตูวัดไปยังบริเวณที่ตั้งของวัด อีก 5 กิโลเมตร ก็เป็นถนนเส้นตรงไป ซึ่งจากจุดนี้ สามารถมองเห็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่สีทองอร่ามได้อย่างสวยงามทีเดียวเรา สามารถลงไปถ่ายรูปได้นะคะ แต่วันที่เดี๊ยนไปเที่ยว ก็ไม่ได้ลงไปถ่ายรูปค่ะ เลือกถ่ายจากนั่งด้านในรถแทน เพราะเก็บแรงไว้ขึ้นเขาจ้า
|
แวะลงไปถ่ายรูปเช็คอินคู่กับป้าย วัดเขาวงพระจันทร์ พร้อมกับฉากหลังเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ |
พอขับรถมาถึงบริเวณวัด ก็จะมีจุดให้แวะจอดถ่ายรูปบริเวณป้ายเขาวงพระจันทร์อีก 1 จุดค่ะ มุมนี้สวยทีเดียวค่ะ ต้องลงไปถ่ายรูปภาพเป็นที่ระลึก ให้ระทึกหัวใจสักหน่อย
หากมาเที่ยวช่วงเทศกาลขึ้นเขาวงพระจันทร์โดยเฉพาะ ก็อาจจะไม่ได้ลงมาถ่ายรูปแบบนี้ได้นะคะ เนื่องจากนักท่องเที่ยวและคนก็จะเยอะมากๆ รถ รา ก็คับคั่งมากมาย แนะนำว่ามาเที่ยววันธรรมดาดีสุดๆไปเลยจ้า
|
เรื่องน่ารู้เล็กๆน้อยเกี่ยวกับวัดเขาวงพระจันทร์ อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี |
เรื่องน่ารู้เล็กๆน้อยเกี่ยวกับวัดเขาวงพระจันทร์ (About khao wong prachan)
วัดเขาวงพระจันทร์ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองลพบุรีประมาณ 28 กม. ตามเส้นทางถนนพหลโยธิน ตรงหลักกม.ที่ 178 มีทางแยกเลี้ยวขวาอีก 5 กม. ตั้งอยู่ในเขตตำบลห้วยโป่งอำเภอโคกสำโรงบริเวณเชิงเขาจะเป็นที่ตั้งของวัดเขาวงพระจันทร์ โดยจุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ จะมีทางบันไดไปสู่ยอดเขาประมาณ 3,799 ขั้นยอดเขานี้สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 650 เมตร ถ้าวัดจากเชิงเขาถึงยอดเขาโดยแนวบันไดจะยาว 1,680 เมตร ใช้เวลาเดินทางจากเชิงเขาถึงยอดเขาประมาณ 2-3 ชั่วโมง สองข้างทางจะเต็มไปด้วยป่าไม้ขึ้นสลับซับซ้อนเต็มไปหมด บางแห่งจะเป็นที่ลาด บางแห่งจะเป็นที่ชัน เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาวงพระจันทร์จะมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้ไกลสุดสายตา มีทิวทัศน์ที่สวยงาม และด้านบนยอดเขา ลมพัดเย็นสบาย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาท และสิ่งศักดิ์ต่างๆ (เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดเขาวงพระจันทร์)
ภายในวัดมีมีพระมงคลภาวนาวิกรม พระราชาคณะชั้นสามัญ เป็นอดีตเจ้าอาวาสซึ่งได้มรณภาพไปแล้ว โดยชาวลพบุรีจะเรียนท่านว่า หลวงปู่ฟัก
ซึ่งหากใครที่มาถึงวัด ก่อนขึ้นไปพิชิตยอดเขา ก็ต้องไม่พลาด เข้าไปกราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลกัน
|
ไหว้พระภายในวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเดินพิชิตเขาวงพระจันทร์ |
สำหรับพิพิธภัณฑ์วัดเขาวงพระจันทร์ ก่อตั้งโดยหลวงพ่อฟัก เจ้าอาวาสวัดเขาวงพระจันทร์ พิพิธภัณฑ์เป็นอาคารไม้สัก 3 ชั้น อาคารชั้นแรกเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรารีริกธาตุ และพระธาตุสำคัญของพระเกจิอาจารยร์องค์ต่างๆ อีกส่วนเป็นที่จัดแสดงเครื่องลายคราม ถ้วยโถ โอชาม ชั้นสองเป็นเครื่องรางของขลังจำพวกพระเครื่องขนาดเล็ก และพระเครื่องสำคัญที่มีผู้มาถวายวัด ชั้นสาม จัดแสดงพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 และเทวรูปต่างๆ
หลังจากไหว้พระพุทธรูปในพระอุโบสถแล้ว ก็ไปไหว้พระพุทธโชคต่อค่ะ ซึ่งมีบันไดเดินขึ้นไป เป็นคนละเส้นทางบันไดกับเขาวงพระจันทร์นะคะ หลายคนชอบสับสน คิดเป็นบันไดเดียวกัน แต่จริงๆแล้ว คนละเส้นทางกันจ้า
สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่ ไม่อยากเดินพิชิตเขาวงพระจันทร์ ก็แนะนำมาเดินขั้นบันได ไปไหว้พระพุทธโชคได้นะคะ ระยะทางไม่ไกล บันไดทางเดินก็กว้างขวาง
โดยในส่วนบริเวณพื้นที่รอบๆองค์พระพุทธโชค ด้านหน้าเป็นลานกว้างประกอบไปด้วย บันไดขึ้นสู่องค์พระ, ศาลาธรรมขนาดใหญ่ จำนวน 2 หลัง
|
บริเวณทางเดินขึ้นไปยังองค์พระพุทธโชค |
อีกทั้งยังมี จุดชมวิว, อนุสรณ์หนุมาน ด้านหลังเป็นพื้นที่จอดรถสะดวกสบาย เดินขึ้นมาตามขั้นบันไดมาเรื่อย ก็จะเห็นองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่มหึมา สามารถขึ้นไปสักการะและถ่ายรูปภาพได้อย่างสวยงาม
สำหรับองค์พระพุทธโชค หรือ พระเชียงแสน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยเชียงแสน มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดลพบุรี และใหญ่เป็นลำดับที่ 2 ของประเทศไทย (รองจากพระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ)
|
พระพุทธโชคประดิษฐานอยู่บริเวณริมเชิงเขาวงพระจันทร์ |
ซึ่งองค์พระพุทธโชคประดิษฐานอยู่บริเวณริมเชิงเขาวงพระจันทร์ โดยแรกเริ่มโครงการก่อสร้างจะใช้ชื่อว่า "พระเชียงแสน" องค์พระก่อด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดหน้าตักกว้าง 45 เมตร สูง 75 เมตร เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2553 ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างองค์พระ 8 ปี (โดยประมาณ)
|
พระพุทธโชค พระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย |
ในปัจจุบันพระเชียงแสนได้ทำการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2561 และมีการจัดพิธีถวายพระนามใหม่ว่า "พระพุทธโชค" เมื่อวันอังคารที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2561 และมีพิธีสมโภชพระพุทธโชค เมื่อวันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2561 โดยสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) วัดบวรนิเวศวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นองค์ประธาน พร้อมด้วยกรรมการมหาเถรสมาคมรูปอื่น ตลอดจนพระมหาเถระที่มีชื่อเสียงร่วมประกอบพิธีอีกเป็นจำนวนมาก
เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่จริงๆค่ะ เดินๆเข้าไปใกล้ๆองค์พระ คือตัวเล็กไปเลยนะคะ
|
มองไปยังพระพักต์ขององค์พระพุทธรูปก็เต็มอิ่มไปด้วยความสุข สงบและร่มเย็นๆ |
ถ่ายรูปซูมมองไปยังพระพักต์ขององค์พระพุทธรูปก็เต็มอิ่มไปด้วยความสุข สงบและร่มเย็นๆ เพราะเห็นนักท่องเที่ยวที่มากั้น ก็ไปหลบร่มใต้ฐานองค์พระ ซึ่งเย็นดีทีเดียวค่ะ
จากบริเวณฐานของพระพุทธโชคองค์ใหญ่ มองลงไปก็จะเห็นวิวทัศน์ได้อย่างทั่วถึงสวยงาม วันที่มาเที่ยวโชคดี มีลมพัดเย็นสบาย ช่วยคลายร้อนได้ดีทีเดียวค่ะ
มองลงไปจากบริเวณทางเดินด้านบน ก็จะเห็นตัววัดและทัศนียภาพด้านล่างได้อย่างสวยงาม
ส่วนใครที่มาเที่ยววันธรรมดา นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมีเท่าใดนัก จะเห็นก็แต่เจ้ากะทิสีขาว ออกมานั่งต้อนรับอยู่ภายในวัดนี้แหละค่ะ
|
น้องหมาตัวเล็กๆ รอต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ตรงบันได |
นอกจากนี้ยังมีน้องหมา รอต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกหลายตัวเลยจ้า
หลังจากไปไหว้พระพุทธโชคแล้ว ก็เดินมาเริ่มต้นไปพิชิตยอดเขาวงพระจันทร์ในวันธรรมดากันเลยค่ะ ถ้าใครมาเที่ยววันธรรมดา อย่าลืมพกน้ำดื่มใส่กระเป๋าเป้ไปด้วย รองเท้าแนะนำเป็นหุ้มส้นนะคะ จะได้เดินกระฉับกระเฉง และไม่ปวดเท้า
เดินออกกำลังแข้งขามาเรื่อยๆ ก็จะมีป้ายบอกอยู่เป็นระยะค่ะ เพื่อให้กำลังใจว่าต้อนนี้ถึง 500 ขึ้นแล้วนะ
เจอน้องหมา เจ้าถิ่นที่อยู่บริเวณจุดแวะพักตามร้านค้าต่างๆ ถือว่าเป็นดาราริมทางของที่นี่เลยค่ะ เพราะมีอยู่ตลอดทาง
จากทางเดินบันไดก็จะเห็นองค์พระพุทธโชค ประดิษฐานอยู่ข้างเชิงเขาวงพระจันทร์ ดูโดดเด่นสวยงามยิ่งนัก
เดินมาถึง 1500 ขั้นเอง ไปต่อจ้า ตลอดระยะทาง มีป้ายบอกระยะให้กำลังใจตลอดเลยจ้า
มาถึงอีก 2000 ขั้นแล้ว เดินไปอีกนิดก็จะถึงแล้วจ้า
|
ออกแรงแข้งขา เดินขึ้นมา ก็จะเห็นวิวองค์พระด้านล่างเล็กลงไปเรื่อยๆ |
ใช้พละกำลังออกแรงแข้งขา เดินขึ้นมา ก็จะเห็นวิวองค์พระด้านล่างเล็กลงไปเรื่อยๆ
มองจากจุดนี้ เดินขึ้นไปอีกนิด ก็จะถึงยอดเขาวงพระจันทร์แล้วค่ะ
ในที่สุดก็ถึงประตูทางขึ้นบริเวณยอดเขาวงพระจันทร์แล้ว มีหินสีทองอยู่ด้านหน้าทางเข้าวัด เชื่อกันว่าเป็นหินนำโชค จนมีการติดป้าย ห้ามนำไม้มาค้ำหิน
มองจากประตูวัดลงไปด้านล่าง ทัศนียภาพ วิวสวยงามมากๆ
ประตูทางเข้าบริเวณที่ตั้งของยอดเขาวงพระจันทร์
สักพักก็มีน้องหมา ออกมาต้อนรับ น้องน่าจะดีใจ ที่มีคนมาเที่ยว เพราะวันธรรมดานั้นเงียบเหลือเกิน
|
น้องมะหมาทั้งตัวใหญ่ ตัวเล็กๆ ก็วิ่งกรูออกมาอีกหลายตัวเลยจ้า |
ผ่านประตูวัดเข้ามา น้องมะหมาทั้งตัวใหญ่ ตัวเล็กๆ ก็วิ่งกรูออกมาอีกหลายตัวเลยจ้า เหมือนน้องมะหมา จะหิวนะคะ น้องมาย่องๆ มองๆ และดมๆ ว่าเดี๊ยนติดอาหารมาด้วยหรือเปล่า จะขอกินด้วยได้ไหม๊จ๊ะ....
|
ถึงยอดเขาวงพระจันทร์แล้ว ก็มาตีฆ้องให้ดังก้องไปทั่วท้องพนาลี |
ส่วนใครที่เดินทางมาถึงยอดเขาวงพระจันทร์แล้ว ก็มาตีฆ้องให้ดังก้องไปทั่วท้องพนาลี
|
ในที่สุดเราก็พิชิตเขาวงพระจันทร์ 3790 ขั้น" สำเร็จแล้วจ้า เดินมาถึงยอด ก็เสียเหงื่อไปเป็นถัง ดื่มน้ำหมดไปเป็นขวดจ้า |
แน่นอนว่า หากมาถึงแล้วก็ ไม่พลาด ต้องมานั่งถ่ายรูปที่จุดเช็คอินว่า "ในที่สุดเราก็พิชิตเขาวงพระจันทร์ 3790 ขั้น" สำเร็จแล้วจ้า เดินมาถึงยอด ก็เสียเหงื่อไปเป็นถัง ดื่มน้ำหมดไปเป็นขวดจ้า
บริเวณด้านบนก็มีจุดชมวิวอยู่หลายมุมเลยค่ะ
มองลงไป เห็นวิวทิวทัศน์เบื้องล่างได้อย่างสวยงาม เห็นองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่ มองจากจุดนี้ องค์เล็กไปเลยค่ะ
ด้านบนมีพระสงฆ์รับนิมนต์สังฆทาน และให้พรแก่นักท่องเที่ยวที่เดินพิชิตขั้นบันได มาจนถึงยอดเขาด้วยค่ะ
ไหว้พระขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
|
ยังเป็นที่ตั้งขององค์พระโพธิสัตว์กวนอิม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ที่คนไทยให้ความเคารพศรัทธาอีกด้วย |
และบริเวณโดยรอบนอกจากเป็นจุดชมวิวแล้ว ยังเป็นที่ตั้งขององค์พระโพธิสัตว์กวนอิม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยให้ความเคารพศรัทธาอีกด้วย
|
ตำนานเขาวงพระจันทร์ : หลวงพ่อโอภาสี ได้ขึ้นมาบนเขานี้ และเห็นว่าบริเวณเขาทั้ง4 ด้าน เป็นรูปเขาโค้ง มองทางไหนก็เห็นเป็นวงโอบล้อมอยู่ จึงขนานนามว่า เขาวงพระจันทร์ นับตั้งแต่นั้นมา |
นอกจากยังมีตำนานเขาวงพระจันทร์ เล่าขานกันมากล่าวว่า
ท้าวกกขนาก ยักษ์ตนสุดท้ายที่ไม่ยอมแพ้พระราม ตามตำนานเรื่องรามเกียรติ์ จึงถูกพระรามแผลงศร โดนยักษ์กระเด็นลอยละลิ่วข้ามมหาสมุทรอินเดียมาตกที่ยอดเขาลูกนี้ แล้วพระรามก็สาบให้ศรปักอกเอาไว้หากวันใดที่ศรเขยื้อนจะให้หนุมานลูกพระพาย(ลูกลม ถ้าตายเมื่อต้องลมพัดผ่าน จะกลับฟื้นคืนชีพ หนุมานจึงไม่รู้จักตาย) เอาฆ้อนมาตอกย้ำลูกศร ให้ปักอกไว้เช่นเดิม แต่ยักษ์โดนเข้าขนาดนี้ก็ยังไม่ตายนอนรอความตาย
ฝ่ายนางนงประจันทร์ลูกสาวท้าวกกขนากก็เหาะตามมาเพื่อปรนนิบัติดูแลพ่อ เพราะพ่อยังไม่ตาย ท้าวกกขนากได้แต่นอนแอ้งแม้งอยู่ในถ้ำยอดเขานางพระจันทร์นี้และต่อมาเมื่อนางทราบว่าหากได้น้ำส้มสายชูมารดที่โคนศรแล้วศรจะเขยื้อนหลุดออกมาได้ แต่หากศรเขยื้อน ไก่แก้วก็จะขันเรียกหนุมานเอาฆ้อนมาตอกศร จึงเป็นเหตุผลให้เมืองลพบุรีไม่มีน้ำส้มสายชูขายมานาน จากตำนานนี้จึงเรียกเขาลูกนี้ว่า เขานงประจันต์หรือนางพระจันทร์ (เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดเขาวงพระจันทร์)
|
หลวงพ่อโอภาสี ได้ขึ้นมาบนเขานี้ และเห็นว่าบริเวณเขาทั้ง4 ด้าน เป็นรูปเขาโค้ง มองทางไหนก็เห็นเป็นวงโอบล้อมอยู่ จึงขนานนามว่า เขาวงพระจันทร์ นับตั้งแต่นั้นมา |
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2496 หลวงพ่อโอภาสี ได้ขึ้นมาบนเขานี้ และเห็นว่าบริเวณเขาทั้ง4 ด้าน เป็นรูปเขาโค้ง มองทางไหนก็เห็นเป็นวงโอบล้อมอยู่ จึงขนานนามว่า เขาวงพระจันทร์ นับตั้งแต่นั้นมา
|
รอยพระพุทธบาทบนยอดเขาวงพระจันทร์ |
บริเวณยอดเขา เป็นที่ประดิษฐาน รอยพระพุทธบาทจำลอง รอยที่ 4 ซึ่งประดิษฐานบนยอดเขาแห่งนี้ ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้กันอีกด้วย
และยังมีทางลงไปยังถ้ำ
ซึ่งเป็นถ้ำของแม่นางเกตุมณีศรีประจันทร์
|
ตรงหน้าต่างติดพวงมาลัยหลากสี แขวนไว้ ดูมีมนต์ขลังน่าค้นหายิ่งนัก ถ้าเปิดหน้าตา ออกไปก็จินตนาการไว้ว่า จะหลุดไปอยู่อีกภพภูมิหนึ่งได้น่าจะดีไม่น้อย |
บริเวณภายในถ้ำเป็นถ้ำขนาดเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก ตรงหน้าต่างติดพวงมาลัยหลากสี แขวนไว้ ดูมีมนต์ขลังน่าค้นหายิ่งนัก ถ้าเปิดหน้าตา ออกไปก็จินตนาการไว้ว่า จะหลุดไปอยู่อีกภพภูมิหนึ่งได้น่าจะดีไม่น้อย
|
แม่นางเกตุมณีศรีประจันทร์ ที่อยู่บริเวณนี้ เชื่อกันว่าให้โชคกับผู้ที่มาไหว้และเคารพบูชากัน |
องค์แม่นางเกตุมณีศรีประจันทร์ ที่อยู่บริเวณนี้ เชื่อกันว่าให้โชคกับผู้ที่มาไหว้และเคารพบูชากัน อีกทั้งยังกล่องลูกบอลเลขนำโชคให้กับผู้ที่ชอบเสี่ยงทาย หรือเล่นหวย เล่นเลข ก็ลุ้นกันไปค่ะ
วันที่เดี๊ยนมาเที่ยว บริเวณด้านบนยอดเขาวงพระจันทร์ ลมพัดเย็นสบายดีมากๆค่ะ อากาศไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนด้านล่าง อีกทั้งไม่วุ่นวาย และน่ากลัวด้วย
ใช้เวลาอยู่บนยอดเขาวงพระจันทร์ได้ไม่นานมากนัก ก็ได้เวลาลงจากเขาแล้วค่ะ ซึ่งตอนลง ก็ลงพร้อมหลวงพี่ที่รับกิจนิมนต์ด้านบนซึ่งมีองค์เดียวค่ะ โดยการลงที่นี่ก็จะใช้ถุงปุ๋ยสไลด์ไปตามราวบันไดเหล็กตรงกลางค่ะ
|
การลงจากเขาของพระสงฆ์ ใช้ถุงปุ๋ยสไลด์ไปกับราวบันได ซึ่งใช้เวลาลงไม่นาน |
หลวงพี่บอกว่า ถ้าใช้ถุงปุ๋ยสไลด์ไปตามราวบันไดเหล็กตรงกลาว จะทำให้ใช้เวลาได้เร็วขึ้นด้วย ซึ่งหลวงพี่เองก็เดินขี้นและลงเขาลูกนี้ประจำ ก็เลยใช้เวลาลงไม่นานมากนัก แต่ถ้าใครอยากใช้ถุงปุ๋ยลง ก็ลองได้นะคะ เดี๊ยนเห็นใน Youtube ลงวีดีโอลงเขาวงพระจันทร์ ก็ใช้ถุงปุ๋ยลงแบบเริ่ดๆไปเลยจ้า.....
|
จบทริป...เที่ยวเขาวงพระจันทร์ในวันธรรมดา 1 วัน ก็น่าเที่ยวไม่น้อย เพราะไม่วุ่นวาย และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ เพราะแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ ป่าไม้เขียวชะอุ่ม |
เป็นอับจบทริป...เที่ยวเขาวงพระจันทร์ในวันธรรมดา 1 วัน ก็น่าเที่ยวไม่น้อย เพราะไม่วุ่นวาย และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ เพราะแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ ป่าไม้เขียวชะอุ่ม และลมพัดเย็นสบาย แถมได้ออกกำลังกายอีกด้วย
สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนมาเที่ยวจังหวัดลพบุรี ก็อย่าลืมปักหมุด หยุดงานมาเที่ยวเขาวงพระจันทร์ พิชิตขั้นบันได 3,790 ขั้นกันสักครั้งในชีวิตนะคะ รับรองว่าได้รูปภาพสวยๆกลับไปอย่างแน่นอนจ้า มาเที่ยวกันเยอะนะคะ............ขอบพระคุณผู้อ่านทุกคนที่เข้ามาสไลด์อ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในบทความถัดไป จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
--------------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้จ้า
0 ความคิดเห็น