|
จัดทริปแบกเป้เที่ยวไทย เพื่อไม่ให้เว็ปไซต์บล็อกร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมาแบ่งปันรีวิวเที่ยวไทยไปล่องแพไม้ไผ่ที่เขาสกในปี 2565 ชื่นอุราชมน้ำตกสวยๆ รุ่มระรวยด้วยทะเลหมอกงดงาม ต้องตามไปเช็คอินกันสักครา |
จัดโปรแกรมทริปสั้นๆในวันหยุดเบาในเดือนกันยายนนี้ ก่อนอื่นก็ขอสวัสดีทักทายคุณผู้อ่าน และเพื่อนๆเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัว งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนกันทุกๆคนค่ะ กลับมาอีกครั้งค่ะ กับบทความบล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน ที่พาเพื่อนคุณผู้อ่านที่หลงใหลในการเดินทาง ออกไปย่างกรายท่องเที่ยวทั่วไทย ก้าวไกลไปทั่วโลกกันอย่างบ้าๆบอๆ มีคนเข้ามาคลิ๊กอ่าน 1 คน เดี๊ยนถือว่าสุขล้นดลใจ สุดๆไปเลยล่ะค่ะ
และในช่วงฤดูกาลที่ฝนตกชุกแสนชุ่มฉ่ำในเดือนนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า เลยขอจัดทริปปลีกตัวเองจากงานประจำ ไปเริงระบำชาร์ตแบตให้ตัวเองด้วยการไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานีอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้มาเที่ยวที่นี่นานมาก เดี๊ยนจำได้ว่ามาเที่ยวเขาสกครั้งล่าสุดเมื่อปี 2557 เกือบจะครบ 10 ปีได้แล้วกระมัง มารอบนี้เลยขอล่องใต้มาเก็บแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆที่ยังไม่เคยได้มาเที่ยว ณ แดนดินถิ่นเขาสกแห่งนี้อีกครั้งค่ะ ว่ากันว่า ถูกจัดให้เป็นแดนดินถิ่นภูเขาหินปูน ที่สวยงามที่สุดอีกแห่งของเมืองไทย แวดล้อมไปด้วยผืนป่าเขียวขจี ตอนเช้าๆมีทะเลหมอกสวยๆให้ชื่นชม อย่างน่าภิรมย์ใจ เรียกว่า ใครที่มาเขาสกต่างติดอกติดใจกันแทบทุกราย รวมถึงตัวเดี๊ยนเองด้วยค่ะ
โดยเฉพาะทริปล่องแพไม้ไผ่ที่เขาสก หรือที่ชาวต่างชาติเรียกว่า Bamboo Rafting ถูกจัดให้เป็นหนึ่งกิจกรรมยอดนิยม ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และกลายเป็น Signature สุดอันซีนของที่นี่ไปซ่ะแล้ว และในการจัดเดินทางเที่ยวเขาสกครั้งนี้ จุดประสงค์ของเดี๊ยนก็คือขอมาล่องแพไม้ไผ่ จิบชากาแฟร้อนๆ ล่องชมธรรมชาติและผืนป่าสวยๆ ท่ามกลางฝนปรอยๆที่นี่สักครั้งค่ะ หากเพื่อนๆคนใหน ที่วางแผนมาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือว่าเขื่อนรัชชประภา ก็ไม่ควรพลาดที่จะล่องแพไม้ไผ่ที่เขาสกแห่งนี้สักครั้งนะคะ เพราะเป็นอีกกิจกรรมที่จะทำให้เราได้รับประสบการณ์ใหม่ๆจากการท่องเที่ยวได้ดีทีเดียวล่ะค่ะ และอีกอย่างยังช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่นได้อีกด้วย
และเพื่อๆไม่ให้เสียเวลา และไม่ให้เว็ปบล็อกนี้ร้างไป ขอพาคุณผู้อ่านทุกๆท่านไปเริงสำราญ เที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาสกกันเลยค่ะ
โดยทริปนี้วางแผนไปเที่ยว 3 วัน 2 คืน ทริปนี้ไม่เหงาอีกต่อไป ไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมเที่ยวด้วยอีกคนค่ะ
--เที่ยววันแรก (Day 1)--
เริ่มต้นเดินทางทริปนี้ ตื่นตั้งแต่ไก่ยังทันขัน ก็รีบเร็วพลัน มาเช็คอินให้ทันขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมืองแต่เช้าตรู่เลยค่ะ
ใช้เวลาเดินทางไม่นานประมาณ 1 ชั่วโมง เครื่องบินก็จอดเทียบท่าถึงสนามบินสุราษฎร์ธานีโดยปลอดภัย จ้า ตอนนั่งเครื่องบินมาก็ใจหวั่นๆนะคะ
สำหรับการเดินทางทริปนี้ เราเลือกใช้บริการเช่ารถที่ Avis ค่ะ โดยได้ทำการจ่ายค่าเช่ารถทางเว็ปไซต์ไว้แล้วนะคะ
เมื่อติดต่อเจ้าหน้าที่แล้ว ก็เดินออกจากอาคารตัวสนามบิน เพื่อมารอรับรถเช่าที่ด้านนอกตัวอาคารบริเวณที่จอดรถ
|
มารับรอเช่าที่ลานจอดรถในสนามบินสุราษฎร์ธานี ค่าเช่าตกวันละ 1000 บาทจ้า |
โดยรถเช่าของ Avis ทริปนี้ เดี๊ยนเลือกเช่ารถยี่ห้อ Toyata yaris ativ ค่าเช่าตกวันละ 1,000 บาทค่ะ ซึ่งหากใครที่เช่ารถของ Avis จะต้องจองและจ่ายค่าเช่ารถจากเว็ปไซต์มาก่อนล่วงหน้าอยู่แล้ว
เมื่อได้รถเช่าแล้ว ก็ขับออกมาจากสนามบิน มาเติมพลังด้วยการทานอาหารก่อนค่ะ เพราะหิวมากๆ อยู่บนเครื่องไม่ได้ทานอะไรเลย อดทนเพื่อมาทานอาหารปักษ์ใต้ที่สุราษฎร์นี่แหล่ะจ้า
|
แวะข้าวราดแกง ทานอาหารพื้นบ้านทางภาคใต้ แนะนำต้มข่าไก่ อร่อยมาก เพราะคือต้มข่าจริงๆ ต้มข่าอ่อนให้ทาน ดีเลิศสุดๆ |
อาหารเช้ามื้อนี้ ทานห่อหมกปลาอินทรีย์ ผัดคะน้าหมูกรอบ และต้มข่า แต่ที่อร่อยสุด ยกให้ต้มข่าไก่ เพราะเป็นข่าอ่อนๆที่ทานได้เลย และต้มข่าที่นี่ไม่ใส่เห็ดฝางเหมือนของภาคกลาง ทำให้สามารถทานข่าอ่อนได้ จัดเป็นเมนูสมุนไพรที่อร่อยทีเดียว พิกัดร้านติดริมทาง ชื่อร้านข้าวแกงนกขุนทอง แต่ก็มีอีกหลายๆร้านอยู่ใกล้ๆกันค่ะ ใครที่แวะมาเที่ยวสุราษฎร์ และขับรถออกจากสนามบินมา ก็แวะมาทานได้นะคะ
หลังจากทานอาหารมื้อเช้าอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปเที่ยวกันเลยค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกของทริปนี้คือ อุทยานธรรมเขานาในหลวง ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดที่เดี๊ยนตั้งใจจะมาเที่ยวนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้มาสักที มาเที่ยวรอบนี้ เลยขอไปชมให้ไปบุญตาสักหน่อยค่ะ
มาถึงแล้วที่เที่ยวแรกของเราในวันนี้ อุทยานธรรมเขานาในหลวง สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง กับซุ้มประตูวันสุดโด่งดัง ที่ใครก็ต้องมาเช็คอินถ่ายรูปกันสักครา
จุดเด่นอยู่ที่ประตูวัดนี้แหล่ะค่ะ ดูแบบมีมนต์ขลังมากๆ เรียกว่าหากใครที่จัดแผนเช่ารถขับเที่ยวสุราษฎร์ หรือว่ามาเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน ก็ไม่พลาดที่จะต้องแวะมาเที่ยวอุทยานธรรมเขานาในหลวงด้วย เพราะอยู่ไม่ไกลกันมากนัก สามารถเพิ่มโปรแกรมทัวร์มาเที่ยวได้ค่ะ
|
อุทยานธรรมเขานาในหลวงก่อตั้งขึ้นโดยพระอาจารย์ไพร ตั้งอยู่ตำบลต้นยวน อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี |
สำหรับอุทยานธรรมเขานาในหลวงก่อตั้งขึ้นโดยพระอาจารย์ไพร ตั้งอยู่ตำบลต้นยวน อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยท่านและชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างองค์เจดีย์ไว้บนยอดเขาหินปูนที่มีอยู่รอบ ๆ พื้นที่ รายล้อมด้วยธรรมชาติที่ร่มรื่น ช่วงเช้าจะปรากฏทะเลหมอก รอบ ๆ บริเวณ ทำไห้ได้ความรู้สึกเหมือนกับได้ชมเจดีย์ลอยฟ้า ชาวบ้านคนไหนว่างก็จะมาช่วยกันโดยไม่มีค่าแรงใด ๆ มีกำหนดสร้างรวมทั้งหมด 7 เจดีย์ด้วยกัน ซึ่งแต่ละองค์จะมีชื่อและรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันไป (เครดิต : https://thai.tourismthailand.org/Attraction/อุทยานธรรมเขานาในหลวง)
นอกจากจุดเด่นตรงประตูแล้ว ภายในวัดยังมีเจดีย์บนยอดเขาให้ได้เดินออกกำลังขาไปสักการะอีกด้วย
หากเพื่อนๆคนใหนที่แวะมาเที่ยวก็ห้ามพลาดที่จะเดินขึ้นไปไหว้เจดีย์ทีสร้างไว้บนยอดเขากันนะคะ
และใกล้ๆกับซุ้มประตูวัดแสนสวย ก็มีทางขึ้นไปไหว้พุทธศิลาวดีเจดีย์ ซึ่งสามารถเดินตามบันไดขึ้นไปได้ไม่ไกลมากนัก
แต่เส้นทางขึ้นไปยังบนยอดเจดีย์ ค่อนข้างชันไม่น้อย เดินขึ้นไปก็ได้เหงื่อเยอะดีมากๆค่ะ เรียกว่าต้องใช้พลังแรงศรัทธาที่จะขึ้นไปมาก
แต่เมื่อเดินมาถึงบนยอดก็หายเหนื่อยค่ะ เพราะบนเจดีย์ ลมพัดเย็นสบาย
|
เดินขึ้นบันไดมาไหว้พระบรมสารีริกธาตุที่พุทธศิลาวดีเพื่อความเป็นสิริมงคล และชมวิวทิวทัศน์โดยรอบสวยงาม |
|
เจดีย์พุทธศิลาวดี เป็นเจดีย์ที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ |
โดยที่เจดีย์พุทธศิลาวดี เป็นเจดีย์ที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ หากขึ้นมาก็มากราบไหว้พระธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว มีความเชื่อกันว่า หากใครที่ได้กราบพระบรมสารีริกธาตุ เปรียบเสมือนได้อยู่ใกล้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทัศนียภาพจากด้านบนเจดีย์พุทธศิลาวดี ก็สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบได้อย่างสวยงาม ลมพัดเย็นสบายนมากๆ แม้ว่าแดดจะร้อนไปหน่อย แต่เดินขึ้นมาก็หายเหนื่อยค่ะ
และไม่ไกลจากพุทธศิลาวดีเจดีย์ ก็ยังมีเจดีย์อีกแห่งที่อยู่ไม่ไกลกันด้วย แต่ก็ต้องเดิมข้ามไปอีกฝั่งค่ะ ใช้พลังแรงกายและความศรัทธาไม่น้อยทีเดียว เป็นอีกวัดสำหรับคนชอบออกกำลังกาย แนะนำว่ามาเที่ยวได้ทั้งวันเลยค่ะ
หลังจากที่ได้ไปเช็คอินถ่ายภาพซุ้มประตูวันสุดสวยงามที่สุดอีกแห่งในเมืองไทย ที่อุทยานธรรมเขานาในหลวงแล้ว ก็เดินทางค่ะ ระหว่างทางขับรถมาฝนก็ตกลงมาอย่างหนักเลยจ้า
ระหว่างนี้ เราเลยขอขับรถแวะพักร้านคาเฟ่ริมทางซ่ะหน่อยค่ะ มานั่งดื่มชิลๆที่ร้านโรงคั่วกาแฟคาลิโก้ ร้านคาเฟ่เก๋ๆอยู่ติดริมทางหลวง
เติมพลังด้วยโก้ๆเย็นสักเล็กน้อย ไม่ต้องใส่น้ำตาลนะคะ
ที่ร้านคาเฟ่โรงคั่วกาแฟคาลิโก้ นอกจากมีเครื่องคั่วกาแฟให้ดูแล้ว ยังมีมุมนั่งพักผ่อนแบบชิลๆ และช่วงที่มาเที่ยวก็ไม่ค่อยมีลูกค้าเยอะด้วยค่ะ
แล้วก็นั่งทานของหวาน เป็นขนมปังปิ้งทานคู่กับไอศครีม อร่อยมากๆ ไม่ได้ทานค่ะ มีเพื่อนมาช่วยทาน ก็อร่อยสุดๆไปเลย
สำหรับชุดขนมปังปิ้ง เดี๊ยนจำได้ว่าราคาอยู่ที่ 149 บาทนี่แหล่ะค่ะ เป็นเมนูเติมน้ำตาลเข้าเส้นเลือดได้ดี และเมื่อทานแล้ว ก็ต้องพร้อมออกไปใช้พลังงานด้วยนะคะเนี่ย
นั่งทานขนมหวานที่คาลิโก้คาเฟ่อย่างน่าภิรมย์ใจจนหายเหนื่อยแล้ว เราก็ขับรถเดินทางต่อเพื่อไปยังโรงแรมที่พักคืนนี้ค่ะ
|
เลือกมานอนพักที่โรงแรมแมจิคัล เมาน์เท็น วิว รีสอร์ท (Magical Mountain View Resort) |
โดยทริปนี้ เดี๊ยนเลือกมานอนพักที่โรงแรมแมจิคัล เมาน์เท็น วิว รีสอร์ท (Magical Mountain View Resort) เป็นอีกหนึ่งโรงแรมเปิดใหม่ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม และอยู่ติดริมทางหลวง หาไม่ยาก ไม่ต้องเข้าไปในป่าลึกมากนัก
จุดเด่นของที่พักคือ ตั้งอยู่บนเนินเขา มีทะเลหมอกสวยๆให้ชม และมีที่นั่งพักผ่อนและจุดถ่ายรูปหลายมุม
และทางโรงแรมมีสระว่ายน้ำขนาดเล็กๆให้ได้ลงไปเล่นด้วย
มาถึงบริเวณล็อบบี้ของที่พัก ก็ตกแต่งได้สวยงามดูดี สะอาดสะอ้าน
มาถึงทางเจ้าหน้าที่ก็มีเครื่องดื่มเป็น Welcome Drink ต้อนรับด้วยค่ะ เป็นน้ำมะขามรสชาติเย็นชื่นใจทีเดียว
ส่วนห้องพักในโรงแรมแมจิคัล เมาน์เท็น วิว รีสอร์ท (Magical Mountain View Resort) เป็นแบบวิลล่า บ้านพักเป็นหลังๆ บังกะโลส่วนตัว ราคาตกคืนละ 1,420 บาท รวมอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ สำหรับนอน 2 คน
|
แบบวิลล่า บ้านพักเป็นหลังๆ บังกะโลส่วนตัว ราคาตกคืนละ 1,420 บาท รวมอาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ สำหรับนอน 2 คน |
โดยห้องพักที่เดี๊ยนเลือกพักกับเพื่อนสาว ก็เป็นห้องแบบ 2 เตียงค่ะ ขนาดห้องพักกำลังพอเหมาะ ไม่คับแคบเกินไป
|
รีวิวห้องพักที่โรงแรมแมจิคัล เมาน์เท็น วิว รีสอร์ท (Magical Mountain View Resort) |
และในห้องก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบเลยค่ะ มีตู้เย็น ทีวี แอร์ เสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าสลิปเปอร์ ชากาแฟน้ำดื่มฟรี มีไฟฉาย ตู้เซฟนิรภัย และผ้าขนหมูเช็คตัว ผ้าขนหนูเช็ดหน้า และผ้าขนหนูสำหรับเช็ดผมแยกมาให้ด้วย
ส่วนห้องน้ำก็สะอาดสะอ้านดีมาก แบ่งเป็นโซนเปียก โซนแห้งให้ชัดเจน มีสบู่เหลว แชมพู และมีชุดแปรงสีฟันให้ด้วย เผื่อใครที่ลืมแปรงสีฟัน ก็ไม่ต้องขับรถไปไกล เพราะที่โรงแรมมีให้ในห้องน้ำค่ะ
สรุปสภาพโดยรวมของห้อพัก ถือว่าดีเยี่ยมทีเดียวค่ะ ตกแต่งสวยงาม ห้องสะอาดสะอ้าน บรรยากาศดี ทิวทัศน์สวยงาม และไม่วุ่นวายอีกด้วย
และใกล้กับห้องพัก ก็ยังมี Minimal Cafe Massage ให้บริการสำหรับแขกที่ต้องการนวดตัว ก็สามารถมาใช้บริการได้ค่ะ โดยคิดค่านวดเป็นรายชั่วโมง
|
โดยค่าบริการล่องแพไม้ไผ่ที่เขาสก ทางโรงแรมคิดคนละ 500 บาทค่ะ จะมีรถมารับที่โรงแรมเลย |
หลังจากได้นำกระเป๋าไปไว้ที่โรงแรมเรียบร้อย เราก็ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอซื้อแพ็คแก็จล่องเรือแพไม้ไผ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตที่เขาสกที่ต้องมาเช็คอินกัน โดยค่าบริการล่องแพไม้ไผ่ที่เขาสก ทางโรงแรมคิดคนละ 500 บาทค่ะ จะมีรถมารับที่โรงแรมเลย
โดยระยะทางจากโรงแรมมายังจุดเริ่มต้นที่ล่องแพ ก็ไม่ไกลมากนะคะ ประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ แต่เส้นทางมายังจุดล่องแพ ค่อนข้างสมบุกสมบันหน่อย
รถที่เรานั่งมาเป็นรถกระบะ เพราะลุยมากๆจ้า ถ้ารถเล็กๆแบบอื่นน่าจะเข้้ามาลำบาก เพราะเส้นทางบากบั่นพอสมควรทีเดียว
ระยะทางล่องแพไม้ไผ่ที่คลองเขาสก ทางคนพายเรือนำเที่ยว บอกว่าระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรค่ะ
ซึ่งตลอดระยะทาง 4 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวก็จะได้ชมบรรยากาศผืนป่าอันเขียวชะอุ่ม พร้อมทัศนียภาพภูเขาหินปูนแสนสวยงาม
โดยบนแพไม้ไผ่จะมีนั่งเป็นเก้าอี้เล็กๆน่ารักให้นั่งชมวิวไปตลอดทริปค่ะ ไม่ต้องกลัวจะล้มลงนะคะ ยกเว้นเสียแต่ว่า เผลอลื่นตกจากแพลงไป
คุณพี่คนพายเรือก็พาเรา 2 คน ล่องแพไม้ไผ้ไปตามธรรมชาติ ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนเงียบสงบ และท้องฟ้าก็เริ่มโปรยปรายสายฝนลงมาเรื่อยๆค่ะ
|
น้ำบางช่วงก็เริ่มไหลเชี่ยวกราดและเป็นแก่งเล็กๆ ทำให้เดี๊ยนค่อนข้างตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย |
พอนั่งมาได้สักพัก น้ำบางช่วงก็เริ่มเชี่ยวกราดและเป็นแก่งเล็กๆ ทำให้เดี๊ยนค่อนข้างตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เพราะอยู่ด้านหน้าเรือ อารมณ์เหมือนจะไปล่องแก่งค่ะ แต่วิวทิวทัศน์สวยงามมากๆ พร้อมกับฝนที่โปรยปรายมาตลอด
หลังจากนั่งเรือมาได้สักพัก ทางคุณพี่คนพายเรือมาหยุดที่จุด CoffeeHut ซึ่งเป็นจุดแวะพักดื่มกาแฟไม้ไผ่ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ค่ะ
|
จะมีกระท่อมเพิงหมาแหงนเล็กๆไว้เพื่อมาก่อไฟในเตาและต้มน้ำในกระบอกไม้ไผ่ให้ร้อนก่อนจะชงให้เราดื่ม
|
โดยที่จุดแวะพัก จะมีกระท่อมเพิงหมาแหงนเล็กๆไว้เพื่อมาก่อไฟในเตาและต้มน้ำในกระบอกไม้ไผ่ให้ร้อนก่อนจะชงให้เราดื่ม
จากนั้นคุณพี่คนพายเรือก็จะควบตำแหน่งบาริสต้า ชงกาแฟจากกระบอกไม้ที่ต้มน้ำร้อนชงให้เราทานค่ะ
โดยจะชงกาแฟสดใส่กับแก้วกระบอกไม้ไผ่ให้อีกที
|
ล่องแพจิบกาแฟไม้ไผ่ที่เขาสก |
การได้มาดื่มกาแฟสดๆร้อนๆ กับบรรยากาศฝนตกพร่ำๆกลางป่า เหมือนว่าได้มาใช้ชีวิตกลางป่า ก่อไฟ ผิงไฟแก้หนาว และดื่มกาแฟร้อนๆไป ถือว่าให้ความรู้สึกที่เยี่ยมมากๆ
นอกจากนี้ทางคนพายเรือก็ยังตัดกิ่งกล้วยมาทำเป็นร่มให้เราได้กางระหว่างล่องเรือแพไม้ไผ่อีกด้วย
หลังจากพักดื่มกาแฟที่จุด CoffeeHut แล้ว เราก็มาล่องแพไม้ไผ่ชมบรรยากาศทะเลหมอกสวยๆกันต่อค่ะ ระหว่างทางก็ตื่นเต้นไม่น้อย เพราะไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเจอแก่งทางน้ำไหลเชี่ยวให้ได้กรี๊ดกร๊าดหรือเปล่า
ส่วนร่มก็ใช้ใบกล้วยกางกันฝนแทนค่ะ ดูธรรมชาติมากๆนะคะ ซึ่งจริงๆแล้วทางคนพายเรือที่เป็นไกด์พาเราเที่ยวบอกว่า ปกติจะต้องสานหมวกจากใบลานในป่าให้เรานะคะ แต่ด้วยเวลาจำกัดและฝนตก เลยตัดใบกล้วยมาให้เรากางเป็นร่มแทน
|
ล่องแพไม้ไผ่เขาสก พกร่มใบตองกางกันฝนได้บ้าง อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ |
กางร่มใบตอง นั่งมองธรรมชาติผืนป่าสองฝั่งอันเขียวชอุ่ม ท่ามกลางฝนตกโปรยๆ เย็นสบายเหลือเกินค่ะ
นั่งแพมาบางช่วงก็ต้องระวังศรีษะไปชนกับโขดหินเข้านะคะ
ล่องมาเรื่อยๆ ไปแบบช้าๆ จนครบ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็สิ้นสุดปลายทาง ฝนหยุดตกพอดีค่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เติมพลังให้ตัวเองได้มานั่งแพชมธรรมชาติและป่าไม้ พร้อมกับสายฝนแสนเย็นฉ่ำ ดีล้ำเหลือคณานับ หากเพื่อนๆคนใหนที่มองหาทริปล่องแพไม้ไผ่ ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวที่เขาสกกันนะคะ
หลังจากล่องเรือเสร็จ เดี๊ยนก็เดินทางกลับมายังโรงแรมที่พัก เพื่อมาอาบน้ำชำระล้างตัวให้เรียบร้อยก่อนขจะออกไปหาอะไรทานก่อนค่ะ
|
บรรยากาศวิวทิวทัศน์ภายในโรงแรม Magical Mountain View Resort |
ในช่วงที่ฝนหยุดตก บริเวณโรงแรมก็มีทะหมอกสวยๆให้ได้ชมอย่างน่าภิรมย์ใจ ทัศนียภาพโดยรอบคือดีงามมากๆค่ะ เหมาะสำหรับใครที่ชอบถ่ายรูป น่าจะเหมาะกับการมาพักแบบนี้นะคะ
|
มาทานอาหารที่ร้านป้าณี กม.100 ร้านดังที่เขาสก |
ในช่วงเย็น เราก็เดินทางมาไปหาอาหารเย็นทานกันค่ะ ซึ่งร้านที่ทางโรงแรมแนะนำมาให้ทาน ก็เป็นร้านป้าณี ซึ่งเป็นร้านดังของเขาสก
ร้านอาหารอยู่ติดริมทางหลวง หาง่าย ภายในร้านตกแต่งดูดี สะอาดสะอ้าน มีโต๊ะที่นั่งให้พอสำหรับครอบครัว
อาหารโดดเด่น รสชาติเด็ดของร้านป้าณีเขาสก ที่อยากรีวิวก็จะมี หมูทอดเกลือ หมึกผัดไข่เค็มอร่อยมาก เพราะหมึกไม่แข็งหรือกระด้าง และมียำกระเจี๊ยบทานแล้วดีต่อลำไส้ รสชาติอร่อยจัดจ้านทีเดียว สมกับเป็นเมนูปักษ์ใต้
ตบท้ายก่อนกลับ ก็มาเล่นกับน้องแมวเหมียที่เดินออกมานัวเนียขาแข้ง อ้อนทิปลูกค้าที่ร้านอีกด้วย ใครเปนทาสแมวน่าจะชอบค่ะ เพราะนางขี้อ้อนมากๆ จบทริปวันแรกหมดไปอีก 1 วัน.......
--เที่ยววันที่ 2 (Day 2)--
|
ทริปวันที่ 2 ตื่นมารับอากาศดีๆ พร้อมชมบรรยากาศทะเลหมอก ที่แทรกตัวไปตามภูเขาหินปูนแสนสวยงาม |
อรุณสวัสดิ์เบิกฟ้าเช้าวันใหม่ กับทริปวันที่ 2 ตื่นมารับอากาศดีๆ พร้อมชมบรรยากาศทะเลหมอก ที่แทรกตัวไปตามภูเขาหินปูนแสนสวยงาม
ได้เวลาทานอาหารเช้าแล้วค่ะ ห้องอาหารของโรงแรมอยู่ไม่ไกลจากห้องพัก แต่ต้องเดินขึ้นเนินเขาไปเล็กน้อย
ภายในห้องอาหารของโรงแรมก็ตกแต่งสวยงาม
มีอาหารเช้าให้ทานหลายอย่าง จัดตกแต่งน่ารัก ตามจำนวนลูกค้าที่มาพักค่ะ
โดยไลน์อาหารของโรงแรมก็มีข้าวต้ม ข้าวผัด ผัดหมี่ ต้มข่าไก่ และขนมปัง มีแพนเค้ก ผลไม้ให้ทานด้วย
มุมเครื่องดื่มของโรงแรม ก็จะมีชา กาแฟ โอวัลติน น้ำส้ม มีธัญพืชซีเรียลและ มีถั่วทอดให้ทานด้วย
ส่วนโซนอาหารคาวก็จะจัดใส่โถเอาไว้ให้แขกที่เข้าทาน เลือกทานได้ โดยจะมีป้ายเขียนติดชื่อเมนูอาหารไว้
มีสลัดผัดและแพนเค้กให้ทานด้วย
สำหรับอาหารเช้ามื้อเช้าของเราในวันนี้ ก็จัดไปเบาๆค่ะ ทั้งข้าวต้มและข้าวผัด กะว่ามื้อเที่ยงคงไม่ทานแล้วล่ะค่ะ เพราะมื้อเช้าก็อิ่มไปจนถึงมื้อเที่ยงเลย
ทานอาหารเช้าเสร็จ ก็มาเดินย่อยอาหาร ชมวิวม่านเมฆหมอกกับภูเขารูปหมี ซึ่งมองเห็นได้ไม่ไกลจากที่พักค่ะ
|
และเมื่อได้ทานอาหารอิ่มแล้ว เดี๊ยนก็เช็คเอาท์ออกจากที่พัก และเดินทางไปเที่ยวกันต่อจ้า |
และเมื่อได้ทานอาหารอิ่มแล้ว เดี๊ยนก็เช็คเอาท์ออกจากที่พัก และเดินทางไปเที่ยวกันต่อจ้า
|
แวะมาถ่ายรูปเช็คอินหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสก และมาอ่านสาระน่ารู้เล็กๆเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติเขาสกกันค่ะ |
แวะมาถ่ายรูปเช็คอินหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสก และมาอ่านสาระน่ารู้เล็กๆเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติเขาสกกันค่ะ
โดยอุทยานแห่งชาติเขาสก จัดเป็นหนึ่งในดินแดนศูนย์กลางของ “ขุนเขาแห่งป่าฝน” เป็นผืนป่าดิบชื้นผืนใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญของภาคใต้อันประกอบไปด้วยอุทยานแห่งชาติเขาสก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา อุทยานแห่งชาติศรีพังงา และอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง มีพื้นที่ทั้งสิ้น 2,296,879.5 ไร่ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง อุดมไปด้วยพืชพรรณมากมายหลายชนิด ทั้งพืชพรรณที่หายากและเป็นพืชเฉพาะถิ่น อันได้แก่ บัวผุด ปาล์มเจ้าเมืองถลางหรือปาล์มหลังขาวและปาล์มพระราหู นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด
|
หนึ่งในจุดชมวิวถ่ายรูปภาพ วิวสวยๆที่ อุทยานแห่งชาติเขาสก |
โดยมีสภาพพื้นที่เป็นธรรมชาติอันกว้างใหญ่ปกคลุมไปด้วยป่าดิบชื้น ครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดของเขตอุทยานแห่งชาติ ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงต่ำสลับซับซ้อน พื้นที่ราบมีน้อย พื้นที่ส่วนหนึ่งด้านทิศเหนือบริเวณคลองพระแสงเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เกิดขึ้นเนื่องจากการก่อสร้างเขื่อนรัชชประภา (เชี่ยวหลาน)
สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาดินและภูเขาหินปูนสูงสลับซับซ้อน โดยเฉพาะช่องแคบเขากาเลาะ มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนที่มียอดแหลมระเกะระกะ มีแนวหน้าผาสูงชันบางแห่งเป็นแท่งสูงขึ้นไปในอากาศคล้ายหอคอยสูง ที่ราบมีไม่มาก มีสภาพป่าเป็นป่าดงดิบที่สมบูรณ์มากเป็นป่าต้นน้ำ ลำธารของแม่น้ำตาปี (เครดิต : https://th.wikipedia.org/wiki/อุทยานแห่งชาติเขาสก)
|
มาเขาสก ต้องห้ามพลาด แวะมาเที่ยวชมน้ำตกแม่ยาย น้ำตกสวยงาม ติดถนนหลวงที่รถเข้าถึงได้ |
และสำหรับใครที่ขับรถผ่านมาเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาสก ก็ไม่ควรพลาดไปเที่ยวชมน้ำตกแม่ยาย น้ำตกสวยอยู่ติดทางถนนหลวงเลย ขับรถผ่านไปมาก็มองเห็นได้ ยิ่งเป็นช่วงหน้าฝน เหมาะอย่างยิ่งที่จะเดินแวะเข้ามาสัมผัสความสวยงามของน้ำตกเล็กๆแห่งนี้
|
น้ำตกแม่ยาย เป็นน้ำตกเพียงแห่งเดียวภายในอุทยานแห่งชาติที่รถยนต์ไปถึง |
โดยน้ำตกแม่ยาย เป็นน้ำตกเพียงแห่งเดียวภายในอุทยานแห่งชาติที่รถยนต์ไปถึง เป็นน้ำตกชั้นเดียวสูงประมาณ 30 เมตร มีความสวยงาม และร่มรื่นย์ไปด้วยป่าไม้นานาพันธ์ อากาศเย็นสบาย
|
โดยเฉพาะฤดูฝนน้ำจะเต็มหน้าผาที่สูงชันกระจัดกระจายแตกฟองขาวโพลน มีความงดงามอย่างยิ่ง |
ยิ่งโดยเฉพาะฤดูฝนน้ำจะเต็มหน้าผาที่สูงชันกระจัดกระจายแตกฟองขาวโพลน มีความงดงามอย่างยิ่ง อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 5.5 กิโลเมตรเท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวคนใหนที่เดินทางมา ก็ไม่ควรพลาดมาเที่ยวชมกันสักครั้ง (เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/attraction/2156)
|
เดี๊ยนก็เดินทางมาทานอาหารว่างต่อที่ Jungle camp khao Sok restaurant |
เมื่อได้ไปเดินชมน้ำตกแม่ยายแล้ว เดี๊ยนก็เดินทางมาทานอาหารว่างต่อที่ Jungle camp khao sok restaurant ซึ่งร้านอาหารสไตล์ Eco แนวเรือนไม้เรียบเก๋อยู่ติดริมคลองเขาสก ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติเขาสกค่ะ
|
ภายในร้านอาาหร Jungle camp khao Sok restaurant ก็ตกแต่งแบบเรือนไม้เปิดโล่ง เย็นสบาย |
บรรยากาศภายในร้านอาาหร Jungle camp khao Sok restaurant ก็ตกแต่งแบบเรือนไม้เปิดโล่ง ดูสวยงาม และเมนูอาหารส่วนใหญ่ ก็เป็นแบบง่ายๆ และนอกจากร้านอาหารและยังมีบ้านพัก บังกะโลเป็นหลังๆเปิดให้บริการด้วย
ส่วนเมนูอาหารว่างมื้อนี้ เราก็เลือกทานกล้วยหอมทอดราดกับน้ำผึ้ง ดื่มกับโก้โก้ อร่อยทีเดียว
ที่ร้านอาหารก็ยังมีน้องแมวเหมียว นอนงัวเงียอยู่ที่เก้าอี้ด้วย โดยทางโรงแรมก็อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงมาพักได้ด้วยนะคะ สำหรับใครที่เลี้ยงน้องหมา หรือเป็นทาสแมว ก็นำสัตว์เลี้ยงมาเที่ยวเขาสก และพักที่นี่ได้ค่ะ
หลังจากที่ได้แวะนั่งทานกล้วยหอมทอดจนอิ่มหน่ำแล้ว เราก็ขับรถเดินทางเที่ยวต่อที่เขื่อนรัชชประภา หรือที่หลายๆคนเรียกว่าเขื่อนเชี่ยวหลาน
|
ขื่อนรัชชประภา ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเขื่อนที่สวยงามที่สุดอีกแห่งของเมืองไทย เขื่อนรัชชประภา มีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน |
โดยเขื่อนรัชชประภา ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเขื่อนที่สวยงามที่สุดอีกแห่งของเมืองไทย เขื่อนรัชชประภา มีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ อยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อก่อนสร้างแล้วเสร็จได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”
|
พื้นที่ส่วนใหญ่ติดอุทยานแห่งชาติเขาสกเกือบทั้งหมด เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว สูง 94 เมตร ความยาวสันเขื่อน 761 เมตร |
โดยเขื่อนรัชชประภา สร้างปิดกั้นคลองแสงลำน้ำสาขาของแม่น้ำพุมดวง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานีโดยพื้นที่ส่วนใหญ่ติดอุทยานแห่งชาติเขาสกเกือบทั้งหมด เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว สูง 94 เมตร ความยาวสันเขื่อน 761 เมตร และมีเขื่อนปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 5 แห่ง (เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/เขื่อนรัชชประภา)
และสำหรับที่พักคืนนี้ เราเลือกพักเป็นเรือนแพในเขื่อนเชี่ยวหลานค่ะ เลยมารอขึ้นเรือที่สันเขื่อน
โดยได้ทำการติดต่อกับทางที่พักไว้แล้ว โดยขอเป็นเรือส่วนตัว และคิดราคาเหมาเรือตกคนละ 1000 บาทค่ะ
ตามโปรแกรมเรือนำเที่ยวก่อนเข้าที่พัก ก็จะพาเราไปเที่ยวเขาสามเกลอค่ะ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นภายในเขื่อนรัชชประภา ที่ใครนั่งเรือมาเที่ยวในเขื่อน ก็ต้องแวะถ่ายรูปกัน
และบริเวณเขาสามเกลอ ยังเป็นที่มาของคำว่า กุ้ยหลินเมืองไทยอีกด้วย เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ของเขื่อนที่มีภูเขาหินปูนเป็นส่วนมาก คล้ายๆกับเมืองกุ้ยหลินของประเทศจีน จึงได้ฉายาว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทย
โดยแพที่พักสำหรับทริปคืนนี้ เราเลือกพักที่ แพภูผาวารี ซึ่งเป็นแพที่อยู่ทางเหนือของเขื่อนรัชชประภา
เป็นเรือนแพบ้านพักบังกะโลเป็นหลังๆ มีห้องน้ำในตัว ราคาตกคนละ 2,499 บาท รวมอาหารเช้า กลางวัน เย็นค่ะ
ภายในห้องพักก็เป็นห้องแอร์ แต่ว่าไฟฟ้าจะใช้ได้เฉพาะช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 17.30- 9.00 โมงเช้าของอีกวันเท่านั้นนั้นค่ะ
แต่บรรยากาศและวิวทัศน์โดยรอบสวยงามากๆ
มีเรือคายัคให้พายเล่นอีกด้วย
เมนูอาหารกลางวันของแพภูผาวารี ก็เป็นอาหารชุดสำหรับ 2 ท่าน มีผัดผักเหลียง ไข่เจียว ต้มยำไก่ และแกงคั่วปลา รสเผ็ดจัดจ้านมากๆ มีผลไม้เป็นแตงโม กับสัปปะรดให้ทานด้วย
ทานอาหารมื้อเที่ยงอิ่ม ก็ไปนอนพักกันต่อที่ห้อง แต่ทีห้องพักร้อนมากๆ เพราะไฟฟ้าใช้ไม่ได้ แอร์ก็เปิดไม่ได้ด้วย ต้องมานอนริมระเบียง ซึ่งลมพัดเย็นสบายมากกว่า และกิจกรรมยอดฮิต หนีไม่พ้นการพายเรือคายัค
พักผ่อนนอนไม่นานนัก บ่ายแกๆก็ออกไปพายเรือคายัค ชมทิวทัศน์ของบรรยกาศเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่รายล้อมไปด้วยผืนน้ำอันกว้างใหญ่และป่าไม้เขียวชอุ่ม
ตอนเย็นๆคนขับเรือ ก็จะพาเรานั่งเรือไปชมพระอาทิตย์ตกค่ะ
แต่เสียดายว่า วันนี้ฟ้าปิด เมฆเยอะและมีฝนตกลงมาด้วย เลยไม่ได้เห็นค่ะ ก็เลยได้แต่ชมบรรยากาศโดยรอบ และนั่งเรือโต้รับลมเย็นๆไปแทน
นั่งเรือกลับมาตอนเย็น ก็ได้เวลาทานอาหารเย็นพอดีค่ะ ทริปนี้แต่กินล้วนๆค่ะ
โดยอาหารมื้อเย็นของแพภูผาวารี ก็เป็นอาหารชุดคล้ายกับตอนเที่ยงเลยค่ะ โดยมีไข่เจียว ผัดผัดรวม แกงส้ม และปลานิลทอดให้ สำหรับทาน 2 คน เพื่อนเดี๊ยนบอกว่า เมนูอาหารอร่อยดีค่ะ แกงส้มเผ็ดจัดจ้าน ทานอิ่มก็กลับเข้าไปนอนพักผ่อน...... จบทริปวันที่ 2 ค่ะ
--เที่ยววันที่ 3 วันสุดท้ายของทริปนี้ (Day 3)--
ตื่นเช้าวันใหม่กับทริปวันสุดท้ายของการเที่ยวทริปนี้แล้ว โดยตอนเช้ามีโปรแกรมพานั่งเรือดูทะเลหมอกยามเช้าด้วย
เราเลยต้องตื่นเพื่อมารอขึ้นเรือตอน 7 โมงเช้า คุณลุงคนขับเรือ พาเราล่องไปเที่ยวชมบรรยากาศยามเช้าของเขื่อนเชี่ยวหลาน อากาศตอนเช้าที่นี่ เย็นสบายมากๆ มีละอองฝนเล็กน้อย
สำหรับโปรแกรมชมทะเลหมอกยามเช้า ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด เพราะเมื่อวานพลาดที่ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกดิน แต่โปรแกรมนั่งเรือตอนเช้าก็ยังได้เห็นทะเลหมอก ที่แทรกตัวไปตามภูเขาหินปูนให้ได้ชมบ้าง ดูสวยงามทีเดียวค่ะ
หลังจากไปนั่งเรือชมทะเลหมอกยามเช้าแล้ว ก็นั่งเรือกลับที่พักแพภูผาวารีเพื่อมาทานอาหารเช้าต่อค่ะ
มาเที่ยวสุราษฎร์ธานีครั้งนี้ เน้นกินอย่างเดียวเลยค่ะ เพราะว่ามากับเพื่อนๆ ก็ไม่เหงาเหมือนทริปที่ผ่านๆมานะคะ
อาหารเช้าที่แพภูผาวารี ก็เป็นอาหารบุฟเฟ่ต์ มีข้าวต้มหมู ไก่ มีไส้กรอก ไข่ดาวให้ทานแบบง่ายๆ
และยังมีเครื่องดื่มร้อนเย็น และผลไม้ให้ทานด้วยมีแค่แตงโมอย่างเดียว ถือว่าได้ทานครบทั้ง 3 มื้อตามโปรแกรมนำเที่ยวเป๊ะๆ สรุปภาพรวมของการมารีวิวที่พักแพภูผาวารี อยู่ในเกณฑ์ดีค่ะ
จากนั้นเวลา 9 โมงเช้า ก็เช็คเอาท์ออกจากแพที่พัก นั่งเรือกลับมาที่ฝั่ง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
และไม่ไกลมากนักจากเขื่อนรัชชประภา ขับรถเดินทางมาประมาณ 3 กิโลเมตร ก็เป็นที่ตั้งของบ้านเขาเทพพิทักษ์
ซึ่งหมู่บ้านดังกล่าว มีสะพานแขวนภูเขารูปหัวใจ จัดเป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่ไม่ควรพลาด แวะมาถ่ายรูปภาพกัน
ภูขารูปหัวใจ กับสะพานแขวนข้ามคลองแสง ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดเช็คอินถ่ายรูปที่มีชื่อเสียงของที่นี่ อีกทั้งอยู่ไม่ไกลจากสันเขื่อนรัชชประภาอีกด้วย
|
ทัศนยีภาพโดยรอบของสะพานแขวนรูปหัวใจ |
|
เป็นชุมชนชาวสวน ตั้งอยู่บริเวณลำน้ำคลองแสง เทือกเขา เขื่อนรัชชประภา ภาคใต้ มีสภาพบ้านเรือนที่สงบสุข |
สำหรับสะพานแขวนรูปหัวใจ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเทพพิทักษ์ ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นชุมชนชาวสวน ตั้งอยู่บริเวณลำน้ำคลองแสง เทือกเขา เขื่อนรัชชประภา ภาคใต้ มีสภาพบ้านเรือนที่สงบสุข และมีชื่อเสียงด้านสถานที่ ท่องเที่ยว พักผ่อนแบบสัมผัสธรรมชาติในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภาบนแพต่างๆ ท่องเที่ยวบริเวณในอ่างเก็บน้ำ กุ้ยหลินเมืองไทย กิจกรรมเดินป่า ชมสัตว์ ท่องเที่ยวถ้ำต่างๆ รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สะพานแขวนภูเขารูปหัวใจ อีกทั้งในฤดูผลไม้มีเทศกาลของถิ่นทุเรียนคลองแสง ฤดูทุเรียนหลน (https://th.wikipedia.org/wiki/ตำบลเขาพัง)
หลังจากได้แวะไปเที่ยวถ่ายรูปที่สะพานแขวนรูปหัวใจแล้ว เราก็เดินทางมาเที่ยวกันต่อที่ ชุมชนป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวชื่อดัง ที่ต้องมาเช็คอินกัน
สำหรับธรรมเนียมค่าเข้าชม ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดอยู่ที่ 30 บาทค่ะ
ระะยะทางจากจุดขายตั๋วเดินเข้าไปด้านในประมาณ 300 เมตร
เดินมาถึงก็เห็นเด็กๆเล่นน้ำๆกันอย่างสนุกสนาน มีกิจกรรมพายเรือชมธรรมชาติอีกด้วย
|
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด |
และไฮไลท์เด็ดคงเป็นแอ่งน้ำที่ใสราวกับกระจก และยังสามารถลงเป็นเล่นน้ำได้
|
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด ได้ถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2501 โดยคนกลุ่มแรกได้อพยพมาจากอำเภอบ้านนาเดิม เพื่อจับจองที่ดินทำการเกษตร และได้พื้นที่ป่าต้นน้ำ เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำ |
สำหรับป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 บ้านน้ำราด อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด ได้ถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ.2501 โดยคนกลุ่มแรกได้อพยพมาจากอำเภอบ้านนาเดิม เพื่อจับจองที่ดินทำการเกษตร และได้พื้นที่ป่าต้นน้ำ เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำ เพื่อไว้เป็นแหล่งน้ำสำหรับใช้ร่วมกัน และได้เรียกชื่อว่า ป่าน้ำราด ตามลักษณะของน้ำที่ไหลบ่าท่วมบริเวณพื้นที่ราบ บริเวณกว้าง ลักษณะคล้ายกับการนำน้ำมาราดเทไว้ และได้ใช้ชื่อของหมู่บ้านว่า บ้านน้ำราดมาจนถึงปัจจุบัน
|
นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นพื้นที่วิจัยทางวิชาการของระบบนิเวศน์ที่สำคัญ |
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นพื้นที่วิจัยทางวิชาการของระบบนิเวศน์ที่สำคัญ อีกทั้งยังเป็นแหล่งเรียนทางธรรมชาติที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งด้วย
|
วะผ่านร้านขายของฝากตามปั้มน้ำมัน ก็ไม่พลาดซื้อไข่เค็มไชยา ของฝากขึ้นชื่อที่นี่ไปให้ทานบ้านสักหน่อย |
และหลังจากที่ได้แวะไปเที่ยวชมป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดแล้ว ตอนเย็นก็เดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปสนามบิน แวะผ่านร้านขายของฝากตามปั้มน้ำมัน ก็ไม่พลาดซื้อไข่เค็มไชยา ของฝากขึ้นชื่อที่นี่ไปให้ทานบ้านสักหน่อยค่ะ
|
เดินทางกลับโดยเครื่องบินถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ เป็นอันจบทริปรีวิวเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาสกไปล่องแพไม้ไผ่ |
ประมาณ 1 ทุ่มก็เดินทางกลับโดยเครื่องบินถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ เป็นอันจบทริปรีวิวเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาสกไปล่องแพไม้ไผ่ แวะไปนอนเรือนแพลอยน้ำที่เขื่อนเชี่ยวหลาน และเช็คอินตามจุดที่เที่ยวต่างๆ ถือเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมเที่ยวแบบสบายๆ แบบเช่ารถยนต์เที่ยว สำหรับเพื่อนๆคนใหนที่ช่วงวันหยุดฤดูฝนไม่รู้จะไปใหนดี ก็ลองจัดทริปมาล่องแพไม้ไผ่ที่เขาสก ชมน้ำตกสวยๆกันดูสักครั้งนะคะ รับรองว่าประทับใจอย่างแน่นอนค่ะ
สรุปทริปค่าใช้จ่ายเที่ยวล่องแพไม้ไผ่เขาสก-เขื่อนเชี่ยวหลาน 3 วัน 2 คืน เฉลี่ยหารต่อคน
ค่าเครื่องบินไปกลับ ดอนเมือง-สุราษฎร์ธานี 2,307 บาท
ค่าที่พักโรงแรมแมจิคัล เมาน์เท็น วิว รีสอร์ท (Magical Mountain View Resort) คืนละ 1,420 บาท
ค่าแพที่พักเขื่อนเชี่ยวหลาน แพภูผาวารี 2499 บาท
ค่าเหมาเรือส่วนตัวพิเศษคนละ 1000 บาท
ค่าเช่ารถคนละ 1503.75 บาท (เช่า 3 วัน)
ค่าน้ำมันรถ 385 บาท (หาร 2แล้ว)
ค่าลองแพไม้ไผ่ 500 บาทต่อคน
ค่ากิน ค่าเฟ่ อื่นๆ 875 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดทริปนี้ 10,489.75 บาท
ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆคน ที่เข้ามาคลิ๊กสไลด์เลื่อนดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดๆไปนะคะ.....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
------------------------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้จ้า
เก็บตกรีวิวไปเที่ยวเมืองเจนัว แวะชมบ้านเกิดคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือคนแรกของโลกที่นี่ มีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
แบ่งปันทริปเดินทางไปเที่ยวซิงเคว เทอเร่ (Cinque Terre) ใน 1 วัน แวะชมหมู่บ้านชมประมงติดริมทะเลแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
เก็บตกรีวิวแบกเป้ไปเที่ยวเมืองปอร์โต้ เมืองเก่าแก่มรดกโลก ติดริมชายทะเลแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ชมบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
แบ่งปันทริปนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองลิเว่อร์พูล ไม่ได้ไปดูฟุตบอล พาไปตะลอนชมพิพิธภัณฑ์เรือไททานิค และท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งของยุโรป คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
เก็บตกพาไปเที่ยวเมืองบาธ เมืองมรดกโลก เดินทางไปชมโรงอาบน้ำแร่โรมันเก่าแก่ที่สุดอีกแห่ง มีที่มาน่าสนใจอย่างไร ตามไปเที่ยวชมกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
แบ่งปันทริปนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองเอดินเบอระ ประเทศสก็อตแลนด์ มีที่เที่ยวอะไรให้เริ่ดสะแมนแตนถ่ายรูปบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
บันทึกเดินทางไกล พาไปเที่ยวเมืองยอร์ค เมืองเก่าแก่อายุ 2,000 ปี มีจุดแวะเดินชมกำแพงโบราณ และที่เที่ยวต่างๆอะไรบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
แบ่งปันรีวิวทริปเที่ยวเมืองเก่าโบราณศรีเทพ เมืองมรดกโลกแห่งใหม่ของเมืองไทย มีแหล่งท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปเที่ยวชมกันค่ะ คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
บันทึกเดินทางรีวิวเที่ยวโปรตุเกสล่าสุด ไปหยุดที่เมืองลิสบอน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ไปออนซอน เช็คอินถ่ายรูปกันบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
แบ่งปันทริปนั่งรถไฟไปตามหาต้นตำรับขนมฝอยทองของแม่ทองมา (ท้าวทองกีบม้า) ที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เดินทางไปอย่างไร ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
เก็บตกแปลกถิ่นแวะเที่ยวเมือง Honningsvåg ไปเดิน Hiking ชมวิวเส้นทางบนภูเขาอันหนาวเหน็บในฤดูร้อน มีที่เที่ยวอะไรให้ไปเช็คอินถ่ายรูปกันบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
มาแบ่งปันรีวิวตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 5 แบกเป้คนเดียวไปเที่ยว North Cap แดนดินถิ่นพระอาทิตย์เที่ยงคืน หากจะไปเที่ยวด้วยตัวเอง เดินทางไปอย่างไร นำมาให้อ่านกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>>
แบ่งปันวิธีทำตุ๊กตากระดาษแบบไทยๆในยุค60-90 และมารู้จักประวัติตุ๊กตากระดาษในโลกนั้น มีที่มาอย่างไร นำมาให้อ่านกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
แบ่งปันทริปรีวิวพาไปเที่ยวชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่สวน Mayfield Lavender Farm เดินทางไปด้วยตัวเองอย่างไร ราคาบัตรเท่าไหร่ ตามไปเที่ยวชมกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
มาม๊ะมาเก็บตกเที่ยวนราธิวาส ไม่พลาดไปเช็คอินที่เที่ยวต่างๆ กินอาหารพื้นบ้านแสนอร่อยๆ มีจุดเช็คอินถ่ายรูปสวยๆใหม่ๆหลายแห่ง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>
บันทึกการเดินทางเก็บภาพบรรยากาศงาน London Pride 2023 งานใหญ่แห่งปี ที่มีประเทศไทยเข้าร่วมด้วย ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรีวิวบันทึกภาพการเดินทางค่ะ>>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวปัตตานี เมืองนี้มีแต่ของดีอร่อยๆให้ทาน มีจุดเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวให้ยลตระการมากมาย ไม่พลาดไปกันให้ได้นะ คลิ๊กดูรีวิวบันทึกภาพและการเดินทางค่ะ>>>
แบ่งปันเก็บตกภาพขบวนพาเหรดงาน Bangkok Pride Month 2023 สีสันแห่งความหลากหลายทางเพศที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูภาพงาน>>>
แบ่งปันทริปรีวิวเที่ยวเบตง 2 วันในปี2023 เช่ามอเตอร์ไซต์ไปชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดในเมืองไทย มีที่เที่ยวเปิดใหม่ที่ใหนบ้าง ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรีวิวบันทึกภาพและการเดินทางค่ะ>>
0 ความคิดเห็น