หากจะเอ่ยถึงชื่อเสียงของเบตงในความจำของเดี๊ยน เห็นจะต้องนึกถึงภาพยนต์เรื่อง "โอเคเบตง" ที่ออกฉายเมื่อปี 2546 พอได้ดูแล้ว ก็อยากมาเที่ยวเมืองงามแห่งนี้ดูสักครั้ง แต่ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบ ที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดภาคใต้ในช่วงนั้น เดี๊ยนก็เลยไม่ได้มีโอกาสมาเลย ทางคนที่บ้านก็ห้ามปรามไว้ จนกระทั่งปัจจุบันสถานการณ์ความไม่สงบเริ่มคลี่คลายลง อีกทั้งในอำเภอเบตงเอง มีจุดเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวเปิดใหม่หลายแห่ง ทำให้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซีย มาเยือนเมืองแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย เพราะด้วยภูมิศาสตร์ที่ตั้งของเมืองเบตง เป็นแอ่งกะทะ โอบล้อมด้วยเทือกเขา ทำให้มีอากาศเย็นสบาย และยังเป็นแหล่งเพาะปลูกผลไม้ชื่อดัง อย่างทุเรียนมูซังคิง และส้มโชกุน อันเลื่องชื่อลือชา เป็นของฝากที่นี่ด้วย
และใหนๆมีโอกาสมาเยือนเมืองเบตงทั้งที ในบทความนี้เลยขอมาแบ่งปัน รีวิวแบกเป้คนเดียวเที่ยวเบตง เมืองงามสุดชายแดนไทย มาให้เพื่อนๆที่กำลังวางแผนไปเที่ยวอยู่ได้สไลด์อ่านดูกันค่ะ น่าจะมีประโยชน์ต่อการวางแผนไปเที่ยวอยู่ไม่มากก็น้อยนะคะ
|
ขึ้นเครื่องตอน 6.00 โมงเช้า นั่งเครื่องบินของสายการบิน ไลอ้อนแอร์ ราคา 1,200 บาท |
เริ่มต้นการเดินทางไปเที่ยวเบตงทริปนี้ นั่งเครื่องออกจากสนามบินดอนเมืองแต่เช้าตรู่เลยค่ะ ขึ้นเครื่องตอน 6.00 โมงเช้า นั่งเครื่องบินของสายการบิน ไลอ้อนแอร์ ราคา 1200 บาท ทริปนี้มาแต่เช้ามืด ต้องมาเช็คอินโหลดกระเป๋า
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็เดินทางถึงสนามบินหาดใหญ่แล้วค่ะ
|
วางแผนไปสถานีขนส่งหาดใหญ่ ซึ่งมี 3 วิธี คือ 1.นั่งรถ 2 แถวที่จะเวียนมาส่งผู้โดยสารเรื่อย 2. นั่งรถ Mini Bus ไปสถานีขนส่งเลย หรือ 3.นั่งแท็กซี่ส่วนบุคคลเลย |
จากนั้นก็เดินทางมาทีประตะทางออก เพื่อวางแผนไปสถานีขนส่งหาดใหญ่ ซึ่งมี 3 วิธี คือ 1.นั่งรถ 2 แถวที่จะเวียนมาส่งผู้โดยสารเรื่อย 2. นั่งรถ Mini Bus ไปสถานีขนส่งเลย หรือ 3.นั่งแท็กซี่ส่วนบุคคลเลย ซึ่งตรงประตูทางออกจะมีบริการรถตู้ Mini Bus ให้บริการโดยสารเข้าไปในเมืองหาดใหญ่ และไปสุดปลายทางที่สถานีขนส่งด้วย เดี๊ยนเลยเลือกใช้บริการรถ Mini Bus เพราะประหยัดกว่า
|
รถ Express Mini Bus ที่จะวิ่งเข้าเมืองหาดใหญ่ จะมาเป็นรอบเวลา |
ทางเจ้าหน้าที่ขายบัตรแจ้งว่า รถ Express Mini Bus ที่เข้าเมืองหาดใหญ่ จะมาเป็นรอบเวลา เลยแนะนำเป็นรถตู้แทนค่ะ จะได้ไม่ต้องรอนาน
|
ราคาแพงกว่ารถ Mini Bus นะคะ โดยค่าโดยสารรถตู้ไปสถานีขนส่งหาดใหญ่ คนละ 100 บาทค่ะ |
ซึ่งรถตู้โดยสารที่มารับก็จะไปส่งสุดปลายทางที่สถานีขนส่งหาดใหญ่เช่นกัน แต่ราคาแพงกว่ารถ Mini Bus นะคะ โดยค่าโดยสารรถตู้ไปสถานีขนส่งหาดใหญ่ คนละ 100 บาทค่ะ แต่ถ้าไม่อยากขึ้น ก็สามารถขึ้นรถ Mini Bus หรือเลือกนั่งรถ 2 แถวได้นะคะ ราคาถูกลงไปอีก
เมื่อจ่ายค่าโดยสารก็ขึ้นรถตู้ คนขับมาส่งสุดปลายทางที่สถานีขนส่งใช้เวลาไม่นานค่ะ
|
สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอหาดใหญ่ หรือ บ.ข.ส.หาดใหญ่ |
บรรยากาศที่สถานีขนส่งผู้โดยสารหาดใหญ่ในวันธรรมดา คนก็ยังไม่เยอะมากนัก ภายในบริเวณมีรถให้บริการไปยังเมืองต่างๆมากมาย มีชานชลาขายตั๋วเยอะมาก ทั้งไปหัวเมืองใหญ่ต่างๆ และมีรถโดยสารให้บริการไปยังประเทศมาเลยเซีย และสิงคโปร์ด้วยค่ะ ใครที่จะไปเที่ยวมาเลย์ ไปเที่ยวปีนัง มาเที่ยวหาดใหญ่ ก็มาซื้อตั๋วโดยสารขึ้นรถที่นี่ได้เลยนะคะ สะดวกเหมือนกัน
ส่วนช่องขายตั๋วรถโดยสายที่จะไปอำเภอเบตง ก็อยู่ที่ช่อง 31 ชื่อเบตงโพธิ์ทองทัวร์ ซึ่งเป็นรถโดยสารจำดัง ประจำอำเภอเบตงที่คนรู้จักดี โดยเที่ยวรถที่จะไปอำเภอเบตง มีตั้งแต่ 8 โมงเช้าไปจนถึง 14.00 น.เลยค่ะ
|
ซื้อตั๋วรถโดยสารจากหาดใหญ่ไปเบตง ค่ารถ 280 บาท |
ราคาตั๋วรถโดยสารจากหาดใหญ่ ไปเบตง ค่าเสียหาย 280 บาทจ้า หากใครที่จะเดินทางช่วงเทศกาล แนะนำจองตั๋วไว้แต่เนิ่นๆนะคะ เพราะมีนักท่องเที่ยวไปกันเยอะมากๆ โดยเบอร์โทรตามรูปเลยจ้า ซึ๋งซื้อตั๋วรอบนี้ ขึ้นรถรอบเวลา 10 โมงเช้า
พอเวลาประมาณ 10 โมง ก็ขึ้นรถโดยสาร เป็น Mini Bus ค่ะ
ภายในรถกว้างขวางดีนะคะ ทั้งกระเป๋าผู้โดยสารนักท่องเที่ยวและพัสดุที่ฝากส่งมากับรถตู้มินิบัสดูเยอะไปหน่อย
|
ภายในรถมีที่เสียบให้ชาร์ตแบตโทรศัพท์ได้ดี อันนี้คือดีเริ่ดจ้า |
และข้อดีของการนั่งรถมินิบัสคือ ภายในรถมีที่เสียบให้ชาร์ตแบตโทรศัพท์ได้ดี อันนี้คือดีเริ่ดจ้า เพราะเดี๊ยนไม่ได้เอา พาวเว่อร์แบงค์มา เนื่องจากลืมไว้ในลิ้นชักที่ทำงาน
ได้เวลาที่ล้อหมุนออกจากอำเภอหาดใหญ่ มุ่งหน้าไป อำเภอเบตง ระยะทางรวมทั้งหมด 260 กิโลเมตร คนขับบอกว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมงเลยค่ะ เพราะเส้นทางเป็นภูเขาโค้งค่อนข้างเยอะ
|
ผ่านเข้าเมืองยะลา แต่ไม่ได้ผ่านตรงวงเวียนค่ะ เพราะวันที่เดี๊ยนไปเที่ยว มีการจัดงานกาชาด |
โดยระหว่างเดินทางจะจะผ่านจังหวัดปัตตานี เข้าเมืองยะลา เข้าอำเภออบันนังสะตา อำเภอธารโต ไปจนถึงเบตง ถือว่าระยะทางไกลพอควรค่ะ
|
ผ่านเข้าอำเภอธารโต เป็นเทือกเขา โค้งเยอะมากๆค่ะ เดี๊ยนก็ว่าอยู่ทำไมถึงใช้ระยะเวลาเดินทางนาน แต่ทิวทัศน์เขียวชอุ่ม สวยงาม สบายตามาก ดูไม่แห้งแล้งเลย |
เส้นทางพอออกจากอำเภอบันนังสะตา ผ่านเข้าอำเภอธารโต เป็นเทือกเขา โค้งเยอะมากๆค่ะ เดี๊ยนก็ว่าอยู่ทำไมถึงใช้ระยะเวลาเดินทางนาน ใครที่เมารถ แนะนำพกยาดม ยาอม ยาหมองไปด้วยนะคะ
|
ระหว่างนั่งรถโดยสารก็จะผ่าน สะพานโต๊ะกูแช จุดเช็คถ่ายรูปที่เที่ยวชื่อดัง เป็นสะพานข้ามเขื่อนบางลาง |
และระหว่างนั่งรถโดยสารก็จะผ่าน สะพานโต๊ะกูแช จุดเช็คถ่ายรูปที่เที่ยวชื่อดัง เป็นสะพานข้ามเขื่อนบางลาง หรือ ทะเลสาบป่าฮาลา-บาลา เชื่อมต่อเส้นทางจาก อ.เมืองยะลาไปยัง อ.เบตง โดยทางรถตู้ไม่ได้จอดให้ลงนะคะ เดี๊ยนถ่ายจากรถเอาค่ะ
|
หากใครที่ขับรถส่วนตัวมาเที่ยว ก็แวะไปถ่ายรูปได้ บริเวณสะพานจะสามารถมองเห็นวิวสวยธรรมชาติอันงดงาม |
ซึ่งจากบริเวณสะพาน หากใครที่ขับรถส่วนตัวมาเที่ยว ก็แวะไปถ่ายรูปได้ บริเวณสะพานจะสามารถมองเห็นวิวสวยธรรมชาติอันงดงาม ซึ่งเป็นบริเวณกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยป่าไม้เขียวชอุ่มและอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าในเขตอุทยานแห่งชาติบางลางแห่งนี้ มีป้ายจุดเช็คอินให้ไปถ่ายรูป และแวะพักเหนื่อยระหว่างการเดินทางด้วย
|
รถก็จอดแวะพักระหว่างทางบริเวณบ้านตาพระยา เพื่อให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำ ห้องท่า ใครที่อั้นเยี่ยวไว้นาน ก็มาปล่อยตรงนี้นะคะ |
นังรถมานาน รถก็จอดแวะพักระหว่างทางบริเวณบ้านตาพระยา เพื่อให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำ ห้องท่า ใครที่อั้นเยี่ยวไว้นาน ก็มาปล่อยตรงนี้นะคะ
ออกมาเดินถ่ายภาพบรรยากาศถนนริมทางสักหน่อย นานๆจะเห็นรถขับวนมาสักคันค่ะ
|
และในที่สุดก็นั่งรถมาถึงเมืองเบตงแล้วจ้า ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมงเกือบๆจะเข้า 5 ชั่วโมงเลยจ้า |
ในที่สุดก็มาถึงเมืองเบตงแล้วค่ะ หลังจากนั่งรถมานาน 4 ชั่วโมงครึ่ง มาถึงเบตงเกือบจะ บ่าย 3 โมงแล้วค่ะมาถึงฝนตกพอดีเลย
|
มาจอดบริเวณใกล้ๆกับหอนาฬิกา ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองค่ะ คะ มีตารางรอบเวลารถตู้จากเบตงไปหาดใหญ่ เริ่มเวลา 6 โมงเช้าสิ้นสุดเวลา 14.00 น.ค่ะ จองไว้ล่วงหน้าได้เลยนะคะ หากช่วงเทศกาลคนจะเยอะมาก
|
โดยรถตู้โดยสารจะมาจอดบริเวณใกล้ๆกับหอนาฬิกา ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองค่ะ หากใครที่มาถึงแล้ว อยากจะจองรถตู้โดยสารไว้ ก็จองได้เลยนะคะ มีตารางรอบเวลารถตู้จากเบตงไปหาดใหญ่ เริ่มเวลา 6 โมงเช้าสิ้นสุดเวลา 14.00 น.ค่ะ
|
1.ก่อนเข้าไปโรงแรม ก็แวะเช็คอินถ่ายรูปหอนาฬิกาเมืองเบตง จัดเป็นสิ่งก่อสร้างคู่เมืองเบตงมาอย่างยาวนาน มีเรื่องเล่าว่าหากท่านโดนมูลของนกนางแอ่น หรือว่าขี้นกนางแอ่นตกใส่ในบริเวณนี้เข้าไม่นาน คนผู้นั้นจะต้องกลับมาเยือนเมืองเบตงอีกแน่นอน |
|
1.ก่อนเข้าไปโรงแรม ก็แวะเช็คอินถ่ายรูปหอนาฬิกาเมืองเบตง จัดเป็นสิ่งก่อสร้างคู่เมืองเบตงมาอย่างยาวนาน |
ซึ่งบริเวณท่ารถตู้ ก็อยู่ใกล้ๆกับหอนาฬิกาเลยค่ะ และโรงแรมที่เดี๊ยนจองไว้ก็อยู่ในตัวเมืองไม่ไกลจากวงเวียนหอนาฬิกาด้วย โดยบริเวณหอนาฬิกา ถือเป็นจุดเช็คอิน ย่านใจกลางเมือง เป็นจุดรวมพล มีตลาดและร้านอาหารอร่อยๆหลายร้านเลย
1.แวะเช็คอินถ่ายรูปหอนาฬิกาเมืองเบตง จัดเป็นสิ่งก่อสร้างคู่เมืองเบตงมาอย่างยาวนาน เป็นที่รู้่จักของนักท่องเที่ยว โดยสร้างด้วยหินอ่อนจากจังหวัดยะลา เสน่ห์ที่คู่หอนาฬิกาคือจะนกนางแอ่นนับพันตัวที่เกาะสายไฟบริเวณหอนาฬิกา ซึ่งมีจำนวนมากช่วงเดือนกันยายนถึงมีนาคม เพราะนกนางแอ่นเหล่านี้บินหนีความหนาวเย็นมาจากไซบีเรีย เพื่อมาอิงแอบพักอาศัยที่เมืองเบตง แม้จะดูแปลกตาแต่ก็มีความน่ารัก และเป็นความพิเศษอีกรูปแบบหนึ่งของเมืองเบตงที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง มีเรื่องเล่าว่าหากท่านโดนมูลของนกนางแอ่น หรือว่าขี้นกนางแอ่นตกใส่ในบริเวณนี้เข้าไม่นาน คนผู้นั้นจะต้องกลับมาเยือนเมืองเบตงอีกแน่นอน
|
2.ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในอำเภอเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467 อายุร่วม 80 ปี ในอดีตการเดินทางและการติดต่อสื่อสารระหว่างอำเภอเบตงกับอำเภออื่น ๆ เป็นไปด้วยความยากลำบาก การติดต่อสื่อสารด้วยจดหมาย จึงสะดวกที่สุด |
|
2.ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในอำเภอเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467 |
|
2.ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในอำเภอเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467 อายุร่วม 80 ปี |
และใกล้ๆกับวงเวียนหอนาฬิกา ก็จะมีตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอยู่ด้วย ซึ่งกลายเป็นจุดเช็คอินถ่ายรูปชื่อดัง ที่ต้องมาถ่ายรูปคู่ป้ายไปรษณีย์แห่งนี้กัน
2.ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศในอำเภอเบตง ตั้งอยู่หัวมุมถนนสุขยางค์ บริเวณสี่แยกหอนาฬิกา สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467 ลักษณะของตู้เป็นรูปทรงกลม และคอนกรีตเสริมเหล็ก มีเส้นรอบวงของตัวตู้ประมาณ 140 ซม. มีความสูงถึง 290 ซม. นับจากฐานขึ้นไป รวมความสูงทั้งหมดประมาณ 320 ซม อายุร่วม 80 ปี ในอดีตการเดินทางและการติดต่อสื่อสารระหว่างอำเภอเบตงกับอำเภออื่น ๆ เป็นไปด้วยความยากลำบาก การติดต่อสื่อสารด้วยจดหมาย จึงสะดวกที่สุด โดยนายสงวน จิระจินดา นายกเทศมนตรีอำเภอเบตงในขณะนั้นเคยเป็นนายไปรษณีย์มาก่อน จึงได้จัดสร้างตู้ไปรษณีย์นี้ไว้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์การติดต่อสื่อสารของอำเภอเบตง และยังได้ติดตั้งวิทยุกระจายเสียงไว้ในส่วนบนของตู้ จนปัจจุบันตู้ไปรษณีย์เก่าแก่ตู้นี้ ได้กลายเป็นกิมมิค ที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปด้วย
เดินออกจากวงเวียนหอนาฬิกามาไม่ไกล ก็จะเป็นย่านตลาดค่ะ แต่ว่าตลาดวายแล้ว ต้องรอช่วงเย็นๆก็จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
|
ขนมพื้นเมืองด้วย เป็นขนมอังกู้ หรือว่าขนมเต่า ขนมสีแดง ด้านในเป็นใส้มะพร้าวกว |
ผ่านร้านขายขนมพื้นเมืองด้วย เป็นขนมอังกู้ หรือว่าขนมเต่า ขนมสีแดง ด้านในเป็นใส้มะพร้าวกวน เหมือนทานขนมเทียนเลยค่ะ และก็มีขนมชั้น รสชาติอร่อยดี
ส่วนโรงแรมที่พักในอำเภอเบตงทริปนี้ เดี๊ยนนอนพักที่โรงแรม เดอะฮอลิเดย์ฮิลล์ ตั้งอยู่ใกล้ๆกับวงเวียนหอนาฬิกา และใกล้อุโมงโอคงเบตงด้วย
|
เป็นห้องธรรมดา ตกคืนละ 760 บาทค่ะ สำหรับนอน 2 คน |
โดยห้องพักที่จองก็เลือกเป็นห้องธรรมดา ตกคืนละ 760 บาทค่ะ สำหรับนอน 2 คน แต่ถ้ามานอนคนเดียว ก็ราคาเดียวกัน เห็นว่ามีโปรโมชั่นลดราคาด้วย เพื่อนๆสามารถเข้าไปดูโปรโมชั่นได้ที่ โรงแรม เดอะฮอลิเดย์ฮิล์เบตง>>>
|
รีวิวสภาพห้องพักที่โรงแรมฮอลิเดย์ฮิลล์เบตง (The holidayshill Hotel) |
สภาพห้องถือว่าสะอาดสะอ้าน กว้างขวางดีทีเดียวค่ะ ไม่แออัด หรือคับแคบเกินไป มีตู้เสื้อผ้า ทีวี ตู้เย็น ชากาแฟ กาต้มน้ำร้อนให้ด้วย แอร์หรือเครื่องปรับอากาศดูเก่าไปหน่อย แต่ใช้งานได้และเย็นดีด้วย
|
รีวิวห้องน้ำสะอาดสะอ้าน ใช้ได้ค่ะ ให้ผ่าน |
ส่วนห้องน้ำก็ตามภาพจ้า มีอ่างอาบน้ำให้ สภาพสะอาดอ้าน มีสบู่เหลว แชมพูให้ โดยรวมถือว่าดีทีเดียวค่ะ เพื่อนสามารถไปดูราคาห้องได้ที่ โรงแรม เดอะฮอลิเดย์ฮิล์เบตง (The holidayshill Hotel)>>>
มองจากกระจกห้องพักของโรงแรมออกไป ก็สามารถเห็นวิวทิวทัศน์เมืองเบตงได้ด้วยค่ะ แต่ใกล้ๆกับโรงแรมฮอลิเดย์ฮิล ก็เป็นโรงแรมแมนดารินเบตง ซึ่งอยู่ติดๆกันเลยค่ะ
|
ก็ติดต่อเช่ารถมอเตอร์กับทางโรงแรมได้เลยค่ะ ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์วันละ 300 บาท เช่า 1 วัน คืนตอนเช็คเอาท์ได้เลย การเช่ารถมอเตอร์ไซต์ที่อำเภอเบตงนั้น เป็นการเช่ารถที่ง่ายมากๆ
|
หลังจากที่นำกระเป๋าไว้และได้รีวิวห้องพักของโรงแรมฮอลิเดย์ฮิลล์เบตงไปแล้วนะคะ ก็ติดต่อเช่ารถมอเตอร์กับทางโรงแรมได้เลยค่ะ เพราะทางโรงแรมจะดิวหรือคอนแทคกับทางร้านเช่าไว้แล้ว แต่หากวันใหนมาเที่ยวช่วงเทศกาล ตอนจองไว้เนิ่นๆนะคะ เพราะบางวันรถก็ไม่มีให้เช่า ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์วันละ 300 บาท ไม่มีมัดจำ ถ่ายแค่รูปบัตร ปปชไว้อย่างเดียว เติมน้ำกลับตอนคืนรถก็พอค่ะ การเช่ารถมอเตอร์ไซต์ที่เบตงนั้น เป็นการเช่าที่ง่ายมากๆ
|
สวนทุเรียนในอำเภอเบตง |
ขับรถออกมาจากเมืองเบตง มาได้ไม่ไกลนัก ก็จะผ่านสวนทุเรียน ออกผลดกเต็มต้น ดูน่ารับประทานยิ่งนัก
|
3.เช่ารถมอเตอร์ไซต์ ออกจากอำเภอเบตงระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร มาเที่ยวชมบ่อน้ำร้อนเบตง แหล่งอาบน้ำแร่ แช่ออนเซ็น ที่มีชื่อเสียงของเมืองใต้สุดแดนสยามแห่งนี้ |
|
3.มาเที่ยวชมบ่อน้ำร้อนเบตง แหล่งอาบน้ำแร่ แช่ออนเซ็น ที่มีชื่อเสียงของเมืองใต้สุดแดนสยามแห่งนี้ |
|
แช่ใข่ในบ่อน้ำร้อนเบตง |
|
3. บ่อน้ำร้อนเบตง ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำแร่ในน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคภัยได้เป็นอย่างดี |
3.เช่ารถมอเตอร์ไซต์ ออกจากอำเภอเบตงระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร มาเที่ยวชมบ่อน้ำร้อนเบตง แหล่งอาบน้ำแร่ แช่ออนเซ็น ที่มีชื่อเสียงของเมืองใต้สุดแดนสยามแห่งนี้ บ่อน้ำร้อนเบตง เดิมเป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยแร่ธาตุมากมาย ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ บ่อน้ำพุร้อนจะมีน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน อุณหภูมิของน้ำประมาณ 80 องศาเซลเซียส สามารถลวกให้ไข่สุกได้ภายใน 7 นาที และมีสระน้ำขนาดใหญ่ไว้กักน้ำจากน้ำพุร้อเพื่อให้ประชาชนและน้ำท่องเที่ยว ได้อาบและแช่เท้าเล่น ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำแร่ในน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคภัยได้เป็นอย่างดี เช่น โรคผิวหนัง โรคปวดเมื่อย โรคเหน็ดชา เป็นต้น
4.พอตกเย็นแล้วก็ขับรถกลับเข้าเมือง แวะถ่ายรูปคู่ป้ายเมือง OK BETONG จุดถ่ายรูปเช็คอินภาพที่ระลึกเพื่อบ่งบอกว่า มาถึงเมืองเบตงแล้วนะจ๊ะ
เดินทางกลับมาเที่ยวต่อในเมืองเบตง
|
5.แวะมาเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายอุโมงโอเคเบตง ชื่อเต็มของอุโมงแห่งนี้คือ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ โดยเป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย |
|
5.แวะมาเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายอุโมงโอเคเบตง ชื่อเต็มของอุโมงแห่งนี้คือ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ โดยเป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย |
|
5.แวะมาเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายอุโมงโอเคเบตง ชื่อเต็มของอุโมงแห่งนี้คือ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ โดยเป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย |
5.แวะมาเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายอุโมงโอเคเบตง อีกหนึ่งจุดถ่ายรูปที่มีชื่อเสียงประจำเมืองนี้ โดยชื่อเต็มของอุโมงแห่งนี้คือ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ โดยเป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย ที่ขุดทอดโค้งให้รถวิ่งไป-มาก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความยาวตลอดอุโมงค์ ประมาณ 273 เมตร เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1มกราคม 2544 โดยนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว สามารถเดินทะลุไปยังปากทางอุโมง สามารถถ่ายรูปกับรูปปั้นไก่เบตงที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งไก่เบตงนอกจากจะเป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองเบตงแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของอำเภอเบตงอีกด้วย
|
6.พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง |
|
6.พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง |
|
6.พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง |
6.พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง ตั้งอยู่ใกล้ๆกับอุโมงเบตงมงคลฤทธิ์ โดยพิพิธภัณฑ์เมืองเบตงขึ้นใน พ.ศ.2548 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมเรื่องเรื่อง และจัดแสดงนิทรรศการต่างๆของคนในพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้รู้จักเบตงมากขึ้น โดยพิพิธภัณฑ์เบตง มี 3 ชั้น โดยส่วนของการจัดแสดงมี 2 ชั้น ซึ่งชั้นล่างเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยเก่า เช่น ถ้วยชาม เครื่องเคลือบ ตู้ เตียง ตะเกียงเก่า โดยนำมาจัดแสดงไว้ในตู้ไม้กระจกใส ตั้งอยู่หน้าบันไดทางขึ้น ส่วนชั้นที่ 2 มีการจัดแสดงรูปเก่า ๆ หนังสือพิมพ์ประวัติความเป็นมา โดยแขวนไว้บนฝาผนังของห้อง และมีการติดบอร์ดแสดงแหล่งข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอำเภอเบตง นอกจากนี้ชั้นที่ 3 ยังเป็นหอคอยชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองเบตงทั้งเมืองได้ (เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://www.betongcity.go.th/travel/detail/82)
|
7.จุดเช็คอินถ่ายรูปวิวทิวทัศน์เมืองเบตง |
|
7.จุดเช็คอินถ่ายรูปวิวทิวทัศน์เมืองเบตง |
|
7.จุดเช็คอินถ่ายรูปวิวทิวทัศน์เมืองเบตง |
|
7.จุดเช็คอินถ่ายรูปวิวทิวทัศน์เมืองเบตง |
|
7.จุดเช็คอินถ่ายรูปวิวทิวทัศน์เมืองเบตง |
7.จุดเช็คอินถ่ายรูปวิวทิวทัศน์เมืองเบตง จัดเป็นหนึ่งในจุดชมวิวเมืองเบตงที่สวยงามที่สุดอีกแห่ง ตั้งอยู่บริเวณลานใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์เมืองเบตงและใกล้สวนสาธารณะ บริเวณโดยรอบสามารถมองเห็นวิวเมืองเบตงได้อย่างสวยงาม เหมาะกับกับถ่ายรูปและนั่งรับลมเย็นๆ เดินเล่นบริเวณสวนสาธารณะและสนามกีฬาเบตง
|
สนามกีฬาโอเคเบตง |
บรรยากาศยามเย็นที่สนามกีฬาโอเคเบตงอยู่ใกล้ๆกัน
และสวนสาธารณะใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์และจุดชมวิวเมือง ก็สามารถเดินออกกำลังกายจากทะลุลอดจากอุโมงขึ้นมาได้เช่นกันค่ะ
|
8.แวะไปเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยาม ขับมอเตอร์ไซต์มาถึงเขตพรมแดนที่อยู่ใต้สุดของไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจแล้วจริงๆ |
|
8.แวะไปเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยาม ขับมอเตอร์ไซต์มาถึงเขตพรมแดนที่อยู่ใต้สุดของไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจแล้วจริงๆ |
|
8.แวะไปเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยาม มาถึงเขตพรมแดนที่อยู่ใต้สุดของไทยจริงๆ |
|
8.แวะไปเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยาม |
|
8.แวะไปเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยาม มาถึงเขตพรมแดนที่อยู่ใต้สุดของไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนแสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจแล้วจริงๆ |
8.แวะไปเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยาม ขับมอเตอร์ไซต์ออกจากเมืองเบตงไประยะทาง 7 กิโลเมตร โดยตั้งอยู่บริเวณชายแดนระหว่างอำเภอเบตงกับรัฐเปรัคประเทศมาเลเซีย โดยป้ายสร้างจากหินอ่อน มีการสลักสัญลักษณ์เป็นรูปแผนที่ประเทศไทยและข้อความด้วยสีทองโดดเด่นอยู่ภายในเนื้อหิน นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเบตง ก็ไม่พลาดต้องมาถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยามแห่งนี้ เพราะถือว่าเป็นเขตใต้สุดของประเทศไทยแล้ว โดยระทางป้าย มีป้าย Malaya Thailand Boarder เป็นสัญลักษณ์สร้างไว้ด้วย
กลับจากเขตพรมแดนใต้สุดแดนสยามของไทยแล้ว ก็มาหาอะไรทานต่อที่ตลาดเบตง ยามค่ำคืนกันต่อค่ะ
ตลาดค่ำย่านของกินในเมืองเบตง เป็นตลาดเล็กไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็มีร้านอาหาร และของกินให้เลือกทานหลายอย่าง
|
จริงๆอยากทานข้าวมันไก่เบตง แต่วันที่มาเที่ยว ร้านดังกล่าวปิดไป 2 วันเลยจ้า เลยอดได้ทานเลยค่ะ ไม่เป็นไรทานข้าวหมกแทนแล้วกัน |
เย็นนี้ทานอะไรดี เพราะตั้งแต่เช้าทานแค่ขนมปังมานิดเดียว เดินผ่านร้านมะ ขายข้าวหมกไก่ เลยจัดไปสัก 1 กล่องค่ะ เพราะจริงๆอยากทานข้าวมันไก่เบตง แต่วันที่มาเที่ยว ร้านปิดไป 2 วันเลยจ้า เลยอดได้ทานเลยค่ะ ไม่เป็นไรทานข้าวหมกแทนแล้วกัน
ตามต่อด้วยข้าวเหนียวปิ้ง หรือว่า ขนมเรมปาอุดัง ใส้กุ้ง ทีมีขายเฉพาะทางภาคใต้เท่านั้น
|
วงเวียนหอนาฬิกายามค่ำคืนในเมืองเบตง สวยงามเช่นกัน |
แวะเดินตลาดเล็กๆในเมืองเบตงย่านหอนาฬิกา ซื้อข้าวหมกไก่ไปทานที่โรงแรม และพักผ่อนตามอัธยาศัยหลับไป 1 คืน เพราะต้องรีบตื่นแต่เช้าตรู่ต่อไป
-----------------------------------------------------------------------------
|
เดี๊ยนตื่นแต่ตี 4.30 เพื่อขับมอเตอร์ไซต์จากเมืองเบตง ไปชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ระยะทาง 35 กิโลเมตร ใครที่จะเช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวลุยๆแบบเดี๊ยน ก็เตรียมเสื้อกั้นหนาวมาด้วยนะคะ เพราะอากาศเย็นมาก หมอกก็หนา มือบิดคันเร่งยังสั่นพัฟๆๆเลยค่ะ |
อรุณเบิกฟ้า นกกายังไม่โบยบิน เดี๊ยนตื่นแต่ตี 4.30 เพื่อขับมอเตอร์ไซต์จากเมืองเบตง ไปชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ระยะทาง 35 กิโลเร ที่เที่ยวชื่อดังต้องไปเช็คอินให้ได้
หากจะไปต้องตื่นแต่เช้าเลยค่ะ และใครที่จะเช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวลุยๆแบบเดี๊ยน ก็เตรียมเสื้อกั้นหนาวมาด้วยนะคะ เพราะอากาศตอนเช้าตรู่นั้นลมเย็นมากๆ มือบิดคันเร่งยังสั่นพัฟๆๆเลยค่ะ อากาศเย็นจริง อีกทั้งหมอกลงถนนหนักด้วย ขับรถราต้องระวัง
ขับมาถึงก็เช้าพอดีค่ะ จะเป็นบริเวณลาดจอด
|
จากนั้นก็ใช้บริการวินมอเตอร์ไซต์ขึ้นไปอีก 30 บาทค่ะ ส่วนขาลงจ่ายแค่ 20 บาท |
จากนั้นก็นั่งวินมอเตอร์ไซต์ขึ้นไป ณ บริเวณอาคารหอคอยสกายวอคอีกนะคะ ค่าวินมอเตอร์ไซต์ตอนขึ้น 30 บาทค่ะ แต่ตอนลง 20 บาทเท่า่นั้น
|
จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวงบนสกายวอล์คที่มีชื่อเสียงโด่งดัง |
มาถึงแล้วจ้า อาคารหอคอยอัยเยอร์เวง จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวงบนสกายวอล์คที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่เที่ยวที่ทำให้เมืองเบตง กลับมาคึกคักอีกครั้ง
สำหรับช่วงเวลาในการเช้าชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง และมาเดินสกายวอล์คอัยเยอร์เวง แลนด์มาร์กชื่อดังแห่งเบตง แนะนำมาให้ทันเวลา 6.00-7.00 น. ถ้าล่วงเลยเวลาจากนี้ หมอกจะค่อยๆจางไปเรื่อยๆค่ะ
|
ค่าบัตรเข้าไปชมทางเดินสกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง 40 บาท รองเท้า 30 บาท |
ซื้อบัตรขึ้นไปบนทางเดินสกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง 40 บาท และค่ารองเท้าผ้าไว้ใส่หุ้มรองเท้า กันกระจกเป็นรอยอีก 30 บาท รวม 70 บาทค่ะ
|
9.ตื่นแต่เช้าตรู่ ไปเช็คอินถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แลนด์มาร์กชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงให้กับอำเภอเบตงกลับมาคึกคักอีกครั้ง! |
|
9.ตื่นแต่เช้าตรู่ ไปเช็คอินถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แลนด์มาร์กชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงให้กับอำเภอเบตงกลับมาคึกคักอีกครั้ง! |
|
9.ถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ทะเลมอกให้ชมทะเลตลอดทั้งปี แล้วแต่ว่าหมอกจะมากหรือน้อย ต้องลุ้นเอาค่ะ |
|
9.ถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ทะเลมอกให้ชมทะเลตลอดทั้งปี แล้วแต่ว่าหมอกจะมากหรือน้อย ต้องลุ้นเอาค่ะ |
|
9.ถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ทะเลมอกให้ชมทะเลตลอดทั้งปี แล้วแต่ว่าหมอกจะมากหรือน้อย ต้องลุ้นเอาค่ะ |
|
9.ตื่นแต่เช้าตรู่ ไปเช็คอินถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แลนด์มาร์กชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงให้กับอำเภอเบตงกลับมาคึกคักอีกครั้ง! |
|
9.ตื่นแต่เช้าตรู่ ไปเช็คอินถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แลนด์มาร์กชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงให้กับอำเภอเบตงกลับมาคึกคักอีกครั้ง! |
|
9.ถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ทะเลมอกให้ชมทะเลตลอดทั้งปี แล้วแต่ว่าหมอกจะมากหรือน้อย ต้องลุ้นเอาค่ะ |
9.ตื่นแต่เช้าตรู่ ไปเช็คอินถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แลนด์มาร์กชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงให้กับอำเภอเบตงกลับมาคึกคักอีกครั้ง! สำหรับจุดชมวิวทะเลหมอก ตั้งอยู่บนเขาไมโครเวฟ หมู่บ้าน กม. 32 ตำบลอัยเยอร์เวง เป็นพื้นที่ตั้งเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ จึงเป็นที่มาของชื่อเขาไมโครเวฟ มีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 2,038 ฟุต บนยอดเขามีอากาศเย็นสบาย สามารถชมทะเลหมอกได้ทั้งทิศตะวันออกและตะวันตก ตัวอาคารประกอบด้วยพื้นที่ชมวิว 3 ชั้น มีระเบียงทางเดินยื่นออกไปจากฐานของอาคาร ปลายระเบียงเป็นพื้นกระจกใส สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน เที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี และอีกจุดใกล้กัน เป็นจุดชมทะเลหมอกดั้งเดิมของอัยเยอร์เวง อยู่ในบริเวณยอดเขาใกล้เสาสัญญาณ และใกล้กับสกายวอล์กอัยเยอร์เวง เป็นระเบียงชมวิวคอนกรีต มี 2 ชั้น และมีทางเดินเล็ก ๆ ลงไปยังสันเขาโล่งด้านล่าง ซึ่งบริเวณนั้นก็สามารถชมวิวได้สวยเช่นกัน
ส่วนที่มาของ “อัยเยอร์เวง” มาจากชื่อตำบล เดิมทีชื่อตำบลฮาลา แต่ชาวฮาลาได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานมาตั้งในบริเวณที่ราบริมตลิ่งแม่น้ำปัตตานี ซึ่งมีบ้านพักสำหรับผู้เดินทางระหว่างยะลา-เบตง เจ้าของเป็นชาวจีน มีชื่อว่า “เวง” และมีชื่อภาษายาวีว่า “อัยเยอร์” แปลว่าสายน้ำ จึงเป็นที่มาของชื่อตำบลและชื่อจุดชมวิวอันมีชื่อเสียงแห่งนี้ และก่อนหน้าที่จะมีการสร้างทางเดินสกายวอล์ค ชาวบ้านบอกว่า เดิมทีเขาไมโครเวฟแห่งนี้ก็มีทะเลหมอกมานานแล้ว จนมาถึงยุคสมารไฟน มีนักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปดังกล่าวลงโซเชียลมีเดีย ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาถ่ายรูปกันมากขึ้น จนทำให้จุดชมวิวทะเลหมอกดังกล่าว กลับมาสร้างชื่อเสียงให้เบตง กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตอีกครั้ง
|
10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ |
|
10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ |
|
10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ |
|
10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ |
|
10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ |
|
10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ |
10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ น้ำตกสวยงาม ท่ามกลางป่าไม้เขียวชะอุ่ม อีกหนึ่งจุดที่เที่ยวต้องแวะไปถ่ายรูปเช็คอินกันค่ะ
|
11.ขับรถมอเตอร์ไซตจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง มาที่สวนหมื่นบุปฝา สวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้ ระยะทางขับรถมาประมาณ 47 กิโลเมตร เส้นทางขึ้นเขาค่อนข้างลาดชัน ขับรถต้องระวัง |
|
11.สวนหมืนบุปผา ค่าเข้าชมสวน ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท |
|
สวนหมื่นบุปผา ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านปิยะมิตร 2 ซึ่งเดิมเคยเป็นหมู่บ้านของผู้ที่เข้าร่วมพัฒนาชาติไทยเมื่อครั้งอดีต |
|
บรรยากาศภายในโรงเรือนปลูกดอกไม้สวนหมื่นบุปผา ที่เปิดให้เข้าชมได้ |
|
สวนหมื่นบุปผา ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านปิยะมิตร 2 ซึ่งเดิมเคยเป็นหมู่บ้านของผู้ที่เข้าร่วมพัฒนาชาติไทยเมื่อครั้งอดีต |
|
11.ขับรถมอเตอร์ไซตจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง มาที่สวนหมื่นบุปฝา สวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้ ระยะทางขับรถมาประมาณ 47 กิโลเมตร เส้นทางขึ้นเขาค่อนข้างลาดชัน ขับรถต้องระวัง |
|
บรรยากาศภายในโรงปลูกดอกไม้สวนหมื่นบุปผา ที่เปิดให้เข้าชมได้ |
|
วันที่ไปเที่ยว ทางสวนหมื่นบุปผากำลังซ่อมแซมปรับปรุง |
11.ขับรถมอเตอร์ไซตจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง มาที่สวนหมื่นบุปฝา สวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้ ระยะทางขับรถมาประมาณ 47 กิโลเมตร เส้นทางขึ้นเขาค่อนข้างลาดชัน ขับรถต้องระวังค่ะ วันที่ไปเที่ยวสวนกำลังซ่อมแซมปรับปรุงอยู่ค่ะ แล้วเสร็จปลายปี 2566 ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 40 บาท
โดยสวนหมื่นบุปผา ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านปิยะมิตร 2 ซึ่งเดิมเคยเป็นหมู่บ้านของผู้ที่เข้าร่วมพัฒนาชาติไทยเมื่อครั้งอดีต ปัจจุบันหมู่บ้านปิยะมิตรยังอยู่เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำให้กับบรรพชนรุ่นหลังที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้ อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักของชาวหมู่บ้านปิยะมิตร และโครงการปลูกดอกไม้เมืองหนาว ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นโครงการส่งเสริมรายได้ให้กับชาวหมู่บ้านปิยะมิตรอีกทางหนึ่ง ความงดงามของไม้ดอกนานาพันธุ์ที่ถูกบรรจงปลูกเป็นทิวแถว บานสะพรั่งอยู่ทั่วเนินเขาที่ห้อมล้อมด้วยหุบเขาสูงในสภาพภูมิอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นที่อื่นของภาคใต้ (เครดิต https://betongcity.go.th/travel_top/detail/30/data.html)
|
12.ขับรถลงเขาอันลาดชัน มาเที่ยวอุโมงปิยมิตร แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงอีกแห่ง ที่ต้องห้ามพลาดไปเช็คอินกัน โดยอยู่เส้นทางเดียวกับบ่อน้ำร้อน |
|
ค่าเข้าชมอุโมงปิยะมิตร 40 บาท |
|
12.เที่ยวอุโมงปิยะมิตร เป็นอุโมงค์ประวัติศาสตร์ของการรบของขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มาลายา |
|
อุโมงปิยะมิตร เมื่อปี พ.ศ. 2519 ใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง การสร้างใช้กำลังคน 40 - 50 คน ขุดเข้าไปในภูเขา |
|
โดยอุโมงปิยะมิตร ใช้เวลาเพียง 3 เดือนจึงแล้วเสร็จ อุโมงค์มีความกว้าง 50-60 ฟุต ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร สามารถจุคนได้เกือบ 200 คน มีทางเข้าออกทั้งหมด 9 ทาง เชื่อมต่อถึงกันหมด |
|
ปัจจุบันเหลือ 6 ทาง ภายในมีสถานีวิทยุของ จคม. ห้องนอน ห้องเก็บเสบียง มีซอกมีมุมให้เลี้ยวลัดเลาะ |
|
12.อุโมงปิยะมิตร แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของอำเภอเบตง |
12.ขับรถลงเขาอันลาดชัน มาเที่ยวอุโมงปิยมิตร แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงอีกแห่ง ที่ต้องห้ามพลาดไปเช็คอินกัน โดยอยู่เส้นทางเดียวกับบ่อน้ำร้อน
อุโมงค์ปิยะมิตร เป็นอุโมงค์ประวัติศาสตร์ของการรบของขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มาลายา สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2519 ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 บ้านปิยะมิตร 1 ตำบลตะเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา มีความยาวของอุโมงค์ประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นอุโมงค์ที่ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หรืออดีตกลุ่มโจรคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) สร้างขึ้นเป็นฐานของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา เขต 2 เมื่อปี พ.ศ. 2519 ใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง การสร้างใช้กำลังคน 40 - 50 คน ขุดเข้าไปในภูเขา และใช้เวลาเพียง 3 เดือนจึงแล้วเสร็จ อุโมงค์มีความกว้าง 50-60 ฟุต ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร สามารถจุคนได้เกือบ 200 คน มีทางเข้าออกทั้งหมด 9 ทาง เชื่อมต่อถึงกันหมด ปัจจุบันเหลือ 6 ทาง ภายในมีสถานีวิทยุของ จคม. ห้องนอน ห้องเก็บเสบียง มีซอกมีมุมให้เลี้ยวลัดเลาะ ด้านบนเป็นป่ารกมีต้นไม้ใหญ่มากมายปกคลุม ยากแก่การค้นหาและถูกค้นพบโดยทหารฝ่ายรัฐบาล (เครดิตข้อมูล : https://th.wikipedia.org/wikiอุโมงค์ปิยะมิตร)
ใกล้ๆกับประตูทางเข้าอุโมงปิยะมิตรก็มีศาลาให้แวะไปชมวิวด้วย
จากบริเวณดังกล่าวสามารถมองวิวทัศน์โดยรอบได้อย่างสวยงามทีเดียว มองเห็นสวนผลไม้ สวนทุเรียนของชาวบ้านในระแวกนี้
|
ระหว่างขับรถกลับ ก็แวะไปชมความงามของน้ำตกอินทสร น้ำตกสวยงามอีกแห่งที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน |
และระหว่างก็ไม่พลาดไปแวะชมน้ำตกอินทสร น้ำตกสวยงามอีกแห่งที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน ต้องแวะมายลตระการเที่ยวกัน
|
แวะพักเหนื่อย ไปทานเฉาก๊วยเจ้าแรกในเบตง |
หลังจากเที่ยวจนเหนื่อยแล้ว ก็ขอแวะพักทานเฉาก๊วยเย็นทานสักหน่อยค่ะ เป็นเฉาก๊วยเจ้าแรกในเมืองเบตงเลย
เป็นร้านขายเฉาก๊วยแบบบ้านไม้โบราณ อยู่ตรงสามแยกปากทาง กม.4 เลยค่ะ มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาตลอด
|
แวะทานเฉาก๊วยเจ้าแรกในเบตง |
โดยเป็นเฉาก๊วยที่มีรสชาติอร่อยอีกเจ้า คล้ายเจ้าดังที่เมืองกำแพงเพชรเลยค่ะ มีความหนึบหนับ อร่อยดี และราคาถูก ชามละ 15 บาทเท่านั้น ใครแวะมาเที่ยวบ่อน้ำร้อน ก็ไม่พลาดมาลิ้มลองกันค่ะ
ทานเฉาก๊วยไปแค่รองท้องเท่านั้น ยังไม่อิ่ม เดินทางกลับเข้าเมืองเบตง มาหาอะไรทานต่อค่ะ
|
ทานข้าวมันไก่ในอำเภอเบตง ก่อนเดินทางไปยะลาต่อ |
จะไปทานร้านข้าวมันไก่เบตงเจ้าดัง แต่ร้านปิดจ้า เลยทานร้านอื่นแล้วกัน
|
ทานข้าวมันไก่ในอำเภอเบตง |
ร้านให้ข้าวเยอะมากๆ ทานจนอิ่มเลยค่ะ
|
13.ทานข้าวอิ่มแล้ว ไปไหว้พระกันต่อค่ะ ที่วัดพุทธาวาส ตั้งอยู่ในเมืองเบตง |
|
วัดพุทธาวาส ตั้งอยู่ในเมืองเบตง วัดเป็นเนินเขาสูงเอียงลาดลงไปทางทิศเหนือ จัดแบ่งพื้นที่วัดออกเป็นชั้นรวม 5 ชั้น มีพระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา |
|
วัดพุทธาวาส ตั้งอยู่ในเมืองเบตง วัดเป็นเนินเขาสูงเอียงลาดลงไปทางทิศเหนือ จัดแบ่งพื้นที่วัดออกเป็นชั้นรวม 5 ชั้น มีพระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา |
|
โดยในองค์มหาธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ |
13.ทานข้าวอิ่มแล้ว ไปไหว้พระกันต่อค่ะ ที่วัดพุทธาวาส ตั้งอยู่ในเมืองเบตง วัดเป็นเนินเขาสูงเอียงลาดลงไปทางทิศเหนือ จัดแบ่งพื้นที่วัดออกเป็นชั้นรวม 5 ชั้น มีพระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา ศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์ โดยในองค์มหาธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการของอดีตประธานศาลฎีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวโรกาสพระชนมายุครบ 60 พรรษา ออกแบบโดยหม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี เจดีย์มีสีทองอร่าม สูง 39.9 เมตร มีเจดีย์องค์ประธาน 4 องค์อยู่ตรงกลางรายรอบด้วยเจดีย์บริวาร และมีเจดีย์องค์เล็กขนาดเท่ากับเจดีย์องค์บริวาร ซึ่งเป็นเรือนธาตุซ้อนกันอยู่ภายในเจดีย์องค์ประธาน วัดยังมีพระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย วิหารหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และวิหารพระครูพิศิษฐ์อรรถการ (เครดิต : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดพุทธาธิวาส)
|
เก็บสัมภาระใส่กระเป๋า เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเวลาเที่ยงวันพอดีค่ะ
|
ไปไหว้พระแล้ว จากนั้นเดินทางกลับมายังห้องพัก คืนรถมอเตอร์ไซต์ ไปอาบน้ำเก็บสัมภาระใส่กระเป๋า เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเวลาเที่ยงวันพอดีค่ะ
จากนั้นเดินแบกเป้มาซื้อตั๋วเพื่อรอขึ้นรถไปยะลาต่อค่ะ ซึ่งเป็นคิวรถแท๊กซี่ หากเพื่อนๆคนใหนที่จะเดินทางไปยะลา หรือไปปัตตานีต่อ สามารถเลือกนั่งรถตู้ หรือว่าแท๊กซี่ได้นะคะ คิวรถตู้จะอยู่ใกล้ๆกับร้านข้าวมันไก่เจริญ แต่ว่าถ้านั่งรถตู้ต้องรอคนเต็ม หรือมีคนมากพอ รถถึงจะออก
เป็นรถแท๊กซี่นั่ง 4 คน จากเบตงไป ยะลา ราคา 230 บาทต่อคน
|
เดินทางออกจากเบตงไปยะลา ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง |
เมื่อผู้โดยสารครบ 4 คนแล้ว ก็เดินทางออกจากเบตงไปยะลา ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง
|
รอขึ้นรถแท๊กซี่ยะลาไป ปัตตานี |
รถมาส่งที่วินแท๊กซี่ยะลา ปัตตานี ทางคนขับและคนที่นั่งมาด้วยกัน บอกว่านั่งสบายกว่า ไม่ต้องรอคนเต็มเหมือนรถตู้
โดยความพิเศษของแท๊กซี่จากยะลาไปปัตตานีคือ เป็นรถแท๊กซี่เบนซ์หวานเย็น
|
รอผู้โดยสารที่คิวรถแท๊กซี่เมืองยะลาไม่นาน ก็มีผู้โดยสารมาครบ 4 คน เพื่อนั่งรถแท๊กซี่เบนซ์หวานเย็นไปเมืองปัตตานีต่อค่ะ รถแท๊กซี่หวานเย็น ใช้แอร์ธรรมชาติิรับลมเย็นๆ ไปบริการส่งถึงที่ด้วย ถือว่าเริ่ดสะแมนแตนมาก......เป็นอันจบทริปเที่ยวเบตงค่ะ |
นั่งรอผู้โดยสารที่คิวรถแท๊กซี่เมืองยะลาไม่นาน ก็มีผู้โดยสารมาครบ 4 คน เพื่อนั่งรถแท๊กซี่เบนซ์หวานเย็นไปเมืองปัตตานีต่อค่ะ เดี๊ยนพึ่งรู้ว่าคนที่นี่นิยมนั่งแท๊กซี่ เพราะว่าไม่ต้องรอคนเต็ม อีกทั้งรถแท๊กซี่ไปบริการส่งถึงที่ด้วย ถือว่าเริ่ดสะแมนแตนมาก......เป็นอันจบทริปเที่ยวเบตงค่ะ บทความรีวิวต่อไปจะพาไปเที่ยวปัตตานี นราธิวาสต่อค่ะ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆคนที่เข้ามาสไลด์ดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในบทความถัดไปค่ะ...
0 ความคิดเห็น