Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รีวิวแบกเป้คนเดียวเที่ยวเบตง2023 เยือนใต้สุดของไทย 2 วัน เช่ามอเตอร์ไซต์ขับดูที่เที่ยวต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย

แบ่งปันทริปรีวิวเที่ยวเบตงล่าสุดในปี 2023 (2566) เยือนใต้สุดแดนสยาม เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับไปชมทะเลหมอก และดูสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ  มีที่ใหนบ้าง ตามไปเช็คอินถ่ายรูปกันเลย




กลับมาทักทายสวัสดีคุณผู้อ่านและเพื่อนๆเหล่าผู้รักการทัศนาจร ออนซอนหัวใจทุกคนอีกครั้งจ้า จัดทริปเที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ในบทความนี้ ขอพาคุณผู้อ่านไปเที่ยวอำเภอเบตง หนึ่งในเมืองงามใต้สุดแดนสยามของประเทศไทย ที่ใครก็ต้องไปเที่ยวกันสักครั้ง  รวมทั้งตัวเดี๊ยนเอง ก็หมายมุ่งจะเดินทางไปเที่ยวเมืองงามชายแดนใต้แห่งนี้ให้ได้เลยเชียว


หากจะเอ่ยถึงชื่อเสียงของเบตงในความจำของเดี๊ยน เห็นจะต้องนึกถึงภาพยนต์เรื่อง "โอเคเบตง" ที่ออกฉายเมื่อปี 2546 พอได้ดูแล้ว ก็อยากมาเที่ยวเมืองงามแห่งนี้ดูสักครั้ง แต่ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบ ที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดภาคใต้ในช่วงนั้น เดี๊ยนก็เลยไม่ได้มีโอกาสมาเลย ทางคนที่บ้านก็ห้ามปรามไว้ จนกระทั่งปัจจุบันสถานการณ์ความไม่สงบเริ่มคลี่คลายลง อีกทั้งในอำเภอเบตงเอง มีจุดเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวเปิดใหม่หลายแห่ง ทำให้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซีย มาเยือนเมืองแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย เพราะด้วยภูมิศาสตร์ที่ตั้งของเมืองเบตง เป็นแอ่งกะทะ โอบล้อมด้วยเทือกเขา ทำให้มีอากาศเย็นสบาย และยังเป็นแหล่งเพาะปลูกผลไม้ชื่อดัง อย่างทุเรียนมูซังคิง และส้มโชกุน อันเลื่องชื่อลือชา เป็นของฝากที่นี่ด้วย 


และใหนๆมีโอกาสมาเยือนเมืองเบตงทั้งที ในบทความนี้เลยขอมาแบ่งปัน รีวิวแบกเป้คนเดียวเที่ยวเบตง เมืองงามสุดชายแดนไทย มาให้เพื่อนๆที่กำลังวางแผนไปเที่ยวอยู่ได้สไลด์อ่านดูกันค่ะ น่าจะมีประโยชน์ต่อการวางแผนไปเที่ยวอยู่ไม่มากก็น้อยนะคะ 


ขึ้นเครื่องตอน 6.00 โมงเช้า นั่งเครื่องบินของสายการบิน ไลอ้อนแอร์ ราคา 1,200 บาท


เริ่มต้นการเดินทางไปเที่ยวเบตงทริปนี้ นั่งเครื่องออกจากสนามบินดอนเมืองแต่เช้าตรู่เลยค่ะ ขึ้นเครื่องตอน 6.00 โมงเช้า นั่งเครื่องบินของสายการบิน ไลอ้อนแอร์ ราคา 1200 บาท ทริปนี้มาแต่เช้ามืด ต้องมาเช็คอินโหลดกระเป๋า

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็เดินทางถึงสนามบินหาดใหญ่แล้วค่ะ


วางแผนไปสถานีขนส่งหาดใหญ่ ซึ่งมี 3 วิธี คือ 1.นั่งรถ 2 แถวที่จะเวียนมาส่งผู้โดยสารเรื่อย 2. นั่งรถ Mini Bus ไปสถานีขนส่งเลย หรือ 3.นั่งแท็กซี่ส่วนบุคคลเลย

จากนั้นก็เดินทางมาทีประตะทางออก เพื่อวางแผนไปสถานีขนส่งหาดใหญ่ ซึ่งมี 3 วิธี คือ 1.นั่งรถ 2 แถวที่จะเวียนมาส่งผู้โดยสารเรื่อย 2. นั่งรถ Mini Bus ไปสถานีขนส่งเลย หรือ 3.นั่งแท็กซี่ส่วนบุคคลเลย ซึ่งตรงประตูทางออกจะมีบริการรถตู้ Mini Bus ให้บริการโดยสารเข้าไปในเมืองหาดใหญ่ และไปสุดปลายทางที่สถานีขนส่งด้วย เดี๊ยนเลยเลือกใช้บริการรถ Mini Bus เพราะประหยัดกว่า 


รถ Express Mini Bus ที่จะวิ่งเข้าเมืองหาดใหญ่ จะมาเป็นรอบเวลา

ทางเจ้าหน้าที่ขายบัตรแจ้งว่า รถ Express Mini Bus ที่เข้าเมืองหาดใหญ่ จะมาเป็นรอบเวลา เลยแนะนำเป็นรถตู้แทนค่ะ จะได้ไม่ต้องรอนาน 

ราคาแพงกว่ารถ Mini Bus นะคะ โดยค่าโดยสารรถตู้ไปสถานีขนส่งหาดใหญ่ คนละ 100 บาทค่ะ 

ซึ่งรถตู้โดยสารที่มารับก็จะไปส่งสุดปลายทางที่สถานีขนส่งหาดใหญ่เช่นกัน แต่ราคาแพงกว่ารถ Mini Bus นะคะ โดยค่าโดยสารรถตู้ไปสถานีขนส่งหาดใหญ่ คนละ 100 บาทค่ะ แต่ถ้าไม่อยากขึ้น ก็สามารถขึ้นรถ Mini Bus หรือเลือกนั่งรถ 2 แถวได้นะคะ ราคาถูกลงไปอีก 



เมื่อจ่ายค่าโดยสารก็ขึ้นรถตู้ คนขับมาส่งสุดปลายทางที่สถานีขนส่งใช้เวลาไม่นานค่ะ  

สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอหาดใหญ่ หรือ บ.ข.ส.หาดใหญ่ 

บรรยากาศที่สถานีขนส่งผู้โดยสารหาดใหญ่ในวันธรรมดา คนก็ยังไม่เยอะมากนัก ภายในบริเวณมีรถให้บริการไปยังเมืองต่างๆมากมาย มีชานชลาขายตั๋วเยอะมาก ทั้งไปหัวเมืองใหญ่ต่างๆ และมีรถโดยสารให้บริการไปยังประเทศมาเลยเซีย และสิงคโปร์ด้วยค่ะ  ใครที่จะไปเที่ยวมาเลย์ ไปเที่ยวปีนัง มาเที่ยวหาดใหญ่ ก็มาซื้อตั๋วโดยสารขึ้นรถที่นี่ได้เลยนะคะ สะดวกเหมือนกัน 


ส่วนช่องขายตั๋วรถโดยสายที่จะไปอำเภอเบตง ก็อยู่ที่ช่อง 31 ชื่อเบตงโพธิ์ทองทัวร์ ซึ่งเป็นรถโดยสารจำดัง ประจำอำเภอเบตงที่คนรู้จักดี โดยเที่ยวรถที่จะไปอำเภอเบตง มีตั้งแต่ 8 โมงเช้าไปจนถึง 14.00 น.เลยค่ะ 





ซื้อตั๋วรถโดยสารจากหาดใหญ่ไปเบตง ค่ารถ 280 บาท 

ราคาตั๋วรถโดยสารจากหาดใหญ่ ไปเบตง ค่าเสียหาย 280 บาทจ้า หากใครที่จะเดินทางช่วงเทศกาล แนะนำจองตั๋วไว้แต่เนิ่นๆนะคะ เพราะมีนักท่องเที่ยวไปกันเยอะมากๆ โดยเบอร์โทรตามรูปเลยจ้า ซึ๋งซื้อตั๋วรอบนี้ ขึ้นรถรอบเวลา 10 โมงเช้า


พอเวลาประมาณ 10 โมง ก็ขึ้นรถโดยสาร เป็น Mini Bus ค่ะ 



ภายในรถกว้างขวางดีนะคะ ทั้งกระเป๋าผู้โดยสารนักท่องเที่ยวและพัสดุที่ฝากส่งมากับรถตู้มินิบัสดูเยอะไปหน่อย

ภายในรถมีที่เสียบให้ชาร์ตแบตโทรศัพท์ได้ดี อันนี้คือดีเริ่ดจ้า 

และข้อดีของการนั่งรถมินิบัสคือ ภายในรถมีที่เสียบให้ชาร์ตแบตโทรศัพท์ได้ดี อันนี้คือดีเริ่ดจ้า เพราะเดี๊ยนไม่ได้เอา พาวเว่อร์แบงค์มา เนื่องจากลืมไว้ในลิ้นชักที่ทำงาน


 
ได้เวลาที่ล้อหมุนออกจากอำเภอหาดใหญ่ มุ่งหน้าไป อำเภอเบตง ระยะทางรวมทั้งหมด 260 กิโลเมตร คนขับบอกว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมงเลยค่ะ เพราะเส้นทางเป็นภูเขาโค้งค่อนข้างเยอะ 


ผ่านเข้าเมืองยะลา แต่ไม่ได้ผ่านตรงวงเวียนค่ะ เพราะวันที่เดี๊ยนไปเที่ยว มีการจัดงานกาชาด


โดยระหว่างเดินทางจะจะผ่านจังหวัดปัตตานี  เข้าเมืองยะลา เข้าอำเภออบันนังสะตา อำเภอธารโต ไปจนถึงเบตง ถือว่าระยะทางไกลพอควรค่ะ 


ผ่านเข้าอำเภอธารโต เป็นเทือกเขา โค้งเยอะมากๆค่ะ เดี๊ยนก็ว่าอยู่ทำไมถึงใช้ระยะเวลาเดินทางนาน แต่ทิวทัศน์เขียวชอุ่ม สวยงาม สบายตามาก ดูไม่แห้งแล้งเลย

เส้นทางพอออกจากอำเภอบันนังสะตา ผ่านเข้าอำเภอธารโต เป็นเทือกเขา โค้งเยอะมากๆค่ะ เดี๊ยนก็ว่าอยู่ทำไมถึงใช้ระยะเวลาเดินทางนาน ใครที่เมารถ แนะนำพกยาดม ยาอม ยาหมองไปด้วยนะคะ 

 

ระหว่างนั่งรถโดยสารก็จะผ่าน สะพานโต๊ะกูแช จุดเช็คถ่ายรูปที่เที่ยวชื่อดัง เป็นสะพานข้ามเขื่อนบางลาง


และระหว่างนั่งรถโดยสารก็จะผ่าน สะพานโต๊ะกูแช จุดเช็คถ่ายรูปที่เที่ยวชื่อดัง เป็นสะพานข้ามเขื่อนบางลาง หรือ ทะเลสาบป่าฮาลา-บาลา เชื่อมต่อเส้นทางจาก อ.เมืองยะลาไปยัง อ.เบตง โดยทางรถตู้ไม่ได้จอดให้ลงนะคะ เดี๊ยนถ่ายจากรถเอาค่ะ 

หากใครที่ขับรถส่วนตัวมาเที่ยว ก็แวะไปถ่ายรูปได้ บริเวณสะพานจะสามารถมองเห็นวิวสวยธรรมชาติอันงดงาม


ซึ่งจากบริเวณสะพาน หากใครที่ขับรถส่วนตัวมาเที่ยว ก็แวะไปถ่ายรูปได้ บริเวณสะพานจะสามารถมองเห็นวิวสวยธรรมชาติอันงดงาม ซึ่งเป็นบริเวณกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยป่าไม้เขียวชอุ่มและอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าในเขตอุทยานแห่งชาติบางลางแห่งนี้  มีป้ายจุดเช็คอินให้ไปถ่ายรูป และแวะพักเหนื่อยระหว่างการเดินทางด้วย


รถก็จอดแวะพักระหว่างทางบริเวณบ้านตาพระยา เพื่อให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำ ห้องท่า ใครที่อั้นเยี่ยวไว้นาน ก็มาปล่อยตรงนี้นะคะ 


นังรถมานาน รถก็จอดแวะพักระหว่างทางบริเวณบ้านตาพระยา เพื่อให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำ ห้องท่า ใครที่อั้นเยี่ยวไว้นาน ก็มาปล่อยตรงนี้นะคะ 


ออกมาเดินถ่ายภาพบรรยากาศถนนริมทางสักหน่อย นานๆจะเห็นรถขับวนมาสักคันค่ะ


และในที่สุดก็นั่งรถมาถึงเมืองเบตงแล้วจ้า ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมงเกือบๆจะเข้า 5 ชั่วโมงเลยจ้า 


ในที่สุดก็มาถึงเมืองเบตงแล้วค่ะ หลังจากนั่งรถมานาน 4 ชั่วโมงครึ่ง มาถึงเบตงเกือบจะ บ่าย 3 โมงแล้วค่ะมาถึงฝนตกพอดีเลย 

มาจอดบริเวณใกล้ๆกับหอนาฬิกา ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองค่ะ คะ มีตารางรอบเวลารถตู้จากเบตงไปหาดใหญ่ เริ่มเวลา 6 โมงเช้าสิ้นสุดเวลา 14.00 น.ค่ะ จองไว้ล่วงหน้าได้เลยนะคะ หากช่วงเทศกาลคนจะเยอะมาก




โดยรถตู้โดยสารจะมาจอดบริเวณใกล้ๆกับหอนาฬิกา ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองค่ะ หากใครที่มาถึงแล้ว อยากจะจองรถตู้โดยสารไว้ ก็จองได้เลยนะคะ มีตารางรอบเวลารถตู้จากเบตงไปหาดใหญ่ เริ่มเวลา 6 โมงเช้าสิ้นสุดเวลา 14.00 น.ค่ะ


1.ก่อนเข้าไปโรงแรม ก็แวะเช็คอินถ่ายรูปหอนาฬิกาเมืองเบตง จัดเป็นสิ่งก่อสร้างคู่เมืองเบตงมาอย่างยาวนาน มีเรื่องเล่าว่าหากท่านโดนมูลของนกนางแอ่น หรือว่าขี้นกนางแอ่นตกใส่ในบริเวณนี้เข้าไม่นาน คนผู้นั้นจะต้องกลับมาเยือนเมืองเบตงอีกแน่นอน 

1.ก่อนเข้าไปโรงแรม ก็แวะเช็คอินถ่ายรูปหอนาฬิกาเมืองเบตง จัดเป็นสิ่งก่อสร้างคู่เมืองเบตงมาอย่างยาวนาน

ซึ่งบริเวณท่ารถตู้ ก็อยู่ใกล้ๆกับหอนาฬิกาเลยค่ะ และโรงแรมที่เดี๊ยนจองไว้ก็อยู่ในตัวเมืองไม่ไกลจากวงเวียนหอนาฬิกาด้วย โดยบริเวณหอนาฬิกา ถือเป็นจุดเช็คอิน ย่านใจกลางเมือง เป็นจุดรวมพล มีตลาดและร้านอาหารอร่อยๆหลายร้านเลย 


1.แวะเช็คอินถ่ายรูปหอนาฬิกาเมืองเบตง จัดเป็นสิ่งก่อสร้างคู่เมืองเบตงมาอย่างยาวนาน เป็นที่รู้่จักของนักท่องเที่ยว โดยสร้างด้วยหินอ่อนจากจังหวัดยะลา เสน่ห์ที่คู่หอนาฬิกาคือจะนกนางแอ่นนับพันตัวที่เกาะสายไฟบริเวณหอนาฬิกา ซึ่งมีจำนวนมากช่วงเดือนกันยายนถึงมีนาคม เพราะนกนางแอ่นเหล่านี้บินหนีความหนาวเย็นมาจากไซบีเรีย เพื่อมาอิงแอบพักอาศัยที่เมืองเบตง แม้จะดูแปลกตาแต่ก็มีความน่ารัก และเป็นความพิเศษอีกรูปแบบหนึ่งของเมืองเบตงที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง มีเรื่องเล่าว่าหากท่านโดนมูลของนกนางแอ่น หรือว่าขี้นกนางแอ่นตกใส่ในบริเวณนี้เข้าไม่นาน คนผู้นั้นจะต้องกลับมาเยือนเมืองเบตงอีกแน่นอน 


 2.ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในอำเภอเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467  อายุร่วม 80 ปี ในอดีตการเดินทางและการติดต่อสื่อสารระหว่างอำเภอเบตงกับอำเภออื่น ๆ เป็นไปด้วยความยากลำบาก การติดต่อสื่อสารด้วยจดหมาย จึงสะดวกที่สุด

2.ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในอำเภอเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467

2.ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในอำเภอเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467  อายุร่วม 80 ปี 

และใกล้ๆกับวงเวียนหอนาฬิกา ก็จะมีตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอยู่ด้วย ซึ่งกลายเป็นจุดเช็คอินถ่ายรูปชื่อดัง ที่ต้องมาถ่ายรูปคู่ป้ายไปรษณีย์แห่งนี้กัน

2.ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศในอำเภอเบตง ตั้งอยู่หัวมุมถนนสุขยางค์ บริเวณสี่แยกหอนาฬิกา สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467 ลักษณะของตู้เป็นรูปทรงกลม และคอนกรีตเสริมเหล็ก มีเส้นรอบวงของตัวตู้ประมาณ 140 ซม. มีความสูงถึง 290 ซม. นับจากฐานขึ้นไป รวมความสูงทั้งหมดประมาณ 320 ซม อายุร่วม 80 ปี ในอดีตการเดินทางและการติดต่อสื่อสารระหว่างอำเภอเบตงกับอำเภออื่น ๆ เป็นไปด้วยความยากลำบาก การติดต่อสื่อสารด้วยจดหมาย จึงสะดวกที่สุด โดยนายสงวน จิระจินดา นายกเทศมนตรีอำเภอเบตงในขณะนั้นเคยเป็นนายไปรษณีย์มาก่อน จึงได้จัดสร้างตู้ไปรษณีย์นี้ไว้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์การติดต่อสื่อสารของอำเภอเบตง และยังได้ติดตั้งวิทยุกระจายเสียงไว้ในส่วนบนของตู้  จนปัจจุบันตู้ไปรษณีย์เก่าแก่ตู้นี้ ได้กลายเป็นกิมมิค ที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปด้วย 

เดินออกจากวงเวียนหอนาฬิกามาไม่ไกล ก็จะเป็นย่านตลาดค่ะ แต่ว่าตลาดวายแล้ว ต้องรอช่วงเย็นๆก็จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง 


ขนมพื้นเมืองด้วย เป็นขนมอังกู้ หรือว่าขนมเต่า ขนมสีแดง ด้านในเป็นใส้มะพร้าวกว
ผ่านร้านขายขนมพื้นเมืองด้วย เป็นขนมอังกู้ หรือว่าขนมเต่า ขนมสีแดง ด้านในเป็นใส้มะพร้าวกวน เหมือนทานขนมเทียนเลยค่ะ  และก็มีขนมชั้น รสชาติอร่อยดี 


ส่วนโรงแรมที่พักในอำเภอเบตงทริปนี้ เดี๊ยนนอนพักที่โรงแรม เดอะฮอลิเดย์ฮิลล์ ตั้งอยู่ใกล้ๆกับวงเวียนหอนาฬิกา และใกล้อุโมงโอคงเบตงด้วย 

เป็นห้องธรรมดา ตกคืนละ 760 บาทค่ะ สำหรับนอน 2 คน

โดยห้องพักที่จองก็เลือกเป็นห้องธรรมดา ตกคืนละ 760 บาทค่ะ สำหรับนอน 2 คน แต่ถ้ามานอนคนเดียว ก็ราคาเดียวกัน เห็นว่ามีโปรโมชั่นลดราคาด้วย เพื่อนๆสามารถเข้าไปดูโปรโมชั่นได้ที่ โรงแรม เดอะฮอลิเดย์ฮิล์เบตง>>>

รีวิวสภาพห้องพักที่โรงแรมฮอลิเดย์ฮิลล์เบตง (The holidayshill Hotel) 
สภาพห้องถือว่าสะอาดสะอ้าน กว้างขวางดีทีเดียวค่ะ  ไม่แออัด หรือคับแคบเกินไป มีตู้เสื้อผ้า ทีวี ตู้เย็น ชากาแฟ กาต้มน้ำร้อนให้ด้วย แอร์หรือเครื่องปรับอากาศดูเก่าไปหน่อย แต่ใช้งานได้และเย็นดีด้วย 

รีวิวห้องน้ำสะอาดสะอ้าน ใช้ได้ค่ะ ให้ผ่าน

ส่วนห้องน้ำก็ตามภาพจ้า มีอ่างอาบน้ำให้ สภาพสะอาดอ้าน มีสบู่เหลว แชมพูให้ โดยรวมถือว่าดีทีเดียวค่ะ เพื่อนสามารถไปดูราคาห้องได้ที่ โรงแรม เดอะฮอลิเดย์ฮิล์เบตง (The holidayshill Hotel)>>>



มองจากกระจกห้องพักของโรงแรมออกไป ก็สามารถเห็นวิวทิวทัศน์เมืองเบตงได้ด้วยค่ะ แต่ใกล้ๆกับโรงแรมฮอลิเดย์ฮิล ก็เป็นโรงแรมแมนดารินเบตง ซึ่งอยู่ติดๆกันเลยค่ะ 

ก็ติดต่อเช่ารถมอเตอร์กับทางโรงแรมได้เลยค่ะ ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์วันละ 300 บาท เช่า 1 วัน คืนตอนเช็คเอาท์ได้เลย การเช่ารถมอเตอร์ไซต์ที่อำเภอเบตงนั้น เป็นการเช่ารถที่ง่ายมากๆ

หลังจากที่นำกระเป๋าไว้และได้รีวิวห้องพักของโรงแรมฮอลิเดย์ฮิลล์เบตงไปแล้วนะคะ ก็ติดต่อเช่ารถมอเตอร์กับทางโรงแรมได้เลยค่ะ เพราะทางโรงแรมจะดิวหรือคอนแทคกับทางร้านเช่าไว้แล้ว แต่หากวันใหนมาเที่ยวช่วงเทศกาล ตอนจองไว้เนิ่นๆนะคะ เพราะบางวันรถก็ไม่มีให้เช่า ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์วันละ 300 บาท ไม่มีมัดจำ ถ่ายแค่รูปบัตร ปปชไว้อย่างเดียว เติมน้ำกลับตอนคืนรถก็พอค่ะ การเช่ารถมอเตอร์ไซต์ที่เบตงนั้น เป็นการเช่าที่ง่ายมากๆ

สวนทุเรียนในอำเภอเบตง


ขับรถออกมาจากเมืองเบตง มาได้ไม่ไกลนัก ก็จะผ่านสวนทุเรียน ออกผลดกเต็มต้น ดูน่ารับประทานยิ่งนัก

3.เช่ารถมอเตอร์ไซต์ ออกจากอำเภอเบตงระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร มาเที่ยวชมบ่อน้ำร้อนเบตง แหล่งอาบน้ำแร่ แช่ออนเซ็น ที่มีชื่อเสียงของเมืองใต้สุดแดนสยามแห่งนี้ 

3.มาเที่ยวชมบ่อน้ำร้อนเบตง แหล่งอาบน้ำแร่ แช่ออนเซ็น ที่มีชื่อเสียงของเมืองใต้สุดแดนสยามแห่งนี้ 

แช่ใข่ในบ่อน้ำร้อนเบตง 

3. บ่อน้ำร้อนเบตง ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำแร่ในน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคภัยได้เป็นอย่างดี

3.เช่ารถมอเตอร์ไซต์ ออกจากอำเภอเบตงระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร มาเที่ยวชมบ่อน้ำร้อนเบตง แหล่งอาบน้ำแร่ แช่ออนเซ็น ที่มีชื่อเสียงของเมืองใต้สุดแดนสยามแห่งนี้ บ่อน้ำร้อนเบตง เดิมเป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยแร่ธาตุมากมาย  ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 3 ไร่  บ่อน้ำพุร้อนจะมีน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน อุณหภูมิของน้ำประมาณ 80 องศาเซลเซียส สามารถลวกให้ไข่สุกได้ภายใน 7 นาที และมีสระน้ำขนาดใหญ่ไว้กักน้ำจากน้ำพุร้อเพื่อให้ประชาชนและน้ำท่องเที่ยว ได้อาบและแช่เท้าเล่น ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำแร่ในน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคภัยได้เป็นอย่างดี เช่น โรคผิวหนัง โรคปวดเมื่อย โรคเหน็ดชา เป็นต้น

4.แวะถ่ายรูปคู่ป้ายเมือง OK BETONG จุดถ่ายรูปเช็คอินภาพที่ระลึกให้ระทึกระทวยหัวใจ เก็บไว้ในความทรงจำ ว่ามาถึงเมืองใต้สุดแดนสยาม ดอกไม้งามสามฤดูแห่งนี้แล้ว 

4.แวะถ่ายรูปคู่ป้ายเมือง OK BETONG จุดถ่ายรูปเช็คอินภาพที่ระลึกให้ระทึกระทวยหัวใจ เก็บไว้ในความทรงจำ ว่ามาถึงเมืองใต้สุดแดนสยาม ดอกไม้งามสามฤดูแห่งนี้แล้ว 

4.แวะถ่ายรูปคู่ป้ายเมือง OK BETONG จุดถ่ายรูปเช็คอินภาพที่ระลึกให้ระทึกระทวยหัวใจ เก็บไว้ในความทรงจำ ว่ามาถึงเมืองใต้สุดแดนสยาม ดอกไม้งามสามฤดูแห่งนี้แล้ว 



4.พอตกเย็นแล้วก็ขับรถกลับเข้าเมือง แวะถ่ายรูปคู่ป้ายเมือง OK BETONG จุดถ่ายรูปเช็คอินภาพที่ระลึกเพื่อบ่งบอกว่า มาถึงเมืองเบตงแล้วนะจ๊ะ 



เดินทางกลับมาเที่ยวต่อในเมืองเบตง 

5.แวะมาเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายอุโมงโอเคเบตง ชื่อเต็มของอุโมงแห่งนี้คือ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ โดยเป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย 

5.แวะมาเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายอุโมงโอเคเบตง ชื่อเต็มของอุโมงแห่งนี้คือ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ โดยเป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย 

5.แวะมาเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายอุโมงโอเคเบตง ชื่อเต็มของอุโมงแห่งนี้คือ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ โดยเป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย 



5.แวะมาเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายอุโมงโอเคเบตง อีกหนึ่งจุดถ่ายรูปที่มีชื่อเสียงประจำเมืองนี้ โดยชื่อเต็มของอุโมงแห่งนี้คือ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ โดยเป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย ที่ขุดทอดโค้งให้รถวิ่งไป-มาก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความยาวตลอดอุโมงค์ ประมาณ 273 เมตร เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1มกราคม 2544  โดยนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว สามารถเดินทะลุไปยังปากทางอุโมง สามารถถ่ายรูปกับรูปปั้นไก่เบตงที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งไก่เบตงนอกจากจะเป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองเบตงแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของอำเภอเบตงอีกด้วย

6.พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง 

6.พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง 

6.พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง 



6.พิพิธภัณฑ์เมืองเบตง ตั้งอยู่ใกล้ๆกับอุโมงเบตงมงคลฤทธิ์ โดยพิพิธภัณฑ์เมืองเบตงขึ้นใน พ.ศ.2548 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมเรื่องเรื่อง และจัดแสดงนิทรรศการต่างๆของคนในพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้รู้จักเบตงมากขึ้น โดยพิพิธภัณฑ์เบตง มี 3 ชั้น โดยส่วนของการจัดแสดงมี 2 ชั้น ซึ่งชั้นล่างเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยเก่า เช่น ถ้วยชาม เครื่องเคลือบ ตู้ เตียง ตะเกียงเก่า โดยนำมาจัดแสดงไว้ในตู้ไม้กระจกใส ตั้งอยู่หน้าบันไดทางขึ้น ส่วนชั้นที่ 2 มีการจัดแสดงรูปเก่า ๆ หนังสือพิมพ์ประวัติความเป็นมา โดยแขวนไว้บนฝาผนังของห้อง และมีการติดบอร์ดแสดงแหล่งข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของอำเภอเบตง นอกจากนี้ชั้นที่ 3 ยังเป็นหอคอยชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองเบตงทั้งเมืองได้ (เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://www.betongcity.go.th/travel/detail/82)


7.จุดเช็คอินถ่ายรูปวิวทิวทัศน์เมืองเบตง 

7.จุดเช็คอินถ่ายรูปวิวทิวทัศน์เมืองเบตง 

7.จุดเช็คอินถ่ายรูปวิวทิวทัศน์เมืองเบตง 

7.จุดเช็คอินถ่ายรูปวิวทิวทัศน์เมืองเบตง 


7.จุดเช็คอินถ่ายรูปวิวทิวทัศน์เมืองเบตง 



7.จุดเช็คอินถ่ายรูปวิวทิวทัศน์เมืองเบตง จัดเป็นหนึ่งในจุดชมวิวเมืองเบตงที่สวยงามที่สุดอีกแห่ง ตั้งอยู่บริเวณลานใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์เมืองเบตงและใกล้สวนสาธารณะ บริเวณโดยรอบสามารถมองเห็นวิวเมืองเบตงได้อย่างสวยงาม เหมาะกับกับถ่ายรูปและนั่งรับลมเย็นๆ เดินเล่นบริเวณสวนสาธารณะและสนามกีฬาเบตง 


สนามกีฬาโอเคเบตง 
บรรยากาศยามเย็นที่สนามกีฬาโอเคเบตงอยู่ใกล้ๆกัน 

และสวนสาธารณะใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์และจุดชมวิวเมือง ก็สามารถเดินออกกำลังกายจากทะลุลอดจากอุโมงขึ้นมาได้เช่นกันค่ะ 


8.แวะไปเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยาม ขับมอเตอร์ไซต์มาถึงเขตพรมแดนที่อยู่ใต้สุดของไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจแล้วจริงๆ

8.แวะไปเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยาม ขับมอเตอร์ไซต์มาถึงเขตพรมแดนที่อยู่ใต้สุดของไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจแล้วจริงๆ
8.แวะไปเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยาม มาถึงเขตพรมแดนที่อยู่ใต้สุดของไทยจริงๆ

8.แวะไปเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยาม


8.แวะไปเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยาม มาถึงเขตพรมแดนที่อยู่ใต้สุดของไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนแสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจแล้วจริงๆ

8.แวะไปเช็คอินถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยาม ขับมอเตอร์ไซต์ออกจากเมืองเบตงไประยะทาง 7 กิโลเมตร โดยตั้งอยู่บริเวณชายแดนระหว่างอำเภอเบตงกับรัฐเปรัคประเทศมาเลเซีย โดยป้ายสร้างจากหินอ่อน มีการสลักสัญลักษณ์เป็นรูปแผนที่ประเทศไทยและข้อความด้วยสีทองโดดเด่นอยู่ภายในเนื้อหิน นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเบตง ก็ไม่พลาดต้องมาถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยามแห่งนี้ เพราะถือว่าเป็นเขตใต้สุดของประเทศไทยแล้ว โดยระทางป้าย มีป้าย Malaya Thailand Boarder เป็นสัญลักษณ์สร้างไว้ด้วย 




กลับจากเขตพรมแดนใต้สุดแดนสยามของไทยแล้ว ก็มาหาอะไรทานต่อที่ตลาดเบตง ยามค่ำคืนกันต่อค่ะ 

ตลาดค่ำย่านของกินในเมืองเบตง เป็นตลาดเล็กไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็มีร้านอาหาร และของกินให้เลือกทานหลายอย่าง 
จริงๆอยากทานข้าวมันไก่เบตง แต่วันที่มาเที่ยว ร้านดังกล่าวปิดไป 2 วันเลยจ้า เลยอดได้ทานเลยค่ะ  ไม่เป็นไรทานข้าวหมกแทนแล้วกัน 


เย็นนี้ทานอะไรดี เพราะตั้งแต่เช้าทานแค่ขนมปังมานิดเดียว เดินผ่านร้านมะ ขายข้าวหมกไก่ เลยจัดไปสัก 1 กล่องค่ะ เพราะจริงๆอยากทานข้าวมันไก่เบตง แต่วันที่มาเที่ยว ร้านปิดไป 2 วันเลยจ้า เลยอดได้ทานเลยค่ะ  ไม่เป็นไรทานข้าวหมกแทนแล้วกัน 


ตามต่อด้วยข้าวเหนียวปิ้ง หรือว่า ขนมเรมปาอุดัง ใส้กุ้ง ทีมีขายเฉพาะทางภาคใต้เท่านั้น 


วงเวียนหอนาฬิกายามค่ำคืนในเมืองเบตง สวยงามเช่นกัน



แวะเดินตลาดเล็กๆในเมืองเบตงย่านหอนาฬิกา ซื้อข้าวหมกไก่ไปทานที่โรงแรม และพักผ่อนตามอัธยาศัยหลับไป 1 คืน เพราะต้องรีบตื่นแต่เช้าตรู่ต่อไป

-----------------------------------------------------------------------------

 เดี๊ยนตื่นแต่ตี 4.30 เพื่อขับมอเตอร์ไซต์จากเมืองเบตง ไปชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ระยะทาง 35 กิโลเมตร ใครที่จะเช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวลุยๆแบบเดี๊ยน ก็เตรียมเสื้อกั้นหนาวมาด้วยนะคะ เพราะอากาศเย็นมาก หมอกก็หนา มือบิดคันเร่งยังสั่นพัฟๆๆเลยค่ะ


อรุณเบิกฟ้า นกกายังไม่โบยบิน เดี๊ยนตื่นแต่ตี 4.30 เพื่อขับมอเตอร์ไซต์จากเมืองเบตง ไปชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ระยะทาง 35 กิโลเร ที่เที่ยวชื่อดังต้องไปเช็คอินให้ได้ 

หากจะไปต้องตื่นแต่เช้าเลยค่ะ และใครที่จะเช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวลุยๆแบบเดี๊ยน ก็เตรียมเสื้อกั้นหนาวมาด้วยนะคะ เพราะอากาศตอนเช้าตรู่นั้นลมเย็นมากๆ มือบิดคันเร่งยังสั่นพัฟๆๆเลยค่ะ อากาศเย็นจริง อีกทั้งหมอกลงถนนหนักด้วย ขับรถราต้องระวัง 


ขับมาถึงก็เช้าพอดีค่ะ จะเป็นบริเวณลาดจอด 

จากนั้นก็ใช้บริการวินมอเตอร์ไซต์ขึ้นไปอีก 30 บาทค่ะ ส่วนขาลงจ่ายแค่ 20 บาท

จากนั้นก็นั่งวินมอเตอร์ไซต์ขึ้นไป ณ บริเวณอาคารหอคอยสกายวอคอีกนะคะ ค่าวินมอเตอร์ไซต์ตอนขึ้น 30 บาทค่ะ แต่ตอนลง 20 บาทเท่า่นั้น 

 จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวงบนสกายวอล์คที่มีชื่อเสียงโด่งดัง 
มาถึงแล้วจ้า อาคารหอคอยอัยเยอร์เวง จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวงบนสกายวอล์คที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่เที่ยวที่ทำให้เมืองเบตง กลับมาคึกคักอีกครั้ง 

สำหรับช่วงเวลาในการเช้าชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง และมาเดินสกายวอล์คอัยเยอร์เวง แลนด์มาร์กชื่อดังแห่งเบตง แนะนำมาให้ทันเวลา 6.00-7.00 น. ถ้าล่วงเลยเวลาจากนี้ หมอกจะค่อยๆจางไปเรื่อยๆค่ะ 


ค่าบัตรเข้าไปชมทางเดินสกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง 40 บาท รองเท้า 30 บาท 

ซื้อบัตรขึ้นไปบนทางเดินสกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง 40 บาท 
และค่ารองเท้าผ้าไว้ใส่หุ้มรองเท้า กันกระจกเป็นรอยอีก 30 บาท รวม 70 บาทค่ะ


9.ตื่นแต่เช้าตรู่ ไปเช็คอินถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แลนด์มาร์กชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงให้กับอำเภอเบตงกลับมาคึกคักอีกครั้ง! 

9.ตื่นแต่เช้าตรู่ ไปเช็คอินถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แลนด์มาร์กชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงให้กับอำเภอเบตงกลับมาคึกคักอีกครั้ง! 

9.ถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ทะเลมอกให้ชมทะเลตลอดทั้งปี แล้วแต่ว่าหมอกจะมากหรือน้อย ต้องลุ้นเอาค่ะ 

9.ถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ทะเลมอกให้ชมทะเลตลอดทั้งปี แล้วแต่ว่าหมอกจะมากหรือน้อย ต้องลุ้นเอาค่ะ 


9.ถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ทะเลมอกให้ชมทะเลตลอดทั้งปี แล้วแต่ว่าหมอกจะมากหรือน้อย ต้องลุ้นเอาค่ะ 

9.ตื่นแต่เช้าตรู่ ไปเช็คอินถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แลนด์มาร์กชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงให้กับอำเภอเบตงกลับมาคึกคักอีกครั้ง! 

9.ตื่นแต่เช้าตรู่ ไปเช็คอินถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แลนด์มาร์กชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงให้กับอำเภอเบตงกลับมาคึกคักอีกครั้ง! 

9.ถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ทะเลมอกให้ชมทะเลตลอดทั้งปี แล้วแต่ว่าหมอกจะมากหรือน้อย ต้องลุ้นเอาค่ะ 



9.ตื่นแต่เช้าตรู่ ไปเช็คอินถ่ายรูปทางเดินสกายวอล์ค จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แลนด์มาร์กชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงให้กับอำเภอเบตงกลับมาคึกคักอีกครั้ง!  สำหรับจุดชมวิวทะเลหมอก ตั้งอยู่บนเขาไมโครเวฟ หมู่บ้าน กม. 32 ตำบลอัยเยอร์เวง เป็นพื้นที่ตั้งเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ จึงเป็นที่มาของชื่อเขาไมโครเวฟ มีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 2,038 ฟุต บนยอดเขามีอากาศเย็นสบาย สามารถชมทะเลหมอกได้ทั้งทิศตะวันออกและตะวันตก ตัวอาคารประกอบด้วยพื้นที่ชมวิว 3 ชั้น มีระเบียงทางเดินยื่นออกไปจากฐานของอาคาร ปลายระเบียงเป็นพื้นกระจกใส สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน เที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี และอีกจุดใกล้กัน เป็นจุดชมทะเลหมอกดั้งเดิมของอัยเยอร์เวง อยู่ในบริเวณยอดเขาใกล้เสาสัญญาณ และใกล้กับสกายวอล์กอัยเยอร์เวง เป็นระเบียงชมวิวคอนกรีต มี 2 ชั้น และมีทางเดินเล็ก ๆ ลงไปยังสันเขาโล่งด้านล่าง ซึ่งบริเวณนั้นก็สามารถชมวิวได้สวยเช่นกัน

ส่วนที่มาของ “อัยเยอร์เวง” มาจากชื่อตำบล เดิมทีชื่อตำบลฮาลา แต่ชาวฮาลาได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานมาตั้งในบริเวณที่ราบริมตลิ่งแม่น้ำปัตตานี ซึ่งมีบ้านพักสำหรับผู้เดินทางระหว่างยะลา-เบตง เจ้าของเป็นชาวจีน มีชื่อว่า “เวง” และมีชื่อภาษายาวีว่า “อัยเยอร์” แปลว่าสายน้ำ จึงเป็นที่มาของชื่อตำบลและชื่อจุดชมวิวอันมีชื่อเสียงแห่งนี้  และก่อนหน้าที่จะมีการสร้างทางเดินสกายวอล์ค ชาวบ้านบอกว่า เดิมทีเขาไมโครเวฟแห่งนี้ก็มีทะเลหมอกมานานแล้ว จนมาถึงยุคสมารไฟน มีนักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปดังกล่าวลงโซเชียลมีเดีย ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาถ่ายรูปกันมากขึ้น จนทำให้จุดชมวิวทะเลหมอกดังกล่าว กลับมาสร้างชื่อเสียงให้เบตง กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตอีกครั้ง 


10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ 

10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ 

10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ 

10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ 

10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ 

10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ 



10.ไม่ไกลจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็เป็นที่ตั้งของน้ำตกเฉลิมพระเกียรติ น้ำตกสวยงาม ท่ามกลางป่าไม้เขียวชะอุ่ม อีกหนึ่งจุดที่เที่ยวต้องแวะไปถ่ายรูปเช็คอินกันค่ะ


11.ขับรถมอเตอร์ไซตจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง มาที่สวนหมื่นบุปฝา สวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้ ระยะทางขับรถมาประมาณ 47 กิโลเมตร เส้นทางขึ้นเขาค่อนข้างลาดชัน  ขับรถต้องระวัง

11.สวนหมืนบุปผา ค่าเข้าชมสวน ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท 

สวนหมื่นบุปผา ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านปิยะมิตร 2 ซึ่งเดิมเคยเป็นหมู่บ้านของผู้ที่เข้าร่วมพัฒนาชาติไทยเมื่อครั้งอดีต 

บรรยากาศภายในโรงเรือนปลูกดอกไม้สวนหมื่นบุปผา ที่เปิดให้เข้าชมได้ 

สวนหมื่นบุปผา ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านปิยะมิตร 2 ซึ่งเดิมเคยเป็นหมู่บ้านของผู้ที่เข้าร่วมพัฒนาชาติไทยเมื่อครั้งอดีต 

11.ขับรถมอเตอร์ไซตจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง มาที่สวนหมื่นบุปฝา สวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้ ระยะทางขับรถมาประมาณ 47 กิโลเมตร เส้นทางขึ้นเขาค่อนข้างลาดชัน  ขับรถต้องระวัง

บรรยากาศภายในโรงปลูกดอกไม้สวนหมื่นบุปผา ที่เปิดให้เข้าชมได้ 

วันที่ไปเที่ยว ทางสวนหมื่นบุปผากำลังซ่อมแซมปรับปรุง




11.ขับรถมอเตอร์ไซตจากจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง มาที่สวนหมื่นบุปฝา สวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้ ระยะทางขับรถมาประมาณ 47 กิโลเมตร เส้นทางขึ้นเขาค่อนข้างลาดชัน  ขับรถต้องระวังค่ะ  วันที่ไปเที่ยวสวนกำลังซ่อมแซมปรับปรุงอยู่ค่ะ แล้วเสร็จปลายปี 2566 ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 40 บาท 

โดยสวนหมื่นบุปผา ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านปิยะมิตร 2 ซึ่งเดิมเคยเป็นหมู่บ้านของผู้ที่เข้าร่วมพัฒนาชาติไทยเมื่อครั้งอดีต ปัจจุบันหมู่บ้านปิยะมิตรยังอยู่เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำให้กับบรรพชนรุ่นหลังที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้ อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักของชาวหมู่บ้านปิยะมิตร และโครงการปลูกดอกไม้เมืองหนาว ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นโครงการส่งเสริมรายได้ให้กับชาวหมู่บ้านปิยะมิตรอีกทางหนึ่ง ความงดงามของไม้ดอกนานาพันธุ์ที่ถูกบรรจงปลูกเป็นทิวแถว บานสะพรั่งอยู่ทั่วเนินเขาที่ห้อมล้อมด้วยหุบเขาสูงในสภาพภูมิอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นที่อื่นของภาคใต้ (เครดิต https://betongcity.go.th/travel_top/detail/30/data.html)
 


12.ขับรถลงเขาอันลาดชัน มาเที่ยวอุโมงปิยมิตร แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงอีกแห่ง ที่ต้องห้ามพลาดไปเช็คอินกัน โดยอยู่เส้นทางเดียวกับบ่อน้ำร้อน 

ค่าเข้าชมอุโมงปิยะมิตร 40 บาท 

12.เที่ยวอุโมงปิยะมิตร เป็นอุโมงค์ประวัติศาสตร์ของการรบของขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มาลายา

อุโมงปิยะมิตร เมื่อปี พ.ศ. 2519 ใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง การสร้างใช้กำลังคน 40 - 50 คน ขุดเข้าไปในภูเขา

โดยอุโมงปิยะมิตร ใช้เวลาเพียง 3 เดือนจึงแล้วเสร็จ อุโมงค์มีความกว้าง 50-60 ฟุต ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร สามารถจุคนได้เกือบ 200 คน มีทางเข้าออกทั้งหมด 9 ทาง เชื่อมต่อถึงกันหมด

ปัจจุบันเหลือ 6 ทาง ภายในมีสถานีวิทยุของ จคม. ห้องนอน ห้องเก็บเสบียง มีซอกมีมุมให้เลี้ยวลัดเลาะ

12.อุโมงปิยะมิตร แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของอำเภอเบตง 




12.ขับรถลงเขาอันลาดชัน มาเที่ยวอุโมงปิยมิตร แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงอีกแห่ง ที่ต้องห้ามพลาดไปเช็คอินกัน โดยอยู่เส้นทางเดียวกับบ่อน้ำร้อน 

อุโมงค์ปิยะมิตร เป็นอุโมงค์ประวัติศาสตร์ของการรบของขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มาลายา สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2519 ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 บ้านปิยะมิตร 1 ตำบลตะเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา มีความยาวของอุโมงค์ประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นอุโมงค์ที่ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หรืออดีตกลุ่มโจรคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) สร้างขึ้นเป็นฐานของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา เขต 2 เมื่อปี พ.ศ. 2519 ใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง การสร้างใช้กำลังคน 40 - 50 คน ขุดเข้าไปในภูเขา และใช้เวลาเพียง 3 เดือนจึงแล้วเสร็จ อุโมงค์มีความกว้าง 50-60 ฟุต ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร สามารถจุคนได้เกือบ 200 คน มีทางเข้าออกทั้งหมด 9 ทาง เชื่อมต่อถึงกันหมด ปัจจุบันเหลือ 6 ทาง ภายในมีสถานีวิทยุของ จคม. ห้องนอน ห้องเก็บเสบียง มีซอกมีมุมให้เลี้ยวลัดเลาะ ด้านบนเป็นป่ารกมีต้นไม้ใหญ่มากมายปกคลุม ยากแก่การค้นหาและถูกค้นพบโดยทหารฝ่ายรัฐบาล (เครดิตข้อมูล : https://th.wikipedia.org/wikiอุโมงค์ปิยะมิตร)

ใกล้ๆกับประตูทางเข้าอุโมงปิยะมิตรก็มีศาลาให้แวะไปชมวิวด้วย

จากบริเวณดังกล่าวสามารถมองวิวทัศน์โดยรอบได้อย่างสวยงามทีเดียว มองเห็นสวนผลไม้ สวนทุเรียนของชาวบ้านในระแวกนี้ 

ระหว่างขับรถกลับ ก็แวะไปชมความงามของน้ำตกอินทสร น้ำตกสวยงามอีกแห่งที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน

และระหว่างก็ไม่พลาดไปแวะชมน้ำตกอินทสร น้ำตกสวยงามอีกแห่งที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน ต้องแวะมายลตระการเที่ยวกัน


แวะพักเหนื่อย ไปทานเฉาก๊วยเจ้าแรกในเบตง 
หลังจากเที่ยวจนเหนื่อยแล้ว ก็ขอแวะพักทานเฉาก๊วยเย็นทานสักหน่อยค่ะ เป็นเฉาก๊วยเจ้าแรกในเมืองเบตงเลย 

เป็นร้านขายเฉาก๊วยแบบบ้านไม้โบราณ อยู่ตรงสามแยกปากทาง กม.4 เลยค่ะ มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาตลอด 
แวะทานเฉาก๊วยเจ้าแรกในเบตง


โดยเป็นเฉาก๊วยที่มีรสชาติอร่อยอีกเจ้า คล้ายเจ้าดังที่เมืองกำแพงเพชรเลยค่ะ มีความหนึบหนับ อร่อยดี และราคาถูก ชามละ 15 บาทเท่านั้น ใครแวะมาเที่ยวบ่อน้ำร้อน ก็ไม่พลาดมาลิ้มลองกันค่ะ 


ทานเฉาก๊วยไปแค่รองท้องเท่านั้น ยังไม่อิ่ม เดินทางกลับเข้าเมืองเบตง มาหาอะไรทานต่อค่ะ 

ทานข้าวมันไก่ในอำเภอเบตง ก่อนเดินทางไปยะลาต่อ

จะไปทานร้านข้าวมันไก่เบตงเจ้าดัง แต่ร้านปิดจ้า เลยทานร้านอื่นแล้วกัน

ทานข้าวมันไก่ในอำเภอเบตง 

ร้านให้ข้าวเยอะมากๆ ทานจนอิ่มเลยค่ะ 

13.ทานข้าวอิ่มแล้ว ไปไหว้พระกันต่อค่ะ ที่วัดพุทธาวาส ตั้งอยู่ในเมืองเบตง

วัดพุทธาวาส ตั้งอยู่ในเมืองเบตง วัดเป็นเนินเขาสูงเอียงลาดลงไปทางทิศเหนือ จัดแบ่งพื้นที่วัดออกเป็นชั้นรวม 5 ชั้น มีพระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา 

วัดพุทธาวาส ตั้งอยู่ในเมืองเบตง วัดเป็นเนินเขาสูงเอียงลาดลงไปทางทิศเหนือ จัดแบ่งพื้นที่วัดออกเป็นชั้นรวม 5 ชั้น มีพระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา 

โดยในองค์มหาธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ


13.ทานข้าวอิ่มแล้ว ไปไหว้พระกันต่อค่ะ ที่วัดพุทธาวาส ตั้งอยู่ในเมืองเบตง วัดเป็นเนินเขาสูงเอียงลาดลงไปทางทิศเหนือ จัดแบ่งพื้นที่วัดออกเป็นชั้นรวม 5 ชั้น มีพระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมตั้งเด่นอยู่บนเนินเขา ศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์ โดยในองค์มหาธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการของอดีตประธานศาลฎีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวโรกาสพระชนมายุครบ 60 พรรษา ออกแบบโดยหม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี เจดีย์มีสีทองอร่าม สูง 39.9 เมตร มีเจดีย์องค์ประธาน 4 องค์อยู่ตรงกลางรายรอบด้วยเจดีย์บริวาร และมีเจดีย์องค์เล็กขนาดเท่ากับเจดีย์องค์บริวาร ซึ่งเป็นเรือนธาตุซ้อนกันอยู่ภายในเจดีย์องค์ประธาน  วัดยังมีพระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย วิหารหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และวิหารพระครูพิศิษฐ์อรรถการ (เครดิต : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดพุทธาธิวาส)


เก็บสัมภาระใส่กระเป๋า เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเวลาเที่ยงวันพอดีค่ะ 


ไปไหว้พระแล้ว จากนั้นเดินทางกลับมายังห้องพัก คืนรถมอเตอร์ไซต์ ไปอาบน้ำเก็บสัมภาระใส่กระเป๋า เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเวลาเที่ยงวันพอดีค่ะ 


จากนั้นเดินแบกเป้มาซื้อตั๋วเพื่อรอขึ้นรถไปยะลาต่อค่ะ ซึ่งเป็นคิวรถแท๊กซี่ หากเพื่อนๆคนใหนที่จะเดินทางไปยะลา หรือไปปัตตานีต่อ สามารถเลือกนั่งรถตู้ หรือว่าแท๊กซี่ได้นะคะ คิวรถตู้จะอยู่ใกล้ๆกับร้านข้าวมันไก่เจริญ แต่ว่าถ้านั่งรถตู้ต้องรอคนเต็ม หรือมีคนมากพอ รถถึงจะออก

เป็นรถแท๊กซี่นั่ง 4 คน จากเบตงไป ยะลา ราคา 230 บาทต่อคน 


เดินทางออกจากเบตงไปยะลา ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 


เมื่อผู้โดยสารครบ 4 คนแล้ว ก็เดินทางออกจากเบตงไปยะลา ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 

รอขึ้นรถแท๊กซี่ยะลาไป ปัตตานี 

รถมาส่งที่วินแท๊กซี่ยะลา ปัตตานี ทางคนขับและคนที่นั่งมาด้วยกัน บอกว่านั่งสบายกว่า ไม่ต้องรอคนเต็มเหมือนรถตู้ 


โดยความพิเศษของแท๊กซี่จากยะลาไปปัตตานีคือ เป็นรถแท๊กซี่เบนซ์หวานเย็น 


รอผู้โดยสารที่คิวรถแท๊กซี่เมืองยะลาไม่นาน ก็มีผู้โดยสารมาครบ 4 คน เพื่อนั่งรถแท๊กซี่เบนซ์หวานเย็นไปเมืองปัตตานีต่อค่ะ รถแท๊กซี่หวานเย็น ใช้แอร์ธรรมชาติิรับลมเย็นๆ ไปบริการส่งถึงที่ด้วย ถือว่าเริ่ดสะแมนแตนมาก......เป็นอันจบทริปเที่ยวเบตงค่ะ


นั่งรอผู้โดยสารที่คิวรถแท๊กซี่เมืองยะลาไม่นาน ก็มีผู้โดยสารมาครบ 4 คน เพื่อนั่งรถแท๊กซี่เบนซ์หวานเย็นไปเมืองปัตตานีต่อค่ะ เดี๊ยนพึ่งรู้ว่าคนที่นี่นิยมนั่งแท๊กซี่ เพราะว่าไม่ต้องรอคนเต็ม อีกทั้งรถแท๊กซี่ไปบริการส่งถึงที่ด้วย ถือว่าเริ่ดสะแมนแตนมาก......เป็นอันจบทริปเที่ยวเบตงค่ะ บทความรีวิวต่อไปจะพาไปเที่ยวปัตตานี นราธิวาสต่อค่ะ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆคนที่เข้ามาสไลด์ดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในบทความถัดไปค่ะ...

รวมค่าใช้จ่ายไปเที่ยวเบตง 

ค่าเครื่องบินลงหาดใหญ่ 1200 บาท 
ค่ารถตู้จากสนามบิน ไป บขส.หาดใหญ่ 100 บาท
ค่ารถมินิบัสจากหาดใหญ่ไป เบตง 280 บาท 
ค่าที่พัก 760 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์ 300 บาท 
ค่าน้ำมัน 80 บาท 
ค่าบัตรเข้าชมที่เที่ยว 40+40+40+30 = 150 บาท 
ค่ากินอื่นๆ 275 บาท 

รวมค่าเสียหาย 3,145 บาท 


ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆคนที่เข้ามาสไลด์เลื่อนดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไปค่ะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ  มีดังนี้ค่ะ


แบ่งปันเที่ยวซิงเคว เทอเร่ ใน 1 วัน ชมหมู่บ้่า่นมรดกโลกติดทะเล มีอะไรบ้าง>>

แบ่งปันทริปเดินทางไปเที่ยวซิงเคว เทอเร่ (Cinque Terre) ใน 1 วัน แวะชมหมู่บ้านชมประมงติดริมทะเลแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>


รู้จักประวัติเป็นมาของตุ๊กตากระดาษและวิธีการทำตุ๊กตากระดาษแบบไทยๆ>>

แบ่งปันวิธีทำตุ๊กตากระดาษแบบไทยๆในยุค60-90 และมารู้จักประวัติตุ๊กตากระดาษในโลกนั้น มีที่มาอย่างไร นำมาให้อ่านกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>



ทริปพาไปเที่ยวชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่สวน Mayfield Lavender Farm>>

แบ่งปันทริปรีวิวพาไปเที่ยวชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ที่สวน Mayfield Lavender Farm เดินทางไปด้วยตัวเองอย่างไร ราคาบัตรเท่าไหร่ ตามไปเที่ยวชมกัน  คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>


แบ่งปันทริปรีวิวเที่ยวนราธิวาส ไม่พลาดไปเช็คอินตามจุดที่เที่ยวใหม่ๆ>>

มาม๊ะมาเก็บตกเที่ยวนราธิวาส ไม่พลาดไปเช็คอินที่เที่ยวต่างๆ กินอาหารพื้นบ้านแสนอร่อยๆ มีจุดเช็คอินถ่ายรูปสวยๆใหม่ๆหลายแห่ง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>


เก็บตกภาพบรรยากาศงาน London Pride2023 มีขบวนจากไทยเข้าร่วมด้วย>>>

บันทึกการเดินทางเก็บภาพบรรยากาศงาน London Pride 2023 งานใหญ่แห่งปี ที่มีประเทศไทยเข้าร่วมด้วย ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูรีวิวบันทึกภาพการเดินทางค่ะ>>>



แบ่งปันรีวิวเที่ยวปัตตานี เมืองนี้มีแต่ของดีๆอร่อยให้ทาน ตามไปเที่ยวกันเลย>>

แบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวปัตตานี เมืองนี้มีแต่ของดีอร่อยๆให้ทาน มีจุดเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวให้ยลตระการมากมาย ไม่พลาดไปกันให้ได้นะ คลิ๊กดูรีวิวบันทึกภาพและการเดินทางค่ะ>>>


เก็บตกภาพขบวนพาเหรดงาน Bangkok Pride Month2023 ไปชมกันเลย>>

แบ่งปันเก็บตกภาพขบวนพาเหรดงาน Bangkok Pride Month 2023 สีสันแห่งความหลากหลายทางเพศที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ ตามไปดูกันเลย คลิ๊กดูภาพงาน>>>


มาม๊ะ..ไปเที่ยวเขาวงพระจันทร์ในวันธรรมดา 1 วัน ก็น่าเที่ยวนะ>>

บันทึกเดินทางสั้นๆ ไปเที่ยวเขาวงพระจันทร์ในวันธรรมดา 1 วัน ก็น่าเที่ยวนะ พิชิตบันได 3,790 ขั้น ต้องไปเช็คอินถ่ายรูปกันให้ได้ คลิ๊กดูรีวิวบันทึกภาพและการเดินทางค่ะ>>>


โปรแกรมทริปครอบครัว 2 วัน 1 คืน พาคุณแม่เที่ยวจันทบุรี-ระยอง คลิ๊กดูรีวิวจ้า>>

แบ่งปันโปรแกรมเที่ยวกับครอบครัว 2 วัน 1 คืน พาคุณแม่เดินขึ้นเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี ระยอง ทำบุญ ไหว้พระ ทานอาหารอร่อยๆ ไม่เหงาหงอยอีกต่อไป คลิ๊กดูรีวิวบันทึกภาพและการเดินทางค่ะ>>>


รีวิวเที่ยวย้อนวันวาน ยลตระการเมืองเลยอีกครั้ง มีที่เที่ยวเปิดใหม่สวยปัง ที่ใหนบ้าง>>

แบ่งปันทริปเที่ยวภูเรือ-ด่านซ้าย-ฟูจิเมืองเลย ภูป่าเปาะ ขับรถเลาะหาแนวกิน ฟินกับร้านคาเฟ่ มีที่เที่ยวเปิดใหม่ที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูรีวิวบันทึกภาพและการเดินทางค่ะ>>>


ไปเที่ยวฉะเชิงเทราสั้นๆ ปั่นจักรยานลัดเลาะเมืองนี้ มีแหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่อะไรบ้าง>>>

ทริปสั้นๆรีวิวเที่ยวฉะเชิงเทรา 2 วัน 1 คืน นั่งรถไฟ-ปั่นจักรยาน-ไปเริงสำราญถ่ายรูปเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ มีที่ใหนน่าสนใจบ้าง ตามไปทัศนาชื่นชมกันเลยจ้า คลิ๊กดูรีวิวบันทึกภาพและการเดินทางค่ะ>>>


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น