Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเมืองปอร์โต้ โปรตุเกส (Porto city) เมืองมรดกโลกแห่งนี้มีอะไรน่าสนใจ ให้ไปเดินชมบ้าง

แบ่งปันทริปเดินทางแบกเป้ไปเที่ยวประเทศโปรตุเกส ลุยเดี่ยวนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองปอร์โต้ เมืองท่าเรือขนาดใหญ่และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง (Travel Porto City, Portugal)



สวัสดีทักทาย เพื่อนๆผู้อ่านและเหล่านักทัศนาจร ออนซอนหัวใจทุกๆคนค่ะ กลับมาพบปะกันอีกครัั้งนะคะ กับบทความบล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน ที่จะพาคุณผู้อ่านไปเปิดโลกทัศน์ ท่องเที่ยวเยี่ยมเยือนชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และจากบทความก่อนหน้านี้ที่ได้มาแบ่งปันทริปรีวิวแบกเป้คนเดียวไปเที่ยวเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกสกันไปแล้ว ในบล็อกนี้เดี๊ยนก็ขอมาแบ่งปันเรื่องราวสั้นๆกับการเดินทางไปเที่ยวประเทศโปรตุเกสต่อค่ะ 


โดยเมืองที่วางแผนไปเที่ยวในประเทศโปรตุเกสคือ เมืองปอร์โต้ เมืองที่ใครหลายๆคน ปักหมุดมาเยือนโปรตุเกสแล้ว ก็ต้องเดินมาเที่ยวกันสักครั้ง เนื่องจากเป็นเมืองท่าเรือขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามหลายแห่งให้ไปเช็คอินถ่ายรูปกันด้วย และก่อนที่เราจะไปชมภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองปอร์โต้ (Porto city) เราก็มาเปิดโลกกว้าง รู้จักกับเมืองปอร์โต้ กันสักเล็กน้อยค่ะ


สาระน่่ารู้เกี่ยวกับเมืองปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกส (Porto, Portugal)


สาระน่่ารู้เกี่ยวกับเมืองปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกส (Porto city in Portugal)


โปร์ตู (โปรตุเกส: Porto) หรือ โอพอร์โต (อังกฤษ: Oporto) เป็นเมืองใหญ่อันดับสอง รองจากเมืองลิสบอน เมืองหลวงของประเทศโปรตุเกส เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในโปรตุเกสรองจากลิสบอน เป็นเมืองหลวงของเขตปอร์โตและเป็นหนึ่งในเขตเมืองหลักของคาบสมุทรไอบีเรีย  โดยเมืองแห่งนี้มีภูมิศาตร์ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโดรูทางตอนเหนือของประเทศ และเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางเก่าแก่ของยุโรป  


วิวทิวทัศน์เมืองปอร์โต้ โปรตุเกส (Porto city, Portogal)


ทั้งนี้เขตเทศบาลทั้งหมดของปอร์โต มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับเขตมหานคร โดยมีประชากรประมาณ 237,559 คนในเขตเทศบาลโดยมีพื้นที่เพียง 41.42 ตารางกิโลเมตร (16 ตารางไมล์) พื้นที่มหานครของปอร์โตมีประชากรประมาณ 1.7 ล้านคน (พ.ศ. 2564) ในพื้นที่ 2,395 ตารางกิโลเมตร (925 ตารางไมล์) ทำให้ที่นี่เป็นเขตเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในโปรตุเกส[12][13]ได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองระดับโลกที่ได้รับการจัดอันดับ Gamma + จาก Globalization และ World Cities Research Network

ปอร์โต เป็นเมืองตั้งอยู่ริมปากแม่น้ำโดรูทางตอนเหนือของโปรตุเกส เป็นหนึ่งในศูนย์กลางยุโรปที่เก่าแก่ที่สุด


เมืองปอร์ตู หรือว่าที่หลายคนๆเรียกว่า ปอร์โต เป็นเมืองตั้งอยู่ริมปากแม่น้ำโดรูทางตอนเหนือของโปรตุเกส เป็นหนึ่งในศูนย์กลางยุโรปที่เก่าแก่ที่สุด และแกนกลางของที่นี่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี 1996 ให้เป็น "ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของปอร์โต  สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้เมืองปอร์โต้เป็นที่รู้จักคือ สะพานลุยซ์ที่ 1 และอารามแซร์รา โด ปิลาร์" ซึ่งเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ยัง เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติของโปรตุเกสอีกด้วย 



อีกทั้งในเมืองปอร์โต้ ยังมี ไวน์พอร์ต ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเรือการส่งออกที่มีชื่อเสียงที่สุดของโปรตุเกส ตั้งชื่อตามปอร์โต เนื่องจากเขตเมืองใหญ่ และโดยเฉพาะห้องใต้ดินของ Vila Nova de Gaia มีหน้าที่รับผิดชอบด้านบรรจุภัณฑ์ การขนส่ง และการส่งออกไวน์เสริมอาหาร ในปี 2014 และ 2017 ปอร์โตได้รับเลือกให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดในยุโรปโดย Best European Destinations Agency ปอร์โตอยู่บนเส้นทางโปรตุเกสของ Camino de Santiago


จุดเด่นอีกอย่างของเมืองปอร์โต้ คือ  เครือข่ายรถรางซึ่งเหลือเพียงสามสาย หนึ่งในนั้นคือเส้นทางท่องเที่ยวบนชายฝั่งโดรู ซึ่งสร้างเริ่มเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2438


และจุดเด่นอีกอย่างของเมืองปอร์โต้ คือ  เครือข่ายรถรางซึ่งเหลือเพียงสามสาย หนึ่งในนั้นคือเส้นทางท่องเที่ยวบนชายฝั่งโดรู ซึ่งสร้างเริ่มเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2438 ดังนั้นจึงเป็นเครือข่ายรถรางแห่งแรกในคาบสมุทรไอบีเรียที่เก่าแก่ที่สุดอีกแห่ง เส้นทางที่ให้บริการทั้งหมดใช้รถรางโบราณ  ยังให้บริการเส้นทางเหล่านี้เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์รถราง ส่วนระบบรถรางสมัยใหม่หรือรถไฟฟ้ารางเบาของพื้นที่มีชื่อเมโทรโดปอร์โต เปิดให้บริการรายได้ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2546 (หลังจากให้บริการเบื้องต้นฟรีช่วงสั้นๆ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2545) เพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยว


ที่เป็นเมืองท่าเรือเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์เป็นมายาวนาน ทำให้เมืองโปร์โต ยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ. 1996 

ด้วยที่เป็นเมืองท่าเรือเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์เป็นมายาวนาน ทำให้เมืองโปร์โต ยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ. 1996 ปัจจุบันเป็นเมืองท่าที่มีชื่อเสียง อีกทั้งไวน์จากโปร์ตูเป็นที่รู้จักอย่างมาก คำว่า โปร์ตู ในภาษาโปรตุเกส หมายถึง ท่าเรือ นั้นเอง


และหลังจากที่ได้อ่านประวัติคร่าวๆเกี่ยวกับสาระน่ารู็เล็กๆน้อยๆของเมืองปอร์โต้กันไปแล้วนะคะ ก็ตามไปเที่ยวกันต่อได้เลยค่ะ 


หลังจากที่บทความที่แล้วพาไปเที่ยวเมืองลิสบอนไปแล้ว การเดินทางทริปนี้ นั่งรถไฟจากเมืองลิสบอนไปเที่ยวเมืองปอร์โต้ เมืองท่าเรือเก่าแก่ติดริมชายทะเล แวะพักค้าง 1 คืน 

เดินทางมาซื้อตั๋วรถไฟที่สถานีเมืองลิสบอน เพื่อไปเที่ยวเมืองปอร์โต้ 2 วัน 1 คืน

เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ นั่งรถไฟออกจากสถานีรถไฟ  Santa Apolonia Lisboa เดินทางไปยังเมืองปอร์โต้  โดยการเที่ยวเมืองปอร์โต้ วางแผนเที่ยวแค่ 2 วัน 1 คืนเท่านั้นค่ะ 



ซื้อตั๋วโดยสารแล้ว ก็มาขึ้นรถไฟตามหมายเลขชานชลาเลยค่ะ โดยเที่ยวรถไฟรอบนี้ ออกเวลา 13.00 น. 


ใช้เวลาเดินทางจากเมืองลิสบอนไปยังปอร์โต้ ประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ 


ในช่วงนี้ก็ชมวิวระหว่างทางไปพลางๆ  จะเปิดเน็ตเล่น แต่ก็อินเตอร์ก็ช้ามากๆ เลยได้พักสายตามาชมวิวนอกหน้าต่างรถไฟแทน


และแล้วเวลาประมาณ 15.00 น. หรือบ่าย 3 โมง ก็มาถึงเมืองปอร์โต้แล้วค่ะ จุดเด่นของเมืองนี้คือ สะพาน ดอม หลุยส์ที่ 1 ซึ่งเป็นสะพานเหล็กโค้งข้ามแม่น้ำโดร์รู 


รถไฟมาจอดเทียบที่ชานชลาสถานี Porto Campanha ซึ่งเป็นสถานีรถไฟกลางประจำเมืองปอร์โต้แล้วล่ะ


เดี๊ยนเดินแบกเป้ออกมาตั้งหลักด้านหน้าสถานีรถไฟPorto Campanha เพื่อเปิดพิกัด GPS เดินทางไปยังโรงแรมที่พักคืนนี้ 

ซึ่งโรงแรมที่จองไว้ก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟค่ะ จะได้ไม่ต้องสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่เดินเท้าไปไกล


ข้อดีของการพักโรงแรมใกล้สถานีรถไฟก็คือ เดินทางได้สะดวก และประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องต่อรอเมล์โดยสารหรือนั่งแท๊กซี่ไปไกล  จากภาพจะเห็นว่าเมืองปอร์โต้ มีลักษณะเป็นเนินลาดขึ้นไป คล้ายๆกับเมืองลิสบอนเลยค่ะ 


 แบกเป้มาเที่ยวเมืองปอร์โต้ เดี๊ยนพักโรงแรมแบบเกสต์เฮ้าส์เล็กๆ มีชื่อว่า NDussole Guesthouse เป็นที่พักเล็กๆอยู่ห่างจากสถานีรถไฟเมือง Porto ประมาณ 50 เมตร 
 
โดยโรงแรมที่พักคืนนี้ เดี๊ยนพักโรงแรมแบบเกสต์เฮ้าส์เล็กๆ มีชื่อว่า NDussole Guesthouse เป็นที่พักเล็กๆอยู่ห่างจากสถานีรถไฟเมือง Porto ประมาณ 50 เมตร 

ซึ่งการพักโรงแรมแบบเกสต์เฮ้าส์ ส่วนใหญ่ในโปรตุเกสนั้น ทางโรงแรงจะส่งรหัสเปิดประตูมาให้ทางอีเมลล์ เพื่อให้เราเปิดประตูเองค่ะ เพราะบางครั้งเจ้าหน้าที่อาจจะไม่อยู่หรือไปทำธูระอย่างอื่นอยู่ 


ดังนั้นการตรวจสอบอีเมลล์เพื่อขอทราบรหัสในการเปิดประตูไปเช็คอินเข้าพัก ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง หากเพื่อนๆคนใหนที่ จะแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวประเทศโปรตุเกส และเลือกพักโรงแรมเล็กๆสไตล์เกสต์เฮ้าส็ ก็อย่าลืมตรวจอีเมลล์ด้วยนะคะ 


ภายในโรงแรมมีห้องรับแขก หรือ Space area ห้องสำหรับนั่งชิลๆ และทำงานได้ด้วย 


ส่วนห้องพักของโรงแรมแห่งนี้ ก็เป็นที่พักแบบโฮสเทล ห้องนอนรวม ห้องน้ำรวมค่ะ ราคาคืนละ 900 บาทต่อคน ภายในห้องมีทั้งหมด 8 เตียงนอน แต่วันที่มาถึงโชคดีว่าได้เตียงนอนชั้นล่าง จะได้ไม่ต้องปีกบันไดไปนอนเตียงชั้นบนค่ะ 


ภายในห้องพักก็มีพัดลมให้ค่ะ แต่ไม่มีเครื่องปรับอากาศหรือแอร์นะคะ 

ภายในห้องไม่มีแอร์นะคะ มีแต่พัดลมให้ ช่วงไปเที่ยวก็เป็นช่วงฤดูร้อน แต่ก็ไม่ได้ร้อนเมาก เพราะเมืองปอร์โต้เป็นเมืองติดริมทะเล และยังดีที่มีพัดลมช่วยระบายอากาศ 

 นอกจากห้องสำหรับดูทีวีแล้ว ยังมีห้องครัวให้ทำอาหารทำกับข้าวทานได้ด้วย แต่เดี๊ยนลืมถ่ายไว้ เพราะว่าในห้องครัว มีคนมาทำอาหารและนั่งทานตลอดเลยค่ะ 


ภาพบริเวณล็อกบี้และเดินไปสุดปลายทางก็จะเป็นห้องครัวเล็กๆ มีตู้เย็นและเต้าไฟฟ้า รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องครัวให้ทำอาหารทานเองได้ง่ายๆค่ะ  ในส่วนของห้องพักโรงแรมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีค่ะ ส่วนห้องน้ำของโรงแรมเดี๊ยนก็ลืมถ่ายภาพเก็บไว้ค่ะ 



หลังจากที่รีวิวห้องพักและนำกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางไปเที่ยวแล้วค่ะ เพราะด้วยเวลาจำกัด มาเที่ยวทริปสั้นๆ  




ซึ่งจากที่ตั้งของโรงแรม หากจะเดินทางไปยังย่านใจกลางเมืองท่องเที่ยว ระยะทางประมาณ 2.7 หรือเกือบๆ 3 กิโลเมตรกว่าๆ เดี๊ยนได้สอบถามเจ้าหน้าที่บอกว่า สามารถนั่งรถบัสโดยสาร หรือว่าสามารถเดินเท้าไปก็ได้ เดี๊ยนเลยเลือกเดินเท้าไปดีกว่าค่ะ เพราะจะได้ดูภาพบรรยากาศร้านค้าระหว่างทางด้วย 

ยังดีที่เป็นช่วงเวลากลางวัน เลยไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นช่วงกลางคืน ทางพนักงานโรงแรมไม่แนะนำให้เดิน เพราะอาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับนักเดินทางคนเดียวค่ะ 


จากที่เดินเท้าเปิด GPS ลัดเลาะตามซอกตรอกซอยและถนนมาได้สัก 2 กิโลเมตร ก็มาถึงย่านท่องเที่ยวแล้วค่ะ จะเห็นผู้คนเริ่มคึกคักมากขึ้น 

1.สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่แวะไปชมคือ  โบสถ์ซานตากาตารีนา หรือที่นักท่องเที่ยวมักเรียกว่า โบสถ์สีฟ้า Chapel of Santa Catarina ( Chapel of Souls )


1.สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่แวะไปชมคือ  โบสถ์ซานตากาตารีนา หรือที่นักท่องเที่ยวมักเรียกว่า โบสถ์สีฟ้า Chapel of Santa Catarina ( Chapel of Souls )


1.สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่แวะไปชมคือ  โบสถ์ซานตากาตารีนา หรือที่นักท่องเที่ยวมักเรียกว่า โบสถ์สีฟ้า Chapel of Santa Catarina ( Chapel of Souls )


1.สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่แวะไปชมคือ  โบสถ์ซานตากาตารีนา หรือที่นักท่องเที่ยวมักเรียกว่า โบสถ์สีฟ้า Chapel of Santa Catarina ( Chapel of Souls )


1.สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่แวะไปชมคือ  โบสถ์ซานตากาตารีนา หรือที่นักท่องเที่ยวมักเรียกว่า โบสถ์สีฟ้า Chapel of Santa Catarina ( Chapel of Souls )


1.สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่แวะไปชมคือ  โบสถ์ซานตากาตารีนา หรือที่นักท่องเที่ยวมักเรียกว่า โบสถ์สีฟ้า Chapel of Santa Catarina ( Chapel of Souls )




1.สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่แวะไปชมคือ  โบสถ์ซานตากาตารีนา หรือที่นักท่องเที่ยวมักเรียกว่า โบสถ์สีฟ้า Chapel of Santa Catarina ( Chapel of Souls )

 มีสถาปัตยกรรมประดับด้วยลายกระเบื้องสีขาวฟ้าสุดโดดเด่น สำหรับโบสถ์แห่งนี้ โบสถ์ซานตากาตารีนา หรือที่รู้จักในชื่อ โบสถ์แห่งวิญญาณ (pt: Capela das Almas) เป็นโบสถ์น้อยที่ตั้งอยู่บนถนนช้อปปิ้งของ Rua de Santa Catarina ในอดีตตำบลซานโต อิลเดฟอนโซ ในเมืองปอร์โต ใน โปรตุเกส. สังเกตได้จากกระเบื้อง Azulejo สีฟ้าที่ฉาบติดอยู่กับผนังด้านนอกของโบสถ์ กลายเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม มีความหมายว่า หินสวยงามที่ผ่านกรรมวิธีขัดเงาแบบงานเซรามิค Chapel of Souls นี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 18 โดยมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Santa Catarina 



ซึ่งใกล้ๆกับโบสถ์สีฟ้า หรือโบสถ์ Chapel of Santa Catarina ( Chapel of Souls ) ก็จะเป็นย่านช็อปปิ้งและย่านถนนคนเดิน มีร้านค้ามากมาย 

อีกทั้งยังมีตลาดสดและขายกินให้ไปลิ้มลองทานด้วย 


อาหารของฝากส่วนใหญ่มีทั้งอาหารทะเลสด และมียังมีธัญพืชเชื่อมอบแห้ง 


แต่ที่เห็นโดดเด่นจะเป็นผลไม้เชื่อมอบแห้ง ที่ต้องแวะลิ้มลองทานดู รสชาติหวานเจี๊ยบมากๆเชียวล่ะค่ะ 









2.เดินเลยจากย่านช็อปปิ้งใจกลางเมืองมาอีกสักหน่อย ไม่ไกลมาก ก็มาถ่ายรูปหน้าศาลาว่าการเมืองปอร์โต้ (Porto City Hall) ซึ่งมีจุดถ่ายคู่กับป้ายในตัวเมือง โดยบริเวณหน้าศาลาว่าการเมือง ก็มีพื้นที่่บริเวณลานกว้างขวาง

3.หอระฆังตอร์เร ดอส เกลริโกส ( Clerigos Church and Tower) เป็นหอระฆังที่สูง 75 เมตร มองเห็นได้จากจุดต่างๆ ของเมืองได้อย่างทั่วถึง

3.หอระฆังตอร์เร ดอส เกลริโกส ( Clerigos Church and Tower) เป็นหอระฆังที่สูง 75 เมตร มองเห็นได้จากจุดต่างๆ ของเมืองได้อย่างทั่วถึง

3.หอระฆังตอร์เร ดอส เกลริโกส ( Clerigos Church and Tower) เป็นหอระฆังที่สูง 75 เมตร มองเห็นได้จากจุดต่างๆ ของเมืองได้อย่างทั่วถึง

3.หอระฆังตอร์เร ดอส เกลริโกส ( Clerigos Church and Tower) เป็นหอระฆังที่สูง 75 เมตร มองเห็นได้จากจุดต่างๆ ของเมืองได้อย่างทั่วถึง

3.หอระฆังตอร์เร ดอส เกลริโกส ( Clerigos Church and Tower) เป็นหอระฆังที่สูง 75 เมตร มองเห็นได้จากจุดต่างๆ ของเมืองได้อย่างทั่วถึง



3.หอระฆังโบสถ์กลีริโกส Clerigos Church and Tower

โบสถ์กลีริโกส เป็นโบสถ์สไตล์บาโรกในเมืองปอร์โต ประเทศโปรตุเกส หอระฆังตอร์เร ดอส เกลริโกส สูง 75 เมตร มองเห็นได้จากจุดต่างๆ ของเมืองได้อย่างทั่วถึง และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของเมืองปอร์โต้ ที่นักท่องเที่ยวต้องเดินทางมาเช็คอินถ่ายรูปกันให้ได้ 

โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อกลุ่มภราดรภาพแห่งคลีริโกส (นักบวช) โดย Nicolau Nasoni สถาปนิกและจิตรกรชาวอิตาลีที่ทิ้งงานจำนวนมากทางตอนเหนือของโปรตุเกสในช่วงศตวรรษที่ 18


4.ไม่ไกลจากหอระฆังในตัวเมือง เดินมาอีกหน่อยก็เป็นจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ ที่บริเวณลาน Miradouro da Vitória 

4.ไม่ไกลจากหอระฆังในตัวเมือง เดินมาอีกหน่อยก็เป็นจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ ที่บริเวณลาน Miradouro da Vitória 

4.ไม่ไกลจากหอระฆังในตัวเมือง เดินมาอีกหน่อยก็เป็นจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ ที่บริเวณลาน Miradouro da Vitória 

 จุดชมวิวบริเวณ Miradouro da Vitória

4.ไม่ไกลจากหอระฆังในตัวเมือง เดินมาอีกหน่อยก็เป็นจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ ที่บริเวณลาน Miradouro da Vitória 

 จุดชมวิวบริเวณ Miradouro da Vitória

 จุดชมวิวบริเวณ Miradouro da Vitória

 จุดชมวิวบริเวณ Miradouro da Vitória

4.ไม่ไกลจากหอระฆังในตัวเมือง เดินมาอีกหน่อยก็เป็นจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ ที่บริเวณลาน Miradouro da Vitória 



4.ไม่ไกลจากหอระฆังในตัวเมือง เดินมาอีกหน่อยก็เป็นจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ ที่บริเวณลาน จุดชมวิว Miradouro da Vitória จัดเป็นหนึ่งในจุดชมวิวทัศนียภาพเมืองปอร์โต้ได้อย่างสวยงาม สามารถมองเห็นสะพาน Dom Luís I Bridge และวิวแม่น้ำโดร์รู


จุดเด่นที่เห็นได้ชัดอีกอย่างของเมืองปอร์โต้คือ ตามผนังของอาคารและตึกรางบ้านช่อง จะนำกระเบื้องไปติดประดับกับขอบประตูหน้าต่าง หรือผนังอาคาร ทำให้มีความสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยิ่งนัก 

ในเมืองปอร์โต้ ที่ตั้งเป็นเนินเขาลาดชัน ต้องเดินขึ้น เดินลง ออกกำลังกายไปในตัว ถ้าใครขี้เกียจเดิน แนะนำเรียกสามล้อตุ๊กๆเลยค่ะ   

เส้นทางในเมืองปอร์โต้ เป็นเนินเขาลาดชัน ต้องเดินขึ้น เดินลง ใครที่จะมาเที่ยว เตรียมตัวออกกำลังกาย ออกกำลังแข้งขาได้เลยค่ะ ถ้าใครไม่อยากเดิน แนะนำเรียกสามล้อตุ๊กๆพาเที่ยวรอบเมืองเลยจ้า

ส่วนราคาสามล้อตุ๊กที่จะไปเที่ยวรอบเมือง ก็ต้องไปสอบถามและต่อรองราคากับคนขับกันเองนะคะ  หากพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ใช้ Google Translate เลยค่ะ เดี๊ยนเห็นนักท่องเที่ยวเอเชียที่มาเที่ยวเป็นคู่รัก หรือมาครอบครัว ก็ใช้ Google translate แปลสื่อสารกันแบบรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็เข้าใจกันได้ 

เดินจากจุดชมวิวมาไม่ไกล ก็จะใกล้กับแม่น้ำโดร์รู มีบริการรถรางสำหรับนำเที่ยวด้วยนะคะ 

ซึ่งรถรางดังกล่าว ก็เป็นหนึ่งรถรางเก่าแก่ที่ยังเปิดให้บริการตั้งแต่อดี่ตมาจนถึงปัจจุบัน 

หากเพื่อนๆคนใหนที่เดินทางมาเที่ยวเมืองปอร์โต้ และมีเวลาเหลือมากพอ ก็ไม่รีรอ ที่จะไปนั่งรถรางนำเที่ยวรอบเมืองดูค่ะ 

ซึ่งจากบริเวณดังกล่าว สามารถมองเห็นวิวทิวทัศนียภาพบริเวณท่าเรือริมแม่น้ำโดร์รู และร้านอาหารที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงด้วยค่ะ





นอกจากรถรางแล้ว รถบัสนำเที่ยวรอบเมือง ก็ได้รับความนิยมเช่นกันค่ะ


5.เดินมาชมวิวริมแม่น้ำโดร์รูและจุดชมวิวบริเวณท่าเรือ Ribeira do Porto ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย อีกทั้งยังมี่ตลาดถนนคนเดินเล็กๆให้เลือกแวะซื้อของกินและของฝากด้วย

5.เดินมาชมวิวริมแม่น้ำโดร์รูและจุดชมวิวบริเวณท่าเรือ Ribeira do Porto ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย อีกทั้งยังมี่ตลาดถนนคนเดินเล็กๆให้เลือกแวะซื้อของกินและของฝากด้วย

5.เดินมาชมวิวริมแม่น้ำโดร์รูและจุดชมวิวบริเวณท่าเรือ Ribeira do Porto ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย อีกทั้งยังมี่ตลาดถนนคนเดินเล็กๆให้เลือกแวะซื้อของกินและของฝากด้วย

5.เดินมาชมวิวริมแม่น้ำโดร์รูและจุดชมวิวบริเวณท่าเรือ Ribeira do Porto ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย อีกทั้งยังมี่ตลาดถนนคนเดินเล็กๆให้เลือกแวะซื้อของกินและของฝากด้วย

5.เดินมาชมวิวริมแม่น้ำโดร์รูและจุดชมวิวบริเวณท่าเรือ Ribeira do Porto ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย อีกทั้งยังมี่ตลาดถนนคนเดินเล็กๆให้เลือกแวะซื้อของกินและของฝากด้วย


5.เดินมาชมวิวริมแม่น้ำโดร์รูและจุดชมวิวบริเวณท่าเรือ Ribeira do Porto ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย อีกทั้งยังมี่ตลาดถนนคนเดินเล็กๆให้เลือกแวะซื้อของกินและของฝากด้วย

6. เดินชม สะพาน ดอม หลุยส์ที่ 1 (Dom Luis I Bridge) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดที่ต้องไปถ่ายรูปเช็คอินกัน 


6. เดินชม สะพาน ดอม หลุยส์ที่ 1 (Dom Luis I Bridge) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดที่ต้องไปถ่ายรูปเช็คอินกัน 


6. เดินชม สะพาน ดอม หลุยส์ที่ 1 (Dom Luis I Bridge) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดที่ต้องไปถ่ายรูปเช็คอินกัน 


6. เดินชม สะพาน ดอม หลุยส์ที่ 1 (Dom Luis I Bridge) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดที่ต้องไปถ่ายรูปเช็คอินกัน 


6. เดินชม สะพาน ดอม หลุยส์ที่ 1 (Dom Luis I Bridge) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดที่ต้องไปถ่ายรูปเช็คอินกัน 


เดินขึ้นมาบนสะพาน 

จากบริเวณด้านบนสะพาน สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์แม่น้ำโดร์รูและอาคารบ้านเรือนอย่างกว้างขวาง 

6. เดินชม สะพาน ดอม หลุยส์ที่ 1 (Dom Luis I Bridge) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดที่ต้องไปถ่ายรูปเช็คอินกัน 




6. สะพาน ดอม หลุยส์ที่ 1 (Dom Luis I Bridge)  สะพานเหล็กที่ยาวที่สุดในโลก ไม่พลาดเดินข้ามสะพานดอมหลุยส์  โดยเป็นสะพานเหล็กโค้งสองชั้น (Double-deck metal arch bridge) หนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมือง Porto ประเทศโปรตุเกส สะพาน Dom Luís I (โปรตุเกส: Ponte de Dom Luís I) หรือสะพาน Luís I เป็นสะพานโค้งโลหะสองชั้นที่พาดผ่านแม่น้ำ Douro ระหว่างเมืองปอร์โตและ Vila Nova de Gaia ในโปรตุเกส  โดยมีช่วงความยาว 172 เมตร (564 ฟุต) ซึ่งถือเป็นสะพานเหล็กที่ยาวที่สุดในโลก  เมืองท่าที่มีชื่อเสียงและได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ. 1996 จึงเรียกได้ว่าสะพานดังกล่าวยังเป็นหนึ่งในภาพที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักกับนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้นด้วย 


7.เดินข้ามสะพานดอมหลุยส์ที่ 1 มาแล้ว ก็จะเป็นสวน Jardim do Morro อีกหนึ่งในจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งรับลมเย็นๆกัน 

7.เดินข้ามสะพานดอมหลุยส์ที่ 1 มาแล้ว ก็จะเป็นสวน Jardim do Morro อีกหนึ่งในจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งรับลมเย็นๆกัน 

7.เดินข้ามสะพานดอมหลุยส์ที่ 1 มาแล้ว ก็จะเป็นสวน Jardim do Morro อีกหนึ่งในจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งรับลมเย็นๆกัน 

7.เดินข้ามสะพานดอมหลุยส์ที่ 1 มาแล้ว ก็จะเป็นสวน Jardim do Morro อีกหนึ่งในจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งรับลมเย็นๆกัน 

7.เดินข้ามสะพานดอมหลุยส์ที่ 1 มาแล้ว ก็จะเป็นสวน Jardim do Morro อีกหนึ่งในจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งรับลมเย็นๆกัน 

7.เดินข้ามสะพานดอมหลุยส์ที่ 1 มาแล้ว ก็จะเป็นสวน Jardim do Morro อีกหนึ่งในจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งรับลมเย็นๆกัน 

7.เดินข้ามสะพานดอมหลุยส์ที่ 1 มาแล้ว ก็จะเป็นสวน Jardim do Morro อีกหนึ่งในจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งรับลมเย็นๆกัน 

จากบริเวณดังกล่าวสามารถมองเห็นสถาปัตยกรร ตึก อาคารที่มีความโดดเด่นสวยงาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองปอร์โต้  เมืองท่าเรือขนาดใหญ่แห่งนี้

จากบริเวณดังกล่าวสามารถมองเห็นสถาปัตยกรร ตึก อาคารที่มีความโดดเด่นสวยงาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองปอร์โต้  เมืองท่าเรือขนาดใหญ่แห่งนี้

จากบริเวณดังกล่าวสามารถมองเห็นสถาปัตยกรร ตึก อาคารที่มีความโดดเด่นสวยงาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองปอร์โต้  เมืองท่าเรือขนาดใหญ่แห่งนี้

จากบริเวณดังกล่าวสามารถมองเห็นสถาปัตยกรร ตึก อาคารที่มีความโดดเด่นสวยงาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองปอร์โต้  เมืองท่าเรือขนาดใหญ่แห่งนี้

จากบริเวณดังกล่าวสามารถมองเห็นสถาปัตยกรร ตึก อาคารที่มีความโดดเด่นสวยงาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองปอร์โต้  เมืองท่าเรือขนาดใหญ่แห่งนี้

จากบริเวณดังกล่าวสามารถมองเห็นสถาปัตยกรร ตึก อาคารที่มีความโดดเด่นสวยงาม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองปอร์โต้  เมืองท่าเรือขนาดใหญ่แห่งนี้



7.เดินข้ามสะพานดอมหลุยส์ที่ 1 มาแล้ว ก็จะเป็นสวน Jardim do Morro อีกหนึ่งในจุดชมวิวเมืองปอร์โต้ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งรับลมเย็นๆกัน 


8.แวะไปชมอาสนวิหารปอร์โต้ (The Porto Cathedral) 

8.แวะไปชมอาสนวิหารปอร์โต้ (The Porto Cathedral) 

8.แวะไปชมอาสนวิหารปอร์โต้ (The Porto Cathedral) 

8.แวะไปชมอาสนวิหารปอร์โต้ (The Porto Cathedral) 

8.แวะไปชมอาสนวิหารปอร์โต้ (The Porto Cathedral) 


8.แวะไปชมอาสนวิหารปอร์โต้ (The Porto Cathedral) ไม่ไกลจากบริเวณสะพานดอม หลุยส์ ก็ไม่พลาดไปชมอาสนาวิหารปอร์โต้  อาสนวิหารปอร์โต (โปรตุเกส: Sé do Porto) เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิกที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองปอร์โต ประเทศโปรตุเกส เป็นอนุสรณ์สถานที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง  อีกทั้งยังเป็นโบสถ์ประจำเมืองปอร์โต้ อีกทั้งยังเป็นอนุสรณ์สถานโรมาเนสก์ในท้องถิ่นที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง โบสถ์ประจำเมืองแห่งนี้สร้างตั้งแต่ราวๆปี ค.ศ. 1110 ซึ่งมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานมากเช่นกัน 


เดินแวะเลือกซื้อของฝากซึ่งมีร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโดร์รูใกล้ๆกับสะพานดอมหลุยส์ ก็มีสินค้าให้เลือกซื้อหลายอย่างเลยค่ะ

เดินแวะเลือกซื้อของฝากซึ่งมีร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโดร์รูใกล้ๆกับสะพานดอมหลุยส์ ก็มีสินค้าให้เลือกซื้อหลายอย่างเลยค่ะ

ผ้าปูโต๊ะลายกระเบื้องสีสันสดใส ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน 

หรือจะเลือกซือโมเดลรถรางจำลองขนาดเล็กๆ 

ในส่วนอาหารของกิน ไม่ได้ถ่ายรูปไว้มากนัก เดี่ยวจะหิวหนักไปกันใหญ่ ถ่ายภาพมาได้แค่มันฝรั่งบดทอด 



และก่อนจะกลับที่พัก ในช่วงเวลาสัก 1 ทุ่มครึ่ง ก็เป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้วค่ะ เวลาที่ยุโรปค่อนข้างจะมืดช้ากว่าเวลาไทยมาก เลยได้เห็นพระอาทิตย์ตกตอน 1 ทุ่มค่ะ 

ชมพระอาทิตยตกที่บริเวณ อาสนวิหารปอร์โต้ (Porto Cathedral )

โดยจุดชมพระอาทิตยต์ตก สามารถขึ้นมาชมได้ที่บริเวณโบสถ์ อาสนวิหารปอร์โต้ (Porto Cathedral ) หรือสามารถชมได้จากสะพานหลุยส์ได้เช่นกัน 


เดินเท้ากลับอีก 2.7 กิโลเมตร ไปยังโรงแรมที่พักโดยสวัสดิภาพ 

หลังจากที่ได้เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองปอร์โต้แล้ว ก็เดินเท้าจากย่านท่องเที่ยวกลับไปยังโรงแรมที่พักโดยสวัสดิภาพแบบปลอดภัย  พร้อมกับได้ออกกำลังกายไปในตัว  ถือเป็นอับจนทริปเที่ยวเมืองปอร์โต้สั้นๆในระยะเวลา 2 วัน 1 คืน


ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆคนที่แวะเวียนเข้ามาคลิ๊กเปิดสไลด์อ่านดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดๆไปค่ะ...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น