|
เดินทางแบกเป้เดินทางไกลทริปนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมาแบ่งปันทริปแบกเป้คนเดียวนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองเอดินบะระ ประเทศสก็อตแลนด์ เมืองมรดกโลกแห่งนี้ พาไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์วัยเด็กแห่งแรกของโลก |
มารายงานตัวแล้วจ้า ก่อนอื่นคุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ก็ขอสวัสดีทักทาย ซำบายดีอีหลีอยู่บ่ กับคุณผู้อ่านทุกๆคนค่ะ หลังจากที่ปล่อยให้รอนานแสนนานเป็นแรมเดือน จนเว็ปบล็อกจะร้างไปแล้ว เพราะเดี๊ยนก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานประจำ จนไม่ค่อยมีเวลามาสะส่างเขียนบล็อกท่องเที่ยวเท่าใดนัก เอาเป็นว่าพอมีวันหยุดเต็มๆ 1 วัน เลยขอมานั่งเคาะแป้นพิมพ์ นั่งอมยิ้มเป็นคนบ้า แบ่งปันบล็อกท่องเที่ยวเล็กๆน้อย ให้เพื่อนๆได้สไลด์เลื่อนอ่านกันค่ะ
และในบทความบล็อกทริปท่องเที่ยวนี้ ก็ยังวนเวียนอยู่ในประเทศอังกฤษอยู่ค่ะ เท้าความตอนเดิมจากที่ตอนที่แล้วได้พาไปเที่ยวเมืองยอร์ค เมืองเก่าแก่สวยงามอีกแห่งในประเทศอังกฤษไปแล้ว ตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2023/11/Backpack-travel-York-city.html
ทริปนี้ขอพาคุณผู้อ่านเดินทางนั่งรถไฟขึ้นไปทางเหนือของประเทศอังกฤษ นั้นก็คือเมืองเอดินบะระ หรือบางคนก็เรียก เอดินเบอระ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของประเทศสก็ตตแลนด์ โดยสก็อตแลนด์ก็เป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ใหนๆ/ก็เดินทางมาเที่ยวอังกฤษทั้งที ก็ขอไปเที่ยวชมเมืองเอดินบะระสักหน่อย เพราะเดี๊ยนเองได้ยินชื่อเสียง เรียงนามอันโด่งดังของเมืองหลวงแห่งนี้มายาวนานมาก
|
เนื่องจากเมืองเอดินเบอระ เป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่ในฉากหนังเรือง แฮรี่พอร์ตเตอร์ เลยทำให้เดี๊ยนตัดสินใจปักหมุดมาเที่ยวเมืองนี้สักครั้ง |
เหตุเนื่องจากเมืองเอดินเบอระ เป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่ในฉากหนังเรือง แฮรี่พอร์ตเตอร์ ทำให้นึกภาพเมืองที่อยู่ในนิยายเวทมนต์ของเจ้าหญิง เลยทำให้เดี๊ยนตัดสินใจปักหมุดมาเที่ยวเมืองนี้สักครั้ง และอีกอย่างเมืองแห่งนี้ ยังถูกจัดให้เป็นเมืองเป็นมิตรกับเด็กๆด้วย เนื่องจากภายในเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับเด็กมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์วัยเด็กและเรื่องเล่าของผู้คน (Museum of Childhood and People’s Story) สวนสัตว์ที่มีศูนย์การศึกษาที่เคลื่อนไหวได้จริง (Dynamic Education Centre) โลกแห่งผีเสื้อและแมลง (Butterfly & Insect World) และโลกทะเลลึก (Deep Sea World) เรียกว่ามาเที่ยวแล้วดูอ่อนวัยลงไปมากค่ะ อีกอย่างเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับพาครอบครัวและเด็กมากันด้วย
และรีวิวเรื่องเล่าทริปนี้ตั้งใจอยากไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์วัยเด็กและเรื่องเล่าของผู้คนของเมืองเอดินเบอระด้วยค่ะ เลยอยากมาแบ่งปันให้เพื่อนได้อ่านกัน แต่ก่อนที่จะไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์วัยเด็ก เรามารู้จักสาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองเอดินเบอระกันก่อนสักเล็กน้อยนะคะ
|
สาระน่ารู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเมือง เอดินบะระ ประเทศสก็อตแลนด์, สหราชอาณาจักร |
สาระน่ารู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเมือง เอดินบะระ ประเทศสก็อตแลนด์, สหราชอาณาจักร (Edinburgh, Scotland)
สำหรับเมืองเอดินบะระ บ้างก็เรียกชื่อเมืองนี้ว่า เอดินเบอระ หรือเอดินบระ แต่จะไม่ออกเสียงตามตัวอักษรอังกฤษคือ เอดินเบิร์ก เนื่องจากผู้คนที่นี้เป็นชาวสก็อตแลนด์ โดยเมืองเอดินเบอระเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของสก็อตแลนด์ รองจากเมืองกลาสโกว์ และเป็นเมืองหลวงของประเทศสกอตแลนด์ ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรฐกิจ การศึกษา และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงลำดับต้นๆของประเทศด้วย
|
เมืองเอดินบะระได้รับการยอมรับเป็นเมืองหลวงของสกอตแลนด์ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นที่ทำการของรัฐบาลสกอตแลนด์ |
โดยเมืองเอดินบะระได้รับการยอมรับเป็นเมืองหลวงของสกอตแลนด์ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นที่ทำการของรัฐบาลสกอตแลนด์, รัฐสภาสกอตแลนด์ และศาลสูงสุดสกอตแลนด์ ภายในเมืองเป็นที่ตั้งของพระราชวังฮอลีรูด ซึ่งเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของกษัตริย์อังกฤษในดินแดนสกอตแลนด์ นครเอดินบะระเป็นศูนย์กลางของการศึกษา โดยเฉพาะด้านแพทยศาสตร์และวรรณกรรม ถือเป็นเมืองศูนย์กลางทางการเงินอันดับสามในสหราชอาณาจักร (รองจากกรุงลอนดอนและเมืองกลาสโกว์) ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองดึงดูดผู้คนมากมายมาเยี่ยมชมแห่งนี้
|
โดยเมืองเอดินเบอระนี้ยังเป็นที่รู้จักจากเทศกาล Edinburgh International Festival และ Fringe ซึ่งเป็นเทศกาลศิลปะนานาชาติประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในโลก |
เมืองเอดินเบอระนี้ยังเป็นที่รู้จักจากเทศกาล Edinburgh International Festival และ Fringe ซึ่งเป็นเทศกาลศิลปะนานาชาติประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่ทางประวัติศาสตร์ในเอดินบะระ ได้แก่ ปราสาทเอดินบะระ พระราชวังฮอลีรูดเฮาส์ โบสถ์เซนต์ไจลส์ เกรย์ไฟรเออร์ส และแคนอนเกท และเมืองใหม่สไตล์จอร์เจียนอันกว้างขวางที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 จนถึง ศตวรรษที่ 19
|
ย่านเมืองเก่าและเมืองใหม่ของเอดินบะระรวมกันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก |
ย่านเมืองเก่าและเมืองใหม่ของเอดินบะระรวมกันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ซึ่งได้รับการจัดการโดยมรดกโลกเอดินบะระตั้งแต่ปี 2542
|
สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมือง ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับสองของสหราชอาณาจัก |
และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมือง ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับสองของสหราชอาณาจักร โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ 4.9 คน ล้านครั้ง รวมถึง 2.4 ล้านครั้งจากต่างประเทศในปี 2561 อีกด้วย
|
มีจุดชมวิวเนินเขาบริเวณ Nelson Monument, Edinburgh ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต้องมาเช็คอินถ่ายรูปกันด้วย |
และหลังจากที่ได้อ่านสาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองเอดินเบอระ เมืองหลวงของประเทศสก็อตแลนด์กันไปแล้ว ต่อไปคุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ก็ขอมารีวิวพาคุณผู้อ่านนั่งรถไฟเดินทางจากเมืองยอร์ค ประเทศอังกฤษ มุ่งหน้าขึ้นสู่ทางภาคเหนือเพื่อไปเที่ยวเมืองเอดินเบอระกันเลยจ้า
ต่อจากรีวิวบทความตอนที่แล้ว ปักหมุดตามแผนที่นั่งรถไฟออกจากเมืองยอร์ค ประเทศอังกฤษ มุ่งหน้าขึ้นไปเที่ยวที่เมืองเอดินเบอระ เมืองหลวงของประเทศสก็อตแลนด์ ตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2023/11/Backpack-travel-York-city.html
|
เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม จากนั้นก็เดินทางมายืนรถขึ้นรถไฟที่สถานีเมืองยอร์ค |
เริ่มต้นทริปนี้ เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม จากนั้นก็เดินทางมายืนรถขึ้นรถไฟที่สถานีเมืองยอร์ค ส่วนตั๋วรถไฟ แนะนำให้ซื้อผ่านทางออนไลน์ล่วงหน้า 2-3 วันอย่างต่ำ ราคาจะถูกกว่าจองทีเคาว์เตอร์ หรือจองใกล้ๆวันค่ะ
นั่งรถไฟออกนอกเมืองยอร์คมาก็มี่ไร่นาข้าวสาลี ดูสีเขียวขจีดีนักแลค่ะ
ระหว่างเดินทางโดยสารด้วยรถไฟช่วงที่ผ่านเมืองนิวแคทเซิล มองเห็นรุ้งกินน้ำตลอดสาย ในช่วงที่รถไฟเลียบเลาะริมชายทะเล
ผ่านสถานีรถไฟเมือง Newcastle upon Tyne
เจอน้องสายรุ้งกินน้ำข้ามผ่านมาถึงในเมือง ก็ยังมองเห็นรุ้งกินน้ำ กับภาพสะพานข้ามแม่น้ำด้วยสวยงามเชียว
ขนาดนั่งรถไฟลัดเลาะเลียบริมทะเลมา ก็ยังเจอน้องสายรุ้งกิน รู้สึกว่าน้องสายรุ้งกินน้ำมาไกลเหลือเกิน ช่วยสร้างสีสันการเดินทางรอบนี้ให้สวยงามยิ่งนัก
หากใครที่เดินทางด้วยรถไฟขึ้นมาทางภาคเหนือของอังกฤษ ก็จะได้นั่งรถไฟเลียบเลาะริมชายทะเลค่ะ วันที่เดี๊ยนไปเที่ยวเป็นช่วงฤดูร้อน ทำให้เห็นทุ่งหญ้าและน้ำทะเลรมทั้งท้องฟ้าแจ่มใสมากๆ
ส่วนบรรยากาศภายในขบวนรถไฟ ผู้โดยสารก็ทยอยลงกันหมดแล้ว ทำให้เห็นก้าวอี้และที่นั่งเหลือว่างเยอะเลยค่ะ
ใช้เวลาเดินทางนั่งรถไฟ 2 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงเมืองเอดินเบอระแล้วค่ะ
ถ่ายรูปป้ายด้านหน้าสถานีรถไฟ Edinburgh Waverley มาถึงเมืองนี้อากาศค่อนข้างเย็นกว่าที่เมืองยอร์คสักเล็กน้อยค่ะ
เดินออกจากสถานีรถไฟมา ตั้งหลักเปิด GPS เพื่อปักหมุดไปยังโรงแรมที่พักคืนนี้
|
เดี๊ยนเลือกพักที่โรงแรม st christopher inn edinburgh Hostel ซึ่งเป็นโรงแรมเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟเลยค่ะ |
ดยโรงแรมที่เลือกพักค้างในทริปนี้ เดี๊ยนเลือกพักที่โรงแรม st christopher inn edinburgh Hostel ซึ่งเป็นโรงแรมเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟเลยค่ะ อีกอย่างเป็นโรงแรมราคาถูก แนวโฮสเทล ห้องนอนรวม ห้องน้ำรวม ไม่แพงเกินไปด้วย เดินทางได้สะดวก ไม่ต้องแบกเป้หรือเดินลากกระเป๋าไปไกล
เข้ามาก็นั่งรอเช็คอินที่บริเวรล็อบบี้ของโรงแรม st christopher inn edinburgh ภายในโรงแรมตกแต่งดูทันสมัย เอาใจวัยรุ่นดีค่ะ มีเก้าอี้และโซฟาพร้อมบลั๊กไฟให้นั่งทำงานได้ด้วย
เช็คอินน์ได้กุญแจเป็นคีย์การ์ดห้องพักมาเรียบร้อยค่ะ
ซึ่งโรงแรมมีทั้งหมด 7 ชั้น ยังดีที่โรงแรมมีลิฟท์นะคะ ไม่งั้นต้องเดินแบกเป้ขึ้นเหนื่อยแน่นอนเลย
ส่วนรายละเอียดแต่ละชั้นทางโรงแรมก็เขียนป้ายติดไว้ให้ด้วย เพราะแขกที่มาพักก็หลงทางขึ้นลิฟท์ผิดชั้นบ่อย รวมถึงตัวเดี๊ยนเองด้วยค่ะ
|
โฮสเทล ห้องนอนรวม มี 6 เตียงอยู่ใน 1 ห้อง ราคาตกคืนละ 1,086 บาท |
เปิดประตูเข้ามาพัก ห้องนอนคืนนี้ เป็นห้องพักแบบโฮสเทล ห้องนอนรวม มี 6 เตียงอยู่ใน 1 ห้อง ขนาดห้องพักไม่กว้างมากนัก ค่อนข้างแออัดเล็กน้อย พอขยับตัวได้ เน้นแค่นอน ส่วนห้องน้ำแยกต่างหากค่ะ ราคาตกคืนละ 1,086 บาท
ภายในห้องพักก็มีล็อกเกอร์เป็นตรงเหล็กให้อยู่ใต้เตียงชั้นแรก
|
ในห้องพักไม่มีแอร์นะคะ มีพัดลมอันเล็กๆ ระบายอากาศให้ อากาศในห้องค่อนข้างอบอ้าวนิดนึง ต้องเปิดหน้าต่างระบายอากาศ |
ส่วนในห้องพักไม่มีแอร์นะคะ มีพัดลมอันเล็กๆ ระบายอากาศให้ อากาศในห้องค่อนข้างอบอ้าวนิดนึง ต้องเปิดหน้าต่างระบายอากาศ อีกทั้งมีกลิ่นถุงเท้าของแขกคนอื่นที่มาพักด้วย เลยต้องอดทนกับการนอนพักโรงแรมแนวโฮสเทล เพื่อจะได้ประหยัดเงินค่าที่พักค่ะ
ส่วนห้องน้ำแยกออกจากตัวห้องพักมาค่ะ เป็นห้องน้ำรวม มีห้องอาบน้ำ และห้องส้วมแยกกัน โดยห้องอาบน้ำมีทั้งหมด 4 ห้อง ถ้าจะมาอาบน้ำ ต้องมาดูว่ามีคนอื่นอาบอยู่ไหม บางครั้งคิวเต็มก็ต้องรอต่อไปค่ะ
ส่วนห้องส้วมปลดทุกข์ ซึ่งอยู่ติดๆกับห้องอาบน้ำ ก็มีแค่ 3 ห้องเองค่ะ
โดยตู้ห้องอาบน้ำ เป็นแบบฝัวบัวติดผนังด้านบน ไม่ได้เป็นสายให้จับเหมือนในเมืองไทยเราค่ะ และ มีตะขอแขวนผ้าไว้ให้ แต่ไม่ที่วางของนะคะ สำหรับนักแบกเป้คนใหนที่มาเที่ยวพักโรงแรม ก็เตรียมตัวมาให้ดีๆค่ะ
สรุปรีวิวห้องพักโดยรวม ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีค่ะ ราคาห้องพักไม่แพงมากนัก แถมอยู่ใกล้สถานีรถไฟเดินทางได้สะดวก
ส่วนร้านอาหารของโรงแรมก็สร้างอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมเลยค่ะ ซึ่งจะบริการอาหารเช้า และช่วงค่ำก็บริการอาหารเย็น หากเป็นลูกค้าโรงแรมไปใช้บริการ ก็มีส่วนลดให้ด้วย
หลังจากที่ได้เอากระเป๋าไปไว้ในห้องพักแล้ว วันนี้เดี๊ยนขอพาคุณผู้อ่านไปเดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์วัยเด็กและเรื่องเล่าของผู้คนในเมืองเอดินบะระ
|
แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองเอดินเบอระ Edinburgh tourist map |
่รูปภาพแผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองเอดินบะระ ซึ่งสามารถเดินเท้าไปได้ไม่ไกลค่ะ เพราะส่วนใหญ่คนที่นี่ก็นิยมเดินกัน
โดยจุดหมายที่จะพาไปวันนี้คือไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์วัยเด็ก ซึ่งต้องเดินผ่านถนนคนเดินย่านเมืองเก่า บรรยากาศคึกคักมากๆ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและผู้คน
|
ย่านแหล่งช็อปปิ้งและแหล่งท่องเที่ยวในเมืองเอดินเบอระ |
ช่วงที่มาเที่ยว ฝนก็ตกโปรปรายลงมาเล็กๆน้อย ทำให้อากาศที่เย็นอยู่แล้ว ก็เย็นลงไปอีกค่ะ แต่เห็นคนที่นี่ดูชิวๆกันกับอากาศที่นี่มากๆค่ะ ่
บรรยากาศอันแสนคึกคักที่ย่านถนนคนเดินเมืองเก่า มีการจัดแสดงมายากลให้ดูด้วยค่ะ
|
และในย่านเดียวก็มีพิพิธภัณฑ์ให้ไปเดินเที่ยวชมและเรียนรู้มากมายเลย |
เดินเท้าจากโรงแรมมาไม่ไกลค่ะ เพื่อไปพิพิธภัณฑ์เด็ก และในย่านเดียวก็มีพิพิธภัณฑ์ให้ไปเดินเที่ยวชมและเรียนรู้มากมายเลย
เดินมาถึงแล้วค่ะ พิพิธภัณฑ์เด็กในเมืองเอดินเบอระ ตั้งอยู่ย่านถนน the Royal Mile, in Edinburgh, Scotland
เวลาเปิดทำการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็นค่ะ
|
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์เด็กในเมืองเอดินเบอระ (Museum of Childhood (Edinburgh)) |
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์เด็กในเมืองเอดินเบอระ (Museum of Childhood (Edinburgh))
พิพิธภัณฑ์วัยเด็กเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมของเล่นและของเล่นสำหรับเด็ก ตั้งอยู่ที่ Royal Mile ในเมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในโลกที่จัดแสดงนิทรรศการด้านประวัติศาสตร์วัยเด็ก
|
เดินเข้าชมพิพิธภัณฑ์วัยเด็กเมืองเอดินเบอระด้านใน เป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ตกแต่งน่ารักมากๆ |
|
จัดแสดงของสะสมซึ่งมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ไปจนถึงศตวรรษที่ 21 เดิมเป็นผลงานของแพทริค เมอร์เรย์ (ในช่วงพ.ศ. 2451-2524) |
โดยจัดแสดงของสะสมซึ่งมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ไปจนถึงศตวรรษที่ 21 เดิมเป็นผลงานของแพทริค เมอร์เรย์ (ในช่วงพ.ศ. 2451-2524) ซึ่งท่านเป็นสมาชิกสภาเอดินบะระและนักสะสมของเล่นและของที่ระลึกในวัยเด็ก โดยได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมครั้งแรกในปี ค.ศ. 1955 (ปี พ.ศ.2498) และย้ายมาอยู่ที่บริเวณตึกปัจจุบันบนรอยัลไมล์ของเอดินบะระในปี ค.ศ. 1957 (ปี พ.ศ. 2500) ซึ่งตั้งอยู่ในที่ซึ่งเดิมเคยเป็นห้องโถงของ Salvation Army
|
โซนห้องจัดแสดงนิทรรศการของสะสมต่างๆ ด้านในพิพิธภัณฑ์วัยเด็ก ที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาอย่างน่าสนใจ |
|
Museum of Childhood (Edinburgh) |
ในปีพ.ศ. 2529 พิพิธภัณฑ์ได้ขยายไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อขยายพื้นที่ในการจัดแสดงที่มีการขึ้น โดยแบ่งห้องจัดแสดงนิทรรศการต่างๆไว้เป็นโซน ได้แก่ ตุ๊กตาหมีที่เด็กพามายังสหราชอาณาจักรโดย Kindertransport และบ้านตุ๊กตาที่มีระบบไฟส่องสว่าง อีกทั้งยังมีตุ๊กตา Queen Anne จากปี 1740
|
ของสะสมเก่าแก่ด้านในพิพิธภัณฑ์วัยเด็ก |
|
ของสะสมเก่าแก่ด้านในพิพิธภัณฑ์วัยเด็กเ้มืองเอดินเบอระ
|
ในปี พ.ศ. 2560 พิพิธภัณฑ์ได้รับการตกแต่งใหม่ครั้งใหญ่ รวมถึงการติดตั้งตู้โชว์ใหม่และไฟส่องสว่างสำหรับการจัดแสดง การปรับปรุงใหม่ยังทำให้เกิดการติดตั้งแกลเลอรีภาพถ่ายดิจิทัลใหม่ ซึ่งนำเสนอภาพรวมของการเติบโตที่เด็กๆ เติบโตตลอดศตวรรษที่ 20 ที่เปลี่ยนแปลงไป และในปี 2017 คาดว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีผู้เยี่ยมชมประมาณ 225,000 คนต่อปี และมีสิ่งของในคอลเลกชันประมาณ 60,000 ชิ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เรียนรู้วัยเด็กแห่งแรกของโลก ที่ต้องไปเยียนชมกันสักครั้ง
|
จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มี พื้นที่แบบโต้ตอบได้หลายแห่ง เพื่อส่งเสริมการเล่นในหมู่นักท่องเที่ยวอายุน้อย 10 ปี |
|
ตุ๊กตากระดาษในสมัยอดีต เป็นของสะสมที่นำมาจัดแสดงให้ได้เรียนรู้ที่มาด้วย |
จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มี พื้นที่แบบโต้ตอบได้หลายแห่ง เพื่อส่งเสริมการเล่นในหมู่นักท่องเที่ยวอายุน้อย 10 ปี การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ไม่เสียค่าใช้จ่าย และดำเนินการโดยสภาเมืองเอดินบะระ
และจุดเด่นของพิพิธภัณฑ์ที่แบ่งโซนจัดแสดงของสะสมตัั้งแต่ยุคแรกๆ ให้เด็กๆที่เข้่ามาได้เรียนรู้และศึกษาอย่างน่าสนใจ อีกทั้งยังมีจุดให้เล่นเกมส์ มีเจ้าหน้าที่ดูแล และให้คำแนะนำต่างๆด้วย
หลังจากเดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์วัยเด็กแล้ว ก็ออกไปหาอะไรอาหารรอบค่ำกันค่ะ
โดยอาหารค่ำมื้อนี้ แวะไปลิ้มลองทานอาหาร Fish & chip ที่ร้าน Bertie's proper fish & chips Edinburgh เป็นร้านที่มีชื่อเสียงมากๆ
โชคที่มาคนเดียว เลยรอโต๊ะไม่นานมากนัก เพราะปกติถ้าเป็นช่วง Peak Season หรือวันหยุดยาว ลูกค้าในร้านเยอะมากๆ บางครั้งต่อคิวกันรอทานก็มี และในเมนูอาหารนอกจากปลาทอดแล้ว ยังมีเมนูอื่นให้เลือกทานด้วย ภายในเมนูก็มีข้อมูลบอกเล่าสาระดีๆของปลาให้อ่านกันด้วย อ่านไปก็เปิด Google translate แปลไปด้วย
ส่วนน้ำดื่ม ก็สั่งพนักงานเสิรฟ์ สั่งน้ำดื่มฟรีได้ บอกว่า Tap water เด็กเสริฟที่ร้านก็ยกขวดมาให้เลยจ้า น้ำฟรี ไม่เสียตัง
|
รออาหารประมาณ 15 นาที ไม่นานนัก ก็ได้แล้วค่ะ เมนู fish & Chip ราคา 14.95 ปอนด์ |
และแล้ว เมนูที่รอคอยก็มาเสริฟสักที รออาหารประมาณ 15 นาที ไม่นานนัก ก็ได้แล้วค่ะ เมนู fish & Chip ราคา 14.95 ปอนด์ ถือว่าเป็นมื้ออาหารเย็นที่แพงที่สุดแล้ว ปกติจะซื้อกับข้าวไปทำทานที่โรงแรม แต่ะเนื่องจากโรงแรมไม่มีห้องครัวค่ะ มื้อนี้เลยเสียตังค์เยอะหน่อย
|
ปลาทอดกรอบทานจิ้มกับมายองเนส หรือน้ำสลัด เดี๊ยนเองก็ไม่ทราบ เดาๆเอาๆ ว่าจะขอน้ำจิ้มบ๊วยมาทานด้วย |
รสชาติปลาทอดทานกับมันฝรั่งถือว่าอร่อยทีเดียวค่ะ ปลาทอดกรอบทานจิ้มกับมายองเนส หรือน้ำสลัด เดี๊ยนเองก็ไม่ทราบ เดาๆเอาๆ ว่าจะขอน้ำจิ้มบ๊วยมาทานด้วย เดี๊ยนว่าที่ร้านคงจะไม่มีให้แน่ๆ แต่สรุปอาหารค่ำอร่อยดีๆ เสียอย่างเดียวคือ ทานของทอดทีไร ถ้ามีผลไม้สักหน่อยน่าจะดีเริ่ดทีเดียว
|
เดินออกจากร้านมา ฝนตกลงมาอีกแล้วค่ะ ดีที่พกร่มมาด้วย ใครที่มาเที่ยวอังกฤษ แนะนำพกร่มมาด้วยนะคะ |
ทานอาหารมื้อค่ำอิ่มแล้ว เดินออกจากร้านมา ฝนตกลงมาอีกแล้วค่ะ ดีที่พกร่มมาด้วย ใครที่มาเที่ยวอังกฤษ หรือมาเที่ยวสก็อตแลนด์ เมืองเอดินเบอระ แนะนำพกร่มติดตัวไว้ค่ะ เพราะเดี่ยวก็ฝนตก เดี่ยวก็แดดออก เผลอๆอาจจะเจอหิมะด้วยว่าไป......จบทริปรีวิวสั้นๆนั่งรถไฟจากเมืองยอร์กไปเมืองเอดินบะระ และไปชมพิพิธภัณฑ์วัยเด็กแห่งแรกของโลก
ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆคน ที่แวะเวียนเข้ามาคลิ๊กเปิดสไลด์เลื่อนดูกันค่ะ แล้วพบกันใหม่ในบทความถัดๆไปนะคะ...จากคุณนายเว่อร์
0 ความคิดเห็น