|
เก็บตกทริปรีวิวเที่ยวเดือนนี้ เพื่อไม่ให้เว็ปไซต์ร้างไป คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมารีวิวเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ เมืองลับแล เช่ารถขับชมแหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่ที่น่าสนใจ มีที่ใหนบ้างนั้น ตามไปเที่ยวกันเลยจ้า |
ทักทายคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกคนค่ะ กลับมาอีกครั้งสำหรับบทความบล็อกรีวิวพาเที่ยวประจำเดือน ที่จะมาแบ่งปันให้เพื่อนๆสายผู้รักการทัศนาจร ได้ออนซอน แวะมาสไลด์เปิดดูภาพรีวิวที่เที่ยวกัน หลังจากที่รีวิวเดือนที่แล้วพาล่องใต้ไปเที่ยวเขื่อนที่สวยที่สุดในเมืองไทยมาแล้ว เดือนนี้ขอพาล่องขึ้นภาคเหนือตอนล่างไปเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ค่ะ แต่ทริปนี้ก็มาแบกเป้ลุยเดี่ยว เที่ยวคนเดียวอีกเช่นเดิม จากทริปก่อนหน้า มีคนพ่วงไปด้วย แต่ทริปเดือนนี้ ไม่มีคนพ่วงมาด้วยแล้วจ้า
ซึ่งเมืองอุตรดิตถ์ เป็นอีกหนึ่งเมืองน่าเที่ยวต้องห้ามพลาด ที่เดี๊ยนหมายมุ่งไปเที่ยวนานแล้ว ตั้งแต่ทริปที่นั่งรถบัสไปเที่ยวจังหวัดแพร่ รอบนั้นก็ผ่านอุตรดิตถ์ เห็นแล้วว่า เมืองแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจไม่น้อย บางคนอาจมองว่า อุตรดิตถ์เป็นเมืองเล็กๆ ไม่ค่อยมีอะไรน่าเที่ยวมากนัก แต่แท้จริงแล้ว อุตรดิตถ์เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม และดึงดูดตาให้ไปเที่ยวไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะใครที่มาเที่ยวอุตรดิตถ์ แน่นอนว่าต้องไม่พลาดมาเที่ยวลับแล ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ เป็นแหล่งปลูกลางสาดรสหวาน มีโบราณสถานวัดวาอารามเก่าแก่หลายแห่ง อีกทั้งยังมีอาหารพื้นบ้านท้องถิ่นให้เลือกทาน อย่างสำราญบานใจ เรียกว่าเป็น เมืองรองที่ไม่ควรพลาดกันมาเที่ยวสักครั้ง
และในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ เดี๊ยนเลยขอปักหมุดแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวอุตรดิตถ์สักครั้ง และเป็นครั้งแรกด้วยกันที่ได้มาเที่ยวเมืองนี้ โดยวางแผนเที่ยว 3 วัน 2 คืน ด้วยการเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับตะลอน ลัดเลาะไปเช็คอินถ่ายรูปตามสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆในเมืองอุตรดิตถ์ และในอำเภอลับแล รวมทั้งขับรถไปเที่ยวชมเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนสวยงามชื่อดังของจังหวัดมาให้ได้ชมกันด้วยค่ะ ส่วนภาพรีวิวการเดินทางจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยจ้า
---- เที่ยววันแรก (Day 1) ----
|
จัดทริปเริ่มต้นแบกเป้เดินทางด้วยรถไฟสปินเตอร์ รอบ 9 โมงเช้า นั่งออกจากสถานีรถไฟหลักสี่ |
เริ่มต้นไปเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ เดินทางด้วยรถไฟสปินเตอร์ รอบ 9 โมงเช้า นั่งออกจากสถานีรถไฟหลักสี่ ซึ่งเดี๊ยนมารอที่สถานีหลักสี่ รถไฟก็มาได้ตรงเวลาทีเดียวนะคะ ตอนแรกคิดว่ารถไฟจะล่าช้า แต่รถไฟมาเร็วกว่าที่คิดไว้จ้า
โดยขบวนที่เดี๊ยนนั่งเป็นขบวนรถไฟปรับอากาศค่ะ วันที่เดินทางไปเที่ยว ทุกที่นั่งถูกจองเต็มทุกที่เลยค่ะ ครั้งแรกที่ได้นั่งรถไฟสปินเตอร์ เพราะปกตินั่งแต่รถไฟธรรมดา แบบว่าถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง แต่รถไฟขบวนนี้ถูกว่าโอเคทีเดียว
|
ราคาตั่วรถไฟ 505 บาทไปอุตรดิตถ์ ออกจากสถานีหลักสีตามเวลา เวลา 9.10 น. ถึง อุตรดิตถ์เวลา 14.20 น. |
ส่วนราคาตั่วรถไฟ 505 บาท ซึ่งจองล่วงหน้าผ่านออนไลน์มาแล้วค่ะ แนะนำว่าหากใครที่จะนั่งรถไฟด่วนพิเศษ ควรจองแต่เนิ่นๆนะคะ ถ้ามาซื้อที่สถานีรถไฟเลย ตั๋วอาจจะเต็มก็ได้ค่ะ.... ออกจากสถานีหลักสีตามเวลา เวลา 9.10 น. ถึง อุตรดิตถ์เวลา 14.20 น.
ระหว่างทางนั่งรถไฟล่องผ่านนครสวรรค์ก็เห็นน้ำท่วมท้องไร่นากว้างขวางไปทั่วบริเวณ เนื่องจากปีนี้ น้ำเหนือเยอะมาก ทำให้ไร่นาที่อยู่ใกล้แม่น้ำก็ท่วมไปหมดค่ะ น่าเห็นใจชาวนามาก ต้องให้กำลังใจสู้กันต่อไปค่ะ
|
ตอนเที่ยง อาหารบนขบวนรถไฟด่วนพิเศษ มีชุดอาหารกล่องมาเสริฟให้ทานแบบง่ายๆ |
และเมื่อเวลาใกล้เที่ยงวัน ก็มีพนักงานบริการบนขบวนรถไฟ นำอาหารมาเสริฟ เป็นชุดอาหารกล่อง มีขนม และน้ำดื่มให้ด้วย ถือว่าดีทีเดียวค่ะ
|
สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ |
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง ก็นั่งรถไฟถึงอุตรดิตถ์แล้วค่ะ
กว่าจะมาถึงก็ปาไปถึงบ่าย 3 โมงเลย ล่าช้ามากไปสักหน่อย เพราะรอรถไฟสับรางและเปลี่ยนขบวนกันที่สถานีปากน้ำโพ และที่สถานีพิษณุโลก แต่ก็ถึงเมืองอุตดิตถ์โดยปลอดภัยจ้า
|
เดี๊ยนก็นั่งวินมอเตอร์ไซต์จากสถานีรถไฟ ไปที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ ค่าวิน 60 บาทจ้า |
หลังจากที่มาถึงสถานีรถไฟ เดี๊ยนก็นั่งวินมอเตอร์ไซต์จากสถานีรถไฟ ไปที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ หรือมุ้งมิ้งรถเช่าค่ะ ซึ่งร้านเช่าตั้งอยู่ที่ชัชวาล รีสอร์ท โดยห่างไกลจากสถานีรถไฟพอสมควร ถ้าเดินเหนื่อยๆแน่ค่ะ แนะนำว่าใช้บริการวินมอเตอร์ไซต์ดีกว่า และที่ร้านเช่ารถไม่มีบริการมาส่งรถมอเตอร์ไซต์ให้ลูกค้านะคะ
ซึ่งราคานั่งวินจากสถานีรถไฟ 60 บาท มาที่ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ หรือมุ้งมิ้งรถเช่า ซึ่งเดี๊ยนเองก็ได้ติดต่อไว้ล่วงหน้าแล้วค่ะ โดยค้นหาร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์เมืองอุตรดิตถ์ใน Google ก็เห็นมีร้านเดียวค่ะ
|
ติดต่อเช่ารถมอเตอร์ไซต์ในเมืองอุตรดิตถ์ ที่ร้านมุ้งมิ้งรถเช่า วันละ 250 บาท |
ส่วนทางร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ก็มีให้เช่าหลายคัน ราคาไม่แพงมาก เริ่มต้นวันละ 250 บาท และยังมีรถยนต์ให้เช่าขับด้วย
|
มาถึงเจอน้องแมวเหมียวขี้อ้อน |
เข้ามาติดต่อเช่ารถที่ร้าน ก็มีน้องแมวเหมียว มาต้อนรับด้วยการมานัวเนีย คลอเคลียลูกค้าที่มาในร้านค่ะ
ส่วนราคาเช่ารถมอเตอร์ไซต์ของเดี๊ยนทริปนี้ค่าเช่ารถวันละ 250 บาท
ค่ามัดจำ 2000 บาท
ทางร้านจะถ่ายรูปบัตรประชาชนและใบขับขี่ไว้ ไม่ได้ยึดไปค่ะ
และน้ำมันเติมคืนเท่ากับตอนที่เช่า
มีมวกกันน๊อคให้ด้วย
|
ก็เปิด GPS ในมือถือ ขับรถสะพายกระเป๋าเป้เดินทางไปโรงแรมที่พักคืนนี้ก่อนเลยค่ะ
|
เมื่อได้รถมอเตอร์ไซต์เพื่อเช่าไว้ขับเที่ยวในเมืองอุตรดิตถ์แล้ว ก็เปิด GPS ในมือถือ ขับรถสะพายกระเป๋าเป้เดินทางไปโรงแรมที่พักคืนนี้ก่อนเลยค่ะ
|
คืนนี้นอนพักที่โรงแรม Hobby Hotel อุตรดิตถ์ |
โดยทริปนี้มาเช็คอินเข้าพักที่โรงแรมฮอบบี้ Hobby Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่จองไว้แล้ว เพื่อนอนพักทริปนี้ค่ะ
|
สภาพแวดล้อมโดยรวมของโรงแรม Hobby Hotel อุตรดิตถ์ ก็ถือว่าดีทีเดียวค่ะ มีที่จอดรถกว้างขวาง |
ซึ่งสภาพแวดล้อมโดยรวมของโรงแรม Hobby Hotel อุตรดิตถ์ ก็ถือว่าดีทีเดียวค่ะ มีที่จอดรถกว้างขวาง อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองและย่านการค้า เดินทางได้สะดวกสบายค่ะ
|
รีวิวห้องพักโรงแรม Hobby Hotel อุตรดิตถ์ ราคาห้องพักคืนละ 550 บาท รวมอาหารเช้า |
โดยราคาห้องพักตกคืนละ 550 บาท รวมอาหารเช้า 2 คน ถ้ามาคนเดียว ก็ราคาเดียวกันค่ะ สถาพห้องพักโดยรวมถือว่าดีมากค่ะ สะอาดสะอ้าน ห้องกว้างขวาง ไม่แออัด มีระเบียงให้ มีแอร์ ทีวี ตู้เย็น กาต้มน้ำร้อน น้ำดื่มฟรี มีไดร์เป่าผมให้
|
ห้องน้ำที่ห้องพักของโรงแรม Hobby |
ส่วนห้องน้ำก็แบ่งเป็นโซนเปียก โซนแห้ง มีเครื่องทำอุ่น มีสบู่ แชมพูเหลวให้ครบตามมาตรฐาน เหมาะสมกับราคา และอินเตอร์เน็ต WiFi เร็วแรงดีมาก เอาคะแนนจากเดี๊ยนไปเลย 5 ล้านดาวจ้า
|
ตัวเมืองอุตรดิตถ์ยามเย็น |
เมื่อได้รีวิวห้องพักบางส่วนที่โรงแรม Hobby Hotel และนำกระเป๋าไปไว้ในห้องพักแล้ว ก็ขับรถมอเตอร์ไซต์เดินทางไปหาอะไรกินกันต่อค่ะ
|
หาของอร่อยๆทานที่ตลาดเทศบาล 5 หน้า ม.ราชภัฏอุตรดิตถ์ |
ซึ่งจากคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ต้อนรับของโรงแรมบอกว่า หากอยากได้ของกินเยอะๆ ให้มาตลาดหน้า ม.ราชภัฎอุตรดิตถ์ หรือว่าตลาดสุขาภิบาล 5 มีอาหารการกินให้เลือกมากมายหลายอย่าง
เดี๊ยนเลยตัดสินใจขับรถมาหาอะไรกินที่ตลาดแห่งนี้ และช่วงเย็นๆ ผู้คนก็คึกคักมากๆด้วย
บรรยากาศตลาดเย็นๆช่วงเลิกงาน คนก็ออกมาหาอะไรทานกันเยอะทีเดียวค่ะ
|
พยายามเดินหาอาหารพื้นบ้านท้องถิ่นขึ้นชื่อของทีนี่ มีร้านขายพันแคบหมู และพันหมี่ขายด้วย |
มาถึงอุตรดิตถ์ทั้งที ก็พยายามเดินหาอาหารพื้นบ้านท้องถิ่นขึ้นชื่อของทีนี่ มีร้านขายพันแคบหมู และพันหมี่ขายด้วย
|
ลองสั่งมาทานสักชุดค่ะ ชุดละ 20 บาท และสั่งอาหารอย่างอื่นมาทานแนมคู่กันด้วย อร่อยดีค่ะ ทานอิ่มท้อง จัดเป็นอาหารมื้อเย็น |
เดี๊ยนเลยไม่พลาดลองสั่งมาทานสักชุดค่ะ ชุดละ 20 บาท และสั่งอาหารอย่างอื่นมาทานแนมคู่กันด้วย อร่อยดีค่ะ ทานอิ่มท้อง จัดเป็นอาหารมื้อเย็น และพักผ่อนเข้านอน จบทริปไป 1 วันจ้า
---------------เที่ยววันที่ 2 (Day 2)-------------
อรุณเบิกฟ้าเช้าวันใหม่ ตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย ออกมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมกันค่ะ
โดยที่โรงแรมก็มีไลน์อาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ให้ทานแบบง่ายๆค่ะ
|
อาหารเช้าที่โรงแรม hobby มีโจ๊กและข้าวสวย มีขนมปังปิ้ง ขนมเบเกอรี่ เครื่องดื่ม |
มีโจ๊กหมู มีข้าวสวย และมีอาหารคาวใหเลือกทานอยู่ 4 อย่าง ถือว่าดีทีเดียวค่ะ เหมาะกับราคาห้องพักมากๆ ห้องพักไม่แพง แถมมีอาหารเช้าให้ทานแบบบุฟเฟ่ต์ด้วย
|
ไลน์อาหารเช้าของโรงแรม Hobby อาหารไทยๆ ทานอิ่มท้องดีค่ะ แต่เสียดายไม่มีผลไม้ ถ้ามีจะเริ่ดมากๆ |
โดยอาหารเช้ามื้อนี้ที่โรงแรม Hobby มีต้มจืดหมูใส่ผัดกาดดอง มีแคมหมูผัดพริกขิง ผัดวุ้นเส้นหมูยอ และมีผัดกระเพราะหมู มีไข่ต้ม ยังมีขนมเบเกอรี่ ขนมปังปิ้ง ชา กาแฟ เครื่องดื่มให้ แต่เสียดาย โรงแรมขาดผลไม้ ถ้ามีผลไม้ด้วยจะเป็นการดี และเริ่ดมากๆ
|
ทานอาหารเช้าที่โรงแรม Hobby Hotel เติมพลังก่อนออกเดินทางไปเที่ยว |
โดยมื้อนี้ เดี๊ยนเลยเติมพลังทานอาหารมื้อเช้าไปแค่หอมปาก หอมคอ ส่วนสัปปะรดนั้น เดี๊ยนซื้อจากตลาดมาเมื่อวานตอนเย็น ก็เลยใส่กล้องไว้ นำมาทานล้างปากอาหารคาวมื้อเช้าค่ะ
หลังจากที่ทานอาหารมื้อเช้าอิ่มแล้ว ก็วางแผนเตรียมตัวขับรถตะลอน แวะเช็คอินตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองอุตรดิตถ์ที่น่าสนใจกันเลย
|
แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในจังหวัดอุตรดิตถ์ |
โดยที่โรงแรมก็มีแผ่นพับโบว์ชัวร์แนะนำแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์หลายแห่งที่ต้องไปเช็คอินถ่ายรูปภาพกัน แต่ด้วยระยะเวลามาเที่ยวโปรแกรมทัวร์อุตรดิตถ์ทริปนี้ เดี๊ยนมีเวลาจำกัด ก็เลยเน้นเที่ยวเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นและที่เที่ยวใกล้เมืองอุตรดิตถ์เท่านั้น โดยเฉพาะหากมาเที่ยวอุตรดิตถ์ ก็ไม่พลาดไปเที่ยวเมืองลับแล เมืองเก่าแก่ขับรถไปเที่ยวเช้าไปเย็น-กลับจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ได้ไม่ไกล
นักเดินทางหลายคนที่มาเที่ยว มักมองว่าหากมาเที่ยวอุตรดิตถ์ ต้องไปลับแลเท่านั้น แต่ในตัวเมืองอุตรดิตถ์ ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ต้องไปเช็คอินถ่ายรูปเช่นกัน ในตอนเช้า เดี๊ยนเลยปักหมุดแวะไปเที่ยวในตัวเมืองอุตรดิตถ์ ก่อนจะแวะไปเที่ยวเมืองลับแลค่ะ
|
1.จุดที่เที่ยวแรกในเมืองอุตรดิตถ์ที่ใครมาเมืองนี้ ก็ไม่พลาดมาเช็คอินกันคือ มากราบสักการะอนุสาวรีย์เจ้าพระยาพิชัยดาบหัก (Phraya Phichai Dab Hak Monument - Uttaradit) |
|
1.จุดที่เที่ยวแรกในเมืองอุตรดิตถ์ที่ใครมาเมืองนี้ ก็ไม่พลาดมาเช็คอินกันคือ มากราบสักการะอนุสาวรีย์เจ้าพระยาพิชัยดาบหัก (Phraya Phichai Dab Hak Monument - Uttaradit) |
|
1.จุดที่เที่ยวแรกในเมืองอุตรดิตถ์ที่ใครมาเมืองนี้ ก็ไม่พลาดมาเช็คอินกันคือ มากราบสักการะอนุสาวรีย์เจ้าพระยาพิชัยดาบหัก (Phraya Phichai Dab Hak Monument - Uttaradit) |
1.จุดที่เที่ยวแรกในเมืองอุตรดิตถ์ที่ใครมาเมืองนี้ ก็ไม่พลาดมาเช็คอินกันคือ มากราบสักการะอนุสาวรีย์เจ้าพระยาพิชัยดาบหัก ซึ่งประดิษฐานตั้งอยู่ที่หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์
โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติประวัติในความกล้าหาญ รักชาติและเสียสละ เมื่อครั้งพระยาพิชัยครองเมืองพิชัยในสมัยธนบุรี ท่านได้สร้างเกียรติประวัติไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อปี พ.ศ. 2316 พม่ายกทัพมาตีเมืองพิชัย พระยาพิชัย ได้ยกทัพไปสกัดทัพพม่าจนแตกพ่ายกลับไป การรบในครั้งนั้น ดาบคู่มือของพระยาพิชัยข้างขวาได้หักไปหนึ่งเล่ม แต่ก็ยังสามารถรบจนได้ชัยชนะเหนือทัพพม่า ด้วยวีรกรรมดังกล่าวท่านจึงได้สมญานามว่า "พระยาพิชัยดาบหัก" อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้รับการออกแบบและหล่อโดยกรมศิลปากร ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ (เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://thai.tourismthailand.org/Attraction/อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก)
|
2.พิพิภัณฑ์เหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก |
|
2.พิพิภัณฑ์เหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก |
|
2.พิพิภัณฑ์เหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก |
|
2.พิพิภัณฑ์เหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก |
2.พิพิภัณฑ์เหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก
ตั้งอยู่ใกล้กับลานอนุสาวรีย์เจ้าพระยาพิชัยดาบหัก ภายในบริเวณมีพิพิธภัณฑ์ดาบเหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก อันเป็นที่เก็บรักษาดาบเหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนัก 557.8 กิโลกรัม ฝักดาบทำด้วยไม้ประดู่ ฝังลวดลายมุกหุ้มปลอกเงินสลักลาย และพิพิธภัณฑ์พระยาพิชัยดาบหัก ที่ภายในเก็บรวบรวมประวัติของพระยาพิชัยดาบหัก แบบจำลองสนามรบ วิถีชีวิตผู้คนเมืองอุตรดิตถ์ในสมัย อยุธยาตอนปลาย ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยโบราณ จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ในตัวเมืองอุตรดิตถ์ที่น่าสนใจอีกแห่งที่ต้องแวะเข้าไปเที่ยวชมกัน
|
3.วัดท่าถนน (Wat Tha Thanon- Uttaradit)
|
|
3.วัดท่าถนน (Wat Tha Thanon- Uttaradit) วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานหลวงพ่อเพ็ชร |
|
3.วัดท่าถนน (Wat Tha Thanon- Uttaradit) วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานหลวงพ่อเพ็ชร |
|
3.วัดท่าถนน (Wat Tha Thanon- Uttaradit) วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานหลวงพ่อเพ็ชร |
3.วัดท่าถนน (Wat Tha Thanon- Uttaradit) วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานหลวงพ่อเพ็ชร
อีกหนึ่งที่เที่ยวสำคัญในตัวเมืองอุตรดิตถ์ และจัดเป็นวัดเก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองอุตรดิตถ์มาอย่างยาวนาน ใครแวะมาเที่ยวเมืองอุตรดิตถ์ ก็ไม่พลาดไปกราบสักการะกัน แต่เดิมชื่อ วัดวังเตาหม้อ อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ ประดิษฐานหลวงพ่อเพ็ชร พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์ 1 หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ ในบริเวณวัดมีอาคารศิลปะแบบตะวันตก สร้างเมื่อ พ.ศ. 2474 เป็นโรงเรียนปริยัติธรรมและภาษาบาลีของพระภิกษุสามเณรในเมือง มีลักษณะสถาปัตยกรรมสวยงาม และอุโบสถซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังซึ่งได้รับยกย่องว่าสวยงามที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์
โดยสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดท่าถนนคือ หลวงพ่อเพ็ชรเป็นพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร ศิลปะเชียงแสนสิงห์หนึ่ง หน้าตักกว้าง 32 นิ้ว มีพุทธลักษณะงดงามมาก ชาวอุตรดิตถ์นับถือว่า เป็นพระพุทธรูปสำคัญประจำเมืองอุตรดิตถ์ มีงานนมัสการประจำปีในวันกลางเดือนสี่ของทุกปี
เดินทางออกนอกเมืองไปเที่ยวต่อยังเมืองลับแล ระหว่างทางขับผ่านทุ่งนาที่กำลังออกรวงข้าวสีเขียวสดใส ตัดกับท้องฟ้างดงามยิ่งนัก
|
4.ถ่ายรูปเช็คอินซุ้มประตู เมืองลับแล ที่เที่ยวโด่งดังที่ใครก็ห้ามพลาดมาเช็คอินกัน (Laplae City Gate)
|
|
4.ถ่ายรูปเช็คอินซุ้มประตู เมืองลับแล ที่เที่ยวโด่งดังที่ใครก็ห้ามพลาดมาเช็คอินกัน (Laplae City Gate)
|
|
4.ถ่ายรูปเช็คอินซุ้มประตู เมืองลับแล ที่เที่ยวโด่งดังที่ใครก็ห้ามพลาดมาเช็คอินกัน (Laplae City Gate)
|
|
4.ถ่ายรูปเช็คอินซุ้มประตู เมืองลับแล มีอนุสาวรีย์แม่ม่าย เมืองลับแล (Laplae City Gate) |
|
4.ถ่ายรูปเช็คอินซุ้มประตู เมืองลับแล ที่เที่ยวโด่งดังที่ใครก็ห้ามพลาดมาเช็คอินกัน (Laplae City Gate)
|
|
4.มาเช็คอินถ่ายรูปซุ้มประตู เมืองลับแล เขตห้ามพูดโกหก |
4.มาเช็คอินถ่ายรูปซุ้มประตู เมืองลับแล ที่เที่ยวโด่งดังที่ใครก็ห้ามพลาดมาเช็คอินกัน (Laplae City Gate)
โดยเมืองลับแลอยู่ห่างจากเมืองอุตรดิตถ์ประมาณ 8 กิโลเมตรเท่านั้น โดยซุ้มประตูเมืองลับแล เป็นซุ้มประตูเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองลับแล ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นศิลปะประยุกต์แบบสุโขทัยมีขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 41 เมตร ออกแบบโดยกรมศิลปากร ที่ด้านข้างของซุ้มประตูมีประติมากรรมรูปปั้นหญิงสาวยืนอุ้มลูกน้อยสีหน้าเศร้าสร้อย ข้าง ๆ มีสามีนั่งก้มหน้าในมือถือถุงย่ามใส่ขมิ้นเตรียมเดินทางออกจากเมืองลับแล ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์คู่เมืองลับแลมาอย่างยาวนาน ที่ใครแวะมาเที่ยวก็ต้องมาถ่ายรูปภาพกัน และที่ด้านข้างประตู มีอนุสาวรีย์แม่ม่ายเมืองลับแล เป็นรูปปั้นหญิงสาวอุ้มลูกน้อย ข้าง ๆ มีสามีนั่งคอตก ในมือถือย่ามใส่ขมิ้น บริเวณฐานจารึกข้อความ "ขอเพียงสัจจะวาจา" ลัญลักษณ์สำคัญของเมืองลับแล เมืองที่มักถูกเรียกกันติดปากว่า ลับแล-แม่ม่าย (เครดิต : https://www2.uttaradit.go.th/travel/detail/3 )
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum)
ใกล้กับซุ้มประตูลับแล ก็ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกแห่งนั้นก็คือ พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล ซึ่งเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ขนมธรรมเนียมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิถีชีวิตชุมชนของเมืองลับแลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน รวมทั้งผลงานของพระศรีพนมมาศ ท่านมียศเป็นอำมาตย์ตรี ดำรงตำแหน่งเกษตรมณฑลพิษณุโลก ซึ่งท่านได้สร้างความเจริญให้แก่อำเภอลับแลเป็นอย่างมาก เช่น วางผังเมืองลับแล สร้างฝายหลวง พัฒนาการศึกษา และส่งเสริมการเกษตร จึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวลับแลมาจนปัจจุบัน ภายในพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยลานกิจกรรม วัฒนธรรม ประเพณี อาคารพิพิธภัณฑ์บ้านพระศรีพนมมาศ เรือนจำลองของเมืองลับแลในอดีต อาคารจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก ร้านอาหารพื้นบ้านให้ทาน และยังมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ให้เข้าไปสอบถามข้อมูลด้านการเดินทางด้วย (เครดิตดีๆ https://thai.tourismthailand.org/Attraction/พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล )
และเมื่อเดินเที่ยวพิพิธภัณฑ์แล้ว ใกล้ๆกันก็มีร้านอาหารพื้นบ้านให้ไปลิ้มลองทานกันด้วย พอดีช่วงเที่ยงเลยแวะมาทานเมนูข้าวพันผัก ซึ่งเป็นเมนูท้องถิ่นของคนแถบนี้ ซึ่งมีให้ทานได้เฉพาะย่านอุตดิตถ์ สุโขทัยเท่านั้นนะคะ
|
แม่ค้ากำลังทำข้าวพันผัก ดูแล้วเหมือนก๋วยเตี่ยวปากหม้อเลยค่ะ |
เข้ามาที่ร้านฮิมคลองลับแล ก็เห็นแม่ค้ากำลังทำข้าวพันผัก ดูแล้วเหมือนก๋วยเตี่ยวปากหม้อเลยค่ะ
ราคาเมนูอาหารให้เลือกทานหลายเมนู เป็นเมนูก๋วยเตี๋ยว
|
เลยเลือกทานเมนู พันผักใส่ไข่ และพันพริกมาทาน โดยมีน้ำจิ้ม รสชาติเหมือนน้ำจิ้มแจ๋วอีสานเลยค่ะ |
|
ทานเมนูพื้นบ้านประจำท้องถิ่นของเมืองลับแล นั่งร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ดูวิวทุ่งนาไปค่ะ |
โดยมื้อเที่ยงนี้ เดี๊ยนขอทานเบาๆค่ะ เน้นคาร์โบไฮเดรตกับผักอย่างเดียว เลยเลือกทานเมนู พันผักใส่ไข่ และพันพริกมาทาน โดยมีน้ำจิ้ม รสชาติเหมือนน้ำจิ้มแจ๋วอีสานเลยค่ะ รสอร่อยดี ตอนแรกคิดว่าต้องคล้ายข้าวเปรียบปากหม้อญวน แต่ก็ไม่เหมือนซ่ะทีเดียว
ขับรถผ่านซุ้มประตูเข้ามา ก็แวะจอดถ่ายรูปเช็คอินสักหน่อย
|
ในตัวเมืองลับแล มีลานอนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ |
โดยบริเวณในตัวเมืองลับแล มีลานอนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ
และมีภาพเขียนฝาผนังจุดถ่ายรูปน่ารักๆ ให้มาเช็คอินถ่ายภาพสวยๆกันด้วย
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
6.วัดดอนสัก-ลับแล (Donsak Temple Laplae) หนึ่งในวัดเก่าแก่ของเมืองลับแล โบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงาม 1 ใน 3 คู่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา วิหารที่สร้างด้วยไม้สักเพียงต้นเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่
โดยวัดดอนสักนี้ ตั้งอยู่ในตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ชื่อมาจากการสร้างวิหาร ด้วยไม้สักเพียงต้นเดียว ที่ขึ้นอยู่บนเนินสูงตามธรรมชาติ เป็นวิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงาม 1 ใน 3 คู่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ คือ บานประตูวิหารวัดพระฝาง, บานประตูพระวิหารวัดพระแท่นศิลาอาสน์ และบานประตูวิหารวัดดอนสัก ซึ่งประตูวัดดอนสักนี้เป็น 1 ใน 2 คู่ บานประตูสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน บานประตูวิหารวัดดอนสัก สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีลวดลายสวยงามวิจิตรการตาติดตั้งเป็นบานประตูสำหรับวิหารวัดดอนสักสถาปัตยกรรมเชียงแสนปนสุโขทัย บรรยากาศภายในวัดร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ เย็นสบาย ช่วงหน้าฝน ปกถูกปกคลุมไปด้วยมอสสีเขียวขึ้น แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ และอากาศภายในวัดที่เย็นสบายตลอดทั้งปี (เครดิตดีๆ : https://www.facebook.com/ut24hrs/posts/2689283567795944/)
|
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ |
|
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ |
|
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ |
|
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ |
|
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ |
|
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ |
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ
เดินทางออกจากวัดดอนสักมาไม่ไกล ก็เป็นที่ตั้งของวัด ท้องลับแล เป็นวัดเก่าแก่ สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ โดยพระสมชายที่มาบวชที่วัดเมื่อ พ.ศ. 2554 เป็นผู้พบภาพดังกล่าวขณะที่เข้าไปทำวัตรภายในโบสถ์ที่ปิดประตูและหน้าต่าง ช่วงเวลาที่จะชมภาพหัวกลับได้อย่างชัดเจนคือ วันที่มีแสงแดดจัด ช่วงเวลา 13.00-16.00 น.
โดยภายในโบสถ์ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นเรื่องตำนานและวิถีชีวิตของชาวลับแล มีเรื่องเล่าว่า หมอภูมินทร์ ซึ่งเป็นทันตแพทย์ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ได้ฝันเห็นเจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร ปฐมกษัตริย์แห่งนครลับแลมาบอกว่า มีผู้พบภาพหัวกลับภายในโบสถ์ คุณหมอจึงได้เดินทางมาพิสูจน์ และได้เห็นภาพปรากฏขึ้นจริงตามที่เจ้าฟ้าฮ่ามมาเข้าฝัน จึงเกิดความศรัทธาและสร้างเจดีย์แก้วขึ้นบริเวณข้างพระอุโบสถ นอกจากนี้ยังมีหอไตรโบราณกลางน้ำอายุหลายร้อยปี สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
|
8.วัดเจดีย์ศรีวิหาร หรือวัดป่าแก้ว (Wat Chedisriwihan Laplae) มีพระเจดีย์โบราณซึ่งเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ |
|
8.วัดเจดีย์ศรีวิหาร หรือวัดป่าแก้ว (Wat Chedisriwihan Laplae) มีพระเจดีย์โบราณซึ่งเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ |
|
8.วัดเจดีย์ศรีวิหาร หรือวัดป่าแก้ว (Wat Chedisriwihan Laplae) มีพระเจดีย์โบราณซึ่งเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ |
|
8.วัดเจดีย์ศรีวิหาร หรือวัดป่าแก้ว (Wat Chedisriwihan Laplae) มีพระเจดีย์โบราณซึ่งเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ |
8.วัดเจดีย์ศรีวิหาร หรือวัดป่าแก้ว (Wat Chedisriwihan Laplae) มีพระเจดีย์โบราณซึ่งเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน วัดเจดีย์คีรีวิหาร ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ห่างจากตัวจังหวัด 10 กิโลเมตร วัดนี้เดิมมีชื่อว่า "วัดป่าแก้ว" สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 1519 โดยเจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร ปฐมกษัตริย์แห่งนครลับแลโบราณ ภายในวัดมีพระเจดีย์โบราณซึ่งเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งขอแบ่งมาจากพระมหาชินธาตุเจ้า (พระธาตุดอยตุง) จังหวัดเชียงราย ถือกันว่าพระเจดีย์แห่งนี้เป็นพระบรมธาตุเจดีย์แห่งแรก ในอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ปัจจุบันกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นโบราณสถานของชาติ (เครดิตดีๆ https://th.wikipedia.org/wiki/วัดเจดีย์คีรีวิหาร )
|
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งของอุตรดิตถ์ |
|
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์ |
|
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์ |
|
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์ |
|
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอุตรดิตถ์ |
|
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอุตรดิตถ์ |
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market ) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งของอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นแหล่งขายทุเรียงหลงหลินลับแล หรือว่าลางสาดหวานเด็ด ผลไม้ประจำท้องถิ่นอันลือชื่อของทีนี้ก็ว่าได้ ซึ่งจะขายส่งแบบยกเข่ง ลูกค้าที่มาซื้อส่วนใหญ่ก็มักนิยมซื้อยกเข่งและนำไปขายต่อ ส่วนนักท่องเที่ยวคนใหนที่แวะมาตลาดหัวดง และอยากซื้อในราคาปลีก อาจต้องสอบถามพ่อค้า แม่ค้า ซึ่งมีบางร้านที่ขายผลไม้ปลีกให้ลูกค้าได้เช่นกัน แต่ราคาอาจจะแพงกว่าราคาขายส่งนิดหน่อยค่ะ
|
เส้นทางหลวงไปสิ้นสุดที่ปลายทางน้ำตกแม่พูล |
ขับรถมอเตอร์ไซต์ ออกจากตลาดหัวดง ก็ไปเที่ยวกันต่อค่ะ ยังน้ำตกแม่พูล ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของอำเภอลับแล และเป็นที่เที่ยวทางธรรมชาติ อยู่ไม่ไกลจากเมืองอุตรดิตถ์ ขับรถมานิดหน่อยถึงแล้วจ้า บรรยากาศโดยรอบ แวดล้อมไปด้วยเทือกเขาและป่าไม้เขียวชอุ่ม มีแต่สวนผลไม้ของชาวเมืองลับแล อย่างลางสาด ซึ่งออกผลดกในช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม ใครแวะมาก็ต้องลิ้มลองทานกันค่ะ
|
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์
|
|
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์
|
|
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์
|
|
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์ |
|
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์ |
|
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์ |
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์ เป็นน้ำตกที่ทางจังหวัดสร้างขึ้นโดยการตกแต่งลำธาร โดยการเทปูน มีความสูงหลายชั้น มีลักษณะเป็นฝายน้ำล้น ไหลจากภูเขาสูง ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น เย็นสบาย และใกล้บริเวณน้ำตกยังมีสวนลางสดอันเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของอุตรดิตถ์อีกด้วย เป็นสถานที่ที่ใกล้ตัวเมืองและมีถนนเข้าถึงอย่างสะดวกสบาย และมีนักท่องเที่ยวเดินทางกันมาอย่างไม่ขาดสาย ระหว่างทางที่ขับรถผ่านมายังเส้นทางน้ำตก ก็จะผ่านสวนผลไม้ขึ้นชื่อของถิ่นลับแล อย่างสวนทุเรียนหลงหลินลับแล และสวนลางสาด บริเวณโดยรอบน้ำตก มีร้านค้าของที่ระลึก มีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อนชมทิวทัศน์น้ำตกแม่พูลอย่างเด่นชัด เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ
|
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) |
|
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) อีกหนึ่งที่เที่ยวไม่ควรพลาด และไม่ใช้แค่ทางผ่านไปยังตลาดหัวดงและน้ำตกแม่พูลเท่านั้น แต่ด้านบนเนินเขาแห่งนี้ ประดิษฐานพระเหลือ พระพุทธรูปที่สร้างจากทองชนวน ที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช |
|
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) อีกหนึ่งที่เที่ยวไม่ควรพลาด และไม่ใช้แค่ทางผ่านไปยังตลาดหัวดงและน้ำตกแม่พูลเท่านั้น แต่ด้านบนเนินเขาแห่งนี้ ประดิษฐานพระเหลือ พระพุทธรูปที่สร้างจากทองชนวน ที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช |
|
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) อีกหนึ่งที่เที่ยวไม่ควรพลาด และไม่ใช้แค่ทางผ่านไปยังตลาดหัวดงและน้ำตกแม่พูลเท่านั้น แต่ด้านบนเนินเขาแห่งนี้ ประดิษฐานพระเหลือ พระพุทธรูปที่สร้างจากทองชนวน ที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช |
|
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) อีกหนึ่งที่เที่ยวไม่ควรพลาด และไม่ใช้แค่ทางผ่านไปยังตลาดหัวดงและน้ำตกแม่พูลเท่านั้น |
|
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) อีกหนึ่งที่เที่ยวไม่ควรพลาด และไม่ใช้แค่ทางผ่านไปยังตลาดหัวดงและน้ำตกแม่พูลเท่านั้น แต่ด้านบนเนินเขาแห่งนี้ ประดิษฐานพระเหลือ พระพุทธรูปที่สร้างจากทองชนวน ที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช |
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) อีกหนึ่งที่เที่ยวไม่ควรพลาด และไม่ใช้แค่ทางผ่านไปยังตลาดหัวดงและน้ำตกแม่พูลเท่านั้น แต่ด้านบนเนินเขาแห่งนี้ ประดิษฐานพระเหลือ พระพุทธรูปที่สร้างจากทองชนวน ที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช ครั้งรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสผ่านเมืองลับแล มีพระราชประสงค์ที่จะใช้ม่อนจำศีล เป็นที่ประดิษฐานองค์พระเหลือ เพื่อให้ประชาชนได้เคารพสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล บริเวณม่อนจำศีลมีทางเดินบันไดพญานาคขึ้นไปยังศาลาที่ประดิษฐานพระเหลือ
ประวัติม่อนจำศีล ถือกำเนิดเกิดขึ้นเมื่อครั้งปี พ.ศ.2444 เมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสเมืองลับแล เจ้าอาวาสวัดทุ่งยั้งในขณะนั้น ได้นำคณะสงฆ์ของเมืองลับแล มาจำศีลภาวนาเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อรอรับเสด็จและทำพิธีสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ม่อนแห่งนี้จึงได้ขนานนามว่า ม่อนจำศีล
|
ตอนบ่ายแก่ๆ ก็เดินทางไปเที่ยวไหว้พระกันต่อค่ะ |
แวะออกจากม่อนจำศีล ช่วงบ่ายแก่ๆ ก็เดินทางไปเที่ยวไหว้พระกันต่อค่ะ
|
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) |
|
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) |
|
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) |
|
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) |
|
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) |
|
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) |
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) อีกหนึ่งวัดเก่าแก่สำคัญในเมืองลับแล ที่ใครก็ไม่พลาดมากราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลกัน
สำหรับวัดพระแท่นศิลาอาสน์ เดิมชื่อ วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ที่บนเนินเขาเต่า หรือเขาทอง บ้านพระแท่น ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ติดกับวัดพระยืนพุทธบาทยุคล ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก บนเนินเขาลูกเดียวกันแต่คนละยอดกันเท่านั้น
วัดพระแท่นศิลาอาสน์เป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดสร้าง และสร้างแต่เมื่อใด ในศิลาจารึกครั้งกรุงสุโขทัยไม่ปรากฏข้อความกล่าวถึงพระแท่นศิลาอาสน์ แต่เพิ่งมีปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดาร ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระองค์ได้เสด็จนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ เมื่อปี พ.ศ. 2283 ได้แสดงว่าพระแท่นศิลาอาสน์ได้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว จนเป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วไปอย่างกว้างขวาง และทางราชการได้นำพระแท่นศิลาอาสน์ไปประดิษฐานไว้ในตราประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ แสดงถึงความศรัทธาเลื่อมใสและความสำคัญขององค์พระแท่นศิลาอาสน์ได้เป็นอย่างดี (เครดิตดีๆ : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดพระแท่นศิลาอาสน์ )
|
ป้ายบอกทางแหล่งท่องเที่ยวในอุตรดิตถ์ เมืองลับแล |
เดินทางออกจากวัดพระแท่นศิลาอาสน์ ไปเที่ยวกันต่อค่ะ
|
ขับรถออกจากวัดพระแท่นศิลาอาสน์มาไม่ไกล ก็แวะซื้อข้าวหลามป้ามาลี เจ้าดังที่เปิดขายมานานแล้ว |
ระหว่างทางเจอร้านขายข้าวหลามแม่มาลี น่าจะเป็นข้าวหลามเจ้าอร่อยของที่นี่ค่ะ เลยแวะซื้อมาลองชิ้มสักหน่อย เห็นมีคนปอกเปลือกกระบอกข้าวหลามด้วย คงขายดีแน่ๆค่ะ
|
ข้าวหลาวเอาไปเผา เนื้อข้าวเหนียวด้านในนิ่ม ไม่แข็งกระด้าง และมันกะทิดีมากค่ะ |
จัดไปค่ะ ซื้อไปทาน 2 กระบอก ตอนแรกกะซื้อไปฝากคนที่ทำงานและที่บ้านด้วย แต่ก็เกรงว่าจะเสียระหว่างทาง เลยซื้อมาทานแค่นี้ ข้าวหลาวเอาไปเผา รสชาติเนื้อข้าวเหนียวด้านในนิ่ม ไม่แข็งกระด้าง และมันกะทิดีมากค่ะ มีให้เลือกแบบหวาน และไม่หวาน ซึ่งเป็นรสออกเค็มๆ อร่อยทีเดียว
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย
สำหรับ วัดพระบรมธาตุทุ่งยังนั้น ตั้งอยู่อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ไม่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ชาวบ้านเรียกชื่อวัดนี้ไปต่างๆกัน เป็นวัดที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองอุตรดิตถ์เพียง
โดยวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งในปัจจุบันได้รับการบูรณะซ่อมแซมบำรุงอยู่เสมอในฐานะวัดสำคัญประจำเมืองทุ่งยั้ง ซึ่งเมืองทุ่งยั้งในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีผู้คนอาศัยติดต่อกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยซึ่งพิจารณาได้จากสำเนียงการพูดของคนทุ่งยั้งเทียบกับกลุ่มคนในชุมชนชาวสุโขทัยเดิม ที่อาศัยอยู่ในแถว หมู่ที่ 10 และหลายๆ หมู่บ้านในเขตตำบลทุ่งยั้ง ที่มีประวัติชุมชนว่าเป็นกลุ่มคนที่อพยพไปตั้งบ้านเรือนที่อื่นได้ วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งยังมีประเพณีประจำปีที่สำคัญคือ ประเพณีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ทุกวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี โดยเป็นวันงานสลากภัตของวัดและจะมีการจัดแสดงพุทธประวัติตอนถวายพระเพลิงพระบรมศพด้วย (เครดิตดีๆ : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง )
|
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) |
|
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) |
|
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) |
|
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) |
|
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) |
|
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) |
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) เป็นตลาดถนนคนเดินที่เปิดทุกวันเสาร์ เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเมืองอุตรดิตถ์ได้แวะเดินเลือกซื้อสินค้า ของที่ระลึก และอาหารพื้นบ้านท้องถิ่น และอาหารคาวหวานมากมาย และมีสินค้าเสื้อผ้าพื้นเมือง เสื้อผ้าแฟชั่นน่ารักเก๋ๆ ถือเป็นอีกตลาดที่ต้องห้ามพลาดมาเที่ยวกัน
-----เที่ยววันที่ 3 วันสุดท้ายทริปเที่ยวอิตรดิตถ์ (Day 3 )--------
|
เที่ยวอุตรดิตถ์วันสุดท้ายแล้ว หลังจากทานอาหารมื้อเช้าเสร็จ ขับรถมอเตอร์ไซต์ เดินทางไกลไปที่อำเภอตรอน เพื่อไปไหว้พระอกแตก |
อรุณเบิกฟ้านกกาโบยบิน เที่ยวอุตรดิตถ์วันสุดท้ายแล้ว หลังจากทานอาหารมื้อเช้าเสร็จ ขับรถมอเตอร์ไซต์ เดินทางไกลไปที่อำเภอตรอน เพื่อไปไหว้พระอกแตก ที่วัดบ้านแก่งใต้ โดยระยะทางจากเมืองอุตรดิตถ์ไปประมาณ 25 กิโลเมตร
|
ผ่านทุ่งนาข้าวที่กำลังออกรวงเป็นสีทอง ทัศนียภาพโดยรอบสีงามมากๆค่ะ มองไปกว้างใหญ่สุดลูกตา |
ระหว่างทางขับรถมอเตอร์ไซต์ไปอำเภอตรอน ก็ผ่านทุ่งนาข้าวที่กำลังออกรวงเป็นสีทอง ทัศนียภาพโดยรอบสีงามมากๆค่ะ มองไปกว้างใหญ่สุดลูกตา ใครแวะผ่านมาก็ดูแล้วเพลิดเพลินจำเริญตาทุกครั้ง
|
15.วัดพระอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ (Wat Ban Kaeng Tai) หนึ่งในพระพุทธรูปสุด Unseen ที่ต้องมากราบสักการะกันสักครั้ง |
|
15.วัดพระอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ (Wat Ban Kaeng Tai) หนึ่งในพระพุทธรูปสุด Unseen ที่ต้องมากราบสักการะกันสักครั้ง |
|
15.วัดพระอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ (Wat Ban Kaeng Tai) หนึ่งในพระพุทธรูปสุด Unseen ที่ต้องมากราบสักการะกันสักครั้ง |
|
15.วัดพระอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ (Wat Ban Kaeng Tai) หนึ่งในพระพุทธรูปสุด Unseen ที่ต้องมากราบสักการะกันสักครั้ง |
|
15.วัดพระอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ (Wat Ban Kaeng Tai) หนึ่งในพระพุทธรูปสุด Unseen ที่ต้องมากราบสักการะกันสักครั้ง |
15.วัดพระอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ (Wat Ban Kaeng Tai) หนึ่งในพระพุทธรูปสุด Unseen ที่ต้องมากราบสักการะกันสักครั้ง
วัดบ้านแก่งใต้ เป็นวัดเก่าแก่อายุประมาณ 300 ปี แต่เดิมวัดตั้งอยู่กลางลำน้ำน่าน แต่กระแสน้ำไหลเชี่ยว ทำให้ตลิ่งพัง จึงต้องย้ายมาสร้างใหม่ในสถานที่ปัจจุบัน วัดนี้ยังเคยเป็นสถานที่ฝึกมวยของพระยาพิชัยเมื่อครั้งท่านยังเป็นเด็ก นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อเพชร" พระพุทธรูปปางสมาธิเพชร ขนาดหน้าตัก 3.80 เมตร สูง 4.50 เมตร เนื่องจากอุโบสถวัดแห่งนี้ สร้างมาประมาณ 60 ปีแล้ว เกิดการชำรุด ทางวัดจึงบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระประธานหลวงพ่อเพชร ขณะที่ช่างจากจังหวัดพิจิตรทำการซ่อมแซมองค์พระประธานอยู่นั้น ก็พบว่ามีปูนจำนวนมากหลุดร่วงออกจากบริเวณท้องของพระประธาน และพบว่ามีเศียรพระซ่อนอยู่ข้างใน ชาวบ้านจึงเรียกว่า "พระอกแตก" (เครดิตดีๆ : https://thai.tourismthailand.org/Attraction/วัดบ้านแก่งใต้)
ออกจากวัดบ้านแก่งใต้เดินทางไปเที่ยวเขื่อนสิริกิติ์ต่อ ระยะทางประมาณ 70 กว่ากิโลเมตร
ขับผ่านสะพานข้ามแม่น้ำน่าน พ.ศ.2508 สะพานประวัติศาสตร์ที่สร้างมาอย่างยาวนาน
แวะเดินลงไปยึดเส้นยึดสาย ถ่ายรูปชมวิวสักหน่อยค่ะ
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam) |
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam) |
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam) |
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam) |
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam) |
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam)
|
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam) |
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam)
สำหรับเขื่อนสิริกิติ์ หรือที่เรียกกันในชื่อท้องถิ่นว่า เขื่อนท่าปลา จัดเป็นเขื่อนดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กั้นแม่น้ำน่าน ที่ไหลลงมาจากอำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน เดิมอยู่ในความดูแลของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายหลังได้ติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงาน และมอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับผิดชอบดูแลต่อไป ทั้งนี้พื้นที่เหนือเขื่อนเป็นแอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ด้วย ระยะทางจากเมืองอุตรดิตถ์มาเที่เขื่อนสิริกิติ์ประมาณ 65 กิโลเมตร
|
มีศาลาให้นั่งพักผ่อนรับลมชมวิวสวยๆกันอย่างสบายๆ มีจักรยานให้เช่าปั่นอีกด้วย |
ภายในบริเวณสันเขื่อนสิริกิติ์ มีจุดเช็คอินชมวิวถ่ายรูป และมีศาลาให้นั่งพักผ่อนรับลมชมวิวสวยๆกันอย่างสบายๆ มีจักรยานให้เช่าปั่นอีกด้วย
|
ขับรถมอเตอร์ไซต์มาถึงเขื่อนก็บ่ายกว่าแล้วค่ะ เลยจัดอาหารง่ายๆ สไตล์ผัดกะเพรา |
กว่าจะขับรถมอเตอร์ไซต์มาถึงเขื่อนก็บ่ายกว่าแล้วค่ะ เลยจัดอาหารง่ายๆ สไตล์ผัดกะเพราทานเป็นมื้อเที่ยงไปค่ะ
บริเวณร้านอาหารสวัสดิการที่สันเขื่อนก็ขายดีมากๆ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวพอดี นักท่องเที่ยวพาครอบครัวมาเด็กๆมาเที่ยวเขื่อนกันเป็นจำนวนมาก สั่งอาหารก็ต้องรอนานเหมือนกัน
นั่งทานอาหารรับลมเย็นๆ ชมวิวทิวทัศน์โดยรอบของเขื่อนสิริกิติ์ไป บรรยากาศดีทีเดียวค่ะ ไม่เสียแรงที่ขับรถมอเตอร์ไซต์จากบ้านแก่งใต้ อำเภอตรอน มาไกลถึง เขื่อนสิริกิติ์
|
ชมนั่งชมวิวสันเขื่อนสิริกิติ์อย่างอิ่มหน่ำสำราญแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับเมืองอุตรดิตถ์แล้วค่ะ |
หลังจากได้ชมนั่งชมวิวสันเขื่อนสิริกิติ์อย่างอิ่มหน่ำสำราญแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับเมืองอุตรดิตถ์แล้วค่ะ
ระหว่างปากทางเข้าผ่านอุทยานแห่งชาติลำน้ำนาน มีตลาดปลาด้วย
|
ตลาดปลาหน้าทางเข้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน |
โดยตลาดปลาลำน้ำน่าน เป็นอีกหนึ่งตลาดเล็กๆ ตั้งอยู่ปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน มีปลาแดดเดียว และปลาตากแห้ง ผลิตภัณฑ์ของฝากขึ้นชื่อของที่นี่
|
แวะซื้อปลาแดดเดียว ที่ตลาดปลาลำน้ำน่าน |
มาถึงที่ตลาดเดี๊ยนเลยไม่พลาด ต้องซื้อปลาแดดเดียวไปฝากทีบ้าน และฝากคนที่ทำงานด้วย เพราะเห็นว่าปลาที่นี่รสชาติอร่อยๆ และเป็นปลาจากเขื่อนสิริกิติ์ด้วย
|
ปลาช่อนแดดเดียว ปลาสลิดแดดเดียว ที่ตลาดปลาลำน้ำน่าน ทำกันสดๆ ตากกันแบบนี้เลยจ้า |
เพราะปลาทีนี่ก็ทำกันแบบสดๆ ตากแดดอยู่บริเวณนี้เลยก็มี แต่ดูบรรยากาศโดยรอบแล้ว ไม่ค่อยมีฝุ่นมากนัก เพราะมีแต่ต้นไม้ใหญ่ และเป็นทางเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ น่าจะสะอาดสะอ้านอยู่พอสมควร เดี๊ยนเลยจัดซื้อชุดใหญ่ หอบใส่มอเตอร์ไซต์กลับไปเลย
|
ถึงสถานีขนส่งรถโดยสาร หรือ บขส.อุตรดิตถ์ |
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับมาเอากระเป๋าที่ฝากไว้ในโรงแรม และนำรถมอเตอร์ไซต์ไปคืนที่ร้านมุ้งมิ้งรถเช่าพร้อมรับเงินมัดจำคืน แล้วก็นั่งรถวินมอเตอร์ไซต์จากร้านเช่ามาที่สถานีขนส่ง บขส.อุตรดิตถ์ เพื่อรอขึ้นบัสกลับกรุงเทพ
|
ขึ้นรถบัสโดยสาร เดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ.... เป็นอันจบทริป เที่ยวอุตรดิตถ์ 3 วัน 2 คืน เที่ยวแบบชิลๆ ชมวิวไปเรื่อย ไหว้พระ ทำบุญ |
มาถึงสถานีขนส่ง ก็ขึ้นรถบัสโดยสาร เดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ.... เป็นอันจบทริป เที่ยวอุตรดิตถ์ 3 วัน 2 คืน เที่ยวแบบชิลๆ ชมวิวไปเรื่อย ไหว้พระ ทำบุญ ชมเขื่อนสวย และป่าไม้เขียวชอุ่ม เมืองอุตรดิตถ์เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ไม่ควรพลาดกันมาเที่ยวกันสักครั้งค่ะ...
สำหรับเพื่อนๆคนใหน ที่ยังไม่เคยมาอุตรดิตถ์ ก็ปักหมุดมาเที่ยวกันดูนะคะ รับรองว่ามีจุดเช็คอินและที่เที่ยวเปิดใหม่ในอุตรดิตถ์ให้ไปถ่ายรูปหลายแห่งเลยล่ะค่ะ มากันเยอะนะคะ เศรษฐกิจจะได้คึกคัก
ขอบพระคุณผู้อ่านทุกคน ที่เข้ามาคลิ๊กสไลด์เลื่อนเปิดอ่านดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในบทความถัดๆไปนะคะ
-------------------------------------
บทความบล็อกรีวิวเที่ยวเมืองอื่นๆ มีดังนี้
0 ความคิดเห็น