Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

มาม๊ะ มาเที่ยวเมืองกาญจนบุรี นั่งรถไฟย้อนวันวาน ชมเมืองประวัติศาสตร์สงคราม ตามลำแม่น้ำแคว มีที่เที่ยวให้แลชม อย่างน่าภิรมย์ใจ

กลับมาเปิดเมืองเที่ยวอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เว็ปไซต์ร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมารีวิวพาไปเที่ยวย้อนวันวาน นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองกาญจนบุรี แวะฉิมพลีตามสถานที่ต่างๆ มีที่เที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกันค่ะ




ก็ขอสวัสดีทักทาย ซำบายดีคุณผู้อ่านที่น่ารักสดใส และเพื่อนๆเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนกันทุกๆคนค่ะ กลับมาอีกครั้งสำหรับบทความบล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน ที่จะมาบอกเล่าเก้าสิบ แบ่งปันรีวิวเดินทางไปเที่ยวโน้นนี้นั้น ให้ได้อ่านฆ่าเวลากันค่ะ หลังจากที่ต้องกักตัวอยู่บ้านนานแสนนาน จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ปิดกันไม่รู้กี่รอบ 



พอมีข่าวการเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางออกไปเที่ยวได้ จัดทริปแบกเป้ในช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาวปีนี้ เดี๊ยนเลยขอจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ ขอนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองกาญจนบุรีอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ไปเที่ยวนานมากๆค่ะ จำได้ว่าไปเที่ยวเมืองกาญจนบุรีแบบจริงจังเมื่อปี 2553  ครั้งนั้นไปกับเพื่อนสาวพราวเสน่ห์ นั่งรถไฟสวยเก๋ ไปแบบเท่ห์ ลงไปเดินเอ้เล้ เที่ยวเล่นสุดปลายที่สถานีน้ำตกไทรโยคน้อย เรียกว่า งามหยดย้อย หยาดเหยิ้ม เพิ่มเติมความสุข สนุกครืน บรรเลง จับใจ งามไฉไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักเชียว 

ไม่ได้มาทัศนาจรเสียนาน ผ่านมา 10 กว่าปี ยังฉิมพลี คนึงหวนหาอาดูร กับสถานที่เที่ยวเพิ่มพูนทรัพย์แหล่งความรู้ เดินดูเมืองกาญจนบุรีเมื่อนานมา สุดแสนจะชื่นฉ่ำอุราถึงทรวงใน



ไม่ได้มาทัศนาเสียนาน ผ่านมา 10 กว่าปี ยังฉิมพลี คนึงหวนหาอาดูร กับสถานที่เที่ยวเพิ่มพูนทรัพย์แหล่งความรู้ เดินดูเมืองกาญจนบุรีเมื่อนานมา สุดแสนจะชื่นฉ่ำอุราถึงทรวงใน แม้ว่ายุคตอนนั้น ยังไม่มี Social network ปังปุรีเย เหมือนกับยุคนี้ แต่ก็มีที่เที่ยวสุดแสนกิ๊บเก๋ยูเรก้า ช่ะช่ะช่าหัวใจให้ไปชมอยู่ไม่น้อย  และนั้นก็เป็นเหตุผลเพราะว่า เมืองกาญจนบุรีอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพเมืองฟ้าอมร สามารถเดินทางแวะมาเที่ยวออนซอนได้อย่างเพลิดเพลินจำเริญใจอีกด้วย ทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และโบราณสถาน รวมทั้งประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ ให้ไปชมกันอย่างสนุกสนาน สำราญไปอย่างไม่น่าเบื่อเลย และยิ่งเป็นช่วงฤดูฝนเช่นนี้ด้วยแล้ว กาญจนบุรี จัดเป็นที่เที่ยวหลักของคนรักสายแม่น้ำ ลำธาร ต้องแวะมายลตระการให้ชื่นฉ่ำใจกันสักครั้ง 

เพื่อไม่ให้เว็ปไซต์ร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เป็นคนบ้า ขอพาคุณผู้อ่านไปรีวิวย้อนวันวานเที่ยวเมืองกาญจนบุรีหลังโควิด-19 ในเดือนนี้กันเลยค่ะ


ว่าแล้วก็ไม่รีรอ พร่ำเพร้อพรรณนาให้มากความ เพื่อไม่ให้เว็ปไซต์ร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เป็นคนบ้า ขอพาคุณผู้อ่านไปรีวิวย้อนวันวานเที่ยวเมืองกาญจนบุรีหลังโควิด-19 ในเดือนนี้กันเลยค่ะ แต่ก่อนที่จะเข้าสู่บล็อกรีวิวแนะนำแหล่งท่องเที่ยว เราก็มารู้จักประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของเมืองกาญจนบุรีกันสักเล็กน้อยพอสังเขปค่ะ จะได้เป็นความรู้กันนะคะ 


สาระน่ารู้เกี่ยวกับประวัติเมืองกาญจนบุรี อ่านเป็นความรู้พอสังเขปสักเล็กน้อย (About Kanchanaburi City)



เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับประวัติเมืองกาญจนบุรี อ่านเป็นความรู้พอสังเขปสักเล็กน้อย (About Kanchanaburi City)

สำหรับความเป็นมาของกาญจนบุรีเท่าที่มีการค้นพบหลักฐานนั้น  ย้อนไปได้ถึงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อมีการค้นพบเครื่องมือหินในบริเวณบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี ล่วงมาถึงสมัยทวารวดี ซึ่งมีหลักฐานคือซากโบราณสถานที่ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี เป็นเจดีย์ลักษณะเดียวกับจุลประโทนเจดีย์ที่จังหวัดนครปฐม บ้านคูบัว จังหวัดราชบุรี และเมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี รวมทั้งค้นพบโบราณวัตถุ เช่น พระพิมพ์สมัยทวารวดีจำนวนมาก  สืบเนื่องต่อมาถึงสมัยพุทธศตวรรษที่ 16-18 หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบคือปราสาทเมืองสิงห์ ซึ่งมีรูปแบบศิลปะแบบขอม สมัยบายน

ภาพเก่าบอกเล่าเรื่องราวในอดีต ประตูเมืองกาญจนบุรี เมื่อปี พ.ศ.2374  ( Kanchanburi city Gate on year 1831) 



โดยชื่อเรียกอื่น ๆ ของกาญจนบุรี มีการเรียกมาตั้งแต่ดั้งเดิมมีชื่อเรียกอาทิเช่น เมืองกาญจน์ เมืองปากแพรก เมืองศรีชัยยะสิงหปุระ (ซึ่งในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เรียกเมืองกาญจนบุรีว่า ศรีชัยยะสิงหปุระ) และเมืองขุนแผน เป็นต้น


คำขวัญของเมืองกาญจนบุรี : แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก (ภาพเก่า ด่านเจดีย์สามองค์ในอดีต)



คำขวัญของเมืองกาญจนบุรี คือ แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก


กาญจนบุรีเป็นเมืองขึ้นของสุพรรณบุรีในสมัยสุโขทัย ครั้นมาถึงสมัยอยุธยา กาญจนบุรีก็มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญในการทำสงครามระหว่างกองทัพไทยกับพม่า จนกระทั่งถึงสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ เดิมตัวเมืองกาญจนบุรีเดิมนั้นตั้งอยู่ที่ตำบลลาดหญ้า (บริเวณเขาชนไก่ในปัจจุบัน) ภายหลังจนถึง พ.ศ. 2374 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้โปรดให้ก่อสร้างกำแพงเมืองและป้อมปราการขึ้นเป็นการถาวร ณ เมืองกาญจนบุรีใหม่โดยตั้งอยู่ ณ ตำบลปากแพรก อันเป็นสถานที่บรรจบของแม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อย 

ภาพเก่าบอกเล่าเรื่องราวแม่ค้าหาบเร่สาวเมืองกาญจน์ กับทหารหนุ่มชาวอเมริกันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ กำลังพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน


โดยตัวเมืองอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำแม่กลองกับแม่น้ำแควใหญ่ ซึ่งมีความเหมาะสมทางยุทธศาสตร์และด้านการค้า โดยเริ่มก่อสร้างเมืองเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2374 และสำเร็จในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2375 และได้แยกออกจากสุพรรณบุรีนับแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งนี้โดยมีพระราชประสงค์ส่วนใหญ่เพื่อติดต่อค้าขายกับเมืองราชบุรี ดังพระราชนิพนธ์เสด็จประพาสไทรโยค กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า "แต่มีเมืองปากแพรกเป็นที่ค้าขาย


ด้วยเขาชนไก่เมืองเดิมอยู่เหนือมากมีแก่งถึงสองแก่ง ลูกค้าไปมาลำบาก จึงลงมาตั้งเมืองเสียที่ปากแพรกนี้เป็นทางไปมาแก่เมืองราชบุรีง่าย


เนื่องด้วยเขาชนไก่เมืองเดิมอยู่เหนือมากมีแก่งถึงสองแก่ง ลูกค้าไปมาลำบาก จึงลงมาตั้งเมืองเสียที่ปากแพรกนี้เป็นทางไปมาแก่เมืองราชบุรีง่าย เมืองที่สร้างขึ้นใหม่ กว้าง 5 เส้น ยาว 10 เส้น 18 วา มีป้อม 4 มุมเมือง ป้อมย่านกลางด้านยาวตรงหน้าเมืองทิศตะวันตกเฉียงใต้มีป้อมใหญ่อยู่ตรงเนิน ด้านหลังมีป้อมเล็กตรงกับป้อมใหญ่ 1 ป้อม" 


ในการสร้างเมืองกาญจนบุรีใหม่นี้ ดังปรากฏในศิลาจารึกดังนี้ ให้พระยาราชวรินทร์ ไปมาให้สร้างเมืองก่อกำแพงขึ้นไว้จะได้เป็นชานพระนครเขื่อนเพชรเขื่อนขัณฑ์มั่นคงไว้แห่งหนึ่ง


และในการสร้างเมืองกาญจนบุรีใหม่นี้ ดังปรากฏในศิลาจารึกดังนี้ ให้พระยาราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจเป็นพระยาประสิทธิสงครามรามภักดีศรีพิเศษประเทศนิคมภิรมย์ราไชยสวรรค์พระยากาญจนบุรี ครั้งกลับเข้าไปเฝ้าโปรดเกล้าฯ ว่าเมืองกาญจนบุรีเป็นเมืองอังกฤษ พม่า รามัญ ไปมาให้สร้างเมืองก่อกำแพงขึ้นไว้จะได้เป็นชานพระนครเขื่อนเพชรเขื่อนขัณฑ์มั่นคงไว้แห่งหนึ่ง ในปัจจุบันกำแพงถูกทำลายลงโดยธรรมชาติและหน่วยราชการเพื่อประโยชน์อย่างอื่น เหลือเพียงประตูเมืองและกำแพงเมืองบางส่วน


ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการจัดรูปแบบการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาล กาญจนบุรีถูกโอนมาขึ้นกับมณฑลราชบุรี และยกฐานะเป็นจังหวัดกาญจนบุรีในปี พ.ศ. 2467

เหตุการณ์ที่ทำให้กาญจนบุรีมีชื่อเสียงไปทั่วโลก คือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นได้ตัดสินใจสร้างทางรถไฟยุทธศาสตร์ จากชุมทางหนองปลาดุกในประเทศไทยไปยังเมืองทันบูซายัตในพม่า



เหตุการณ์ที่ทำให้กาญจนบุรีมีชื่อเสียงไปทั่วโลก คือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นได้ตัดสินใจสร้างทางรถไฟยุทธศาสตร์ จากชุมทางหนองปลาดุกในประเทศไทยไปยังเมืองทันบูซายัตในพม่า โดยเกณฑ์เชลยศึกและแรงงานจำนวนมากมาเร่งสร้างทางรถไฟอย่างหามรุ่งหามค่ำ จนทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ทั้งจากความเป็นอยู่ที่ยากแค้นและโรคภัยไข้เจ็บที่รุมเร้า ซึ่งภาพและเรื่องราวของความโหดร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏอยู่ในพิพิธภัณฑ์หลายแห่งในกาญจนบุรี 

โดยเกณฑ์เชลยศึกและแรงงานจำนวนมากมาเร่งสร้างทางรถไฟ และสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควอย่างหามรุ่งหามค่ำ จนทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก


หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงเมื่อ พ.ศ. 2488 ฝ่ายสัมพันธมิตรผู้ชนะสงครามได้ดำเนินการจัดสร้างอนุสรณ์สถานแด่ผู้เสียชีวิตขึ้นหลายแห่งในทวีปเอเชีย



หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงเมื่อ พ.ศ. 2488 ฝ่ายสัมพันธมิตรผู้ชนะสงครามได้ดำเนินการจัดสร้างอนุสรณ์สถานแด่ผู้เสียชีวิตขึ้นหลายแห่งในทวีปเอเชียซึ่งเป็นสมรภูมิสำคัญนั้นมีอนุสรณ์สถานตั้งอยู่ในหลายประเทศ คือ ในประเทศไทย 2 แห่ง พม่า 3 แห่ง อินเดีย 6 แห่ง บังกลาเทศ 5 แห่ง ปากีสถานและศรีลังกาอย่างละ 2 แห่ง นอกจากนี้ที่กาญจนบุรียังมีอนุสรณ์สถานที่สร้างโดยทหารญี่ปุ่นเพื่อคารวะแด่ดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตในระหว่างสงคราม คือ "อนุสาวรีย์ไทยานุสรณ์" ส่วนกรรมกรชาวเอเชียอีกจำนวนมากที่เสียชีวิตไปโดยไม่มีผู้ใดจดบันทึกไว้นั้น มีการสร้างอนุสาวรีย์กรรมกรและทหารนิรนามไว้ที่ป่าช้าวัดญวน และโครงกระดูกอีกส่วนหนึ่งของพวกเขาตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2


(ภาพเก่าทางรถไฟเขาช่องไก่) การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว มีความสำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง เนื่องจากเป็นสะพานที่สำคัญที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะ สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2


ซึ่งการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว มีความสำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง เนื่องจากเป็นสะพานที่สำคัญที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะ สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดา และนิวซีแลนด์ประมาณ 61,700 คน สมทบด้วยกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู ไทย พม่า และอินเดีย อีกจำนวนมาก มาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า 


การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้ เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัย ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง



ซึ่งเส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่ จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น การสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้ เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัย ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง

สะพานข้ามแม่น้ำแควใช้เวลาสร้างเพียง 1 เดือน โดยนำเหล็กจากมลายูมาประกอบเป็นชิ้น ๆ ตอนกลางทำเป็นสะพานเหล็ก 11 ช่วง หัวและโครงสะพานเป็นไม้ มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2486

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2487 ได้ถูกทิ้งระเบิดหลายครั้งจนสะพานหักท่อนกลาง 


สะพานข้ามแม่น้ำแควใช้เวลาสร้างเพียง 1 เดือน โดยนำเหล็กจากมลายูมาประกอบเป็นชิ้น ๆ ตอนกลางทำเป็นสะพานเหล็ก 11 ช่วง หัวและโครงสะพานเป็นไม้ มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2486 ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2487 ได้ถูกทิ้งระเบิดหลายครั้งจนสะพานหักท่อนกลาง ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง รัฐบาลไทยได้ซ่อมแซมใหม่ด้วยเหล็กรูปเหลี่ยม เมื่อปี พ.ศ. 2489 จนสามารถใช้งานได้ ปัจจุบัน มีการยกย่องให้เป็น สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ 


ปัจจุบันสะพานข้ามแมน้ำแคว ได้กลายเป็นแลนด์มาร์ค และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี


ปัจจุบันสะพานข้ามแมน้ำแคว ได้กลายเป็นแลนด์มาร์ค และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี เรียกว่าหากใครที่พึ่งมาเที่ยวเมืองกาญจนบุรีครั้งแรก แล้วไม่แวะมาถ่ายรูปเดินชมความงามของสะพานข้ามแม่น้ำแควแห่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองกาญจนบุรีกันเลยทีเดียว นั้นก็เพราะเป็น
สะพานประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นเอง 


เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดกาญจนบุรี



หลังจากที่ได้อ่านข้อมูลประวัติความรู้เล็กๆน้อยเกี่ยวกับเมืองกาญจนบุรีกันไปแล้วนะคะ ต่อไปเดี๊ยนก็ขอมารีวิวพาเพื่อนๆผู้รักการทัศนาจร ไปออนซอน เที่ยวเมืองกาญจนบุรีกันเลยค่ะ 


เริ่มต้นเดินทางทริปนี้ เริ่มต้นที่สถานีรถไฟธนบุรี 

เริ่มต้นเดินทางทริปนี้ เริ่มต้นที่สถานีรถไฟธนบุรี ว่ากันว่า หากใครที่อยากมาเที่ยวเมืองกาญจนบุรี ให้ได้บรรยากาศ ต้องไม่พลาดที่จะนั่งรถไฟมาเที่ยว เพื่อชมบรรยากาศสองข้างทาง จะผ่านเทือกสวนไร่นา ได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนริมทางรถไฟด้วย 

ในช่วงหลังคลายล็อกดาวโควิด-19 นี้ เปิดให้บริการแค่ 1 ขบวนค่ะ คือขบวน 257 เดินทางออกจากสถานีธนบุรี เวลา 07.45 น

โดยขบวนที่จะเดินทางไปกาญจนบุรี ในช่วงหลังคลายล็อกดาวโควิด-19 นี้ เปิดให้บริการแค่ 1 ขบวนค่ะ คือขบวน 257 เดินทางออกจากสถานีธนบุรี เวลา 07.45 น. สุดปลายทางที่สถานีน้ำตกเวลา 12.35 น.ค่ะ

สำหรับใครที่จะเดินทางไปเที่ยวเมืองกาญจนบุรี ราชบุรี หรือว่าไปหัวหิน หลังสวน สามารถดูกำหนดเวลาขบวนรถไฟที่สถานีธนบุรีได้นะคะ 

ส่วนราคาตั๋วรถไฟไปลงที่เมืองกาญจนบุี อยู่ที่ ราคา 25 บาทเท่านั้นเองค่ะ ราคาถูกมากๆ 


สำหรับราคาตั๋วรถไฟไปลงที่เมืองกาญจนบุี อยู่ที่ ราคา 25 บาทเท่านั้นเองค่ะ ราคาถูกมากๆ 

 กว่ารถไฟจะออกจากสถานี เดี๊ยนเลยออกมาเดินหาซื้ออะไรง่ายๆทานก่อนค่ะ 

ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 40 กว่านาที กว่ารถไฟจะออกจากสถานี เดี๊ยนเลยออกมาเดินหาซื้ออะไรง่ายๆทานก่อนค่ะ โดยสถานีธนบุรีอยู่ติดกับตลาดเลย มีของกินให้เลือกซื้อ เลือกหาทานหลายอย่างเลยค่ะ 


เลยซื้อข้าวมันไก่มาทานแล้วกัน ไม่ได้ทานนานมากแล้ว  ราคาห่อละ 35 บาท ถูกและอร่อยด้วย 


ไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี เดินไป เดินมา วนเวียนอยู่ในตลาด เลยซื้อข้าวมันไก่มาทานแล้วกัน ไม่ได้ทานนานมากแล้ว  ราคาห่อละ 35 บาท ถูกและอร่อยด้วย 



เตรียมขึ้นรถไฟเลยค่ะ รถไฟมาแล้ว  บรรยากาศเหมือนได้ย้อนวันวานไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วอีกครั้ง 


ทานข้าวอิ่มแล้ว ก็เตรียมขึ้นรถไฟเลยค่ะ รถไฟมาแล้ว  บรรยากาศเหมือนได้ย้อนวันวานไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วอีกครั้ง 

อย่าลืมถ่ายรูปคู่กับป้ายขบวนรถไฟ ธนบุรี - น้ำตกด้วยนะคะ ถ่ายไว้เป็นที่ระลึก เอาไว้ดูแก้เหงา คลอคล้าถึงอดีตแสนหวานชื่น รื่นฤทัย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน 

หากเพื่อนคนใหนที่จะนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองกาญจนบุรี ก็อย่าลืมถ่ายรูปคู่กับป้ายขบวนรถไฟ ธนบุรี - น้ำตกด้วยนะคะ ถ่ายไว้เป็นที่ระลึก เอาไว้ดูแก้เหงา คลอคล้าถึงอดีตแสนหวานชื่น รื่นฤทัย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน 

ขึ้นมาเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ ไม่ต้องกลัวว่าที่นั่งจะเต็มค่ะ เพราะเหลือว่างบานเลยค่ะ


เดินขึ้นมาเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ ไม่ต้องกลัวว่าที่นั่งจะเต็มค่ะ เพราะเหลือว่างบานเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะคนยังกลัวเรื่องการเดินทางอยู่ นักเดินทางเลยไม่เยอะมากเท่าไหร่


พอขบวนรถไฟเคลื่อนตัวออกจากตัวเมืองมา ก็เข้าสู่จังหวัดนครปฐม รื่นรมย์ไปด้วยสวนบัว งามระรัวจับใจ 

นั่งรถไฟออกจากกรุงเทพ เวลา 7.45 น. รถไฟออกตรงเป๊ะ ซึ่งระยะทางจากกรุงเทพไปยังเมืองกาญบจนบุรี ประมาณ 190 กิโลเมตรเท่านั้น พอขบวนรถไฟเคลื่อนตัวออกจากตัวเมืองมา ก็เข้าสู่จังหวัดนครปฐม รื่นรมย์ไปด้วยสวนบัว งามระรัวจับใจ 

นั่งรถไฟผ่านเข้ามาถึงบ้านโป่ง ราชบุรี และเลี้ยวขบวนรถไฟเข้ามาสู่อำเภอท่าเรือ จังหวัดกาญจนบุรี 

จากนั้นก็นั่งรถไฟผ่านเข้ามาถึงบ้านโป่ง ราชบุรี และเลี้ยวขบวนรถไฟเข้ามาสู่อำเภอท่าเรือ จังหวัดกาญจนบุรี 

ออกมาเที่ยว เหมือนได้มาเปิดมุมมองใหม่ แม้จะเป็นสถานที่เก่าที่เคยมา แต่รอบด้านก็เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย 

ใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟออกจากกรุงเทพประมาณ 4 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงตัวเมืองกาญจนบุรี แม้จะช้าหน่อย แต่ก็ได้รับลมชมวิวทิวทัศน์ริมทางไปค่ะ ออกมาเที่ยว เหมือนได้มาเปิดมุมมองใหม่ แม้จะเป็นสถานที่เก่าที่เคยมา แต่รอบด้านก็เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย 

ทริปนี้ เดี๊ยนเลือกลงที่สถานีสะพานข้ามแม่น้ำแควค่ะ เนื่องจากว่าจองโรงแรมไว้อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟข้ามแม่น้ำแควมากนัก

สำหรับทริปนี้ เดี๊ยนเลือกลงที่สถานีสะพานข้ามแม่น้ำแควค่ะ เนื่องจากว่าจองโรงแรมไว้อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟข้ามแม่น้ำแควมากนัก สามารถเดินเท้าไปได้ไม่ไกล 

สะพายกระเป๋าอันพะรุงพะรัง ลงที่สถานีสะพานข้ามแม่น้ำแคว บรรยากาศยังแลดูเหงาๆ หงอยๆอยู่หน่อยๆค่ะ


แบกเป้ สะพายกระเป๋าอันพะรุงพะรัง ลงที่สถานีสะพานข้ามแม่น้ำแคว บรรยากาศยังแลดูเหงาๆ หงอยๆอยู่หน่อยๆค่ะ เนื่องจากพึ่งจะมีการเปิดขบวนรถไฟท่องเที่ยวได้ไม่กี่วันนี้เอง นักท่องเที่ยวเลยไม่ค่อยเยอะมากนัก 


หากใครที่มาเที่ยวเมืองกาญนบุรีครั้งแรก ต้องไม่พลาดเลย แวะเดินถ่ายภาพเช็กอินที่สะพานข้ามแม่น้ัำแควสักครั้ง

แน่นอนว่าหากใครที่มาเที่ยวเมืองกาญนบุรีครั้งแรก ต้องไม่พลาดเลย แวะเดินถ่ายภาพเช็กอินที่สะพานข้ามแม่น้ัำแควสักครั้ง ว่ากันว่าถ้าไม่ได้มา ถือว่ามาไม่ถึงเมืองกาญจนบุรีเลยทีเดียวเชียวล่ะค่ะ 

ทริปนี้เลือกนอนพักค้างที่โรงแรมอนันสิตรา ซึ่งเป็นโรงแรมเปิดใหม่ อยู่ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำแควน่าจะประมาณ 800 เมตร 

เมื่อถึงลงจากสถานีรถไฟข้ามแม่น้ำแควมาแล้ว จากนั้นเดี๊ยนสะพายเป้เดินเท้าออกจากแลนด์มารค์ที่เที่ยวตรงสะพานข้ามแม่น้ำแควมาที่โรงแรมที่ได้จองไว้คืนนี้ โดยทริปนี้เลือกนอนพักค้างที่โรงแรมอนันสิตรา ซึ่งเป็นโรงแรมเปิดใหม่ อยู่ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำแควน่าจะประมาณ 800 เมตร 


เข้ามาบรรยากาศของล็อบบี้ก็ตกแต่งดูเรียบเก๋ๆ ออกสไตล์มินิมอลน่ารักดีค่ะ นั่งรอเช็กอินกับทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรม 

โรงแรมมีลิฟท์โดยสารให้นะคะ ไม่ต้องขึ้นบันไดไปให้เมื่อยขา

เมื่อได้คีย์การ์ดหรือกุญห้องพักแล้วก็ขึ้นไปห้องพักค่ะ โรงแรมมีลิฟท์โดยสารให้นะคะ ไม่ต้องขึ้นบันไดไปให้เมื่อยขาค่ะ เผื่อใครที่พาผู้สูงอายุมาก็ขึ้นลิฟท์ไปได้ง่ายๆ 

ห้องพักที่จองไว้เป็นห้องแบบ 2 เตียงค่ะ ราคาห้องพักตกคืนละ 1,178 บาท รวมอาหารเช้า 2 คน
ส่วนห้องพักที่จองไว้เป็นห้องแบบ 2 เตียงค่ะ ราคาห้องพักตกคืนละ 1,178 บาท รวมอาหารเช้า 2 คน แต่ถ้าใช้สิทธิโปรโมชั่นเที่ยวด้วยกัน ราคาก็จะถูกลงนะคะ แต่ต้องจองล่วงหน้า 7 วันนะคะ 

แต่ถ้าใช้สิทธิโปรโมชั่นเที่ยวด้วยกัน ราคาก็จะถูกลงนะคะ แต่ต้องจองล่วงหน้า 7 วันนะคะ สำหรับใครที่อยากดูรีวิวภาพและรายเอียดห้องพักสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2XT02lf


เสียดายค่ะเดี๊ยนจองไม่ทัน เพราะจองมาก่อนแล้ว สำหรับใครที่อยากดูรีวิวภาพและรายเอียดห้องพักสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2XT02lf

สภาพโดยรวมของห้องพักถือว่าดีมากๆค่ะ เพราะห้องใหม่เอี่ยมอ่อง ขนาดห้องพักกำลังเหมาะสมพอดี ไม่คับแคบเกินไป 

และสภาพโดยรวมของห้องพักถือว่าดีมากๆค่ะ เพราะห้องใหม่เอี่ยมอ่อง ขนาดห้องพักกำลังเหมาะสมพอดี ไม่คับแคบเกินไป ตกแต่งในห้องดูเรียบเก๋ๆ มีเก้าอี้ให้ตัวเดียว ทีวีจอแบน ส่วนตู้เสื้อผ้าก็เป็นราวเหล็กอยู่บริเวณตู้เย็น ออกแบบดีไซน์พื้นที่จำกัดได้ดี ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น 

มีสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักตามมาตรฐาน

มีสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักตามมาตรฐาน มีตู้เย็นเล็ก และไดร์เป่าผมอยู่ในถุงผ้าให้ค่ะ และยังมีกาต้มน้ำร้อน ชากาแฟ น้ำดื่มให้ฟรีด้วย 

ห้องน้ำก็ดีทีเดียวค่ะ เป็นห้องน้ำแบบฝักบัว แบ่งโซนเปียก โซนแห้งให้ชัดเจน

ส่วนห้องน้ำก็ดีทีเดียวค่ะ เป็นห้องน้ำแบบฝักบัว แบ่งโซนเปียก โซนแห้งให้ชัดเจน มีสบู่ แชมพู มีหมวกคลุมผมอาบน้ำให้ 

นอกจากนี้ชั้นบนสุด ยังมี Space area ให้ไปนั่งชมวิวถ่ายรูปตัวเมืองด้วย 

และนอกจากนี้ชั้นบนสุด ยังมี Space area ให้ไปนั่งชมวิวถ่ายรูปตัวเมืองด้วย 

ชั้นล่างของโรงแรม เป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ มีบริการอาหารและเครื่องดื่มให้กับแขกที่มาเข้าพัก หรือว่าลูกค้าคนอื่นที่อยากได้บรรยากาศร้านคาเฟ่ตกแต่งน่ารัก


ลงมาชั้นล่างของโรงแรม เป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ มีบริการอาหารและเครื่องดื่มให้กับแขกที่มาเข้าพัก หรือว่าลูกค้าคนอื่นที่อยากได้บรรยากาศร้านคาเฟ่ตกแต่งน่ารัก ก็มาลองใช้บริการจิบชา กาแฟดูได้ค่ะ 

อาหารเช้ามื้อนี้ที่โรงแรมอันอนันสิตรา ก็จัดเป็นอาหารชุด หรือ Set ให้ค่ะ โดยทางตอนเช็กอินทางโรงแรมจะให้เราเลือกเมนูอาหารไว้เลยค่ะ 


ส่วนอาหารเช้ามื้อนี้ที่โรงแรมอันอนันสิตรา ก็จัดเป็นอาหารชุด หรือ Set ให้ค่ะ โดยทางตอนเช็กอินทางโรงแรมจะให้เราเลือกเมนูอาหารไว้เลยค่ะ พอตอนเช้ามาก็จะได้เตรียมอาหารไว้ให้ได้ทันค่ะ สำหรับเมนูอาาหารเช้าของเดี๊ยนทริปนี้ เลือกทาน Scramble egg ทานคู่กับสลัด มีผลไม้ให้ทาน

สภาพห้องโดยรวมถือว่าดีมากๆค่ะ น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกโรงแรม สำหรับคนมองหาโรงแรมเปิดใหม่ในเมืองกาญจนบุรี อยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำแควใหญ่ และร้านอาหาร ร้านคาเฟ่สไตล์น่ารักเก๋อีกด้วย 

 

ต่อไปก็ได้เวลาเดินทางออกไปเที่ยวแล้วล่ะค่ะ ทริปนี้เดี๊ยนเลือกเช่ามอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวเหมือนกับทริปที่ผ่านๆมาค่ะ

หลังจากรีวิวห้องพักและอาหารเช้าไปแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาเดินทางออกไปเที่ยวแล้วล่ะค่ะ ทริปนี้เดี๊ยนเลือกเช่ามอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวเหมือนกับทริปที่ผ่านๆมาค่ะ เนื่องจากราคาถูก ไม่แพง คล่องตัวสูง เข้าซอกตรอกซอยง่าย โดยในเมืองกาญจนบุรี มีร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ให้เช่าหลายร้าน 

โดยทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรมติดต่อร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ มาบริการส่งรถให้ถึงที่โรงแรมเลยค่ะ ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ชื่อว่า ร้าน OK bike ค่ะ  มีรถหลายแบบให้เลือก หลายราคา เริ่มต้นตั้งแต่คันละ 250 บาท/วัน ไปจนถึง ราคาหลักพันก็มี  แล้วแต่ความชอบ แต่เดี๊ยนขอเลือกแบบไม่แพงมาก ประหยัดสตัง แบบขับง่ายๆ 

ทางเจ้าหน้าที่ของโรงแรมติดต่อร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ มาบริการส่งรถให้ถึงที่โรงแรมเลยค่ะ  ค่าเช่ารถวันละ 300 บาท

ค่าเช่ารถวันละ 300 บาท
ค่ามัดจำรถ 1000 บาท 
เตรียมบัตรประจำตัวประชาชน หรือใบขับขี่มอเตอร์ไซต์ไปด้วยนะคะ 
ส่วนน้ำมันรถเติมคืนให้เท่ากับตอนที่เช่ามาค่ะ เหลือเท่าไหร่ก็คืนเท่านั้น จะมีเข็มน้ำมันบอกไว้
เมื่อได้มอเตอร์ไซต์แล้ว ก็เตรียมตัว Let's go travel ได้เลยค่ะ 

แต่ในรีวิวทริปนี้ เดี๊ยนขอมาสรุปรีวิวที่เที่ยวในตัวเมือง และสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงตัวเมืองกาญจนบุรีก่อนค่ะ 

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรีนั้นมี แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งมาก แต่ในรีวิวทริปนี้ เดี๊ยนขอมาสรุปรีวิวที่เที่ยวในตัวเมือง และสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงตัวเมืองกาญจนบุรีก่อนค่ะ เผื่อว่าเพื่อนๆคนใหน ที่มีเวลาน้อย จัดทริปเที่ยวเมืองกาญจนบุรีแค่ 2 วัน 1 คืน แต่ไม่อยากเดินทางไกลออกจากตัวเมือง 


แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเมืองกาญจนบุรี ไม่ไกลรัศมีออกจากตัวเมืองมากนัก

ในตัวเมืองกาญจนบุรีเอง ก็มีที่เที่ยวให้แวะไปถ่ายรูปเช็กอินอยู่หลายแห่งเลยนะค่ะ ดิฉันเลยขอมาสรุปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ไปรีวิวเที่ยวมาให้ชมกันดังนี้ค่ะ

ซึ่งในตัวเมืองกาญจนบุรีเอง ก็มีที่เที่ยวให้แวะไปถ่ายรูปเช็กอินอยู่หลายแห่งเลยนะค่ะ เดี๊ยนเลยขอมาสรุปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ไปรีวิวเที่ยวมาให้ชมกันดังนี้ค่ะ ไปดูสิว่ามีที่ใหนบ้าง หากใครที่มีเวลาว่าง อยากออกมาเที่ยว ก็จัดทริปมากันได้เลยค่ะ 


1.สะพานข้ามแม่น้ำแคว (The Bridge on the River Kwai) หนึ่งในจุดเช็กอินที่เที่ยวมีชื่อเสียงที่สุดของเมืองกาญจนบุรี ว่ากันว่าหากใครมาเที่ยวเมืองกาญจนบุรีเป็นครั้งแรกแล้ว ไม่ได้มาถ่ายรูปหรือเดินชมสะพานแห่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองกาญจนบุรีกันเลย

1.สะพานข้ามแม่น้ำแคว (The Bridge on the River Kwai)  

1.สะพานข้ามแม่น้ำแคว (The Bridge on the River Kwai)  หนึ่งในจุดเช็กอินที่เที่ยวมีชื่อเสียงที่สุดของเมืองกาญจนบุรี ว่ากันว่าหากใครมาเที่ยวเมืองกาญจนบุรีเป็นครั้งแรกแล้ว ไม่ได้มาถ่ายรูปหรือเดินชมสะพานแห่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองกาญจนบุรีกันเลย

1.สะพานข้ามแม่น้ำแคว (The Bridge on the River Kwai)

1.สะพานข้ามแม่น้ำแคว (The Bridge on the River Kwai)



1.สะพานข้ามแม่น้ำแคว (The Bridge on the River Kwai)
จัดเป็นหนึ่งในจุดเช็กอินที่เที่ยวมีชื่อเสียงที่สุดของเมืองกาญจนบุรี ว่ากันว่าหากใครมาเที่ยวเมืองกาญจนบุรีเป็นครั้งแรกแล้ว ไม่ได้มาถ่ายรูปหรือเดินชมสะพานแห่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึงเมืองกาญจนบุรีกันเลยทีเดียว เนื่องจากว่าเป็นสะพานแห่งประวัติศาสตร์ของยุคสงครามโลกครั้งที่ 2  เดิมสร้างขึ้นโดยแรงงานของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ภายใต้การควบคุมของกองทัพญี่ปุ่น เป็นสะพานข้ามแม่น้ำแควใหญ่โครงสร้างเหล็กครึ่งวงกลม สลับโครงสร้างถัก ตอม่อคอนกรีตเสริมเหล็ก

 การก่อสร้างใช้เวลาแล้วเสร็จเพียงหนึ่งปี ก่อนจะถูกระเบิดทิ้งทำลายจากกองบินสัมพันธมิตรจนสะพานช่วงกลางพังถล่มลงมา ต่อมาภายหลังสงครามโลกยุติลง รัฐบาลไทยได้ซื้อทางรถไฟนี้ต่อจากอังกฤษมาเป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาท[5] แล้วบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2489 การซ่อมในครั้งนั้นได้ยุบตอม่อกลาง (ตัวที่ 5-6) แล้วสร้างเป็นสะพานเหล็ก 2 ช่วง แทนของเดิม กับเปลี่ยนช่วงสะพานไม้ด้านปลายทางเป็นสะพานเหล็กแทนสะพานไม้ รวมความยาวของสะพานทั้งสิ้น 322.90 เมตร


2.หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2  (Arts Gallery and War Museum Kanchanaburi )

2.หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2  (Arts Gallery and War Museum Kanchanaburi )

2.หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2  (Arts Gallery and War Museum Kanchanaburi )

2.หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2  (Arts Gallery and War Museum Kanchanaburi )

2.หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2  (Arts Gallery and War Museum Kanchanaburi )



2.หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2  (Arts Gallery and War Museum Kanchanaburi )
ซึ่งภายในเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนก่อตั้งโดยนายอรัญ จันทร์ศิริ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2529 สร้างขึ้นในพื้นที่เกิดเหตุการณ์จริงที่กองทัพญี่ปุ่นใช้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์อำนวยการในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว ลักษณะพิพิธภัณฑ์เป็นกลุ่มอาคารจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควและประวัติศาสตร์เรื่องราวต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างน่าสนใจ ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงการสร้างสะพานข้าม ผ่านภาพถ่ายอันเก่าแก่ที่หาดูได้ยาก และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ในสมัยสงคราม อาทิ ดาบ ลูกระเบิด เงินโบราณ  ยานพาหนะของชาวญี่ปุ่น  เช่น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ เรือ และหุ่นจำลองสามมิติ ด้านนอกอาคารแสดงซากรถจักรไอน้ำ เครื่องบิน
เปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนเข้าชมทุกวันระหว่างเวลา 08.00 - 18.30 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท


3.พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย-พม่า (Death Railway Museum and Research centre)

3.พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย-พม่า (Death Railway Museum and Research centre)

3.พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย-พม่า (Death Railway Museum and Research centre)

3.พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย-พม่า (Death Railway Museum and Research centre)


3.พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย-พม่า (Death Railway Museum and Research centre)

3.พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย-พม่า (Death Railway Museum and Research centre)



3.พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย-พม่า (Death Railway Museum and Research centre)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอีกแห่ง จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายไทย-พม่า  ตั้งอยู่ด้านข้างสุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเมืองกาญจนบุรี โดยเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชน อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท ทีบีอาร์ซี จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อจัดแสดงข้อมูลการสร้างทางรถไฟจากสถานี ชุมทางหนองปลาดุก อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ไปยังสถานีธันบูซายัต ประเทศพม่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 

ภายในพิพิธภัณฑ์แสดงข้อมูลในการสร้างทางรถไฟ การวางแผนการก่อสร้าง เส้นทางลำเลียงคนงาน (เชลยศึก) สภาพความเป็นอยู่และการดำเนินชีวิตของเชลยศึก เริ่มตั้งแต่การเข้ามาของญี่ปุ่น การออกแบบและการสร้างทางรถไฟ สภาพภูมิศาสตร์ของทางรถไฟ สภาพชีวิตในค่ายเชลยศึก ด้านการแพทย์ สงคราม ปฏิบัติการทางรถไฟ การทิ้งระเบิดและการทำลายทางรถไฟ ไปจนถึงเหตุการณ์ภายหลังจากที่สงครามยุติลง

และการสิ้นสุดทางรถไฟ กล่องไฟแสดงการกระจายเชลยศึกไปยังจุดต่างๆ ในเอเชียของญี่ปุ่น แบบจำลองเส้นทางรถไฟจากสถานี ชุมทางหนองปลาดุกถึงธันบูซายัต แบบจำลองการตัดภูเขาเพื่อสร้างทางรถไฟ แบบจำลองค่ายพักเชลยศึก หุ่นเชลยศึกขนาดเท่าตัวจริง ห้องสำหรับชมวีดีโอและภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา เปิดทำการทุกวันเวลา 09.00-17.00 น.ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 100 บาท 


3.พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเฉลยศึก (The Jeath war museum)

3.พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเฉลยศึก (The Jeath war museum)



3.พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเฉลยศึก (The Jeath war museum)

สำหรับพิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเฉลยศึก ตั้งอยู่ในวัดไชยชุมพลชนะสงครามหรือว่าวัดใต้ อำเภอเมือง กาญจนบุรี  โดยพิพิธภัณฑ์แห่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2520 (1977) ตัวอาคารสร้างเป็นกระท่อมไม้ไผ่ เลียบแบบค่ายเฉลยศึกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมภาพถ่าย ภาพเขียน และบทความที่แสดงถึงความเป็นอยู่ของเชลยศึก ตลอดจนเครื่องมือ เครื่องใช้ อาวุธ ระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อสะท้อนให้เห็นบทเรียนอันน่าสะพรึงกลัวของสงคราม เปิดให้เข้าชม 8.30-16.30 น. ค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 30 บาท 


4.สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก (Kanchanaburi War Cemetery)

4.สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก (Kanchanaburi War Cemetery)

4.สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก (Kanchanaburi War Cemetery)

4.สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก (Kanchanaburi War Cemetery)

4.สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก (Kanchanaburi War Cemetery)



4.สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก (Kanchanaburi War Cemetery) 

"สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก" หรือ "สุสานทหารสหประชาชาติ" หรือที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรีทั่วไปเรียกว่า "ป่าช้าอังกฤษ" เป็นสุสานขนาดใหญ่บนพื้นที่ 17 ไร่ บรรจุศพเชลยศึกที่เสียชีวิตระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะถึง 6,982 หลุม โดยเชลยศึก 300 คนเสียชีวิตด้วยอหิวาตกโรคและฝังไว้ที่ค่ายนิเกะ (ประมาณ 15 กิโลเมตร ก่อนถึงด่านเจดีย์สามองค์) ส่วนที่เหลือได้จากหลุมฝังศพเชลยศึกตามค่ายต่าง ๆ และยังมีสุสานช่องไก่ ซึ่งรัฐบาลไทยและฝ่ายสัมพันธมิตรได้ตกลงกันเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2497 เพื่อสร้างสุสานสองแห่งนี้ขึ้น บรรยากาศในสุสานเงียบสงบและร่มรื่น พื้นที่ภายในได้รับการตกแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม เหนือหลุมฝังศพทุกหลุมมีแผ่นทองเหลืองจารึก ชื่อ อายุ และประเทศของผู้เสียชีวิต บรรทัดสุดท้ายเป็นคำไว้อาลัยที่โศกเศร้า ทุกปีจะมีวันที่รำลึกถึงผู้เสียชีวิตเฉพาะของคนชาติต่าง ๆ เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมทุกวัน ตั้งอยู่ที่ติดถนนแสงชูโต ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเมืองกาญจนบุรี  เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก


5.ประตูเมืองกาญจนบุรี และกำแพงเก่า (Old Gate and Wall of Kanchanaburi city)

5.ประตูเมืองกาญจนบุรี และกำแพงเก่า (Old Gate and Wall of Kanchanaburi city)

5.ประตูเมืองกาญจนบุรี และกำแพงเก่า (Old Gate and Wall of Kanchanaburi city)

5.ประตูเมืองกาญจนบุรี และกำแพงเก่า (Old Gate and Wall of Kanchanaburi city)


5.ประตูเมืองกาญจนบุรี และกำแพงเก่า (Old Gate and Wall of Kanchanaburi city)

สำหรับประตูเมืองกาญและกำแพงเก่า ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดถ่ายรูปเช็กอินที่น่าสนใจอีกแห่ง เนื่องจากว่า ประตูดังกล่าวเป็นประตูเมืองเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเป็นประตูก่ออิฐถือปูนสร้างในรัชสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2374 เมื่อครั้งย้ายเมืองกาญจนบุรีเก่าจากตำบลลาดหญ้ามาตั้งที่ตำบลปากแพรก เดิมมี 8 ประตู ประกอบด้วย ประตูเมือง 6 ประตูและประตูช่องกุด 2 ประตู ปัจจุบันคงเหลือเฉพาะประตูเมืองด้านหน้าและกำแพงเมืองบางส่วนที่อยู่ติดกันโดยได้มีการบูรณะ เมื่อปี พ.ศ. 2549 


6.สุสานทหารสัมพันธมิตรเขาช่องไก่/เขาปูน  (Chong-Kai War Cemetery)

6.สุสานทหารสัมพันธมิตรเขาช่องไก่/เขาปูน  (Chong-Kai War Cemetery)

6.สุสานทหารสัมพันธมิตรเขาช่องไก่/เขาปูน  (Chong-Kai War Cemetery)

6.สุสานทหารสัมพันธมิตรเขาช่องไก่/เขาปูน  (Chong-Kai War Cemetery)

6.สุสานทหารสัมพันธมิตรเขาช่องไก่/เขาปูน  (Chong-Kai War Cemetery)



6.สุสานทหารสัมพันธมิตรเขาช่องไก่/เขาปูน  (Chong-Kai War Cemetery)
สำหรับสุสานทหารสัมพันธมิตรเขาปูน หรือเรียกอีกชื่อว่า สุสานช่องไก่ เคยเป็นที่ตั้งค่ายเชลยศึกขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแควน้อย ฝั่งตะวันออก ในตำบลหนองหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 2 กิโลเมตร ขนาดเล็กกว่าสุสานกาญจนบุรี (ดอนรัก) มีพื้นที่ประมาณ 7 ไร่ บรรจุศพเชลยศึกรวม 1,750 หลุม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารอังกฤษ ภายในมีการตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับอย่างร่มรื่น การเดินทางไปสุสานเขาปูน ทางรถยนต์ไปตามถนนลาดยางประมาณ 2 กิโลเมตร และอาจเดินทางโดยเรือที่หน้าเมืองกาญจนบุรี ตามลำน้ำแควน้อยอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะเห็นป้ายทางเข้าชัดเจน เนื่องจากอยู่ติดถนนใหญ่


7.วัดถ้ำเสือ (Tiger Cave Temple)

7.วัดถ้ำเสือ (Tiger Cave Temple)

7.วัดถ้ำเสือ (Tiger Cave Temple)

7.วัดถ้ำเสือ (Tiger Cave Temple)

7.วัดถ้ำเสือ (Tiger Cave Temple)



7.วัดถ้ำเสือ (Tiger Cave Temple)

ซึ่งวัดถ้ำเสือเป็นวัดและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาในอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ติดกับวัดถ้ำเขาน้อยซึ่งเป็นวัดจีนตั้งอยู่ด้านหลัง เป็นที่รู้จักสำหรับทิวทัศน์ที่ล้อมรอบด้วยทุ่งนาและประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ หลวงพ่อชินประทานพร ภายในวัดประกอบด้วยอาคารและเจดีย์ สถาปัตยกรรมไทย, จีน, ญี่ปุ่น และผสมผสาน เดิมเป็นสำนักสงฆ์ขนาดเล็กในบริเวณถ้ำเสือด้านล่างริมเนินเขา ต่อมาชาวบ้าน ร่วมกันสร้างและบูรณะ จนกลายเป็นวัดที่ใหญ่โตและมีทัศนียภาพที่สวยงาม มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย 


8.เขื่อนแม่กลอง (Mae Klong Dam)

8.เขื่อนแม่กลอง (Mae Klong Dam)

8.เขื่อนแม่กลอง (Mae Klong Dam)

8.เขื่อนแม่กลอง (Mae Klong Dam)

8.เขื่อนแม่กลอง (Mae Klong Dam)



8.เขื่อนแม่กลอง (Mae Klong Dam)

เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวแวะพักชมวิวที่สวยงามอีกแห่งของจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าม่วง เป็นเขื่อนทดน้ำ สร้างปิดกั้นแม่น้ำแม่กลอง โดยตัวเขื่อนเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กยาว 117.50 เมตร ประกอบด้วยช่องระบายน้ำ 12.50 เมตร จำนวน 8 ช่อง มีประตูแพสัญจร ขนาดกว้าง 12.5 เมตร ด้านขวาจำนวน 1 ช่อง เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2507 โดยพระราชทานนามเขื่อนแห่งนี้ว่า เขื่อนวชิราลงกรณ์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2508 สามารถทดน้ำและส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรม การอุปโภค บริโภคในเขตจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียง 2,709,685 ไร่ และส่งให้กับการประปานครหลวงด้วย มีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงคือ พระตำหนักที่ประทับสมเด็จย่า วัดถ้ำเสือ วัดเขาน้อย วัดบ้านถ้ำ และวัดถ้ำแก้ว 



9.วัดบ้านถ้ำ (Wat Baan Tham)

9.วัดบ้านถ้ำ (Wat Baan Tham)

9.วัดบ้านถ้ำ (Wat Baan Tham)

9.วัดบ้านถ้ำ (Wat Baan Tham)

9.วัดบ้านถ้ำ (Wat Baan Tham)

9.วัดบ้านถ้ำ (Wat Baan Tham)

9.วัดบ้านถ้ำ (Wat Baan Tham)



9.วัดบ้านถ้ำ (Wat Baan Tham)

เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ตัววัดอยู่ห่างจากวัดถ้ำเสือไปทางตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 5 กิโลเมตร จุดเด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือนวัดแห่งนี้คือ ทางขึ้นถ้ำเป็นบันไดลึกเข้าไปในปากมังกรตัวใหญ่ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยลักษณะคล้ายผู้หญิง เชื่อว่าคือ นางบัวคลี่ จากเรื่องขุนช้างขุนแผน ภายในบริเวณวัดมีไฮไลต์น่าชมหลายอย่าง อาทิเช่น พระอุโบสถหลังเก่าที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิพร้อมด้วยพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตรที่ทำด้วยหินทรายลงรักปิดทองอันเป็นของเก่าที่มีมาแต่เดิม ส่วนภายในพระอุโบสถหลังใหม่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง ที่ทำพิธีหล่อขึ้น ณ วัดชีปะขาวหาย จังหวัดพิษณุโลก นอกจากนี้ยังสามารถชมถ้ำที่สวยงามต่าง ๆ มากมาย อาทิเช่น ถ้ำคูหามังกรสวรรค์ ถ้ำนางบัวคลี่ซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อใหญ่ชินราช" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนับถือ รวมทั้งถ้ำอื่น ๆ เช่น ถ้ำม่านวิจิตร และด้านบนสุดของภูเขาประดิษฐานพระเจดีย์ที่ต้องใช้ความศรัทธาที่ต้องเดินขึ้นไปเพื่อไปเคารพสักการะ อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดอีกแห่ง 
 

10.วัดถ้ำมังกรทอง (Wat Tham mungkorn thong)

10.วัดถ้ำมังกรทอง (Wat Tham mungkorn thong)

10.วัดถ้ำมังกรทอง (Wat Tham mungkorn thong)

10.วัดถ้ำมังกรทอง (Wat Tham mungkorn thong)

10.วัดถ้ำมังกรทอง (Wat Tham mungkorn thong)

10.วัดถ้ำมังกรทอง (Wat Tham mungkorn thong)



10.วัดถ้ำมังกรทอง (Wat Tham mungkorn thong)
สำหรับวัดถ้ำมังกรทอง จัดเป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งของเมืองกาญจนบุรี ความน่าสนใจของวัดแห่งนี้คือ ภายในถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่อายุนานนับ 100 ปีไว้ให้เข้าไปสักการะ ซึ่งประวัติของวัดถ้ำมังกรทอง สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 2477 ภายในวัดมีถ้ำเรียกกันว่าถ้ำมังกรทองเป็นถ้ำขนาดเล็ก ตั้งสูงจากพื้นดินประมาณ 100 เมตร ภายในถ้ำมีซอกหินสลับซับซ้อนสวยงาม และมีหลวงพ่อใหญ่พระพุทธรูปโบราณอายุกว่า 100 ปีให้ประชาชนสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล และทางวัดได้ทำบันไดก่ออิฐถือปูน 95 ขั้นขึ้นไปยังถ้ำ สองข้างบันไดเป็นรูปมังกรชูศีรษะ มีรูปสิงโตติดอยู่กับหินแท่งใหญ่ตรงปากถ้ำ โดยรอบมีทัศนียภาพสวยงาม แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย



11.วัดถ้ำเขาปูน (Wat Tham Khao Pun)

11.วัดถ้ำเขาปูน (Wat Tham Khao Pun)

11.วัดถ้ำเขาปูน (Wat Tham Khao Pun)

11.วัดถ้ำเขาปูน (Wat Tham Khao Pun)

11.วัดถ้ำเขาปูน (Wat Tham Khao Pun)



11.วัดถ้ำเขาปูน (Wat Tham Khao Pun)
เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแคว ที่ทหารญี่ปุ่นใช้เป็นศูนย์พยาบาล เรียกกว่าโรงพยาบาลเขาปูน และเนื่องจากด้านหลังวัดติดริมน้ำ เนื่องงจากว่าบริเวณนี้เป็นที่ตั้งดังกล่าวของวัด เคยเป็นค่ายเชลยศึกขนาดใหญ่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ประวัติความเป็นมาของวัดถ้ำเขาปูน เดิมเป็นที่พักของพระสงฆ์ที่ออกธุดงค์ มาแต่โบราณ เนื่องด้วยสถานที่แห่งนี้ มีถ้ำที่เหมาะกับการเจริญวิปัสนากรรมฐาน ลักษณะของถ้ำ เป็นถ้ำหินปูนขนาดปานกลาง มีทางเดินทะลุอีกด้านของภูเขา ตลอดทางเดินจะพบหินงอก หินย้อยที่งดงาม และภายในถ้ำ ยังประดิษฐาน พระพุทธรูปโบราณ และซากพระพุทธรูปหินทราย ที่มีอายุหลายร้อยปี และถ้ำแห่งนี้ยังเป็นถ้ำที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จมานมัสการพระพุทธไสยาสน์ ที่มีอายุหลายร้อยปี มีครั้งเสด็จมาประพาสต้น ที่น้ำตกไทรโยค โดยวัดถ้ำเขาปูนได้ก่อตั้งเป็นวัดเมื่อปี พ.ศ.2480 


12.ต้นจามจุรียักษ์ (Giant Rain Tree at Kanchanaburi)

12.ต้นจามจุรียักษ์ (Giant Rain Tree at Kanchanaburi)

12.ต้นจามจุรียักษ์ (Giant Rain Tree at Kanchanaburi)

12.ต้นจามจุรียักษ์ (Giant Rain Tree at Kanchanaburi)

12.ต้นจามจุรียักษ์ (Giant Rain Tree at Kanchanaburi)




12.ต้นจามจุรียักษ์ (Giant Rain Tree at Kanchanaburi)

สำหรับต้นจามจุรียักษ์ จัดเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดที่เหล่าคนรักการถ่ายรูปภาพ ต้องแวะไปเช็กอินสักครั้ง เนื่องจากต้นจามจุรีดังกล่าว เป็นต้นจามจุรีที่มีอายุมากกว่า 100 ปี  ที่ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 บ้านเขาตก หมู่บ้านกสิกรรม ตำบลเกาะสำโรง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยลักษณะขนาดของลำต้นโดยรอบประมาณ 10 คนโอบ มีเส้นรอบวงประมาณ 15 เมตร ความสูงประมาณ 20 เมตร ถือเป็นอีกหนึ่งต้นจามจุรีที่มีขนาดใหญ่และหาชมได้ยากในปัจจุบัน และด้วยลักษณะพิเศษของต้นไม้ใหญ่ยักษ์นี้เอง ทำให้กลายเป็นจุดดึงดูดนักเดินทางมาเที่ยวชมถ่ายรูปภาพกันอย่างไม่ขาดสาย


13.จุดชมวิวทัศนียภาพวิวแม่น้ำที่วัดถ้ำเขาปูน (Tham Khao Pun View Point)

13.จุดชมวิวทัศนียภาพวิวแม่น้ำที่วัดถ้ำเขาปูน (Tham Khao Pun View Point)

13.จุดชมวิวทัศนียภาพวิวแม่น้ำที่วัดถ้ำเขาปูน (Tham Khao Pun View Point)

13.จุดชมวิวทัศนียภาพวิวแม่น้ำที่วัดถ้ำเขาปูน (Tham Khao Pun View Point)

13.จุดชมวิวทัศนียภาพวิวแม่น้ำที่วัดถ้ำเขาปูน (Tham Khao Pun View Point)

13.จุดชมวิวทัศนียภาพวิวแม่น้ำที่วัดถ้ำเขาปูน (Tham Khao Pun View Point)



13.จุดชมวิวทัศนียภาพวิวแม่น้ำที่วัดถ้ำเขาปูน (Tham Khao Pun View Point)
อีกหนึ่งจุดเช็กอินถ่ายรูปทัศนียภาพแม่น้ำที่สวยงามอีกแห่งของเมืองกาญจนบุรี ตั้งอยู่บริเวณวัดถ้ำเขาปูน และจุดชมวิวดังกล่าว สามารถมองเห็นเส้นทางรถไฟสายมรณะที่ตัดผ่านเขาช่องไก่อีกด้วย โดยบรรยากาศโดยรอบ มีร้านคาเฟ่สไตล์น่ารักเก๋ๆให้นั่งพักจิบชา กาแฟ ชมวิวรับลมเย็นยามสนธยาได้อย่างสวยงาม 
 

 ตอนค่ำก็มองหาร้านอาหาร ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก เลยแวะมาลิ้มลองทานที่ร้านอาหารกานต์บุรี 

และหลังจากเดินทางท่องเที่ยวแล้ว ตอนค่ำก็มองหาร้านอาหาร ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก เลยแวะมาลิ้มลองทานที่ร้านอาหารกานต์บุรี 

หนึ่งร้านอาหารอร่อยๆ ราคาไม่แพงมากนัก อยู่ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแคว 

อีกหนึ่งร้านอาหารอร่อยๆ ราคาไม่แพงมากนัก อยู่ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแคว
 
ท้องอาหารมื้อค่ำนี้ สั่งต้มยำปลาคัง เสริฟมาเป็นหม้อไฟเลยค่ะ กับ แกงคั่วปูล้วนๆ รสชาติต้มยำอร่อยๆมาก ส่วนแกงคั่วก็รสจัดจ้าน แต่เผ็ดไปหน่อย

ฝากท้องอาหารมื้อค่ำนี้ สั่งต้มยำปลาคัง เสริฟมาเป็นหม้อไฟเลยค่ะ กับ แกงคั่วปูล้วนๆ รสชาติต้มยำอร่อยๆมาก ส่วนแกงคั่วก็รสจัดจ้าน แต่เผ็ดไปหน่อย ไม่รู้ว่าแกงคั่วจะเผ็ดขนาดนี้ รู้อย่างนี้แจ้งพ่อครัวให้ลดความเผ็ดคงทานได้เยอะ  แต่ต้มยำรสแซ่บ เปรี้ยวอร่อยกำลังดี ใครที่มาเที่ยวเมืองกาญจนบุรี และพักอยู่ใกล้ๆสะพานข้ามแม่น้ำแคว ไม่รู้จะไปทานร้านใหนดี ก็ลองแวะมาทานอาหารที่ร้านกานต์บุรีดูนะคะ ราคาไม่แพงด้วย  

ทานอาหารมื้อค่ำอิ่มแล้ว ก็เดินทางกลับโรงแรม เพื่อนอนพักเก็บแรง ไว้เดินทางท่องเที่ยวในทริปต่อถัดไป 

หลังจากทานอาหารมื้อค่ำอิ่มแล้ว ก็เดินทางกลับโรงแรม เพื่อนอนพักเก็บแรง ไว้เดินทางท่องเที่ยวในทริปต่อถัดไป ซึ่งทริปถัดไปจะพาไปรีวิวขับรถมอเตอร์ไซต์ไปเที่ยวชมน้ำตกสวยงามหลายแห่งในจังหวัดกาญจนบุร ต้องขับรถออกนอกเมืองไปไกลเลยล่ะค่ะ 

ทริปถัดไปจะพาไปรีวิวขับรถมอเตอร์ไซต์ไปเที่ยวชมน้ำตกสวยงามหลายแห่งในจังหวัดกาญจนบุร ต้องขับรถออกนอกเมืองไปไกลเลยล่ะค่ะ 


สำหรับบทความบล็อกแนะนำรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองกาญจนบุรี ที่ได้นำเสนอแนะนำไว้ในบทความบล็อกนี้ น่าจะมีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านทุกๆคนอยู่ไม่มากก็น้อย หากข้อมูลดังกล่าว ที่ได้นำเสนอไป มีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันต้องขออภัยด้วยนะคะ  ขอบพระคุณที่เข้ามาเปิดคลิ๊กสไลด์ดูกันค่ะ หวังว่าจะได้พบปะกันอีกครั้งในบทความถัดไปนะคะ.....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกรีวิวเที่ยวเมืองอื่นๆ มีดังนี้


รีวิวพาไปเที่ยวเมืองบรูซ เมืองเมรดกโลกสวยโรแมนติก มีที่เที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกัน>>>

เก็บตกท่องโลกกว้าง รีวิวเดินทางไปเที่ยวเมืองบรูซ เมืองแห่งสายน้ำสวยงามโรแมนติก ที่เหล่าคู่รักสายชิคต้องมาเช็กอินกัน มีที่เที่ยวที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>

เก็บตก รีวิวแบกเมืองเมืองนามูร์ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกัน>>

แปลกถิ่นรีวิวเที่ยวทิพย์ แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวเมืองนามูร์ เมืองเก่าแก่ติดริมแม่น้ำในแดนช็อกโกแลต มีที่เที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกัน คลิ๊กรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

จัดทริปเก็บตกแบกเป้เที่ยวเมืองพัทยา มีที่ใหนเปิดให้ชมบ้าง ตามไปดูกันค่ะ>>

เก็บตกรีวิวเที่ยวเมืองพัทยาอีกสักครั้งครา มีที่ใหนเปิดให้ชมบ้าหนา ตามไปลั๊ลลาแวะถ่ายรูปภาพกันได้เลย คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

จัดทริปแบกเป้ไปเที่ยวเปิดเกาะล้าน หลังจากปิดไปนาน ไปดูสิว่าเป็นอย่างไรบ้าง>>

แบ่งปันรีวิวไปเที่ยวช่วงเปิดเกาะล้าน หลังจากปิดไปนาน ย้อนวันวาน ชมทะเลสวยหวาน น้ำสดใส เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ตามไปดูกัน คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

เก็บตกเที่ยวทิพย์ ทริป 1 วันสั้นๆ นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองเฮลซิงเงอร์ คลิ๊กดูที่เที่ยว>>

เที่ยวทิยพ์..ทริปสั้นๆเก็บตก 1 วัน นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองเฮลซิงเงอร์ เมืองเล็กๆน่ารักติดริมชายทะเล มีมุมถ่ายรูปสวยๆเก๋ๆด้วยนะ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

แบ่งปันรีวิวเที่ยวบึงกาฬ แวะเริงสำราญที่เที่ยวต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปดูกันค่ะ>>>

เก็บตกแบกเป้รีวิวเที่ยวบึงกาฬ เช่ารถมอเตอร์ไซต์ไปสำราญชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

จัดทริปลุยเดี่ยวไปรีวิวเที่ยวถ้ำนาคา ไม่มีรถส่วนตัวก็ไปได้ คลิ๊กดูบทความที่เที่ยวค่ะ>>

แบ่งปันรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวถ้ำนาคา ไม่มีรถส่วนตัว แวะไปรื่นระรัวทัวร์ได้อย่างสบายอุรา มีที่ใหนบ้างหนา ตามไปลั๊ลลากันเลย คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

แบ่งปันเด้อกับทริปเช่ารถขับเที่ยวสกลนคร มีที่ใหนน่าไปออนซอนบ้าง คลิ๊กดูรีวิว>>

มาเด้อ..แบกเป้มารีวิวเที่ยวสกลนคร แวะไปออนซอนเช็กอินตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งดูกันจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

ตอนจบทริปรีวิวแบกเป้เที่ยวกรุงโคเปนเฮเกน ในเดนมาร์ก มีที่เที่ยวอะไรบ้าง>>>

ตอนจบกับรีวิวแบกเป้เที่ยวกรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงแห่งเดนมาร์ก มีที่เที่ยวอะไรให้แวะเช็กอินถ่ายภาพอะไรบ้าง ตามไปดูกันค่ะ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

เก็บตกรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวแวะเที่ยวเมืองคอเลง เมืองเล็กๆน่ารัก ตามไปดูกันจ้า>>

รีวิวแบกเป้เดินทางไกล แวะไปเที่ยวเมืองคอเลง เมืองเล็กๆน่ารัก ที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน มีที่เที่ยวอะไรบ้างนั้น ตามไปชมกันค่ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

แบ่งปันรีวิวเที่ยวเมืองสตูล เมืองน่าอยู่ เดินดูภาพ street Art ตามไปเที่ยวกันค่ะ>>

มาม๊ะ..มารีวิวเที่ยวเมืองสตูล เมืองเล็กๆน่าอยู่ เดินเช็กอินดูภาพ street art มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรอีกบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

แบ่งปันทริปรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวเมืองฮ้มบูร์ก มีที่เที่ยวอะไรให้เช็กอินบ้าง>>>

เก็บตกรีวิวเปิดโลกกว้าง เดินทางไปเที่ยวเมืองฮัมบูร์ก เมืองท่าเรือเก่าแก่ มีแหล่งท่องเที่ยวอะไรให้แลชมกันบ้าง คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

เก็บตกรีวิวเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ ดำน้ำดูปะการังใน 1 วัน ไปที่ใหนบ้าง ตามไปชมกันค่ะ>>>

แบ่งปันรีวิวแบกเป้เที่ยวเกาะหลีเป๊ะ กับทริปโปรแกรมดำน้ำดูปะการัง 600 บาทใน 1 วัน ไปเที่ยวเกาะใหนบ้างนั้น ตามไปชมกันเลยจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

เปิดโลกกว้าง ทริปรีวิวเที่ยวกรุงเบอร์ลิน มีแหล่งท่องเที่ยวอะไรให้เช็กอินบ้าง>>>
แบ่งปันทริปรีวิวแบกเป้เที่ยวกรุงเบอร์ลิน เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้เช็กอินบ้าง แวะตามไปเที่ยวชมกันดูจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

เก็บตกแบกเป้ไปเที่ยวแม่สอดในฤดูฝน มีที่เทียวสุขล้นดลฤทัย ที่ใหนบ้าง ตามไปดูกัน>>>
เก็บตก รีวิวเที่ยวอำเภอแม่สอด และอำเภอบ้านตากในฤดูฝน สวยสุขล้นธรรมชาติสดใส มีที่เที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกันจ้า คลิ๊กดูรีวิวภาพที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น