|
และเพื่อไม่ให้เว็ปไซต์ร้างลาไป เก็บตกแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวทริปนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมารีวิวเที่ยวบึงกาฬ เช่ารถมอเตอร์ไซต์ไปยลตระการตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อค่ะ |
ก็ขอสวัสดีคุณผู้อ่านที่น่ารัก และเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนทุกๆคนค่ะ กลับมาพบปะทักทายซำบายดีกันอีกครั้งนะคะ กับบทความบล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน ที่จะพาคุณผู้อ่านไปลัดเลาะ ท่องเที่ยวทั่วแคว้นแดนไทย และบางทริปอาจตะลุยไปไกลถึงทั่วโลกก็มี หลังจากที่บทความบล็อกตอนที่แล้ว ได้มารีวิวลุยเดี่ยวแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวถ้ำนาคา หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่ที่มีชื่อเสียงมาแรงที่สุดอีกแห่ง ซึ่งเดี๊ยนได้เขียนรีวิวไว้แล้วตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2021/04/Backpack-travel-Naka-Cave-Bueng-Kan.html
และสำหรับทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวทริปนี้ เดี๊ยนคุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ก็ขอมารีวิวเที่ยวเมืองบึงกาฬต่อค่ะ แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูแล้ง หรือเข้าสู่หน้าร้อนแล้วก็ตาม แต่เมืองบึงกาฬ ก็ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีสถานที่น่าสนใจให้แวะไปถ่ายรูปเช็กอินหลายแห่ง เพราะมีนักเดินทางหลายๆคนที่แนะนำไว้ในบล็อกท่องเที่ยวต่างๆบอกว่า หากมาเที่ยวบึงกาฬแนะนำว่าให้มาเที่ยวช่วงฤดูฝน เพราะว่าไม่ร้อนและยังมีน้ำตกสวยงามให้ไปเยี่ยมชมและสัมผัสกันอย่างเย็นชื่นรื่นฤทัยอีกด้วย แต่ใหนๆก็จัดทริปมาเที่ยวถึงแดนดินถิ่นอีสานเหนือทั้งที หากจะรอเข้าสู่ช่วงหน้าฝนกลางปี เดี๊ยนมีหวังว่าคงไม่ได้มาเที่ยวบึงกาฬแน่นอนค่ะ เพราะเกรงว่าจะต้องไปสาระวนอยู่กับการทำงานประจำซ่ะมากกว่าค่ะ
|
แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูแล้ง หรือเข้าสู่หน้าร้อนแล้วก็ตาม แต่เมืองบึงกาฬ ก็ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีสถานที่น่าสนใจให้แวะไปถ่ายรูปเช็กอินหลายแห่ง |
ในการเดินทางทริปนี้ แม้ว่าจะไม่ได้มีรถส่วนตัวขับเหมือนนักท่องเที่ยวอื่นๆ แต่เดี๊ยนก็ได้วางแผนติดต่อร้านเช่ารถมอเตอรไซต์ในเมืองบึงกาฬไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้การเดินทางครั้งนี้ ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไปว่าจะเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งอย่างไร โดยเดี๊ยนได้เช่ารถมอเตอร์ไซต์สองล้อของโรงแรมไว้ก่อนมาเที่ยวเมืองบึงกาฬเลยค่ะ และก่อนที่จะเข้าสู่ภาพรีวิวแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองบึงกาฬ เราก็มารู้จักประวัติของจังหวัดบึงกาฬ ก่อนสักเล็กน้อยพอสังเขป
|
เรื่องน่ารู้เล็กน้อยๆพอสังเขปเกี่ยวกับ เมืองบึงกาฬ (About Bueng Kan Province ) |
เรื่องน่ารู้เล็กน้อยๆพอสังเขปเกี่ยวกับ เมืองบึงกาฬ (About Bueng Kan Province )
สำหรับเมืองบึงกาฬ จัดเป็นเมืองเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของไทยในภาคตะวันออกเฉียงหรือภาคอีสาน ที่พึ่งถูกจัดตั้งเป็นจังหวัดใหม่ของไทยล่าสุดในเมื่อปี 2554 ซึ่งแยกการปกครองออกจากจังหวัดหนองคาย จึงมีผลทำให้เป็นจังหวัดลำดับที่ 76 ของประเทศไทย และยังเป็นจังหวัดที่มีเขตพื้นที่ติดต่อกับประเทศลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นแนวพรมแดน และยังมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน แต่เดิมทีนั้น บึงกาฬ เดิมเป็น อำเภอไชยบุรี ในเขตการปกครองของ จังหวัดนครพนม ซึ่งมีที่ว่าการอำเภอ ตั้งอยู่ที่บริเวณปากน้ำสงคราม ไชยบุรี เดิมชื่อ "เมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี" อยู่ในเขตการปกครองของเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของไทยในสมัยนั้น
|
แต่เดิมทีนั้น บึงกาฬ เดิมเป็น อำเภอไชยบุรี ในเขตการปกครองของ จังหวัดนครพนม ซึ่งมีที่ว่าการอำเภอ ตั้งอยู่ที่บริเวณปากน้ำสงคราม ไชยบุรี เดิมชื่อ "เมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี" |
ตามแผ่นศิลาจารึกที่วัดไตรภูมินั้น ประวัติของเมืองไชยบุรี ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2351 หัวหน้าชาวไทยญ้อชื่อ ท้าวหม้อและนางสุนันทา ได้พาบุตรและบ่าวไพร่ อพยพโยกย้ายผู้คนพลเมืองจากเมืองหงสา (ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ตอนเหนือเมืองหลวงพระบาง) อพยพลงมาตามแม่น้ำโขง ลงมาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณปากน้ำสงครามในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ได้รวบรวมผู้คนมาสร้างเมืองใหม่ขึ้น และตั้งชื่อว่า “เมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี” ขึ้นตรงต่อเมืองเวียงจันทน์ เจ้าผู้ครองนครเวียงจันทน์ ได้ตั้งให้ท้าวหม้อเป็นพระยาหงสาวดี และท้าวเล็กน้องชายท้าวหม้อเป็นอุปราชวังหน้า ท้าวหม้อมีบุตรชายคนโตชื่อท้าวโสม
|
ชื่อเดิมตามศิลาจารึกว่า "เมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี" นั้นหมายถึงเมืองที่มีชัยชนะและอุดมสมบูรณ์ |
ซึ่งชื่อเดิมตามศิลาจารึกว่า "เมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี" นั้นหมายถึงเมืองที่มีชัยชนะและอุดมสมบูรณ์ ที่ได้ชื่ออย่างนี้ก็เพราะว่า ในสมัยที่ตั้งเมืองนั้นมีการทำสงครามระหว่างกรุงเทพฯ - เมืองเวียงจันทน์ - ญวนอยู่บ่อยๆ สำหรับเรื่องความอุดมสมบูรณ์นั้นเล่ากันว่า ไชยบุรีเป็นเมืองที่ "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" อย่างอุดมสมบูรณ์เพราะตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงและแม่น้ำสงครามจึงจับปลา ได้อย่างสะดวก
|
ต่อมา พ.ศ. 2459 มีประกาศพระบรมราชโองการเรื่อง โอนอำเภอไชยบุรีไปขึ้นจังหวัดหนองคาย ลงวันที่ 22 มีนาคม 2459 |
ครั้นในปีต่อมา พ.ศ. 2459 มีประกาศพระบรมราชโองการเรื่อง โอนอำเภอไชยบุรีไปขึ้นจังหวัดหนองคาย ลงวันที่ 22 มีนาคม 2459 มีความว่าทรงทราบฝ่าละอองธุรีพระบาทว่าอำเภอไชยบุรี ซึ่งเป็นอำเภอขึ้นจังหวัดนครพนมเวลานี้ (พ.ศ. 2459) มีท้องที่และระยะทางห่างไกลจากจังหวัดนครพนมมาก เป็นการลำบากแก่ราษฎรที่อยู่ในแขวงอำเภอไชยบุรี ผู้มีกิจสุขทุกข์จะมายังจังหวัดนครพนมและทั้งไม่เหมาะแก่การปกครอง จึงทรงพระราชดำริว่าสมควรจะโอนอำเภอไชยบุรี มาขึ้นจังหวัดหนองคาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้โอนอำเภอไชยบุรีมาขึ้นจังหวัดหนองคาย ตั้งแต่บัดนี้ (พ.ศ. 2459) เป็นต้นไป
|
ชาวบ้านเรียก "บึงกาญจน์" เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป จึงได้พิจารณาและจัดทำรายงานไปยังกระทรวงมหาดไทย ขอเปลี่ยนแปลงชื่ออำเภอไชยบุรีเป็น "อำเภอบึงกาญจน์" ตั้งแต่นั้นมา |
และเมื่อปี พ.ศ. 2475 ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยท่านหนึ่งเดินทางมาตรวจราชการที่อำเภอไชยบุรี จังหวัดหนองคายพบว่า หมู่บ้านบึงกาญจน์ มีหนองน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง กว้างประมาณ 160 เมตร ยาวประมาณ 3,000 เมตร มีน้ำขังตลอดปี ชาวบ้านได้อาศัยน้ำในบึงแห่งนี้บริโภคและใช้สอย ชาวบ้านเรียก "บึงกาญจน์" เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป จึงได้พิจารณาและจัดทำรายงานไปยังกระทรวงมหาดไทย ขอเปลี่ยนแปลงชื่ออำเภอไชยบุรีเป็น "อำเภอบึงกาญจน์" ตั้งแต่นั้นมา
|
บึงกาญจน์ ซึ่งแปลว่าน้ำสีทองนั้น ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เพราะน้ำเป็นสีคล้ำค่อนข้างดำ จึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่ให้สอดคล้องกับความหมาย และความเป็นจริงของน้ำในบึงว่า “บึงกาฬ” |
ปี พ.ศ. 2477 ทางราชการได้พิจารณาเห็นว่า บึงกาญจน์ ซึ่งแปลว่าน้ำสีทองนั้น ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เพราะน้ำเป็นสีคล้ำค่อนข้างดำ จึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่ให้สอดคล้องกับความหมาย และความเป็นจริงของน้ำในบึงว่า “บึงกาฬ” ทางการจึงได้เปลี่ยนชื่อ อำเภอบึงกาญจน์ เป็น"อำเภอบึงกาฬ" เพื่อความสะดวกและเข้าใจง่าย นายอำเภอคนแรกคือ รองอำมาตย์โท พระบริบาลศุภกิจ (คำสาย ศิริขันธ์) ต่อมาได้แยกอำเภอเซกา อำเภอพรเจริญ อำเภอศรีวิไล และ อำเภอบุ่งคล้า ออกจากอำเภอบึงกาฬ ตามลำดับ
|
เมื่อวันที่ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554 ก็ได้มีการจัดตั้ง เมืองบึงกาฬ เป็นจังหวัดบึงกาฬขึ้น |
ต่อมาเมื่อวันที่ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554 ก็ได้มีการจัดตั้ง เมืองบึงกาฬ เป็นจังหวัดบึงกาฬขึ้น โดยแยกอำเภอบึงกาฬ อำเภอเซกา อำเภอโซ่พิสัย อำเภอบุ่งคล้า อำเภอบึงโขงหลง อำเภอปากคาด อำเภอพรเจริญ และอำเภอศรีวิไล ออกจากการปกครองของจังหวัดหนองคาย จังหวัดบึงกาฬ จัดตั้งเป็นจังหวัดลำดับที่ 76 ของประเทศไทย เป็นจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองที่สำคัญของจังหวัดแถบลุ่มแม่น้ำโขง
|
จังหวัดบึงกาฬมีคำขวัญประจำจังหวัดคือ คำขวัญ: ภูทอกแหล่งพระธรรม ค่าล้ำยางพารา งามตาแก่งอาฮง บึงโขงหลงเพลินใจ น้ำตกใสเจ็ดสี ประเพณีแข่งเรือ เหนือสุดแดนอีสาน นมัสการหลวงพ่อใหญ่ ศูนย์รวมใจศาลสองนาง |
โดยจังหวัดบึงกาฬมีคำขวัญประจำจังหวัดคือ คำขวัญ: ภูทอกแหล่งพระธรรม ค่าล้ำยางพารา งามตาแก่งอาฮง บึงโขงหลงเพลินใจ น้ำตกใสเจ็ดสี ประเพณีแข่งเรือ เหนือสุดแดนอีสาน นมัสการหลวงพ่อใหญ่ ศูนย์รวมใจศาลสองนาง
|
สภาพภูมิประเทศ จังหวัดบึงกาฬเป็นจังหวัดที่มีสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ แวดล้อมไปด้วยภูเขาและน้ำตกที่สวยงาม |
ในส่วนของสภาพภูมิประเทศ จังหวัดบึงกาฬเป็นจังหวัดที่มีสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ แวดล้อมไปด้วยภูเขาและน้ำตกที่สวยงาม เช่น น้ำตกเจ็ดสี, น้ำตกตากชะแนน ที่อยู่ภายในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัว พื้นที่ส่วนใหญ่ในจังหวัดเป็นที่ราบลุ่ม
|
สภาพอากาศของบึงกาฬ สภาพอากาศ ภูมิอากาศที่จังหวัดบึงกาฬค่อนข้างดี เพราะได้อิทธิพลจากแม่น้ำโขงทำให้อากาศไม่ร้อนมากในช่วงถดูร้อน |
และสภาพอากาศของบึงกาฬ สภาพอากาศ ภูมิอากาศที่จังหวัดบึงกาฬค่อนข้างดี เพราะได้อิทธิพลจากแม่น้ำโขงทำให้อากาศไม่ร้อนมากในช่วงถดูร้อน ในฤดูหนาวอากาศดีเหมาะแก่การท่องเที่ยวและพักผ่อนโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญจังหวัดบึงกาฬมักจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจองห้องพักต่อเนื่อง ทำให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องที่อีกด้วย
เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดบึงกาฬ
และหลังจากที่ได้อ่านข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเมืองบึงกาฬกับแบบพอสังเขปกันไปแล้วนะคะ ต่อไปก็ตามมาดูภาพรีวิวการเดินทางไปเที่ยวบึงกาฬกันต่อเลยค่ะ
เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ เขียนต่อจากรีวิวตอนที่แล้ว อรุณเบิกฟ้าเช้าวันใหม่ หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมเรือนไทยเกสต์เฮ้าส์แล้ว ก็เช็กเอาท์ออกจากที่พัก ;
https://khunnaiver.blogspot.com/2021/04/Backpack-travel-Naka-Cave-Bueng-Kan.html |
ใช้บริการรถแท๊กซี่ส่วนบุคคลของโรงแรมเรือนไทยเกสต์เฮ้าบึงโขงหลง บริการมาส่งทีสี่แยกดงบัง เพื่อซื้อตั๋วรถโดยสารเดินทางไปยังตัวเมืองบึงกาฬ |
และใช้บริการรถแท๊กซี่ส่วนบุคคลของโรงแรมเรือนไทยเกสต์เฮ้าบึงโขงหลง บริการมาส่งทีสี่แยกดงบัง เพื่อซื้อตั๋วรถโดยสารเดินทางไปยังตัวเมืองบึงกาฬ ซึ่งระยะทางจากตัวอำเภอบึงโขงหลง-มาที่สี่แยกดงบังประมาณ 12 กิโลเมตรค่ะ
พอมาถึงสี่แยกดงบัง ก็มาติดต่อซื้อตั๋วรถที่ผ่านไปเมืองบึงกาฬที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเลยค่ะ มีอยู่ร้านเดียวตรงสี่แยกดงบัง โดยมีรถโดยสารหลายสายที่ผ่านบึงกาฬ เช่นรถตู้สาย 224 และรถตู้สายอื่นๆเช่น สายนครพนมอีกด้วย
|
รถบัสโดยสารที่ดิฉันเดินทางไปบึงกาฬ ก็ไม่ใช่รถตู้นะคะ เป็นรถมินิบัส นั่งสบายดี ไม่แออัดเหมือนรถตู้ค่ะ |
โดยรถบัสโดยสารที่ดิฉันเดินทางไปบึงกาฬ ก็ไม่ใช่รถตู้นะคะ เป็นรถมินิบัส นั่งสบายดี ไม่แออัดเหมือนรถตู้ค่ะ
|
นั่งรถโดยสารสายอุดร-บ้านแพง ราคา 80 บาทค่ะ |
ซึ่งเป็นรถโดยสารอุดร-บ้านแพงสาย224 ราคา 80 บาทจ้า
ส่วนระยะทางออกจากสี่แยกดงบัง มาเมื่องบึงกาฬประมาณ 75 กิโลเมตรค่ะ
|
เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งจากสี่แยกดงบัง ก็มาถึงสถานีขนส่งเมืองบึงกาฬแล้วค่ะ |
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งจากสี่แยกดงบัง ก็มาถึงสถานีขนส่งเมืองบึงกาฬแล้วค่ะ
|
จากนั้นก็ติดต่อใช้บริการรถสามล้อเครื่อง หรือรถตุ๊กๆอีสาน เพื่อเดินทางไปยังโรงแรมที่พักคืนนี้ |
ต่อจากนั้นก็ติดต่อใช้บริการรถสามล้อเครื่อง หรือรถตุ๊กๆอีสาน เพื่อเดินทางไปยังโรงแรมที่พักคืนนี้
|
ทริปนี้เดี๊ยนเลือกพักที่โรงแรมเป็นหนึ่งรีสอร์ท เนื่องจากว่าทางโรงแรมมีรถมอเตอร์ไซต์ให้เช่าด้วย |
โดยทริปนี้เดี๊ยนเลือกพักที่โรงแรมเป็นหนึ่งรีสอร์ท เนื่องจากว่าทางโรงแรมมีรถมอเตอร์ไซต์ให้เช่าด้วย จริงๆแล้วจะพักอีกโรงแรม แต่ด้วยไม่สามารถหารถมอเตอร์ให้ได้ เลยต้องมาพักที่โรงแรมนี้ค่ะ
|
ราคาห้องพักตกคืนละ 600 บาท ห้องพักกว้างขวางนะคะ แต่ค่อนข้างมีกลิ่นอับชื้นไปหน่อย |
ซึ่งสภาพห้องพักที่โรงแรมเป็นหนึ่งรีสอร์ท ราคาห้องพักตกคืนละ 600 บาท ห้องพักกว้างขวางนะคะ แต่ค่อนข้างมีกลิ่นอับชื้นไปหน่อย ต้องเปิดหน้าหรือเปิดพัดลมระบาย ช่วยลดกลิ่นได้ระดับนึง
ภายในห้องพักมีทีวี ตู้เย็น น้ำดื่มฟรี
ห้องน้ำส่วนตัว มีโซนแบ่งห้องอาบน้ำแยก และมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้
|
หน้าห้องพักมีโต๊ะนั่งระเบียงทานข้าวได้ แต่ตอนหัวค่ำยุงเยอะไปหน่อยค่ะ แนะนำว่านั่งอยู่ในห้องดีกว่า |
ด้านหน้าห้องพักมีโต๊ะนั่งระเบียงทานข้าวได้ แต่ตอนหัวค่ำยุงเยอะไปหน่อยค่ะ แนะนำว่านั่งอยู่ในห้องดีกว่า ส่วนความเร็ว Inter Wifi ก็ถือว่าความเร็วอยู่ค่ะ สรุปห้องพักที่โรงแรมเป็นหนึ่งรีสอร์ทในเมืองบึงกาฬ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้ค่ะ หากใครที่จะมาแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวบึงกาฬคนเดียว และหากร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ไม่ได้ ก็สามารถมาพักค้างและเช่ารถมอเตอร์ไซต์ที่โรงแรมนี้ได้นะคะ
|
และก็ได้ติดต่อเช่ารถมอเตอร์ไซต์ของทางโรงแรมไว้แล้วค่ะ |
และก็ได้ติดต่อเช่ารถมอเตอร์ไซต์ของทางโรงแรมไว้แล้วค่ะ
เนื่องจากหาข้อมูลร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ในเมืองบึงกาฬใน Google แล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ เดี๊ยนเลยติดต่อตามโรงแรมเอาค่ะ ปรากฎว่ามีโรงแรมเป็นหนึ่งรีสอร์ท ที่มีรถมอเตอร์ไซต์ให้เช่า เลยต้องมาเลือกพักที่นี่
|
ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ในบึงกาฬ ตกวันละ 250 บาทค่ะ |
ซึ่งค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ในบึงกาฬ ตกวันละ 250 บาทค่ะ
มีค่ามัดจำรถ 1,000 บาท
ส่วนน้ำมันรถเติมคืนเต็มถัง
เมื่อได้รถมอเตอร์ไซต์เป็นพาหนะส่วนตัวแล้ว ก็สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆได้อย่างสะดวกสบาย
|
ต่อไปก็มาตะลอนเช่ารถขับมอเตอร์ไซต์เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในบึงกาฬกันเลยค่ะ |
ค่ะและหลังจากที่จบเรื่องรีวิวการเดินทางมาสถานีขนส่งผู้โดยสาร บขส.บึงกาฬและรีวิวโรงแรมเป็นหนึ่งรีสอร์ทไปเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็มาตะลอนเช่ารถขับมอเตอร์ไซต์เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในบึงกาฬกันเลยค่ะ
|
ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้แผ่นที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬมาให้เปิดดูข้อมูลอีกด้วย |
ซึ่งตอนที่เดี๊ยนเดินทางมาถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารบึงกาฬ เดี๊ยนก็ได้ติดต่อแผนกประชาสัมพันธ์เพื่อขอทราบข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวในบึงกาฬ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้แผ่นที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬมาให้เปิดดูข้อมูลอีกด้วย ส่วนจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้างนั้น วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมาสรุปจุดเช็กอินที่เที่ยวสวยๆ มาให้สไลด์เลื่อนดูกันดังนี้ค่ะ
|
บรรยากาศในตัวเมืองบึงกาฬก็ไม่ได้วุ่นวายเหมือนเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ออกสไตล์ชนบทเป็นอาคารเรือนไม้แบบเรียบง่าย |
ในส่วนของอาหารการกินยามเช้า ที่เมืองบึงกาฬก็มีร้านอาหารอร่อยๆให้แวะไปลิ้มลองทานหลายแห่งเลยค่ะ โดยบรรยากาศในตัวเมืองบึงกาฬก็ไม่ได้วุ่นวายเหมือนเมืองท่องเที่ยวใหญ่ ออกสไตล์ชนบทเป็นอาคารเรือนไม้ ดูไปแล้วก็คล้ายๆกับเชียงคาน อะไรประมาณนั้น
|
อาหารการกินถ้านึกไม่ออก ก็คงไปจบที่ผัดกะเพราหมูสับไข่ดาวค่ะ |
ส่วนอาหารการกินถ้านึกไม่ออก ก็คงไปจบที่ผัดกะเพราหมูสับไข่ดาวค่ะ อาหารสิ้นคิด ทานง่าย อร่อยด้วยค่ะ
|
ใครที่มาเที่ยวแถบบึงกาฬ ก็คงไม่พลาดจะต้องแวะมาลิ้มลองทานข้าวจี่ปากซันดูนะคะ |
หากใครที่มาเที่ยวแถบบึงกาฬ ก็คงไม่พลาดจะต้องแวะมาลิ้มลองทานข้าวจี่ หรือแซนสวิสฝรั่งเศสไตล์อีสานสักหน่อยล่ะค่ะ
|
จัดไปค่ะ 1 กล่อง ของร้านข้าวจี่ปาเต้ สาขาปากซัน บึงกาฬ กล่องล่ะ 50 บาท |
ใหนๆก็มาทั้งที ก็จัดไปค่ะ 1 กล่อง ของร้านข้าวจี่ปาเต้ สาขาปากซัน บึงกาฬ กล่องล่ะ 50 บาท
|
ในส่วนความพิเศษของข้าวจึ่สไตล์อีสาน ก็คงเป็นตัวแป้งขนมปังที่นิ่มนุ่ม ไม่แข็งเหมือนแป้งขนมปังฝรั่งเศส |
และในส่วนความพิเศษของข้าวจึ่สไตล์อีสาน ก็คงเป็นตัวแป้งขนมปังที่นิ่มนุ่ม ไม่แข็งเหมือนแป้งขนมปังฝรั่งเศส และมีกลิ่นของเนย ไส้ด้านในเป็นหมูยอมีแครอทและผักอื่นๆกลิ่นหอม รสชาติออกเค็ม ทานกับน้ำจิ้มเปรี้ยวหวานคล้ายน้ำจิ้มลูกชิ้น ทานไปแล้วรสชาติอร่อยมากๆ นึกแล้วก็อยากทานอีกค่ะ
และเมื่อได้รับประทานอาหารมื้อเที่ยงจนอิ่มแล้วก็ขับรถมอเตอร์ไซต์ฝ่าแดดร้อนๆ ไปออนซอนไปเช็กอินตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆต่อค่ะ
ซึ่งในบึงกาฬมีสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดตาและตราตรึงใจ งามวิไลอยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะใครที่ชอบถ่ายรูป ต้องไม่พลาดไปเช็กอินที่หินสามวาฬ เรียกว่าช่วงนี้ฮอตฮิต ติดลมบนสุดๆ
นอกจากนี้ยังมีผลไม้ป่าแปลกๆแถบอีสานให้ลิ้มลองชิมกันด้วย ลักษณะคล้ายลูกหว้าแต่ผลเล็กว่า มีสีแดงๆ คนแถบนี้เรียกผลไม้นี้ว่า หมากหวดข่า รสชาติออกหวานๆฝาดๆ อร่อยดีค่ะ เพราะในกรุงเทพไม่มีขายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำเลย
|
ก็กลับไปเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมที่พัก จากนั้นก็นั่งสามล้อเครื่อง มายังสถานีขนส่งบึงกาฬ |
หลังจากที่ได้เช่ารถมอเตอร์ไซต์ตะลอนขับเช็กอินถ่ายรูปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแล้ว ก็กลับไปเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมที่พัก จากนั้นก็นั่งสามล้อเครื่อง มายังสถานีขนส่งบึงกาฬ เพื่อซื้อตั๋วรถตู้โดยสารสาย 224
|
นั่งรถตู้โดยสารออกจากเมืองบึงกาฬ ไปสุดปลายทางที่ ห้างเซ็นทรัลพลาซ่าอุดรธานี |
แล้วก็นั่งรถตู้โดยสารออกจากเมืองบึงกาฬ ไปสุดปลายทางที่ ห้างเซ็นทรัลพลาซ่าอุดรธานี ซึ่งระยะทางค่อนข้างไกลพอสมควร เพราะผ่านหลายอำเภอ ผ่านเมืองคาย ก็จะมาหยุดสุดทางที่เมืองใหญ่อย่างอุดรธานี
|
ถึงห้างเซ็นทรัลพลาซ่า จากนั้นก็ใช้บริการนั่งรถแท๊กซี่มาที่สนามบินอุดรธานี เพื่อมาให้ทันเวลาเช็กอิน และเดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพค่ะ. |
ใช้เวลานั่งรถตู้โดยสารจากบึงกาฬ มาสุดปลายทางที่เมืองอุดร เกือบ 3 ชั่วโมง ก็ถึงห้างเซ็นทรัลพลาซ่า จากนั้นก็ใช้บริการนั่งรถแท๊กซี่มาที่สนามบินอุดรธานี เพื่อมาให้ทันเวลาเช็กอิน และเดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพค่ะ....เป็นอับจบทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวสกลนคร-ถ้ำนาคา-เมืองบึงกาฬค่ะ
สำหรับทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวบึงกาฬ ก็ขอจบแต่งเพียงเท่านี้ จริงๆแล้วในบึงกาฬ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้แวะไปเที่ยวชมอีกมากมายหลายแห่งเลยค่ะ วันหยุดลาพักร้อนกลางปีหน้าฝนนี้ เพื่อนๆคุณผู้อ่านที่รักการทัศนาจร ก็ลองแวะมาออนซอนเที่ยวชมกันดูนะคะ รับรองว่าได้สวยงามถูกใจ แถมได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับไปอย่างแน่นอนค่ะ
ก่อนจบก็ต้องขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆคน ที่เสียสละเวลาเข้ามาสุขล้นเปิดสไลด์เลื่อนดูกัน หากข้อมูลดังกล่าวในเว็ปบล็อก มีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันต้องขออภัยด้วยนะคะ หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไปค่ะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
----------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้
0 ความคิดเห็น