|
กลับมาอีกครั้งกับบล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน และเพื่อไม่ให้เว็ปไซต์ร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมารีวิวเช่ารถขับตะลอนเที่ยวเมืองสกลนคร แวะออนซอนชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อ |
ก็ขอทักทาย ซำบายดี สวีดัด สวัสดีคุณผู้อ่านและเหล่านักรักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจที่น่ารักทุกๆคนค่ะ.........นานกาลโขแล้วค่ะ ที่ไม่ได้ไปเยือนเมืองสกลนคร อีกหนึ่งเมืองที่ต้องแวะไปออนซอน เที่ยวสักครั้งครา หลังจากที่ต้องกักตัวอยู่บ้านนาน ไม่ได้ไปเริงสำราญที่ใหนไกล เนื่องจากโรคระบาดก็ผงาดไปทั่วแคว้น กว่าจะซาก็ใช้เวลาเป็นเดือน ในช่วงต้นฤดูร้อนทริปนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอจัดทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเมืองสกลนครนครอีกดีกว่า เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้แวะไปเช็กอินอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจอยู่หลายแห่ง อีกทั้งยังมีอาหารท้องถิ่นรสชาติแซ่บคั๊กอีกหลี ให้ฉิมพลีลิ้มลองทานกันอย่างเบิกบานซ่าบซ่านถึงทรวงในอีกด้วย
สำหรับทริปแบกเป้คนเดียวเที่ยวสกลนครครั้งนี้ ก็วางแผนนอนพักค้างแรมในตัวเมืองสกลนคร 2 คืน ก่อนที่จะดาดาษดืน รื่นรมย์เดินทางไปสุขสมฤทัยยังเมืองถัดไป ซึ่งแน่นอนว่าการไปสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งก็ต้องใช้พาหนะในการเดินทาง ทริปนี้ก็เลยติดต่อเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยว เพื่อที่จะได้สะดวกในการเดินทางลัดเลาะไปตามซอกตรอกซอย และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้อย่างสะดวกค่ะ
ซึ่งหากเพื่อนๆนักทัศนาจรคนใหน ที่จะแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวสกลนครคนเดียวแบบคุณนายเว่อร์ และเป็นสไตล์ลุยๆขาแว๊น ก็สามารถติดต่อร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ล่วงหน้าได้นะคะ ค้นหาใน Google ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ชื่ออัมพร แต่ร้านเช่ารถอื่นในเมืองสกลก็น่าจะมีบริการด้วยเช่นกัน อันนี้เดี๊ยนเองก็มิทราบได้แน่ชัด ต้องไปพิจารณาเลือกกันอีกที แล้วแต่ที่จะสะดวกใจ
|
และก่อนที่จะเข้าสู่ภาพรีวิวท่องเที่ยวของคุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า เราก็มาทำความรู้จักเมืองสกลครให้ออนซอนสักเล็กน้อยนะคะ |
และก่อนที่จะเข้าสู่ภาพรีวิวท่องเที่ยวแนวๆโกโรโกโส สับปะรังเคของคุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า เราก็มาทำความรู้จักเมืองสกลครให้ออนซอนมากกว่านี้ซักหน่อยนะคะ มาดูสิว่าประวัติเมืองสกลนครอันเก่าแก่แห่งมีที่มาอย่างไร เลยขอสรรหาสารน่ารู้มาให้สไลด์เลื่อนอ่านฆ่าเวลากันก่อน จะออนซอนไปดูรีวิวภาพที่เที่ยวค่ะ
|
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองสกลนคร เมืองแห่งตำนานหนองน้ำเก่าแก่แห่งภาคอีสาน (About Sakon Nakhon City, Northern of Thailand) |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองสกลนคร เมืองแห่งตำนานหนองน้ำเก่าแก่แห่งภาคอีสาน (About Sakon Nakhon City, Northern of Thailand)
จังหวัดสกลนครเป็นอีกหนึ่งจังหวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยมีการขุดพบฟอสซิลไดโนเสาร์บริเวณแนวทิวเขาภูพาน อำเภอวาริชภูมิ ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ ชุมชนโบราณในพื้นที่จังหวัดสกลนครอยู่ร่วมสมัยเดียวกับอารยธรรมบ้านเชียงในจังหวัดอุดรธานี จากการสำรวจแหล่งชุมชนโบราณในพื้นที่แอ่งสกลนคร บริเวณลุ่มแม่น้ำสงครามครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของอำเภอบ้านดุง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี อำเภอสว่างแดนดิน อำเภอวาริชภูมิ อำเภอพังโคน อำเภอวานรนิวาส อำเภอพรรณานิคม และรอบ ๆ หนองหาน อำเภอเมืองสกลนคร พบแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์จำนวน 83 แห่ง ชุมชนโบราณของแอ่งสกลนครนี้มีอายุประมาณ 600 ปีก่อนพุทธกาลจนถึงพุทธศตวรรษที่ 8 (ระหว่าง 3,000-1,800 ปีมาแล้ว) จากหลักฐานการค้นพบต่าง ๆ ของที่นี่พบว่า ชุมชนโบราณในแอ่งสกลนครได้มีการรวมตัวกันเป็นสังคมขนาดใหญ่และอาจจะพัฒนาเป็นสังคมเมืองในสมัยต่อมา
|
ชื่อที่มาของ คำว่า "สกลนคร" มาจากคำภาษาบาลี และสันสกฤต สกล [สะ-กะ-ละ] ดังนั้นชื่อที่แท้จริงของเมืองหมายความว่า "นครแห่งนครทั้งมวล" |
ส่วนชื่อที่มาของ คำว่า "สกลนคร" มาจากคำภาษาบาลี และสันสกฤต สกล [สะ-กะ-ละ] หมายความว่า โดยรวม ครอบคลุม หรือทั้งหมด และคำว่า "นคร" [นะ-คะ-ระ] หมายถึงแหล่งที่อยู่หรือเมือง ดังนั้นชื่อที่แท้จริงของเมืองหมายความว่า "นครแห่งนครทั้งมวล"
|
พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม |
และคำขวัญประจังหวัดของสกลนคร ก็ดึงดูดผู้คนให้มาเยือนเมืองนี้ไม่น้อย เนื่องจากนำสถานที่สำคัญและวิถีชีวิตมาแต่งเป็นคำขวัญได้อย่างน่าสนใจ ตามคำขวัญที่ชื่อว่า พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม
|
เมืองสกลนคร แต่เดิมทีนั้น มีชื่อว่า เมืองหนองหานหลวง แห่งอาณาจักรขอมโบราณ |
ซึ่งเมืองสกลนคร แต่เดิมทีนั้น มีชื่อว่า เมืองหนองหานหลวง แห่งอาณาจักรขอมโบราณ โดยขุนขอมราชบุตรเจ้าเมืองอินทปัฐนคร ซึ่งได้อพยพครอบครัวและบ่าวไพร่มาจากเมืองเขมร มาสร้างเมืองใหม่ที่ริมหนองหานหลวง บริเวณท่านางอาบ ปัจจุบันเรียกว่าท่าศาลา อำเภอโคกศรีสุพรรณ มีเจ้าปกครองเรื่อยมาจนสิ้นสมัยพระเจ้าสุวรรณภิงคาระ เมื่อเกิดฝนแล้งทำให้ราษฎรอพยพไปเมืองเขมร เมืองหนองหานหลวงจึงร้างอยู่ระยะหนึ่ง
|
ครั้นถึงพุทธศตวรรษที่ 19 เมื่อสกลนครอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านช้าง จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "เชียงใหม่หนองหาน" |
ครั้นถึงพุทธศตวรรษที่ 19 เมื่อสกลนครอยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรล้านช้าง จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "เชียงใหม่หนองหาน" หรือเมืองสระหลวงหลังจากนั้นเมืองสกลนคร คงอยู่ใต้การปกครองกันไปมา ระหว่างอาณาจักรล้านช้างกับอาณาจักรสุโขทัย จนมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้คนกระจัดกระจายเป็นชุมชนเล็กๆทำมาหากินตามริมหนองหาน จ่ายส่วย อากรให้เจ้าแขวงประเทศราชศรีโคตรบอง เพื่อถวายต้นไม้เงิน ต้นไม้ทองให้แก่ราชธานีกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น
|
สกลนคร ยังเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรธรรมชาติทั้งภูเขาและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็น1ใน5จังหวัด ประกาศเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย |
นอกจากนี้แล้วสกลนคร ยังเป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรธรรมชาติทั้งภูเขาและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็น1ใน5จังหวัด ประกาศเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกด้วย ส่วนระยะทางเมืองสกลนครอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 647 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 9,605 ตารางกิโลเมตร
|
อีกทั้งยังเป็นเป็นแหล่งธรรมะ หมายถึงดินแดนแห่งธรรม โดยมีปูชนียสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาหลายแห่ง |
อีกทั้งยังเป็นเป็นแหล่งธรรมะ หมายถึงดินแดนแห่งธรรม โดยมีปูชนียสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาหลายแห่ง เช่น พระธาตุเชิงชุม พระธาตุดูม พระธาตุนารายณ์เจงเวง พระธาตุศรีมงคล พระธาตุภูเพ็ก และมีพระเกจิอาจารย์ดังที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ อาทิ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต, พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่หลุย จันทสาโร, พระอาจารย์วัน อุตตโม และหลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนแวะมาสักการะนมัสการอย่างไม่ขาดสายอีกด้วย
เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดสกลนคร
|
และเมื่อได้อ่านข้อมูลสาระน่ารู้เล็กน้อยๆเกี่ยวกับเมืองสนครกันไปแล้ว ต่อไปก็มาสไลด์เลื่อนดูภาพรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวเมืองสกลนคร กันเลยค่ะ |
และเมื่อได้อ่านข้อมูลสาระน่ารู้เล็กน้อยๆเกี่ยวกับเมืองสนครกันไปแล้ว ต่อไปก็มาสไลด์เลื่อนดูภาพรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวเมืองสกลนคร กันเลยค่ะ
|
ริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ ดิฉันนั่งเครื่องบินลงที่สนามบินนครพนม เพื่อไปทำธุระให้ทางบ้านก่อน |
เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ ดิฉันนั่งเครื่องบินลงที่สนามบินนครพนม เพื่อไปทำธุระให้ทางบ้านก่อน จากนั้นก็มาเริ่มถ่ายรูปเดินทางจริงๆที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครพนมค่ะ
|
ซื้อตั๋วโดยสารของรถสมบัติทัวร์ เนื่องจากรถออกเร็วสุดตอน 11.30 น.ค่ะ |
ซื้อตั๋วโดยสารของรถสมบัติทัวร์ เนื่องจากรถออกเร็วสุดตอน 11.30 น.ค่ะ ราคาค่าโดยสาร 80 บาท ส่วนใครที่อยากประหยัดสามารถนั่งรถบัสโดยสาร สายนครพนม-อุดรธานีได้ แต่รถออกเวลาเที่ยง
|
จากนั้นก็มานั่งรอรถออกจากสถานีขนส่งนครพนม เพื่อจะเดินทางไปรื่นรมย์ที่เมืองสกลนคร |
พอซื้อตั๋วแล้ว จากนั้นก็มานั่งรอรถออกจากสถานีขนส่งนครพนม เพื่อจะเดินทางไปรื่นรมย์ที่เมืองสกลนคร รถออกเวลา 11.30 น. รถออกตรงเวลาอยู่นะคะ ไม่โอ้เอ้แต่อย่างใด
|
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ จากจังหวัดนครพนม ก็มาถึง บขส.สกลนคร |
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ จากจังหวัดนครพนม - ก็มาถึงสถานีขนส่งรถโดยสารเมืองสกลนคร ระยะทางประมาณ 91 กิโลเมตร
|
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ก็ติดต่อเช่ารถมอเตอร์ไซต์ในเมืองสกล ให้มาส่งรถที่สถานีขนส่งรถบัสโดยสารเลยค่ะ |
ส่วนการเดินทางครั้งนี้ ก็ติดต่อเช่ารถมอเตอร์ไซต์ในเมืองสกล ให้มาส่งรถที่สถานีขนส่งรถบัสโดยสารเลยค่ะ ทางร้านก็ใจดีมาส่งอย่างรวดเร็วทันใจมาก ไม่ต้องรอรถนาน
|
ค่าใช้จ่ายในการเช่ารถมอเตอร์ไซต์ ตกวันละ 300 บาท |
โดยค่าใช้จ่ายในการเช่ารถมอเตอร์ไซต์ ตกวันละ 300 บาท
และค่ามัดจำรถเพียง 1000 บาท
น้ำมันเติมเต็มถังตอนคืนรถค่ะ
|
ได้รถมอเตอร์ไซต์เป็นยานพาหนะแล้ว ก็ขับรถออกจากสถานีขนส่ง มาเช็กอินถ่ายรูปที่หน้าประตูเมืองสกลนครก่อนเลยค่ะ |
หลังจากได้รถมอเตอร์ไซต์เป็นยานพาหนะแล้ว ก็ขับรถออกจากสถานีขนส่ง มาเช็กอินถ่ายรูปที่หน้าประตูเมืองสกลนครก่อนเลยค่ะ ประตูเมืองยิ่งใหญ่ นึกแล้วก็ดูคล้ายประตูเมืองที่ร้อยเอ็ดๆที่เคยไปเที่ยวเขียนรีวิวไว้ก่อนหน้านี้นะคะ
|
พอขับรถมอเตอร์ไซต์เข้ามาในย่านตัวเมืองสกลนคร ก็ยังมีรถสามล้อถีบออนซอนใหบริการผู้โดยสารอีกด้วย |
จากนั้นพอขับรถมอเตอร์ไซต์เข้ามาในย่านตัวเมืองสกลนคร ก็ยังมีรถสามล้อถีบออนซอนใหบริการผู้โดยสารอีกด้วย ส่วนอาคารสองฝั่งก็เป็นบ้านเรือนไม้สไตล์ชนบทนวัตวิถี เหมือนได้ย้อนวันวาน
|
เกือบจะบ่าย 2 ล่ะค่ะ ยังไม่ได้ทานอะไร มาฝากท้องไว้ที่ร้านปากหม้อปารีส ร้านดังในเมืองสกล |
เดินทางมาตั้งนาน เกือบจะบ่าย 2 ล่ะค่ะ ยังไม่ได้ทานอะไร อ่านรีวิวแนะนำร้านอาหารอร่อยๆหลายร้าน แนะนำให้มาลิ้มลองทาน ปากหม้อปารีส เลยขอมาฝากท้องดูสักหน่อยค่ะ
เข้ามาในร้านก็เห็นแม่ค้ากำลังสาระวนกำลังทำข้าวเกรียบปากหม้ออยู่พอดี
เมนูอาหารก็มีปากหม้อหลายแบบ
|
ลิ้มลองทานข้าวเกรียบปากหม้อแบบกรอบใส่ไข่สงนราคาอยู่ที่จานละ 70 บาท |
แต่ที่แซ่บสุดคงต้องต้องลิ้มลองทานข้าวเกรียบปากหม้อแบบกรอบใส่ไข่
สงนราคาอยู่ที่จานละ 70 บาท
สุดเด็ดของข้าวเกรียบปากหม้อปารีสคงเป็นน้ำอาจาด หรือน้ำจิ้ม ที่ขาดไม่ได้เลย ถ้าขาดน้ำอาจาดไปคงจะขาดรสชาติความอร่อยอย่างแน่นอนค่ะ
|
เดินทางมาเช็กอินเข้าที่พัก โดยโรงแรมที่พักทริปนี้ นอนค้างที่ โรงแรมเดอะรูม บูติก โฮเทล สกลนคร (The Room Boutique Hotel - Sakon Nakhon) |
หลังจากทานข้าวเกรียบปากหม้ออิ่มแล้ว ก็ขับรถมอเตอร์ไซต์เดินทางมาเช็กอินเข้าที่พัก โดยโรงแรมที่พักทริปนี้ นอนค้างที่ โรงแรมเดอะรูม บูติก โฮเทล สกลนคร (The Room Boutique Hotel - Sakon Nakhon)
|
ล็อบบี้เพื่อทำการเช็กอินเข้าห้องพัก บริเวณที่นั่งเป็นโซฟาตกแต่งได้น่ารักดีค่ะ |
เข้ามาในล็อบบี้เพื่อทำการเช็กอินเข้าห้องพัก บริเวณที่นั่งเป็นโซฟาตกแต่งได้น่ารักดีค่ะ
|
ส่วนโรงแรมไม่มีลิฟท์นะคะ เป็นบันไดเดินขึ้นไปชั้นบน |
ได้กุญแจห้องพักเป็นแบบ keycard ส่วนโรงแรมไม่มีลิฟท์นะคะ เป็นบันไดเดินขึ้นไปชั้นบน
|
ส่วนห้องพักราคาคืนละ 500 บาท ถือว่าถูกมากๆนะคะ |
ส่วนห้องพักราคาคืนละ 500 บาท ถือว่าถูกมากๆ เป็นห้องนอนได้ 2 คน ถ้ามาคนเดียวแบบเดี๊ยน ก็ราคาเดียวกันค่ะ โดยสภาพห้องพักขนาดกว้างขวาง ไม่แออัดหรือคับแคบเกินไป มีผ้าขนหนูเช็ดตัวและเช็ดหน้าให้ มีทีวีจอแบน ตู้เย็น และมีระเบียงติดกับห้องน้ำเปิดออกไปได้ด้วย
มีห้องน้ำในตัวและมีโซนอาบน้ำมีตู้กระจกแยกกัน ห้องอาบน้ำแบบฝักบัว ดูสะอาดสะอ้าน
|
เป็นอีกโรงแรมราคาถูกอีกแห่งในเมืองสกลนคร ที่ไม่แพง คืนละ 500 บาท ห้องพักยังดูใหม่เอี่ยมอ่องอยู่เลย |
ถือว่าเป็นอีกโรงแรมราคาถูกอีกแห่งในเมืองสกลนคร ที่ไม่แพง คืนละ 500 บาท ห้องพักยังดูใหม่เอี่ยมอ่องอยู่เลย และติดๆกันมีการสร้างโรงแรมตึกใหม่ติดๆกันด้วย สำหรับใครที่มองหาโรงแรมราคาถูกๆ แนวบูติคดูทันสมัย ก็ลองมาพักใช้บริการได้นะคะ
|
ต่อไปก็ได้เวลาออกไปเที่ยวเช็กอินตามสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองสกลนครกันต่อเลยค่ะ |
หลังจากได้เช็กอินและรีวิวโรงแรมเดอะรูม บูติก โฮเทล สกลนคร (The Room Boutique Hotel - Sakon Nakhon) แล้วนะคะ ต่อไปก็ได้เวลาออกไปเที่ยวเช็กอินตามสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองสกลนครกันต่อเลยค่ะ ซึ่งในจังหวัดสกลนครนั้น มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่มากมายหลายแห่ง
และเนื่องจากจัดทริปเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวสกลนครครั้งนี้ มีเวลาจำกัด เลยไม่สามารถเก็บแหล่งท่องเที่ยวต่างๆได้หมด วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า เลยขอมาสรุปสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองสกลนครและจุดเช็กอินถ่ายภาพที่น่าสนใจมาให้ชมกันดังนี้ค่ะ
|
1.หนองหาน (Nong Han Lake, Sakhon Nakhon City) |
|
1.หนองหาน (Nong Han Lake, Sakhon Nakhon City) |
|
1.หนองหาน (Nong Han Lake, Sakhon Nakhon City) |
|
1.หนองหาน (Nong Han Lake, Sakhon Nakhon City) |
1.หนองหาน (Nong Han Lake, Sakhon Nakhon City) เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอันโดดเด่นประจำเมืองสกลนคร โดยทะเลสาบหนองหาร หรือ ที่คนส่วนใหญ่เรียก หนองหารหลวง เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ เป็นรองจากบึงบอระเพ็ด ตั้งอยู่บริเวณอำเภอเมืองสกลนคร อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร มีเนื้อที่กว่า 77,000 ไร่ หรือ (123.2 ตารางกิโลเมตร)ความลึกเฉลี่ยประมาณ 2.0–10.0 เมตร อีกทั้งยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด นกน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญของประเทศไทย สันนิษฐานว่าหนองหารเกิดจากการยุบตัวของแผ่นเปลือกโลกอันเนื่องมาจากการถูกชะล้างของชั้นหินเกลือใต้ดินจนเกิดโพรงขนาดใหญ่ และเกิดการพังทลายยุบตัวลงเป็นหนองน้ำในเวลาต่อมา ปัจจุบันเป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำสำคัญของเมืองสกลนครอีกด้วย
|
2.วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร (Phra That Choeng Chum Temple) |
|
2.วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร (Phra That Choeng Chum Temple) |
|
2.วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร (Phra That Choeng Chum Temple) |
|
2.วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร (Phra That Choeng Chum Temple) |
|
2.วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร (Phra That Choeng Chum Temple) |
2.วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร (Phra That Choeng Chum Temple) จัดเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญที่สุดอีกแห่งของเมืองสกลนคร ภายในมีองค์พระธาตุเจดีย์สีขาว ปลายยอดสีทอง งดงามเรืองรองโดดเด่นสะดุดตา โดยองค์พระธาตุสร้างขึ้นเพื่อครอบรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ สำหรับปี พ.ศ.ที่สร้างองค์พระธาตุ ไม่กำหนดแน่ชัด ว่าสร้างแต่เมื่อใด แต่รูปแบบทางศิลปะได้รับอิทธพลมาจากอาณาจักรล้านช้าง มีทางเข้าทำเป็นซุ้มจตุรทิศ มีทางเข้าทางเดีย และภายในพระวิหารประดิษฐาน หลวงพ่อพระองค์แสน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปเชียงแสน เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนค อีกทั้งยังมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดอีกด้วย
|
3.พิพิธภัณฑ์ภูพาน (Phu Phan Museum) |
|
3.พิพิธภัณฑ์ภูพาน (Phu Phan Museum) |
|
3.พิพิธภัณฑ์ภูพาน (Phu Phan Museum) |
|
3.พิพิธภัณฑ์ภูพาน (Phu Phan Museum) |
3.พิพิธภัณฑ์ภูพาน (Phu Phan Museum) เป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ที่น่าสนใจอีกแห่งของจังหวัดสกลนคร ตั้งอยู่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 80 พรรษา ชุมชนหนองหารหลวง ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงประวัติและเรื่องน่ารู้ตามโซนห้องนิทรรศการต่างๆ อาทิเช่น ต้นกำเนิดหนองหาน ห้องแสดงอารยธรรม ห้องมหัศจรรย์ป่าภูพาน นิทรรศการเทิดพระเกียรติ, ดินแดนแห่งธรรม และติดกับๆพิพิธภัณฑ์ภูพานยังมีมีอาคารท้องฟ้าจำลอง แหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ให้เข้าไปชมและเรียนรู้กันอีกด้วย
|
4.พระตำหนักภูพานราชนิเวศ (Phu Phan Ratchaniwet palace) |
|
4.พระตำหนักภูพานราชนิเวศ (Phu Phan Ratchaniwet palace) |
|
4.พระตำหนักภูพานราชนิเวศ (Phu Phan Ratchaniwet palace) |
|
4.พระตำหนักภูพานราชนิเวศ (Phu Phan Ratchaniwet palace) |
4.พระตำหนักภูพานราชนิเวศ (Phu Phan Ratchaniwet palace) เป็นพระตำหนักที่สร้างขึ้นในบริเวณเทือกเขาภูพาน ใน พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นผู้ทรงเลือกพื้นที่สร้างพระตำหนักด้วยพระองค์เอง ทรงใช้แผนที่ทางอากาศและการเสด็จสำรวจเส้นทางบริเวณ ป่าเขา น้ำตก เป็นปัจจัยในการกำหนดเขตพื้นที่ก่อสร้างพระตำหนักและบริเวณพระตำหนักซึ่งประกอบด้วยเขตพระราชฐานชั้นในและเขตพระราชฐานชั้นนอก สำหรับการเดินทางไปเข้าสู่พระตำหนักภูพาน ตั้งอยู่ริมทางหลวงสายสกลนคร-กาฬสินธุ์ หมายเลข 213 บริเวณกิโลเมตรที่ 14 ห่างจากตัวเมืองสกลนครประมาณ 16 กิโลเมตร
|
5.วัดถ้ำผาแด่น (wat tham pha daen) |
|
5.วัดถ้ำผาแด่น (wat tham pha daen) |
|
5.วัดถ้ำผาแด่น (wat tham pha daen) |
|
5.วัดถ้ำผาแด่น (wat tham pha daen) |
|
5.วัดถ้ำผาแด่น (wat tham pha daen) |
5.วัดถ้ำผาแด่น (wat tham pha daen) เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในแนวเขตเทือกเขาภูพาน โดยวัดถ้ำผาแด่นถือว่าเป็นวัดเก่าแก่มีอายุนานนับ 100 ปีเลยก็ว่าได้ โดยทัศนีภาพภายในวัดร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ ที่ตกแต่งอย่างสวยงามโดดเด่นสะดุดตาแก่ผู้พบเห็น เสมือนนึงได้มาอยู่ในแดนสวรรค์ ผาหินแกะสลักเป็นภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธสีหไสยาสน์ ขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 19 เมตร ประดิษฐานด้านล่างหินสีทอง จนจัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักเดินทางมาเช็กอินถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย
|
6.อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ (chaloem phrakiat lotus park) |
|
6.อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ (chaloem phrakiat lotus park) |
|
6.อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ (chaloem phrakiat lotus park) |
|
6.อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ (chaloem phrakiat lotus park) |
6.อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติ (chaloem phrakiat lotus park) อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวถ่ายรูปเช็กอินสวยงามประจำจังหวัดสกลนคร โดยบึงบัวแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมบัวพันธุ์ต่างๆ และรองรับการประชุมวิชาการบัวนานาชาติปี พ.ศ.2553 ที่จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร นอกจากนี้แล้วยังเป็นสถานที่ศึกษา ค้นคว้า ของนักเรียน นักศึกษา และนักท่องเที่ยวทั่วไป รวมทั้งยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสกลนครอีกด้วย
|
7.คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ บ้านท่าแร่ (Udomdetwat's Ancient House) |
|
7.คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ บ้านท่าแร่ (Udomdetwat's Ancient House)
|
|
7.คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ บ้านท่าแร่ (Udomdetwat's Ancient House)
|
|
7.คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ บ้านท่าแร่ (Udomdetwat's Ancient House)
|
7.คฤหาสน์อุดมเดชวัฒน์ (Udomdetwat's Ancient House) อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางและจุดเช็คอินถ่ายรูปที่สวยงามอีกแห่งในจังหวัดสกลนคร โดยบ้านโบราณดังกล่าวมีสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสผสมเวียดนาม ตั้งอยู่ที่ตั้งอยู่ที่ถนนราษฎร์เจริญ บ้านท่าแร่ เป็นของนายคำสิงห์ อุดมเดช หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ องเด สร้างขึ้นตามรูปแบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส (French Colonial Architecture Style) ในปี ค.ศ. 1933 (พ.ศ. 2476) โดยช่างชาวเวียดนาม ที่อพยพมาอยู่บ้านท่าแร่ ในอดีตอดีตพื้นที่บริเวณนี้เป็นดินโคลนปลักควาย จึงมีการถมให้แน่น ชั้นล่างทำเป็นร้านค้า จำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด สิ่งจำเป็นในการอุปโภคบริโภค รวมทั้งตาชั่งจีน ส่วนชั้นบนเป็นที่พักอาศัย มี 2 ห้องนอน อยู่ด้านซ้ายและด้านขวา มีแท่นพระที่สวยงามตั้งอยู่ตรงกลางห้องโถง สำหรับตั้งกางเขน พระรูปพระเยซู รูปพระแม่มารีย์และนักบุญต่างๆ ไว้ให้สมาชิกในครอบครัวได้เคารพบูชาและสวดภาวนา พร้อมที่จะใช้ประกอบพิธีทางศาสนา ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปมาถ่ายรูปบ้านโบราณแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
|
8.วัดป่าสุทธาวาส (Wat Pha Sutthwat) |
|
8.วัดป่าสุทธาวาส (Wat Pha Sutthwat) |
|
8.วัดป่าสุทธาวาส (Wat Pha Sutthwat) |
|
8.วัดป่าสุทธาวาส (Wat Pha Sutthwat) |
|
8.วัดป่าสุทธาวาส (Wat Pha Sutthwat) |
8.วัดป่าสุทธาวาส (Wat Pha Sutthwat) เป็นเป็นวัดที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระละสังขาร โดยวัดป่าสุทธาวาส ตั้งอยู่ในตัวเมืองสกลนคร ภายในวัด มีอาคารเก็บอัฐิธาตุของพระอาจารย์มั่น และการจำลองรูปเหมือนโดยสร้างเป็นหุ่นขี้ผึ้งในท่าขัดสมาธิขึ้น รวมทั้งมีการใช้สถานที่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อจัดแสดงเครื่องอัฐบริขาร อาคารนี้ก่อสร้างโดยสถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย และดูใกล้ชิดกับธรรมชาติ อันเป็นการสะท้อนถึงการใช้ชีวิตของท่านตลอดทั้งชีวิตการอุปสมบท อีกทั้งยังมี จันทสารเจติยานุสรณ์ หรือ เจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลุย จันทสาโร ก่อสร้างขึ้นตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังมีอาคารตามรูปแบบไทย มีกำแพงแก้วรายรอบ ก่อสร้างขึ้นในสถานที่ที่เคยเป็นกุฏิที่ท่านมรณภาพ
|
9.พระธาตุนารายณ์เจงเวง (Phra That Narai Cheng Weng) |
|
9.พระธาตุนารายณ์เจงเวง (Phra That Narai Cheng Weng) |
|
9.พระธาตุนารายณ์เจงเวง (Phra That Narai Cheng Weng) |
|
9.พระธาตุนารายณ์เจงเวง (Phra That Narai Cheng Weng) |
9.พระธาตุนารายณ์เจงเวง (Phra That Narai Cheng Weng) เป็นแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานเก่าแก่ ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตร ตามเส้นทางถนนสายสกลนคร-อุดรธานี ตำบลธาตุนาเวง อำเภอเมืองสกลนคร วัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง สร้างขึ้นพร้อมกันกับ "พระธาตุนารายณ์เจงเวง" หรือ "อรดีมายานารายณ์เจงเวง" โดยชื่อนี้ตั้งชื่อตามผู้สร้างโดยกลุ่มสตรีของพระนางนาเวงแห่งเมืองหนองหานหลวงมีการแข่งขันกลุ่มบุรุษชาวเมืองหนองหานน้อย เพื่อรอรับพระพระมหากัสสปะเถระ ซึ่งนำพระอุรังคธาตุไปบรรจุยังดอยภูกำพร้า โดยตกลงกันว่าหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสามารถสร้างพระธาตุเจดีย์ใหญ่เสร็จก่อนดาวเพ็กขึ้นฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ
|
10.พระธาตุดุม (Phrathat Dum) |
|
10.พระธาตุดุม (Phrathat Dum) |
|
10.พระธาตุดุม (Phrathat Dum) |
|
10.พระธาตุดุม (Phrathat Dum) |
10.พระธาตุดุม (Phrathat Dum) อีกหนึ่งโบราณสถานสำคัญเก่าแก่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่านใจกลางเมืองสกลนครมากนัก โดยประธาตุดุมประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระธาตุดุม หมู่ที่ 13 บ้านธาตุดุม ตำบลงิ้วด่อน อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งโบราณสถานแห่งนี้โดยลักษณะดั้งเดิมเป็นพระปรางค์ก่ออิฐ 3 หลังตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีร่องรอยของคูน้ำล้อมรอบเห็นได้ชัด ซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ ปัจจุบันลักษณะคงเหลือเพียงพระปรางค์องค์เดียว สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยเดียวกับพระธาตุนารายณ์เจงเวง แต่องค์ปราสาทเล็กกว่าพบทับหลังทั้ง 4 ด้าน ด้านทิศเหนือเป็นภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์ นอกจากนี้ยังมีภาพเทวดาทรงพาหนะเหนือหน้ากาลประกอบด้วยสัตว์ต่าง ๆ เช่น ช้าง สิงห์ และลายใบไม้ม้วน การกำหนดอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-17 ศิลปะเขมรแบบบาปวน
|
11.พญาเต่างอย |
|
11.พญาเต่างอย |
|
11.พญาเต่างอย |
11.พญาเต่างอย แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่มีชื่อเสียงอีกแห่งของจังหวัดสกลนคร ตั้งอยู่ที่บริเวณสวนสาธาณะริมลำน้ำพุง อำเภอเต่างอย ห่างจากตัวเมืองสกลนครประมาณ 25 กิโลเมตร โดยพญาเต่างอย จัดได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนขอพรในเรื่องอายุยืนยาวและขอเสี่ยงโชคลาภเป็นจำนวน บ้างก็ขอเรื่องหน้าที่การงาน ทำให้ชื่อเสียงของเต่างอยเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศไทย มีนักเดินทางมากราบไหว้ขอพรอย่างไม่ขาดสาย
|
12.โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล |
|
12.โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล |
|
12.โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล |
12.โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ตั้งอยู่ในหมู่บ้านท่าแร่ ในฐานะเป็นหมู่บ้านคาทอลิกที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลเป็นโบสถ์รูปทรงเรือง สืบเนื่องจากเพื่อเป็นการระลึกถึงการอพยพมาตั้งถิ่นฐานของคริสตชนในหมู่บ้านนี้ที่ได้ใช้เรือนำทางมาปักหลักที่หมู่บ้านแห่งนี้ สำหรับการเดินทางมาที่โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ ตั้งอยู่บนทางหลวงสาย 22 อุดรธานี-นครพนม ห่างจากตัวเมืองโดยทาง รถยนต์ประมาณ 21 กิโลเมตร
|
13.วัดสอนประชาราม |
|
13.วัดสอนประชาราม |
|
13.วัดสอนประชาราม |
13.วัดสอนประชาราม อีกหนึ่งวัดที่มีองค์เจดีย์ขนาดใหญ่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดยวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ บ้านนาแก อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานองค์เจดีย์ที่มีชื่อว่า “พระธาตุสัจจะอธิษฐานมหาบารมี” ที่สร้างขึ้นเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชน โดยถือว่าเป็นองค์เจดีย์ขนาดใหญ่มีลักษณะคล้ายองค์พระธาตุพนม ด้านหน้าขององค์พระเจดีย์ มีรูปปั้นองค์พญานาคราชขนาดใหญ่เปรียบเสมือนค่อยเฝ้าคุ้มครององค์พระธาตุสัจจะอธิษฐานมหาบารมี ให้พ้นจากภัยอันตรายทั้งหลายไม่ให้เข้ามาใกล้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปสักการะนมัสการไหว้พระธาตุที่วัดสอนประชาราม สามารถเดินทางจากตัวเมืองสกลนครมาได้ไม่ไกลประมาณ 6 กิโลเมตรเท่านั้น
|
14.ฟาร์มฮัก Farm Hug |
|
14.ฟาร์มฮัก Farm Hug |
|
14.ฟาร์มฮัก Farm Hug |
|
14.ฟาร์มฮัก Farm Hug |
14.ฟาร์มฮัก Farm Hug เป็นแหล่งท่องเที่ยวร้านอาหาร ถ่ายรูปจุดเช็กอินที่มีชื่อเสียงอีกแห่งที่บรรดาเหล่าวัยรุ่นและเด็กๆที่ขับรถผ่านเส้นทางหลวงสกลนคร-นาแก นิยมมาเดินชมและถ่ายรูปบรรยากาศน่ารักของฟาร์มฮัก โดยภายในบริการของร้าน มีฟาร์มเลี้ยงแกะ เลี้ยงแพะ และมีสเต็กให้ลิ้มลองทาน รวมทั้งมีของฝากและของที่ระลึกจำหน่ายด้วย
|
15.ถนนผ้าคราม (Sakon Nakhon unique indigo cloth walking street market ) |
|
15.ถนนผ้าคราม (Sakon Nakhon unique indigo cloth walking street market ) |
|
15.ถนนผ้าคราม (Sakon Nakhon unique indigo cloth walking street market ) |
|
15.ถนนผ้าคราม (Sakon Nakhon unique indigo cloth walking street market ) |
|
15.ถนนผ้าคราม (Sakon Nakhon unique indigo cloth walking street market ) |
15.ถนนผ้าคราม (Sakon Nakhon unique indigo cloth walking street market ) อีกหนึ่งถนนที่เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือย้อมลายคราม สีสันสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ โดยตลาดถนนคนเดินผ้าครามอยู่บริเวณถนนหน้าวัดพระธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร มีทุกวันเสาร์-อาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจำหน่ายให้ลูกค้าได้เลือกซื้อเลือกหากันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจอีกด้วย
|
อีกอย่างในช่วงที่เดินทางไปเที่ยวสกลนคร มีการจัดงานกาชาดประจำจังหวัดด้วย เลยแวะไปเดินให้เพลิดเพลินจำเริญใจสักหน่อย |
และในช่วงที่เดินทางไปเที่ยว มีการจัดงานกาชาดประจำจังหวัดด้วย เลยแวะไปเดินให้เพลิดเพลินจำเริญใจสักหน่อย
\\
เสียประตูค่าเข้าไปในงาน 20 บาท ภายในงานมีร้านขายสินค้าและร้านอาหารขายตลอดทางเดิน มีให้เลือกช็อปและเลือกกินอย่างสำราฐใจ
แน่นอนมางานกาชาด ก็ไม่พลาดต้องไปตักไข่ปลาลุ้นของรางวัลสักหน่อย
ภายในงานโฆษกเชิญชวนให้ผู้ที่มาร่วมงาน มาซื้อบัตรเพื่อตักไข่ปลา เพราะของรางวัลใหญ่ที่นี่ คือมอเตอร์ไซค์ให้ลุ้นตลอดงานเลยล่ะค่ะ
ใหนๆก็มาถึงทั้งที ก็ต้องซื้อบัตรเพื่อมาตักไข่ปลา เผื่อได้รถมอเตอร์ไซต์ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่ในงานนี้ไปขับใช่ จะได้ไม่ต้องเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับ
|
ผัดไทยที่นี่ไม่ได้ทำเหมือนที่กรุงเทพนะคะ ใครมาเมืองสกลต้องลอง แวะทานดูร้านขายอยู่แถวตลาดหน้าเทศบาลเด้อ ส่วนชื่อร้าน ข้าเจ้าจำชื่อบ่ได้แล้ว ว่าชื่ออาหยัง จังได่กะลองไปซิมเบิ่งเด้อเจ้า |
เดินไปเดินมาหิวจ้า เลยจัดผัดไทยหมูยอสไลด์สไตล์เมืองสกลไปสัก 1 จาน 35 บาท ได้เยอะมาก ทานแถบไม่หมด แต่อร่อยค่ะ ผัดไทยที่นี่ไม่ได้ทำเหมือนที่กรุงเทพนะคะ ใครมาเมืองสกลต้องลอง แวะทานดูร้านขายอยู่แถวตลาดหน้าเทศบาลเด้อ ส่วนชื่อร้าน ข้าเจ้าจำชื่อบ่ได้แล้ว ว่าชื่ออาหยัง จังได่กะลองไปซิมเบิ่งเด้อเจ้า
|
อรุณเบิกฟ้านกกาโบยบิน เช็คเอาท์จากโรงแรมที่พัก ขับรถมอเตอร์ไซต์มาที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารเมืองสกล |
อรุณเบิกฟ้านกกาโบยบิน ออกหากินร่าเริงแจ่มใสในช่วงฤดูร้อนตอนสายๆ ก็เช็คเอาท์จากโรงแรมที่พัก ขับรถมอเตอร์ไซต์มาที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารเมืองสกล จากนั้นก็ติดต่อคืนรถให้ร้านเช่ามอเตอร์ไซต์
|
เป้าหมายวันนี้เพื่อเดินทางเดินทางไปอำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ |
เป้าหมายวันนี้เพื่อเดินทางเดินทางไปอำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ
รอขึ้นรถที่ป้ายชานชลาที่ 11
|
ค่ารถโดยสารอยู่ที่ 60 บาท |
ค่ารถโดยสารอยู่ที่ 60 บาท
|
สภาพรถโดยสารก็เป็นรถหวานเย็นสีส้ม เห็นแล้วรถนี้แล้วนึกถึงวันวานในอดีต |
สภาพรถโดยสารก็เป็นรถหวานเย็นสีส้มยุค 80
เห็นรถแล้วนึกถึงวันวานในการเดินทางในอดีตเลยค่ะ
|
นั่งรถกินลมชมวิวไปเรื่อย ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ก็เดินทางถึง อำเภอเซกาที่โดยปลอดภัย ถือเป็นอันจบทริปเที่ยวเมืองสกลนคร
|
ภายในรถก็ไม่มีแอร์นะคะ เป็นพัดลมหวานเย็นสมชื่อ นั่งรถกินลมชมวิวไปเรื่อย ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ก็เดินทางถึง อำเภอเซกาที่โดยปลอดภัย จากนั้นก็ติดต่อให้รถที่โรงแรมในอำเภอบึงโขงหลงมารับ เพื่อเดินทางไปพักค้างแรม 1 คืน เพื่อเก็บแรงไว้ขึ้นไปเที่ยวถ้ำนาคาค่ะ .....ถือเป็นอันจบทริปเที่ยวเมืองสกลนคร
สำหรับบล็อกรีวิวเช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวชมตามที่เที่ยวต่างๆเมืองสกลนคร ที่ได้นำเสนอในเว็ปไซต์บล็อกนี้ น่าจะมีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านอยู่ไม่น้อย ขอบพระคุณทุกๆท่านที่แวะเวียนเข้ามาเปิดสไลด์เลื่อนดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไป....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้
0 ความคิดเห็น