Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

เก็บตกรีวิวเที่ยวสังขละบุรี ยลตระการด่านเจดีย์ ล่องเรือฉิมพลีชมวัดใต้น้ำ เดินข้ามสะพานมอญ งามอรชร สวยเริ่ดสะแมนแตน

และเพื่อไม่ให้เว็ปไซต์ร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมาแบ่งปันรีวิวเที่ยวสังขละบุรี เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวด้วยตัวเองแบบสบายๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย มาให้ได้ชมกันจ้า



สวัสดีเพื่อนๆคุณผู้อ่าน และนักรักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ชื่นอุราจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนกันทุกๆคนค่ะ กลับมาพบปะ ทักทาย ซำบายดีบ่กันอีกครั้งนะคะ กับบทความรีวิวท่องเที่ยว หลังจากที่รีวิวก่อนหน้านี้ได้พาไปเที่ยวเมืองกาญจน์ และพาไปยลตระการชมน้ำตกสวยๆกันไปแล้ว ตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2021/11/Rent-motorbike-travel-kanchanaburi.html



ในที่สุดก็มาถึงตอบจบของทริปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีแล้วล่ะค่ะ โดยทริปนี้ไปจบที่อำเภอสังขละบุรี อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมตลอดกาล ที่ใครๆต่างก็ต้องปักหมุด หยุดงาน มายลตระการเที่ยวกันสักครั้ง เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้ไปถ่ายรูปเช็กอิน ฟินสุดขั้ว งามระรัวจับใจอยู่หลายแห่ง เมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รายล้อมไปด้วยขุนเขา มีสายน้ำ ธารธารา และผืนป่าเขียวขจี สมกับเป็นแคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีกาญจน์อย่างแท้จริง และก่อนที่เราจะไปรีวิวภาพที่เที่ยวสังขละบุรี เรามาก็รู้จักประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจจของเมืองนี้กันสักเล็กน้อย


เรื่องน่ารู้พอสังเขปเกี่ยวกับอำเภอสังขละบุรี (About Sangkhlaburi City) ภาพเก่าบอกเล่าเรื่องราวในอดีตเมืองสังขละบุรีช่วงยุค 70's จำนงค์ จันทร์เพชร ถ่ายภาพ 19 มิถุนายน 2518 


เรื่องน่ารู้พอสังเขปเกี่ยวกับอำเภอสังขละบุรี (About Sangkhlaburi District, Kanchanburi Province)


ตามประวัติศาสตร์อำเภอสังขละบุรีเป็นเมืองหน้าด่าน มีอาณาเขตติดต่อกับพม่า เนื่องด้วยพื้นที่เขตของอำเภอตั้งอยู่ชายแดน มีอาณาเขตติดต่อกับเขตแดนประเทศพม่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีนั้น ทหารฝ่ายพม่ามักยกทัพมาเข้ามาโจมตี เพื่อรุกรานประเทศไทย ฝ่ายพม่าจะใช้เส้นทางผ่านเข้ามาทานด่านเจดีย์สามองค์ของอำเภอ จึงเกิดประวัติศาสตร์มากมาย โดยในปี พ.ศ.2438 ได้รับการยกฐานะให้เป็นอำเภอชื่อว่า อำเภอวังกะ ต่อมาได้ยุบอำเภอวังกะเป็นกิ่งอำเภออีกหลายครั้ง จนปี พ.ศ.2482 มีฐานะเป็นกิ่งอำเภอสังขละบุรี และยกฐานะให้เป็นอำเภอสังขละบุรีเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ.2508 


สังขละบุรี เป็นอำเภอที่ติดต่อกับชายแดนพม่า ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 215 กิโลเมตร

สังขละบุรี เป็นอำเภอที่ติดต่อกับชายแดนพม่า ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 215 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิ 74 กิโลเมตร ในอดีตการเดินทางไปยังสังขละบุรีนั้น มีความลำบากมากๆ ใช้เวลานานในการเดินทางเข้ามาในตัวจังหวัด แต่ปัจจุบันมีถนนลาดยางตัดผ่านก็ทำให้การเดินทางไปยังสังขละุบรีสะดวกมากขึ้น โดยเมืองชายแดนแห่งนี้ รายล้อมด้วยธรรมชาติและขุนเขาอัน เขียวขจี มีแม่น้ำซองกาเลีย ไหลจากต้นกำเนิดในประเทศพม่า พาดผ่านอำเภอสังขละบุรีหล่อเลี้ยงผู้คนสองฟากฝั่งแม่น้ำ และเชื่อมสัมพันธ์ ชนชาติมอญทั้งสองประเทศ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน


 มีคำขวัญว่า “เมืองสามหมอก ดินแดนสามวัฒนธรรม” คือเป็นเมืองที่มีความงามหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรมของพี่น้องต่างเผ่าพันธุ์ทั้งมอญ กะเหรี่ยง ไทย ลาว พม่า (ภาพเก่าบอกเล่าเรื่องราวของอำเภอสังขละบุรี จากวัดวังวิเวกการาม)


และอำเภอสังขละบุรี มีคำขวัญว่า “เมืองสามหมอก ดินแดนสามวัฒนธรรม” คือเป็นเมืองที่มีความงามหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรมของพี่น้องต่างเผ่าพันธุ์ทั้งมอญ กะเหรี่ยง ไทย ลาว พม่า โดยอำเภอสังขละบุรี เดิมเรียกว่า“สังเคลียะ” ซึ่งเป็นภาษาพม่า และ “สังคละ” เป็นภาษาเรียก ของชนพื้นเมืองเดิม มีความหมายว่า การผสมผสานคละเคล้ำของคนต่างชาติพันธ์ที่อำศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอ

อำเภอสังขละบุรี เดิมเรียกว่า“สังเคลียะ” ซึ่งเป็นภาษาพม่า และ “สังคละ” เป็นภาษาเรียก ของชนพื้นเมืองเดิม มีความหมายว่า การผสมผสานคละเคล้ำของคนต่างชาติพันธ์ที่อำศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอ


ในตัวอำเภอก็มีแม่น้ำซองกาเลียเป็นแม่น้ำสำคัญ  ดังนั้น แม่น้ำซองกาเลีย จึงเป็นชื่อเรียก จากภาษามอญแปลเป็นไทยว่า“ฝั่งโน้น”

และในตัวอำเภอก็มีแม่น้ำซองกาเลียเป็นแม่น้ำสำคัญ  ดังนั้น แม่น้ำซองกาเลีย จึงเป็นชื่อเรียก จากภาษามอญแปลเป็นไทยว่า“ฝั่งโน้น” แม่น้ำซองกาเลียแบ่งแผ่นดินอำเภอสังขละบุรีออกเป็น สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งคือตัวอำเภอ ซึ่งรวม สถานที่ราชการ และสถานประกอบการ โรงแรม ที่พัก โฮมสเตย์ สำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งคนส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่พูดภาษาไทย ภาคกลางส่วน อีกฝั่งหนึ่ง เป็นหมู่บ้านของชาวมอญทั้งที่ตั้งรกราก มานานนับร้อยปี และเพิ่งอพยพเข้ามาใหม่อีกด้วย 

เมืองที่มีความงามหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม ของพี่น้องต่างเผ่าพันธุ์ มีสะพานไม้อุตมานุสรณ์ เป็นสัญลักษณ์เด่น 

สังขละบุรีเมืองที่มีความงามหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม ของพี่น้องต่างเผ่าพันธุ์ มีสะพานไม้อุตมานุสรณ์ เป็นสัญลักษณ์เด่น ที่ใครมาก็ต้องมาเยือน สะพานไม้ที่ยาวที่สุดอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้ พร้อมไปด้วยการได้มากับสัมผัสวัฒนธรรมแบบชาวมอญ มาแต่งตัวแบบมอญ และทาแป้งมอญ รวมถึงการได้เห็นการเทินของไว้ที่หัว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนมอญโดยเฉพาะ รวมทั้งภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งมีแง่มุมทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกด้วย เจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่อยู่ติดชายแดนไทยพม่าอีกด้วย

พร้อมไปด้วยการได้มากับสัมผัสวัฒนธรรมแบบชาวมอญ มาแต่งตัวแบบมอญ และทาแป้งมอญ รวมถึงการได้เห็นการเทินของไว้ที่หัว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนมอญโดยเฉพาะ 


ตัวอำเภอสังขละบุรีนั้นมีชาวมอญอาศัยตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นจำนวนมาก ตัวอำเภอตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า"สามประสบ" 


ในตัวอำเภอสังขละบุรีนั้นมีชาวมอญอาศัยตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นจำนวนมาก ตัวอำเภอตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า"สามประสบ" คือบริเวณที่ลำน้ำสามสาย อันได้แก่ห้วยซองกะเลีย ห้วยบิคลี่ และห้วยรันตี ไหลมาบรรจบกันเป็นของแม่น้ำแคว เมืองแห่งสายน้ำ ขุนเขา และผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ มีทัศนียภาพที่สวยงาม จึงถูกขนานนามให้เป็น เมืองสามหมอก ที่นักเดินทางหลายคน ต่างต้องแวะมาเยือนกันสักครั้ง

เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://sites.google.com/site/saphanmxy/prawati-khwam-pen-ma-khxng-sangkhlaburi



หลังจากได้รู้จักประวัติพอสังเขปเกี่ยวกับอำเภอสังขละบุรีกันไปแล้ว ก็ไปดูรีวิวเที่ยวสังขละบุรีด้วยตัวเองกันต่อเลยค่ะ 

เริ่มต้นทริปไปสังขละบุรีทริปนี้ เขียนต่อจากทริปตอนที่แล้ว ตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2021/11/Rent-motorbike-travel-kanchanaburi.html



ทำการเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมในเมืองกาญจนบุรี จากนั้นก็นั่งสามล้อเครื่องจากโรงแรมมายังสถานีขนส่ง บขส.เมืองกาญจนบุรี โดยเลือกนั่งรถตู้โดยสารค่ะ


ค่ารถตู้โดยสารจากสถานีขนส่งเมืองกาญจนบุรี ไปยัง อำเภอสังขละบุรี ราคาอยู่ที่ 175 บาทจ้า

และสำหรับค่ารถตู้โดยสารจากสถานีขนส่งเมืองกาญจนบุรี ไปยัง อำเภอสังขละบุรี ราคาอยู่ที่ 175 บาทค่ะ


ระหว่างทางนั่งรถใต่ตามสันทิวเขามาเรื่อยๆ ก็จะเห็นทัศนียภาพวิวสวยๆของเขื่อนเขาแหลมให้ได้ชม กันอย่างน่าภิรมย์ใจอีกด้วย 

นั่งรถหลับๆตื่นๆมาเกือบจะ 4 ชั่วโมงได้ ก็ถึงอำเภอสังขละบุรีแล้วล่ะค่ะ

พอนั่งรถหลับๆตื่นๆมาเกือบจะ 4 ชั่วโมงได้ ก็ถึงอำเภอสังขละบุรีแล้วล่ะค่ะ เป็นอำเภอที่ใช้ระยะเวลาในการเดินทางนานมากๆ 

และบริเวณที่จอดรถตู้มีร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ให้บริการด้วย แต่ว่าวันที่ไป เป็นช่วงวันหยุดยาว ปรากฎว่ารถมอเตอร์ไซต์ถูกเช่าจนหมด 


รถตู้จอดมาจอดในตลาด และบริเวณที่จอดรถตู้มีร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ให้บริการด้วย แต่ว่าวันที่ไป เป็นช่วงวันหยุดยาว ปรากฎว่ารถมอเตอร์ไซต์ถูกเช่าจนหมด ทางร้านเลยแนะนำให้ไปเช่าอีกร้านนึงค่ะ แต่ต้องนั่งวินมอเตอร์ไซต์ไป 

ทางคุณพี่วินแนะนำให้ไปเช่ารถมอเตอร์ไซต์ที่โรงแรม P.Guesthouse ค่ะ เสียค่านั่งวินจากจุดจอดรถตู้ประมาณ 20 บาทก็ถึงโรงแรมพีเกสต์เฮ้าส์ค่ะ
โดยทางคุณพี่วินแนะนำให้ไปเช่ารถมอเตอร์ไซต์ที่โรงแรม P.Guesthouse ค่ะ เสียค่านั่งวินจากจุดจอดรถตู้ประมาณ 20 บาทก็ถึงโรงแรมพีเกสต์เฮ้าส์ค่ะ

ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ 1 วันอยู่ที่ วันละ 200 บาท น้ำมันเต็มถัง ตอนคืนรถก็ต้องคืนเต็มถังนะคะ

สำหรับใครที่เดินทางมาเที่ยวสังขละบุรีด้วยตัวเอง แบบไม่มีรถส่วนตัวและต้องการเช่ามอเตอร์ไซต์ ก็สามารถติดต่อเช่าได้ที่โรงแรมพีเกสต์เฮ้าส์ค่ะ 
ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ 1 วันอยู่ที่ วันละ 200 บาท น้ำมันเต็มถัง ตอนคืนรถก็ต้องคืนเต็มถังนะคะ

เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวในสังขละบุรีวันละ 200 บาท 

นอกจากรถมอเตอร์ไซต์ให้เช่าแล้ว ยังมีจักรยานและเรือคานูให้บริการอีกด้วย


ได้รถมอเตอร์ไซต์เป็นพาหนะเที่ยวแล้ว ก่อนอื่นๆต้องไปเช็กอินเข้าห้องพักก่อนเลยค่ะ 


โดยที่พักในทริปนี้ เดี๊ยนเลือกไปพักที่โรงแรม มดอินดี้เกสต์เฮ้าส์ เป็นที่พักเล็กๆ อยู่ไม่ไกลจากตลาด และร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ด้วย 

ห้องพักที่จองได้ห้องแบบบังกะโลส่วนตัว แยกออกจากตัวเรือนใหญ่อีกที

โดยห้องพักที่จองได้ห้องแบบบังกะโลส่วนตัว แยกออกจากตัวเรือนใหญ่อีกที เป็นบังกะโลหลังเล็กๆดูคับแคบไปหน่อย แต่น่ารักดีค่ะ

ราคาห้องพักในช่วงวันหยุดยาว ก็ค่อนข้างสูงพอสมควร ราคาตกคืนละ 900 บาท

ส่วนราคาห้องพักในช่วงวันหยุดยาว ก็ค่อนข้างสูงพอสมควร ราคาตกคืนละ 900 บาท นอนได้ 2 คน หากแบกเป้มาเที่ยวคนเดียวก็ราคาเดียวกันค่ะ 


บริเวรล็อบบี้ของเกสต์เฮ้าส์ 

ภายในห้องพักก็มีตู้เย็น น้ำดื่มฟรี ทีวี กาต้มน้ำร้อนให้
ซึ่งภายในห้องพักก็มีตู้เย็น น้ำดื่มฟรี ทีวี กาต้มน้ำร้อนให้



ห้องน้ำในตัว มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ แต่ท่อน้ำเสียกลิ่นค่อนข้างแรงไปหน่อย เดี๊ยนเลยเอาน้ำหอมมาพรมฉีด กลิ่นหอมฟุ้งเลยเชียว 


นำกระเป๋าเอาไปไว้ในห้องพักแล้ว ก็ออกมา Chill out กันก่อนไปชมที่เที่ยว ขับรถเลี้ยวแวะมานั่งดื่มอะไรก่อนค่ะ แวะมาที่ร้าน Niche Cafe

และเมื่อได้ทำการเช็กอิน นำกระเป๋าเอาไปไว้ในห้องพักแล้ว ก็ออกมา Chill out กันก่อนไปชมที่เที่ยว ขับรถเลี้ยวแวะมานั่งดื่มอะไรก่อนค่ะ แวะมาที่ร้าน Niche Cafe อีกหนึ่งร้านคาเฟ่สไตล์มินิมอล 

ร้านคาเฟ่ตกแต่งน่ารัก สไตล์มินิมอล ดูอบอุ่นดีค่ะ

ภายในร้านตกแต่งน่ารัก มีเก้าอี้ตัวเล็กๆให้นั่งพักจิบชา กาแฟ และนั่งทานขนมไปเพลินๆ 

สั่งเครื่องดื่มโอวัลตินร้อนมาดื่ม 

ทานคู่กับขนมเค้กชื่ออะไรไม่รู้ เดี๊ยนจำชื่อไม่ได้ เป็นภาษาฝรั่งมังค่า แต่รสชาติอร่อยลั๊ลลาดีค่ะ 

เอามาทานคู่กับขนมเค้กชื่ออะไรไม่รู้ เดี๊ยนจำชื่อไม่ได้ เป็นภาษาฝรั่งมังค่า แต่รสชาติอร่อยลั๊ลลาดีค่ะ 


และจากมุมของร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา  สามารถมองเห็นวิวป่าได้อย่างสวยงามอีกด้วย  

จากมุมของร้านคาเฟ่ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของหุบเขาและสายหมอกได้อย่างสวยงาม บรรยากาศดีมากๆ 

สำหรับใครที่ปักหมุดมาเที่ยวสังขละบุรี มองหาร้านคาเฟ่สไตล์น่ารักเก๋ๆ ก็มาลองปักหมุดมาสั่งเครื่องดื่มร้อนๆ เย็นๆ ที่ร้าน Niche Cafe ได้นะคะ 


ออกมาใช้พลังงานกันต่อ ด้วยการไปชมสถานที่ท่องเที่ยวในสังขละบุรีกันค่ะ

หลังจากที่ได้เติมพลังด้วยเครื่องดื่มหวานๆแล้ว ก็ออกมาใช้พลังงานกันต่อ ด้วยการไปชมสถานที่ท่องเที่ยวในสังขละบุรีกันค่ะ


และหนึ่งในทริปท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับคนที่มาเที่ยวสังขละบุรีช่วงหน้าฝนแบบนี้ ก็ไม่พลาดที่จะต้องนั่งเรือไปชมเมืองบาดาล หรือวัดใต้น้ำ ซึ่งเป็นไฮไลท์สถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงของสังขละบุรีเลยก็ว่าได้ 

ค่าบริการเรือเริ่มอยู่ที่ 300 บาท สำหรับ 1 วัน หากไป 3 วัด 500 บาทค่ะ 

โดยในสังขละบุรี นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้ไปชมและถ่ายรูปอยู่มากมายหลายแห่ง ทั้งวัดวาอาราม และธรรมชาติที่สวยงาม 

 เดี๊ยนเลยขอมาสรุปแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอสังขละบุรี มาให้ชมกันดังนี้ค่ะ 

และหากใครที่จัดทริปแบกเป้เดินทางไกลมาเที่ยวสังขละบุรี 2 วัน 1 คืน ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ใหนดี ในบทความบล็อกนี้ เดี๊ยนเลยขอมาสรุปแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอสังขละบุรี มาให้ชมกันดังนี้ค่ะ 


1.เมืองบาดาล วัดใต้น้ำ หรือ หรือ วัดวังก์วิเวการาม(เก่า) 

1.เมืองบาดาล วัดใต้น้ำ หรือ หรือ วัดวังก์วิเวการาม(เก่า) 

1.เมืองบาดาล วัดใต้น้ำ หรือ หรือ วัดวังก์วิเวการาม(เก่า) 

1.เมืองบาดาล วัดใต้น้ำ หรือ หรือ วัดวังก์วิเวการาม(เก่า) 

1.เมืองบาดาล วัดใต้น้ำ หรือ หรือ วัดวังก์วิเวการาม(เก่า) 



1.เมืองบาดาล วัดใต้น้ำ หรือ หรือ วัดวังก์วิเวการาม(เก่า) 

จัดเป็นหนึ่งใน Unseen ของสังขละบุรี  โดยตัววัดตั้งอยู่หมู่ที่ 2 บ้านวังกะ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี แต่เดิมสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2496 ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังความ ศรัทธาของชาวกะเหรี่ยง และชาวมอญ ที่มีต่อหลวงพ่ออุตตมะ โดยที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ คือ บริเวณเนินที่มีแม่น้ำสามสายมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำบิคลี่ ซองกาเลีย และรันตี มารวมกันเป็นแม่น้ำแควน้อย  ต่อมาในปี 2527 มีการก่อสร้าง เขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ทำให้น้ำเข้าท่วมตัวอำเภอสังขละบุรีเก่า รวมทั้งวัดวังก์วิเวการามด้วย "หลวงพ่ออุตตมะ" จึงได้ย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขา ส่วนวัดเดิมได้จมอยู่ใต้น้ำมาเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว และจัดเป็นไฮไลท์ในทริปล่องเรือท่องเที่ยวชม เมืองบาดาล ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย 


2.วัดสมเด็จเก่า 

2.วัดสมเด็จเก่า 

2.วัดสมเด็จเก่า 

2.วัดสมเด็จเก่า 

2.วัดสมเด็จเก่า 

2.วัดสมเด็จเก่า 



2.วัดสมเด็จเก่า 
สำหรับวัดสมเด็จเก่านั้น เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ตรงข้ามเมืองบาดาล สร้างโดยพระครูวิมลกาญจนคุณเจ้าคณะตำบลหนองลู เป็นวัดที่ไม่ได้จมน้ำ แต่ถูกทิ้งร้างเมื่อครั้งย้ายอำเภอสังขละบุรี ตอนสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ (เขื่อนเขาแหลม) อุโบสถของวัดสมเด็จมีพระประธานสภาพค่อนข้างสมบูรณ์รอบตัวโบสถ์มีต้นไทรใหญ่ปกคลุมดูมีมนต์ขลังยิ่งนัก โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือต่อมายังวัดสมเด็จเก่า หลังจากชมเมืองบาดาลแล้วด้วย ข้อมูลดีๆจาก : http://kanchanaburi.go.th/au/tourkan2015/watsomdej.php


3.สะพานมอญ แลนด์มาร์คประจำเมืองสังขละบุรีก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย


3.สะพานมอญ แลนด์มาร์คประจำเมืองสังขละบุรีก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย


3.สะพานมอญ แลนด์มาร์คประจำเมืองสังขละบุรีก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย


3.สะพานมอญ แลนด์มาร์คประจำเมืองสังขละบุรีก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย


3.สะพานมอญ แลนด์มาร์คประจำเมืองสังขละบุรีก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย



3.สะพานมอญ หรือชื่อเต็มคือ สะพานอุตตมานุสรณ์ 
จัดเป็นแลนด์มาร์คประจำเมืองสังขละบุรีก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 445 เมตร และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็ง ในประเทศพม่า เป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำซองกาเลีย ที่ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งสะพานมอญนี้สร้างขึ้นโดยดำริของ หลวงพ่ออุตตมะ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ในปี พ.ศ. 2529 จนถึง พ.ศ. 2530 โดยใช้แรงงานของชาวมอญ เป็นสะพานไม้ที่ใช้สัญจรไปมาของชาวมอญและชาวไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี ข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/สะพานอุตตมานุสรณ์


4. วัดวังวิเวกการาม 

4. วัดวังวิเวกการาม 

4. วัดวังวิเวกการาม 

4. วัดวังวิเวกการาม 

4. วัดวังวิเวกการาม 



4. วัดวังวิเวกการาม 
เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ได้ร่วมกันสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2496 ที่บ้านวังกะล่าง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ใกล้กับชายแดนไทย-พม่า  เมื่อ พ.ศ. 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ก่อสร้าง เขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งเมื่อกักเก็บน้ำแล้ว น้ำในเขื่อนจะท่วมตัวอำเภอเก่ารวมทั้งบริเวณหมู่บ้านชาวมอญทั้งหมด ทางวัดจึงได้ย้ายมาอยู่บนเนินเขาในที่ปัจจุบัน  วัดก่อสร้างด้วยศิลปะแบบมอญและไทยประยุกต์ วิหารศิลปะมอญปัจจุบันเป็นที่เก็บสังขารของหลวงพ่ออุตตมะในโลงแก้ว ส่วนศาลาการเปรียญ เป็นอาคารคอนกรีตสองชั้น ชั้นล่างใช้เป็นที่จัดงานบุญต่าง ๆ ส่วนชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์ใช้เก็บคัมภีร์ใบลานอักษรมอญโบราณ พระพุทธรูป อัฐบริขาร และเครื่องใช้ต่างๆ เป็นหนึ่งในวัดที่มีพุทธศาสนิกชนเข้ามากราบสักการะหลวงพ่ออุตมะกันอย่างไม่ขาดสาย 


5.เจดีย์พุทธคยา 

5.เจดีย์พุทธคยา 

5.เจดีย์พุทธคยา 

5.เจดีย์พุทธคยา 

5.เจดีย์พุทธคยา 

5.เจดีย์พุทธคยา 



5.เจดีย์พุทธคยา 
หากใครที่มาเที่ยวสังขละบุรี คงจะสังเกตุเห็นองค์เจดย์สีทองอร่าม อยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิวที่สะพานมอญ เนื่องจากเจดีย์พุทธคยานั้น ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของวัดวังก์วิเวการาม เป็นเจดีย์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ มีลักษณะฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เป็นการจำลองแบบมาจากมหาเจดีย์พุทธคยา ที่ประเทศอินเดีย แต่มีขนาดเล็กกว่าฐานสี่เหลี่ยวจัตุรัสยาวด้านละ 42 เมตร สูง 59 เมตร ส่วนยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนที่เป็นกระดูกนิ้วหัวแม่มือขวา ขนาดเท่าเม็ดข้าวสาร ด้านหน้ามีบันไดทางขึ้นสู่ฐานของเจดีย์พุทธคยา ระหว่างเส้นทางมีรอยพระพุทธบาทจำลอง และรูปหล่อหลวงพ่ออุตตมะ ให้พุทธศาสนิกชนได้เคารพสักการะ และนักท่องเที่ยวต่างถิ่นที่มาเยือนได้เข้าไปชมความงามของเจดีย์พุทธคยาแห่งนี้

6.จุดเล่นน้ำซองกาเรีย 

6.จุดเล่นน้ำซองกาเรีย 

6.จุดเล่นน้ำซองกาเรีย 

6.จุดเล่นน้ำซองกาเรีย 

6.จุดเล่นน้ำซองกาเรีย 

6.จุดเล่นน้ำซองกาเรีย 




6.จุดเล่นน้ำซองกาเรีย 
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงของสังขละบุรี เนื่องจากเป็นจุดพัดผ่อนหย่อนใจและเป็นจุดเล่นน้ำที่ชาวสังขละบุรีนิยมมาเล่นน้ำกัน จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่น โดยจุดเล่นน้ำซองกาเรีย อยู่บริเวณสะพานแม่น้ำซองกาเรีย ที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรีครับ ห่างจากตัวเมืองสังขละบุรี ประมาณ​8 กิโลเมตร โดยจุดล่นน้ำตั้งอยู่ในเส้นทางที่จะไปด่านเจดีย์สามองค์ ขับรถตามทางหลวงมาก็จะเห็นสะพานซองกาเลียอยู่บริเวณด้านขวามือเลย

7.ด่านเจดีย์สามองค์ 

7.ด่านเจดีย์สามองค์ 

7.ด่านเจดีย์สามองค์ 

7.ด่านเจดีย์สามองค์ 

7.ด่านเจดีย์สามองค์ 

7.ด่านเจดีย์สามองค์ 



7.ด่านเจดีย์สามองค์ 
จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงอีกแห่งของสังขละบุรี เนื่องจากบริเวณด่านดังกล่าว ตั้งอยู่บนพรมแดนประเทศไทยและประเทศพม่า มีความสูง 282 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นช่องเขาในทิวเขาตะนาวศรี ช่องเขาดังกล่าวเชื่อมอำเภอสังขละบุรี ทางตอนเหนือของจังหวัดกาญจนบุรี กับเมืองพะย่าโต้นซู ทางตอนใต้ของรัฐกะเหรี่ยง ช่องเขานี้ได้เคยเป็นเส้นทางสัญจรทางบกเข้าสู่ทางตะวันตกของประเทศไทยมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาล และเชื่อกันว่าเป็นจุดที่พระสงฆ์ชาวอินเดียเดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเขตประเทศไทยช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 3

ช่องเขาดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักของการเดินทัพของพม่า โดยมีบางครั้งที่กองทัพอยุธยาได้ใช้เป็นเส้นทางรุกรานพม่าเช่นกัน ช่องเขาดังกล่าวได้ชื่อตามกองเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์ ซึ่งอาจถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยอยุธยาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ปัจจุบัน ด่านเจดีย์สามองค์ตั้งอยู่บนพรมแดนไทย บางส่วนของพรมแดนไทย-พม่ายังมีกรณีพิพาทมาจนถึงปัจจุบัน


ไปท่องเที่ยวถ่ายรูปอย่างสุขอุราแล้ว ก็ไม่แคล้วต้องไปหาอะไรทานค่ะ ซึ่งยามค่ำคืน ที่สังขละบุรี ก็มีตลาดถนนคนเดิน ให้แวะไปเพลิดเพลินเลือกหาอาหารการกินกันอย่างจำเริญใจ

หลังจากได้แวะไปท่องเที่ยวถ่ายรูปอย่างสุขอุราแล้ว ก็ไม่แคล้วต้องไปหาอะไรทานค่ะ ซึ่งยามค่ำคืน ที่สังขละบุรี ก็มีตลาดถนนคนเดิน ให้แวะไปเพลิดเพลินเลือกหาอาหารการกินกันอย่างจำเริญใจ


ในตลาดถนนคนเดินช่วงเย็นก็มีทั้งอาหารคาว หวาน และอาหารพื้นมอญให้ได้ลิ้มลองทานกันด้วย 

ซึ่งในตลาดถนนคนเดินช่วงเย็นก็มีทั้งอาหารคาว หวาน และอาหารพื้นมอญให้ได้ลิ้มลองทานกันด้วย 

นอกจากนี้ใครที่รักสุขภาพชอบกินผัก มีสลัดให้เลือกทานด้วย 

โดยเป็นสลัดบุฟเฟ่ต์ เลือกตัดได้ตามใจชอบ ราคา 35 บาท คือถูกมากๆ คนชอบกินผัก กินหญ้าแบบเดี๊ยน คือถูกใจสุดๆไปเลยค่ะ 

ตลาดเช้าก็น่าสนใจที่จะต้องไปเลือกซื้อ เลือกหาอะไรอร่อยๆทานอยู่ไม่น้อยค่ะ
นอกจากตลาดตอนค่ำแล้ว ตลาดเช้าก็น่าสนใจที่จะต้องไปเลือกซื้อ เลือกหาอะไรอร่อยๆทานอยู่ไม่น้อยค่ะ 


ที่ตลาดมีพืชผักสวนครัวของชาวบ้าน และมีผักแปลกที่ไม่มีขายในกรุงเทพ ห้ได้เลือกซื้อเลือกหากัน

เพราะที่ตลาดมีพืชผักสวนครัวของชาวบ้าน และมีผักแปลกที่ไม่มีขายในกรุงเทพ ห้ได้เลือกซื้อเลือกหากัน

นอกจากนี้ยังมีขนมของชาวมอญให้ได้ซื้อไปลิ้มลองทานกันดูอีกด้วย 

มีให้เลือกแบบไม่ใส่ไข่ และแบบใส่ไข่ด้วย ไอ้ที่เหลือคือใส่ไข่นะคะ ราคา 5 บาทเหมือน ราคาถูกมากๆ รสชาติหอมหวานอร่อยดี ทานชิ้นเดียว อิ่มเลยอยู่ท้อง 



ขนมเบื้องมอญ ทอดลงในกระทะ ขายเพียงชิ้นละ 5 บาท มีให้เลือกแบบไม่ใส่ไข่ และแบบใส่ไข่ด้วย ไอ้ที่เหลือคือใส่ไข่นะคะ ราคา 5 บาทเหมือน ราคาถูกมากๆ รสชาติหอมหวานอร่อยดี ทานชิ้นเดียว อิ่มเลยอยู่ท้อง 

ไม่พลาดถ้ามาตลาดเช้า ต้องทานข้าวแกงพม่า แกงฮังเล

และไม่พลาดถ้ามาตลาดเช้า ต้องทานข้าวแกงพม่า เป็นแกงฮังเล 

ราคาอาหารก็ไม่แพงเลยค่ะ 

และราคาอาหารก็ไม่แพงเลยค่ะ ใครมาเที่ยวสังขละบุรี ตอนเช้าๆนึกอะไรไม่ออก ก็มาทานอาหารที่ตลาดเช้าสังขละบุรีได้นะคะ 

ได้เวลาเดินทางกลับแล้วค่ะ นั่งรถตู้กลับจากอำเภอสังขละบุรี ไปที่ลงที่เมืองกาญจนบุรี


และหลังจากที่ได้เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวในเมืองสังขละบุรีแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับแล้วค่ะ นั่งรถตู้กลับจากอำเภอสังขละบุรี ไปที่ลงที่เมืองกาญจนบุรี

เนื่องจากมีรถเยอะมาก กว่าจะถึงสถานีขนส่ง บขส.กาญจนบุรี ก็ใช้เวลาร่วมกว่า 4 ชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว 


ตอนขากลับ รู้สึกว่าใช้เวลากว่าตอนขาไปอีกค่ะ เนื่องจากมีรถเยอะมาก กว่าจะถึงสถานีขนส่ง บขส.กาญจนบุรี ก็ใช้เวลาร่วมกว่า 4 ชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว 

ถึงสถานีขนส่งรถโดยสารเมืองกาญจนบุรี ก็ซื้อตั๋วรถตู้โดยสารราคา 100 บาท กลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพจ้า

เมื่อมาถึงสถานีขนส่งรถโดยสารเมืองกาญจนบุรี ก็ซื้อตั๋วรถตู้โดยสารราคา 100 บาท กลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพจ้า...ถือเป็นอันจบทริปเที่ยวเมืองกาญจน์ ย้อนวันวานอย่างสมบูรณ์แบบ 


สรุปค่าเสียหายจากทริปเที่ยวเมืองกาญจนบุรี-ไทรโยค-สังขละบุรี รื่นฤดีความหวาน ร้าวรานถึงทรวงในครั้ง ทริป 5 วัน 4 คืน หมดงบไปเท่าไหร่ 


ค่ารถไฟจากกรุงเทพ - กาญจนบุรี  ราคา 25 บาท 
ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์ในกาญจนบุรี วันละ 250 บาท 3 วัน รวม 750 บาท
ค่ารถตู้จากกาญจนบุรี - สังขละบุรี  ไปกลับ 375 บาท 
ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ในสังขละบุรี วันละ 200 บาท 
ค่าโรงแรมที่พักในเมืองกาญจนบุรี คืนละ 1,089 x 3 คืน = 3,267 บาท 
ค่าที่พักในอำเภอสังขละบุรี 1 คืน 900 บาท 
ค่ารถตู้จากกาญจนบุรี - กรุงเทพ 100 บาท 
ค่าเข้าชมอุทยานแห่งชาติน้ำตกไทรโยค 120 บาท รวมค่าธรรมเนียมพาหนะรถมอเตอร์ไซต์ 
ค่าเข้าชมน้ำตกเอราวัณ  120 บาท รวมค่าธรรมเนียมพาหนะรถมอเตอร์ไซต์ 
ค่าเข้าชมน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น 120 บาท รวมค่าธรรมเนียมพาหนะรถมอเตอร์ไซต์ 
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ + ค่าอาหารการกิน 1,357 บาท 

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 7,3337  




สำหรับเพื่อนๆคนใหน ที่ช่วงวันหยุดนี้ ไม่รู้ไปเที่ยวใหนดี ก็ลองปักหมุดมาเที่ยวสังขละบุรีกันดูนะคะ ในเมืองนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้ไปเยือนชมกันอย่างน่าภิรมย์ใจ และยังมีร้านคาเฟ่น่ารักเก๋ๆ มีจุดเล่นน้ำ และมีอาหารพื้นเมืองอร่อยๆให้ได้ลิ้มลองทานกันอย่างสำราญใจอีกด้วย มาเที่ยวกันเยอะๆนะคะ ต้องขอบพระคุณเพื่อนๆผู้อ่านทุกๆคน ที่แวะเวียนเข้ามาเปิดสไลด์เลื่อนอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในบทความถัดไปค่ะ.............จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน

-------------------------------------------------------------------

บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้



แบ่งปันรีวิวเที่ยวเมืองกาญจน์ตอนที่ 2 ท่องแดนดินถิ่นน้ำตกสวย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>

แบ่งปันทริปรีวิวเช่ารถขับเที่ยวเมืองกาญจน์ตอนที่ 2 ท่องแดนดินถิ่นน้ำตกสวย รุ่มระรวยด้วยธรรมชาติงดงาม มีที่เที่ยวใหนต้องแวะไปเช็กอินบ้าง ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงนะ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>


รีวิวเที่ยวเมืองกาญจน์ ย้อนวันวานชมเมืองประวัติศาสตร์สงครามโลก คลิ๊กดูรีวิว>>

มาม๊ะ..มารีวิวเที่ยวเมืองกาญจนบุรี นั่งรถไฟฉิมพลี ย้อนวันวานอีกสักครั้งครา ในตัวเมือง มีแหล่งท่องเที่ยวอะไรบ้างหนา ตามไปลั๊ลลาเช็กอินกัน คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>


รีวิวพาไปเที่ยวเมืองบรูซ เมืองเมรดกโลกสวยโรแมนติก มีที่เที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกัน>>>

เก็บตกท่องโลกกว้าง รีวิวเดินทางไปเที่ยวเมืองบรูซ เมืองแห่งสายน้ำสวยงามโรแมนติก ที่เหล่าคู่รักสายชิคต้องมาเช็กอินกัน มีที่เที่ยวที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>

เก็บตก รีวิวแบกเมืองเมืองนามูร์ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกัน>>

แปลกถิ่นรีวิวเที่ยวทิพย์ แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวเมืองนามูร์ เมืองเก่าแก่ติดริมแม่น้ำในแดนช็อกโกแลต มีที่เที่ยวอะไรบ้าง ตามไปดูกัน คลิ๊กรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

จัดทริปเก็บตกแบกเป้เที่ยวเมืองพัทยา มีที่ใหนเปิดให้ชมบ้าง ตามไปดูกันค่ะ>>

เก็บตกรีวิวเที่ยวเมืองพัทยาอีกสักครั้งครา มีที่ใหนเปิดให้ชมบ้าหนา ตามไปลั๊ลลาแวะถ่ายรูปภาพกันได้เลย คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

จัดทริปแบกเป้ไปเที่ยวเปิดเกาะล้าน หลังจากปิดไปนาน ไปดูสิว่าเป็นอย่างไรบ้าง>>

แบ่งปันรีวิวไปเที่ยวช่วงเปิดเกาะล้าน หลังจากปิดไปนาน ย้อนวันวาน ชมทะเลสวยหวาน น้ำสดใส เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ตามไปดูกัน คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

เก็บตกเที่ยวทิพย์ ทริป 1 วันสั้นๆ นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองเฮลซิงเงอร์ คลิ๊กดูที่เที่ยว>>

เที่ยวทิยพ์..ทริปสั้นๆเก็บตก 1 วัน นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองเฮลซิงเงอร์ เมืองเล็กๆน่ารักติดริมชายทะเล มีมุมถ่ายรูปสวยๆเก๋ๆด้วยนะ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

แบ่งปันรีวิวเที่ยวบึงกาฬ แวะเริงสำราญที่เที่ยวต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปดูกันค่ะ>>>

เก็บตกแบกเป้รีวิวเที่ยวบึงกาฬ เช่ารถมอเตอร์ไซต์ไปสำราญชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

จัดทริปลุยเดี่ยวไปรีวิวเที่ยวถ้ำนาคา ไม่มีรถส่วนตัวก็ไปได้ คลิ๊กดูบทความที่เที่ยวค่ะ>>

แบ่งปันรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวถ้ำนาคา ไม่มีรถส่วนตัว แวะไปรื่นระรัวทัวร์ได้อย่างสบายอุรา มีที่ใหนบ้างหนา ตามไปลั๊ลลากันเลย คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

แบ่งปันเด้อกับทริปเช่ารถขับเที่ยวสกลนคร มีที่ใหนน่าไปออนซอนบ้าง คลิ๊กดูรีวิว>>

มาเด้อ..แบกเป้มารีวิวเที่ยวสกลนคร แวะไปออนซอนเช็กอินตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งดูกันจ้า คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

ตอนจบทริปรีวิวแบกเป้เที่ยวกรุงโคเปนเฮเกน ในเดนมาร์ก มีที่เที่ยวอะไรบ้าง>>>

ตอนจบกับรีวิวแบกเป้เที่ยวกรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงแห่งเดนมาร์ก มีที่เที่ยวอะไรให้แวะเช็กอินถ่ายภาพอะไรบ้าง ตามไปดูกันค่ะ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น