|
เพื่อไม่ให้เว็ปไซต์ร้างไป เก็บตกเที่ยวทิพย์ทริปนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอพาไปรีวิวเที่ยวชมเมืองบรูซ เมืองมรดกโลกสวยงามโรแมนติก มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง (Bruges City tourist attraction places) |
ก็ขอสวัสดีทักทาย ซำบายดีเหล่าเพื่อนๆผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนกันทุกๆคนค่ะ ก็กลับมาพบปะกันอีกครั้งกับบล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน ที่จะพาเพื่อนๆไปเปิดโลกกว้าง เดินทางท่องเที่ยวชมโน้นนี้นั้น หลังจากที่บทความก่อนหน้านี้ เดี๊ยนได้พาไปคุณผู้อ่านไปยลตระการเที่ยวชมเมืองเล็กๆอย่างเมืองนามูร์ เมืองเก่าแก่อีกแห่งที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองบรัสเซล เมืองหลวงของประเทศเบลเยี่ยมกันไปแล้ว ตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2021/08/backpack-travel-namur-belgium.html
เพือ่ไม่ให้เว็ปไซต์ร้างไป เก็บตกเที่ยวทิพย์เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ก็ขอมารื้อค้นไฟล์ภาพในสต็อกเที่ยวยุโรปเมืองหลายปีก่อน มาออนซอนบอกเล่าเก้าสิบ พาไปเที่ยวชมเมืองบรูซ จัดเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวในประเทศเบลเยี่ยม ที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งที่นักท่องเที่ยวต้องเลี้ยวแวะมาเดินเช็กอินถ่ายรูปภาพกันสักครา เนื่องจากว่าเป็นเมืองเก่าแก่และถูกจัดให้เป็นเมืองเก่ามรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ด้วย และใหนๆก็แบกเป้เดินทางคนเดียวมาเที่ยวถึงประเทศเบลเยี่ยมทั้งที เดี๊ยนก็เลยขอเก็บภาพบรรยากาศเมืองบรูซมาฝากคุณผู้อ่านได้ชมกันค่ะ และก่อนจะเข้าสู่ภาพรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองบรูซ เราก็มารู้จักเมืองนี้ก่อนสักเล็กน้อยนะคะ
|
สาระน่ารู้พอสังเขปเกี่ยวกับเมืองบรูซ (About Bruges City, Belgium) ให้ได้อ่านกันสักเล็กน้อยค่ะ |
สาระน่ารู้พอสังเขปเกี่ยวกับเมืองบรูซ (About Bruges City, Belgium) ให้ได้อ่านกันค่ะ
สำหรับเมือง บรูช ( Bruges) หรือเป็นภาษาดัตซ์อ่านว่าเมือง บรึคเคอ (Brugge) ถือได้ว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของจังหวัดฟลานเดอร์ ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกในบริเวณเฟลมมิชของประเทศเบลเยียม ซึ่งถูกจัดให้เป็นศูนย์ประวัติศาสตร์ของเมืองได้รับเลือกให้เป็นเมืองในมรดกโลกของยูเนสโก
|
เมืองบรูซ (Bruges city) ถูกจัดให้เป็นศูนย์ประวัติศาสตร์ของเมืองได้รับเลือกให้เป็นเมืองในมรดกโลกของยูเนสโก |
ตัวเมืองรูปไข่มีเนื้อที่ประมาณ 430 เฮกตาร์ เนื้อที่ทั้งหมดของตัวเมืองมีประมาณกว่า 13,840 เฮกตาร์รวมทั้งอีก 1,075 เฮกตาร์ริมฝั่งทะเลที่เซบรึคเคอ (Zeebrugge) โดยเมืองบรูซนั้นเป็นเมืองเล็กๆอมีบรูชมีประชากรทั้งสิ้น 117,073 คน ในจำนวนนั้น 20,000 คนอยู่ในศูนย์ประวัติศาสตร์กลางเมือง บริเวณตัวเมืองและปริมณฑลมีเนื้อที่ 616 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรทั้งหมด 255,844 คน
|
ทางตอนเหนือของเมืองมีลำน้ำที่ใช้ในการคมนาคมรอบๆ จนได้รับสมญานามว่า เวนิสแห่งภาคเหนือ ตามสภาพเมืองที่เต็มไปด้วยลำคลองมีทัศนีภาพอันสวยงามโรแมนติก |
ซึ่งทางตอนเหนือของเมืองมีลำน้ำที่ใช้ในการคมนาคมรอบๆ จนได้รับสมญานามว่า เวนิสแห่งภาคเหนือ ตามสภาพเมืองที่เต็มไปด้วยลำคลองมีทัศนีภาพอันสวยงามโรแมนติก เมืองบรูชมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพราะเคยเป็นเมืองท่ามาก่อน และยังมีความสำคัญในทางศิลปะในยุคจิตรกรรมยุคเนเธอร์แลนด์ตอนต้นในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16
|
ทั่วเมืองเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน ที่ดูวิจิตรสวยงามดุจดั่งมนต์เสน่ห์ให้น่าหลงใหล |
ทั้งนี้เมืองบรูจส์แห่งนี้สวยงามเหมือนเมืองในฝัน ที่นักเดินทางจากทั่วสารทิศต่างหมายปองมาเยือนสักครั้ง โดยทั่วเมืองเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน ที่ดูวิจิตรสวยงามดุจดั่งมนต์เสน่ห์ให้น่าหลงใหลยิ่งนัก เนื่องจากยังคงอาคารตึกรามบ้านช่องดูเป็นระเบียบ ถนนหนทางก็ดูสะอาดตา และมีลำคลองไหลผ่านย่านเมืองเก่า ทำให้เกิดกิจกรรมล่องเรือ ชมเมืองอันแสนประทับใจต่อนักเดินทางทุกๆคนที่มาเยือน
|
บางครั้งถูกเรียกว่าเวนิสแห่งทางภาคเหนือ ซึ่งด้วยเหตุนี้เองทำให้เมืองบรูจส์มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างมาก |
โดยเมืองบรูซก็มีลักษณะของบ้านเมืองที่คล้ายกับเมืองทางเหนือที่มีคลองอื่นๆ อีกสองสามแห่งอย่างเช่นกรุงอัมสเตอร์ดัมและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก บางครั้งถูกเรียกว่าเวนิสแห่งทางภาคเหนือ ซึ่งด้วยเหตุนี้เองทำให้เมืองบรูจส์มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างมาก เนื่องด้วยชัยภูมิที่ตั้งของเมืองที่มีแม่น้ำลำลอง ทำให้เป็นที่ตั้งท่าเรือการค้าในอดีต
|
ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย นอกจากนี้แล้ว เมืองบรูจส์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศเบลเยี่ยม |
และครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย นอกจากนี้แล้ว เมืองบรูจส์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศเบลเยี่ยม และเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยแห่งยุโรป สถาบันมหาวิทยาลัยเพื่อการศึกษาในยุโรปอีกด้วย
และ ท่าเรือ Zeebrugge สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1907 ชาวเยอรมันใช้ท่าเรือนี้สำหรับเรือดำน้ำในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีการขยายตัวอย่างมากในปี 1970 และต้นทศวรรษ 1980 และได้กลายเป็นท่าเรือเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศเบลเยี่ยมและทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปอีกด้วย
|
ช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 เมืองบรูจส์ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกของโลกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษและฝรั่งเศสผู้มั่งคั่งให้มาเยือนมาที่สุด |
ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 เมืองบรูจส์ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกของโลกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษและฝรั่งเศสผู้มั่งคั่งให้มาเยือนมาที่สุด โดยในปี ค.ศ. 1909 บริษัทได้ดำเนินการจัดตั้งสมาคมที่เรียกว่า 'Bruges Forward: Society to Improve Tourism'
|
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง กองกำลังเยอรมันได้ทำการยึดครองเมืองบรูจส์เป็นฐานที่ตั้ง แต่เมืองแทบไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลย |
ในส่วนของประวัติศาสตร์ด้านสงครามนั้น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง กองกำลังเยอรมันได้ทำการยึดครองเมืองบรูจส์เป็นฐานที่ตั้ง แต่เมืองแทบไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลย และตัวเมืองก็ได้รับการปลดปล่อยเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2461 โดยฝ่ายสัมพันธมิตร ตั้งแต่ปี 1940 ซึ่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองนี้ถูกชาวเยอรมันยึดครองอีกครั้ง และรอดพ้นจากการทำลายล้างสงครามและแรงระเบิดมาด้วย จนเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2487 กองทหารแคนาดาของแมนิโทบาดรากูนส์ที่ 12 ได้รับอิสรภาพ
|
เมื่อปี พ.ศ. 2508 ทางเมืองได้มีการบูรณะโครงสร้างที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ และโบสถ์ เพื่อทำให้เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว |
จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2508 ทางเมืองได้มีการบูรณะโครงสร้างที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ และโบสถ์ เพื่อทำให้เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว และเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในย่านใจกลางเมืองซึ่งเป็นย่านเมืองโบราณเก่าแก่ขึ้น ด้วยเหตุนี้เองทำให้การท่องเที่ยวระหว่างประเทศได้เจริญรุ่งเรืองและเฟืองฟูเป็นอย่างมาก และด้วยความพยายามในการอนุรักษ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวครั้งใหม่ส่งผลให้เมืองบรูจส์ได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมแห่งยุโรปในปี 2545 ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ประมาณแปดล้านคนต่อปีเลยทีเดียว
|
เมืองบรูจส์มีสถาปัตยกรรมยุคกลางส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกทำลายลงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ได้อย่างสวยงาม |
โดยเมืองบรูจส์มีสถาปัตยกรรมยุคกลางส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกทำลายลงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ได้อย่างสวยงาม ทำให้เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในยุโรป จนถูกขนานนามว่าเป็น "ศูนย์ประวัติศาสตร์แห่งบรูจส์" โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 โดยอาคารยุคกลางหลายแห่งมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น รวมถึงไปถึงโบสถ์เก่าแก่อย่าง Church of Our Lady ซึ่งมียอดอิฐวิหารสูงถึง 115.6 ม. (379.27 ฟุต) ทำให้เป็นหอคอยหรือ่าอาคารอิฐที่สูงเป็นอันดับสองของโลก เนื่องจากเป็นประติมากรรม Madonna and Child ซึ่งมองเห็นได้ในรูปของปีกนก โดยเชื่อกันว่าเป็นงานประติมากรรมเพียงชิ้นเดียวของ Michelangelo ที่ออกจากประเทศอิตาลีในช่วงชีวิตของเขาที่มาถึงเมืองบรูซ
|
กิจกรรมนั่งรถม้าชมเมืองบรูซ ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยม อันน่าภิรมย์ใจที่นักท่องเที่ยวเหล่าคู่รักมักมานั่งกันสักคราให้ชื่นฉ่ำอุราถึงทรวงใน |
|
สถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของบรูจส์คือ Belfry of Bruges ก็เป็นหนึ่งในจุดเช็กอินที่นักท่องเที่ยวต้องไปถ่ายรูปภาพเป็นที่ระลึกกัน |
นอกจากนี้แล้ว สถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของบรูจส์คือ Belfry of Bruges ซึ่งเป็นหอระฆังสมัยศตวรรษที่ 13 ที่มีหอระฆังกลางที่ดูแลโดยสำนักงานเทศบาลเมืองบรูซ ประกอบด้วยระฆัง 47 ตัว โดยหอระฆังแห่งบรูจส์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในบรูจส์แล้ว
เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/บรูช
และหลังจากที่ได้อ่านข้อมูลน่ารู้เล็กๆน้อยๆ พอสังเขปเกี่ยวกับเมืองบรูซ เมืองสวยงามโรแมนติกสไตล์ชิคๆเก๋ๆกันไปแล้ว ต่อมาก็ตามมาดูภาพรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวเมืองบรูซกันต่อเลยค่ะ
|
เริ่มต้นการเดินทางไปเที่ยวเมืองบรูซทริปนี้ ทานอาหารเช้าเติมพลังให้อิ่มหน่ำสำราญก่อนออกเดินทางค่ะ |
จัดไปค่ะทริปนี้ เริ่มต้นการเดินทางไปเที่ยวเมืองบรูซทริปนี้ ทานอาหารเช้าเติมพลังให้อิ่มหน่ำสำราญก่อนออกเดินทางค่ะ ไม่งั้นเดี่ยวไม่มีแรงเดิน เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงเดือนพฤษภาคมที่เบลเยี่ยมยังอากาศหนาวเย็นอยู่เลยค่ะ
|
ออกจากโรงแรมที่พักเพื่อไปยังสถานนีรถไฟกรุงบรัสเซล แต่ก่อนถึงสถานีรถไฟ วันนี้เป็นวันหยุด มีตลาดนัดให้เดินช็อปปิ้งด้วย |
หลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว ก็ออกจากโรงแรมที่พักเพื่อไปยังสถานนีรถไฟกรุงบรัสเซล แต่ก่อนถึงสถานีรถไฟ วันนี้เป็นวันหยุด มีตลาดนัดให้เดินช็อปปิ้งด้วย เลยขอไปเดินดูสักหน่อยค่ะ ว่ามีตลาดนัดที่สถานีรถไฟใจกลางเมืองหลวงของเบลเยี่ยมแห่งนี้มีอะไรขายบ้าง
สภาพตลาดก็คล้ายๆกับหลายๆเมืองทีเดี๊ยนได้เดินทางมาค่ะ มีของกินอย่างอินทผาลัมอบแห้ง ราคาไม่ได้แพงมากด้วย
เดินหลุดออกจากฝั่งโซนของกินมา ก็เป็นโซนขายเสื้อผ้า ราคาไม่แพงมากด้วย ตกอยู่ที่ตัวละ 5 ยูโร ตอนมองป้ายแรก เดี๊ยนนึกว่าเค้าขายตัวละ 500 ยูโร ถ้าขายราคานี้เดี๊ยนว่ากลับไปซื้อที่เมืองไทยบ้านเราดีกว่าค่ะ
นอกจากนี้ยังมีผ้าแบ่งเป็นเมตรๆขายอีกด้วย โดยเฉพาะคุณแม่บ้าน ที่ชอบเย็บผ้า ก็นิยมซื้อผ้าเป็นเมตรๆไปตัดใช้เอง
|
เดินหลุดออกจากตลาดนัดตอนเช้ามาก็ถึงสถานีรถไฟกรุงบรัสเซลแล้วค่ะ |
เมื่อเดินหลุดออกจากตลาดนัดตอนเช้ามาก็ถึงสถานีรถไฟกรุงบรัสเซลแล้วค่ะ ตั้งอยู่ที่อาคาร Bruxelles Midi Brussel Zuid
|
เดินเข้ามาถึงสถานีก็ตรวจสอบชานชลาที่จะเดินทางไปเมืองบรูซ อยู่ทีชานชลาหมายเลข 9 ค่ะ โ |
เมื่อเดินเข้ามาถึงสถานีก็ตรวจสอบชานชลาที่จะเดินทางไปเมืองบรูซ อยู่ทีชานชลาหมายเลข 9 ค่ะ โดยการเดินทางด้วยรถไฟนี้ ดิฉันใช้บัตรโดยสารยูโรพาสค่ะ เลยไม่ต้องไปเสียเวลาซื้อตั๋วโดยสารแต่อย่างใด
|
ากใครที่ไม่ได้ซื้อบัตรยูโรพาส ก็สามารถซื้อตั๋วโดยสารรถไฟกับเจ้าหน้าที่ของสถานีหรือว่าที่เครื่องขายบัตรโดยสารอัตโนมัติได้นะคะ |
แต่ถ้าหากใครที่ไม่ได้ซื้อบัตรยูโรพาส ก็สามารถซื้อตั๋วโดยสารรถไฟกับเจ้าหน้าที่ของสถานีหรือว่าที่เครื่องขายบัตรโดยสารอัตโนมัติได้นะคะ
มาถึงชานชลาหมายเลข 9 รถไฟก็มาจอดรอพอดีเลยค่ะ
|
ออกจากตัวเมืองเคลื่อนตัวสุ่ย่านชนบท บรรยากาศสองข้างทางก็จะเป็นทุ่งนา มีน้องวัว น้องแกะ ออกมาเดินเจ๊าะแจ๊ะ แทะเล็มกินหญ้าอย่างชื่นอุราจับใจ
|
พอรถไฟค่อยๆวิ่งออกจากตัวเมืองเคลื่อนตัวสุ่ย่านชนบท บรรยากาศสองข้างทางก็จะเป็นทุ่งนา มีน้องวัว น้องแกะ ออกมาเดินเจ๊าะแจ๊ะ แทะเล็มกินหญ้าอย่างชื่นอุราจับใจ
|
ใช้เวลาไม่นานประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงเมืองบรูซแล้วล่ะค่ะ |
นั่งอยู่บนขบวนรถไฟที่ออกจากกรุงบรัสเซล ใช้เวลาไม่นานประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงเมืองบรูซแล้วล่ะค่ะ
|
ด้านหน้าอาคารสถานีรถไฟเมืองบรูซ |
จากนั้นก็เดินออกมาตั้งหลักที่ด้านหน้าอาคารสถานีรถไฟเมืองบรูซ เปิด GPS ในมือถือ เตรียมตัวไปเดินเที่ยว ว่าจะเดินทางไปในย่านท่องเที่ยวในเมืองBruges อย่างไรดี
|
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่นี่นิยมเดินกันค่ะ |
สำหรับใครที่เดินทางมาเที่ยวเมืองนี้ จะเดินทางไปอย่างไรนั้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่นี่นิยมเดินกันค่ะ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่แนะนำกับดิฉันว่า หากเดินข้ามทางม้าลายออกไปหน่อย ก็จะเป็นย่านท่องเที่ยวแล้วค่ะ และเดินตามแผนที่ไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวย่านเมืองเก่า
|
ได้แผนที่แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวในเมืองบรูซ (Bruges tourist map) มาด้วย |
เดี๊ยนก็ได้แผนที่แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวในเมืองบรูซ (Bruges tourist map) มาด้วย
ส่วนนักท่องเที่ยวคนใหนที่ไม่อยากเดิน หรือมาเป็นหมู่คณะ ก็สามารถเช่ารถม้านั่งชมวิวเมืองนี้ได้นะคะ
|
ด้านหน้าสถานีรถไฟ ก็เดินข้ามทางม้าลายออกจากสถานีรถไฟไปเรื่อยๆ ตามภาพจะมีคนเดินกันเยอะมาก |
จากด้านหน้าสถานีรถไฟ ก็เดินข้ามทางม้าลายออกจากสถานีรถไฟไปเรื่อยๆ ตามภาพจะมีคนเดินกันเยอะมาก เนื่องจากเป็นวันหยุด เดี๊ยนก็เดินแบบงงๆ ไปตามคนอื่นเขาค่ะ เนื่องจากมาคนเดียวก็เลยต้องทำตัวให้กลมเกลียวแบบว่าเหมือนไปหลายๆคน อะไรประมาณนั้น
|
บรรยากาศทางเดินก็ร่มรื่น ชืนฤทัยไปด้วยต้นไม้สองข้างทาง ดูสะอาดสะอ้านมาก |
โดยบรรยากาศทางเดินก็ร่มรื่น ชืนฤทัยไปด้วยต้นไม้สองข้างทาง ดูสะอาดสะอ้านมาก
|
เดินมาอีกนิดหน่อยก็จะเห็นแม่น้ำ ลำคลองเล็กๆไหลผ่านออกมาจากย่านเมืองเก่า |
พอเดินจากสถานีรถไฟไม่ไกลมาก เดินมาอีกนิดหน่อยก็จะเห็นแม่น้ำ ลำคลองเล็กๆไหลผ่านออกมาจากย่านเมืองเก่า มีอาคารเก่าแก่แลเป็นโดมดูสวยงามน่ารักเชียวค่ะ อากาศเย็นๆประมาณ 20 องศาต้นๆ ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป บรรยากาศดีทีเดียวค่ะ น่าจะเหมาะกับคู่รักและคนที่ชอบถ่ายรูปนะคะ
|
แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองบรูซ (Bruges City Tourist Attraction Map) |
หากดูจากแผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองบรูซนั้นมีหลายแห่ง เนื่องจากเป็นเมืองเก่าแก่มีจุดให้เดินแวะเช็กอินถ่ายรูปอยู่หลายแห่งเลยล่ะค่ะ โดยจะเห็นว่าหากเริ่มต้นจากจุดสีแดงๆคือ ที่สถานีรถไฟ สามารถเดินลัดเลาะไปได้เรื่อยๆ จนถึงที่เที่ยวในย่านใจกลางเมืองเก่าเลยค่ะ
|
สถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดตาในเมืองบรูซนั้นมีที่ใหนบ้างนั้น เพื่อไม่ให้บทความบล็อกยาวเกินไป เดี๊ยนเลยขอมาสรุปสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองบรูซให้ได้อ่านและชมกันดังนี้ค่ะ |
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดตาในเมืองบรูซนั้นมีที่ใหนบ้างนั้น เพื่อไม่ให้บทความบล็อกยาวเกินไป เดี๊ยนเลยขอมาสรุปสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองบรูซให้ได้อ่านและชมกันดังนี้ค่ะ หวังว่าน่าจะประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่กำลังวางแผนไปเที่ยวเบลเยี่ยม และแวะเที่ยวที่เมืองบรูซแห่งนี้อยู่ไม่มากก็น้อยนะคะ
|
1.เดอะบรูซมาร์ค (จตุรัสตลาดย่านใจกลางเมืองเก่า) The Bruges Markt ("Market Square") |
|
1.เดอะบรูซมาร์ค (จตุรัสตลาดย่านใจกลางเมืองเก่า) The Bruges Markt ("Market Square") |
|
1.เดอะบรูซมาร์ค (จตุรัสตลาดย่านใจกลางเมืองเก่า) The Bruges Markt ("Market Square") |
|
1.เดอะบรูซมาร์ค (จตุรัสตลาดย่านใจกลางเมืองเก่า) The Bruges Markt ("Market Square") |
1.เดอะบรูซมาร์ค (จตุรัสตลาดย่านใจกลางเมืองเก่า) The Bruges Markt ("Market Square") Bruges Markt ("Market Square") ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนมากที่สุด โดยบรูซมาร์ค ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1 เฮกตาร์ ที่รายล้อมด้วยอาคารทางประวัติศาสตร์บางส่วนรอบๆ อาทิเช่นหอระฆังสมัยศตวรรษที่ 12 และศาลจังหวัดเวสต์แฟลนเดอร์ส (แต่เดิมคือวอเตอร์ฮอลล์ ซึ่งในปี ค.ศ. 1787 ได้เสียหายพังยับเยินและแทนที่ด้วยอาคารแบบคลาสสิกหใม่ซึ่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1850 ทำหน้าที่เป็นศาลประจำจังหวัด และหลังจากเกิดเพลิงไหม้ใน ก็ได้สร้างขึ้นใหม่ในปี ในรูปของสไตล์นีโอโกธิคในปี 1887 ที่ใจกลางตลาดมีรูปปั้นของ Jan Breydel และ Pieter de Coninck ตั้งตระหง่านอยู่ในย่านจตุรัสแห่งนี้อีกด้วย
|
2.โบสถ์คริสต์จักร์แห่งบรูซ Church of Our Lady ,Bruges |
|
2.โบสถ์คริสต์จักร์แห่งบรูซ Church of Our Lady ,Bruges |
|
2.โบสถ์คริสต์จักร์แห่งบรูซ Church of Our Lady ,Bruges |
2.โบสถ์คริสต์จักร์แห่งบรูซ Church of Our Lady ,Bruges (ดัตช์: Onze-Lieve-Vrouwekerk) เป็นโบสถ์เก่าแก่ มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 13, 14 และ 15 เป็นหลัก โดยพื้นฐานแล้ว โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์เก่าแก่ ลักษณะของอาคาร มียอดหอคอยซึ่งสูง 115.6 เมตร (379 ฟุต) และเป็นโครงสร้างที่สูงที่สุดในเมือง อีกทั้งยังเป็นโบสถ์อิฐที่สูงเป็นอันดับสามของโลก (รองจากโบสถ์เซนต์แมรีในลือเบคและโบสถ์เซนต์มาร์ตินในลันด์ชัต ทั้งในเยอรมนี)อีกด้วย
|
3.หอระฆังแห่งบรูจ หรือ The Belfry of Bruges |
|
3.หอระฆังแห่งบรูจ หรือ The Belfry of Bruges |
|
3.หอระฆังแห่งบรูจ หรือ The Belfry of Bruges |
3.หอระฆังแห่งบรูจ หรือ The Belfry of Bruges
หอระฆังแห่งบรูจส์ (ดัตช์: Belfort van Brugge) เป็นหอระฆังยุคกลางใจกลางเมืองบรูจส์ อยู่ในย่านจตุรัสมาร์ค หนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมือง หอระฆังเดิมเป็นที่ตั้งของคลังสมบัติและหอจดหมายเหตุของเทศบาล และทำหน้าที่เป็นจุดสังเกตุการประจำเมือง โดยตัวอาคารหอระฆังถูกเพิ่มเข้ามาในจตุรัสในย่านตลาดใจกลางเมืองบรูซเมื่อเมื่อราวปี ค.ศ. 1240 เมื่อบรูจส์เป็นศูนย์กลางที่สำคัญของอุตสาหกรรมผ้าเฟลมิช และหลังจากเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1280 หอคอยก็ถูกสร้างขึ้นใหม่และใช้เป็นหอระฆังประจำการ โดยปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองบรูซไปแล้ว
|
4.กังหันลม Bonne Chiere Windmill (Bruges) |
|
4.กังหันลม Bonne Chiere Windmill (Bruges) |
|
4.กังหันลม Bonne Chiere Windmill (Bruges) |
|
4.จุดถ่ายรูปเช็กอินกังหันลม Bonne Chiere Windmill (Bruges) |
4.จุดถ่ายรูปเช็กอินกังหันลม Bonne Chiere Windmill (Bruges)
กังหันลมแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1844 ถูกทำลายในปี 1903 และสร้างขึ้นใหม่ในปี 1911 โดยตั้งอยู่ใกล้กำแพงเมือง Bruges โดยปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีภูมิทัศน์สวยงามของเมืองบรูซ
|
5.มุมถ่ายรูปสุดโรแมนติกสะพานข้ามคลองในเมืองบรูซ (View point of bridge in Bruges City) |
|
5.มุมถ่ายรูปสุดโรแมนติกสะพานข้ามคลองในเมืองบรูซ (View point of bridge in Bruges City) |
|
5.มุมถ่ายรูปสุดโรแมนติกสะพานข้ามคลองในเมืองบรูซ (View point of bridge in Bruges City) |
|
5.มุมถ่ายรูปสุดโรแมนติกสะพานข้ามคลองในเมืองบรูซ (View point of bridge in Bruges City) |
|
5.มุมถ่ายรูปสุดโรแมนติกสะพานข้ามคลองในเมืองบรูซ (View point of bridge in Bruges City) |
|
5.มุมถ่ายรูปสุดโรแมนติกสะพานข้ามคลองในเมืองบรูซ (View point of bridge in Bruges City) |
5.มุมถ่ายรูปสุดโรแมนติกสะพานข้ามคลองในเมืองบรูซ (View point of bridge in Bruges City)
เนื่องจากเมืองบรูซ เป็นเมืองที่มีแม่น้ำลำคลองไหลผ่านในย่านอาคารเมืองเก่า ทำให้มีแหล่งท่องเที่ยวจุดถ่ายรูปสวยงามโรแมนติกอยู่หลายแห่งที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน ไม่พลาดต้องถ่ายรูปภาพตามมุมต่างๆโดยเฉพาะจุดถ่ายรูปตามสะพานข้ามลำลองกับอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ในตัวเมือง
หรือหากใครที่ไม่อยากนั่งเรือ ก็สามารถนั่งรถม้าชมเมืองได้ กิจกรรมนี้ก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากเช่นกัน
เดินไปเดินมา ของฝากราคาถูกสุดเห็นจะเป็นโปสการ์ดกระมังคะ
ของฝากแบบอื่นก็น่าซื้อเหมือนกัน เพราะมันน่ารักมากๆ
อย่างเช่นตุ๊กตา ตุ๊กกะตุ๋นที่จัดวางขายอยู่ในร้าน ก็น่าซื้อไปฝากคนทางบ้าน แต่ก็ดูงบประมาณในกระเป๋าด้วยจ้า
โดยบรรยากาศริมคลองระหว่างเดินถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยๆ ก็จะมีน้องหงส์ออกมานั่งเริงระบำ พักผ่อนริมคลองกันอย่างสำราญบานใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน
นอกจากน้องหงส์แล้ว ยังมีนกเป็ดน้ำบินออกมาเล่นน้ำกันอยางเพลิดเพลินจำเริญอีกด้วย
|
เดินเข้ามาเรื่อยๆ บรรยากาศในแหล่งท่องเที่ยวเมืองบรูจ (Bruges) เริ่มคึกคักมากขึ้นทีเดียวค่ะ เพราะจะเห็นร้านขายขนม นมเนย อบเชย หอมกรุ่น ละมุนจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน |
พอเดินเข้ามาเรื่อยๆ บรรยากาศเริ่มคึกคักมากขึ้นทีเดียวค่ะ เพราะจะเห็นร้านขายขนม นมเนย อบเชย หอมกรุ่น ละมุนจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน
โดยเฉพาะช่วงตอนกลางวัน ไอศครีมขายดีมากๆ
นอกจากนี้ขนมจำพวกเบเกอรี่อย่างเช่น ขนมมาการองที่ตกแต่งได้น่ารักมากๆ
หากใครที่ชอบเบเกอรี่ ก็ต้องลิ้มลองทานมาการ่องรสชาติหวานละมุนดูสักครั้งค่ะ
เพราะจัดเรียงในตู้โชว์ไว้อย่างสวยงาม อร่ามจับใจ
|
มีขนมช็อกโกแลตทำเป็นรูปต่างๆ อย่างที่เห็นทำเป็นอุปกรณ์จำพวกอะไหล่ น็อต คีมแบบต่างๆ มองไปนึกว่าของจริงซ่ะอีกค่ะ
|
และนอกจากนี้ยังมีช็อกโกแลต ราคาไม่แพง ให้เลือกซื้อไปเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับไปด้วย โดยมีขนมช็อกโกแลตทำเป็นรูปต่างๆ อย่างที่เห็นทำเป็นอุปกรณ์จำพวกอะไหล่ น็อต คีมแบบต่างๆ มองไปนึกว่าของจริงซ่ะอีกค่ะ
และบรรยากาศในเมืองก็ยังมีร้านอาหาร ร้านคาเฟ่สไตล์น่ารักเก๋ๆ ให้แวะทานอีกด้วย
|
มีนักท่องเที่ยวเข้าไปชมอย่างไม่ขาด อย่างภาพที่เห็นอยู่บริเวณ หอระฆัง หรือ The Belfry of Bruges ก็จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเดินถ่ายรูปชมกันอยู่เป็นเนืองๆ |
อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองบรูซส่วนใหญ่ มีอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ยังคงรูปแบบไว้อย่างสวยงาม เนื่องจากอย่างที่บอกไปค่ะว่า ไม่ได้ถูกทำลายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่อย่างใด ทำให้อาคารต่างๆยังคงถูกอนุรักษ์อย่างดี มีนักท่องเที่ยวเข้าไปชมอย่างไม่ขาด อย่างภาพที่เห็นอยู่บริเวณ หอระฆัง หรือ The Belfry of Bruges ก็จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเดินถ่ายรูปชมกันอยู่เป็นเนืองๆ
และหากใครที่เดินมาเหนื่อยๆ ก็ยังมีมุมเก้าอี้ยาวให้นั่งพักผ่อนอีกด้วย
ส่วนเดี๊ยนเดินมาจนเมื่อยขา พอมีลูกแอปเปิ้ลที่นำติดกระเป๋ามาด้วย 1 ลูก นำออกมาทานเป็นมื้อกลางวัน ถือว่าประหยัดไปอีกมื้อนึงค่ะ
หลังจากที่เดินเช็กอินเที่ยวชมเมืองบรูซตลอดทั้งวัน เวลาบ่ายแก่ก็นั่งรถไฟกลับกรุงบรัสเซลโดยสวัสดิภาพ เป็นอันจบทริป เดินชิคๆรีวิวแบกเป้ไปเที่ยวเมืองบรูซด้วยตัวเองใน 1 วันค่ะ
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทริปรีวิวสั้นๆไปเที่ยวแบบชิลๆ เดินถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยๆ กับทริปลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรปคนเดียวครั้งนี้ ไปเที่ยวเมืองบรูซครั้งนี้ ถือว่าเป็นเมืองสวยงามโรแมนติกที่น่าเที่ยวอีกแห่งในเบลเยี่ยมอีกด้วย สำหรับเพื่อนๆคนใหน ที่อนาคตหลังจากโรคโควิด-19 ที่ระบาดอยู่ สถานการณ์ค่อยๆคลี่คลายลง และดีขึ้น มีการเปิดประเทศให้เดินทางไปเที่ยวยุโรปได้ ก็ลองวางแผนไปเที่ยวประเทศเบลเยี่ยม และจัดทริปไปเที่ยวเมืองบรูซ หนึ่งในเมืองสวยงามโรแมนติกน่ารัก ที่ต้องแวะไปพักเดินชมกันสักครั้งนะคะ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆคน ที่เข้ามาสไลด์อ่านดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไป....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
---------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกรีวิวเที่ยวเมืองอื่นๆ มีดังนี้ค่ะ
0 ความคิดเห็น