รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูร้อน ตอนที่ 6 ปั่นจักรยานไปตลาดเช้าเมืองทาคายาม่า แวะไปชมทุ่งนาที่หมู่บ้านชิรากาว่าโก โอ้โฮ้สวยงามเว่อร์ |
และเนื้อหาบล็อกในวันนี้นะค่ะ ดิฉันเองก็ขอมาเขียนรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นต่อจากบล็อกที่แล้วค่ะ หลังจากรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ เดี๊ยนได้พาทุกๆท่านไปดื่มด่ำ เดินเที่ยวเมืองชมปราสาทโอคายาม่า และไปลั๊ลลาย้อนอดีตสมัยเอโดะที่เมืองคุราชิกิมาแล้วนะค่ะ มารีวิวเที่ยวญี่ปุ่นบล๊อกนี้ ดิฉันจะพาทุกๆท่านไปเดินเที่ยวชมเมืองทาคายาม่า และหมู่บ้านมรดกโลกชิรากาว่าโกค่ะ ซึ่งตัวเดี๊ยนเองก็เคยมาเที่ยวเมืองแล้วค่ะ เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วในช่วงฤดูหนาว ซึ่งช่วงนั้นมา เที่ยวก็ไม่ได้เดินแวะเที่ยวเมืองนี้มากนัก เพราะเวลาน้อย อีกอย่างอากาศหนาวมากๆ มาปีนี้ได้มีโอกาศมาเที่ยวหน้าร้อน เลยขอมาซอน เดินตะลอนกิน เที่ยวช๊อป ให้อิ่มหน่ำสำราญไปเลยค่ะ
และเพื่อไม่ให้สับสน งวยๆงงๆและเกิดความต่อเนื่อง ดิฉันก็อยากให้ทุกๆท่านเข้าไปดูบล็อกรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นก่อนนี้ได้ค่ะ จะได้ไม่ปวดหัวและปะติดปะต่อเรื่องราวให้ผุดผ่องจนต้องร้องจ๊ากๆ เผื่อว่าคุณผู้อ่านอยากจะลองไปเที่ยวตะไลแนวๆชะโงกทัวร์แบบนี้ดูค่ะ เดี๊ยนรับรองว่าท่านจะได้สลายไขมันจนหุ่นผอม ร้อนแรงจับใจไฉไลสุดเก๋ เทห์ซ่ะไม่เบาเชียว
ตอนที่ 1 : รีวิวเที่ยวเมืองวาคายาม่า ไปลั๊ลลานั่งรถไฟแมวเหมียวทามะสุดน่ารัก คลิ๊กดูที่เว็ป khunnaiver.blogspot.com/2017/07/1.html
ตอนที่ 2 : รีวิวเที่ยวเมืองคาโกชิม่า นั่งรถไฟลั๊นลาไปอบทรายร้อน งามออนซอนแท้เด้ คลิ๊กดูที่เว็ป khunnaiver.blogspot.com/2017/07/2.html
ตอนที่ 3 : รีวิวท่องเที่ยวเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะในฤดูร้อน งามอรชร หาดทรายสวย รวยเสน่หา คลิ๊กดูที่เว็ป http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/3.html
ตอนที่ 4 : รีวิวท่องเที่ยวเมืองฮิโรชิม่า เดินลั๊นลาตามรอยระเบิดเคลียร์ ไปนั่งทักเปียผม ชมนกไม้ พร่างพรายดูสะพาน 5 โค้ง คลิ๊กดูที่เว็ป :http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/4.html
ตอนที่ 5 : รีวิวเดินเที่ยวเมืองโอคายาม่า ไปเดินย้อนเวลาสมัยเอโดะที่เมืองเก่าคุราชิกิ ชื่นชมใบไม้ผลิสีแดง ร้อนแรงใจ คลิ๊กดูได้ที่เว็ป : http://khunnaiver.blogspot.com/2017/08/5.html
เพื่อไม่ให้เป็นการสาเวเลีย และเสียเวลากับการบ่นพร่ำทำเพลงไปมากกว่านี้ะนะค่ ดิฉันขอมาบรรเลงรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นในหน้าร้อน เดินอรชร ชมเมืองทาคายาม่า และวิวทุ่งนาสีเขียวงามอร่ามจับตาคณานับที่หมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกเลยดีกว่าค่ะ เพราะกว่าจะเขียนให้ครบทั้ง 14 ตอน คงใช้เวลาเป็นเดือนเลยค่ะ ผิดพลาดยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ
วันที่ 16 ก.ค.2560 ดิฉันตื่นจากที่พักแต่เช้าตรู่เลยค่ะ รู้สึกว่านอนหลับเต็มอิ่มมากๆนะค่ะ เพราะที่พักเงียบสงบ แขกที่เข้านอนในห้องพักนอนรวมก็มารยาทดีนะค่ะ เพราะไม่มีใครนอนเสียงกรนเลยแม้แต่น้อยค่ะ อาจจะมีเสียงกุ๊กกักบ้าง ไม่เป็นไรค่ะ แถมโชคดีได้เตียงชั้นล่างค่ะ ไม่ต้องตะกายขึ้นไปชั้นบนค่ะ
แผนการเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่น 14 วัน
ท่องเที่ยวเมืองทาคายาม่าในวันที่ 16 ก.ค.2560 แวะตลาดเช้า และตอนบ่ายไปหมู่บ้านมรดกโลกชิราคาว่าโกะ
เช้านี้ที่โรงแรม K's House Takayama Oasis ห้องพักหลักร้อย ใกล้สถานีรถไฟ Takayama ดูที่พักเว็ปไซต์ : https://goo.gl/NWH7G3 |
ส่วนการนอนพักค้างคืนที่โรงแรม K's House Takayama Oasis เมื่อคืนนี้ หลับสบายดีมาก แม้จะเป็นห้องพักนอนรวม แต่แขกที่นอนด้วยกัน ก็มีแต่แขกเรียบร้อย ไม่วุ่นวาย เงียบสงบดีมาก ชอบค่ะ สำหรับใครที่วางแผนจะมาเที่ยวเมือง ทาคายาม่า มองหาที่พักราคาถูก หลักร้อย ก็แวะมาพักที่ K's House Takayama Oasis ได้ค่ะ เข้าไปดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/NWH7G3
น้องแมวเหมียวน่ารัก ยืนอยู่ที่ทางขึ้นบันใดใน K's House Takayama Oasis |
อันนี้คือตุ๊กตาชื่ออะไรไม่รู้ค่ะ ไม่มีหน้า ไม่มีตา คนทำตุ๊กตาคงลืมวาดให้มันกระมัง
ที่พักโรงแรม K's House Takayama Oasis มีจักรยานให้เช่าด้วย คลิ๊กดูรายละเอียดที่พัก : https://goo.gl/NWH7G3 |
เตรียมพร้อมออกเดินทาง
ไม่ต้องห่วงว่าจะหลงทางนะคะ เพราะที่พักก็มีโบว์ชัวร์ท่องเที่ยวในเมืองทาคาย่ามาเป็นภาษาไทยให้ด้วย เริ่ดมากๆ
มาปั่นจักรยานเที่ยวในเมืองนี้ดูสิ ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างค่ะ
เดี๊ยนปั่นจักรยานมาตามถนน ก็ยังงงๆกับเส้นทางบ้าง เพราะอิชั้นเองไม่รู้ว่าจะต้องปั่นบนทางเท้าหรือทางถนนดีค่ะ เพราะตั้งแต่ปั่นจักรยานออกจากที่พักมา ยังไม่เห็นคนปั่นจักรยานเลยค่ะ เห็นแต่คนที่นี้ขยันเดินกันจริงๆนะค่ะ อากาศในยามเช้าเมืองนี้ดีมากค่ะ ไม่ร้อนเลย แต่ปั่นจักรยานน่าจะร้อนขึ้น เพราะเริ่มใช้พลังงาน
และทัศนียภาพเมืองทาคายาม่า ก็สวยงาม เป็นระเบียบร้อยเรียบและเรียบร้อยมากๆ สะอาดสะอ้าน น่าอยู่เชียวค่ะ ส่วนร้านคง ร้านค้าก็ยังไม่เปิดกันเลย
ปั่นจักรยานมาตามทางเท้าก็เจอน้องแมว
น้องแมวน่ารักเชียวค่ะ ไม่รู้ว่าเขียนป้ายแปลว่าอะไรนะค่ะ น่าจะเป็นความหมายที่ดี
ปั่นออกมาก็เจอสะพานสีแดง ข้ามแม่น้ำมิยะกะวะ คือสะพานนะคะบะฉิ
เกี่ยวกับเมืองทาคายาม่า
เป็นเมืองในจังหวัดกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น ทาคายามะมีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ยุคโจมง เป็นหมู่บ้านช่างไม้ที่มีชื่อเสียง มีความเชื่อกันว่าช่างไม้จากเมืองทะกะยะมะเข้าร่วมสร้างพระราชวังเกียวโต และวัดอารามต่างๆในเกียวโตและนะระ และปราสาททาคายาม่า
ในสมัยโทะกุงะวะ จากสภาพภูมิศาสตร์ของทะกะยะมะที่ตั้งอยู่บนที่สูง และตัดขาดจากโลกภายนอกมาเป็นเวลากว่า 300 ปี ทำให้วัฒนธรรมในทะกะยะมะมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง และอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมไว้อย่างดี
เมืองทาคายาม่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม ที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดีจากรุ่นสู่รุ่น และบรรยากาศโดยรอบของเมืองที่รายล้อมไปด้วยหุบเขาและสายน้ำ มีทัศนียภาพที่สวยงาม และบ้านเรือนไม้โบราณแบบญี่ปุ่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือนนี้อย่างไม่ขาดสายค่ะ
โดยเสน่ห์ของการเที่ยวชมเมืองนี้ คือการเดินชมเมืองเก่าแบบโบราณ หมู่บ้านโบราณที่คงเอกลักษณ์มาตั้งแต่สมัยเอโดะ (ค.ศ.1600-1868) โดยจะมีถนนคนเดินเล็กๆ ทอดยาวเรียงราย ขนาบไปกับบ้านไม้แบบดั้งเดิม 2 ข้างทาง ที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี ซึ่งเป็นทั้งร้านขายขนม นมเนย ของฝาก ของที่ระลึกและ โรงกลั่นเหล้าสาเก กลิ่นหอนหวนชวนให้เมาและคลอเคล้าหลงไหลไปในบรรยากาศในตอนเช้าๆค่ะ แนะนำหากมาเที่ยวเมืองนี้ ให้มาเดินเที่ยวช่วงเช้าๆ จะได้บรรยากาศดีมากค่ะ เพราะอากาศยังไม่ร้อนมากค่ะ
สะพานสีแดงแห่งเมืองนี้ตามรูปที่ดิฉันถ่ายมา ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกกะซากุระจะบานสะพรั่งเป็นสีชมพูหวาน ร้าวรานใจค่ะ
และจุดเด่นของสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองนี้ ก็คงจะเป็นชุมชนและบ้านเรือนโบราณที่ยังคงถูกอนรักษ์ไว้อย่างดีค่ะ
บ้านไม้เก่ากับบ้านเรือนสมัยเอโดะ ตกแต่งได้เข้ากันดีมากๆ รูปแบบของสถาปัตยกรรม สวยงาม โก้หรูดูแพงค่ะ
ดิฉันจอดจักรยานไว้ที่ปากซอยเดินเข้ามาในถนนเล็กๆเส้นนี้ก็มีบ้านไม้โบราณแบบดั้งเดิมให้ชมค่ะ บรรยากาศช่วงเช้า เงียบดีมากๆค่ะ
เดินไป เดินมา ก็ไปเจอน้องตุ๊กตา น่ารักมุ้งมิ้ง ตุ๊งติ๊ง ฟุร้งฟริ้งเชียวค่ะ
ถนนคนเดินย่านเมืองเก่า Sanmachi-Dori (ซานมาชิ ดอริ) จะเป็นบ้านไม้ดั้งเดิมสไตล์ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น ขนาบอยู่ 2 ข้างทาง สวยงามเป็นระเบียบร้อยเรียบและเรียบร้อยมากค่ะ
บ้านไม้ก็ถูกดัดแปลงเป็นร้านขายของฝาก ดูอย่างร้านนี้ มีนักท่องเที่ยวเข้าไปซื้อของฝากกันอย่างคึกคักเลยค่ะ
ของฝากอร่อยขึ้นชื่อที่นี้ ที่สามารถซื้อฝากกลับบ้านไปได้คงเป็นข้าวเกรียบค่ะ เพราะราคาไม่แพง รสชาติอร่อยดีค่ะ
ลักษณะบ้านไม้ดั้งเดิมของญี่ปุ่น ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี
ปั่นจักรยานลัดเลาะมาตามตรอกมาซอก ตามซอยก็จะเป็นบ้านไม้ 2 ข้าง สวยงาม มีรถลากแบบญี่ปุ่นให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วยนะค่ะ
โดยรถลากแบบญี่ปุ่นนี้ เรียกว่า จินริกิฉะ (Jinrikisha)
แต่เดี๊ยนชอบอ่านเป็นจิริกิชา หากมาเที่ยวญี่ปุ่นจะเห็นรถลากเบาะสีแดงแบบนี้อยู่ตามเมืองเมืองท่องเที่ยวแบบโบราณ ทั่วญี่ปุ่นเลยค่ะ เป็นอีกหนึ่งพาหนะที่สร้างเสน่ห์ให้การท่องเที่ยวในญี่ปุ่นไม่น้อยเลยค่ะ
เห็นนักท่องเที่ยวกำลังนั่งรถลากแบบญี่ปุ่น ดูบรรยากาศคลาสสิคเข้ากันดีเหลือเกินค่ะ ขาดก็เสียแต่คนนั่งไม่ได้ส่วมชุดยูกาตะให้เข้ากันค่ะ ไม่งั้นคงจะดีเริ่ดกว่านี้มากค่ะ
บรรยากาศนักท่องเที่ยวเริ่มจะคึกคักแล้วค่ะ ตามถนนคนเดินเมืองเก่าค่ะ และย่านเมืองเก่านี้ ก็จะมีพิพิณภัณฑ์บ้านไม้แบบต่างให้เข้าชมกันด้วยค่ะ อาทิ พิพิธภัณฑ์เมืองเก่า หอนิทรรศการ เทศกาลทาคายะมะ โรงงานสร้างฝันฮิดะ ทาคายามะจินจะ และวัดวามอารามต่างให้แวะไปชมกันหลายแห่งเลยค่ะ
เสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเมืองนี้คงไม่พลาด ต้องแวะเดินตลาดเช้าค่ะ ดิฉันเลยปั่นจักรยานมาจอดไว้ที่ถนนริมทาง แล้วมาเดินหาอะไรกันตอนเช้าทีตลาดนี้ค่ะ เรียกว่าตลาดเช้ามิยะกะวะ
ที่เรียกตลาดเช้ามิยะกะวะ เพราะว่าเป็นตลาดอยู่ติดริมแม่น้ำมิยะกะวะค่ะ
ดูบรรยาศตลาดเช้าในวันอาทิตย์ที่ 16 ก.ค.ซึ่งเป็นวันหยุด มีนักท่องเที่ยวมากันอย่างคับคั่งเชียวค่ะ
ภายในตลาดก็จะเป็นร้านขายของสด ผัดสด เนื้อสด มีของกิน ขนม นมเนย ให้เลือกซื้อทานกันค่ะ
แม่น้ำมิยะกะวะ (miyagawa river) ในเมืองทาคายาม่า น้ำใสสะอาดมากๆค่ะ คงเป็นน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาสูง
มีนักท่องเที่ยวมายืนชมวิว และถ่ายรูปริมแม่น้ำ
มองไปในแม่น้ำ ก็ต้องตะลึง เพราะเห็นปลาสีส้มสดใส กำลังแหวกว่ายในแม่น้ำ
บรรยากาศดีสวยงาม ดูสะอาดสะอ้าน เจริญตาดีเหลือเกินค่ะ
กลับมาเดินต่อที่ตลาดค่ะ เริ่มจะหิวแล้วค่ะ เพราะเดินไป เดินมา เช้านี้ยังไม่ได้ทานอะไรเลยค่ะ
เดินผ่านร้านขายของที่ระลึก เห็นพวกตุ๊กตาตุ๊กตุ๋นก็อยากได้ค่ะ
มีร้านขายผักสดๆ ผักก็สีส๊ด สด น่าทานเชียวค่ะ
เดินมาเจอร้านขายทาโกะยากิ น่าทานเชียวค่ะ
พอเห็นแล้ว อดใจไม่ไหว เลยขวักเงินในสตางค์ออกมาซื้อลิ้มลอง ทายาโกะยากิร้อนๆออกจากเต่า น่าทานมากๆค่ะ ราคา 300 เยนค่ะ ตกลูกละ 100 เยนค่ะ
มีที่นั่งทานด้วยนะค่ะ รสชาติอร่อยกลมกลอมแบบอูมาหมิดีค่ะ แต่ตอนทาน ต้องเป่าให้หายร้อนก่อนนะค่ะ เพราะกัดไปทีนึง แทบลวกปากค่ะ
เจอข้าวเกรียบติดป้ายลดราคาไว้ หอละ 200 เยนค่ะ จัดไปค่ะ 1 หอ
เดินผ่านตลาด นักท่องเที่ยวยังคึกคัก เริ่มมากันเรื่อยๆค่ะ
มาเหลียบเจอน้องหมา กำลังยกขากวักไปๆมาๆ พร้อมเห่าเสียงบ๊อกๆ ต้อนรับนักท่องเที่ยว มันน่ารักมากๆค่ะ ถ้าเจ้าของไม่ผูกเชือกไว้ คงมีคนอุ้มไปแน่เลยค่ะ
น้องหมาตาแบ๋วๆ น่ารักมากๆนะค่ะ ถ้าเจ้าของไม่ผูกเชือกไว้ คงมีคนอุ้มไปแน่เลยค่ะ
เดินแวะผ่านมา เจอร้านขายอาหารเช้าแล้วค่ะ เลยขอเข้ามาลิ้มลองหน่อยค่ะ
ร้านขายอาหารเช้าถนนคนเดินตลาดมิยากาวะ เข้ามาด้านใน ก็น่ารักมากๆค่ะ เก้าอี้เตี้ยๆสั้นๆ ดูปุ๊กลุ๊ก มุ้งมิ้งน่ารักมากค่ะ แถมหมุนได้ด้วยนะค่ะ
อาหารเช้ามีให้เลือก 6 อย่างค่ะ แต่เห็นไข่โอมเลทสีเหลือราดซอสน่าทานดีค่ะ เดี๊ยนเลยขอสั่งมาลิ้มลองค่ะ
บรรยากาศในร้านน่ารักดีค่ะ มีนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่จะเป็นคนญี่ปุ่น นั่งจิบชา กาแฟอยู่ค่ะ
ระหว่างรออาหารเช้า ก็มีน้ำดื่มมาเสริฟให้ค่ะ
รอไม่นาน อาหารก็มาเสริฟแล้วค่ะ โอมเลทข้าวราดซอสเนื้อ หรือข้าวหอไข่ราดซอสเนื้อค่ะ
ลิ้มลองแล้ว รสชาติอร่อยกลมกล่องแบบอูมาหมิจริงๆค่ะ
พอทานข้าวอิ่มก็ออกมาเดินมาตลาดต่อค่ะ
บรรยากาศตลาดช่วงสายๆนักท่องเที่ยวเริ่มคักคักแล้วค่ะ
เดินมาเจอขนมอีกชนิดนึงค่ะ ดูน่าทานเชียวค่ะ
ลักษณะขนมเป็นก้อนสี่เหลี่ยมลูกเต๋า คล้ายเต้าหู้ค่ะ
พอได้ลิ้มลองรสชาติแล้วอร่อยดี รสหวานๆ ไม่รู้เรียกว่าขนมอะไร เดี๊ยนจำชื่อไม่ได้แล้ว แต่มันอร่อยดีค่ะ
มีดอกไม้ขายด้วยนะค่ะ สวยงามเชียวค่ะ เหมือนดอกไม้ในเมืองหนาวเลยนะค่ะ
เดินไปเจอน้องหมากำลังอ้อนคุณแม่ สงสัยจะไม่อยากเดินแล้วกระมังค่ะ
น้องเหมียวคิดตี้ก็น่ารักดีค่ะ
หลังจากได้เดินชมตลาดเช้าริมแม่น้ำมิยะกะว่าแล้วนะค่ะ ดิฉันก็ขอปั่นจักรยาน ละลายอาหารในกระเพาะต่อค่ะ
ตามข้อมูลในแผนที่อันนี้น่าจะเป็น หอเก็บสมบัติวัดค่ะ
ไม่ไกลนัก เดี๊ยนก็ปั่นจักรยานไปอีกนิดค่ะ ใช้กำลังขาอีกนิดหน่อย ก็เป็นวัดค่ะ แต่ไม่รู้วัดอะไรนะค่ะ ในแผนที่โบวชัวร์ เห็นชื่อวัดอยู่ติดกันค่ะ วัดอันริวจิ วัดเอเคียวอิน เอาเป็นว่า สถานที่ตรงนี้คือเขตวัดค่ะ ตั้งอยู่บนเนินเขาเลยนะค่ะ
เดินขึ้นเนินมาเห็นดอกไฮเดรนเยีย สีซีดเหี่ยวเชียวค่ะ
ประตูทางเข้าไปในวัด บรรยากาศดู เงียบงันและสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจจริงค่ะ
บรรยากาศ เงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจเลยค่ะ ใครชอบความเงียบสงบ รับรองมาสยบที่นี้ได้ค่ะ
มองจากวัดก็จะเห็นตึกรางบ้านช่อง วิวเมืองทาคายามา
เห็นหอระฆังด้วยค่ะ อยู่ในเขตวัดอันริวจิค่ะ
และหลังจากที่ได้ชื่นชมเมืองทาคายาม่าในช่วงยามเช้าแล้วนะค่ะ ดิฉันก็ปั่นจักรยานกลับมายังร้านสะดวกซื้อใกล้สถานีรถไฟทาคายาม่า เพื่อแวะซื้ออาหารทานตอนเที่ยงค่ะ
ระหว่างทางเจอตุ๊กตาอีกแล้วค่ะ อันนี้เป็นตัวเล็กๆกะมุุ้งกะมิ้ง ดูตุ้งติ้ง น่ารักเชียวค่ะ
พึงทานอาหารไปเมื่อเช้า ปั่นจักรยานขึ้นเนินใช้พลังงานไปหมดแล้วค่ะ เลยจัดอีกรอบตอนเที่ยง ไม่พ้นข้าวกล่องในร้านสะดวกซื้อ ลอซันค่ะ เพราะราคาถูกดี มีข้าวปั่นซูชิกับพุดดิ้ง และน้ำดื่มประปาเติมใส่ขวดไว้ให้เต็มค่ะ เตรียมพร้อมเดินทางต่อค่ะนั่งทานอาหารเที่ยงที่ Space area ในโรงแรมที่พักค่ะ
หลังจากทานอาหารมื้อเที่ยงอิ่มแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เช็คเอาท์ออกจากที่พัก แบกกระเป๋าเป้ใบใหญ่ เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวถัดไปนั้นคือ หมู่บ้านมรดกโลกชิรากาว่าโกค่ะ
วิธีการเดินทางไปหมู่บ้านชิรากาว่าโก สำหรับนักเดินทางแบกเป้ แบบไม่มีพาหนะส่วนตัว คงหนีไม่พ้นรถบัสโดยสารค่ะ เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาลึก ไม่มีรถไฟไปถึงค่ะ เลยต้องนั่งรถบัสโดยสารไปค่ะ และการเดินทางไปโดยรถบัสโดยสาร ก็มีรถบัสสายเดียวที่แวะผ่านหมู่บ้านนี้ค่ะ รถบัสของ Nohi Bus ค่ะ
ดิฉันเลยจองรถ Nohi bus ผ่านทางออนไลน์ไปค่ะ เว็ปไซต์ https://japanbusonline.com/
เริ่มต้นการเดินทางช่วงบ่ายนี้
- ออกจากทาคายาม่า 12.20 น. ถึง หมู่บ้านชิรากว่าโก บ่าย 13.10 น.
และออกจากชิราคาว่าโก 16.50 น. ถึงเมืองโตยาม่า เวลา 18.10 น.
โดยมีเวลาเดินเที่ยวชมในหมู่บ้านชิรากาว่าโกประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ
โดยเมื่อจองและชำระเงินไปแล้ว ก็ปริ้นใบจองมาแสดง หรือจดชื่อหมายเลข Booking ที่นั่งไว้เพื่อมาแสดงที่เคาเตอร์ nohi bus ในเมืองทาคายาม่าค่ะ
เมื่อได้แสดง Booking ID ที่ได้จองผ่านทางออนไลน์มาแล้วนะค่ะ ก็มารอขึ้นรถที่ชานชลาที่ 4 ค่ะ
รอออกตรงเวลามากค่ะ นั่งรถไม่นานค่ะ เพราะรถวิ่งทะลุอุโมงตลอดเส้นทางค่ะ
ระหว่างนั่งรถบัสโดยสารมา ก็มองเห็นวิวภูเขา บรรยากาศสวยงามมากๆค่ะ
สองข้างทาง ขนาบไปด้วยทุ่งนาข้าวสีเขียวอร่ามจับตาคณานับยิ่งนักค่ะ
ดูท้องฟ้าแล้วมื้ดครืมหน่อยค่ะ เหมือนฝนกำลังจะตกยังไม่รู้นะค่ะ
นั่งรถบัสโดยสารมาไม่นาน ก็ถึงหมู่บ้านชิรากาว่าโก ตามเวลาเป๊ะค่ะ
หอบกระเป๋าใบใหญ่มา มีที่ฝากกระเป๋าให้ด้วยค่ะ ตอนแรกว่าจะแบกไปด้วย คงไม่ไหวค่ะ เดี๊ยนเลยขอใช้บริการตู้ล๊อกเกอร์แทนค่ะ ราคาตู้ล๊อกเกอร์ 800 เยนค่ะ
เมื่อลงจากรถแล้วนะค่ะ แหล่งท่องเที่ยวจุดแรกในหมู่บ้านชิรากาว่าโก ก็คือจุดชมวิว Shiroyama Viewpointคจริงตั้งใจจะเข้าไปในหมู่บ้านก่อนค่ะ แต่พอดีเห็นนักท่องเที่ยวกำลังเดินไปชมกัน เดี๊ยนเลยตามเค้าไปค่ะ
อากาศที่หมู่บ้านนี้ก็ไม่ได้ร้อนค่ะ อากาศดี๊ดี ลมพัดเย็นๆ ชิวสุดๆค่ะ
เนื่องจากเส้นทางที่ดิฉันเดินขึ้นมานี้ ไม่ใช่เส้นทางในหมู่บ้าน ทำให้เดินอ้อมพอสมควรค่ะ แต่บรรยากาศเดินไปชมวิวสองข้างทางก็สวยงามมากๆนะค่ะ เต็มไปด้วยหุบเขาและดอกไม้ริมทาง งามพร่างพรายดุจดั่งสายน้ำทิพย์จริงค่ะ
เดินไปจุดชมวิว ก็จะเป็นทุ่งนาเขียวงามอร่ามจับตา และวิวภูเขา ส่วนท้องฟ้าดูมืดครึมเหมือนฝนจะตกจากหลังคาลงมาค่ะ
เดินชิวๆ ลัดลิวมาตามถนน ไปผจญเจอดอกไม้ริทาง ไม่รู้ดอกอะไร ดอกสวยงามกำลังทัดทิว ปลิวไสว งามเก๋ไก๋เริ่ดเว่อร์มากค่ะ
เดินชิวๆ ลัดลิวมาตามถนน ไปผจญเจอดอกไม้ริทาง ไม่รู้ดอกอะไร ดอกสวยงามกำลังทัดทิว ปลิวไสว งามเก๋ไก๋เริ่ดเว่อร์มากค่
เดินมาเจอดอกไม้ริมทาง สวยงามอีกแล้ว ไม่รู้ดอกอะไร ดอกสีชมพูบานสะพรั่ง ประดุจบัลลังก์วังสีทอง งามผุดผ่องอยู่ริมทาง ในหุบเขาและอากาศลมพัดดี๊ดีค่ะ เดินๆอยู่ไม่นานนัก ฝนก็ตกโปรยลงมาค่ะ
พอฝนลงเม็ดโปรยปราย เดี๊ยนก็รีบกางร่มแทบจะไม่ทันค่ะ และกางร่มได้ไม่นาน ฝนก็หยุดค่ะ เอาใจสภาพอากาศที่นี้ไม่ค่อยถูกเลยค่ะ ไม่รู้จะหุบ หรือจะกางดี
จุดชมวิวชิโรยาม่า มองไปเห็นวิวหมู่บ้านชิรากาว่าโกสวยงามมากๆค่ะ รายล้อมไปด้วยหุบเขาสีเขียวขจี
ตรงนี้น่าคือมุมมหาชนเลยค่ะ
มีนักท่องเที่ยวมารอถ่ายรูปกันตลอดเลย
ข้อมูลดีๆเกี่ยวกับหมู่บ้าน ชิราคาวาaโกะ(Shirakawa-go)
หมู่บ้านทางประวัติศาสตร์แห่งชิราคาวาโกะ คือแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น หมู่บ้านทางประวัติศาสตร์แห่งชิระงะวะโงและโกะกะยะมะได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 19 เมื่อปี พ.ศ. 2538 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
มีบ้านแบบกัสโชสึคุริ (Gassho-zukuri) เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุมากกว่า 250 ปี
ซึ่งหมู่บ้านชิราคาวาโกะนี้ ตั้งอยู่บนภูเขาในพื้นที่ห่างไกล ในบนพื้นที่ราบสูงฮิดะซึ่งเป็นพื้นที่ของหมู่บ้านอยู่ท่ามกลางหุบเขา และธรรมชาติของใบไม้ที่จะผลิใบสีเขียวสดใสในฤดูใบไม้ผลิ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงในฤดูใบไม้ร่วง และในฤดูหนาวที่หมู่บ้านถูกปกคลุมไปด้วยสีขาวหมดจดของหิมะ
โดยลักษณะของหมู่บ้านมีความเป็นมาและคงความเป็นอยู่แบบดั้งเดิม ลักษณะของบ้านที่สร้างตามแบบเฉพาะนี้ มีหลังคาเป็นสามเหลี่ยมทรงสูงคล้ายลักษณะการพนมมือ โครงสร้างภายในจะเป็นหลายชั้น อาจเป็น 3 หรือ 4 ชั้น มีรายละเอียดพิถีพิถัน และมีลักษณะเฉพาะต่างกันออกไปตามการใช้งาน และแสดงถึงความชาญฉลาดของผู้ปลูกสร้าง และอยู่อาศัย ภายในจะมีผ้าไหมที่รอปูรองไว้เพื่อให้ความอบอุ่นเมื่อยามหน้าหนาวมาเยือน ที่พื้นบ้านในชั้นแรกหลังคาที่มีมุมประมาณ 60 องศา เพื่อให้หิมะไหลได้ง่ายป้องกันการทับถมของหิมะในยามที่หิมะตกหนัก
หมู่บ้านประวัติศาสตร์นี้ประกอบด้วยบ้าน 117 หลังและโครงสร้างอื่น ๆ อีก 7 แห่ง ในนี้มีอยู่ 6 หลังที่เป็นบ้านสไตล์ Gassho ที่ส่วนมากสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่ในแนวเดียวกันขนานไปกับแม่น้ำโช ทำให้เห็นภูมิทัศน์อันแสนสงบและสวยงามจับใจ บ้าน 7 หลังมีโครงสร้างโดยใช้คาน ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 20 ในหมู่บ้านมีวัดแบบพุทธอยู่ 2 แห่ง คือ วัดเมียวเซนและวัดฮนคาคุ อีกทั้งยังมีเทพผู้ปกครองหมู่บ้านอยู่ในศาลเจ้าฮาชิมัน ซึ่งเป็นศาลเจ้าในลัทธิชินโต ตั้งอยู่ที่ตีนและล้อมรอบไปด้วยป่าสนซีดาร์
บ้านในแบบกัสโชสึคุริ (Gassho-zukuri) บ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ชื่อนี้ได้มาจากคำว่า “กัสโช” ซึ่งแปลว่า “พนมมือ” ตามรูปแบบของบ้านที่หลังคาชันถึง 60 องศา มีลักษณะคล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน ตัวบ้านมีความยาวประมาณ 18 เมตร และมีความกว้าง 10 เมตร ซึ่งโครงสร้างของบ้านสร้างขึ้นโดยไม่ได้ใช้ตะปู อีกทั้งวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างต่างๆ ล้วนแต่มาจากวัสดุจากธรรมชาติ อย่างต้นหญ้าที่ปลูกไว้เพื่อนำมาใช้มุงเป็นหลังคาขนาดหนาแต่ยังคงความแข็งแรง จนสามารถรองรับหิมะที่ตกมาอย่างหนักในช่วงฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี
ขอขอบพระคุณข้อมูลดีๆจากเว็ป https://th.wikipedia.org/wiki/หมู่บ้านประวัติศาสตร์แห่งชิระงะวะโงและโกะกะยะมะ
และข้อมูลจากเว็ปไซต์ http://www.japan-expert.com/หมู่บ้านชิราคาวาโกะ/
ที่จุดชมวิว มาเจอต้นไม้ใบสีแดงออกน้ำตาล ดูสวยงามแปลกตาดีค่ะ
ข้างต้นไม้ก็มีหมู่ดอกไฮเดรนเยีย กำลังผลิดอกเบ่งบาน เป็นพุ่มพวงสีม่วง ล่อลวงให้ต้องชม สวยสม ความงาม ร้าวรานจับใจมากๆค่ะ
ข้างต้นไม้ก็มีหมู่ดอกไฮเดรนเยีย กำลังผลิดอกเบ่งบาน เป็นพุ่มพวงสีม่วง ล่อลวงให้ต้องชม สวยสม ความงาม ร้าวรานจับใจมากๆค่ะ
หลังจากชมวิวอันสวยงามด้านบนเขาแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เดินลงเขาไปยังหมู่บ้าน
เดินตามทางลงมาเห็นวิวหมู่บ้านกับวิวทุ่งนาสวยงามอร่ามจับตาเชียวค่ะ
บ้านรูปหลังคา สามเหลี่ยมมุงฟางอัดหนาแน่น ถือเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของหมู่บ้านนี้เลยค่ะ
บ้านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ชื่อนี้ได้มาจากคำว่า “กัสโช” ซึ่งแปลว่า “พนมมือ” ตามรูปแบบของบ้านที่หลังคาชันถึง 60 องศา
บรรยากาศโดยรอบในหมู่บ้าน เขียวชะอุ่มชุ่มชื่นไปด้วยทุ่งนาข้าว สวยสกาวรุ่งโรจน์ยิ่งนักค่ะ
เดินมาสักพักก็เป็นร้านขายของฝาก ของที่ระลึก เรียงรายอยู่ริมทางเดิน มีนักท่องเที่ยวกำลังเดินเพลิดเพลินใจ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ค่ะ
เดินมาเริ่มจะเมื่อย เดี๊ยนไม่ไหว ขอนั่งพักเหนื่อย ชมดอกไม้ริมทางก่อนค่ะ
ระหว่างทางก็มีดอกม้ง ดอกไม้ ประดับประดาสีสันสวยงาม ช่วยให้ระรื่นชื่นกาย สบายตายิ่งนักค่ะ
มีมวลบุปผชาติหลากหลายชนิด ไม่รู้ว่าดอกอะไรบ้างนะค่ะ แต่ที่เห็นสวยงามอลังการสะท้านโลกายิ่งนักค่ะ
เดินมาสักพักเห็นหมู่มวลดอกไม้สีเหลืองอร่ามจับตาคณานับ กำลังระยับระยิบ ผลิดอกออกบานสะพรั่ง ประดุจบัลลังก์วังสีทอง ผุดผ่องเป็นยองใย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักค่ะ
ในมวลหมู่พุ่มพวงรวงดอกไม้นี้ ก็มีผีเสื้อตัวน้อย มาบินอ้อยสร้อย ถลาเล่นลมดอมดม ดูดเกสรดอกไม้ ดูท่าจะหวานเยิ้มกระจาย ไม่ยอมสลายตัวไปใหนเลย
เดี๊ยนถ่ายผีเสื้อตัวนี้ เข้าไปใกล้ๆ ดูมันก็ยังเกาะดอกไม้ไม่บินออกไปใหนเลย
ในมวลหมู่พุ่มพวงรวงดอกไม้นี้ ก็มีผีเสื้อตัวน้อย มาบินอ้อยสร้อย
ถลาเล่นลมดอมดม ดูดเกสรดอกไม้ ดูท่าจะหวานเยิ้มกระจาย
ไม่ยอมสลายตัวไปใหนเลย
ไปเจออีกตัว เป็นผึ้งตัวน้อยน่ารัก กำลังจะคึกๆคัก สลักตัวเหนือเกสรดอกไม้ เพื่อพร่างพรายเก็บน้ำหวาน ดูแล้วสวยงามชื่นบานใจ มีอีกหลายตัว มากระจายตัว กำลังบินว่อน อยู่เหนือภมรเกสรดอกไม้ งามพร่างพรายดุจสายน้ำทิพย์
มีอีกหลายตัว มากระจายตัว กำลังบินว่อน อยู่เหนือภมรเกสรดอกไม้ งามพร่างพรายดุจสายน้ำทิพย์
ดอกมาอีกหน่อยก็ เจอดอกนี้อีกแล้ว มีทั้งสีชมพูอ่อน ชมพูเข้ม เบ่งบานดอกกันอย่างสะพรั่ง ไม่รู้ว่าชื่อดอกอะไร ว่าจะเอาไปปลูกที่บ้าน คงจะสวยงาม ร้าวรานใจน่าดูเลยนะค่ะ ดูคลับคลาย คลับคลา ลั๊ลลาเหมือนดอกฝิ่น หรือไม่ก็โบตั๋ว
ดอกไม้บานสะพรั่ง ดูสวยงาม เติมเต็มความหวานให้หมู่บ้านแห่งนี้ชื่นบานไม่น้อยเลยนะค่ะ
ใกล้ๆกันก็มีดอกเบญจมาศ สวยขาวพราวด้วยความสะอาด สดใส ไร้มลทินมากค่ะ เพราะอากาศในหุบเขานี้ก็ดี๊ดีๆ เหมาะแก่การปลูกดอกม้ง ดอกไม้ พืชหลวงให้พวงกระจาย น่าจะได้ผลดีมากนักแล
เดินลัดเลาะ ลั๊ลลา ชิวๆ รับวิวไปเรือยเปื่อย กับสถาปัตยกรรม หลังบ้านทรงสามเหลี่ยม
เดินมาหน่อยก็จะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโชกะวะ ( Shogawa river )
สะพานขึงโซตรวนเหล็กข้ามแม่น้ำสายใหญ่ไปยังฝากตรงข้ามค่ะ มีนักท่องเที่ยวเดินกันมาตลอดเลยค่ะ
เดี๊ยนเลยขอเดินตามมาชมให้สุขสมอุราสักหน่อยค่ะ
เห็นสีของน้ำในแม่น้ำนี้แล้ว อยากลงไปเล่นมากๆนะค่ะ แหม่!! สีเขียวใสสดดุจมรกตเปล่งสี ดั่งอัญมณีทอแสง ฤทธิ์ร้อนแรงน่าอัศจรรย์ยิ่งนักแล
เห็นสีของน้ำในแม่น้ำนี้แล้ว อยากลงไปเล่นมากๆนะค่ะ แหม่!!
สีเขียวใสสดดุจมรกตเปล่งสี ดั่งอัญมณีทอแสง
ฤทธิ์ร้อนแรงน่าอัศจรรย์ยิ่งนักแลระหว่างเดินชมในหมู่บ้าน ก็จะเห็นทุ่งนาปลูกแทรกอยู่ทั่วหมู่บ้านเลยค่ะ
บางจุดเดินมาก็เป็นเนินเขา
ในช่วงบ่า่ยๆ ก็มีนักท่องเที่ยว เดินทางมายังหมู่บ้านนี้กันอย่างคึกคักเลยค่ะ
เห็นข้าวในทุ่งนาที่หมู่บ้านนี้ดูเจริญงอกงาม พร้อมมีน้ำไหลจากลำธารในภูเขามาช่วยนี้เองค่ะ
และนอกจากนี้แล้วนะค่ะ ในหมู่บ้านแห่งนี้ก็มีพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม และถ่ายรูปได้ด้วยค่ะโดยบ้านที่เปิดให้เข้าชมและถ่ายรูปได้คือ Wada House ค่ะ
ไปชมบ้าน Wada house ด้านในกันค่ะ
ค่าธรรมเนียมเข้าชมบ้าน Wada House 300 เยนค่ะ เอากล้องมา สามารถถ่ายรูปได้ค่ะ
เข้าไปด้านในก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาบ้านหลังนี้อย่างคึกคักเลยค่ะ เนื่องจากเป็นวันหยุดค่ะ
ในบ้านก็จะจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ ของคนที่นี้ไว้ให้ศึกษาและเรียนรู้กันค่ะ
ชั้นล่างจะเป็นห้องแสดงและอธิบายเรื่องราวความเป็นมาต่างๆของบ้าน wada หลังนี้ค่ะ
เห็นตัวหนอนไหม สำหรับผลิตเส้นด้ายไหมด้วยค่ะ กำลังดึกดึ๊ยอยู่เลยค่ะ
มุมนี้น่าจะเป็น Space Area ประมาณเป็นห้องรับแขก หรือห้องนั่งเล่นค่ะ ดูกว้างขวาง โลงๆน่านอนมากนะค่ะ
เดินขึ้นไปชั้นบน บันใดค่อนข้างเล็กและแคบหน่อยค่ะ เวลาจะขึ้นลงต้องระวังและรอคิวกันค่ะ
บ้านทำด้วยไม้ไม่ใช้ตะปูเลยนะค่ะ ใช้เชือกมัดแทนค่ะ แต่ก็ทนทานอยู่ได้เป็นร้อยๆปีเลยค่ะ
มุมนี้ก็จัดแสดงจำพวกอุปกรณ์ เครื่องเรือน หม้อหุงข้าว
มองจากบ้านไปก็เป็นวิวทุ่งนา สวยงามเชียวค่ะ
แวะเดินออกจาก Wada house มาก็เป็นวิวทุ่งนาในหมู่บ้านเหมือนเดิม เขียวอร่ามจับตาเชียวค่ะ
มาเจอพวงพุ่มช่อฟ้าผกามาศอีกต้น ไม่รู้ว่าเป็ฺนต้นอะไร คลับคล้ายคลับคลากับขนมสายไหมค่ะ เหมือนปุยๆๆค่ะ
เจอหุ่นไล่กาในหมู่บ้าน แต่ถูกจับติดฝาผนังไว้ ไม่รู้จะไล่กาได้หรือเปล่านะ
เดินเมื่อยมาเป็นชั่วโมง แวะทานไอติมสักหน่อยค่ะ รสชาติอร่อยแซ่บเว่อร์จริงๆค่ะ
ไอติมถ้วยละ 300 เยน ตอนแวะซื้อ กดกริ่งเรียกคนขายด้วยนะค่ะ
นอกจากไอติมก็ยังมีขนมอื่นด้วยนะค่ะ
และหลังจากที่ดิฉันได้เดินชิล ลัดเลาะเดินชมวิวหมู่บ้านชิราคาว่าโกจนเต็มอิ่มแล้วนะค่ะ
เวลา 16.50 น.ก็มาขึ้นรถ Nohi bus เพื่อเดินทางจากหมู่บ้านชิราคาว่าโก
นั่งรถบัสมุ่งหน้าสู่
ไม่นานนัก รถบัสโดยสารก็มาถึงสถานีรถไฟ Toyama ตามเวลาเป๊ะเลยค่ะ 18.10 น.ตรงเวลาจริงๆค่ะ พอถึงสถานีรถไฟ ทาคายาม่า แล้ว ดิฉันก็แบกเป้ เข้ามาที่เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ เพื่อสอบถามการเดินทาง การนั่งรถรางไปยังโรงแรมที่พักค่ะ
พอดีว่าโรงแรมที่ดิฉันจองไว้ อยู่ไกลจากสถานีพอสมควร เนื่องจากว่าโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานี JR Toyama มีแต่โรงแรมราคาแพงๆทั้งนั้นเลย เดี๊ยนสู้ราคาไม่ไหวค่ะ เพราะเงินเดือนน้อย ก็เลยขอยอมถอยไปพักแนวเกสต์เฮ้าหลักร้อยดีกว่าค่ะ
โดยการเดินทางไปที่พัก ก็นั่งรถรางจากสถานี Toyama ไปยังสถานี Okudachugakko-Mae Station
นั่งรถรางมา ราคา 200 เยนค่ะ ประมาณ 10 นาทีก็ถึงสถานี Okudachugakko-Mae แล้วค่ะ
ในที่สุดก็ถึงที่พักสำหรับคืนนี้แล้วค่ะ พักค้างที่ เกสต์เฮาส์ เอะนิชิ (Guesthouse Enishi) ที่พักราคาถูกหลักร้อย ดูรายละเอียดที่พัก: https://goo.gl/AVQBkB |
ที่พักคืนนี้มีชื่อ Guest House Enishi ที่พักแบบแนวโฮสเทล ห้องนอนรวมราคาหลักร้อยค่ะ คือแบบว่าถูกที่สุดแล้ว แต่เดี๊ยนว่าน่าจะมีที่พักราคาถูกและใกล้รถไฟฟ้า Toyama กว่านี้ แต่พอดีถูกจองเต็มหมดแล้ว และอีกอย่างเดี๊ยนเองก็วางแผนมาเที่ยวไม่ถึงเดือนค่ะ ก็เลยเหลือที่นี้ที่ยังว่างอยู่ ถึงแม้จะไกลหน่อย แต่ราคาก็ไม่ได้แพงนัก เมื่อเทียบกับโรงแรมที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า Toyama ส่วนใหญ่ที่ราคาห้องพักปาไปคืนละ 2-3 พันค่ะ เพื่อนท่านใดสนใจ ดูรายละเอียดห้องพักก่อนจองที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/AVQBkB
มาถึงที่พักแทบจะเป็นลม ขอวางกระเป๋า แล้วกดกริ่งเรียกเจ้าของที่พัก ช่วยมาเปิดประตูให้หน่อย |
เข้าเช็คอินน์ด้านใน พร้อมจ่ายตัง ณ ที่พักค่ะ 3200 เยน เทียบเป็นเงินญี่ปุ่นค่ะ
โดยรวมแล้วถือว่า ที่พักโอเคเลยนะค่ะ เจ้าของที่พักยังหนุ่ม ยังแน่นเปรี๊ยะเชียว แถมใจดีด้วย พูดภาษาอังกฤษดีเลิศมาก ที่พักราคาถูกประหยัดดี เสียอยู่อย่างเดียว ไกลจากสถานีรถไฟไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าในตัวเมืองซึ่งมีแต่โรงแรมแพงๆ
สำหรับใครที่สนใจพักที่นี้ ก็ดูรายละเอียดที่พักก่อนจองได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/AVQBkB
พอเช็คอินน์เสร็จก็ไปหาอะไรทานค่ะ ก็ได้คำแนะนำจากเจ้าของที่พักมาว่า มีซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ใกล้ๆที่พักค่ะ เดินมาได้ไม่ไกล เดี๊ยนเลยออกมาลั๊ลลาแวะหาซื้ออะไรทานในซุปเปอร์มาเกตค่ะ
โชคดีค่ะแวะเข้าซุปเปอร์มาเก็ตตอนหัวค่ำประมาณ 2 ทุ่มได้ ของกินในห้างกำลังลดราคาเลยค่ะ เดี๊ยนเลยจัดเต็มซื้อของกินมาเยอะแยะเลยค่ะ ที่ซื้อมาเยอะเพราะว่าเอามาเผื่อทานพรุ่งนี้เช้าด้วยค่ะ จะได้ไม่ต้องออกไปอีกครั้งให้สาเวเลียและเสียเวลานะค่ะ
ห้องครัวของที่พัก เอาไว้ทำกับข้าวหรืออุ่นกับข้าว ดูๆแล้วค่อนข้างจะเลอะเทอะและสกปรกไปหน่อยนะค่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับแย่มาก พอดูได้ค่ะ
จัดไปค่ะ อาหารมื้อ มีผัก มีผลหมาก รากไม้ เป็นมื้ออาหารที่เริ่ดที่สุดแล้วค่ะ ทานแล้วก็นึกถึงเมืองไทยที่สุด เพราะมีสับปะรง สับปะรดไว้ทานล้างปาก และช่วยย่อยอาหาร มีผักสลัดแบบเต็มกระบ๊วย ให้กระซวกทานแบบอิ่มหน่ำ แสนจะช๊อกช้ำไปด้วยวิตามิน กินแล้วดีต่อร่างกายขึ้นเยอะเลยค่ะ หลังจาก 5 วันที่แล้ว ขาดผักและผลไม้อย่างมากค่ะ
พอทานอิ่มเสร็จ ก็มาเปิดคอม นั่งเคลียอีเมลล์ลูกค้า มานั่งทำงานต่อค่ะ ถ้าไม่เคลียงาน เดียวกลับไปงานท่วมหัวแน่นอนค่ะ
หลังจากเคลียงานเสร็จ ดิฉันก็เข้านอนพักผ่อนเก็บแรงไว้สู้เดินทางไปยังจุดมุ่งหมายต่อไปค่ะ
จบทริปเที่ยวเมืองทาคายาม่า และทริปไปเดินลั๊ลลาชิลๆชมวิวหมู่บ้านชิราคาว่าโกะในฤดูร้อน กับบรรยากาศทุ่งนาข้าวสีเขียวออนซอน อร่ามจับตาคณานับยิ่งนักค่ะ หากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆท่านใด ที่หลงไหลในการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ยังไม่เคยมาสัมผัสที่เมืองนี้ แวะมาเที่ยวกันได้นะค่ะ โดยเฉพาะในหน้าร้อน อากาศที่นี้ก็ดีไม่ใช่น้อยเลยค่ะ
สำหรับรีวิวเที่ยวเมืองทาคายาและนั่งรถบัสไปลั๊ลลาหมู่บ้านชิราวาโกะในครั้งนี้ ก็ต้องขอจบลงเพียงเท่านี้นะค่ะ หากในบทความรีวิวท่องเที่ยวญี่ปุ่นในบล็อกนี้ มีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันเองต้องขอขมาลาอภัยคุณผู้อ่านทุกๆท่านมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ หวังว่าจะติดตามกันอีกในบล็อกถัดไปนะค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
-------------------------------------------------------
รวมบทความรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนที่ผ่านมา มีดังนี้ค่ะ (จะทยอยอัพเดททุกเดือน เว็ปบล็อกจะได้ไม่ร้างค่ะ)
แนะนำที่พักหมู่บ้านชิราคาวาโกะ วิวสวยๆ โฮมสเตย์ เรียวกัง นอนสบายๆ คลิ๊กดูที่พัก>> |
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2mj3bI1
เมืองท่องเที่ยวญี่ปุ่นแสนสวย กับจุดชมดอกซากุระบาน ที่ใครๆก็ตามไปถ่ายรูปกัน>>> |
หรือดูข้อมูลที่เที่ยวที่เว็ป : http://bit.ly/2kx5Ddf
เที่ยวนครนายกไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวไปทั่วได้ด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิว>> |
แบ่งปันที่พักทาคายาม่า เน้นใกล้สถานีรถไฟ เดินไปได้สบายสุดๆ คลิ๊กดูที่พักค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลที่พัก+เบอร์โทรติดต่อที่เว็ปไซต์ :
https://goo.gl/2ukd4r
มาม๊ะ..เที่ยวเกาะสมุยชิลๆ ชมวิวทะเลสวยๆ รุ่มระรวยด้วยของกินเลิศๆ คลิ๊กดูรีวิวจ้า>> |
แบ่งปันวิธีการเดินทางไปเที่ยวชมสวนดอกไม้ Hamamatsu ไม่ยากเลยจ้า คลิ๊กดูการเดินทาง>> |
ทริปสั้นๆ รีวิวแบกเป้นั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองนีกาตะยามเย็น คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวเมืองมัตสึโมโต้ เมืองน่ารักที่ไม่ได้มีแค่ปราสาทเท่านั้น คลิ๊กดูภาพรีวิวค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเกียวโตยามสนธยา แวะไปลั๊ลลาเมืองฮิเมจิ คลิ๊กดูรีวิวการเดินทางจ้า>> |
แบกเป้ไปเกาะชิโกกุ เที่ยวทะลุเมืองทามัตสึ มีแต่อันปังแมนน่ารัก คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
แวะเที่ยวคิตะคิวชู เมืองน่าเที่ยวอีกแห่งที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
รีวิวเที่ยวเมืองคุมาโมโตะ ชมปราสาทใหญ่โตโอฬารและดอกไม้บาน คลิ๊กดูรีวิวการเดินทาง>> |
แบกเป้เที่ยวนาโกย่า รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมือง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แนะนำโรงแรมในนาโกย่า ใกล้สถานีรถไฟ ราคาสุดประหยัด คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>> |
แนะนำโรงแรมโตเกียวเปิดใหม่ปี 2108 สำหรับคู่รัก คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลได้ที่บล็อก : http://bit.ly/2L3Nivv
โรงแรมในเมืองฮาโกดาเตะ สุดน่ารัก แถมราคาถูกอีกด้วย คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลได้ที่เว็ปบล็อก : http://bit.ly/2EMob0W
รีวิวแบ่งปันวิธีการเดินทางไปจุงเฟราด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2LHckBV
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 ไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งดูวิวทะเลสาบคาวากูชิโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
10 ที่พักโอซาก้า ราคาถูกสุดๆ ใกล้สถานีรถไฟ JR คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมไร่นาเมืองบิเอะ สวยเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักยานไปชมดอกลาเวนเดอร์บานๆ อลังการเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น