เนื้อหาในเว็ปบล็อกวันนี้มาแนะนำให้รู้จักบัตร Eurail Pass ก่อนซื้อว่าคุ้มค่าใหม๊ จะเลือกซื้อบัตรรถไฟชั้น 1 หรือชั้น 2 ดีต่างกันอย่างไร |
ดลใจเที่ยวทั่วไทย หรือว่าจะตะแล็ดแต๋ดแต๋เที่ยวทั่วโลกก็ตามนะคะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ ก็ขอเป็นแรงใจให้ทุกคนออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา เปิดโลกกว้างให้สะพร่างถึงใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนกันทุกคนนะจ๊ะ
และสำหรับบทความแนวๆโกโรโกโส สับปะรังเค เขียนไปมั่วๆซั่วๆในเว็ปบล็อกวันนี้ มีเกร็ดสาระดีๆเล็กน้อยๆมาฝากเพื่อนผู้อ่านทุกคนอีกแล้วค่ะ หลังจากที่บล็อกนี้ร้างลาไปนาน เพราะมัวไปยุ่งกับงานประจำ และนั่งพึมพำเป็นคนบ้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีธัญญามาจ้า เนื่องจากช่วงนี้เป็นคนบ้าหนักไปแล้ว แต่หมอก็ไกลออกมาให้ไปเป็นคนบ้าต่อเถอะ เดี๊ยนก็เลยจัดไปตามประสาคนบ้าเลยค๊า
เอาล่ะค่ะมาเข้าเรื่องกันเลยนะค่ะ สำหรับเพื่อนคนใหนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวยุโรป แน่นอนว่าการเดินทางเที่ยวยุโรปนั้นจะต้องคมนาคมด้วยรถไฟอย่างแน่นอน วันนี้ก็เลยขอมาบอกเล่า และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบัตร Eurial Pass ให้เพื่อนได้อ่านและดูกันคะ
เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเที่ยวยุโรปครั้งแรกในชีวิต และเลือกใช้บัตร Eurial pass ในการเดินทางด้วย ก็เลยอยากนำประสบการณ์จากการใช้บัตรนี้ มาเล่าให้เพื่อนได้ดูและอ่านในเว็ปบล็อกนี้คะ เผื่อเพื่อนๆคนใหนที่กำลังจะปักหมุดวางแผนไปเที่ยวยุโรป และกำลังลังเลใจว่าจะเลือกซื้อบัตรนี้ดีใหม๊ มันคุ้มค่าหรือไม่ ใช้งานอย่างไร แล้วระหว่างบัตร Eurail รถไฟชั้น 1 กับ ชั้น 2 ต่างกันอย่างไรบ้าง
เพื่อไม่ให้เสียเวลาพร่ำเพร้อพรรณา ช่ะช่ะช่าหัวใจไปมากกว่านี้ ขอมายวลยี พร่างพรายบอกเล่าให้เพื่อนได้อ่านและสไลด์ดูกันดังนี้ น่าจะปวดเศียรเวียนตับกันไม่มากก็นะค่ะ
มารู้จักบัตร Eurial Pass คือบัตรอะไร?
บัตรรถไฟ Eurail Pass หรือ Eurail Railway Pass ก็คือบัตรโดยสารรถไฟเพื่อเดินทางไปทั่วยุโรปได้อย่างไม่จำกัด ด้วยรถไฟจากบริษัทรถไฟที่เข้าร่วมในกลุ่มประเทศยุโรปจำนวน 28 ประเทศ เข้าใจง่ายๆคือสามารถใช้บัตรโดยสารนี้ เดินทางไปได้ทวีปยุโรปในกลุ่มประเทศที่กำหนดค่ะ
และผู้ที่สามารถใช้บัตร Eurail Pass ได้นั้นต้องเป็นผู้ที่อาศัยอยู่นอกทวีปยุโรปเท่านั้นด้วย
ประเภทตั๋วของบัตร Eurail Pass มี่กี่ประเภท??
ตอบ มี 4 ประเภท ดังนี้
1.Eurail Global Pass ก็คือบัตรโดยสารรถไฟที่ใช้เดินทางได้ 28 ประเทศทั่วยุโรป มี 2 แบบ คือ แบบเดินทางต่อเนื่อง เหมาะสำหรับคนที่อยู่ยุโรปนานๆ และแบบนับวันเฉพาะวันที่ใช้งาน อาจจะไม่ต่อเนื่องก็ได้ ผู้ที่จะเลือกใช้ต้องวางแผนให้ดีกว่า่จะเที่ยวแบบต่อเนื่อง หรือเที่ยวแบบช้าๆนานๆใช้รถไฟเดินทางไกลสักที
4.Eurail Regional Pass ก็คือบัตรโดยสารรถไฟ Eurail Pass ที่ใช้เดินทางได้ 2 ประเทศทั่วยุโรป ตั๋วแบบนับวันเฉพาะวันที่ใช้งาน อาจจะไม่ต่อเนื่องก็ได้มีอายุการใช้งาน 3-10 วัน ในระยะเวลา 2 เดือน
3. Eurail Select Pass ก็คือบัตรโดยสารรถไฟที่ใช้เดินทางได้ 4 ประเทศทั่วยุโรป ตั๋วแบบนับวันเฉพาะวันที่ใช้งาน อาจจะไม่ต่อเนื่องก็ได้มีอายุการใช้งาน 5,6,8,10,15 วัน โดยสามารถใช้ได้ในระยะเวลา 2 เดือน
4.Eurail Country Pass คือบัตรโดยสารรถไฟ ที่ใช้เดินทางได้ภายในประเทศเดียวเท่านั้น โดยตั๋วของบัตรจะเป็นแบบนับวันเฉพาะวันที่ใช้งาน อาจจะไม่ต่อเนื่องก็ได้มีอายุการใช้งาน 3-10 วัน ในระยะเวลา 1-2 เดือนก็ได้
สำหรับเพื่อนๆเลือกใช้กันดูนะคะว่า จะใช้เลือกใช้บัตร Eurail Pass แบบใหน เที่ยวทั่วยุโรป หรือเที่ยวเฉพาะบางประเทศ หรือเที่ยวแค่ประเทศเดียว ลองนำไปประกอบการตัดสินใจดูว่า แวะประเทศใหนบ้าง
สำหรับบัตรโดยสารรถไฟ Eurail Global Pass มี 2 แบบดังนี้ค่ะ
1.แบบ Consecutive Passes คือบัตรเดินทางแบบต่อเนื่องทุกวัน ผู้ที่ถือบัตรนี้สามารถใช้บัตรเดินทางโดยไม่จำกัดระยะทางแบบต่อเนื่อง ตามจำนวนวันที่เจ้าหน้าที่ได้ระบุไว้บนบัตรโดยสาร โดยสามารถเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงเที่ยงคืนของอีกวัน
ยกตัวอย่างเช่นใช้บัตรโดยสารเที่ยวฝรั่งเศส สวิชเซอร์แลนด์ และอิตาลี ภายใน 15 วันแบบต่อเนื่องติดต่อกันเป็นต้น เหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวแบบลุยๆ สายโหด ชะโงกทัวร์ เน้นเอามันส์ค่ะ
2.แบบ Flexi Passes คือบัตรเดินทางแบบไม่ต่อเนื่อง ผู้ที่ถือบัตรโดยสารจะเดินทางในวันใดก็ได้ภายในระยะเวลาที่ระบุ เช่นบัตร Eurial Pass แบบ 7 วัน ก็เลือกใช้เฉพาะวันที่อยากจะนำมาใช้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ใช้ชีวิตช้าๆ เที่ยวแบบเนิ่บๆ นานๆจะนั่งรถไฟทางไกลสักครั้ง หรือไม่ค่อยได้เดินทางด้วยรถไฟวิ่งต่างเมืองมากนักก็เหมาะกับการใช้บัตรชนิดนี้ค่ะ
สำหรับผู้โดยสารที่มีจองที่นั่งระหว่างเมือง หรือระหว่างประเทศ จำเป็นต้องแสดงตั๋วจองที่นั่งพร้อมบัตร Eurail Pass ขณะเจ้าหน้าที่รถไฟมาตรวจ และต้องตรวจสอบเส้นทางเดินรถไฟระหว่างประเทศ ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ว่าไม่ได้อยู่นอกขอบเขตหรือผ่านชายแดนประเทศอื่นที่ไม่ได้ระบุบนบัตรโดยสารรถไฟ (กรณีที่มีการผ่านเขตแดนประเทศที่ไม่ได้ระบุอยู่บนบัตร เจ้าหน้าที่รถไฟมีสิทธิ์ปรับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่แต่ละท่าน)
บัตรโดยสาร Eurail Pass ซื้อได้ที่ใหนบ้าง?
- ซื้อผ่านตัวแทนได้เลยค่ะ มีหลายเจ้ามากๆ ค้นหาใน Google มีเพี๊ยบเลยล่ะคะ
- ซื้อผ่านร้านค้าออนไลน์ของต่างประเทศ แต่ต้องเลือกซื้อ
สำหรั้บของดิฉันเลือกซื้อผ่าน Agencyในเมืองไทยของบริษัท Statravel เพราะค้นหาในGoogle ก็อยู่หน้าแรกเลย น่าจะเป็นเจ้าเดียวกันกับ diethelm travel นะคะ อันนี้เดี๊ยนไม่ได้ ส่วนเสียกับทางเอเจ้นนะ เพราะค้นหาใน Google แล้วอยู่หน้าแรกเลย ก็เลยเทียบราคากับเจ้าอื่นดู ราคาก็ถูกกว่านิดหน่อยแค่นั้นเองค่ะ
ราคาของบัตร Eurail Pass มีราคาเท่าไหร่บ้าง?
- มีหลายราคามากๆค่ะ โดยราคาขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรที่เลือกใช้ว่า จะใช้งานแบบใหน สามารถเช็คและตรวจสอบได้กับทางเว็ปไซต์หรือตัวแทนได้เลยค่ะ อันนี้ไม่ทราบจริงๆ เพราะเยอะมาก จนปวดหัว
-ของดิฉันเลือกใช้บัตร Eurail Global Pass แบบ 15 วัน และเลือกซื้อบัตรโดยสารแบบชั้น 1 ดูเนื่องจากต้องการทราบความแตกต่างระหว่างนั่งชั้น 1 กับชั้น 2
โดยราคาของบัตร Eurail Global Pass 15 วันเดินทางได้ทั่วยุโรปแบบชั้น 1 อยู่ที่ 21,800 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) ส่วนบัตรรถไฟชั้น 2 ราคาถูกกว่าเยอะเลยนะค่ะ
สำหรับราคาบัตรรถไฟ Eurail pass สามารถราคาบัตรรถไฟหลากหลายรูปแบบ ได้ที่เว็ปไซต์ดังนี้
https://www.statravel.co.th/eurail.htm
https://www.eurail.com/en/eurail-passes/global-pass?
http://www.raileurope.co.th/
https://th.his-bkk.com/eurail-pass
หรือดูบทความวางแผนการเที่ยวยุโรปด้วยรถไฟที่เว็ป : https://goo.gl/4nwkke
สำหรับข้อมูลเกี่ยบรถไฟ Eurail Pass เข้าไปดูได้ที่เว็ปไซต์ : https://rail.cc/th/how-to-eurail
ระหว่างนั่งรถไฟชั้น 1 กับ รถไฟชั้น 2 ต่างกันอย่างไร?
จากประสบการณ์ที่ดิฉันเคยนั่งมาแล้วทั้ง 2 แบบ ขอสรุปภาพรวมทั้ง 4 ประเทศที่ได้เดินทางมา (ฝรั่งเศส,สวิช,อิตาลี,กรีซ) โดยขอแสดงความคิดเห็นผ่านบล็อกของตัวเองดังนี้คะ
1.บัตร Eurail Pass รถไฟชั้น 1 แพงกว่าบัตรรถไฟชั้น 2 อยู่หลายพันบาทค่ะ (เทียบเป็นเงินไทยแล้วนะนะคะ ห่างกันประมาณ 3-4 พันบาทประมาณนั้น แล้วแต่อัตราแลกเปลี่ยน เผลอๆอาจต่างกันไม่มาก)
2.หากเลือกซื้อบัตร Eurail Pass รถไฟชั้น 1 สามารถเลือกนั่งรถไฟชั้น 2 ก็ได้ แต่ถ้าเลือกซื้อบัตรรถไฟ ชั้น 2 จะไม่สามารถไปนั่งชั้น 1 ได้นะค่ะ ดังนั้นหากใครที่ได้อยากได้ความแตกต่างก็ซื้อชั้น 1 ดูจะได้นั่งทั้ง 2 แบบ ส่วนใครที่ไม่ต้องการ นั่งชั้น 2 เถอะค่ะ เพราะประหยัดตังไว้กินข้าว
3.รถไฟชั้น 1 ที่นั่งจะกว้างกว่าสบายกว่า แต่ที่นั่งชั้น 2 จะเล็กกว่านิดหน่อยค่ะ ไม่ได้แย่นะ ก็ถือว่าดีนะ เพียงแค่ชั้น 1 ดูหรูแบบ Business Class ไฮโซโก้เก๋กว่าแค่นั้นเอง
4.รถไฟชั้น 1 เงียบสงบกว่า เงียบจริงๆ แต่ก็ไม่เสมอไปค่ะ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เดินทางด้วย แต่ที่นั่งชั้น 2 คนจะเยอะกว่า และวุ่นวายกว่านิดหน่อย เพราะชั้น 2 ราคาถูกกว่า แต่บางครั้งทั้งชั้น 1 และชั้น 2 ก็แน่นเต็มทุกขบวนค่ะ หากเดินทางช่วงเลิกงานตอนเย็น คนเยอะมากๆ เต็มโบกี้เลย แต่ถ้าเดินทางตอนกลางวัน ชั้น 1 เงียบเหมือนป่าช้าเลย ส่วนชั้น 2 ครึกครืน เหมือนฉิ่งฉาบทัวร์ เด็กร้องกระจองอแง แต่ก็ไม่เสมอไปนะ บางขบวนก็เงียบสงบเหมือนกัน แล้วแต่ช่วงเวลาที่เดินทางจริงๆ
- จากที่ดิฉันได้ใช้บริการนั่งมา มีความคิดเห็นว่าขบวนรถไฟของอิตาลีและสวิซเซอร์แลนด์ดีค่ะ ส่วนฝรั่งเศสไม่ค่อยเท่าไหร่ ถ้าให้คะแนนคง 5 เต็ม 10 ส่วนสวิชกับอิตาลีให้คะแนน 7 เต็ม 10
5.รถไฟชั่น 1 มีที่เสียบปลั๊กไฟให้ แต่ที่นั่งชั้น 2 ไม่มีค่ะ แต่บางขบวนชั้น 2 ก็มีให้นะค่ะ อันนี้ขึ้นอยู่กับขบวนรถไฟที่นั่งด้วย เพราะรถไฟความเร็วสูงแต่ละขบวนของแต่ละประเทศไม่เหมือนกันค่ะ แล้วแต่ดวงนะคะ
6.รถไฟชั้น 1 บางขบวนมีขนม นมเนย บริการน้ำดื่ม กาแฟ น้ำผลไม้ให้ด้วย ช่วงที่ไปเที่ยวมา มีรถไฟของประเทศอิตาลีมีบริการแจกขนมและเครื่องดื่ม ส่วนรถไฟของประเทศอื่นไม่มีมีแจกให้เลยคะ สำหรับรถไฟชั้น 2 ไม่มีแจกขนม นมเนยนะคะ ยกเว้นซื้อไปกินเอง
7.รถไฟชั้น 1 มีสัญญาณ WiFi ให้ด้วยสำหรับรถไฟบางขบวน ส่วนรถไฟชั้น 2 ไม่มีค่ะ แต่เดี๊ยน ขอบอกเลยว่า สัญญาณ WiFi ในรถไฟชั้น 1 เงียบทุกขบวน ไม่เสถียรเอาซ่ะเลย คือหลุดบ่อยมากๆ อาจจะด้วยความเร็วของรถไฟที่วิ่งเข้าถ้ำทะลุอุโมงบ่อยด้วยกระมัง สัญญาณเลยไม่ค่อยดี
สัญญาณ WiFi คือสิ่งที่เดี๊ยนต้องการมากและจำเป็นที่สุดเวลาเดินทางด้วยรถไฟ เพราะต้องใช้เน็ตทำงานบนรถไฟ เนื่องจากเที่ยวไปด้วยและต้องทำงานไปด้วย แต่สัญญาณ WiFi ไม่ดีแบบนี้แย่เลย จะใช้เน็ตผ่านมือถือก็ยิ่งช้า และสิ้นเปลื้องไปกันใหญ่เลย
สรุปคือรู้อย่างงี้ เลือกซื้อชั้น 2 ดีกว่าค่ะ เพราะที่เลือกชั้น 1 ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเลิศเลอเฟอร์เฟคไปทั้งหมดนะ อันนี้เป็นความคิดเห็นของเดี๊ยนนะค่ะที่่ได้ไปใช้บริการมา หากไปเที่ยวยุโรปอีกคงจะเลือกใช้ชั้น 2 ค่ะ แต่ถ้าเพื่อนคนใหนๆที่วางแผนมาเที่ยวอย่างเดียวไม่ได้หอบโน็ตบุ๊คมาทำงานด้วย และชอบที่นั่งกว้างๆนั่งสบาย ก็เลือกชั้น 1 เลยคะ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
แต่ถ้าเลือกที่นั่งชั้น 2 ก็จะประหยัดสตังไปได้หลายพันเลย เพราะอย่าลืมว่า ถ้าใช้บัตร Eurail Pass เดินทางไปเมืองไกลๆ ต้องเสียค่าจองที่นั่งเพิ่มด้วยสำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง แต่ถ้านั่งรถไฟที่ไม่ใช้รถไฟความเร็วสูง วิ่งเมืองระยะใกล้ๆเช่น เมืองโลซานไปเมืองเจนีวา ไม่ต้องเสียเงินจองค่ะ
ข้อเสียของการเดินทางด้วยรถไฟ Eurail Pass (ความคิดเห็นส่วนตัวของดิฉัน)
- บัตรห้ามหายเด็ดขาด!! รักษาเท่าชีวิตจะหายไม่ได้ในช่วงที่เดินทางท่องเที่ยว
- ต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมในการจองที่นั่งเพิ่มอีกด้วย สำหรับการเดินทางระยะทางไกลๆสำหรับรถไฟความเร็วสูง และรถไฟความเร็วสูงบางประเทศ ราคาจองที่นั่งก็ไม่เท่ากันด้วยนะคะ
ยกตัวอย่างของเดี๊ยนใช้บัตร Eurail Pass ชั้น 1 จองรถไฟความเร็วสูง TGV จากปารีสไปเมืองมาเซย์ ต้องเสียค่าจองที่นั่งเพิ่มอีก 20 ยูโร โดยต้องมาจอง ณ สถานีรถไฟที่จะเดินทางเลย
แต่ถ้านั่งรถไฟที่อิตาลี จะเสียค่าธรรมเนียม จองที่นั่งเพียง 10-14 ยูโรเท่านั้น ราคาที่นั่งของรถไฟความเร็วสูงแต่ละประเทศไม่เหมือนกันค่ะ ส่วนรถไฟวิ่งระยะสั้นๆ ไปเมืองใกล้ๆไม่ต้องเสียเงินค่ะ ต้องวางแผนด้วยการเช็คผ่านเว็ปไซต์ของรถไฟด้วยค่ะว่า รถไฟขบวนนั้นเป็นรถไฟที่ต้องจองหรือไม่
สามารถดูรายละเอียดรีวิวก่อนหน้านี้ได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/4nwkke
- สัญญาณอินเตอร์เน็ต WiFi ไม่เสถียรเท่าไหร่นัก ไม่เหมาะกับการนั่งทำงาน เหมาะกับการนั่งชมวิว พักผ่อนมากกว่า
ข้อดีของการเดินทางด้วยรถไฟ Eurail Pass
- บัตร Eurail Pass ใบเดียวสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วยุโรปตามประเทศที่กำหนด
- เดินทางระหว่างเมืองด้วยรถไฟความเร็วสูง ใช้เวลาไม่นานก็ถึง แม้ระยะทางจะหลายร้อยกิโลเมตรก็ตาม
- บัตรมีส่วนลดกับพิพิธภัณฑ์ โรงแรม ร้านค้าและสินค้าต่างๆที่ร่วมรายการด้วย ยกตัวอย่างเช่น นำไปเป็นส่วนลดการขึ้นชมยอดเขาจุงเฟรา เป็นต้น
- รถไฟมีบริการทั้งกลางวันและกลางคืน
- วิวทิวทัศน์ระหว่างเมืองสวยงาม
หลังจากที่รู้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับรถไฟ Eurail Pass ไปแล้วนะค่ะ มาดูหน้าตาของบัตร Eurail Pass กันดีกว่าค่ะ ว่าวิธีการใช้บัตร Eurial Pass นั้นใช้งานอย่างไร
บัตร Eurail Pass ด้านหน้าบัตรเป็นแผ่นพับคะ |
หน้าตาบัตร Eurail Pass ด้านในเป็นแบบนี้ค่ะ |
ในบัตรจะบุ ชื่อ ประเทศ และหมายเลขพาสต์ปอร์ตของเรา
ระบุระยะเวลาของบัตร
ระดับชั้นของบัตรว่าชั้น 1 หรือ 2
วันเริ่มใช้งาน และวันสิ้นสุด ทางเจ้าหน้าที่จะเขียนให้ในวันที่เริ่มใช้งาน
พร้อมประทับตราระบุวันเริ่มใช้งานค่ะ
ระบุ วันที่และเวลาที่เดินทางด้วยรถไฟ พร้อมเขียนชื่อเมืองที่เริ่มต้นเดินทางและเมืองปลายทางค่ะ |
เริ่มต้นเมืองอะไร ไปเมืองอะไร ระบุวันที่ เวลา ประมาณนี้ค่ะ ตามภาพที่คุณผู้อ่านเห็นนี้คือใช้งานแล้ว ดูสภาพยับเยิ่นสุดๆจวนจะขาดเลยค่ะ เนื่องจากเปิดบ่อยมากๆ
หมายเหตุ!! เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการใช้บัตร Eurail Pass
- บัตรโดยสารรถไฟ บังคับใช้เฉพาะบุคคลที่มีชื่อบนหน้าตั๋วเท่านั้น ไม่สามารถโอนเปลี่ยนได้บุคคลอื่นใช่ได้
- ผู้ถือบัตรไม่สามารถใช้บัตรโดยสารได้ก่อนเจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟจะมีการประทับตรา พร้อมลงบันทึกวันที่ของการเดินทาง
- ผู้ถือบัตรจำเป็นต้องแสดงหนังสือเดินทางต่อเจ้าหน้าที่ทุกครั้งเมื่อมีการขอตรวจบัตรโดยสารรถไฟ
- ถ้าเดินทางโดยรถไฟเที่ยงกลางคืนที่ออกเวลา 19.00 น.(1 ทุ่มตรง) จะต้องลงวันที่ของวันรุ่งขึ้น
- หากไม่มีการลงวันที่ในช่องวันที่เดินทาง เมื่อเจ้าพนักงานตรวจบัตรโดยสารตรวจพบ ผู้โดยสารอาจถูกปรับโดยจ่ายเป็นสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของเจ้าพนักงานตรวจบัตรและกฎระเบียบของบริษัทรถไฟที่ใช้เดินทาง
- หากมีการลงบันทึกวันผิดพลาดบนบัตรโดยสารรถไฟ ห้ามแก้ใขด้วยตัวเอง โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟเพื่อขอความช่วยเหลือ
ด้านในบัตร Eurail Pass ให้เราเขียนชื่อ ที่อยู่ ติดต่อให้ครบ และติ๊กระบุให้ส่งเป็นของขวัญมาให้ค่ะ |
ด้านหลังบัตร Eurail Pass |
สำหรับวิธีการใช้บัตร Eurail Pass มี 4 ขั้นตอนตามภาพเลยค่ะ
1.ให้เจ้าหน้าที่ประทับตราเริ่มใช้งานครั้งแรก
2.เขียนรายละเอียดการเดินทางว่าไปเริ่มต้นจากเมืองใหน ไปเมืองใหน ด้วยปากกาสีน้ำเงินหรือสีดำ ห้ามใช้ดินสอเขียนนะ
3.เวลาอยู่บนรถไฟ ก็ยื่นบัตร Eurail Pass พร้อม Passport ให้เจ้าหน้าที่ขอตรวจ (แต่ช่วงที่ดิฉันไปเที่ยวใช้งาน ก็ใช้แต่บัตร Eurail อย่างเดียวเลยคะ)
4.เมื่อจบทริปการเดินทาง ก็ให้เขียนรายละเอียดชื่อ ที่อยู่ ติดต่อของเราให้ครบ จากนั้นก็แม็ตติดให้แน่น ส่งไปทางไปรษณีย์ เพื่อรอรับของขวัญเล็กๆน้อยๆจากสำนักงานใหญ่ของบัตร Eurail Pass
เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจการใช้บัตร Eurail Pass ค่ะ ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับเพื่อนๆแล้วค่ะว่าจะเลือกใช้บัตร Eurail แบบใหน หรือไม่เลือกใช้เลย ลองไปพิจารณา ช่ะช่ะช่าหัวใจกันดูนะค่ะ
มาดูที่นั่งตั๋วรถไฟแต่ละชั้นกันค่ะ
รถไฟชั้น 1 ในประเทศฝรั่งเศส แบบ First Class |
รถไฟชั้น 1 ในประเทศฝรั่งเศส แบบ First Class |
รถไฟชั้น 1 ในประเทศฝรั่งเศส แบบ First Class |
ส่วนใกล้ประตูทางออก ก็มีที่วางกระเป๋าให้ค่ะ ใครหอบลากกระเป๋ามาใบใหญ่ก็วางได้ไม่ต้องกลัวหายนะค่ะ เพราะคงไม่มีใครเอาไปหรอก เนื่องจากกระเป๋าที่เอามาวางก็ใบใหญ่มากๆทั้งนั้น แต่ถ้าใบเล็ก ก็นำไปวางไว้ตรงชั้นวางด้านบนที่นั่งก็ศรีษะก็มีให้คะ
ที่เสียบปลั้กไฟสำหรับรถไฟชั้น 1 ค่ะ นำหัวเสียบแบบ Universal ปลั๊กมาด้วยนะคะ
ที่วางกระเป๋าในขบวนรถไฟ |
รถไฟมีสัญญาณ Internet Wifi ให้ด้วยคะ |
ส่วนรถไฟชั้น 2 เป็นแบบนี้ค่ะ ก็ไม่ได้แย่นะ ก็โอเคอยู่นะ
รถไฟชั้น 2่ แบบ Second Class |
รถไฟชั้น 2่ แบบ Second Class |
ที่เสียบปลั๊กไฟในขบวนรถไฟ แต่อย่าลืมเอา Universal Plug ไปด้วยนะ ไม่งั้นไฟไม่เข้านะค่ะ |
ยังไงลองนำไปเลือกเพื่อประกอบการตัดสินใจดูนะค่ะ สำหรับรถไฟชั้น 1 และชั้น 2 ของแต่ละประเทศในยุโรปมีความแตกต่างกันด้วยค่ะ
สำหรับบทความในเว็ปบล็อกวันนี้ น่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่กำลังวางแผนไปเที่ยวยุโรปด้วยตัวเองอยู่ไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากข้อมูลดังกล่าวมีข้อผิดพลาด พังพินาศย่อยยับ จับถูต้นชนปลายไม่ถูกประการใด ดิฉันเอง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ ขอบพระคุณทุกท่านที่เสียสละเวลาอันมีค่า เข้ามาลั๊นลาสไลด์ดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะคะ.......จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
---------------------------------------------------------------------------
แนะนำบทความอื่นๆ และบล็อกรีวิวท่องเที่ยวมีดังนี้คะ (จะทยอยเขียนเพิ่มเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกนี้ร้างไปค่ะ)
รวมเด่น 8 เมืองท่องเที่ยวในฝรั่งเศส มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย>> |
แบกเป้ลุยเดี่ยวพาเที่ยวเมืองเชสกี้ กรุมลอฟ ไปดูสิว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง>> |
เก็บตกวันหยุด รีวิวพาเที่ยวชมพระราชวังเดิม เติมความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลยจ้า คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
รวม12 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงปารีส ที่คู่รักสายจี๊ด แวะไปกัน คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
รวม 12 ข้อดีของประโยชน์ที่ได้ออกไปท่องเที่ยวมีอะไรบ้าง คลิ๊กดูบทความค่ะ>> |
เอาใจคู่รัก แนะนำโรงแรมปารีส ราคาประหยัด ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูที่พัก>> |
แนะนำ 8 เขตโซนที่พักกรุงปารีส พร้อมแผนที่มาให้พิจารณากันจ้า>> |
หรือดูข้อมูลโซนในปารีสที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2z6cOxa
รีวิวเที่ยวงานแห่ผ้าขึ้นพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช นอนตากอากาศที่คีรีวง คลิ๊กดูรีวิว>> |
รีวิวเที่ยวเมืองพัทลุง ชมมนต์ลูกทุ่งแห่งคุ้งน้ำทะเลน้อย แวะไปสอยเที่ยวชมกันเลย>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิกอีกครั้ง ไปดูสิว่ายังสวยปังอยู่ใหม๊ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวในเมืองเพชรบูรณ์ แบบช้าๆ มีที่เที่ยวให้ลั๊ลลามากมาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ตอนจบกับทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรป 26 วัน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2xlaVuZ
แบ่งปันการเดินทางในเกาะซานโตรินีด้วยตัวเองง่ายๆ คลิ๊กดูรายละเอียดจ้า>> |
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2p5eQZf
รีวิวตอนที่ 20 เที่ยวกรุงโรม ไปจู่โจมอาณาจักรโรมันสักครั้งสิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2BI8ckL
รีวิวตอนที่ 18 แบกเป้ลุยเดี่ยวเมืองเวนิชครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2KQvnsh
รีวิวตอนที่ 17 แบกเป้ไปเที่ยวเมืองมิลาน มีอะไรให้ชมบ้างนะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2AWC1xk
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 10 เยือนสวิตเซอร์แลนด์ เจนีวา-โลซาน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2N0X57i
เที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะนั่งพักตากอากาศริมหาดที่เมืองนีซ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/dLDKAX
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 3 เดินชิลๆดูวิวเมืองปารีส&ช๊อปปิ้ง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/XCFzYC
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 2 เดินย่องท่องวังแวร์ซาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/N6BGg2
0 ความคิดเห็น