เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกร้างไป วันนี้ขอมาแบ่งปันรีวิวทริปเที่ยวอิตาลีด้วยตัวเองต่อค่ะ ตอนที่ 18 ทริปรีวิวเที่ยวเมืองเวนิช เมืองแห่งสายน้ำ |
เอาล่ะค่ะ สำหรับเว็ปบล็อกวันนี้ ก็ขอมาเขียนรีวิวเที่ยวต่อจ้า หลังจากที่บล็อกก่อนหน้านี้ได้มารีวิวพาเพื่อนไปเที่ยวเมืองมิลานแล้ว ตามรีวิวเว็ปไซต์ : http://bit.ly/2AWC1xk
หลังจากจบทริปจากเมืองมิลาน ก็ได้เวลาเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองเวนิช เมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่ใครๆก็ต้องแวะชะโงกไปทัวร์กันสักครั้ง รวมถึงตัวดิฉันด้วยค่ะ เพราะเคยปักหมุดไว้นานมากๆแล้ว ว่าต้องมาเที่ยวให้ได้ และแล้วในที่สุดก็มาถึงเมืองนี้จนได้ เมืองที่เต็มไปด้วยลำคลองและตรอกซอกซอยทางแคบมากมาย เดินไป รับรองว่าหลงทางแบบสุดๆ เหมือนหลุดอยู่ในเขาวงกตอะไรอย่างนั้นเลยค่ะ เพราะไม่รู้ว่าซอกใหน ซอยใหน ขนาดเปิด GPS นำทางแบกเป้เดินหาโรงแรม เดี๊ยนยังหลงเลยค่ะ แต่ก็คลำหาเส้นทางไปเรื่อยจนเจอ แต่ก็เหนื่อยเว่อร์แบบสุดๆ หลังแทบหักค่ะ เนื่องจากแบกเป้เดินหาโรงแรมอยู่นาน แต่ตลอดเส้นทางที่เดินไปก็จะเป็นแนวแบบเก่าๆ ดูแบบโบราณสุดๆ ใครชอบเที่ยวแนวๆนี้ต้องแวะมาสักครั้งค่ะ อย่าลืมพกมือถือช่วยนำทางมาด้วยนะ ก็น่าจะเป็นตัวช่วยได้เยอะทีเดียว
แผนการเดินทางท่องเที่ยววันนี้ นั่งรถไฟจากเมืองมิลาน มาพักค้างแรมที่เมืองเวนิชสักคืน มาดูสิเมืองเวนิชมีที่เที่ยวอะไรบ้าง |
เอาล่ะค่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลา มาดูสิว่าในเมืองเวนิช หรือเมืองแห่งสายน้ำและลำคลองชื่อก้องโลกแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้างนะ
ก่อนจะสไลด์ดูภาพรีวิวท่องเที่ยว เรามารู้จักเมืองเวนิชกันก่อนใหม๊ะ จะได้อ่านเปิดประสบการณ์ความรู้สู่โลกกว้าง
เกี่ยวกับเมืองเวนิช
เมืองเวนิส (ภาษาอังกฤษ: Venice) หรือ เวเน็ตเซีย (ภาษาอิตาลี: Venezia) เป็นเมืองหลักของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี โดยเมืองเวนิสได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic),และเมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges) และเมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light)
โดยเกาะเล็กเวนิสแห่งนี้ ได้ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 5 โดยผู้ลี้ภัยที่หลบหนีการบุกรุกจากทางเหนือ พวกเขาได้สร้างถิ่นฐานที่เป็นเอกลักษณ์ในหมู่เกาะเวนิสเพื่อป้องกันการจู่โจมจากภายนอก เวนิสเป็นเมืองบริวารของจักรวรรดิไบเซนไทน์จนกระทั่งศตวรรษที่ 10 เริ่มต้นด้วยการเป็นเส้นทางการค้าไปยังลิแวนต์ เวนิสเริ่มเป็นที่รู้จักหลังสงครามครูเสดที่ 4 (ค.ศ.1202-1204) ในฐานะเจ้าอาณานิคมในจักรวรรดิที่รวมเกาะครีต ยูบีอา ซิคละดีส หมู่เกาะไอโอเนียน และ ฐานที่มั่นในโมเรียและ อิพิรัสเข้าด้วยกัน
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองเวนิช อ่านดูเป็นความรู้เล็กๆน้อยจ้า |
และต่อมาในปี 1797 เวนิสตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออสเตรีย หลังจากเกิดการปฏิวัติในออสเตรีย เวนิสถูกปลดปล่อยคืนให้อิตาลีในปี 1899 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เวนิสได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่มาเกิดความเสียหายรุนแรงช่วงปี 1966 จากเหตุการณ์น้ำท่วมเนื่องจากน้ำล้นคลองที่มีอยู่หลายแห่งทั่วเวนิส การบูรณะและพยายามรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมซึ่งรวมถึงสถาปัตยกรรมรูปแบบอิตาลี อาหรับ ไบเซนไทน์และเรอเนซองค์ ทำได้ยากเนื่องจากระดับน้ำในทะเลสาบขึ้นสูงและเกิดน้ำท่วมในตัวเมืองเป็นประจำ
ลำคลองขนาดเล็กๆในเมืองเวนิช กับอาคารบ้านเรือนเก่า |
ปัจจุบันเวนิสเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวที่คึกคัก และยังมีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจของแคว้นเวเนโตและประเทศอิตาลีอีกด้วย
เครดิตข้อมูลดีๆจากเว็ปไซต์ : https://th.wikipedia.org/wiki/เวนิส
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเวนิช ที่ได้เดินทางไปเที่ยวมาในทริปนี้ แวะไปใหน ดิฉันขอสรุปตามภาพรีวิวที่ได้ไปมาดังนี้ค่ะ
แวะข้ามลำคลอง Grand Canal ที่สะพาน Rialto Bridge |
แวะข้ามลำคลอง Grand Canal ที่สะพาน Rialto Bridge ชมบรรยากาศอันคึกคัก |
แวะPonte di Rialto (Rialto Bridge) สะพานข้ามลำคลองขนาดใหญ่ในเมืองเวนิช |
Rialto Bridge) ถือเป็นจุดเช็คอินน์ที่เหล่านักท่องเที่ยวทุกรายที่มาเยือนเมืองนี้ ต้องแวะมากัน เนื่องจากรายล้อมไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้าขายของที่ระลึกมากมาย
โบสถ์ Chiesa di San Giacomo di Rialto อยู่ใกล้สะพาน Rialto Bridge |
St. Mark's Square (จตุรัสเซนต์มาร์คสแควร์) |
St. Mark's Basilica มหาวิหารซํนมาร์โก |
Palazzo Ducale (Doge's Palace) |
Palazzo Ducale (Doge's Palace) |
พิพิธภัณฑ์ทางทะเล Padiglione delle Navi |
มหาวิหาร Chiesa di Santa Maria della Presentazione |
โบสถ์ซานเจอโจ แมกเจอเร (Church of San Giorgio Maggiore)
และกิจกรรมยอดนิยม นั่งเรือกอนโดล่า |
แต่ถ้าหากไม่อยากนั่งเรือ การเดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยเหมือนเขาวงกต และพบตึกรางเก่าแก่มากมาย |
แต่ถ้าหากไม่อยากนั่งเรือ การเดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยเหมือนเขาวงกต |
และของฝาก หรือของที่ระลึกขึ้นชื่อในเมืองนี้ คงเป็นหน้างากแฟนซีหลากหลายแบบให้เลือก
ของฝากและของที่ระลึกในเมืองเวนิช |
และของฝากขึ้นชื่ออีกหนึ่งสิ่งก็คือ ผลิตภัณฑ์ Murano Glass หรือแก้วเป่าใส่ทำเป็นรูปต่างๆ |
และหลังจากที่เราได้ทราบข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับเมืองเวนิชและแหล่งท่องเที่ยวในเมืองนี้เล็กๆไปแล้ว ดิฉันก็ขอมาบรรยาย พร่างพรายรีวิวทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวประเทศอิตาลี กับทริปบุกเมืองเวนิช ครั้งแรกให้เพื่อนๆได้ดูกันเลยจ้า
วันที่ 29 พ.ค.2018 ต่อจากรีวิวบล็อกก่อนหน้านี้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2AWC1xk
นั่งรถไฟออกจากสถานีเมืองมิลาน มุ่งหน้าสู่เมืองเวนิช
โดยออกเดินทางเวลาประมาณ 17 นาฬิกา
อาหารเย็นมื้อนี้ซื้อมาจากสถานีรถไฟเมืองมิลานเลยค่ะ
มีขนมปัง ไก่อบ โยเกิร์ต และสลัด ทานพอแค่อิ่ม ราคาประหยัดดี
ไม่เน้นความอร่อย แต่เน้นเอาแค่ทานได้พอ แค่มื้อเดียวก็ปาไปหลายร้อยแล้วจ้า
แผนการเดินทางที่ปริ้นติดมาด้วยแบบว่ายับเยิ่นสุดๆ เพราะยัดไว้กระเป๋าเป้...เผื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจ และก็มีเจ้าหน้าที่ขอเรียกดูจริงๆว่าไปที่ใหนบ้าง ช่วงอยู่สถานีรถไฟมิลาน ไม่รู้ตำรวจจริงหรือปลอม แต่ขอดูพาสปอร์ตและถามว่าดิฉันไปเที่ยวใหนบ้าง ก็ยื่นใบแผนการเดินทางท่องเที่ยวใบนี้ นี้แหละค่ะ ยื่นให้เค้าดูเลย จบ...
นั่งรถไฟมาประมาณ 2 ชั่วโมง รถไฟกำลังข้ามสะพานไปยังเมืองเวนิชแล้วจ้า
ในที่สุดก็ถึงสถานีรถไฟเวเนเซีย ซึ่งเป็ฯสถานีรถไฟประจำเมืองเวนิชค่ะ
เดินออกจากชานชลามายังตัวอาคารภายในสถานีรถไฟเมืองเค้า ก็ทันสมัยอยู่นะ
เดินทะลออกมาก็จะเป็นท่าเรือค่ะสำหรับวิธีการเดินทางในเมืองเวนิช มี 2 วิธีเท่านั้นะค่ะ |
สำหรับวิธีการเดินทางในเมืองเวนิช มี 2 วิธีเท่านั้นนะค่ะ
1.เดินเท้า โดยลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยเหมือนเดินในเขาวงกต
2.นั่งเรือโดยสาร ช่วยย่นระยะเวลาเดินตามตรอกซอกซอยได้เยอะ
จะเลือกแบบใหนก็ได้แล้วแต่สะดวกค่ะ
หากใครที่ลากกระเป๋าใบใหญ่มาและพักอยู่ไกลสถานีรถไฟ ก็เลือกนั่งเรือเลยค่ะ
แต่ถ้าไม่อยากเสียสตังค์ ก็เดินแบกเป้ไปตามตรอกซอกซอยในเมืองนี้ ก็สนุกดีเหมือนกันนะ รับรองว่าจะได้หลงทางอย่างแน่นอน แต่ตามซอกซอยที่หลงทาง ก็จะได้พบเจอมุมสวยๆเก๋ๆ แนวๆเทห์ไปอีกแบบ ลองไปกันดูจ้า
แผนที่การเดินทางด้วยเรือโดยสารในเมืองเวนิช |
หากใครที่จะเดินทางด้วยเรือ ก็ต้องศึกษาแผนที่การเดินทางให้ดีก่อนมานะค่ะ
ป้ายประชาสัมพันธ์ บอกเส้นทางเรือแต่ละเส้นทางมีเรือสาย A,B,C,D,E |
มีสายเรือสาย A
มีสายเรือสาย B
มีสายเรือสาย C
มีสายเรือสาย D
มีสายเรือสาย E
ซึ่งแต่ละเส้นทางจะมีสีบอกเส้นทางต่างกันไปตามแผนที่ และมีชื่อท่าเรือบอกไว้ด้วย หากเราจะเดินทางไปที่ใหน ก็ปักหมุดชื่อท่าเรือที่อยู่ใกล้ที่พัก หรือจุดหมายที่เราจะไป จะมีชื่อท่าเรืออยู่ แล้วนำมาเทียบกับป้ายบอกเส้นทางว่าอยู่สายใหน
ป้ายบอกราคาค่าเรือโดยสาร สาธารณะในเมืองเวนิช ราคาไม่ถูกเลยนะ(Fair of Boat service at Venice) |
ส่วนค่าเรือโดยสารในเมืองเวนิชแห่งนี้ ราคาก็แพงนิดนึงนะค่ะ เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยว
ราคาเริ่มต้น 7.5 ยูโร บัตรมีอายุ 75 นาทีภายในวันเดียวกัน
ราคา 20 ยูโร บัตรมีอายุ 24 ชั่วโมง หรือ 1 วัน
ราคา 30 ยูโร บัตรมีอายุ 48 ชั่วโมง
ป้ายที่ติดไว้ก็มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาอิตาลี ต้องศึกษาดีค่ะ ว่าจะเดินทางไปเส้นใหน และท่าเรืออะไร ปักหมุดไว้เลยนะค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ขี้เกียจจะเดิน และไม่อยากเดินไปตามจุดท่องเที่ยวต่างๆไกลๆส่วนวันที่ดิฉันไปเที่ยวเวนิชครั้งแรกนี้ ก็ไม่ได้นังเรือนะค่ะ เพราะว่าที่พักก็อยู่ไม่ไกลมากนักจากสถานีรถไฟ ก็เลยตัดสินใจเดินไปจ้า (ประหยัดสตัง)
ซึ่งหากใครที่ไม่อยากนั่งเรือหรือยังสับสน งวยกับเส้นทางเรือโดยสารในเมืองนี้ แล้วไม่ค่อยจะอยากเสียเงินค่านั่งเรือ ก็เปิด GPS ในมือถือนำทางเลยค่ะ
และในเมืองนี้ มีสะพานข้ามคลองขนาดใหญ่ (Grand canals )ไม่กี่แห่งเท่านั้นนะค่ะ ตามภาพนี้ดิฉันกำลังเดินแบกเป้ข้ามสะพานจากสถานีรถไฟยังอีกฝั่ง เพื่อไปยังโรงแรมที่พักคืนนี้
การเดินเท้าไปยังโรงแรมที่พักครั้งแรกในเมืองเวนิช ก็ถือว่าไม่ง่ายเลยนะค่ะ อยากจะบอกว่ามันซับซ้อน เหมือนเดินอยู่ในเขาวงกตอะไรอย่างนั้นเลย ก็ว่าอยู่ทำไมคนถึงยอมเสียเงินนั้่งเรือกัน
แต่ข้อดีของการเดินหาที่พักเอง ก็คือได้แก้ปัญหาและได้ศึกษาเส้นทางต่างๆด้วยตัวเอง
แต่ข้อเสีย บางครั้งเวลาเดินไปตามตรอกซอกซอยในช่วงเวลาค่ๆำแบบนี้ ก็น่ากลัวเหมือนกันนะค่ะ กลัวจะมีคนมาดักปล้นไป ยังไงใครที่แบกเป้ลุยเดียวมาเที่ยวแบบเดี๊ยน เก็บสตางค์ใส่ในที่มิดชิดให้หมดนะ
ในที่สุดก็หาโรงแรมเจอสักคืนค่ะ พักค้างที่โรงแรมซาน กาเซียโน เรซิเดนซา เดโปกา กา ฟาวาเรตโต |
แต่กว่าจะหากเจอ อยากจะบอกว่าเดี๊ยนจะเป็นลมมากๆนค่ะ เนื่องจากต้องเดินข้ามคลองและเดินมาตามตรอกซอกซอยมากมาย ระยะทาง 1.5 กิโลเมตรเหมือนจะใกล้ แต่ทำไมรู้สึกไกลจัง เหมือนเขาวงกตจริงๆค่ะ ยังไงก็มาถึงโรงแรมโดยปลอดภัยค่ะ มาถึงที่พักเจ้าหน้าที่ก็ถามดิฉันว่ามายังไง ดิฉันเลยบอกไปว่า เดินมาค่ะ ...เจ้าหน้าที่ก็หัวเราะด้วยว่า มาถูกได้ไงเนี่ย เพราะส่วนใหญ่จะนั่งเรือมากัน แต่ดิฉันไม่อยากเสียสตังค่ะ รอบเดินนี้ก็กินน้ำเหงื่อ เกลือเค็มๆไปหลายหยดเลย ถือว่าออกกำลังกายแล้วค่ะ
หลังจากเช็คอินน์ได้กุญแจห้องพักแล้ว มาดูสิว่าห้องพักที่โรงแรมที่คืนนี้โอเคใหม๊
ภาพนี้เป็นล็อบบี้ห้องรับแขกค่ะ
โรงแรมมีลิฟท์ให้ แต่ดิฉันไม่เลือกขึ้นลิฟท์ค่ะ เนื่องจากลิฟท์ค่อนข้างเล็กไปนิด เลยขึ้นบันใดดีกว่า แต่ก็เดินขึ้นขาลากเหมือนกันนะ เพราะห้องอยู่ชั้นบนเลย
แต่ที่พักตกแต่งสวยงามดูดี สไตล์วินเทจ ดูหรูหราเข้ากับบรรยากาศในเมือง
ห้องรับแขกที่โรงแรมซานกาเซียโน่ ตกแต่งสวยดีนะ ออกแนวๆวินเทจ |
ห้องพักสำหรับคืน Standard Single นอนคนเดียว ที่ โรงแรมซาน กาเซียโน เรซิเดนซา |
มีโต๊ะสำหรับนั่งทำงาน มีทีวางกระเป๋าเดินทางทาง ประดับตกแต่งด้วยม่านบังแสงอย่างสวยงาม ที่ขาดไม่ได้คงเป็นโคมไฟเป็น ชานเดอเลียห้อยระย้า
มีตู้เย็นให้ด้วยนะค่ะ น้ำดื่มฟรี แต่เครื่องดื่มอย่างอื่น เสียสตังจ้า
ส่วนห้องน้ำก็ถือว่าสะอาดสะอ้าน มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้ครบ มีอ่างอาบน้ำให้ด้วยนะค่ะ
สรุปภาพรวมห้องพักที่โรงแรมซาน กาเซียโน เรซิเดนซา เดโปกา กา ฟาวาเรตโต (ชื่อยาวชิบ) ถือว่าให้ผ่านค่ะ ถือว่าดีทีเดียว แม้ห้องพักจะเล็กไปนิด แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้ครบนะค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบพักสไตล์บูติคหน่อยค่ะ
บรรยากาศยามค่ำคืนริมระเบียงโรงแรมซาน กาเซียโน่ ริมคลองใหญ่ หรือ Grand Canal
นั่งพักผ่อนท่ามกลางแสงไฟสลัว และยังคงมีเรือวิ่งให้เห็นตลอดเวลา
-------------------------------------------------------------------
เช้าวันใหม่ที่ 30 พ.ค.2018 อรุณเบิกฟ้านกกาไม่เห็นโบยบิน มีแต่เสียงเรือดังปิ๊นๆตลอดเวลาเลยจ้า
ดิฉันตืนแต่เช้าตรู่เลยค่ะวันนี้ จริงแล้วยังง่วงอยู่นะค่ะ แต่เนื่องจากห้องพักติดกับคลองน้ำ มีเรือวิ่งผ่านเสียงดังแปร๋นๆตลอดเวลา ก็เลยต้องตื่นมาดูสักหน่อย
ส่องลงจากหน้าต่างห้องพักก็เห็นคุณพี่ผู้ชายกำลังจะทำอะไรสักอย่างอยู่ที่คลองเล็กๆแห่งนี้
บรรยากาศยามเช้าที่เมืองเวนิช
ได้เวลาทานอาหารเช้าเติมพลังงานแล้ว มาดูสิว่าที่โรงแรมสไตล์วินเทจสุดหรูแห่งนี้ มีอะไรให้รับประทานบ้าง
เดินมาที่ระเบียงห้องอาหาร มีดอกม้งดอกไม้ดูสวยงาม
มองไปก็เห็นเรือหางเย็นและเรือโดยสารวิ่งไปมาตลอดค่ะ คล้ายแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพบ้านเรา แต่บรรยากาศที่นี่จะแตกต่างตรง สถาปัตยกรรมอาคารของเค้าดูเก่าไปหมด มีแต่ตึกรางบ้านช่องดูสวยงามแปลกตาดี ถือว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศกาศแล้วกัน
มองข้าไปอีกฝั่งก็เป็นตึกอาคารเก่าแก แลดูโทรมๆ แต่นั้นคือโรงแรมนะค่ะ คือแบบว่าเก่าจริง อะไรจริง อาคารเกือบทุกหลัง ยังถูกอนุรักษ์เหมือนเดิม และปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรมแนวบูติค ตั้งแต่ห้องพักราคาหลักร้อย ไปจนถึง หลักหมื่นเลยล่ะ
มาทานอาหารเช้าดีกว่า
บรรยากาศภายในห้องอาหารที่โรงแรม ค่อนข้างคับแคบนิดนึง แต่ตกแต่งสวยงามดูหรูหราสมราคาดีค่ะ
มีที่นั่งตรงระเบียงริมแม่น้ำ แต่มีคนนั่งตลอด ไม่ยอมลุกเลย เดี๊ยนก็เลยต้องเข้าไปนั่งข้างใน แต่นั่งข้างในก็ดี เพราะแดดส่องไม่ถึง
บรรยากาศเหมาะกับการนั่งดื่มชากาแฟ ชมบรรยากาศชิลๆ ดูวิวเมืองเวนิชไป เริ่ดค่ะ
ส่วนไลน์อาหารเช้าที่โรงแรมซานกาเซียโน่แห่งนี้ ก็เป็น Continental Breakfast จัดได้อลังดีค่ะ แต่ดิฉันก็ไม่ได้ถ่ายมาเยอะค่ะ เพราะมีแต่คนมองว่า ใยคนนี้จะถ่ายรูปอะไรนักหนา ก็เลยถ่ายมาบางส่วน
มีไส้กรอก มีขนมปัง มีเบคอน มีแฮม มีชีสหลายแบบให้เลือก
ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับอาหารแนว Continental ก็คงจะเป็น ซีเรียลธัญพืช
และขนมปังครัวซองค์ มีขนมบัน ขนมปังToat สำหรับปิ้งให้สุกก่อนมาทาน
แต่ขนมปังเค้าเหมือนออกจากเตาร้อน ส่งกลิ่นหอมหวน น่าทานมากๆ
อาหารมื้อนี้ทานเท่านี้แหละค่ะ ไม่อยากเดินตักบ่อยๆ ตักแค่ครัวซองค์ ชาร้อน โยเกิร์ต แครกเกอร์
ใจจริงแล้ว อยากกินผัดกระเพรา กับแกงเปรอะ หรือแกงขี้เหล็กใส่มะระมากๆ แต่ก็ต้องอดทน เพราะหนทางอีกยาวไกล เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม
แล้วที่ขาดไม่ได้ก็คือผลไม้สด รสชาตหอมหวานอร่อยดี
สรุปไลน์อาหารที่โรงแรมซานกาเซียโน่แห่งนี้ ให้ผ่านค่ะ ชอบขนมปังร้อน ครัวซองอร่อยดี มีผลไม้หอมหวานรสชาติสะท้านใจ
ทานอาหารเช้าอิ่มแล้ว ก็ยังไม่ต้องรีบไปใหน มานั่งพักริมระเบียง ให้อาหารย่อยก่อนนะ
มานั่งดูเรือวิ่ง หรือเรือยอจ์ท จอดลอยลำเทียบท่าริมน้ำ
ตรงโรงแรมก็มีที่ให้นั่งชมวิวริมน้ำหลายจุด บรรยากาศดี เหมาะกับราคาของเค้าล่ะ
มานั่งพักริมน้ำ มองหนุ่มชาวอิตาลี ที่ส่งสายตาฟรุ้งฟริ้งมาให้ แต่ก็นั่งเรือแล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศริมน้ำในเมืองเวนิช
ส่วนบรรยากาศสภาพแวดล้อมโดยรอบของโรงแรมก็เป็นตึกเก่าๆ นำมาปรับปรุงทำเป็นโรงแรมแนวบูติค
สภาพโดยรวมถือว่าสวยงาม ดูดี อยู่ติดริมแม่น้ำ มีมุมนั่งพักจิบกาแฟ หรือจะนั่งพักอ่านหนังสือหลายมุม เหมาะสำหรับการพักผ่อนจริงๆ แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาพักที่นี้ส่วนใหญ่ ก็ไม่ค่อยจะอยู่โรงแรมกัน
ประตูทางเข้าโรงแรมที่เดินมาเมื่อค่ำวานนี้ กว่าจะเดินหาเจอ ต้องผ่านด่านซอกเขาวงกตหลายด่านเลย เล่นเอาเหนื่อยหอบไปเลยค่ะ
เมืองนี้ชอบปลูกดอกไม้ใส่กระถางแล้ววางไว้ริมหน้าต่างๆ ดูแล้วสวยงามช่วยเพิ่มสีสันต่อผู้ที่ได้มาเยือนค่ะ
เดินไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ ก็จะมีดอกไม้ปลูกใส่กระถางไว้อย่างสวยงาม
ระหว่างเดินตามกรอกซอกซอย จะเป็นถนนสุดปลายทางเป็นแม่น้ำ
หลังจากที่ได้นั่งพักชิลๆดูวิวโรงแรม และบรรยากาศริมน้ำไปแล้ว
ก็ได้เวลาเช็คเอาท์จากที่พักแล้วค่ะ เดินขึ้นมายังห้องพัก ผ่านร้านอาหารในโรงแรม เมื่อเช้าไม่ได้ถ่ายไว้
แบกกระเป๋าเป้ลงมาเช็คเอาท์ที่หน้าล็อบบี้โรงแรม แล้วฝากกระเป๋าไว้ เดี่ยวพอเที่ยวเสร็จตอนบ่ายๆ ก็ค่อยเดินกลับมาเอา
หลังจากที่ฝากกระเป๋าออกจากที่พักแล้ว ก็ได้เวลาออกไปเดินชิล ช๊อปปิ้งสวิงในเมืองเวนิชได้แล้วค่ะ
แต่อย่าลืมนะค่ะ พกมือถือเปิดเน็ตหาพิกัดที่จะไปด้วย และเอาแบตเตอรี่สำรอง Power Bank พกใส่กระเป๋าสะพายด้านหน้า พร้อมน้ำดื่มไปให้พร้อมค่ะ
บรรยากาศในเมืองเวนิช ส่วนใหญ่ก็จะเต็มไปด้วยอาคาร ตึกรางบ้านช่องเก่าๆ มีลำคลองมากมายให้เดินชมกัน
แต่อย่างที่บอกไป เนื่องจากเมืองนี้มีตรอก ซอกซอยมากมาย เหมือนเดินอยู่ในเขาวงกต เดินไปก็ต้องเปิดมือถือให้ GPS นำทางไปค่ะ ไม่งั้นก็จะหลงทาง เหมือนมาดามคนนี้นะค่ะ จูงน้องหมามาซอยตัน
เนื่องจากพื้นที่อันจำกัดของตัวอาคาร หากเดินไป ก็อย่าตกใจ จะมีเสื้อผ้าตากไว้ที่ราวเชือก ระโยงระยางไปมาข้ามลำคลอง ดูแล้วก็งามแปลกตาดี
มีสะพานมากมายข้ามลำคลองเล็กในตัวเมือง
และที่ขาดไม่ได้ คงเป็นเรือกอนโดล่าที่พายพานักท่องเที่ยวชมเมืองเก่าแห่งนี้
เดินไปก็จะมีมุมจอดให้นักท่องเที่ยวได้แวะชม
หรือใครที่เดินมาเหนื่อยๆ ก็แวะพักริมน้ำก่อนได้นะค่ะ นั่งชมลำคลองในตัวเมือ
ส่วนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในเมืองนี้ส่วนใหญ่ ก็มาจากทั่วโลกเลยล่ะค่ะ
และที่เห็นก็มากันเป็นคู่รัก จูงไม้จูงมือกันมาเที่ยวถ่ายรูปและช๊อปปิ้งกันซ่ะมากกว่า
เสน่ห์ของการชมเมืองนี้ ก็คงเป็นการหลงทางไปพบยังตรอกซอกซอยต่างๆ และมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆมากมาย ใครชอบแบบใหนก็จัดไป มีเกือบทุกมุมค่ะ
และตลอดเส้นทางจะเดินผ่านร้านขายของที่ระลึกและ
เดินมาสุดริมคลองขนาดใหญ่ ก็จะเป็นตลาด
ถึงตลาดสดริมน้ำในเมืองเวนิชแล้วค่ะ มาเดินดูสิว่าตลอดมีอะไรขายบ้าง
ตลอดที่นี้ก็จะมีอาหารสดจากทะเลมาวางขายให้คนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวได้ซื้อกิน
ดูหอยสิ....หอยส๊ด สด จ้า จนหอยปากอ้าเลย
ส่วนปลาก็สดจริงๆ ราคาติดไว้ด้วยนะ 13.8 ยูโร ไม่รู้ขายยังไง ขายเป็นกิโล หรือเป็นตัวค่ะ
เดินมาอีกหน่อยก็เป็นแผงขายพวกผลไม้ และเครื่องเทศค่ะ
แผงขายแต่ละแห่งก็จัดเรียงสินค้าอย่างเป็นระเบียบ มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาข๊อปปิ๊งอย่างคึกคักเลย
ย่านช๊อปปิ้งแถวสะพาน Rialto Bridge คนเยอะมากๆ
ย่านช๊อปปิ้งถนนคนเดินใกล้ๆสะพาน Rialto Bridge เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร
และเสน่ห์ของการมาเที่ยวเมืองเวนิช คงเป็นการนั่งเรือกอนโดล่าค่ะ
ตามป้ายบอร์ด โดยค่าเรือเริ่มต้นลำละ 80 ยูโร |
โดยค่าเรือเริ่มต้นลำละ 80 ยูโร
ส่วนอีกราคาอยู่ที่ 100 ยูโร
ราคาเรือเมื่อคูนเป็นเงินไทยถือว่าสูงพอสมควร
น่าจะเหมาะสำหับนักท่องเที่ยวมาด้วยกันหลายๆคน หรือคู่รักฮันนีมูนชมวิวชิลๆไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบอะไร
ส่วนวันที่ดิฉันมาเที่ยวนี้ ก็ไม่ได้นั่งเรือกอนโดล่าเลยนะค่ะ เนื่องจากมาคนเดียว ถ้าจะนั่งเห็นทีจะไม่คุ้มค่ะ และคงเสียเวลาไม่น้อย เนื่องจากแวะเที่ยวเมืองนี้แค่เมืองเดียว ไว้คราวหลังแล้วล่ะกัน
ก็เลยเลือกเดินไปตามตรอก ซอกซอยเอาดีกว่าคะ่ เดินไปเดินผ่าน ก็ผ่านร้านอาหารสดก็น่านทานค่ะเดินผ่านมาก็เห็นร้านขายไอศกรีมหลายร้าน เห็นแล้วก็อยากทาน
จัดไปไอติม 1ถ้วย ร้านที่ที่ขายอยู่ในซอกสุดๆ ขายถูกดีค่ะ ถ้วยละ 1.5 ยูโรเอง
แต่ต้องรีบบทานเลยล่ะค่ะ เนื่องจากอากาศมันร้อน ไอติมละลายเร็วมากๆ
แค่จะถ่ายรูป แป๊บเดียวนางก็ละลายแล้ว
ที่ถนนคนเดิน มีผลไม้สดวางในตู้น้ำแข็งขายด้วย ราคาไม่แพงด้วยล่ะ ราคาแก้วละ 2 ยูโรค่ะ
อากาศร้อนๆแบบนี้เลยต้องซื้อมาทานสักหน่อย จ่ายไป 2 ยูโร มีบลูเบอรี่ มัลเบอรี่ทั้งสีม่วงแดง สตอเบอรี่ และสัปปะรัด |
ก็มาเดินตักกินตลอดทาง เพราะคนที่นี้ก็เดินถือกินเหมือน
มีบลูเบอรี่ มัลเบอรี่ทั้งสีม่วงแดง สตอเบอรี่ และสัปปะรัด |
เดินทานผลไม้มาเรื่อยจนหมด ก็ถือจตุรัสเซนต์มาร์คสแควร์ เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ มีหอคอยสูง และโบสถ์เก่าแก่
บรรยากาศก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ท่ามกลางอากาศที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
มหาวิหารโบสถ์เก่า
เรือกอนโดล่าจอดริมทะเลแอนเดรียติก ดูสวยงามดีค่ะ
เหมาะสำหรับนั่งพักชิลๆ ชมวิว ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยค่ะ
เห็นน้องหมา นอนแอ่งแม่งหลบร่มอยู่ในร้านเสื้อ |
เดินมาเรื่อยๆ ท่ามกลางแดดอันร้อนจ้า ริมทะเลแอนเดรียติกก็มาเห็นน้องหมา นอนแอ่งแม่งหลบร่มอยู่ในร้านเสื้อ
สงสารน้องหมา ถ้าจะอากาศร้อนมากๆ นอนลิ้นห้อยเชียว มุดตัวหลบร่มอยู่ในร้านขายเสื้อมองอีกฝั่งก็เป็นโบสถ์คาทอลิกขนาดใหญ่
ระหว่างข้ามสะพามลำคลอง ก็จะเห็นเรือวิ่งแล่นตลอดเวลา ยิ่งอยู่ใกล้ๆปากทางน้ำออกไปยังทะเลแอนเดรียติกด้วย ก็ยิ่งเยอะเลยค่ะ
เรือวิ่งออกไปจากคลองในเมืองเวนิชยังทะเลแอนเดรียติก
เดินกินลม ชมวิวทะเลแอนเดรียติกในช่วงบ่ายแก่ๆ แม้จะมีลมพัด แต่อากาศที่นี่ก็ร้อนมากๆเลยล่ะค่ะ
มองไปที่เป็นวิหารใหญ่นั้นคือ โบสถ์ซานเจอโจ แมกเจอเร (Church of San Giorgio Maggiore) |
พิพิธภัณฑ์ทางทะเล |
มีสะพานเดินข้ามและพิพิธภัณฑ์ให้เดินชมศึกษากันอีกด้วยล่ะค่ะ
เดินไปเดินมาเริ่มไม่ไหวแล้วค่ะ มานั่งพักอาบแดดริมทะเลแอนเดรียติกเหมือนแม่สาวฝรั่งคนนี้ดีกว่าค่ะ
นั่งพักริมทะเลไม่นาน ชักเริ่มหิวแล้วค่ะ เดินมาอีกนิดเจอร้านขายพิซซ่า จริงมีหลายร้านมาก แต่ร้านนี้ถูกกว่าร้านอื่นหน่อย และมีป้าย Tripadvisor แนะนำด้วย น่าจะอร่อยนะ
พิซซ่าอิตาลีเป็นพิซซ่าแป้งบางๆ ซื้อมาทานเป็นมื้อเที่ยงแล้วกันค่ะ จริงๆตอนนี้ก็เลยเวลาเที่ยงมาล่ะ แต่ก็ทานเติมพลังงานไปล่ะกัน
อาหารเที่ยงมื้อนี้ ต้องลิ้มลองอิตาเลี่ยนพิซซ่า ราคาชิ้นละ 2 ยูโร |
แวะซื้อผลไม้ทานอีกล่ะ |
แต่ร้านนี้ขายถูกกว่าร้านก่อนหน้าอยู่ 50 เซ็นต์ ขายถ้วยละ 1.5 ยูโรเท่านั้น
ผลไม้ล้างปาก เชอรี่หวานๆ |
หลังจากที่ดิฉันได้เดินลัดเลาะตามตรอก ซอกซอย ข้ามลำคลอง ชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองเวนิชแห่งนี้แล้วนะค่ะ ก็ได้เวลาต้องเดินทางต่อไปยังเมืองถัดไปแล้วค่ะ
เดินกลับมาเอากระเป๋าเป้ที่ฝากไว้ที่โรงแรม จากนั้นก็เดินแบกเป้ข้ามสะพานไปยังสถานีรถไฟเวเนเซีย
เดินมาที่สถานีรถไฟเวเนเซียในเมืองเวนิช
ถึงซักทีค่ะ เดินจากโรงแรมมา 1.5 กิโลเมตร เดินแบกเป้ลัดเลาะตามตรอกซอกซอยมาเรื่อยๆ เมื่อยหลังสุดๆไปเลย แต่ก็เดินมาจนถึงสถานีรถไฟ
บรรยากาศที่สถานีรถไฟเมืองเวนิชเวลาประมาณ 4 โมงเย็น
แดดเปรี้ยงเหมือนตอนเที่ยงเลยล่ค่ะ
เดินมาด้านในอาคารสถานีรถไฟเวเนเซีย ก็มาเช็ครอบเวลารถไฟขาออกค่ะ โดยเมืองท่องเที่ยวถัดไปของทริปลุยเดี่ยวเที่ยวแบบชะโงกทัวร์ในครั้งนี้ คือเมืองฟลอเรนซ์
เข้าไปติดต่อขอเสียค่าธรรมเนียมค่าจองที่นั่งราคา 10 ยูโร เพื่อเดินทางออกจาเมืองเวนิชไปยังเมืองฟลอเรนซ์ โดยใช้บัตร Eurail pass ยื่นพร้อมพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ขายตั๋วไปค่ะ
นั่งรถไฟชั้น 1 ของอิตาลี มีขนม ผ้าเช็ดมือและน้ำให้ทานฟรีด้วยนะค่ะ
โอกาสหน้าฟ้าใหม่คงได้มีโอกาศพบกันอีก ถ้ามีสตังค์เยอะๆจะแวะมาอีกนะจ๊ะ.....จบทริปรีวิวเที่ยวเมืองเวนิชแบบงงๆจ้า
เดี่ยวตอนต่อไป จะมารีวิวพาเดินเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์ต่อค่ะ เมืองสวยโรแมนติคอีกแห่งที่คู่รักนิยมเดินทางไปไม่แพ้เมืองใดในทวีปยุโรปเลยล่ะค่ะ
สำหรับทริปรีวิวท่องเที่ยวในตอนที่ 18 นี้น่าจะมีข้อมูลบางส่วนเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนนักเดินทางทุกๆท่านไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากข้อมูลดังกล่าวประการใด ดิฉันต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆท่านที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามาลั๊ลลาสไลด์ดูกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
-----------------------------------------------------------------
บทความอื่นๆ และรีวิวท่องเที่ยวไปเรื่อยเปื่อยตามเมืองต่างๆ มีดังนี้ค่ะ
รีวิวตอนที่ 22 แบกเป้ลุยเดี่ยวไปเที่ยวเมือง Sorrento คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2C4PTGF
รีวิวตอนที่ 20 เที่ยวกรุงโรม ไปจู่โจมอาณาจักรโรมันสักครั้งสิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2BI8ckL
รีวิวตอนที่ 19 แวะเที่ยวเมืองโรแมนติคที่ฟลอเรนซ์-ปิซ่า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2MDjbQz
รีวิวตอนที่ 17 แบกเป้ไปเที่ยวเมืองมิลาน มีอะไรให้ชมบ้างนะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2AWC1xk
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 16 ไปเดินลั๊ลลาไปชมน้ำตกไรน์-ซูริค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2MiG5cz
รีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ 15 แบกเป้เดินเที่ยวรอบเมืองลูเซิร์นแบบชิลๆ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2vjt0bK
รีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ 14 แบกเป้ไปชมความน่ารักที่เมืองกอลมาร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2uQBBTE
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 13 วิธีการเดินทางไปจุงเฟราด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2LHckBV
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 12 ลุยเดี่ยวไปเมืองสปิซ-อินเทอร์ลาเก้น คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2LkZvQM
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 11 แบกเป้เที่ยวกรุงเบิร์น ดูเพลินๆสวยดีนะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2uoxRbX
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 10 เยือนสวิตเซอร์แลนด์ เจนีวา-โลซาน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2N0X57i
รีวิวเที่ยวยุโรปตอนที่ 9 เดินชมเมืองลียง ชมอัสดงที่เขาฟูรวิแยร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://bit.ly/2NyWRFA
เที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะนั่งพักตากอากาศริมหาดที่เมืองนีซ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/dLDKAX
เที่ยวยุโรปตอนที่ 7 แวะชมประเทศโมนาโค เมืองโก้หรูริมทะเลดูสิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/e6o4UL
รีวิวเที่ยวตอนที่ 6 แวะเที่ยวเมืองคานส์ มีอะไรให้ยลตระการบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/GpiYVK
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาเมืองโพรว็องสุดโรแมนติค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/4tuuke
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 4 เดินเร้าฤดีฉิมพลีเสน่ห์เมืองมาร์เซย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/Bxaq9X
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 3 เดินชิลๆดูวิวเมืองปารีส&ช๊อปปิ้ง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/XCFzYC
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 2 เดินย่องท่องวังแวร์ซาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/N6BGg2
รีวิวเที่ยวประจำเดือน พ.ค.2018 แบกเป้เที่ยวฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eoJBtM
บอกเล่าการเลือกบัตร Eurail Pass ก่อนซื้อคุ้มค่าใหม๊ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/2WGywk
แบ่งปันการเดินทางด้วยรถไฟ Metro ในกรุงปารีสครั้งแรก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sbA4ek
แชร์วิธีการเดินจากสนามบินฝรั่งเศส เข้าไปในกรุงปารีส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
รีิวิวสายการบินโอมานแอร์ จากกรุงเทพไปฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
รีิวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/7ZB3pt
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน เม.ย.นี้ แวะไปเที่ยวสิงห์บุรีมาค่ะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eL6fHw
รีวิวท่องเที่ยวประจำเดือน เม.ย.2018 ล่องเรือไหว้แม่น้ำเจ้าพระยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/HrLddq
0 ความคิดเห็น