บทความรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนเมษายนนี้ ขอมาเที่ยวในกรุงเทพ เสพสุขสันต์ล่องเรือไหว้พระทำบุญสุนทาน แสนเบิกบานใจจ้า |
และเพื่อไม่ให้บทความในเว็ปบล็อกนี้ร้างไปนะค่ะ บทความในวันนี้ เดี๊ยนขอมาเขียนรีวิวท่องเที่ยวพร่ำเพร้อ บ้าๆบอๆ ให้เพื่อนๆทุกท่านได้สไลด์ดูภาพกันจนเอ๋อเหรอกันค่ะ ภาพไม่สวย หรือข้อความตกหล่นต้องขออภัยด้วยนะค่ะ เพราะถ่ายไปเรื่อยเปื่อยจริงๆค่ะ ไม่เน้นสวย แต่เน้นบรรยาย มากมายโอเว่อร์ ปรนเปรอความสุข สนุกครืนเครง บรรเลงจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนจ้า
วันสงกรานต์ไทย วันหยุดยาวๆแบบนี้ หากไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด เชิญท่านมาสลัดความว้าวุ่นใจ ไหว้พระทำบุญกันนะค่ะ |
และในช่วงวันสงกรานต์ประจำปี 2561 นี้ เดี๊ยนเองก็ขออวยพรให้เพื่อนๆพี่ๆและน้องๆทุกท่าน จงแต่มีความสุขความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรง หน้าที่การงานรวมทั้งกิจการเจริญก้าวหน้า มีเงินมีทองใช้ท่วมฟ้าอย่าได้ขาด และเดินทางท่องเที่ยวไปที่ใหน ก็ขอให้ปลอดภัยโดยสวัสดิภาพ แคล้วคลาดจากภยันอันตราย มีชีวิตสุขสบายกันทุกๆคนเลยนะค่ะ
โดยในวันหยุดยาวๆช่วงเทศกาลสงกรานต์แบบนี้ เดี๊ยนไม่รู้จะไปเที่ยวใหนดี ตอนแรกกะจะออกไปต่างจังหวัดนะค่ะ แต่ดูท่าคงไม่ไหวกระมังค่ะ เพราะดูข่าวสารบ้านเมืองแล้ว ทั้งรถราและสถานที่ท่องเที่ยวก็เนืองแน่นไปด้วยมวลมหาประชาชนที่ล้มหลาม ออกมาสาดน้ำกันอย่างเย็นฉ่ำ..คิดไปคิดมาก็เลยออกไปเที่ยวในกรุงเทพเนี่ยแหละค่ะ และอีกอย่างก็ไม่ค่อยจะเที่ยวกรุงเทพเท่าใดนักเลยนะค่ะ
จริงๆแล้วในกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์แห่งนี้ มีแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดตาและตราตรึงใจ ประทับซึ้งอยู่ในห้วงดั่งดวงหทัยมากมายเลย แต่เดี๊ยนเองก็ไม่ค่อยจะไปเที่ยวและมาเขียนลงในเว็ปบล็อกเท่ามากนัก....เหมือนตามสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า ใกล้เกลือกินด่าง หมายถึงว่า ในกรุงเทพนี้มีที่เที่ยวมากมาย แต่ก็ไม่ค่อยไปเที่ยว แต่จะไปเที่ยวตามต่างจังหวัดมากกว่าในกรุงเทพ เดี๊ยนว่าดูท่าจะจริงนะค่ะ แหม่..หน้าตีตัวเองมากๆค่ะ
ด้วยในช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ เดี๊ยนเลยจัดทริปเที่ยวกรุงเทพ ขอล่องเรือไหว้พระตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา ดีกว่าค่ะ เที่ยวในเมืองเนี่ยแหละค่ะ เริ่ดๆเชิ่ด สนุกสนาน เย็นฉ่ำชื่นบานใจ แม้อากาศจะร้อนเร้าแค่ใหนก็ไม่หวั่นจ้า
และทริปนี้วางแผนนัดเพื่อนสาวไว้ นางไลน์บอกว่าจะไปเที่ยวด้วยนะค่ะ แต่ไปๆมาๆนางก็ขอยกเลิกนัดซะงั้น เพราะติดธุระขายของที่บ้าน เดี๊ยนก็เข้าใจ เพราะนางยุ่งมากๆ เดี๊ยนเลยขอไปฉายเดียวเที่ยวคนเดียวอีกเช่นเคยที่ผ่านค่ะ แต่นางโทรมานัดเลยนะค่ะว่าจะมาทานข้าวตอนเย็นกับเดี๊ยนให้ได้ และมีอีกเหตุผลที่นางไม่อยากมาคือ "นางกลัวเปียกค่ะ" ดูท่าจะจริงนะค่ะ แหม่...เทศกาลสงกรานต์ทั้งที ยังไงก็ต้องเปียกค่ะ ถ้าไม่อยากเปียก ใส่เสื้อกันฝนออกมาก็ได้ไม่เปียกแน่นอนจ้า
โอ้ยบ่นพร่ำเพร้อมาเยอะมากๆ ขอไม่เสียเวลา สาเวเลียไปมากกว่านี้ มาบรรยาย ร่ายตามภาพรีวิวท่องเที่ยวให้เพื่อนได้ดูกันดีกว่าค่ะ ว่าสงกรานต์ปีนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นบ้าไปแล้วนี้ แวะไปฉิมพลีที่วัดใหนบ้างค่ะ
เริ่มต้นเที่ยววันหยุดสงกรานต์นี้ ดิฉันขับมอเตอร์ไซต์ลุยเดียวจากห้องพักเดินทางไปยังอำเภอปากเกร็ดก่อนเลยค่ะ.....โดยวัตถุประสงค์เพื่อไปทำบุญ ทำทานบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือสถานสงเคราะห์ต่างๆที่ปากเกร็ดซึ่งมีหลายแห่ง แต่จริงๆแล้วอยากมาทานข้าวแช่ค่ะ ไม่ได้ทานนานแล้วนะค่ะ...และอีกอย่างเมื่อเช้ายังไม่ได้ทานอะไรเลยค่ะ เลยหาเรื่องแวะมาปากเกร็ด นอกจากจะมาทานข้าวแช่ ก็เลยแวะมาทำบุญด้วย
โดยแวะมาบริจาคเงินที่สถานสงเคราห์บ้านราชาวดีหญิง และบ้านราชาวดีชาย
โดยในเทศกาลสงกรานต์เป็นวันมงคล ฤกษ์งามยามดีที่เดี๊ยนอยากแนะนำเพื่อนๆทำสิ่งดีๆกันค่ะ
หากใครที่กำลังวางแผนมาเที่ยวทำบุญที่ปากเกร็ด
ก็อย่าลืมระเหินระเห็ดมาเด็ดบุญกุศล เติมบุญทำทานตามสถานสงเคราะห์นะค่ะ
มาร่วมสะสมเสบียงบุญ เกื้อหนุนค้ำจุนเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อให้เมืองไทยเรานี้น่าอยู่ค่ะ
การ์ดส่งความสุขจากฝีมือของเด็กจากสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการ |
ที่มูลนิธิมีการ์ดส่งความสุขจากฝีมือของเด็กด้วย
ราคาการ์ดจากฝีมือของเด็กที่สถานสงเคราะห์ไม่แพง ใบละ 10 บาท
เด็กๆวาดภาพได้สวยงาม สือได้ลึกซึ้งกินใจ แค่มองไปแค่เห็นรอยยิ้มข้างในแล้วค่ะ
บริจาคเงินที่สถานสงเคราะห์บ้านเฟื้องฟ้าเพื่ออุปการะเลี้ยงดูเด็กพิการ |
จักรยานสามล้อถีบยังมีให้เห็นเป็นสง่าอยู่ที่ท่าน้ำปากเกร็ด เด็ดสะระตี๋ ดูย้อนยุคดียิ่งนัก |
พอมาถึงวัดสนามเหนือก็แทบจะเป็นลมเลยค่ะ เพราะมีนักท่องเที่ยวเรียงคิวเข้าแถวกันยาวเหยียดมากๆเพื่อจะรอนั่งเรือข้ามฟากไปเกาะเกร็ด เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวคนก็มาเที่ยวเยอะ และอีกอย่างอากาศก็ร้อนมากๆด้วยสิ เนี่ยขนาดตอนประมาณ 9 โมงเช้านะคะ คนยังเยอะขนาดนี้เลย แต่ละคนที่มาก็ตั้งใจมาเที่ยว ช๊อปปิ้งและไหว้พระกันทั้งนั้นเลยค่ะ
เนื่องจากเดี๊ยนไม่อยากเรียงแถวรอนาน ก็เลยขอมาใช้บริการเรือหางยาวแทนค่ะ เร็วกว่าค่ะและก็แพงกว่ามากด้วย ข้ามฟากไปเกาะเกร็ด 20 บาท แต่ถ้านั่งเรือข้ามฟากปกติ 2 บาทค่ะ
เกาะเกร็ด OTOP Village Champion in Koh Kred Nonthaburi Province |
พอเสร็จแล้วเดี๊ยนก็ไปที่ร้านคุณแดงค่ะเป็นร้านข้าวแช่ชื่อดังติดริมแม่น้ำ
ภายในร้านก็มีโต๊ะให้เลือกนั่งทานทั้งอยู่ในร้านและริมระเบียง ตกแต่งสไตล์ไทยๆ มีเครื่องปั้นดินเผาของเกาะเกร็ดให้ชื่นชมเข้ากับบรรยากาศดีเหลือเกิน
ข้าวแช่หอมกรุ่นทานกับเครื่องเคียง อร่อยล้ำเย็นฉ่ำชื่นใจ |
แอบเสียดาย พริกหยวกสอดใส้ ไข่ที่ห่อพริกหยวกรู้สึกจะมันเยิ้มไปหน่อยนะค่ะ ทานแล้วเลี่ยนมากๆเลย แต่ก็ยังดีที่มีน้ำข้าวแช่กินซดแก้เลี่ยนแก้ขัดได้อยู่
ระหว่างนั่งทานข้าวแช่ไป ก็ดูวิวทิวทัศน์ไป ส่วนใหญ่จะเห็นแต่เรือวิ่งกันอย่างขวักไขว่สัญจรไปมาอย่างคึกคักเลยค่ะ เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จรลี หนึมาเที่ยวที่เกาะแห่งนี้
มีทั้งเรือใหญ่เรือเล็ก เป็นเสน่ห์ชวนใหหลงไหล พร้อมกับลมพัดลมเพ เย็นสบายกิ๊บเก๋ดีเหลือเกินค่ะ
หลังจากทานขัาวแช่อิ่มแล้ว เดี๊ยนก็มาเดินช๊อปปิ้งในย่านถนนคนเดินเกาะเกร็ด ซึ่งวันนี้มีร้านขายของคึกคักมากๆ ตลอดทางเดินก็มีร้านขายของฝาก ของที่ระลึก และไม่พ้นของกินแบบไทย ที่น่าลิ้มลองใจยิ่งนักจ้า
ขนมไทยในหม้อดิน ดูหน้าตาหน้ากินยิ่งนักเชียว |
ล่องเรือไหว้พระตามลำแม่น้ำเจ้าพระยาในวันเทศกาลสงกรานต์ ชื่นบานใจ |
ไหว้พระวัดแรกช่วงบ่ายในวันนี้ แวะไปไหว้พระที่วัดพระแก้วเลยค่ะ มีคนบอกว่าหากมาเที่ยวกรุงเทพแล้ว ไม่มาไหว้พระที่วัดพระแก้ว เหมือนมาไม่ถึงกรุงเทพนะค่ะ เพราะวัดพระแก้วถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของกรุงเทพมาหลายร้อยปี เป็นสิ่งศักดิ์ที่ชาวไทยสยามอย่างเรา ต้องแวะมากราบไหว้ให้ได้ เพื่อความเป็นสิริมงคล
และในวันสงกรานต์นี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ก็เปิดปราสาทพระเทพบิดรให้ประชาชนกราบถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชวันปีใหม่ไทย ดิฉันเลยตัดสินใจมากราบถวายบังคบสักครั้งค่ะ
ระหว่างทางเดินเข้าไปยังวัดพระแก้วนั้น ก็มีภาพวาดสามมิติติดผนังกำแพง ม.ศิลปากร ซึ่งเป็นผลงานของนักศึกษาให้นักท่องเที่ยวที่แวะเวียนเดินมาเที่ยว ได้ถ่ายรูปกันด้วยค่ะ ภาพรับกับช่วงเทศกาลและกระแสละครดังอย่างบุพเพสันนิวาศก็มาแรงด้วย เลยนำตัวละครอย่างแม่ผิวและแม่แย้มมาแซมเข้าในช่วงนี้ ดูแล้วสดชื่นสนุกสนามเชียว
หรือจะมาถ่ายรูปกับแม่การะเกดล่ะ กำลังสาดน้ำอยู่พอดีเลย แม่การะเกดเล่นน้ำสงกรานต์นอกกรอบนะจ๊ะ แม่นางเป็นคนไม่ค่อยอยู่ในกรอบจริง ดูสิสาดน้ำออกมานอกกรอบเชียว
และถ้าจะให้เปียกโชกและเย็นฉ่ำจิต จนต้องร้องกรี๊ดดังๆ |
ในช่วงวันหยุดแบบนี้ นักท่องเที่ยวที่มาวัดพระแก้วก็เยอะมากๆเหมือนกันนะค่ะ
โชคดีนะค่ะ ที่ดิฉันเดินทางมาไหว้พระวัดพระแก้วในวันที่ 14 เมษายน ถ้ามาวันที่ 15 เมษาเข้าไปไหว้ไม่ได้แน่ๆค่ะ เพราะจะงดให้เข้าไปด้านในวัด เนื่องจากมีพระราชพิธีสงกรานต์ค่ะ
Wat Phra Kaew commonly known in English as the Temple of the Emerald Buddha |
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าวัดพระแก้วเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นในพ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา และมีพระราชประสงค์ให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต พระคู่บ้านคู่เมืองของแผ่นดินสยามที่พบ ณ วัดป่าเยี้ยะ(ป่าไผ่) จังหวัดเชียงราย และเป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ เพราะมีแต่ส่วนพุทธาวาสไม่มีส่วนสังฆาวาส
เที่ยวกรุงเทพใน 1 วัน ไหว้พระทำบุญที่วัดพระแก้ว (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) |
พระศรีรัตนเจดีย์ กับพระมณฑป สร้างได้อย่างวิจิตรบรรจงงดงาม |
หลักฐานการก่อสร้างและรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมของพระอุโบสถในรัชสมัยนี้ไม่ชัดเจนนัก นอกจากบ่งไว้ว่า ฝาผนังรอบนอกเป็นลายรดน้ำปิดทองรูปกระหนกเครือแย่งทรงข้าวบิณฑ์ดอกในบนพื้นสีชาด ฝาผนังด้านในเหนือประตูด้านสกัดเป็นภาพเรื่องมารวิชัยและเรื่องไตรภูมิ
ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรงดงาม ร้าวรานจับใจที่วัดพระแก้ว |
เครดิตข้อมูลดีๆจาก https://th.wikipedia.org/wiki/วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ปราสาทเทพบิดา |
ปราสาทพระเทพบิดร เป็นปราสาทเพียงองค์เดียวในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นปราสาทจตุรมุข ยอดปรางค์มีนภศูล และมงกุฎอยู่บนยอด ประดับกระเบื้องเคลือบ องค์เดียวในประเทศไทย
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ ปราสาทเทพบิดา |
ปราสาทเทพบิดา |
ภาพนี้เรียกว่า บุษบกพระราชลัญจกร |
รูปหล่อโลหะเป็นรูปสัตว์หิมพานต์ กินนร |
เข้าไปถวายบังคมพะบรมรูปฯในปราสาทเทพบิดร ซึ่งเปิดให้ประชาชนไปกราบได้ในวันสงกรานต์ |
เข้าไปด้านในห้ามถ่ายรูปนะค่ะ
ถอดรองเท้าไว้ด้านล่าง เข้าไปกราบถวายบังคมด้านใน รู้สึกเย็นสบาย สวยงามอลังการตระการตายิ่งนัก
ส่วนภาพนี้เป็นพระมณฑปค่ะ |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับพระมณฑป อ่านดูเป็นความรู้ค่ะ
พระมณฑป ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งอยู่บนฐานไพทีตรงกลางระหว่างปราสาทพระเทพบิดรและพระศรีรัตนเจดีย์ เป็นมณฑปยอดปราสาทเจ็ดชั้น ฝาผนังภายนอกประดับลวดลายนูนต่ำปิดทองประดับกระจกเป็นรูปเทพพนมภายในกรอบสี่เหลี่ยม บานประตูทั้งสี่ทิศเป็นประตูลายมุก
ส่วนของฐานนั้นทำเป็นชั้น โดยชั้นบนเป็นรูปเทพบุตรนั่งประนมกรเรียงระหว่างซุ้มประตู ส่วนด้านล่างเป็นรูปครุฑและคนธรรพ์นั่งสลับกัน ส่วนภายในเป็นที่ประดิษฐานตู้พระไตรปิฎกประดับมุก และปูพื้นด้วยเสื่อสานด้วยเส้นลวดที่ทำจากเงิน
เครดิตข้อมูลดีๆจากเว็ปไซต์ https://th.wikipedia.org/wiki/พระมณฑป_(วัดพระศรีรัตนศาสดาราม)
ส่วนเจดีย์องค์นี้ เรียกว่าพระศรีรัตนเจดีย์ |
พระศรีรัตนเจดีย์ ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตั้งอยู่บนฐานไพทีทางทิศตะวันตก สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เมื่อปี พ.ศ. 2398 โดยจำลองแบบมาจากเจดีย์ในวัดพระศรีสรรเพชญ์ที่พระราชวังกรุงศรีอยุธยา องค์เจดีย์มีความสูงประมาณ 40 เมตร ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อสมัยแรกสร้างนั้นยังมิได้มิได้มีการประดับกระเบื้อง ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) จึงได้มีการประดับกระเบื้องสีทองทั้งองค์เจดีย์
เครดิตข้อมูลดีๆจาก https://th.wikipedia.org/wiki/พระศรีรัตนเจดีย์
ยักษ์วัดพระแก้ว หรือชาวต่างชาติชอบเรียก Big giant |
หลังจากที่ได้กราบถวายบังคบพระบรมรูปที่ปราสาทเทพบิดรแล้วนะค่ะ
เดี๊ยนก็เดินมาไหว้พระที่วัดพระแก้วมรกตต่อค่ะ
เนื่องด้วยเป็นวันหยุดยาว ทำให้ภายในพระอุโบสถเนื่องแน่นไปด้วยนักเดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างคับคั่ง เดินเข้ามาไม่ค่อยมีคนไทยนะค่ะ ส่วนใหญ่มีแต่กรุ๊ปนักท่องเที่ยวชาวจีน แทบจะครอบครองวัดพระแก้วไปเลยล่ะค๊า
เข้าไปไหว้พระด้านในอุโบสถแล้ว ก็ออกมาเข้าแถว สรงน้ำพระพุทธรูปต่อค่ะ
ร่วมสรงน้ำพระพุทธรูปเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ |
มาสรงน้ำพระพุทธรูป เพื่อความร่มเย็นเป็นสุข |
พระบรมหาราชวัง (Grand Palace) พระบรมมหาราชวังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับที่ 16 ของโลกเลยทีเดียวค่ะ |
มารู้จักประวัติความเป็นมาของ พระบรมหาราชวัง (Grand Palace) กันค่ะ พระบรมมหาราชวังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับที่ 16 ของโลกเลยทีเดียวค่ะ |
พระบรมมหาราชวัง หรือพระราชวังพระนคร เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่ที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาและโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังหลวงขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการปกครองของประเทศและเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์
การก่อสร้างพระราชวังหลวงเริ่มขึ้นพร้อมกับการสร้างพระนครเมื่อ พ.ศ. 2325
พระบรมหาราชวัง (Grand Palace) |
ต่อมาใน พ.ศ. 2326 พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชมนเทียร พระมหาปราสาท เปลี่ยนเสาระเนียดจากเครื่องไม้เป็นก่อกำแพงอิฐ สร้างประตูรายรอบพระบรมมหาราชวัง ตลอดจนสร้างพระอารามในพระราชวังหลวง คือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) เมื่อสร้างพระราชนิเวศน์มนเฑียรเป็นการถาวรแล้วโปรดเกล้าฯ ให้มีการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเต็มตามแบบแผนราชประเพณีอีกครั้งหนึ่งใน พ.ศ. 2328
พระบรมมหาราชวังได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมขยายอาณาเขตและบูรณปฏิสังขรณ์มาในทุกรัชกาล ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ พระราชอนุชา ขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงบัญญัติให้เรียกพระราชวังหลวงว่า พระบรมมหาราชวัง นั่นคือ ทรงบัญญัติให้ใช้คำว่า “บรม” สำหรับฝ่ายวังหลวง และ “บวร” สำหรับฝ่ายวังหน้า พระราชวังบวรสถานมงคลหรือวังหน้าจึงเรียกว่า “พระบวรราชวัง” เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว พระราชวังหลวงก็ยังคงใช้ว่า พระบรมมหาราชวัง มาจนกระทั่งปัจจุบัน
ขอบพระคุณเครดิดข้อมูลดีๆจากเว็ปไซต์ : https://th.wikipedia.org/wiki/พระบรมมหาราชวัง
ส่วนภาพนี้คือ พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ด้วยความสวยงามสถาปัตยกรรมไทยแท้นี้เอง จึงได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปกรรมประจำชาติแขนงหนึ่งในหลายๆแขนง ที่เรียกกันว่า ศาลาไทย |
มารู้จักพระที่นั่งพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท |
พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท เป็นพระที่นั่งโถงทรงปราสาทจตุรมุขประกอบเครื่องยอดบุษบก โดยมุขรี(ด้านยาว)สั้นกว่ามุขด้านสกัด(ด้านกว้าง)มีเชิงเทินเกยเทียบพระยานคานหาม ตั้งอยู่ระหว่าง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้านหน้าพระที่นั่งราชกรันยสภา สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในพระบรมมหาราชวังชั้นกลาง เดิมทีใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีโสกันต์(โกนจุก) และยังเคยใช้เป็นที่ประทับเกยเสด็จบนพระราชยานคานหามด้วย นอกจากนี้ ความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมไทยแท้นี้ ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปกรรมประจำชาติแขนงหนึ่งในหลายๆแขนง ที่เรียกกันว่า ศาลาไทย
เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท
ใกล้ๆกับพระบรมหาราชวังก็เป็นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มาอ่านกันดูเป็นความรู้ค่ะ |
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งองค์ประธานของหมู่พระมหาปราสาท ใน พระบรมมหาราชวัง ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นกลาง ทางทิศตะวันตกของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท มีพระที่นั่งพิมานรัตยา พระปรัศว์ซ้าย พระปรัศว์ขวา และ เรือนบริวาร หรือ เรือนจันทร์ ต่อเนื่องทางด้านหลังในเขตพระราชฐานชั้นใน พระที่นั่งองค์นี้ได้รับยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมชั้นเอกของกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นพระที่นั่งทรงไทยแท้องค์เดียว ในพระบรมมหาราชวัง โดยเฉพาะเรือนยอดพระมหาปราสาท (กุฎาคาร) มีรูปทรงต้องด้วยศิลปะลักษณะอันวิจิตรงดงาม
เมื่อปี พ.ศ. 2332 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทขึ้น บนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของ พระที่นั่งอมรินทราภิเษกมหาปราสาท ซึ่งถูกฟ้าผ่าไหม้จนหมด จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมหาปราสาทขึ้นใหม่บนพื้นที่เดิม นามว่า พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
สถาปัตยกรรม : พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท |
พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม |
พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสาดารามค่ะ เดี๊ยนแหงนดูนาฬิกาในข้อมือยังพอมีเวลาอีก 15 นาทีก่อนที่พิพิธภัณฑ์จะปิด เลยแวะเข้าไปเดินชมด้านในค่ะ แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะค่ะ เดินชมได้อย่างเดียวค่ะ
พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม |
พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม นี้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นอาคารที่มีรูปแบบตะวันตก สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นโรงกษาปณ์ ผลิตเงินตราใช้ในประเทศต่อมาเมื่อมีงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ครบรอบ 200 ปี เมื่อ พ.ศ.2525 ได้มีการบูรณะปฎิสังขรณ์ วัดพระศรีรัตนศาสดารามทั้งพระอาราม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทรงเป็นแม่กองอำนวยการบูรณะ จึงได้ขอพระราชทานอาคารโรงกษาปณ์แห่งนี้ มาจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงศิลปวัตถุต่างๆ ที่พระมหากษัตริย์และประชาชนได้ถวาย ให้แก่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่ออนุชนรุ่นหลังได้ชื่นชมต่อไป
เครดิตข้อมูลดีๆจากเว็ปไซต์ : http://www.museumthailand.com/Wat_Phrasrirattana_Sasadaram_Museum
และหลังจากที่ได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนกระทั้งถึงเวลาปิดทำการแล้ว
ดิฉันก็เดินเท้าต่อมายังวัดโพธิ์ค่ะ หรือวัดพระเชนตุพนวิมลมังคลาราม เพื่อมาไหว้พระนอนที่โด่งดังที่สุดอีกแห่งในเมืองไทยและในโลกจ้า
สำหรับวัดโพธิ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมและไปไหว้พระได้ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.ของทุกวันค่ะ
โปรแกรมล่องเรือฟรี เพื่อไหว้พระ 4 วัดได้แก่ วัดโพธิ์ วัดกัลยาณมิตร วัดอรุณ และวัดปยุรวงศาวาส |
เข้าในวัดโพธิ์ก็มีการจัดงานสรงน้ำพระสงฆ์ ซึ่งมีประชาชนมาในวัดอย่างคับคั่งเลยค่ะ
นอกจากได้ทำบุญแล้ว อย่างเย็นฉ่ำใจอีกด้วยนะค่ะ
วิหารพระพุทธไสยาส |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ วิหารพระพุทธไสยาส
โดยวิหารพระพุทธไสยาสนี้ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคราวที่โปรดฯ ให้ขยายพระอารามออกมาทางทิศเหนือ (เข้ามาซ้อนทับเขตวัดโพธารามเดิม ที่ถูกยุบไปก่อนหน้านี้) โดยพระองค์โปรดให้พระองค์เจ้าลดาวัลย์เป็นแม่กองในการก่อสร้าง โดยได้สร้างพระพุทธไสยาสขึ้นก่อน แล้วจึงสร้างพระวิหารภายหลัง โดยมีขนาดเท่ากับพระอุโบสถ บริเวณผนังของวิหารนั้น ด้านบนมีภาพเขียนสีเรื่อง มหาวงศ์ และผนังระหว่างช่องหน้าต่าง เขียนภาพสีเกี่ยวกับพระสาวิกาเอตทัคคะ 13 องค์ อุบาสกเอตทัคคะ 10 ท่านและอุบาสิกาเอตทัคคะ 10 ท่าน อยู่ด้วย
วิหารพระพุทธไสยาส |
วิหารพระพุทธไสยาส |
ในแง่ของการท่องเที่ยวแล้ว วัดโพธิ์ได้รับความนิยมเที่ยวเป็นลำดับที่ 24
ของโลก ในปี พ.ศ. 2549 โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนในปีนั้นถึง 8,155,000 คนทีเดียวค่ะ แต่ในช่วงหลังมาไม่รู้ว่ามีคนมาจำนวนเท่าไหร่นะค่ะ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันอย่างอย่างไม่ขาดสายเลยค่ะ
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย
โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์ พระเจดีย์ที่สำคัญ คือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล
ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเครดิตข้อมูลดีจากเว็ปไซต์ : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
ในวัดโพธิ์ก็มีกิจกรรมให้สรงน้ำพระกันอย่างเย็นฉ่ำ พร้อมสุขใจค่ะ
ขนมเซาปิ่ง เคยกินกันใหม๊ค่ะ |
ซื้อขนมเซาปิ่งมาทานดูสิ ว่าจะอร่อยเท่าขนาดที่ทำแบบลูกเต๋าใหม๊ |
เดินมาอีก ข้าวแช่ก็มีขายนะค่ะ ขายชุดละ 50 บาท แต่ไม่มีพริกหยวกสอดใส้ห่อไข่ค่ะ
ซื้อเป็นชุดๆนำไปทานที่บ้านได้
นั่งเรือข้ามฟากไปวัดอรุณ |
ปกติเคยนั่ง 3 บาทนะค่ะ ตอนนี้ขึ้นมาอีก 1 บาท ตามภาวะเศรษฐกิจกระมัง
ถึงวัดอรุณแล้วค่ะ หากมาวัดนี้ต้องไม่พลาดมาถ่ายรูปคู่กับยักษ์วัดแจ้ง ยักษ์ที่โด่งดังไกลไปทั่วโลกเลยล่ะค่ะ
มาถึงวัดอันดับแรกก็คือไปไหว้พระก่อนเลยค่ะ นำดอกไม้ธูปเทียนร่วมถวายเป็นพุทธบูชา
จากนั้นก็เดินมาสรงน้ำพระต่อค่ะ เป็นกิจกรรมดีๆที่ช่วยผ่อนคลายความร้อนได้ดีทีเดียวค่ะ
โดยภายในวัดมีกิจกรรมให้สรงน้ำพระหลายองค์ทีเดียว
มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจ เข้าร่วมกิจกรรมกันตลอดค่ะ
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่แวะมาเที่ยววัดนี้กันอย่างเยอะเลย
ดูท่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้น่าจะชอบกิจกรรมนี้มิใช่น้อยเลย
เพราะที่ประเทศจีนคงไม่ค่อยมีกิจกรรมแบบนี้กระมัง
วัดอรุณราชวราราม หรือวัดแจ้ง |
แต่ในความคิดเห็นของดิฉัน ชอบแบบเดิมมากกว่าค่ะ ดูสีดำทึบน่าจะคลั่งดี แต่พอท่าสีใหม่รูสึกแปลกตายังไงมิรู้ แต่ก็สวยสะอาดสะอ้านดี เหมือนพระปรางค์ใหม่เลยนะค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ วัดอรุณราชวรารามมาอ่านกันเป็นความรู้ค่ะ |
วัดอรุณราชวราราม หรือที่นิยมเรียกกันในภาษาพูดว่า วัดแจ้ง หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า วัดอรุณ เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยกรุงธนบุรี ที่ชื่อวัดแจ้ง เพราะ พระเจ้าตากฯ ทำศึกเสร็จ แล้วยกทัพกลับมาเป็นเวลาเช้าพอดี ว่ากันว่าเดิมเรียกว่า วัดมะกอก และกลายเป็นวัดมะกอกนอกในเวลาต่อมา เพราะได้มีการสร้างวัดขึ้นอีกวัดหนึ่งในตำบลเดียวกัน แต่อยู่ในคลองบางกอกใหญ่ ชาวบ้านเรียกวัดที่สร้างใหม่ว่า วัดมะกอกใน (วัดนวลนรดิศ) แล้วจึงเรียกวัดมะกอกซึ่งอยู่ปากคลองบางกอกใหญ่ว่า วัดมะกอกนอก ส่วนเหตุที่มีการเปลี่ยนชื่อเป็นวัดแจ้งนั้น เชื่อกันว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงตั้งราชธานีที่กรุงธนบุรีใน พ.ศ. 2310 ได้เสด็จมาถึงหน้าวัดนี้ตอนรุ่งแจ้ง จึงพระราชทานชื่อใหม่ว่าวัดแจ้ง แต่ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้อง เพราะเพลงยาวหม่อมภิมเสน วรรณกรรมสมัยอยุธยาที่บรรยายการเดินทางจากอยุธยาไปยังเพชรบุรี ได้ระบุชื่อวัดนี้ไว้ว่าชื่อวัดแจ้งตั้งแต่เวลานั้นแล้ว
เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังที่ประทับนั้น ทรงเอาป้อมวิชัยประสิทธิ์ข้างฝั่งตะวันตกเป็นที่ตั้งตัวพระราชวัง แล้วขยายเขตพระราชฐานจนวัดแจ้งเป็นวัดภายในพระราชวัง เช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์สมัยอยุธยา และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ใน พ.ศ. 2322 ก่อนที่จะย้ายมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามในปี พ.ศ. 2327
ในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ได้เสด็จมาประทับที่พระราชวังเดิม และได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดแจ้งใหม่ทั้งวัด แต่ยังไม่ทันสำเร็จก็สิ้นรัชกาลที่ 1 สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดแจ้งต่อมา และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดอรุณราชธาราม”
เครดิตข้อมูลดีจากเว็ปไซต์ : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
ต่อมามีพระราชดำริที่จะเสริมสร้างพระปรางค์หน้าวัดให้สูงขึ้น แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เสริมพระปรางค์ขึ้นและให้ยืมมงกุฎที่หล่อสำหรับพระพุทธรูปทรงเครื่องที่จะเป็นพระประธานวัดนางนองมาติดต่อบนยอดนภศูล ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชธารามหลายรายการ และให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถด้วย เมื่อการปฏิสังขรณ์เสร็จสิ้นลง พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดอรุณราชวราราม”
ประติมากรรมในวัดแจ้ง
ประติมากรรมในวัดแจ้งส่วนใหญ่ตกแต่งด้วยกระเบื้องสวยงาม
ภายในมีการจัดกิจกรรม Water festival 2018 ให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมด้วยค่ะ
มาต่อแถวรอขึ้นเรือฟรีไปยังสถานทีท่องเที่ยวถัดไปค่ะ |
ก็มาเข้าแถวเพื่อที่จะนั่งเรือไปยังสถานที่ท่องเที่ยวถัดไปนั้นก็คือ ล้ง 1919 เป็นโครงการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาตร์แห่งใหม่ย่านฝั่งธนบรีค่ะ
รอเรือประมาณ 15นาที เรือด่วนเจ้าพระยาก็มารับถึงท่าเรือวัดอรุณค่ะ จากนั้นก็ลอยละล่อง ลัดเลาะไปตามลำแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านสะพานพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก กับบรรยากาศลมพัดเย็นสบาย
สองข้างฝั่งมียังคงกลิ่นอายของวิถีชีวิตของชาวบ้านริมน้ำ และบางสิ่งก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา มีการก่อสร้างตึกสูงระฟ้าเกิดขึ้นใหม่หลายแห่งเลย
นั่งเรือมาไม่นานน่าจะประมาณ 20 นาทีได้กระมังค่ะ ก็ถึงแล้วค่ะ โครงการล้ง 1919 โครงการแหล่งท่องเที่ยวเชิง Heritage โดดเด่นด้วยศิลปะเชิงอนุรักษ์ ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ไทยจีน ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และนอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำ อาทิ ร้านนายห้าง,โรงสี, ร้านกาฟงกาแฟ และอื่นๆอีกหลายร้ายเลยค่ะ
ถึงแล้วค่ะล้ง..แลนด์มาร์คแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา คล้ายๆกับเอเชียทิคเลยนะค่ะ
มีการตกแต่งบรรยากาศให้เข้ากับเทศกาลสงกรานต์อย่างเช่นมุมนี้ คงเป็นบริเวณที่นั่งพักผ่อนระเบียงริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ล้ง 1919 |
อ่านรายละเอียดดูในแผนท่องเที่ยวบอกว่า หากมาที่นี้ต้องไม่พลาด แวะไปไหว้ศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว (MAZU) คลองสาน อายุมากกว่า 167 ปี สิ่งศักดิ์สิทธิ์และศูนย์รวมใจ ของชาวจีนในแผ่นดินไทยมาช้านานมาก
เดินเข้ามาด้านในก็มีการจัดงานแสดงแสงสีเสียงให้ชมกันอย่างสนุกสนาน เพื่อเอาใจนักท่องเที่ยว
โดยนักท่องเที่ยวที่มาในโครงการแห่งนี้ ก็เห็นจะมีแต่คนไทยนะค่ะ หาได้มีคนต่างชาติไม่ค่ะ
ส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็มีแต่ถ่ายรูป อย่างเช่นมุมนี้น่าจะเป็นมุม อาคารไม้สถาปัตยกรรมจีนโบราณ
มีลานกิจกรรมกลางแจ้งอาคารจัดงานอีเว้นท์ หรืองานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ และมีร้านอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำ อาทิ ร้านนายห้าง, ร้านอาหาร โรงสี, ร้านกาฟงกาแฟ และอื่นๆอีกหลายร้ายเลยค่ะ
มีมุมถ่ายรูปต่างๆ สวยงามดีค่ะ ดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ที่พึ่งเดินทางมาครั้งแรกให้ต้อง ควักโทรศัพท์มือถือมาถ่ายกันแทบทุกคนเลยภายในโครงการก็มีการจัดแสดงโซนต่างๆ ให้ชมและได้ศึกษาเรียนรู้กันหลายโซนเลยนะค่ะ
แต่ละมุมก็จะออกแนวสถาปัตยกรรมจีน หากมาเที่ยวที่นี้ อารมณ์เหมือนได้ไปเที่ยวหมู่บ้านจีนเลย อะไรประมาณนั้นค่ะ
แล้วคำว่า ล้ง 1919 คืออะไร มีป้ายติดบอกไว้ อ่านไปเป็นความรู้ค่ะ
ล้ง 1919 เดิมเรียกชื่อว่า ฮวยจุ่งล้ง แปลตรงตัวว่า ท่าเรือกลไฟ สร้างขึ้นโดยพระยาพิศาลศุภผล ต้นตระกูลพิศาลบุตร ในปี ค.ศ.1850 ซึ่งเป็นยุคทองของการค้าขายระหว่างเมืองสยามและนานาประเทศ
อาคารสถาปัตยกรรมจีนนี้ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับรองรับการเป็นท่าเรือเท่านั้น แต่เป็นเรือนแถวสองชั้นเพื่อประกอบการค้า เป็นสำนักงานและโกดังเก็บสินค้าในการนำเข้าและส่งออกไปต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานเจ้าแม่หม่าโจ้วเพื่อเป็นที่สักการะของผู้มาเยือน
ช่วงปี ค.ศ.1900 อาคารนี้ได้ถูกปรับเปลียนเป็นที่พักอาศัยของคนจีนที่อพยพมา อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมของสมาคมพ่อค้าจนที่มีชื่อเรียกกันว่า กงเก็ก หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1919 ฮวยจุ่งล้ง ได้ถูกขายให้กับตระกูลหวั่งหลี
ภาษาอังกฤษก็มีติดไว้ให้อ่านกันนะค่ะ
นอกจากนี้ยังมีมุมต่างให้ได้ชมและถ่ายรูปกันหลายมุมทีเดียวค่ะ
ชั้นสองก็มีการปรับปรุงให้เดินขึ้นไปชมได้ด้วย
มองเห็นลานกิจกรรมกลางแจ้ง
ด้านบนมีศาลเจ้าให้ได้กราบไหว้กันด้วยนะค่ะ
มองไปด้านบนไปด้านล่างก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเดินภายในโครงการแห่งนี้กันอย่างคึกคักทีเดียว
และอีกโซนฮิตยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวนิยมาถ่ายรูปกัน คงเป็นอาคารด้านหลัง ซึ่งยังคงความเก่าไว้อย่างดีเยี่ยม มีการปรับปรุงเล็กน้อย แต่ยังคงรูปแบบและสีสันของตัวอาคารไว้อย่างดีเยี่ยม มีต้นไม้งอกออกมาจากตัวตึก บ่งบอกถึงความเก่าแก่ที่แลดูมีมนต์ขลัง
เด็กน้อยๆ 2 คนนี้กำลังแอบมองอะไรกันไม่รู้ค่ะ แต่หน้าต่างไม่ยอมเปิดค่ะ
ถนนวั
มุมนี้ก็มีคนมาถ่ายรูปกันเยอะเหมือนกันนะค่ะ หากใครที่ชอบถ่ายรูป ต้องไม่พลาดแวะมาเดินชมและช๊อปปิ้งชิลๆกันสักครั้ง รับรองว่าสวยปังอย่างแน่นอนค่ะ
Lhong 191 |
เสียตังอีก 15 บาท นั่งเรือด่วนจากท่าเรือราชินี มาลงที่ท่าเรือวังหลัง
อาหารมื้อเย็นนี้ นัดเพื่อนสาวมาทานค่ะ |
อาหารค่ำมื้อนี้ ทานแบบง่ายๆ ส้มตำ ลาบและน้ำตก แต่น้ำตกยังไม่มา เลยทานกระซวกไปก่อนเลย
อยากบอกว่าเดี๊ยนหิวมาก จะลงแดงให้ได้นะค่ะ รู้สึกใช้พลังงานเดินและก็เดินไปเยอะพอมากๆ และอากาศวันนี้ก็ร้อนเสียเหลือเกินค่ะ ถ้าถอดเสื้อเปลือยกายได้ จะโดดลงไปว่ายในแม่น้ำเจ้าพระยาเลยนะค่ะ เกรงว่าจะไม่งามเอาค่ะ
วัดอรุณราชวรารามยามเย็นในช่วงฤดูร้อนเดือนเมษายน |
มานั่งชมวิว รับลมเย็นริมแม่น้ำเจ้าพระยา ดูแสงสีของพระปรางค์วัดอรุณ แสนจะชุ่มฉ่ำบานใจ |
ย่างย้ำเข้าสู่ช่วงหัวค่ำที่ท่าน้ำริมโรงเรียนราชินี แสงของดวงอัคคีก็เปล่งรัศมีร้อนแรงดีเหลือเกิน |
วัดอรุณราชวรารามยามค่ำคืน ช่างกลมกลืน สวยงามรื่นรมย์สุขสมอุรา ช่ะช่ะช่าหัวใจยิ่งนัก |
มารับลมเย็นๆที่บาร์ริมน้ำอรุณเรสซิเดนซ์ คลิ๊กดูที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/ieMavK |
หากใครที่เมื่อยล้า
จากการทำงาน ก็ออกมาเดินร้าวราน ไหว้พระให้จิตใจชื่นบานกันนะค่ะ
จากนั้นพอตกพลบค่ำ ก็มานั่งดื่มค๊อกเทลไร้แอลกฮอล์ หรือจิบชาเย็น
มองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำเจ้าพระยาและพระปรางค์วัดอรุณที่ eagle nest bar อรุณเรสซิเดนซ์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/ieMavK
นั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ กับบรรยากาศสวยๆ ช่วยคลายร้อนได้ดีทีเดียวค่ะ |
นั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ กับบรรยากาศสวยๆ ช่วยคลายร้อนได้ดีทีเดียวค่ะ
นั่งดูเรือสำราญที่ลอยละล่องตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา สวยระย้าจับจับใจ
นั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ มองเห็นวิวสวยๆของพระวัดอรุณราชวรารามยามค่ำคืน |
หากท่านใดที่อยากนั่งชิว ดูวิวสวยๆ แวะมาได้ที่ eagle nest bar อรุณเรสซิเดนซ์ ดูรีวิวและรายเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/ieMavK |
มองจากมุมกด้านหลัง eagle nest bar อรุณเรสซิเดนซ์ เป็นวัดโพธิ์ WAT PHO คลิ๊กดูรีวิวและภาพ:https://goo.gl/ieMavK |
แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ทริปนี้อิ่มบุญ สุขใจ แถมได้รีวิวกลับมาเขียนลงในเว็ปบล็อกไว้เป็นไดอารี่ท่องเที่ยวให้เพื่อนทุกๆท่านได้สไลด์ดูภาพกันค่ะ
สำหรับรีวิวการเดินทางในครั้งนี้ น่าจะกระตุ้นให้ท่านออกไปเดินทางท่องเที่ยวกันไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากมีข้อผิดพลาด ประการใด เดี๊ยนเองต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ ขอบพระคุณทุกท่านที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามาอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
------------------------------------------------------------------
บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวมีดังนี้ค่ะ (จะทยอยเขียนเพิ่มเรื่อย เว็ปบล็อกจะได้ไม่ร้างไปค่ะ)
แบ่งปันรีวิวเที่ยวขอนแก่น สุดสะแนนแสนชิล ไปถ่ายรูปวิวสวยงาม คลิ๊กดูที่เที่ยว>> |
รีวิวเที่ยวเมืองอุดร เช่ารถขับตะลอนไปชมสถานที่ต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อ>> |
แบ่งปันรีวิวเที่ยวเวียงจันทร์ 1 วัน ไป-กลับ ขยับเดินชมตามที่เที่ยวต่างๆ มีอะไรบ้าง>>> |
แบ่งปันรีวิวแบกเป้เที่ยวหนองคาย เมืองนี้มีอะไรมากมายให้ชมจริงๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวจ้า>> |
รีวิวแบกเป้เที่ยวเมืองอินสบรูค 2 วัน 1 คืน มีที่เที่ยวอะไรให้ชมบ้าง ตามไปดูกันค่ะ>> |
แบ่งปันรีวิวเดินทางไปชมปราสาทน็อยชวานสไตน์ด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวพาชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลย>> |
หรือดูรายละเอียดที่ : http://bit.ly/2l05FdT
รีวิวเที่ยวเมืองมิวนิค เดินชิคๆไปชมสถานที่สวยงามต่างๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>> |
รีวิวเช่ารถมอเตอร์ไซต์ไปเที่ยวเมืองปราจีนบุรี ต้องไปฉิมพลีกันสักครั้งครา คลิ๊กดูรีวิว>> |
เที่ยวนครนายกไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวไปทั่วได้ด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิว>> |
รีวิวแบกเป้ลุเดี่ยว มาเน้อมาเที่ยวเมืองแพร่ แลยลชมธรรมชาติ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้ลุยเดี่ยว เที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสชาติแซ่บๆกันจ้า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้ลุยเดี่ยวตอนที่ 15 ไปเดินลั๊ลลาไปชมน้ำตกไรน์-ซูริค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2MiG5cz
รีิวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 2 เดินย่องท่องวังแวร์ซาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/N6BGg2
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน พ.ค.2018 แบกเป้เที่ยวฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eoJBtM
รีิวิวเที่ยวเมืองลพบุรี เดินยวลยีชมวังเก่า เคล้าความหลัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/7ZB3pt
อยากรู้จังว่า งานคร่ำคืออะไร คลิ๊กอ่านเป็นความรู้ค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/rc2LbD
รีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคม เที่ยวเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น