เอาใจคนที่กำลังวางแผนไปแดนซามูไร บทความวันนี้ขอแนะนำวิธีการเดินทางไปสะพาน 5 โค้ง คินไตเคียวมาฝากค่ะ (เครดิตภาพจาก Wikipedia) |
และสำหรับหัวข้อบล็อกวันนี้ มาเอาใจคนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวยังดินแดนซามูไรค่ะ พอดีว่ามีเพื่อนส่งคำถามเข้ามาทางเฟสบุ๊ค ถามเข้ามาว่า จะพากันไปเที่ยวชมดอกซากุระบานที่สะพานคินไตเคียว หรือสะพาน 5 โค้งค่ะ แต่ไม่รู้จะเดินทางไปอย่างไรดี วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเลยขอเป็นบ้า มาเขียนบล็อกแบ่งปันการเดินทางไปยังสะพานแห่งนี้มาให้เพื่อนได้ชมกันค่ะ น่าจะมีประโยชน์ไม่น้อย หรือว่าจะแอบงงๆ ปวดสมองกันบ้าง ก็ต้องขออภัยนะค่ะ
เกริ่นก่อนเลย เมื่อปีที่แล้ว เดี๊ยนได้มีโอกาสแบกเป้ลุยเดียวไปเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนมาค่ะ ก็เลยแวะปักหมุดเที่ยวเมืองฮิโรชิม่า และแวะไปชมสะพาน 5 โค้ง หรือสะพานคินไตเคียวแห่งนี้ด้วยค่ะ ช่วงที่ไปนั้นเป็นหน้าร้อน ภาพก็เลยไม่สวยเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้ดี เค้าบอกว่าต้องมาช่วงดอกซากุระผลิบานประมาณปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายนนะค่ะ ช่วงเดือนนี้ดอกไม้จะสวย และคนจะมาเที่ยวเยอะมากๆ (ดูรายละเอียดรีวิวภาพท่องเที่ยวก่อนนี้ได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/x8jNeG )
ดังนั้น หากใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวเมืองฮิโรชิม่า และปักหมุดยึดที่ถ่ายรูปสวยๆ อย่างสะพานคินไตเคียวไว้ ต้องไม่พลาดเดินทางไปสักครั้งนะค่ะ แต่ก็นั้นแหละบางคนพึ่งเบิกฟ้ามาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นครั้งแรก แค่จะเดินทางด้วยรถไฟ JR ยังอิสสะงงๆเลยนะค่ะ ไม่ไปไรค่ะ...ฃ
วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเลยขอเป็นบ้า มาแนะนำวิธีการเดินทางไปสะพาน 5 โค้งคินไตเคียวแห่งนี้ ให้เพื่อนๆที่เป็นคนรักการตะลุย ขุดคุ้ยแดนอาทิตย์อุทัย ได้สไลด์ดูภาพกันค่ะ เผื่อว่าจะเป็น Guide line นำทางให้ท่านออกไปตะลอนถ่ายภาพสวยๆ ลงเฟสบุ๊ค ไอจง ไอจีกันสักครั้ง เดี๊ยนรับรองว่าสวยปังอย่างแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะช่วงใบไม้ผลิ ดอกซากุระบาน เหมาะไปถ่ายรูปสวยหวาน ให้ร้าวรานจับใจกันสักครั้งค่ะ
สะพานคินไตเคียวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระบานสะพรั่ง (ภาพวิกิพีเดีย) |
วิธีการเดินทางไปชมสะพานคินไตเคียว โดยเดินทางด้วยรถไฟ JR จากเมืองฮิโรชิม่ามาฝากค่ะ |
วิธีการเดินทางไปชมสะพานคินไตเคียวมาฝากค่ะ (ดูข้อมูลรีวิวการเดินทางก่อนหน้านี้ได้ที่ : https://goo.gl/x8jNeG)
1.เริ่มต้นเดินทางที่สถานี Yogokawa หรือ Hiroshima (ในภาพดิฉันเริ่มต้นที่สถานี yogokawa ค่ะเนื่องจากอยู่ใกล้ที่พักค่ะ)
2.เลือกนั่งรถไฟ JR สาย Iwakuni แนะนำไม่ให้หลงไปผิดชานชลา ต้องสอบถามหมายเลขชานชลากับเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟนะค่ะ
3.นั่งรถไฟ JR จากเมือง Hiroshima มาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงเมือง Iwakuni ค่ะ
4.จากนั้นก็เดินออกจากสถานีรถไฟมา จะเห็นป้ายรถเมลล์อยู่ด้านหน้าค่ะ โดยมีรถเมลล์หลายสาย เวียนผ่านมารับผู้โดยสารค่ะ
5.สำหรับการไปเดินทางไปยังสะพานคินไตเคียว ให้นั่งรถบัสโดยสารสาย 21 นะค่ะ โดยค่ารถโดยสาร 190 เยนค่ะ
6.เวลาขึ้นรถบัตรประจำทาง ให้ขึ้นที่ประตูตรงกลาง และเวลาลงให้ลงหน้าประตูรถเพื่อจ่ายค่าโดยสารค่ะ เตรียมเงินให้พอนะค่ะ ถ้าไม่มีเงินเหรียญ ให้นำธนบัตรไปแลกที่ด้านหน้ารถตรงคนขับ จะมีตู้สอดธนบัตร เพื่อแลกเหรียญให้ออกมาค่ะ
7.เมื่อขึ้นรถบัสโดยสารประจำทางแล้ว รถก็จะพาเราไปส่งสุดปลายทางที่สะพานคินไตเคียวเลยค่ะ ใช้เวลาไม่นาน เวลาจะลงก็เตรียมเงินไว้หยอดใส่กระปุกค่าโดยสารตรงด้านหน้าคนขับ เป็นอันถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ สะอาดดีสีสมร อรชร อ๊อนแอ๊น งามเริ่ดสะแมนแตนเว่อร์
และเวลากลับล่ะ จะกลับอย่างไร?
ตอนขากลับก็มารอรถบัสที่ฝั่งตรงข้าม จะมีรถบัสให้บริการไปส่งถึงสถานีรถไฟ iwakuni เลย ไม่ต้องกลัวหลงค่ะ
1.เริ่มต้นเดินทางที่สถานี Yogokawa หรือ Hiroshima (ในภาพดิฉันเริ่มต้นที่สถานี yogokawa ค่ะเนื่องจากอยู่ใกล้ที่พักค่ะ)
สถานีรถไฟ Yogokawa เมือง Hiroshima |
2.เลือกนั่งรถไฟ JR สาย Iwakuni แนะนำไม่ให้หลงไปผิดชานชลา ต้องสอบถามหมายเลขชานชลากับเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟนะค่ะ
นั่งรถไฟข้ามแม่น้ำอันกว้างใหญ่ กับท้องฟ้าแจ่มใส และแดดทอแสงเรไร งามวิไลยิ่งนักค่ะ ส่วนสองฝั่งแม่น้ำก็เป็นบ้านเรือน ดูสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบร้อยเรียบ และเรียบร้อยมาก
3.นั่งรถไฟ JR จากเมือง Hiroshima มาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงเมือง Iwakuni ค่ะ รถไฟเดินทางมาถึงตรงเวลาเป๊ะเว่อร์
ถึงสถานีรถไฟ JR Iwakuni station |
4.จากนั้นก็เดินออกจากสถานีรถไฟมา จะเห็นป้ายรถเมลล์อยู่ด้านหน้าค่ะ โดยมีรถเมลล์หลายสาย เวียนผ่านมารับผู้โดยสารค่ะ
แต่ตอนมาถึงสถานีดิฉันก็อิสสะงงอยู่หน่อยๆค่ะ ไม่รู้จะขึ้นรถโดยสารคันใหนดี เพราะมีหลายคัน และสีสันก็อร่ามเหมือนๆกัน เดี๊ยนเลยถามคนแถวนั้นเอาค่ะ พูดคำว่า คินไตเคียว เดียวเค้าก็ชี้ให้เราขึ้นเองค่ะ ตอนอ่านข้อมูลในเนตบอกมีรถบัสโดยสาร เดี๊ยนก็คิดว่ามีคันเดียว แต่มีหลายคันและแต่ละคันไปยังเมืองที่ต่างกันค่ะ
5.สำหรับการไปเดินทางไปยังสะพานคินไตเคียว ให้นั่งรถบัสโดยสารสาย 21 นะค่ะ โดยค่ารถโดยสาร 190 เยนค่ะ
6.เวลาขึ้นรถบัตรประจำทาง ให้ขึ้นที่ประตูตรงกลาง และเวลาลงให้ลงหน้าประตูรถเพื่อจ่ายค่าโดยสารค่ะ เตรียมเงินให้พอนะค่ะ ถ้าไม่มีเงินเหรียญ ให้นำธนบัตรไปแลกที่ด้านหน้ารถตรงคนขับ จะมีตู้สอดธนบัตร เพื่อแลกเหรียญให้ออกมาค่ะ
สะพาน Kintaikyo ในช่วงฤดูร้อนๆ |
7.เมื่อขึ้นรถบัสโดยสารประจำทางแล้ว รถก็จะพาเราไปส่งสุดปลายทางที่สะพานคินไตเคียวเลยค่ะ ใช้เวลาไม่นาน เวลาจะลงก็เตรียมเงินไว้หยอดใส่กระปุกค่าโดยสารตรงด้านหน้าคนขับ เป็นอันถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ สะอาดดีสีสมร อรชร อ๊อนแอ๊น งามเริ่ดสะแมนแตนเว่อร์
เห็นสะพานแล้วค่ะ 5 โค้งจริงๆค่ะ แต่ดูรูปภาพในอินเตอร์ดูโค้งกว่านี้มากนะค่ะ
สะพานไม้โค้งทอดยาวข้ามแม่น้ำนิชิกิ (Nishiki) ในช่วงฤดูร้อน ริมฝั่งแม่น้ำเรียงรายด้วยต้นซากุระ |
สะพานไม้โค้งทอดยาวข้ามแม่น้ำนิชิกิ (Nishiki)
บรรยากาศโดยรอบที่ดิฉันยืนอยู่จะเป็นฝั่งของเมืองค่ะประวัติเกี่ยวกับสะพานคินไตเคียว (kintaikyo bridge) |
สะพานคินไตเคียวแห่งสร้างขึ้นในปี 1673 ถือเป็น 1 ใน 3 สะพานที่สวยที่สุดของประเทศญี่ปุ่นค่ะ (ร่วมกับสะพานชินเคียว(Shinkyo Bridge) ที่เมืองนิกโก้ และสะพานซารุฮาชิ(Saru-hashi Bridge)ที่โอสึกิ)
โดยสะะพานแห่งนี้ใช้วิธีสร้างแบบดั้งเดิม ซึ่งไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว โดยการเข้าชิ้นด้วยสลัก มีทั้งหมด 5 โค้ง แผนการก่อสร้างสะพานล้มเลิกเมื่อครั้งที่ถูกกระแสน้ำในแม่น้ำนิชิกิทำลาย หลังจากนั้นจึงได้มีแผนการสร้างสะพานที่แข็งแรงกว่าเดิมโดย Kikkawa Hiroyoshi ขุนนางศักดินาที่ 3 ของเมืองอิวาคุนิ ตัวสะพานมีความยาว 193 เมตร แต่ละโค้งกว้าง 5 เมตร และวงโค้งบนสุดสูงจากแม่น้ำประมาณ 12 เมตร หลังจากที่สะพานสร้างเสร็จในปี 1673 ยังคงสภาพเดิมจนมีอายุถึงปี 1950 จึงถูกพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงพัดถล่ม ในระหว่างนั้นญี่ปุ่นอยู่ในช่วงสงคราม การบำรุงรักษาสมบัติที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมก็ถูกละเลย สะพานที่พังจึงไม่มีการซ่อมแซมเกือบ 400 ปี หลังจากนั้นไม่นานชาวบ้านก็เริ่มทำการฟื้นฟูสะพานที่เป็นหัวใจของเมืองขึ้น เสร็จสมบูรณ์ในปี 1953 เมื่อเร็วๆนี้สะพานคินไตเคียวได้รับการบูรณะเป็นครั้งแรกหลังจากที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แล้วเสร็จในเดือนมีนาคม ปี 2004 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 2 ร้อยล้านเยน โดยผู้เข้าชมจะต้องจ่ายค่าเดินผ่านด้วย
สะพาน 5 โค้ง คินไตเคียวในฤดูร้อน ริมแม่น้ำกับต้นซากุระ |
บรรยากาศโดยรอบสวยงาม มีภูเขารายล้อมเป็นฉาก
น้ำในแม่น้ำคงน้อย มีรถยนต์ รถบัสไปจอดในแม่น้ำ
ถึงแม้แดดจะร้อน แต่ก็ยังมีลดพัดเย็นๆค่อยช่วยบรรเทาความร้อน
ในช่วงที่ดิฉันมาเที่ยวที่นี้ นักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย ไม่เยอะมาก อาจจะเป็นเพราะเป็นช่วงวันธรรมดาค่ะ
เดินลงไปดูน้ำในแม่น้ำใต้สะพานค่ะ
สะะพานแห่งนี้ใช้วิธีสร้างแบบดั้งเดิม ซึ่งไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว โดยการเข้าชิ้นด้วยสลัก มีทั้งหมด 5 โค้ง
เห็นคนกำลังตกปลาด้วยค่ ะ
น้ำในแม่น้ำ นิชิกิใสวิ้งเชียวค่ะ น่าลงไปเล่นมากๆค่ะ
เดินลงมาใต้สะพาน ลมพัดเย็นดีกว่าอยู่บนสะพานอีกนะค่ะ แถมเห็นแม่น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาด้วยค่ะ ดูน่าจะอุดมสมบูรณ์มากๆนะค่ะ
ใหนๆมาเที่ยวชมสะพานทั้งที ก็ต้องขอข้ามสะพานเค้าหน่อยค่ะ โดยมีค่าธรรมเนียมบำรุงข้ามสะพานแห่งนี้ด้วยค่ะ อยู่ที่ 300 เยนค่ะ บรรยากาศบนสะพาน ลมพัดเย็นๆ กับแสงแดดที่ร้อนแรงใช้ได้เลยทีเดียวค่ะ
ถึงแม้แดดร้อน แต่บรรยากาศโดยรอบเมืองนี้ ก็รายล้อมไปด้วยหุบเขาสีเขียวขจี มีต้นซากุระเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำนิชิกิค่ะ
เป็นสะพานไม้ที่ยังดูคงความเก่าขลังมากนะค่ะ
เวลาเดินขึ้นสะพาน ต้องระวังนิดนึงนะค่ะ ไม่งั้นหัวขมัมลงได้ค่ะ เวลาเดินต้องเดินตามขั้นค่ะ มาเดินสะพานนี้เหมือนได้ย้อนยุคไปสมัยโบราณอะไรมาณนั้นค่ะ เหมือนเดินขึ้นลงเนินค่ะ ถ้าเดินข้ามขั้นต้องระวังค่ะ ตอนอิชั้นเดินสะดุดไปหลายขั้นเหมือนกัน
มองเห็นคนกำลงตกปลา ดูท่าจะได้ปลาหลายตัวเลยนะค่ะ
แม่น้ำนิชิกิในฤดูร้อน ก็งดงามเขียวชะอุ่มออนซอนไม่เบาเลยนะค่ะ
พอเดินข้ามมาถึงก็จะเป็นร้านขายอาหาร ขายไอศกรีมน่ากินมากๆค่ะ และเป็นทางเดินเข้าไปสวนย่อม สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ อยู่ในเขตปราสาทอิวะกุนิค่ะ
เดินเข้ามาด้านในก็จะเป็นสวน Kikko Park ค่ะ อยู่ในสวนค่ะ
เดินมาก็จะเห็นน้ำพุกำลังพ่นน้ำเป็นละอองฟองฟิ้ว
ลิ่วละล่องเลยค่ะ แต่เดี๊ยนเดินมาถึงตรงนี้ ก็ไม่ได้เดินต่อไปเลยค่ะ
เพราะท้องเริ่มร้องแล้วค่ะ ก็เลยเดินกลับไปยังสะพานคินไตเคียว
ซึ่งมีร้่านอาหารอยู่ค่ะ ขอไปหาอะไรกินมื้อเที่่ยงนี้ค่ะ
เดินกลับมาหาอะไรทานที่เชิงสะพานคินไตเคียวค่ะ เหลือบไปเห็นร้านขายซูชิค่ะ น่าทานมากค่ะ ราคากล่องละ 500 เยนค่ะ
เป็นซูชิพิเศษของอาหารท้องถิ่นที่นี้เลยนะค่ะ นั่นก็คือ อิวะคุนิซูชิ
ซูชิที่นี้ไม่มีเหมือนซูชิที่อื่นนะค่ะ เพราะมันคืออิวะคุนิซูชิค่ะ (IwakuniZushi)
สำหรับ อิวะคุนิซูชิ เป็นการนำข้าวซูชิมาผสมกับรากบัว, เห็ดชิตะเกะ, ไข่ฝอย,ปลาอาจิ และอื่นๆ คั่นด้วยผักใบเขียว วางซ้อนๆกันหลายๆชั้นลงข้างในกล่องไม้ปิดฝา และจะมีคนคอยกดบนฝาให้อัดเข้ากันแน่นๆ ทำครั้งหนึ่งจะแบ่งออกมาได้ปริมาณสำหรับ 10 คนเลยทีเดียว
กล่าวกันว่าเมื่อสมัยก่อนจะใช้วิธีนี้เป็นวิธีการบรรจุอาหาร เพื่อขนเข้าไปให้แก่คนในประสาทในยามที่กำลังมีสงคราม เพราะปราสาทอิวะคุนินั้นอยู่บนเขา จะส่งของอะไรก็ยากลำบาก จึงได้กักตุนเสบียงอาหารเอาไว้ในกล่องแล้วก็ค่อยๆ แบ่งทานกันค่ะ
ขอบพระคุณข้อมูลเครดิตดีๆจาก : http://www.jnto.or.th/newsletter/kintaikyo/
ได้มาแล้วค่ะ ลองเปิดแกะทานดูสิ ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไรบ้างค่ะ บ้างคนก็เรียกซูชินี้ว่า ซูชิสงครามโลกค่ะ เพราะเป็นซูชิที่ทำขึ้นในยามเกิดศึกสงคราม
แกะออกมาหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ โรยหน้าด้วยไข่กับรากบัว สีสันดูน่าทานเชียวค่ะ
พอได้ลิ้มลองรสชาติแล้วก็อร่อยดีค่ะ เป็นซูชิที่รสชาติไม่เหมือนที่อื่นเลย รสออกหวานๆเปรี้ยวๆเค็มๆค่ะ ไม่ได้กลมกล่อมเลย จะหวานก็หวาน จะเปรี้ยวก็เปรี้ยว
ไม่รู้จะอธิบายยังไงค่ะ แต่ก็ทานจะหมดกล่องเลยนะค่ะ เอาเป็นว่ารสชาติอร่อยดี ถือเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของการได้ลิ้มลองซูชิของเมืองนี้ค่ะ แต่ทานแล้ว ก็อยู่ท้องมากนะค่ะ ดูก้อนเล็กๆกะจิ๋วหลิ่ว ที่ลดความหิวโหยได้เยอะเชียวค่ะ
มานั่งทานซูชิรสอร่อ ริมแม่น้ำนิชิงิ บรรยากาศดี๊ดีนะค่ะ เงียบสงบ สยบความครืนเครงดีมากๆค่ะ
มานั่งริมใต้ต้นซากุระ ริมแม่น้ำนิชิกิ มองไปอีกฝั่งจะเป็นบ้านเรือน
ส่วนที่ดิฉันนั่งอยู่จะเป็นฝั่งด้านทางไปปราสาทอิวาคุนิค่ะ มองเห็นคนกำลังจูงน้องหมาลงไปในน้ำ ไม่รู้น้องหมาหิวน้ำ หรืออยากเล่นน้ำไม่รู้นะค่ะ
มีโคงฟง โคมไฟ ประดับประดา สวยระย้าจับใจเชียวค่ะ
ท้องฟ้าในช่วงบ่ายนี้ เริ่มจะสดใสแล้วค่ะ ท่ามกลางแดดที่ทอดุจไฟส่องสี อัคคีทอแสง ฤทธิ์ร้อนแรงน่าอัศจรรย์เชียวค่ะ แดดทอแสงดุจไฟส่องสี อัคคีทอแสง ฤทธิ์ร้อนแรงน่าอัศจรรย์เชียวค่ะ เดีียนเดินลัดเลาะชมวิวชิวๆไปเรื่อยเปื่อยค่ะ
เชิงสะพานไม้ ดูแข็งแกร่งน่าดูนะค่ะ ท่ามกลางแดดทอแสงดุจไฟส่องสี อัคคีทอแสง ฤทธิ์ร้อนแรงน่าอัศจรรย์เชียวค่ะ
เดี๊ยนนั่งชมบรรยากาศอยู่ในนี้ได้สักพัก แหงนดูนาฬิกา ไอ้หย่า!! ได้เวลาต้องจรลีไปที่อื่นต่อแล้วค่ะ
เลยเดินข้ามสะพานจากฝั่งปราสาทอิวะคุกินกลับไปยังฝั่งเมือง เพื่อขึ้นรถบัสค่ะ
เวลาเดินสะพานนี้ หากใครมาก็ไม่พลาด มีมุมมุ้งมิ้ง โน้นนี้นั้นให้ถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อยค่ะ เอาไปลงไอจง ไอจี ให้รื่นรมย์ฤดี ยวนยีตามเทคโนโลยีสมัยนิยม
กลับมายังฝังเมือง ได้เวลาเดินทางกลับไปยังสถานี Iwakuni แล้วค่ะ ก็นั่งรถบัสโดยสารเบอร์เดิมค่ะ คือเบอร์ 21
รอบนี้โชดดีค่ะ ได้นั่งรถบัสโดยสารแนวๆวินเทจ น่ารักฟรุ้งฟริ้ง ตุ้งติ้งเชียวค่ะ
ด้านในตกแต่งสวยงาม เป็นไม้ ที่นั่งก็บุด้วยผ้า เบาะรองนั่งนุ่มเชียวค่ะ ต่างจากรถคันก่อนหน้านี้เลยนะค่ะ เหมาะสำหรับที่ชอบถ่ายรูปมากๆ
พอขึ้นรถบั๊ป คนขับก็สตาร์ทรถ พร้อมประกาศรถออกจากป้ายรถเพื่อไปยังสถานี iwakuni และจุดหมายปลายทางที่เดินทางต่อไปจากนี้คือ เกาะมิยาจิมะ เพื่อไปชมเสาโทริสีแดง ร้อนแรงจับใจค่ะ
สำหรับเนื้อหาบทความในเว็ปบล็อกวันนี้ ก็ขอจบเพียงเท่านี้ค่ะ เกรงถ้าเขียนไปอีก ก็ยิ่งจะเรื่อยเปื่อยค่ะ แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับนักเดินทางทุกท่านที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น และจะปักหมุดไปถ่ายภาพสวยที่สะพาน 5 โค้งแห่งนี้อยู่ไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากข้อมูลดังกล่าวมีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันเองต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆคนที่แวะเวียนเข้ามาสไลด์ดูภาพกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
-------------------------------------------------------
บทความอื่นๆ มีดังนี้ค่ะ (จะทยอยเขียนเพิ่มเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกร้างไปค่ะ)
แบ่งปันเที่ยวฟูจิปีนี้ พักแถวใหนดีกับโซนยอดฮิต ที่คู่รักมาพิชิตนอนกัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/340RSFu
เที่ยวเทศกาลฮานามิ และรีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมืองมาฝากจ้า คลิ๊กดูรีวิว>> |
รีวิวเที่ยวในเมืองเพชรบูรณ์ แบบช้าๆ มีที่เที่ยวให้ลั๊ลลามากมาย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวแบกเป้ลุเดี่ยว มาเน้อมาเที่ยวเมืองแพร่ แลยลชมธรรมชาติ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้ลุยเดี่ยว เที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสชาติแซ่บๆกันจ้า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวหลังสวน ลิ้มลองทุเรียนจากสวนหวานฉ่ำ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวตอนที่ 24 แวะเที่ยวกรุงเอเธนส์ 1 วัน มีที่เที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูรายละเอียดที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2NrtXcU
รีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ 14 แบกเป้ไปชมความน่ารักที่เมืองกอลมาร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2uQBBTE
เที่ยวยุโรปตอนที่ 8 แวะนั่งพักตากอากาศริมหาดที่เมืองนีซ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/dLDKAX
รีวิวเที่ยวฝรั่งเศสตอนที่ 4 เดินเร้าฤดีฉิมพลีเสน่ห์เมืองมาร์เซย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/Bxaq9X
รีิวิวเที่ยวประจำเดือน พ.ค.2018 แบกเป้เที่ยวฝรั่งเศส คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/eoJBtM
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 7 รีวิวการเดินทางไปหลังคาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 6 เดินตลาดเช้าเมืองทาคายาม่า ดูทุ่งนาที่ชิราคาวาโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 5 เดินชมเมืองคุราชิกิ ชมใบไม้ผลิสวยเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
เที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวตอนที่ 4 ตามรอยระเบิดนิวเคลียร์เมืองฮิโรชิม่า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 3 ท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะ งามเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 2 นั่งรถไฟออนซอนไปอบทรายร้อนที่อิบูซูกิ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวเหมียว เที่ยววาคายาม่าคลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น