บล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนมีนาคมนี้ ขอพาเพื่อนๆไปเที่ยวสัตหีบ แวะงีบสลีปปิ๊งที่หาดแสมสาร งดงามอลังการร้าวรานใจยิ่งนัก |
และในเดือนนี้ เดี๊ยนเองได้มีโอกาสแวะไปเที่ยวสัตหีบมาค่ะ หลังจากที่ห่างหายและแรมรอนไม่เคยมาออนซอนเมืองนี้นานโขอยู่พอสมควรเลยค่ะ จำได้ว่ามาเที่ยวสัตหีบครั้งล่าสุดเมื่อหลาย 10 ปีที่แล้ว จำ พ.ศ.ไม่ได้ล่ะ หลังจากนั้นก็ไม่เคยแวะมาเที่ยวเมืองนี้อีกเลยนะค่ะ แบบว่าเอิ่ม..นานมากๆ ส่วนใหญ่เคยแต่แวะผ่านๆ..... พอมาเดือนมีนาคมนี้ เดี๊ยนไม่อยากไปเที่ยวที่ใหนไกลเลยค่ะ เนื่องจากเดือนนี้ งานเยอะมากๆ และต้องเตรียมตัวเก็บสตังไว้เป็นอังเปาเด็กๆในช่วงสงกรานต์ด้วยค่ะ เดี๊ยนก็เลยจัดทริปสั้นๆ ให้ตัวเองขอไปเที่ยวครืนเครงที่ทะเลในอำเภอสัตหีบแล้วกันค่ะ เมืองท่องเที่ยวอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ แวะไปเสพได้ไม่มีเบื่อค่ะ เรียกว่าไปกี่ครั้งก็ยังงามปังๆอยู่เสมอ
และอำเภอสัตหีบถือได้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่ยังคงดึงดูดตา และตราตรึงใจ ประทับซึ้งอยู่ห้วงดั่งดวงหฤทัยนักท่องเที่ยวได้ตลอดกาล ด้วยสภาพแวดล้อมและภูมิทัศน์ที่สวยงาม และเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือราชนาวีไทย มีชายหาดสวยๆและน้ำทะเลใสสดอยู่หลากหลายแห่ง และมีเกาะสวย รวยไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์และยังเป็นแหล่งเรียนรู้อย่างดีอีกด้วย ทำให้สัตหีบมีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวแบบหมู่คณะ กรุ๊ปทัวร์ นักเรียน นักศึกษา แวะมากันดีจริงๆค่ะ และพอปิดเทอมก็จะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวสำหรับครอบครัว ยกโขย่งทุ่มโมงกันกระเตงลูก กระเตงหลาน ออกมานอนร้าวรานริมชายหาด งามวิไลละมัยพรรณ สุขสันต์เริงร่ายิ่งนักค่ะ
สำหรับจุดประสงค์ที่ดิฉันเดินทางไปเที่ยวสัตหีบในครั้งนี้ นอกจากจะไปเที่ยวพักผ่อนเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆแล้วนะค่ะ เดี๊ยนอยากจะไปทำบุญสุนทาน และกราบกรานองค์พระด้วยค่ะ โดยขอแวะไปร่วมบริจาคทรัพย์ช่วยเหลือมูลนิธิบ้านครูบุญชู ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ดูแลและช่วยเหลือผู้พิการซ้ำซ้อนและมีความบกพร่องทางสติปัญญา น่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงเล็กๆที่ช่วยเหลือตรงนี้ได้ไม่น้อย
และการเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้ใช้เวลา 2 วัน 1 คืนค่ะ โดยนั่งรถตู้จากกรุงเทพมาลงที่เมืองสัตหีบ จากนั้นก็ติดต่อเช่ารถมอเตอร์ไซต์ในเมืองสัตหีบ ขับเป็นพาหนะนำทางไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆค่ะ
สรุปรีวิวโปรแกรมการเดินทางท่องเที่ยวที่ได้เดินทางไปมาแล้วมีดังนี้ค่ะ (เผื่อใครจะตามรอยเที่ยวรำลึงความหลังที่สัตหีบอีกครั้ง ก็ไม่ว่ากันค่ะ) ส่วนสรุปค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว อยู่ตอนท้ายบทความเลยค่ะ
วันแรก เดือนมีนาคม 2561
- 9.30 นั่งรถตู้เดินทางออกจากหมอชิต (จริงๆแล้ว เดี๊ยนวางแผนไว้แต่แรก ว่าจะเดินทางด้วยรถไฟ ซึ่งในช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ มีรถไฟขบวนพิเศษเดินทางมาถึงสัตหีบเลย แต่ด้วยเวลาและช่วงเช้าติดงานส่งของให้ลูกค้า เดี๊ยนเลยไปขึ้นรถไฟตอนเช้าตรู่ไม่ได้เลยเปลี่ยนแผน ต้องนั่งรถตู้แทนค่ะ)
- 12.00 เดินทางถึงสัตหีบ นั่งวินมอเตอร์ไซต์ไปยังที่พัก ซึ่งจองไว้แล้ว โดยพักค้างที่โรงแรม สัตฮิปเทล บูติคเกสต์เฮ้าส์ (Sattahiptale Boutique Guesthouse & Hostel)
- 12.30 ทานข้าวเที่ยงในตลาดเมืองสัตหีบ
- 13.00 ติดต่อร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ในสัตหีบ เพื่อเช่าขับเที่ยว 1 วัน ราคาเช่าวันละ 250 บาท มัดจำรถ 500 บาทเป็นรถเกียร์ออโต้ ขับแล้วไปโล้ดเลยค่ะ (เผื่อใครจะวางแผนไปเที่ยวแต่ไม่มีรถส่วนตัวแบบเดี๊ยนไป ก็สามารถติดต่อเช่ารถมอเตอร์ไซต์ในอำเภอสัตหีบได้ที่เบอร์โทร 081-4292652 )
- 13.30 ขับมอเตอร์ไซต์ออกจากเมืองสัตหีบแวะไปทำทานเพื่อช่วยเหลือผู้พิการที่มูลนิธิบ้านครูบุญชู
- หลังจากนั้นเดินทางไปชมเรือหลวงจักรีนฤเบศ (แต่วันที่ไปนั้น เรือหลวงจักรีไม่อยู่ที่ท่าค่ะ เพราะถูกส่งเอาไปซ่อม ก็เลยได้ชมเรือหลวงสิมิลันแทนค่ะ)
- จากนั้นก็ขับรถไปชมทะเลสวยๆที่หาดนางรำ และหาดนางรอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจุดชมเรือหลวงจักรีนฤเบศค่ะ
- แวะไปชมศูนย์อนุรักษ์พันธ์เต่าทะเล
- แวะไปชมหาดอ่าวดงตาลและหาดสัตหีบและหาดม้าน้ำ
- แวะไปกราบสักการะศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
18.30 น. เดินทางกลับที่พัก รับประทานอาหารเย็นกันอาหาร Street Food ในตลาดสดเมืองสัตหีบ
วันที่สุดท้าย เดือนมีนาคม 2561
- 5.30 น.ดิฉันตื่นตั้งแต่เช้าตรูเลยค่ะ คือแบบว่าเช้ามากๆ ขับรถมอเตอร์ไซต์ออกจากเมืองสัตหีบ ไปยังพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย เพื่อไปรับบัตรคิวซื้อบัตรข้ามไปยังเกาะแสมสาร
- 6.00 รับบัตรคิวเพื่อซื้อบัตรข้ามไปยังเกาะแสมสาร ซึ่งจำกัดนักท่องเที่ยวข้ามไปยังเกาะแค่วันละ 300 คนเท่านั้น เมื่อได้บัตรคิวแล้ว ต้องรอซื้อบัตรเวลา 8 โมงเช้า
- 6.30 ขับมอเตอร์ไซต์ กลับเข้าโรงแรมที่พัก เพื่อทำการเช็คเอาท์ และฝากกระเป๋าไว้ ณ ที่พัก
- 7.00 รับประทานอาหารเช้าที่ตลาดสดเมืองสัตหีบ ซึ่งมีของกินให้เลือกทานมากมายหลายร้าน เดินช๊อปปิ้งหาซื้อของฝาก และของกินเอาไว้เพื่อเป็นเสบียงเอาไว้ไปทานยังเกาะแสมสาร เนื่องจากบนเกาะไม่มีร้านอาหารและของกินนะค่ะ เพราะเป็นพื้นที่ของทหาร
- 8.30 เดินทางจากเมืองสัตหีบ ไปยังพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะทะเลไทย ค่าบัตรข้ามไปเกาะแสมสาร 300 บาท เนื่องจากขับรถมาไม่ทันเรือรอบ 9 โมงเช้า ก็เลยได้รอบเวลา 10 โมงเช้าแทนค่ะ
- 9.00 มีเวลาเหลืออยู่อีกเป็นชั่วโมง ก็เลยขับรถมอเตอร์ไซต์ไปชมหาดน้ำใส ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนักจากที่ขายบัตรค่ะ ระยะทางประมาณ 1 กิโลกว่าได้ค่ะ
- 10.00 นั่งเรือจากท่าเรือหมาจุก ข้ามไปเกาะแสมสาร ใช้เวลา 10-15 นาที
จากนั้นก็แวะพักผ่อนที่ชายหาดลูกกลม เดินกินลม ชมวิวทะเล ไปนั่งเรือชมปะการังใต้ท้องกระจก และเที่ยวพักผ่อนชม
- 13.30 นั่งเรือออกจากท่าเรือเกาะแสมสาร มายังท่าเรือเขาหมาจอ
- 14.00 เดินชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย มี 5 อาคารซึ่งตั้งเรียงรายอยู่บนเชิงเขาหมาจอ
- 15.00 เดินทางไปกราบสักการะหลวงพ่อองค์ดำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก
- 16.00 ขับรถมอเตอร์ไซต์กลับมายังโรงแรมที่พัก เพื่อเอากระเป๋าและคืนรถเช่ามอเตอร์ไซต์ให้กับทางร้านเช่ารถค่ะ
- 17.00 นั่งรถสองแถวจากตลาดอำเภอสัตหีบ ไปยังชุมชนบางเสร่ ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร
- 19.00 โบกรถตู้ 2 แถวจากระยอง เดินทางกลับถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ จบทริปเที่ยวสัตหีบค่ะ
และเพื่อให้บล็อกมีชีวิตและชีวา เดี๊ยนขอมาร่ายพรรณาและช่ะช่ะช่าตามรูปภาพที่ได้เดินทางไปเที่ยวมาให้ทุกๆท่านได้ชมกันดังนี้ค่ะ ผิดพลาดยังไงต้องขออภัย เพราะว่าเป็นคนบ้าๆเขียนไปเรื่อยเปื่อยค่ะ
เริ่มต้นการเดินทางของทริปนี้ ดิฉันมาเริ่มต้นขึ้นรถตู้ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2
โดยมาใช้บริการรถสัตหีบ รุ่งเรืองทัวร์อยู่ที่ชานชลาที่ 3 อยู่ใกล้ชานชลาขาเข้าเลยค่ะ
เริ่มต้นเที่ยวสัตหีบทริปนี้ ซื้อตั๋วโดยสารรถตู้จากหมอชิต 2 มาที่เมืองสัตหีบ ก่อนจะไปงีบที่อื่นต่อ สวยอ้อล้อจับใจ ไฉไลยิ่งนัก |
มาถึงแล้วก็นั่งรถพี่วิน ท่ามกลางแดดที่ฟินอยู่ไม่น้อย แต่พี่คนขับก็กะจ้อยล้อย พาสาวน้อยมาถึงที่หมาย งามพร่างพรายดั่งสายน้ำทิพย์ |
โดยรถตู้จอดส่งที่ กม.1 ตามคำชี้แจงของที่พักซึ่งได้บอกไว้ จากนั้นก็นั่งวินมอเตอร์ไซต์เข้ามายังโรงแรมที่พักคืนนี้ ซึ่งอยู่ในย่านตัวเมืองสัตหีบเลยค่ะ ค่าบริการนั่งรถพี่วินเข้ามา 25 ค่ะ
รถพี่วินมาส่งถึงหน้าโรงแรมเลยค่ะ เนื่องจากที่พักตั้งอยู่ใกล้วัดหลวงพ่ออี๋ สัตหีบ เลยแวะเข้าไปกราบสักการะก่อนจะเข้าโรงแรมค่ะ
ก่อนจะเข้าไป cheak in ที่โรงแรม ขอมาเดินแซม แต้มวัดวาอาราม ที่วัดหลวงพ่ออี๋ สัตหีบ |
วัดหลวงพ่ออี๋สัตหีบ ถือเป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี เป็นวัดที่ชาวสัตหีบให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากนะค่ะ หากแขกไปใครมาเที่ยวสัตหีบ ต้องแวะมากราบกรานสักครั้งค่ะ
บรรยากาศในวันหยุดก็มีนักเดินทางแวะมากราบไหว้อย่างไม่ขาดสายเลยนะค่ะ
วัดสัตหีบ หรือ วัดหลวงปู่อี๋ |
วัดสัตหีบ หรือ วัดหลวงปู่อี๋ ตั้งอยู่ในตัวอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ด้านหลังวัดติดทะเล สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยหลวงพ่ออี๋ หรือพระครูวรเวทมุนี เป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นตั้งอยู่เลขที่ 333 หมู่ 1 ถนนชายทะเล ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยวัดถูกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ 2442 นายขำ และ นางเอียง ทองขำโยมบิดาและโยมมารดาของหลวงปู่ฯ ได้ขอพระราชทานที่ดินว่างเปล่าเป็นป่าไม้ที่ไม่มีเจ้าของ พระองค์ฯทรงอนุญาตให้สร้างวัดได้ ด้านเหนือติดทางเกวียน ด้านใต้ติดทะเลและด้านตะวันตกติดป่า ด้านตะวันออกติดที่ดินบ้านสัตหีบ โดยในปัจจุบันวัดนี้มีเนื้อที่จำนวน 30 ไร่ 28 ตารางวา ได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมาอุโบสถหลังแรกเมื่อวันที่ 21 กันยายน ร.ศ. 138 พ.ศ. 2463 เนื้อที่ได้รับพระราชทาน กว้าง 2 เส้น ยาว 3 เส้น
หลวงพ่ออี๋ เกจิอาจารย์ชื่อดัง ที่ชาวสัตหีบให้ความเคารพนับถือและศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านเจ้าอาวาสคนแรกขอวัดสัตหีบ โดยหลวงพ่ออี๋เป็นที่กล่าวขวัญกันในเรื่องความเป็นผู้เชี่ยวชาญการวิปัสสนากรรมฐาน และการปลุกเสกเครื่องลางของขลังต่าง ซึ่งในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านได้ปลุกเสกเครื่องลางของขลัง ต่างๆ เช่น ผ้ายันต์ ผ้าพันหมวกทหารเรือ และปลัดขิก ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันมากที่สุดว่ามีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ สามารถปัดเป่าพยันอันตรายได้
เครดิตข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/วัดสัตหีบ
ส่วนใกล้กับวิหารหลวงพ่ออี๋ ก็เป็นวิหารพระพุทธบาทจำลอง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเข้าไปกราบสักการะกันค่ะ
เดินไปด้านในวิหารองค์เจดีย์ด้านใน ก็เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง มีชาวบ้านและนักเดินทางมาทำบุญสังฆทานอย่างไม่ขาดสายเลย
และหลังจากได้ไหว้พระและทำบุญที่วัดหลวงพ่ออี๋แล้วนะค่ะ จากดิฉันก็เดินออกจากวัดมาเช็คอินน์ ณ ที่พักคืนนี้ค่ะ
ที่พักค้างแรมคืนนี้ มาเสียสตังพักคึนนึงที่ Sattahiptale boutique Guesthouse |
ด้านหน้าโรงแรมตกแต่งสไตล์ฮิปๆ ชิคๆเก๋ๆ ดูดีมีดีไซน์กิ๊บเก๋ยูเรก้ามาก น่าจะถูกใจวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่นะค่ะ ดูสะอาดสะอ้านเข้ากับบรรยากาศเมืองสัตหีบดีเชียวค่ะ
พอมาถึงที่พักชั้นล่างไม่มีใครเลย เลยต้องกดกริ่งเรียกเจ้าหน้าที่ค่ะ สักพักก็มีเจ้าหน้าที่บอกให้เดี๊ยนกดรหัส 4 หลักเพื่อขึ้นมาเช็คอินน์ ยังชั้น 2 ค่ะ
บรรยากาศโดยรอบตกแต่งได้น่ารักดีมากๆค่ะ
ด้านล่างก็เป็นล็อบบี้ห้องสำหรับนั่งเล่น และมีจักรยานให้เช่าด้วยค่ะ
ที่พักค้างแรมคืนนี้ มาเสียสตังพักคึนนึงที่ Sattahiptale boutique Guesthouse |
ส่วนห้องพักคืนนี้ เดี๊ยนจองห้องพักแบบห้องนอนส่วนตัวไว้ค่ะ แต่ได้เป็นห้องน้ำรวมนะค่ะ เนื่องจากห้องพักที่เป็นห้องน้ำส่วนตัวถูกจองเต็มหมดแล้ว เพราะว่าวันที่เดี๊ยนไปพักนั้น มีงานกิจกรรมอะไรสักอย่าง จำชื่อไม่ได้แล้ว
เพิ่มคำอธิบายภาพ |
แม้ห้องจะเล็กและแคบไปนิด แต่ก็น่ารักกะจิ๊ดลิ๊ด เหมาะสมกับราคาห้องพักและการลงทุนด้านไอเดียเข้าไปค่ะ
เตียงนอนแบบสปริง เด้งดึ๋งกำลังดี คาดเตียงด้วย ผ้าRunner อย่างดี มีผ้าขนหนูให้ 2 ผืนค่ะ โดยรวมห้องพักโอเค แม้จะแคบและเล็กกะทัดรัดไปหน่อย แต่ก็สมกับราคาและการลงทุนและการดีไซน์ค่ะ
ห้องน้ำรวมสำหรับ คนที่จองห้องโฮสเทสราคาหลักร้อยค่ะ |
ส่วนด้านนอกห้องพักมีการวางของตกแต่งแบบกะจุ๊กกะจิ๊ก น่ารักมุ้งมิ้งเชียว
ตรงล็อบบี้ก็ดีไซน์ ออกแบบตกแต่งแนววินเทจ ผสมผสานความเป็นนาวี แบบมีเรือใบ มีสมอเรือ น่ารักดีค่ะ มีการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยเอาใจคนที่เข้ามาพบเห็นก็อยากถ่ายรูปค่ะ
ห้องพักชั้นบน สวยงามล้นน่านอนดี แต่เสียดายที่ถูกจ้องเต็มแล้ว คงไม่แคล้วได้มาพักคราหลัง เอาให้ปังไปเลยนะ |
ดูรายละเอียดห้องพักเพิ่มได้ที่เว็ปไซต์: www.Sattahiptale Boutique Guesthouse & Hostel
จุดชมวิวสวยทะเลสวยเก๋บนชั้นดาดฟ้า สุขอุราชื่นอารมย์สมฤทัย ไปกับบรรยากาศบ้านม่านชานเรือนและมหาสมุทรอ่าวไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน |
จุดชมวิวสวยทะเลสวยเก๋บนชั้นดาดฟ้า สุขอุราชื่นอารมย์สมฤทัย ไปกับบรรยากาศบ้านม่านชานเรือนและมหาสมุทรอ่าวไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน |
สำหรับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆและนักเดินทางท่านใดที่อยากมาพักที่นี้ ยังไงดูรายละเอียดที่พักเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์: www.Sattahiptale Boutique Guesthouse & Hostel
หรือเข้าไปดูแผนที่โรงแรมในเว็ปไซต์ : https://goo.gl/EjBQvb
หลังจากที่ได้ทำการเช็คอินน์ เอากระเป๋าเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้วนะค่ะ
ก็ได้เวลาทานอาหารมื้อเที่ยงแล้วค่ะ
ทางอาหารเที่ยงมื้อนี้ ดูหน้าตาแม่ค้า หน้าจะเมื่อยล้าพอสมควร แต่ก็ทำอาหารรสชาติได้นวลฤดี สดสีอร่อยดีจังเลย |
เดี๊ยนเลยมาประเดิมสักหน่อยค่ะ มาทานก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณมือเที่ยงนี้ ทานไปแล้วรสชาติอร่อยใช่ได้ค่ะ แต่ยังไม่จี๊ดถึงใจนัก ขอมะนาวอีกสักนิด น่าจะอร่อยกะจิ๊กลิ๊ดถึงใจกว่านี้
หลังจากทานก๋วยเตี๋ยวอิ่มแล้วนะค่ะ ดิฉันก็เดินเท้าเข้ามายังที่พัก เพื่อติดต่อขอเช่ารถมอเตอร์ไซต์กับทางที่พัก โดยทางที่พักก็ติดต่อให้เบอร์โทรร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ในอำเภอสัตหีบมา เพื่อให้ดิฉันติดต่อเช่ากับทางร้านเองได้เลยค่ะ จะได้เมมเบอร์ไว้ด้วยค่ะ
เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับไปเที่ยวในเมืองสัตหีบ ราคาก็ไม่ได้แพงร้อนแรงอะไรนัก แวะไปเรื่อยเปื่อย เมื่อยก็หยุดพักริมทาง |
ค่าเช่าวันละ 250 บาท มัดจำรถ 500 บาท
ร้านเช่าจะถ่ายบัตร ปปช.ไว้ เซ็นใบเช่ารถ เป็นอันเสร็จเรียบร้อยจ้า
ได้พาหนะสำหรับขับเลาะไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆแล้วค่ะ ถ้าไม่มีรถมอเตอร์ไซต์ คงจะลำบากในการเดินทางค่ะ เพราะสะดวกสบายในการขับ แม้แดดจะร้อนเพียงใด ก็ไม่หวั่น เพราะผิวคลำดำด่างอยู่แล้วจ้า
พร้อมลุยไปโล้ดจ้า.......
สถานที่แห่งแรกที่แวะมานะค่ะ ดิฉันขับรถมอเตอร์ไซต์ออกจากตัวเมืองสัตหีบ จาก กม.1 มาถึงแยก กม.10 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 331 เพื่อไปร่วมบริจาคทรัพย์ช่วยเหลือเด็กพิเศษที่มูลนิธิบ้านครูบุญชูค่ะ
แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์ ท่ามกลางแดดอันร้อนเร้า มาถึงบ้านครูบุญชูเพื่อเด็กพิเศษแล้วจ้า โอ้ย...กว่าจะหาป้ายเจอ เดี๊ยนก็ขับรถวน หลงทางอยู่พอสมควร แต่ก็ถามคนแถวนั้นไปเรื่อย จนเจอทางค่ะ
เข้ามาติดต่อร่วมบริจาคทรัพย์เพื่อช่วยเหลือเด็กพิเศษ ที่มูลนิธิบ้านครูบุญชูเป็นอันเรียบร้อย
โดยทางเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนแจ้งว่า ปัจจุบันมีเด็กพิเศษเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กที่เข้ามารับบริการนั้น ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มีปัญหา ทางบ้านก็ยากจน ทางมูลนิธิเลยรับไว้เพื่อช่วยเหลือเด็กพิเศษ ให้พัฒนาตามศักยภาพ เน้นการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข รองรับเด็กพิการทุกประเภท ดำเนินการโดยไม่หวังผลกำไร
ซึ่งก็จะเป็นเด็กพิเศษ ที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ได้แก่
ออทิสติก
บกพร่องทางสติปัญญา
บกพร่องทางการมองเห็น
บกพร่องทางการได้ยิน
พิการซ้อน
พิการร่างกาย
กิจกรรมพัฒนาของมูลนิธิ
เพื่อฝึกการช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้น
เพื่อฝึกการอยู่ร่วมในสังคม
ฝึกให้เค้ามีอาชีพ
ส่งเสริมด้านการกีฬา
หลังจากที่เดี๊ยนได้ทำบุญ ทำทานที่มูลนิธิบ้านครูบุญชูแล้วนะค่ะ ก็แว๊นๆขับมอเตอร์ไซต์ มาสุดปลายทางที่ท่าเรือจุดเสม็ด เพื่อมาชมเรือหลวงจักรีนฤเบศรค่ะ ซึ่งถือเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งเมืองสัตหีบ หากใครได้แวะมาเที่ยวเมืองนี้ครั้งแรก ต้องไม่พลาดแวะมาถ่ายรูปคู่เรือลำนี้ค่ะ
จำได้ว่าเคยมาเที่ยวสัตหีบหลายปีก่อนโน้น มาชมเรือหลวงจักรี ลำใหญ่มากๆ
แต่เรือที่เห็นอยู่นี้ ไม่ใช่เรือหลวงจักรีนะค่ะ เนื่องจากเรือหลวงจักรีตากแดด ตากลม ตากฝนมานาน ก็เลยป่วยไม่สบาย ถูกส่งเข้าไปซ่อมแซมที่อู่แหลมฉบังค่ะ
ทางกองทัพเรือเลยส่งเรือหลวงสิมิลันมาเป็นตัวแทน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมกันค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเรือหลวงสิมิลัน
คำว่าสิมิลัน เป็นภาษายาวี หรือมลายู แปลว่า เก้า สิมิลันเป็นหมู่เกาะเล็กในทะเลอันดามัน มี 9 เกาะ
เรือหลวงสิมิลันเป็นเรือส่งบำรุงขนาดใหญ่สังกัด หมวดเรือที่ 3 กองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ กองเรือยุทธการ
ผู้สร้างอู่ต่อเรือหูตง สาธารรัฐประชาชนจีน
ตัวเรือสร้างด้วยเหล็ก ความยาวตลอดลำ 171.45 เมตร ความกว้างที่สุด 24.60 เมตร
ระหว่างเดินบนเรือ ก็จะมีป้ายบอกรายละเอียดความรู้ต่างๆ ให้ได้ชมกัน
ส่วนใหญ่ที่แวะมาเที่ยวกัน ก็ไม่พลาดที่จะต้องถ่ายรูปกับมุมสวยๆและวิวทิวทัศน์อันสวยงามของท้องทะเลอ่าวไทยค่ะ
บรรยากาศช่วงบ่ายแก่ๆ เฆมปิดบังแดด แต่ก็มีแสงฟุ้งทอประกายลงมา สวยงามระย้าจับใจยิ่งนักค่ะ
เดินไปชมบนเรือ ใช้พลังงานไปสักพอสมควร ก็เริ่มหิวอีกแล้วค่ะ เดี๊ยนเลยหยิบข้าวโพดที่ซื้อมาตั้งแต่อยู่กรุงเทพ เอามาแทะโลมกินให้หมดซ่ะเลย คือกินไปตอนเช้าครึ่งนึง เหลืออีกครึ่งนึง กะมิดกะเมี๊ยนทานมากๆ
และสถานที่ท่องเที่ยวถัดมาที่ขับรถมาได้ไม่ไกล เหมาะกับครอบครัวและนักเรียน นักศึกษาแวะมาชมกันนั้นก็คือ ศูนย์อนุรักษ์พันธ์เต่าทะเลค่ะ โดยเปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่ 8.30 ถึง 17.00 น.โดยศูนย์แห่งนี้ถือเป็นแหล่งเพาะพันธ์อนุบาลเต่าทะเล ตั้งแต่ตัวยังเล็กกะจิ๋วหลิว ไปจนถึงตัวใหญ่พอที่จะส่งคืนกลับทะเลได้ค่ะ
เดินมาชมเต่าตัวน้อยค่ะที่บ่ออนุบาลที่ได้จัดแสดงไว้ให้ชม ส่วนใหญ่ผู้ที่มาชมก็จะเป็นครอบครัวพาเด็กๆมาดูกันเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะตื่นเต้นไม่น้อย ได้เห็นเต่าทะเล ว่ายน้ำป๋อมแป๋มไปมา ลั๊นลาสุขใจเชียว
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ เต่าตนุ
เต่านุมีเกร็ดสีน้ำตาลเหลือบขาวและดำขนาดโตเต็มที่ 120 ซม. อาศัยอยู่ตามชายฝั่ง กินหญ้าและสาหร่ายทะเล พบวางไข่ที่ หมู่เกาะคราม หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะอาดังราวี และเกาะกระ
เตาตนะตัวเล็ก น่ารักมุ้งมิ้งเชียว กำลังว่ายน้ำอยู่
ส่วนเต่าอีกชนิดที่อยู่คนละฝั่งกับเต่าตนุคือเต่ากระค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเต่ากระ
จะงอยปากแหลมคล้ายนกเหยี่ยว เกล็ดหลังซ้อนกัน สีน้ำตาลเหลืองเกร็ด มีความสวยงามมาก จึงมักถูกล่า นำไปทำเครื่องประดับ อาศัยบริเวณแนวปะการัง กินฟองน้ำ และสัตว์ทะเลตามแนวปะการัง ขนาดโตเต็มที่ ยาว 95 ซม.พบวางไข่บริเวณเกาะคราม หมู่เกาะสุรินทร์และหมู่เกาะตระเต่า
ตามในภาพที่เห็นนี้คือ เต่ากระค่ะ ตัวเล็กกะจิ๋วหลิว ยังเป็นอนุบาลอยู่ค่ะ
เต่าทะเลที่เจ็บปวยจากในธรรมชาติและจากการอนุบาลเพาะเลี้ยง ซึ่งมีกอาการเจ็บป่วยได้รับการรักษาพยาบาล จากสัตวแพทย์อยู่ในระหว่างการฟื้นฟูให้แข็งแรงเพื่อปล่อยสู่ธรรมชาติต่อไป
เต่าตนุตัวใหญ่ สีสันสดใสน่ารักเชียวค่ะ
ริมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ก็มีจุดชมวิวทะเลสวยๆ ให้แวะถ่ายภาพกันด้วยค่ะ
และหลังจากที่ดิฉันได้ชมเต่าทะเลแล้วนะค่ะ ก็ขับมอเตอร์ไซต์ ไปชะโงกทัวร์ เดินชมชายหาดต่างๆของสัตหีบค่ะ
ชายหาดแรกของทริปนี้คือ ชายหาดอ่าวดงตาล เป็นชายหาดที่อยู่ใกล้เมืองสัตหีบที่สุดค่ะ
หาดดงตลาด |
น้ำทะเลก็ใสมากๆด้วยนะค่ะ ดูเหมือนไม่ใสนะค่ะ แต่ของจริงใสฟรุ้งฟริ้งเชียวล่ะค่ะ
ชายหาดอ่าวดงตาล ช่วงเวลาบ่าย นักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำ ทำกิจกรรมพายเรือ เล่นบาน่าน่าโบทกันอย่างสนุกสนาน |
ชายหาดอ่าวดงตาล บรรยากาศการนอนพักของริมชายหาด |
มีกิจกรรมแข่งเรือใบด้วยนะค่ะ ไม่รู้ว่าเค้าแข่ง หรือว่าฝึกซ้อมนะค่ะ เพราะมีเรือหลายลำลอยเคว้งคว้างกลางทะเลลึก ไม่รู้จะอึกทึกครึกโครม เล้าประโลมชื่นอุรา ช่ะช่ะช่าหัวใจไปถึงใหน
หาดนางรำ |
บรรยากาศหาดยามเย็น ผู้คนออกมาเล่นน้ำทะเลกันอย่างคึกคักเลยค่ะ
หาดนางรำ |
กิจกรรมที่หาดนางรำ |
หนูน้อยตัวกะจ๊อยล็อกน่ารัก กำลังคึกคักสนุกอยู่กับรถของเล่น ที่หาดนางรำ คงสนุกสุขสันต์ ร่ำอุรา ช่ะช่ะช่าหัวใจไม่น้อย |
หาดนางรำ |
บรรยากาศยามเย็นที่หาดนางรำ ดูดื่มด่ำ งามล้ำจับใจ |
ดูน้องหมากำลังเริงร่าอยู่บนหาดทราย |
ชายหาดสัตหีบ Sattahip Beach |
ชายหาดที่อยู่มีเรือประมง ลอยลำอยู่กลางทะเล เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดตาและตราตราตรึงใจต่อนักท่องเที่ยวและนักเดินทางที่จะมาชมวิถีชีวิตชาวประมงที่นี้ค่ะ
แวะพักผ่อนรับลมชมทะเลริมชายหาดค่ะ
แหลมปู่เจ้า บนยอดเขาอันสูงชัน งดงามดุจอำพัน ดั่งสวรรค์ชั้นฟ้า ร่วงโรยรามาสู่ดิน ไม่สูญสิ้นความงาม ร้านรานจับใจ |
บรรยากาศยามเย็นที่แหลมปู่เจ้า สวยงามสกาวยิ่งนัก บนยอดเขาแห่งนี้ ลมพัดเย็นดีเหลือเกิน เหมาะสำหรับมาเดินออกกำลังกายยิ่งนัก
ไหว้กรมหลวงชุมพร ถิ่นขจรราชนาวีไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน |
ไหว้กรมหลวงชุมพร ถิ่นขจรราชนาวีไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน |
ไหว้กรมหลวงชุมพร ถิ่นขจรราชนาวีไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน |
ถ้าจะให้ดี หากใครที่วางแผนมาเที่ยวสัตหีบ ต้องปักหมุดมาให้ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน รับรองว่าสวยงามฟินกระจาย งามพร่างพรายดั่งสายน้ำทิพย์ ระยิบระยับทั่วผืนฟ้านภากาศ ศิวิลาศ ศิวิลัย ไฉไลเริ่ดสะแมนแตนอย่างแน่นอนค่ะ
หาของกิน แวะเดินฟินๆ กินริมทางในตลาดสด สัตหีบ Sattahip Street Food |
Sattahip Street Food on evening Save your money becuase it very value price |
หาของกิน แวะเดินฟินๆ กินริมทางในตลาดสด สัตหีบ Sattahip Street Food |
บรรยากาศในร้านคนนั่งทานเยอะมากๆนะค่ะ คงขายก็กำลังขมักเขม้นทำอาหารจานด่วนอยู่เชียว
ดูแล้วต้องลองทาน เลยสั่งแกงส้มปลามาทานค่ะ
ก็นั่งรถตามคิวค่ะ
อาหารเย็นมื้อนี้ ทานแบบง่ายๆ แกงส้มปลารสชาติเผ็ดซี๊ด จนต้องร้องกรี๊ดดังๆให้ปังไปเลยจ้า |
ทานกับข้าวสวยร้อนๆ ออนซอน เริ่ดสะแมนแตนมากๆ
จบทริปวันแรกค่ะ
---------------------------------------------------------------------------------
ทริปวันที่ 2 วันสุดท้ายแล้วค่ะ
วันต่อมาประมาณ ตี 5.30 น. เดี๊ยนตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะ เพื่อขับมอเตอร์ไซต์จากเมืองสัตหีบ มารับบัตรคิวที่พิพิธภัณฑ์วิทยาเกาะและทะเลไทย เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม มีนักท่องเที่ยวมาเยอะมาก ถ้าไม่มารับบัตรคิว มีหวังเต็มแน่นอนค่ะ
พอมาถึงก็มีนักท่องเที่ยวมารอเข้าแถวต่อคิวอยู่ก่อนแล้วด้วยนะค่ะ ส่วนใหญ่มาเป็นกรุ๊ปครอบครัว
มารับบัตรคิวแต่เช้าตรู่ ได้คิวที่ 29 จุ๊กกรูเจ้าข้าเอย แล้วก็ขับรถกลับไปยังเมืองทรามเชย หาไข่ลูกเขยทานเป็นมื้อเช้าไป |
พอได้บัตรคิวแล้ว เดี๊ยนก็จรลีขับรถหนีกลับไปเมืองสัตหีบอีกครั้ง เพื่อไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเช็คเอาท์จากที่พักและหาอะไรทานตอนเช้าค่ะ
มื้อเช้านี้ก็แวะมาทานอาหารที่ร้านเดิม ตรงข้ามเซเว่น ไม่รู้ชื่อว่าร้านอะไรนะค่ะ แต่จำได้ว่าอยู่ตรงข้ามเซเว่น ลองเปลี่ยนเมนูทานเป็น เกี๊ยวปลาค่ะ
เมนูเช้านี้ ขอปลีกวิเวกมาฉิมพลี ลิ้มลอง เดินทอดน่องท่องวารี หาของกินดีๆที่ตลาดสดสัตหีบ ก่อนจะไปงีบที่อื่นๆ |
ข้าวหมูแดง ราดซอสน้ำแดงเยอะไปหน่อย แต่เนื้อหมูนุ่มอร่อย ไม่เหนียวและแข็งกระด่างจนเกินไป |
แต่ข้าวหมูแดง ราดซอสน้ำแดงเยอะไปหน่อย ทำให้ทานไปแล้วค่อนข้างเลี๊ยนมาก ถ้าใส่น้ำซอสน้อยลงสักนึด น่าจะพอดีค่ะ แต่เนื้อหมูอร่อยดี ไม่แข็งและเหนียวจนเกินไป
ทานเสร็จก็แวะซื้อส้มทานล้างปากซักหน่อยก็ดี เพราะมีวิตามินซีช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส งามวิไลไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ไปผงะเจอแดดก็ไม่ต้องกลัวโดนแผดเผา
เสียดายลืมแวะมาชิมร้านคุณป้าอยู่เยื้องโรงแรมที่พักค่ะ น่าจะกำลังตระเตรียมของขายอยู่กระมัง แต่อยากลองไปทานดูบ้าง น่าจะอร่อยดี เพราะดูสภาพเรือนไม้ชายหลังคาแล้วเก่าแก่บูติคชิคๆเก๋ๆไม่น้อยเลย
หลังจากที่ทานอาหารมื้อเช้าอิ่มแล้ว เดี๊ยนก็เช็คเอาท์ฝากกุญแจและกระเป๋าไว้ ณ ที่พักค่ะ ขับรถมอเตอร์ไซต์แว๊นมาที่พิพิธภัณเกาะและทะเลไทยนี้อีกครั้งค่ะ คือแบบเป็นคนขยันขับรถมากๆค่ะ
สำหรับอัตราค่าธรรมเนียมข้ามไปเกาะแสมสาร
ผู้ใหญ่ 300 บาท (อายุ 18 ปีขึ้นไป)
เด็ก 220 บาท (อายุ 3 ปี ไม่เกิน 18 ปี)
ต่างชาติ 600 บาท (อายุ 3 ปีขึ้นไป)
** ค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นเพียงค่าเรือไปกลับเท่านั้น ไม่รวมค่ากิจกรรมต่างๆบนเกาะ**
บัตรค่าโดยสารธรรมเนียมข้ามไปยังเกาะแสมสาร |
จ่ายค่าธรรมเนียมบำรุงสถานที่ 15 บาทค่ะ หากขับรถมอเตอร์ไซต์ก็ขับเข้าไปได้เลย แต่ถ้าเอารถยนต์มาก็จอดไว้ ณ ที่จอด มีรถรับส่งฟรีค่ะ |
มาถึงชายหาดน้ำใสในช่วงเช้านี้ ก็ตะลึงงึงงันยิ่งนัก เพราะน้ำทะเลใสสวยสด จรดผืนทราย งามพร่างพรายยิ่งนักค่ะ
หาดน้ำใส ก็ใสสมชื่อ เลืองระบือลือไกล ต้องแวะมานอนไฉไลสักครั้ง |
หาดน้ำใส ก็ใสสมชื่อ เลืองระบือลือไกล ต้องแวะมานอนไฉไลสักครั้ง |
และอีกอย่างวันที่เดี๊ยนมาเที่ยวนี้เป็นวันธรรมดา ผู้คนไม่ค่อยหนาตาเท่าไรนัก เหมาะมานอนพักผ่อนมากๆ ดูน้ำทะเลสิค่ะ ใสสดมองไปก็จรดดุจแผ่นแก้วโปร่งแสง ทะลุทะล่วงร้อนแรงจับใจยิ่งนัก
เม็ดทรายสีขาว ก็พราวเสน่ห์ สรวญเสเฮฮา ลั๊ลลาดุจใยแป้ง ย้ำเหยียบเดิน ก็เพลิดเพลินใจไปกับน้ำทะเลใสปิ๊ง ฟรุ้งฟรุ๊งยิ่งนักแล
ขายหาดน้ำใส |
โดยเฉพาะหนุ่มน้อยเหล่านี้ ใส่ชุดว่ายน้ำสีสันสดใส วิ่งลงมาเล่นน้ำทะเลอย่างหน้าตั้ง พร้อมร้อยยิ้มและความสุขที่มีพลัง เล่นน้ำอย่างสุขสันต์ไม่ต้องคิดอะไรมาก
ช่วงปิดเทอม หรือวันหยุดในฤดูร้อนนี้ เหมาะสำหรับครอบครัวพาเด็กๆมาว่ายน้ำเล่นที่หาดน้ำใสค่ะ เพราะน้ำใสจริงๆ |
หลังจากที่ได้เพลิดเพลินใจชมหาดน้ำใสแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็ขับรถมอเตอร์ไซต์มาจอดที่ท่าเรือเขาหมาจอ เพื่อมาขึ้นเรือให้ทันเวลารอบ 10 โมงค่ะ
นั่งเรือจากท่าเรือหมาจอ ข้ามไปยังเกาะแสมสาร |
ถึงเกาะแสมสารแล้วค่ะ Koh Samae San Beach, Sattahip district, Chonburi Province |
ข้อมูลเกี่ยวกับช่องแสมสาร อ่านกันเป็นความรู้ค่ะ
ช่องแสมสาร คือพื้นที่ปลายแหลมสัตหีบ จังหวัดชลบุรี มีหมู่บ้านประมงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ แต่ก่อนเมื่อเรือสำเภาจากแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดสมุทรปราการ นำสินค้าไปยังจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด จะต้องผ่านช่องระหว่างฝั่งกับเกาะแสมสาร เป็นที่มาของชื่อ "่ช่องแสมสาร"
คำว่าแสมสาร เป็นชื่อไม้ผลัดใบขนาดเล็ก-กลาง ประโยชน์ของต้นแสมสารใช้ทำเครื่องใช้และเครื่องเรือนต่างๆ ตรงข้ามหมู่บ้านช่องแสมสารคือ "หมู่บ้านแสมสาร" ประกอบด้วยเกาะแสมสาร เกาะแรด เกาะจวง เกาะจาน เกาะโรงโขน เกาะโรงหนัง เกาะฉางเกลือ เกาะขาม และเกาะปลาหมึก มีทิวทัศน์สวยงาม อุดมสมบูรณ์ ด้วยสิ่งมีชีวิต เช่น ปลา หญ้าทะเล และปะการัง ฯลฯ
เกาะแสมสาร ถือเป็นเกาะแห่งการเรียนรู้ที่สำคัญของเมืองไทย และเป็นเกาะท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักเดินทางที่แวะมาเที่ยวเมืองนี้ เพราะด้วยเป็นเกาะที่อยู่ในการดูแลของกองทัพเรือ และมีการอนุรักษ์ความสมบูรณ์ทางธรรมชาติไว้เพื่อไม่ให้ถูกทำลาย ทำให้การมาเที่ยวเกาะแห่งนี้ มีการจำกัดจำนวนผู้เข้ามาชมเกาะในแต่ละวัน บนเกาะไม่มีโรงแรมที่พักให้นอนค้างแรม เน้นให้นักท่องเที่ยวมาช่วงกลางวันเท่านั้น
ชายหาดที่เปิดให้เข้าชมบนเกาะมี ชายหาดเทียน และชายหาดลูกกลม ซึ่งนักท่องเที่ยวที่แวะเข้ามาเที่ยวเกาะแห่งนี้ จะมีกิจกรรมให้ได้ทำกัน อาทิ การดำน้ำ ดูปะการัง การนั่งเรือดูปะการังใต้ท้องกระจก กิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ หรือจะนอนพักตากอากาศรับลมชมวิวทะเล ก็สวยงามกิ๊บเก๋ไม่น้อยเลย
แผนที่จุดศึกษาธรรมชาติในเกาะแสมสาร
พอเข้ามาถึงเกาะ ก็จะไปจุดรวมพล เพื่อนั่งฟังบรรยายเกี่ยวกับข้อปฎิบัติบนเกาะ และข้อแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆบนเกาะค่ะ
หลังจากได้ฟังบรรยายเสร็จแล้ว ก็นั่งรถบริการรับส่งบนเกาะไปยังหาดลูกกลม ซึ่งเป็นหาดยอดนิยมบนเกาะแห่งนี้ โดยหาดแห่งนี้ห่างจากท่าเรือที่หาดเทียนประมาณ 1.5 กิโลเมตร
รถบริการรับ-ส่งมี 2 คัน อีกคันจะเหมือนรถรางค่ะ ส่วนคันที่เดี๊ยนนั่งอยู่นี้ ออกแนวรถไถตามบนคันนา หลังคาเปิดโล่ง รับแดดเต็มๆค่ะ
ชายหาดลูกกลม หาดยอดนิยมน้ำทะเล สวยใส งามไฉไลสุดเก๋ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเท่ห์ มาเฮโลกันอย่างไม่ขาดสาย |
ชายหาดลูกกลม |
เข้าแถวรอจ่ายตังเพื่อเช่าเตียงผ้าใบ และซื้อกิจกรรมนั่งเรือดูปะการังค่ะ |
ค่าใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมที่หาดลูกกลม
- ล่องเรือดูปะการังใต้ท้องกระจก คนละ 20 บาท
- เช่าเตียงผ้าใบมากางนั่ง 20 บาท
นอกจากนี้ยังมีบริการตู้ล็อกเกอร์ด้วยนะค่ะ ราคาไม่รู้เท่าไหร่ แต่ไม่แพงค่ะ ราคาอยู่หลักสิบนี้แหละค่ะ
ได้มาแล้วค่ะ เตียงผ้าใบเอาไว้นั่งพักตากอากาศริมชายหาด อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่
บรรยากาศในช่วงตอนเช้าสายๆ
น้ำทะเลสีฟ้าครามอร่ามจับตาสวยงามนัก
เกาะแสมสาร ที่หาดลูกกลม ชาหาดสวย รวยด้วยน้ำทะเลใสงดงามยิ่งนัก |
โดยเฉพาะใครที่มาเที่ยวกันเป็นครอบครัว ต้องชอบเล่นน้ำทะเลที่หาดแห่งนี้มิใช่น้อยเลยค่ะ
เพราะน้ำทะเลสีสวยสด จรดผืนทราย พร่างพรายดั่งสายน้ำทิพย์ยิ่งนัก
สีสันของน้ำทะเล กับอากาศร้อนๆ
เหมาะที่เอาตัวลงไปนั่งแช่กับน้ำทะเลเย็นๆยิ่งนัก
แต่พอขึ้นจากน้ำทะเล ก็คงจะเหนียวตัวไม่ใช่น้อยเลย
กิจกรรมเด่นๆสำหรับคนรักทะเล คงหนีไม่พ้นการเล่นน้ำทะเล
และฝึกว่ายน้ำดูปะการังน้ำตื้น
มีตาข่ายสำหรับเล่นกีฬาวอลเลย์บอลด้วยนะค่ะ
แต่วันที่ไปก็ไม่มีใครถือลูกวอลเลย์มาเล่นเลย อาจจะเป็นเพราะแดดที่ร้อนมากๆกระมังค่ะ
แค่เห็นแดด บางครั้งก็เพลียจริงๆค่ะ คือร้อนแรงจริงๆ แต่ก็ยังดีมีลมพัดลมเพช่วยโอ้ละเห่เลชาให้ชืนกายาขึ้นมาบ้าง
ระหว่างที่รอคิวเรียกชื่อไปนั่งเรือชมปะการังใต้ท้องกระจก 20 บาท
เดี๊ยนก็นอนพักสายตาริมใต้ไม้ไปก่อนล่ะกันค่ะ
ไม่นานนัก ทางเจ้าหน้าที่ก็ประกาศคิวรายชื่อผู้ที่จะได้ไปนั่งเรือชมปะการังแล้วค่ะ
เป็นการนั่งเรือชมปะการังครั้งแรกในชีวิต เพราะปกติเคยแต่ไปดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น สมัยตอนที่ไปเที่ยวตรังเมื่อหลายปีก่อน
เกาะแสมสาร ที่หาดลูกกลม นั่งเรือดูปะการังใต้ท้องเรือ |
ระหว่างที่เรือแล่นไป ทางเจ้าหน้าที่บนเรือ ก็จะบรรยายลักษณะของปะการังแต่ละชนิด
ว่าคือปะการังอะไร
นั่งเรือไปได้ความรู้ดีนะค่ะ แต่บางครั้งก็มองไม่ค่อยเห็นปะการังชัดนัก
เพราะตู้กระจกบางอันเป็นฝ้า เลยมองเห็นไม่ค่อยชัดเท่าใดนักค่ะ
ดูปะการังอันนี้ สวยงามดีค่ะ
ระหว่างแล่นไป ก็แหงนหน้าลงดูปะการัง เป็นกิจกรรมแปลกใหม่ที่ใครมาที่นี้ ต้องลองสักครั้งครา
น่าจะได้ความรู้ สุขอุราไม่ใช่น้อยค่ะ
ส่วนกิจกรรมดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น ก็ไม่แพง ตกคนละ 50 บาทเองค่ะ |
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่พลาดเลยสำหรับคนรักทะเล ก็คือ กิจกรรมดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นค่ะ
ค่ากิจกรรมก็ไม่แพงเลยนะค่ะ อยู่ที่คนละ 50 บาท คือแบบว่าถูกมากๆ
เกาะแสมสาร ที่หาดลูกกลม |
เพื่อให้นักท่องเที่ยวคิวถัดไปได้มานั่งดูต่อไปค่ะ
อาหารเที่ยงมื้อนี้ ที่เกาะแสมสาร ต้องหอบเสบียงจากที่ฝั่งมาทานเองได้ค่ะ |
อาหารเที่ยงมื้อนี้ ผัดกะเพราทะเลเผ็ดซี๊ดมากๆ แต่ยังดี มีข้าวเหนียวสังขยากับข้าวต้มมัด ช่วยลดความทุเลาเบาความเผ็ดลงได้บ้าง
หลังจากที่ได้ทานอาหารเที่ยงจนอิ่มพอแค่ประทังท้องไปแล้ว
เวลาบ่าย 13.30 น.ก็ได้เวลาเดินทางออกจากหาดแสมสาร เพื่อเดินทางกลับเข้าฝั่งที่ท่าเรือเขาหมาจอ
นั่งเรือมาถึงท่าเรือเขาหมาจอท่ามกลางแดดร้อนระอุ แต่ก็สวยทะลุไปด้วยน้ำทะเลใสฟริ้งเชียว
หลังจากเดินทางมาถึงท่าเรือเขาหมาจอ ก็ใช้บัตรตั๋วโดยสารที่ข้ามไปยังเกาะแสมสารใบเดิม
เพื่อเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาและเกาะทะเลไทย
ซึ่งมีอาคารนิทรรศการให้เดินเข้าไปศึกษาเรียนรู้อยู่ 5 อาคารค่ะ
อาคารนี้เป็นอาคารเกี่ยวกับแฟลงต้อน สิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ ป่าชายหาด
เป็นป่าที่อยู่ตามชายฝั่งทะเลที่มีดินเป็นดินทรายและโขดหิน ซึ่งแห้งแล้ง ธาตุอาหารนดินค่อนข้างน้อย และต้องรับไอเค็มจากทะเลอยู่ตลอดเวลา พืชที่สามารถปรับตัวและเติบโตได้ในสภาพที่เป็นดินทราย เช่น สนทะเล กาหยี(มะม่วงหิมพานต์) เตยทะเล ไม้พื้นล่าง เช่น ผักบุ้งทะเล หญ้าลอยลม บริเวณที่ลุ่มที่เป็นดินทราย หรือดินตะกอนที่มีน้ำเค็มท่วมถึงเป็นครั้งคราว และดินที่ค่อนข้างเค็มจัด พบพืชที่ทนเค็มขนาดเล็กขึ้นปกคลุมหนาแน่น เช่น แห้วทรงกระเทียม กกสามเหลี่ยม เปรียบเสมือนกำแพงธรรมชาติป้องกันคลื่นลมพายุในฤดูมรสุม ป้องกันการกัดเซาะพังทลายของชายฝั่ง ซึ่งส่งผลต่อระบบนิเวศของสิ่งมีชีวิตต่างๆในทะเล
เดินมายังเนินเขาหมาจอ บนอาคารจุดชมวิวที่ 5 ก็มองเห็นทัศนียภาพและวิวทิวทัศน์อันสวยงามของบ้านเรือนริมฝั่งทะเล และเกาะแสมสาร
และหลังจากที่ได้เดินทัศนศึกษาเรียนรู้ที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาแล้วนะค่ะ
ดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์มากราบหลวงพ่อดำ ที่เขาเจดีย์ วัดช่องแสมสาร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปักหมุดที่ต้องแวะมากราบสักครั้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล
วัดช่องแสมสาร
หลวงพ่อดำ หากใครไปใครมาแวะมาชื่นอุราที่หาดแสมสาร ต้องตามมากราบไหว้กันเพื่อความเป็นศิริมงคล |
และหลังจากที่ได้กราบหลวงพ่อองค์ดำแล้วนะค่ะ ดิฉันก็แว๊นมอเตอร์ไซต์กลับมายังโรงแรมที่พัก เพื่อเอากระเป๋า และคืนรถมอเตอร์ไซต์ที่เช่ามาให้กับทางร้านค่ะ
จากนั้นก็นั่งรถสองแถวจากตลาดสดสัตหีบ ไปยังชุมชนบางเสร่ อยู่ห่างไปทางทิศเหนือขึ้นไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตรค่ะ
ภาพวาดฝาฝนังริมบ้านไม้เก่าในชุมชนบางเสร่ ดูสวยงามกิ๊บเก๋ยูเรก้า ช่ะช่ะช่าหัวใจไม่น้อยทีเดียว |
แวะซื้อของฝากที่บางเสร่ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ |
มาที่ชุมชนเก่าแห่งี้ เพื่อมาหาซื้อของฝากากบางเสร่เนี่ยแหละค่ะ
คือมาแล้ว ต้องไม่เสียเที่ยว ซื้อของติดไม้ติดมือไปเป็นของฝากที่บ้านด้วย (แต่ซื้อไปทีไร เจ้าคุณแม่เดี๊ยนก็บ่นตลอด ซื้ออะไรมาเยอะแยะ รกบ้านอีกแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะซื้อแต่ของกิน ซื้อไปก็กินกันหมดทุกที ไม่เคยเหลือเลย)
ถนนคนเดินชายหาดบางเสร่ ช่วงตะวันบ่ายคล้อยลงยามเย็น เหมาะแก่การมานอนเล่นริมชายหาด |
บรรยากาศในช่วงยามเย็น น้ำทะเลก็ลดลง ทำให้เป็นหาดเกยตื้น สามารถเดินลงไปได้
บ้านม่าน ชานเรือน วิถีชีวิตชุมชนชาวประมงที่บางเสร่ Bangsaray life traditonal |
แสงไฟบนเรือประมง ยังคงรอแสงอาทิตย์อัสดงลงสู่พื้นพสุธา
Bangsaray beach on evening |
ชายหาดบางเสร่ ในช่วงเวลาพลบค่ำยามเย็น ก่อนเดินทากลับกรุงเทพ |
จบทริปเที่ยวสัตหีบ 2 วัน 1 คืนค่ะ
สรุปค่าใช้จ่ายในการเที่ยวสัตหีบ 2 วัน 1 คืน มีดังนี้ค่ะ
ค่ารถตู้กรุงเทพไปสัตหีบ 145 บาท
ค่ารถตู้บางเสร่ กลับกรุงเทพ 150 บาท
ค่าที่พักโรงแรมสัตฮิบเทล บูติคเกสต์เฮ้าส์ 870.04 บาท
ค่าเช่ารถเมอร์ไซต์ 250 บาท (มัดจำ 500บาทได้คืนค่ะ)
ค่าธรรมเนียมนั่งเรือไปกลับเที่ยวเกาะแสมสาร 300 บาท
ค่าบริการชมปะการังใต้ท้องเรือกระจก 20 บาท
ค่าเตียงผ้าใบ 20 บาท
เติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซต์ 100 บาท
ค่านั่งรถ 2 แถวจากสัตหีบไปบางเสร่ 20 บาท
ค่ากินอาหาร 3 มื้อทั้งหมดประมาณ 450 บาท
รวมทั้งหมด 2,325 บาท
ต้องขอขอบพระคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆและคุณผู้อ่านทุกคน ที่เสียสละเวลาเข้ามาคลิ๊กสไลด์ดูภาพกันนะค่ะ เดี๊ยนเองหวังว่า บทความบล็อกรีวิวท่องเที่ยวสัตหีบประจำเดือนมีนาคมนี้ น่าจะมีประโยชน์และกระตุ้นให้ท่านได้ออกไปท่องเที่ยวไม่มากก็น้อยนะค่ะ หากผิดพลาดประการใด ดิฉันเองต้องขออภัยด้วยค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปนะค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
-------------------------------------------------------------------------------------------
บทความอื่นๆ บล็อกเที่ยวเดือนละ 1 ครั้งมีดังนี้ค่ะ(จะทยอยเขียนเพิ่มเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกนี้ร้างไปคะ)
แนะนำที่พักใกล้สนามบินอู่ตะเภา ราคาประหยัด สะดวกสบาย คลิ๊กดูรายชื่อที่พักค่ะ>> |
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2zm1oFq
รวมที่พักแถวหาดเตยงาม ติดชายหาดใกล้ทะเล คลิ๊กดูข้อมูลที่พักคะ>> |
หรือดูข้อมูลที่พักแต่ละแห่งเพื่อนำไปตัดสินใจได้ที่เว็ปไซต์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2018/06/update-sattahip-city-hotels-near-beach.html
เอาใจครอบครัวหมู่คณะ กับที่พักใกล้สวนน้ำและใกล้สวนนงนุช ราคาประหยัด คลิ๊กดูที่พักคะ>> |
หรือดูข้อมูลที่พักแต่ละแห่งที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2xCZAYf
มาเด้อ..มาเที่ยวศรีสะเกษ แดนดงดอกลำดวน หอมหวนกระเทียมดี คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2QngTUm
ตอนจบกับทริปแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวยุโรป 26 วัน คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2xlaVuZ
รีวิวเที่ยวประจำเดือน เที่ยวเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคม 2017 เที่ยวเมืองตราด-เกาะกูด ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น