Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รวมเด่น 17 สถานที่ท่องเที่ยวฉะเชิงเทราปี2567 ไม่พลาดไปเสพสุขถ่ายรูปเช็คอินกัน มีที่ใหนบ้างนั้น ตามไปกันเลย

ปักหมุดเที่ยวฉะเชิงเทราในวันหยุดนี้ ไปเช็คอินถ่ายรูปที่ใหนดี แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองฉะเชิงเทรา และที่เที่ยวเปิดใหม่ มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ที่ต้องห้ามพลาดไปเช็คอินถัน มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย



หากเอ่ยนาม อร่ามจับใจถึงเมืองท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพ แวะไปสุข สนุกับการอาหารการกินอร่อยๆ และเดินทางไปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้แบบสบาย ต้องยกให้เมืองแปดริ้ว หรือเมืองฉะเชิงเทราอย่างแน่นอน เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ยังสามารถเดินทางไปเที่ยวได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถไฟ รถตู้บัสโดยสาร หรือว่าขับรถส่วนตัวกับครอบครัวมาก็แสนจะสะดวก และมาเที่ยวได้ เนื่องจากในเมืองแปดริ้วเอง เดี่ยวนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองฉะเชิงเทราเปิดใหม่ ให้ไปเช็คอินถ่ายรูปอยู่หลายแห่งเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีร้านอาหารอร่อยๆเด็ดติดริมแม่น้ำบางปะกง และร้านคาเฟ่แนวๆน่ารักเก๋ๆเปิดใหม่ ให้แวะไปจิบชา กาแฟและถ่ายรูปสวยๆกันด้วย 


ส่วนเพื่่อนๆเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจคนใหน ที่จะปักหมุดไปเที่ยวเมืองแปดริ้ว แวะจุดเช็คอินถ่ายรูปวิวสวยๆ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ใหนดี เพราะในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลายแห่งเลยทีเดียว ในวันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า เลยขอมาอัพเดทแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองฉะเชิงเทรา และที่เที่ยวในอำเภอบางคล้าและคลองเขื่อน มาให้เพื่อนๆได้ปักหมุดไปเที่ยวกัน ส่วนจะมีที่ใหนบ้างนั้น ตามไปเช็คอินกันเลยจ้า 



1.สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่แวะเที่ยวคือ ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี  เพื่อไปเดินเลาะหาอะไรกินค่ะ

แรกสถานที่ท่องเที่ยวแรกที่ ตลาดบ้านใหม่ ก่อนเลยค่ะ ปั่นจักรยานเดินทางมาตลาดนี้ เพราะว่าต้องการมาหาอะไรทาน เนื่องจากหิวแล้ว เมื่อเช้าทานข้าวหลามไปถูกใช้พลังงานไปหมดแล้วจ้า 


1.สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่แวะเที่ยวคือ ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี  เพื่อไปเดินเลาะหาอะไรกินค่ะ

1.สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่แวะเที่ยวคือ ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี  เพื่อไปเดินเลาะหาอะไรกินยามเช้าก่อนค่ะ(Banmai 100-Year Market)

1.สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่แวะเที่ยวคือ ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี (Banmai 100-Year Market)  บรรยากาศบ้านเรือนและร้านค้าริมแม่น้ำบางปะกงที่ตลาดบ้านใหม่ 

1.สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่แวะเที่ยวคือ ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี  (Banmai 100-Year Market)

1.สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่แวะเที่ยวคือ ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี (Banmai 100-Year Market)  บรรยากาศบ้านเรือนและร้านค้าริมแม่น้ำบางปะกงที่ตลาดบ้านใหม่ 

1.สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่แวะเที่ยวคือ ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี (Banmai 100-Year Market)

1.สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่แวะเที่ยวคือ ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี (Banmai 100-Year Market)



1.ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี (Banmai 100-Year Market)

สำหรับตลาดบ้านใหม่ 100 ปี จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงอยู่คู่เมืองแปดริ้วมานาน ตลาดจะคึกคักมากๆในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ แต่ถ้าวันธรรมดา ก็เงียบเหงามากๆ แนะนำว่ามาช่วงวันหยุดดีกว่าค่ะ

โดยเป็นตลาดที่มีอายุมากกว่า 100 ปี เป็นชุมชนเก่าแก่ แห่งหนึ่งของจังหวัดที่มีวิถีชีวิตเดิมที่โดดเด่นที่แตกต่างจากชุมชนอื่นๆ นั่นคือ ความมีเสน่ห์ของอายุสถานที่ที่ยาวนาน บ้านเรือนมีเอกลักษณ์เก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และละครย้อนยุคของชุมชนชาวจีน เช่น อยู่กับก๋ง นางนาค เจ้าสัวสยาม ร้านขายของและร้านอาหารที่มีความหลายหลาย 

มีอาคารบ้านเรือนที่ยังคงสภาพบ้านไม้โบราณปลูกเป็นตึกแถว 2 ชั้นติดต่อกันจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยยังรักษาสภาพและความเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดมาเยือนเลย เพราะภายในตลาดมีร้านขายของกิน และศูนย์รวมของฝากประจำจังหวัดฉะเชิงเทราด้วย  



เดินเก็บภาพบรรยากาศช่วงประมาณ 10 โมงเช้า ผู้คนยังไม่เยอะมากนัก 


หรือจะไปเดินรับลมชมวิวแม่น้ำบางปะกง 


ทานก๋วยเตี๋ยวปากหม้อรสเด็ดแห่งเมืองแปดริ้ว วันที่มาคนนั่งกินเต็มร้านเลยค่ะ รสชาติอร่อยทีเดียว ค่าเสียหาย ก๋วยเตี๋ยว 60 น้ำดื่ม 10 บาท รวม 70 บาท 

เดินถ่ายรูปไปเหนื่่อยๆ ก็ไปหาอะไรทานกันค่ะ หิวมากๆแล้ว แวะไปลิ้มลองทานก๋วยเตี๋ยวปากหม้อรสเด็ดประจำตลาดนี้ อยู่ภายในตลาดบ้านใหม่ ติดริมแม่น้ำบางปะกงค่ะ วันที่มาคนนั่งกินเต็มร้านเลยค่ะ รสชาติอร่อยทีเดียว ค่าเสียหาย ก๋วยเตี๋ยว 60 น้ำดื่ม 10 บาท รวม 70 บาท 


2.วัดอุภัยภาติการาม (วัดซำปอกง) อยู่ใกล้ๆกับตลาดบ้านใหม่

2.วัดอุภัยภาติการาม (วัดซำปอกง) อยู่ใกล้ๆกับตลาดบ้านใหม่

2.วัดอุภัยภาติการาม (วัดซำปอกง) อยู่ใกล้ๆกับตลาดบ้านใหม่

2.วัดอุภัยภาติการาม (วัดซำปอกง) อยู่ใกล้ๆกับตลาดบ้านใหม่


2.วัดอุภัยภาติการาม (วัดซำปอกง) อยู่ใกล้ๆกับตลาดบ้านใหม่

ใกล้ๆกับตลาดบ้านใหม่ ก็เดินทางไปไหว้พระที่วัดอุภัยภาติการาม (วัดซำปอกง) ตั้งอยู่บนถนนศุภกิจ ใกล้กับบริเวณตลาดบ้านใหม่ เดิมเป็นวัดจีนแต่ปัจจุบันแปรสภาพเป็นวัดญวนในลัทธิมหายาน ภายในวัดมีวิหารลักษณะเหมือนศาลเจ้า ความสำคัญของวัดนี้คือการเป็นที่ประดิษฐานเจ้าพ่อซำปอกง ซึ่งในประเทศไทยมีเพียง 3 องค์เท่านั้น โดยองค์หนึ่งประดิษฐานที่วัดกัลยาณมิตร (ฝั่งธนบุรี) กรุงเทพมหานคร อีกองค์หนึ่งประดิษฐานที่วัดพนัญเชิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและองค์ที่สามประดิษฐานที่วัดอุภัยภาติการามหรือวัดซำปอกง จังหวัดฉะเชิงเทรานั่นเอง ตามประวัติเล่าว่ามีเศรษฐีสองพ่อลูก ชาวตลาดบ้านใหม่ มีจิตใจศรัทธาหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงจึงได้สละทรัพย์ สร้างเจ้าพ่อซำปอกงขึ้นโดยจำลองมาจากวัดนั้น ซึ่งมีขนาดหน้าตักกว้าง 6.50 เมตร สูงประมาณ 12 เมตร ต่อมารัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสฉะเชิงเทราพระองค์ได้พระราชทานพระราชทรัพย์สมทบทุนสร้างอารามและปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปพร้อมกับพระราชทานนามว่า วัดอุภัยภาติการาม





3.วัดเทพนิมิตร (วัดพระนอน ฉะเชิงเทรา) Wat Thepnimit (Worship the beautiful reclining Buddha image.)

3.วัดเทพนิมิตร (วัดพระนอน ฉะเชิงเทรา) Wat Thepnimit (Worship the beautiful reclining Buddha image.)

3.วัดเทพนิมิตร (วัดพระนอน ฉะเชิงเทรา) Wat Thepnimit (Worship the beautiful reclining Buddha image.)

3.วัดเทพนิมิตร (วัดพระนอน ฉะเชิงเทรา) Wat Thepnimit (Worship the beautiful reclining Buddha image.)

3.วัดเทพนิมิตร (วัดพระนอน ฉะเชิงเทรา) Wat Thepnimit (Worship the beautiful reclining Buddha image.)

3.วัดเทพนิมิตร (วัดพระนอน ฉะเชิงเทรา) Wat Thepnimit (Worship the beautiful reclining Buddha image.)

3.วัดเทพนิมิตร (วัดพระนอน ฉะเชิงเทรา) Wat Thepnimit (Worship the beautiful reclining Buddha image.)

ภายในวัดเทพนิมิตร หรือวัดพระนอน เมืองแปดริ้ว มีปูชนียวัตถุที่สำคัญ คือ พระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดฉะเชิงเทรา ชาวบ้านเรียก หลวงพ่อโต หรือ พระนอน เป็นพระประธานประจําอุโบสถ พระครูศิริปัญญามุนี(อ่อน เทวนิโภ) ได้มาจากวัดแห่งหนึ่งทางจังหวัดราชบุรี เนื้อทองสัมฤทธิ์ลงรักปิดทอง ปางสมาธิ สังฆาฏิ จีวร ลายดอกพิกุล และมีพระนอนกระจก สร้างโดยท่านพระครูศิริปัญญามุนี (อ่อน เทวนิโภ) ราว พ.ศ. 2419 วัดยังได้รับพระราชทานพระรูปหล่อรัชกาลที่ 8 รูปหนึ่ง เป็นทองแดงลักษณะกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 44 ซม. เมื่อ พ.ศ. 2480 ซึ่งปัจจุบันพระบรมรูปหล่อนี้ประดิษฐานไว้ด้านหน้าอุโบสถ 

และยังเป็นวัดที่ตั้งอยู่ใกล้กับตลาดบ้านใหม่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้ไม่ไกล หรือสามารถนั่งเรือพายที่ให้บริการจากตลาดบ้านใหม่มาที่วัดนี้ได้ด้วย เนื่องจากวัดเทพนิมิตร มีลำคลองที่เชื่อมติดกับปากแม่น้ำบางปะกงบริเวณตลาดบ้านใหม่ 




4.วัดจีนประชาสโมสร (Wat Cheen Pracha Samosorn (Wat Leng Hok Yi))

4.วัดจีนประชาสโมสร (Wat Cheen Pracha Samosorn (Wat Leng Hok Yi))


4.วัดจีนประชาสโมสร (Wat Cheen Pracha Samosorn (Wat Leng Hok Yi))

4.วัดจีนประชาสโมสร (Wat Cheen Pracha Samosorn (Wat Leng Hok Yi))

4.วัดจีนประชาสโมสร (Wat Cheen Pracha Samosorn (Wat Leng Hok Yi))

4.วัดจีนประชาสโมสร (Wat Cheen Pracha Samosorn (Wat Leng Hok Yi))



 
4.วัดจีนประชาสโมสร (Wat Cheen Pracha Samosorn (Wat Leng Hok Yi))

เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใกล้กับตลาดบ้านใหม่ ห่างแค่ 1 กิโลเมตรเท่านั้น สำหรับวัดจีนประชาสโมรสร เป็นวัดเก่าแก่โดยเชื่อกันว่าวัดนี้  เป็นหนึ่งใน 3 วัดที่ประกอบกันขึ้นเป็นตัวมังกร กล่าวคือ หัวมังกรอยู่ที่วัดเล่งเน่ยยี่ กรุงเทพมหานคร หางมังกรอยู่ที่วัดเล่งฮัวยี่ จังหวัดจันทบุรี และท้องมังกรนั้นอยู่ที่วัดเล่งฮกยี่แห่งนี้นั่นเอง วัดนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ สมัยรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2449 เมื่อครั้งเสด็จประพาสมณฑลปราจีนบุรีเพื่อเปิดทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา พร้อมกับพระราชทานนามว่า "วัดจีนประชาสโมรสร" ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ ท้าวจัตุโลกบาลขนาดใหญ่ 4 องค์ ทำจากกระดาษที่ประตูทางเข้า พระประธาน 3 องค์และองค์ 18 อรหันต์ ทำด้วยกระดาษนำมาจากเมืองจีน รูปหล่อเทพเจ้าแห่งโชคลาภ (ไฉ่เซ่งเอี้ย) ที่อยู่ด้านขวาขององค์พระประธานและยังมีเทพเจ้าอีกหลายองค์ 

ตามคติจีน ระฆังใบใหญ่น้ำหนักกว่า 1 ตัน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ใบ ในโลกที่รอบระฆังมีอักษรมหาปรัชญา ปารมิตราสูตร ถือกันว่าผู้ได้ใดตีระฆังก็เหมือนกับการสวดมนต์ซึ่งได้บุญกุศล นอกจากนี้ยังมีวิหารศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ เช่น วิหารบูรพาจารย์ วิหารเจ้าแม่กวนอิม แกะสลักจากรากไม้ทั้งต้นอายุประมาณ 100 ปี วิหารตี่จั๊งอ๊วง สระนทีสวรรค์และพญามังกร สักการะพญามังกรอย่างไร ลูบหัวมังกรลง 3 ครั้งแล้วอธิษฐานขอเกี่ยวกับสติปัญญา และหน้าที่การงาน ลูบลำตัวของมังกรขึ้นตามเกล็ดของมังกร 3 ครั้งแล้วอธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพร่างกาย ลูบหางมังกรขึ้นตามเกร็ดของมังกร 3 ครั้ง แล้วอธิษฐานเกี่ยวกับอนาคต ห้ามจับหรือแตะต้องหนวดมังกรโดยเด็ดขาด เพราะคนจีนเชื่อว่ามังกรจะหมดอิทธิฤทธิ์และจะขออะไร ไม่ได้ดังหวัง





5.วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์  (Wat Pitulathirat Rangsarit)


5.วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์  (Wat Pitulathirat Rangsarit)


5.วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์  (Wat Pitulathirat Rangsarit)


5.วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์  (Wat Pitulathirat Rangsarit)

5.วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์  (Wat Pitulathirat Rangsarit)




5.วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์  (Wat Pitulathirat Rangsarit)


5.วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์  (Wat Pitulathirat Rangsarit)





5.วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์  (Wat Pitulathirat Rangsarit)

สำหรับวัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ วัดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานทั้งยังเคยเป็นสถานที่ประหารชีวิตอั้งยี่ในสมัยรัชกาลที่ 3 เดิมทีชาวบ้านเรียกวัดนี้ว่าวัดเมือง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อคราวเสด็จประพาสเมืองฉะเชิงเทรา ได้พระราชทานนามวัดนี้เสียใหม่ว่า "วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์" ซึ่งหมายถึงวัดที่ลุงของพระเจ้าแผ่นดินเป็นทรงสร้าง โดยสิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ หอระฆังเก่าที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2478 ศาลกรมหลวงรักษ์รณเรศ ศาลเจ้าขนาดเล็กสร้างขึ้นตามศิลปะแบบจีน พระอุโบสถหลังเก่าที่ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำบางปะกงและหันหน้าไปทางทิศตะวันออก นอกจากนี้ยังมีพระวิหารซึ่งมีมุขเด็จด้านหน้าและด้านหลัง มีหลังคาลด 4 ชั้น ภายในพระวิหารแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระประธานและพระพุทธรูปหน้าตักกว้าง 3 ศอกเศษจำนวน 4 องค์ด้วยกันพร้อมกับมีรอยพระพุทธบาทจำลองหล่อด้วยสำริด และมีภาพมงคล 108 ที่หล่อขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดวงจักรกรมหมื่นณรงค์หริรักษ์พร้อม ๆ กับการสร้างกำแพงเมืองฉะเชิงเทราในอดีต

พุทธาวาสของวัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ มีพระอุโบสถและพระวิหารล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว ประกอบด้วยพระปรางค์หลายองค์ที่บริเวณมุมของกำแพงแก้วปัจจุบันได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์จนอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ มีชื่ออยู่ในทะเบียนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมีสภาพเป็นวัดตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมแห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ว่า ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2385 และได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2395 ซึ่งมีเจ้าคณะปกครองฝ่ายสงฆ์ได้ปกครองดูแลตลอดมาจนถึงปัจจุบัน 



6.กำแพงเมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Fort Wall)

6.กำแพงเมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Fort Wall)


6.กำแพงเมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Fort Wall)




6.กำแพงเมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Fort Wall)

สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกแห่ง ตั้งอยู่บนถนนมรุพงษ์ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา ริมแม่น้ำบางปะกง ใกล้กับโรงพยาบาลพุทธโสธร โดยกำแพงเมืองแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ในพระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชชกาลที่ ๓ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ กล่าวว่าสร้างในปี พ.ศ. 2377 โดยมีกรมหลวงรักษ์รณเรศร์เป็นแม่กองก่อสร้าง แต่ในหนังสือเจ้าพระยาจักรี มาถึง เจ้าพระยายมราช เจ้าพระยามหาโยธา ในปี 2378 กลับให้รายละเอียดว่า เจ้าพระยายมราช เจ้าพระยามหาโยธา ยังไม่ได้เริ่มลงมือก่อกำแพงเมืองและป้อมเมืองฉะเชิงเทรา 

กำแพงเมืองและป้อมเมืองฉะเชิงเทราเริ่มสร้างในปี พ.ศ. 2380 เพื่อป้องกันข้าศึกศัตรูรุกราน และในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ใช้เป็นที่ตั้งมั่นกองทัพในการปราบกบฏอั้งยี่ ซึ่งเป็นพ่อค้าฝิ่นเถื่อนชาวจีนที่มาสร้างความเดือดร้อนและวุ่นวายปล้นสะดมภ์ชาวบ้านเมืองแปดริ้วในขณะนั้น   โดยตัวกำแพงตั้งเป็นแนวทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก มีความยาวโดยประมาณ 525 เมตร กว้างประมาณ 290 เมตร ตัวกำแพงหนาประมาณหนึ่งเมตรสูงสามเมตร ด้านหลังมีคูน้ำและมีปืนใหญ่ตั้งอยู่ตามกำแพงเมือง

 ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติมาตั้งแต่ พ.ศ. 2497 ปัจจุบันด้านหน้าถูกปรับเป็นสวนพักผ่อนหย่อนใจ โดยตั้งชื่อว่า "สวนมรุพงษ์" ช่วงกลางคืนมีการเปิดไฟรอบกำแพงยามสีสันสวยงาม (เครดิตข้อมูล : https://th.wikipedia.org/wiki/กำแพงเมืองฉะเชิงเทรา)


7.พิพิธภัณฑ์เมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Museum) เปิดเข้าชมได้ใน วันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. เข้าชมได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย


7.พิพิธภัณฑ์เมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Museum) เปิดเข้าชมได้ใน วันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย 


7.พิพิธภัณฑ์เมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Museum) เปิดเข้าชมได้ใน วันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น.


7.พิพิธภัณฑ์เมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Museum) 


7.พิพิธภัณฑ์เมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Museum) 


7.พิพิธภัณฑ์เมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Museum) 


7.พิพิธภัณฑ์เมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Museum) 


7.พิพิธภัณฑ์เมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Museum) 


7.พิพิธภัณฑ์เมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Museum) เปิดเข้าชมได้ใน วันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย


7.พิพิธภัณฑ์เมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Museum) 


7.พิพิธภัณฑ์เมืองฉะเชิงเทรา (Chachoengsao City Museum) 

จัดเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ที่น่าสนใจอีกแห่งในเมืองฉะเชิงเทรา เปิดเข้าชมได้ใน วันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. เข้าชมได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด  โดยพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ สำหรับพิพิธภัณฑ์เมืองฉะเชิงเทรา‬ เป็นโบราณสถานแห่งหนึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ไม่แพ้ศาลากลางจังหวัดหลังเก่าหรือศาลากลางรัฐบาลมณฑลปราจีน เมื่อไทยใช้นโยบายการเมืองนำหน้าการทหาร และเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองจากจตุสดมภ์มาเป็นระบบเทศาภิบาล ฉะเชิงเทราได้เป็นที่ตั้งของที่ว่าการมณฑลปราจีน และกรมหมื่นมรุพงษ์ศิริพัฒน์ สมุหเทศาภิบาล ผู้ทรงพระปรีชาชาญในวิชาการปกครองก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองในช่วงเวลานั้น 


ภายในพิพิธภัณฑ์มีการแสดงเป็นห้องต่างๆให้ชมอย่างน่าสนใจดังนี้ 
 - ห้องเจ้าเมืองเรืองนาม แสดงพระฉายาลักษณ์
- ห้องเมืองฉะเชิงเทรา
-ห้องคืนประทับแรม
-ห้องภาพเก่าเล่าเรือง
-ห้องพระพุทธเจ้าหลวง เสด็จเยือนเมืองฉะเชิงเทรา
-ห้องใต้ร่มพระบารมี 
-ห้องประวัติและหอเชิดชูเกียรติพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)

โดยตำหนักกรมหมื่นมรุพงษ์ศิริพัฒน์ซึ่งเป็นเรือนไม้สองชั้น สร้างขึ้นเป็นที่พำนักของสมุหเทศาภิบาลในยุคนั้นจึงอาจถือได้ว่าเป็นก้าวแรกๆ ของการก่อสร้าง “บ้านพักข้าราชการ” ของแปดริ้ว ความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งของชาวเมือง คือ ตำหนักแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับพักแรมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคราวที่เสด็จประพาสฉะเชิงเทรา ถึง 2 ครั้ง พระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านซึ่งได้พระราชทานไว้ตั้งแต่เสด็จประทับครั้งแรก พร้อมลายพระหัตถ์ มีความว่า “ให้ไว้สำหรับเรือนเทศาภิบาลมณฑลปราจีณ (เมืองฉะเชิงเทรา) เป็นที่ระลึกในการที่ได้มาอยู่ในที่นี้ ได้ความสุขสบายมาก ตั้งแต่วันที่ 24 ถึงวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2450 รศ 40 126” ยังอยู่เป็นของคู่ตำหนักมาจนทุกปัจจุบัน 



8.วัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือวัดหลวงพ่อโสธร (Wat Sothon Wararam Worawihan)

8.วัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือวัดหลวงพ่อโสธร (Wat Sothon Wararam Worawihan)


8.วัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือวัดหลวงพ่อโสธร (Wat Sothon Wararam Worawihan)


8.วัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือวัดหลวงพ่อโสธร (Wat Sothon Wararam Worawihan)


8.วัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือวัดหลวงพ่อโสธร (Wat Sothon Wararam Worawihan)


8.วัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือวัดหลวงพ่อโสธร (Wat Sothon Wararam Worawihan)






8.วัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือวัดหลวงพ่อโสธร (Wat Sothon Wararam Worawihan)

เป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญที่สุดอีกแห่งของจังหวัดฉะเชิงเทราหรือเมืองแปดริ้ว จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับ 1 ประจำจังหวัด ที่ใครมาเยือนเมืองฉะเชิงเทราครั้งแรก แล้วไม่ได้มาไหว้หลวงพ่อโสธร ถือว่ามาไม่ถึงเมืองแปดริ้วแห่งนี้เลยทีเดียว 

วัดโสธรวรารามวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง เดิมชื่อว่า วัดหงษ์ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อพุทธโสธร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของฉะเชิงเทรา เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.98 เมตร ฝีมือช่างล้านช้าง 

ตามตำนานเล่าว่า หลวงพ่อพุทธโสธร เป็นพระพุทธรูปหล่อสำริดปางสมาธิหน้าตักกว้างศอกเศษ มีรูปทรงสวยงามมาก ได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำมา และมีผู้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ แต่พระสงฆ์ในวัดเกรงจะมีผู้มาลักพาไปจึงได้เอาปูนพอกเสริมหุ้มองค์เดิมไว้จนมีลักษณะที่เห็นในปัจจุบัน วัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นวัดที่มีผู้คนมาอธิษฐานขอพรกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์จะมีผู้คนแวะเวียนกันมาหนาแน่นตลอดทั้งวัน หากใครประสบผลสำเร็จในคำขอพร คำบนบาน ก็มักจะมาแก้บนกันด้วยไข่ต้ม หรือ ละครรำ แต่ไข่ต้มนั้นเป็นที่นิยมอย่างมาก จนทำให้การถือตะกร้าไข่ต้มในวัดแห่งนี้เป็นเรื่องปกติไปเลย 




9.วัดชมโพธยาราม (Wat Chom Phothayaram) 

9.วัดชมโพธยาราม (Wat Chom Phothayaram) 


9.วัดชมโพธยาราม (Wat Chom Phothayaram) 


9.วัดชมโพธยาราม (Wat Chom Phothayaram) 


9.วัดชมโพธยาราม (Wat Chom Phothayaram) 




9.วัดชมโพธยาราม (Wat Chom Phothayaram) 

ถือเป็นวัดเพียงแห่งเดียวในจังหวัดฉะเชิงเทราที่มีการก่อสร้างสังเวชนียสถานครบทั้ง 4 ตำบล เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบสักการะ โดยสังเวชนียสถานทั้ง 4 นั้นประกอบด้วย อุทยานลุมพินีสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า พุทธคยาเจดียอันเป็นสถานที่ตรัสรู้ เจดีย์ปฐมเทศนาที่เรียกกันว่าธัมเมกขสถูป และสุดท้ายคือสถานที่ปรินิพพาน วัดนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2523 โดยพระครูปลัดสุโพธิ์ จันทาโภ ที่ได้รับการถวายที่ดินจากสองสามีภรรยาคือนายชม และนางเยี่ยม ทองคำเปลว จำนวน 12 ไร่เศษ หลังจากนั้นก็มีการสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ พระอุโบสถ รวมถึงสังเวชนียสถานจำลองทั้งสี่แห่งดังที่เห็นในปัจจุบัน โดยวัดตั้งอยู่ถนนบางปะกง-ฉะเชิงเทรา ทางหลวงหมายเลข 314 นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปกราบไหว้พระขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล และชมความงามของเวชนียสถานครบทั้ง 4 อีกด้วย


10.ศาลากลางรัฐบาลมณฑลปราจีนบุรี (ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า) ถ่ายรูปชมความงามอาคารสไตล์นีโอคลาสสิคแสนสวยของเมืองแปดริ้ว (Crown Property Bureau - Chachoengsao)


10.ศาลากลางรัฐบาลมณฑลปราจีนบุรี (ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า) ถ่ายรูปชมความงามอาคารสไตล์นีโอคลาสสิคแสนสวยของเมืองแปดริ้ว (Crown Property Bureau - Chachoengsao)


10.ศาลากลางรัฐบาลมณฑลปราจีนบุรี (ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า) ถ่ายรูปชมความงามอาคารสไตล์นีโอคลาสสิคแสนสวยของเมืองแปดริ้ว (Crown Property Bureau - Chachoengsao)


10.ศาลากลางรัฐบาลมณฑลปราจีนบุรี (ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า) ถ่ายรูปชมความงามอาคารสไตล์นีโอคลาสสิคแสนสวยของเมืองแปดริ้ว (Crown Property Bureau - Chachoengsao)


10.ศาลากลางรัฐบาลมณฑลปราจีนบุรี (ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า) ถ่ายรูปชมความงามอาคารสไตล์นีโอคลาสสิคแสนสวยของเมืองแปดริ้ว (Crown Property Bureau - Chachoengsao)


10.ศาลากลางรัฐบาลมณฑลปราจีนบุรี (ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า) ถ่ายรูปชมความงามอาคารสไตล์นีโอคลาสสิคแสนสวยของเมืองแปดริ้ว (Crown Property Bureau - Chachoengsao)


10.ศาลากลางรัฐบาลมณฑลปราจีนบุรี (ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า) ถ่ายรูปชมความงามอาคารสไตล์นีโอคลาสสิคแสนสวยของเมืองแปดริ้ว (Crown Property Bureau - Chachoengsao)





10.ศาลากลางรัฐบาลมณฑลปราจีนบุรี (ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า) ถ่ายรูปชมความงามอาคารสไตล์นีโอคลาสสิคแสนสวยของเมืองแปดริ้ว (Crown Property Bureau - Chachoengsao)

สำหรับอาคารสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เดิมเป็นอาคารที่ทำการมณฑลปราจีนบุรี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ช่วงเวลาที่การปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาลเริ่มต้นขึ้น โดยมีการย้ายที่ทำการมณฑลปราจีนบุรีจากเมืองปราจีนบุรีมาตั้งที่เมืองฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2445 หลังจากนั้น 1 ปี จึงมีการสร้างอาคารหลังนี้ ภายหลังอาคารได้ถูกใช้เป็นศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา และระหว่างปี พ.ศ. 2506-2518 ใช้เป็นที่ตั้งของสำนักงานเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา

ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนอาคารหลังนี้เป็นโบราณสถาน หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2527 อาคารถูกเพลิงไหม้เสียหาย ถูกทิ้งร้างและไม่มีการซ่อมแซม จนกระทั่งมีการตรวจสอบกรรมสิทธิ์ที่ดิน และพบว่าที่ดินบริเวณที่ตั้งอาคารเป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กรมธนารักษ์จึงได้ส่งมอบพื้นที่คืน เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2527

ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ 4ปราจีนบุรี กรมศิลปากร ได้ดำเนินการบูรณะอาคารครั้งแรก และในปี พ.ศ. 2548 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้เข้าทำการปรับปรุงอาคารอีกครั้งเพื่อให้มีลักษณะใกล้เคียงกับอาคารศาลากลางมณฑลปราจีนบุรีเมื่อแรกสร้างและได้ใช้เป็นอาคารสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันด้


อาคารสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนชั้นเดียว กว้าง 19 เมตร ยาว 73 เมตร หลังคาทรงปั้นหยา มุงกระเบื้องซีเมนต์ มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมแบบนิโอคลาสสิค ผสมผสานกับฝีมือช่างและเทคโนโลยีท้องถิ่น ผังพื้นอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบยาวแบบรูปตัวอี (E) เน้นที่มุขกลางและปลายทั้ง 2 ข้าง โดยมีปีกเป็นตัวเชื่อม ห้องทำงานวางตรงแนวกลางอาคาร มีระเบียงขนาบทั้ง 2 ข้าง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง



จุดเด่นของอาคาร คือ มุขกลางที่ยื่นเก็จเป็นผนังด้านหน้าความกว้าง 3 ช่วงโครงสร้างคานโค้ง ช่วงกลางเสามีแผงหน้าบัน หลังคาจั่วแบบวิหารกรีก ชนิดเปิดคานทับหลัง หน้าบันประดับปูนปั้นตราครุฑ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้เข้ามาบูรณะปรับปรุงอาคารตามหลักวิชาการ มีการอนุรักษ์โครงสร้างแบบเดิม ดัดแปลงและปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอยเพื่อให้เหมาะสมเป็นสำนักงาน และสามารถรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมของอาคารเอาไว้ได้อย่างสวยงาม เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวถ่ายรูปภาพยามเย็นที่งดงามอีกแห่งหนึงด้วย 




11.แวะไปไหว้องค์พระพิฆเนศ ที่วัดสมานรัตนาราม (Wat Saman Rattanaram)

11.แวะไปไหว้องค์พระพิฆเนศ ที่วัดสมานรัตนาราม (Wat Saman Rattanaram)

11.แวะไปไหว้องค์พระพิฆเนศ ที่วัดสมานรัตนาราม (Wat Saman Rattanaram)

11.แวะไปไหว้องค์พระพิฆเนศ ที่วัดสมานรัตนาราม (Wat Saman Rattanaram)

11.แวะไปไหว้องค์พระพิฆเนศ ที่วัดสมานรัตนาราม (Wat Saman Rattanaram)

11.แวะไปไหว้องค์พระพิฆเนศ ที่วัดสมานรัตนาราม (Wat Saman Rattanaram)

11.แวะไปไหว้องค์พระพิฆเนศ ที่วัดสมานรัตนาราม (Wat Saman Rattanaram)



11.แวะไปไหว้องค์พระพิฆเนศ ที่วัดสมานรัตนาราม (Wat Saman Rattanaram)

เดินทางปั่นจักรยานจากโรงแรมในเมืองแปดริ้ว มาจนถึงวัดสมานรัตนาราม ระยะทาง 20 กิโลเมตรค่ะ เพื่อมาไหว้องค์พระพิฆเนศ ซึ่งเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้มาสักที รอบนี้มาเที่ยวฉะเชิงเทรา เลยปั่นจักรยานด้วยความศรัทธา มาจนถึงวัดสมานรัตนารามเลยค่ะ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอคลองเขื่อน 


สำหรับวัดสมานตั้งอยู่ใกล้กับเขื่อนทดน้ำบางปะกง ภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยประชาชนส่วนใหญ่นิยมมาสักการบูชา นอกจากนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์ภายในวัด เป็นที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับวัดและพระพิฆเนศให้นักท่องเที่ยวได้ทราบกัน โดยพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุของค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย,เจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังมีศาลาปฏิบัติธรรมอีกด้วย


12.อุทยานพระพิฆเนศ องค์ยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

12.อุทยานพระพิฆเนศ องค์ยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

12.อุทยานพระพิฆเนศ องค์ยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

12.อุทยานพระพิฆเนศ องค์ยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เที่ยวเปิดใหม่ในแปดริ้ว 




12.อุทยานพระพิฆเนศ องค์ยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เที่ยวเปิดใหม่ในแปดริ้ว 

เป็นองค์พระพิฆเนศ จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเปิดใหม่อีกแห่งในเมืองแปดริ้ว ตั้งอยู่ที่อำเภอคลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา ประดิษฐานอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ก่อตั้งขึ้นโดยสมาคมชาวฉะเชิงเทรา นำโดย พล.ต.อ. สมชาย วาณิชเสนี นายกสมาคม ได้จัดสร้างพระพิฆเนศปางสำริดขึ้นบนเนื้อที่ 25 ไร่ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำบางประกงในอำเภอคลองเขื่อนเพื่อให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่นักท่อง


แวะผ่านคาเฟ่ ร้านบ้านกังหัน รีวิวร้านคาเฟ่เล็กๆเปิดใหม่ในฉะเชิงเทรา

ใกล้ๆกับเส้นทางถนนไปอุทยานพระพิฆเนศ ก็มีร้านคาเฟ่เล็ๆเปิดใหม่ให้บริการด้วยค่ะ ชื่อร้านบ้านกังหัน 


ภายในร้านคาเฟ่ มีมุมให้นั่งพักผ่อนและเช็คอินถ่ายรูปสวยๆด้วยค่ะ ใครที่ผ่านไป ผ่านมาก็แวะไปจิบชา กาแฟ และเครื่องดื่มเย็นๆได้นะคะ 


เดินทางปั่นจักรยานข้ามสะพานแม่น้ำบางปะกง สู้ต่อค่ะ อีกนิดก็จะถึงบางคล้าแล้ว  

ผ่านหมู่บ้านน้ำตาลสด หมู่บ้านทำน้ำตาลสดขายกันเกือบแทบทุกบ้าน

ระหว่างทางผ่านหมู่บ้านน้ำตาลสด หมู่บ้านทำน้ำตาลสดขายกันเกือบแทบทุกบ้าน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีต้นตาลอยู่มาก 

เป็นน้ำตาลแท้จากดอกตาลโดยตรงเลยค่ะ กลิ่นจะหอม และรสชาติหวานอร่อยมากๆ การันตีโดยแม่ค้าคนขาย

ปั่นจักรยานมาเหนื่อยๆ กระหายน้ำมากq ได้น้ำตาลสดดื่มชื่นใจจริงๆ ขวดละ 20 บาท ซึ่งเป็นน้ำตาลแท้จากดอกตาลโดยตรงเลยค่ะ กลิ่นจะหอม และรสชาติหวานอร่อยมากๆ การันตีโดยแม่ค้าคนขาย เพราะมีกลุ่มนักเรียน นักศึกษามาดูงานวิธีทำน้ำตาลสดที่บ้านคุณป้าคนขายตลอด

 เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของฝากขึ้นชื่อที่บางคล้าเช่นกัน หากใครที่ผ่านไป ผ่านมาเที่ยวบางคล้า ก็อย่าลืมอุดหนุนกันนะคะ 

13.วัดปากน้ำโจ้โล้ หรือ วัดอุโบสถสีทองทั้งหลัง 

13.วัดปากน้ำโจ้โล้ หรือ วัดอุโบสถสีทองทั้งหลัง 

13.วัดปากน้ำโจ้โล้ หรือ วัดอุโบสถสีทองทั้งหลัง 

13.วัดปากน้ำโจ้โล้ หรือ วัดอุโบสถสีทองทั้งหลัง 

13.วัดปากน้ำโจ้โล้ หรือ วัดอุโบสถสีทองทั้งหลัง 

13.วัดปากน้ำโจ้โล้ หรือ วัดอุโบสถสีทองทั้งหลัง 




13.วัดปากน้ำโจ้โล้ หรือ วัดอุโบสถสีทองทั้งหลัง 

โดยวัดปากน้ำโจ้โล้ เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญอีกแห่ง ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง ในตำบลปากน้ำ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา


วัดปากน้ำโจ้โล้เดิมเป็นสำนักสงฆ์อยู่ในสมัยอยุธยาตอนปลาย หน้าวัดมีคลองไหลผ่านมารวมกับแม่น้ำบางปะกง พื้นที่บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของทัพพม่า ซึ่งมีทั้งทัพบกและทัพเรือ ได้ต่อสู้และพ่ายแพ้ทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ขึ้น ณ ที่แห่งนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ (แต่ต่อมาเจดีย์นี้ถูกน้ำกัดเซาะพังทลายลงไปหมด กรมศิลปากรจึงได้สร้างขึ้นมาใหม่ในบริเวณเดิม) คำว่า "โจ้โล้" มาจากการที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชทรงวางแผนยุทธการการสงครามเข้าตีทหารพม่าโดยการที่ทรงโล้เรือมาตามน้ำ ให้ทหารพม่าเห็นว่าทรงมาเพียงลำพังให้ทัพพม่าตายใจ แล้วให้ทหารซุ้มล้อมโจมตีจนได้ชัยชนะ และได้เรียกกันต่อมาว่า "เจ้าโล้" แต่ต่อมาเพี้ยนมาเป็น "โจ้โล้" และอีกประวัติหนึ่งคือ ลำน้ำนี้มีปลากระพงชุกชุม และชาวจีนเรียกว่า โจ้โล้ จากข้อมูลกรมการศาสนา ระบุว่าตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2336


เอกลักษณ์ของวัด คือ อุโบสถสีทองทั้งหลัง หลังคาประดับด้วยพญานาคและธรรมจักรตรงกลางมีบุษบกยอดฉัตร ส่วนบริเวณกำแพงแก้วชั้นนอกตกแต่งด้วยลวดลายธรรมจักรสลับกับโคมไฟรูปช้างสามเศียรเป็นระยะ ๆ ภายในอุโบสถมีองค์หลวงพ่อโตเป็นพระประธาน จำลองมาจากพระพุทธชินราช ด้านหน้าพระประธานมีรูปพระเจ้าตากสิน ไหว้ด้วยพานเครื่องทองน้อยแทนการจุดธูปเทียน ด้านบนขออุโบสถมีการสร้างบุษบกไว้ที่ด้านบนอุโบสถเพื่อบรรจุพระบรมธาตุ ภายในอุโบสถมีการนำลวดลายปูนปั้นจำหลักหรือใช้แม่พิมพ์สร้างงานขึ้นมาประดับตกแต่งภายในอุโบสถซึ่งใช้สีทองทั้งหมดเหมือนกับภายนอก แทนการใช้ภาพจิตรกรรมฝาผนัง  จึงเป็นวัดที่มีความโดดเด่นและสวยงามเป็นอย่างยิ่ง 


14.วัดโพธิ์บางคล้า (Wat Pho Bangkla) ดูคางค้าวแม่ไก่ป่าฝน และวิหารเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

14.วัดโพธิ์บางคล้า (Wat Pho Bangkla) ดูคางค้าวแม่ไก่ป่าฝน และวิหารเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

14.วัดโพธิ์บางคล้า (Wat Pho Bangkla) ดูคางค้าวแม่ไก่ป่าฝน และวิหารเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

14.วัดโพธิ์บางคล้า (Wat Pho Bangkla) ดูคางค้าวแม่ไก่ป่าฝน และวิหารเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

14.วัดโพธิ์บางคล้า (Wat Pho Bangkla) ดูคางค้าวแม่ไก่ป่าฝน และวิหารเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

14.วัดโพธิ์บางคล้า (Wat Pho Bangkla) ดูคางค้าวแม่ไก่ป่าฝน และวิหารเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

14.วัดโพธิ์บางคล้า (Wat Pho Bangkla) ดูคางค้าวแม่ไก่ป่าฝน และวิหารเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา




14.วัดโพธิ์บางคล้า (Wat Pho Bangkla) ดูคางค้าวแม่ไก่ป่าฝน และวิหารเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา 

จัดเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองบางคล้าอีกแห่ง มีประวัตศาสตร์ความเป็นมายาวนาน ตั้งอยู่ในตำบลบางคล้า อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ ความโดดเด่นของวัดแห่งนี้คือ วัดมีค้างคาวแม่ไก่ป่าฝนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ค้างคาวเหล่านี้อาศัยอยู่ในวัดมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่มีผู้บันทึกไว้ชัดเจน เท่าที่ทราบก็ตั้งแต่เมื่อสมัยพระครูสุตาลงกตเป็นเจ้าอาวาส ระหว่าง พ.ศ. 2473–2509 ซึ่งท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมต่อสัตว์ทั้งหลาย

วัดโพธิ์บางคล้าสร้างขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. 2310–2325 สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช และคาดว่าเคยเป็นที่พักทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อครั้งยกทัพไปต่อสู้กับพม่า ที่บริเวณปากน้ำโจ้โล้ (ห่างจากวัด 1 กิโลเมตร) เมื่อราวปี พ.ศ. 2309 จากคำบอกเล่า เดิมมีกุฎิไม้ใต้ถุนสูง หลังคามุงจาก อยู่ใกล้กับท่าน้ำแม่น้ำบางปะกงและต้นโพธิ์ใหญ่ มีโบสถ์คล้ายเก๋งจีน หลังคาซ้อน 2 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องกาบกล้วย ช่อฟ้าเป็นรูปหัวมังกร ผนังก่ออิฐฉาบปูนขาวผสมน้ำอ้อย ล้อมรอบด้วยใบเสมา ปัจจุบันทางวัดได้รื้อถอนโบสถ์และกุฏิไม้แล้ว

และอีกอย่างหนึ่งคือ ด้านหน้าวัดจะมีวิหารเก่าแก่ ทรงจัตุรมุขสมัยอยุธยาตอนปลาย หลังคามุงด้วยกระเบื้องเกล็ดเต่า และมีการซ่อมแซมหลังคาอีกครั้งเมื่อ พ.ศ. 2485 และต่อมาหลังคาเกิดพังทลายลง ทำให้ต้องสร้างหลังคาขึ้นใหม่แทนของเดิม เมื่อ พ.ศ. 2541 มีหน้าต่างหนึ่งช่อง มีประตูสองช่องเหนือขอบประตูสองด้าน ประดับด้วยถ้วยชามสังคโลกเรียงกันเป็นรูปทรงกลม หน้าจั่วเป็นพื้นเรียบ กระเบื้องชายหลังคาเชื่อมด้วยปูน และมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยทำด้วยปูน ประดิษฐานไว้โดยรอบจำนวน 8 องค์ ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ ถือเป็นอีกหนึ่งวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนกันอย่างไม่ขาดสาย 



15.อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปากน้ำโจ้โล้ 

15.อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปากน้ำโจ้โล้ 

15.อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปากน้ำโจ้โล้ 

15.อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปากน้ำโจ้โล้ 

15.อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปากน้ำโจ้โล้ 




15.อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปากน้ำโจ้โล้ 

สำหรับตั้งอยู่บริเวณปากน้ำโจ้โล้ (คลองท่าลาด) ตำบลปากน้ำ โดยสร้างขึ้นเมื่อปี 2531 เพื่อปีอนุสรณ์เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้รับชัยชนะในการสู้รบกับพม่าบริเวณปากน้ำโจ้โล้ทรงใช้เมืองฉะเชิงเทรา เป็นเส้นทางเดินทัพผ่านในการกอบกู้เอกราชหลังเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยา

 หลังจากที่พระเจ้าตากสินตีฝ่าวงล้อมของพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยาได้เดินทัพผ่านจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี และปะทะกับพม่าบริเวณปากน้ำโจ้โล้ ด้วยพระปรีชาสามารถของพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์รบชนะพม่าซึ่งมีกำลังเหนือกว่าและได้พักทัพบริเวณนี้ พระองค์จึงสร้างพระเจดีย์เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะในการสู้รบกับพม่า แต่บริเวณดังกล่าวถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนพระเจดีย์พังทลายเมื่อประมาณ พ.ศ. 2491 ต่อมามีการสร้างพระสถูปเจดีย์พระเจ้าตากสินมหาราชขึ้นใหม่บริเวณเดิม นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาสักการะอนุสรณ์หรือนั่งพักผ่อนชมภูมิทัศน์ริมแม่น้ำซึ่งจะสามารถมองเห็นเกาะลัด อยู่ฝั่งตรงข้า และวัดโบสถ์สีทองหรือวัดปากน้ำโจ้โล้ได้อย่างสวยงามอีกด้วย 




16.สวนปาล์มฟาร์มนก (Suan Palm Farm Nok)



16.สวนปาล์มฟาร์มนก (Suan Palm Farm Nok)

16.สวนปาล์มฟาร์มนก (Suan Palm Farm Nok)

16.สวนปาล์มฟาร์มนก (Suan Palm Farm Nok)

16.สวนปาล์มฟาร์มนก (Suan Palm Farm Nok)

16.สวนปาล์มฟาร์มนก (Suan Palm Farm Nok)

16.สวนปาล์มฟาร์มนก (Suan Palm Farm Nok)




16.สวนปาล์มฟาร์มนก (Suan Palm Farm Nok)

สวนปาล์มฟาร์มนกตั้งอยู่ในอำเภอคลองเขื่อน  เป็นฟาร์มนกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบชนบท ล้อมรอบด้วยทุ่งนาข้าวและบ่อกุ้งซึ่งเป็นบรรยากาศที่หาดูได้ยากสำหรับผู้อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ ห่างกรุงเทพฯเพียง 80 กิโลเมตรเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นแหล่งทองเที่ยวเพื่อการศึกษาและการอนุรักษ์นกแก้วแห่งเดียวในเมืองไทย บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2538 โดย ดร.โภคิน พลกุล กับเพื่อนและญาติพี่น้องซึ่งเป็นผู้ชื่นชอบในการศึกษาและอนุรักษ์นกแก้ว จึงมีการพัฒนาสวนปาล์มฟาร์มนกขึ้น เพื่อการอนุรักษ์และให้ความรู้แบบบูรณาการเกี่ยวกับนกแก้ว 

โดยนกแก้วเป็นนกที่มีสีสันสวยงามและฉลาด โดยมีสติปัญญาเท่ากับเด็กอายุประมาณ 4 ขวบ และยังสามารถสอนให้พูดโต้ตอบได้ ปัจจุบันสวนปาล์มฟาร์มนกมีนกแก้วมากกว่า 3,000 ตัว และมีสายพันธุ์ที่หาดูได้ยากกว่า 100 สายพันธุ์ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของสนามหญ้าและสวนปาล์มนานาพันธุ์ เปิดบริการทุกวัน จันทร์-ศุกร์ 9.30-17.00น. เสาร์-อาทิตย์-วันหยุดนักขัตฤกษ์ 9.30-18.00น. เสียค่าบัตรเข้าชม ผู้ใหญ่ 120 บาทเท่านั้น โดยเป็นบัตรที่เที่ยวรอบสวนปาล์มได้ ส่วนราคาบัตร  220 บาท สามารถเข้าไปให้อาหารนกในกรงได้ 



17.ตลาดน้ำบางคล้า (Bangkla Floating Market)


17.ตลาดน้ำบางคล้า (Bangkla Floating Market)


17.ตลาดน้ำบางคล้า (Bangkla Floating Market)


17.ตลาดน้ำบางคล้า (Bangkla Floating Market)


17.ตลาดน้ำบางคล้า (Bangkla Floating Market)


17.ตลาดน้ำบางคล้า (Bangkla Floating Market)


17.ตลาดน้ำบางคล้า (Bangkla Floating Market)





17.ตลาดน้ำบางคล้า (Bangkla Floating Market)

เป็นตลาดน้ำที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยตลาดแห่งนี้อยู่ติดริมแม่น้ำบางปะกง ตลาดน้ำบางคล้า เป็นตลาดที่เทศบาลตำบลบางคล้าจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2550 ตามนโยบายของคณะผู้บริหารเทศบาลตำบลบางคล้า ในการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว เชิงเศรษฐกิจของท้องถิ่นโดยการนำเอาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีความโดดเด่นและยังคงมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก มาจัดทำตลาดน้ำให้ประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียง นำสินค้าจำพวกสินค้าพื้นบ้าน อาหารพื้นเมือง สินค้า OTOP SMEs และผักผลไม้ตามฤดูกาล อันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นมาจำหน่าย บริเวณริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง หน้าที่ว่าการอำเภอบางคล้า โดยเป็นแพโป๊ะขนาด 6 x 30 เมตร รวม 9 โป๊ะ เชื่อมติดต่อกันสำหรับให้เกษตรกรและผู้ประกอบการนำเรือมาจอดเทียบขายสินค้าและให้บริการแก่นักท่องเที่ยว เปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.00 น.



เห็นข้าวหมากแล้วอยากทาน จัดไปสัก 1 กระปุกค่ะ 


ทานข้าวหมากโบราณ

ข้าวหมากโบราณ รสชาติหวานๆหอมกลิ่นเฉพาะตัว จัดเป็นโพรไบโอติกดีต่อลำไส้ ราคา 10 บาท 

บรรยากาศริมแม่น้ำบางปะกง น้ำคงขึ้นๆลงๆ ที่ตลาดน้ำบางคล้า


แวะเดินกินลมชมวิวตอนบ่ายแก่ๆ ช่วงบ่าย 3 โมงเย็นที่ตลาดน้ำบางคล้า ก่อนนั่งรถแถวจากบางคล้าไปเมืองแปดริ้ว และนั่งรถไฟเดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ.......


และสำหรับบทความบล็อกแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองฉะเชิงเทรา และที่เที่ยวเปิดใหม่ มีร้านอาหารแนะนำอร่อยๆ หรือร้านคาเฟ่เปิดใหม่ในเมืองแปดริ้ว ที่ได้นำมาเสนอแนะนำกันไว้ในบทความบล็อกนี้ น่าจะมีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านทุกๆคนอยู่ไม่มากก็น้อย หากข้อมูลดังกล่าวที่ได้นำเสนอไป มีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดๆไปค่ะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน 

เครดิตข้อมูลดีๆจาก : (https://th.wikipedia.org/wiki/วัดโพธิ์บางคล้า) ( : https://thai.tourismthailand.org/Attraction/อาคารสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จังหวัดฉะเชิงเทรา) (เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดโสธรวรารามวรวิหาร )  https://thai.tourismthailand.org/Attraction/วัดชมโพธยาราม (เครดิตข้อมูล https://thailandtourismdirectory.go.th/th/attraction/83512 )  (เครดิตข้อมูลดีจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดเทพนิมิตร) (https://thailandtourismdirectory.go.th/en/attraction/1679)  ( : https://thai.tourismthailand.org/Attraction/วัดอุภัยภาติการาม-วัดซำปอกง) ( : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์) ( : https://thai.tourismthailand.org/Attraction/วัดจีนประชาสโมสร-วัดเล่งฮกยี่) https://thailandtourismdirectory.go.th/th/attraction/21233
--------------------------------------------------------------------------------------------------

บทความบล็อกอื่น



แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดอุตรดิตถ์ ไม่ควรพลาดสักนิด ที่จะแวะไปชมกัน>>>

ต้องห้ามพลาดกับ 16 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอุตรดิตถ์อยู่ติดลมบน ที่คนต้องแวะไปถ่ายรูปภาพเช็คอินกัน มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวค่ะ>>>


สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอุทยานแห่งชาติเขาสก ต้องห้ามพลาดไปเช็คอินกัน>>

รวมอัพเดทล่าสุดสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแถวเขาสก ที่ใครก็ต้องพกกล้องไปถ่ายรูปภาพชมวิวสวยๆกัน มีที่ใหนบ้างนั้น ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวค่ะ>>>


แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดนครปฐมที่ต้องมาชื่นชมเช็คอินกัน>>>

ห้ามพลาดกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดนครปฐม ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ที่ต้องแวะไปเสพสม ภิรมย์ใจกันสักครา มีที่เที่ยวเปิดใหม่ที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>


อัพเดทข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตติดลมบนในนจังหวัดมุกดาหาร มีที่ใหนบ้าง>>

แนะนำอัพเดทแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดมุกดาหาร ที่ต้องห้ามพลาดไปยลตระการถ่ายรูปภาพกันสักครา มีที่ใหนบ้างหนา ตามไปลั๊ลลากันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>


รวมจุดเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในสิงคโปร์ล่าสุด มีที่ใหนบ้าง>>>

รวมอัพเดทสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในสิงคโปร์ล่าสุด ที่ต้องหยุดแวะไปถ่ายภาพเช็คอินสวยปังกันสักครั้ง ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงเลยนะ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>


รวมจุดเช็คอินแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตติดลมบนในอำเภอชะอำ มีที่ใหนบ้าง>>>

อัพเดทล่าสุดกับสถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอชะอำปี 2565 ที่ต้องห้ามพลาดไปเช็คอินถ่ายรูปกันสักครา ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงนะ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>


แนะนำแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจในเมืองตราด ต้องห้ามพลาดไปชมกัน>>>

รวมเด็ดสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองตราด เมืองต้องห้ามพลาด ต้องไปถ่ายภาพเช็คอินกัน ไม่งั้นมาไม่ถึงนะ มีที่เที่ยวใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>


วางแผนไปเที่ยวสิงคโปร์ในปี 2022 ต้องเตรียมเอกสารอะไรไปบ้าง สรุปมาให้จ้า>>>

จัดทริปไปเที่ยวสิงคโปร์ล่าสุดด้วยตัวเองในปี 2022 ต้องเตรียมเอกสารอะไรไปบ้าง แบบผ่านด่านตม.ฉลุย สรุปมาให้แบบง่ายๆ รวบเดียวจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>



อัพเดทล่าสุดกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกาะช้าง ที่ต้องกางแผนที่หนีไปถ่ายรูปสวยๆกัน ส่วนจะมีที่ใหนบ้างนั้น แวะไปเที่ยวกันได้เลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>



เที่ยวไทยไปให้รู ดูตำนานมูลศาสนา จามเทวีวงศ์ มีที่มาอย่างไร นำมาให้อ่านกัน>>

เที่ยวเมืองไทยไปให้รู้ ดูตำนานมูลศาสนา จามเทวีวงศ์ มีที่มาอย่างไร นำมาให้อ่านเป็นความรู้กันจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในจังหวัดลำพูน เมืองรองต้องห้ามพลาดไปเที่ยวถ่ายภาพเช็กอินกัน ไม่งั้นมาไม่ถึง มีที่ใหนบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>>


แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในจังหวัดลำปาง ต้องปักหมุดไปถ่ายภาพกัน>>>

เที่ยวไทยไปล่าสุดกับ 16 พิกัดที่เที่ยวจังหวัดลำปางปี 2022 มองวิวสวยๆ รุ่มระรวยด้วยอาหารอร่อยๆ ตามรอยไปเช็กอินถ่ายภาพกันที่ใหนบ้าง แวะไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>


สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตติดลมบนในภูเก็ตปี 2022 ไม่ลองไม่รู้ไปเที่ยวกันดู>>

ล่าสุดกับ 12 ที่เที่ยวสุดฮิตในภูเก็ตปี 2022 ไม่ลองไม่รู้ แวะไปเที่ยวทัศนากันดู ให้จุ๊กกรูหัวใจ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเช็กอินถ่ายรูปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>


สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพังงา ไม่พลาดไปลั๊ลลาถ่ายรูปกัน คลิ๊กดูที่เที่ยว>>

รวมเด่นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดพังงา ที่ห้ามพลาดไปลั๊ลลาถ่ายรูปภาพสวยๆกันสักครา ไม่งั้นไม่มาถึงเลยนะ มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>



แนะนำที่เที่ยวยอดนิยมในอำเภอสังขละบุรี ที่มาเมืองนี้แล้ว ต้องไปเช็กอินถ่ายรูปกัน ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงนะ มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>

ต้องไปเช็กอินกับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในอำเภอไทรโยค คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
รวมเด่น 10 สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต ติดลมบนในอำเภอไทรโยค-อำเภอศรีสวัสดิ์ ที่ต้องห้ามพลาดพลัดไปเช็กอินถ่ายรูปกันสักครั้ง มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>

สรุปสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองกาญจนบุรี ต้องหนีไปถ่ายรูปกัน ดูบทความค่ะ>>

ต้องไปให้ได้กับ 13 ที่เที่ยวในตัวเมืองกาญจนบุรี ที่ต้องจรลีหนีมาเช็กอินถ่ายรูปภาพกัน มีที่ใหนบ้างนั้น ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>


รวมเด่นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมตลอดกาลในเมืองพัทยา ที่ใครมาก็ต้องไปเช็กอินกันสักครั้ง ถ่ายรูปให้สวยปังปูริเย มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>

รวมเด่นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกาะล้าน ต้องไปสุขสราญถ่ายรูปภาพกัน>>

ไปล่าสุดกับ 6 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกาะล้าน ต้องไปเริงสำราญถ่ายรูปภาพกันสักครั้ง มีที่ใหนบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>

น่ารู้กับตำนานประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุ มีที่มาอย่างไร นำมาให้อ่านกัน>>>

ท่องทั่วไทยไปให้รู้ แวะดูตำนานประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุ มีประวัติความเป็นมาอย่างไร จัดมาให้อ่านกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>

ประเพณีกวนข้าวทิพย์มธุปายาสยาคู มีประวัติเป็นมาอย่างไร นำมาให้อ่านกัน>>

เที่ยวเมืองไทยไปต้องรู้ กับประเพณีกวนข้าวทิพย์มธุปายาสยาคู มีที่มาอย่างไร นำมาให้อ่านกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับรูป ฝ่าพระบาทที่เท้าพระนอนวัดโพธิ์ มีความหมายว่าอะไร>>

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ฝ่าพระบาทที่เท้าของพระนอนวัดโพธิ์ รูปสัญลักษณ์ที่หลายคนสงสัย มีความหมายว่าอะไร นำมาให้อ่านกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>

ตำนานบอกเล่าอันเก่าแก่ของบ่อน้ำพุร้อนพระร่วงในเมืองชากังราว คลิ๊กดูบทความ>>>

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับตำนานบอกเล่าอันเก่าแก่ของบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง ในเมืองชากังราวสุดน่าสนใจ มาให้อ่านกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดบึงกาฬ ต้องไปเริงสำราญให้ได้ คลิ๊กดูที่เที่ยว>>

รวมเด่นสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดตาในจังหวัดบึงกาฬ ต้องไปเช็กอินให้สำราญกันสักครา มีที่ใหนบ้างหนา ตามไปช่ะช่ะช่ากันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น