|
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปกาญจนบุรี เที่ยวใหนดี วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในอำเภอไทรโยค และอำเภอศรีสวัสดิ์ ที่ต้องไปเช็กอินถ่ายรูปกันสักครั้ง มีที่ใหนบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย |
สวัสดีเพื่อนๆผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจทุกๆคนค่ะ หลังจากที่บทความบล็อกก่อนหน้านี้ ได้มาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองกาญจนบุรีกันไปแล้ว เพื่อไม่ให้เว็ปไซต์ร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอเลิกจากงานประจำ มาเอาใจคนชอบเที่ยว พาไปเลี้ยวแวะเช็กอินถ่ายรูปกันค่ะ สำหรับเพื่อนนักทัศนาจร ออนซอนหัวใจคนใหน ที่ปักหมุดมาเที่ยวกาญจนบุรี นอกจากไปถ่ายรูปที่เที่ยวยอดนิยม ที่สะพานข้ามแม่น้ำแควแล้ว
แน่นอนว่า หากมาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ให้ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติ ต้องไม่พลาดที่จะไปเที่ยวอำเภอไทรโยค และอำเภอศรีสวัสดิ์ เนื่องจากทั้ง 2 อำเภอนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดตา และตราตรึงใจ ประทับซึ้งอยู่ในห้วง ดั่งดวงหฤทัย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน อยู่มากมายหลายแห่ง เรียกว่า ถ้าใครมาจังหวัดกาญจนบุรี ก็ต้องแวะไปฉิมพลี ถ่ายรูปภาพเป็นที่ระลึก ให้ระทึกระทวยหัวใจกันสักครั้งเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับเพื่อนๆคนใหน ที่จัดทริปวันหยุดสุดสัปดาห์ ขับรถแรลลี่ลั๊ลลา มาเที่ยวที่อำเภอไทรโยค แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปเช็กอินที่ใหนดี มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจอะไรบ้าง เดี๊ยนเลยขอมาแนะนำที่เที่ยวยอดนิยมในอำเภอไทรโยค และอำเภอศรีสวัสดิ์ มาให้ได้แวะไปเช็กอินถ่ายรูปกันดังนี้ค่ะ เพื่อนๆคนใหน ที่ยังไม่เคยไปเที่ยว ก็เลี้ยวแวะไปเที่ยวชมกันดูนะคะ
|
ขอมาสรุปแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามในจังหวัดกาญจนบุรี อยู่ที่อำเภอไทรโยค และอำเภอศรีสวัสดิ์ เพื่อนๆคนใหน ที่ยังไม่เคยไปเที่ยว ก็เลี้ยวแวะไปเที่ยวชมกันดูนะคะ รับรองว่าได้รูปภาพสวยๆกลับไปที่ระทึกระทวย กระชุ่มกระชวยหัวใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนอย่างแน่นอนค่ะ |
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับเพื่อนๆคนใหน ที่จัดทริปวันหยุดสุดสัปดาห์ ขับรถแรลลี่ลั๊ลลา มาเที่ยวที่อำเภอไทรโยค แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปเช็กอินที่ใหนดี มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจอะไรบ้าง เดี๊ยนเลยขอมาแนะนำที่เที่ยวยอดนิยมในอำเภอไทรโยค และอำเภอศรีสวัสดิ์ มาให้ได้แวะไปเช็กอินถ่ายรูปกันดังนี้ค่ะ เพื่อนๆคนใหน ที่ยังไม่เคยไปเที่ยว ก็เลี้ยวแวะไปเที่ยวชมกันดูนะคะ รับรองว่าได้รูปภาพสวยๆกลับไปที่ระทึกระทวย กระชุ่มกระชวยหัวใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนอย่างแน่นอนค่ะ
|
1.อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ (Mueang Sing Historical Park) ปราสาทเก่าแก่มีมนต์ขลังที่งามอลัง จนใครก็ต้องแวะมาเดินชม ให้สุขสมฤทัยกันสักครา |
|
1.อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ (Mueang Sing Historical Park) ปราสาทเก่าแก่มีมนต์ขลังที่งามอลัง จนใครก็ต้องแวะมาเดินชม ให้สุขสมฤทัยกันสักครา |
|
1.อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ (Mueang Sing Historical Park) ปราสาทเก่าแก่มีมนต์ขลังที่งามอลัง จนใครก็ต้องแวะมาเดินชม ให้สุขสมฤทัยกันสักครา |
|
1.อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ (Mueang Sing Historical Park) ปราสาทเก่าแก่มีมนต์ขลังที่งามอลัง จนใครก็ต้องแวะมาเดินชม ให้สุขสมฤทัยกันสักครา |
|
1.อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ (Mueang Sing Historical Park) ปราสาทเก่าแก่มีมนต์ขลังที่งามอลัง จนใครก็ต้องแวะมาเดินชม ให้สุขสมฤทัยกันสักครา |
1.อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ (Mueang Sing Historical Park)
เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมีชื่อเสียงของจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแควน้อยทางทิศเหนือในเขตตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โดยทัศนียภาพโดยรอบแวดล้อมด้วยทิวเขาเป็นแนวยาว ลักษณะผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า บนเนื้อที่ประมาณ 800 ไร่ เป็นปราสาทศิลปะการก่อสร้างอยู่ในยุคลพบุรีตอนปลาย ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-18 ผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส
ซึ่งประจักษ์พยานแห่งอารยธรรมขอมที่เกิดขึ้นในกาญจนบุรีโดยสันนิษฐานว่า มีจุดมุ่งหมายสร้างขึ้นเพื่อเป็น พุทธศาสนสถานในพุทธศาสนา ซึ่งทางกรมศิลปากรได้เริ่มต้นเข้ามาทำการบูรณะอย่างจริงจังเมื่อปี พ.ศ. 2517 จนแล้วเสร็จเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. 2530 ทั้งนี้มีการสันนิษฐานว่าสถาปัตยกรรมและประติมากรรม ของปราสาทเมืองสิงห์นั้น มีความคล้ายคลึงกับปราสาทขอมสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ( พ.ศ. 1720-1780) กษัตริย์นักสร้างปราสาทแห่งอารยธรรมขอมโบราณ โดยสิ่งสำคัญที่พบในปราสาทแห่งนี้ คือ พระพุทธรูปนาคปรก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรและนางปรัชญาปารมิตา และรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีอีกองค์หนึ่ง รูปลักษณ์คล้ายกับที่พบในประเทศกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันได้นำไปเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยที่อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น.
|
2.ถ้ำกระแซ (Kra Sae Cave) มีอะไรให้แลชม อย่างน่าภิรมย์ใจ แวะไปเที่ยวชมกันสักครั้งครา ตื่นตาตื่นใจยิ่งนักเชียว |
|
2.ถ้ำกระแซ (Kra Sae Cave) มีอะไรให้แลชม อย่างน่าภิรมย์ใจ แวะไปเที่ยวชมกันสักครั้งครา ตื่นตาตื่นใจยิ่งนักเชียว |
|
2.ถ้ำกระแซ (Kra Sae Cave) มีอะไรให้แลชม อย่างน่าภิรมย์ใจ แวะไปเที่ยวชมกันสักครั้งครา ตื่นตาตื่นใจยิ่งนักเชียว |
|
2.ถ้ำกระแซ (Kra Sae Cave) มีอะไรให้แลชม อย่างน่าภิรมย์ใจ แวะไปเที่ยวชมกันสักครั้งครา ตื่นตาตื่นใจยิ่งนักเชียว |
|
2.ถ้ำกระแซ (Kra Sae Cave) มีอะไรให้แลชม อย่างน่าภิรมย์ใจ แวะไปเที่ยวชมกันสักครั้งครา ตื่นตาตื่นใจยิ่งนักเชียว |
2.ถ้ำกระแซ (Kra Sae Cave)
สำหรับถ้ำกระแซเป็นถ้ำขนาดเล็กๆ โดยถ้ำนี้เคยเป็นถ้ำที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะไทย-พม่า สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวถ้ำติดกับเส้นทางรถไฟสายกาญจนบุรี-สถานีน้ำตก ภายในถ้ำโปร่งและมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่ และหากมองจากปากถ้ำไปบริเวณทางรถไฟจะเห็นทิวทัศน์ที่งดงามและมองเห็นแม่น้ำแควน้อยอยู่เบื้องล่าง บริเวณนี้เป็นจุดที่สร้างทางรถไฟยากที่สุด เนื่องจากเส้นทางโค้งเลียบเขาและด้านล่างเป็นแม่น้ำลึกจึงได้สมยานามว่าโค้งมรณะ เปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนเข้าชมทุกวันระหว่างเวลา 07.00 - 17.00 น.
|
3.เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death railway) ต้องแวะมาเช็กอินชมกันสักครา ดูไฮไลท์รถไฟวิ่งผ่านรางสุดตื่นตา ไม่มาชม ไม่ได้เลยเชียว |
|
3.เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death railway) ต้องแวะมาเช็กอินชมกันสักครา ดูไฮไลท์รถไฟวิ่งผ่านรางสุดตื่นตา ไม่มาชม ไม่ได้เลยเชียว |
|
3.เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death railway) ต้องแวะมาเช็กอินชมกันสักครา ดูไฮไลท์รถไฟวิ่งผ่านรางสุดตื่นตา ไม่มาชม ไม่ได้เลยเชียว |
|
3.เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death railway) ต้องแวะมาเช็กอินชมกันสักครา ดูไฮไลท์รถไฟวิ่งผ่านรางสุดตื่นตา ไม่มาชม ไม่ได้เลยเชียว |
|
3.เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death railway) ต้องแวะมาเช็กอินชมกันสักครา ดูไฮไลท์รถไฟวิ่งผ่านรางสุดตื่นตา ไม่มาชม ไม่ได้เลยเชียว |
|
3.เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death railway) ต้องแวะมาเช็กอินชมกันสักครา ดูไฮไลท์รถไฟวิ่งผ่านรางสุดตื่นตา ไม่มาชม ไม่ได้เลยเชียว |
3.เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death railway)
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงโดยเส้นทางรถไฟดังกล่าว สร้างผ่านถ้ำกระแซ โดยรถไฟสายสายนี้ มีประวัติยาวนานตั้งแต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นจากสถานีชุมทางหนองปลาดุก อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี และสิ้นสุดที่ปลายทางที่เมืองตันปิ อุซายัด ประเทศพม่า การก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายนี้ เริ่มสร้างขึ้นกับการเสียชีวิต เพราะต้องแข่งกับเวลา สภาพการณ์ไม่ว่าจะเป็น โรคภัย ไข้เจ็บ ดินฟ้าอากาศ อาหาร ค่ายพัก ชีวิตความเป็นอยู่ที่แสนจะทุกข์ทรมานและต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างทางรถไฟสายนี้ให้แล้วเสร็จ แต่การก่อสร้างทางรถไฟนี้ ก็แลกมากับชีวิตของเชลยจำนวนมาก จนได้ขนานนามว่า ทางรถไฟสายมรณะ (The Death railway) จึงเปรียบเปรยเอาว่า หนึ่งเชลยศึก ต่อหนึ่งไม้หมอนรถไฟ
|
4.น้ำตกไทรโยคน้อย (Sai Yok Noi Waterfall) น้ำตกมีชื่อเสียงโด่งดัง ความปังคือไม่ต้องเดินไกล เพราะอยู่ติดถนนใหญ่เลย มองไปรอบๆ เต็มไปด้วยมวลมหาประชาเด็กๆ กำลังเล่นน้ำกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ |
|
4.น้ำตกไทรโยคน้อย (Sai Yok Noi Waterfall) น้ำตกมีชื่อเสียงโด่งดัง ความปังคือไม่ต้องเดินไกล เพราะอยู่ติดถนนใหญ่เลย มองไปรอบๆ เต็มไปด้วยมวลมหาประชาเด็กๆ กำลังเล่นน้ำกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ |
|
4.น้ำตกไทรโยคน้อย (Sai Yok Noi Waterfall) น้ำตกมีชื่อเสียงโด่งดัง ความปังคือไม่ต้องเดินไกล เพราะอยู่ติดถนนใหญ่เลย มองไปรอบๆ เต็มไปด้วยมวลมหาประชาเด็กๆ กำลังเล่นน้ำกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ |
|
4.น้ำตกไทรโยคน้อย (Sai Yok Noi Waterfall) น้ำตกมีชื่อเสียงโด่งดัง ความปังคือไม่ต้องเดินไกล เพราะอยู่ติดถนนใหญ่เลย มองไปรอบๆ เต็มไปด้วยมวลมหาประชาเด็กๆ กำลังเล่นน้ำกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ |
|
4.น้ำตกไทรโยคน้อย (Sai Yok Noi Waterfall) น้ำตกมีชื่อเสียงโด่งดัง ความปังคือไม่ต้องเดินไกล เพราะอยู่ติดถนนใหญ่เลย มองไปรอบๆ เต็มไปด้วยมวลมหาประชาเด็กๆ กำลังเล่นน้ำกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ |
4.น้ำตกไทรโยคน้อย (Sai Yok Noi Waterfall)
ถือว่าเป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งก็ว่าได้ เนื่องจากตัวน้ำตกอยู่ติดถนนใหญ่ ทำให้การเดินทางไปยังน้ำตกสะดวกสบาย ในช่วงวันหยุดช่วงฤดูฝน จะมีนักท่องเที่ยวพาครอบครัวและเด็กมาพักผ่อนเล่นน้ำกันจำนวนมาก ซึ่งน้ำตกไทรโยคน้อยมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าน้ำตกเขาพัง เป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค บริเวณโดยรอบน้ำตกมีสภาพธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่นโดยเฉพาะช่วงฤดูฝน ประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคมจะมีน้ำมาก
ในอดีตนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสน้ำตกแห่งนี้เมื่อปี พ.ศ.2431 และบริเวณน้ำตกมีหัวรถจักรไอน้ำสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งแสดงไว้เพื่อรำลึกถึงการสร้างเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ไทย-พม่าในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สร้างผ่านบริเวณน้ำตกไปสู่ประเทศพม่า และนอกจากนี้ในช่วงวันหยุด ยังเป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวของการถไฟที่จะมาหยุดปลายทางที่สถานีน้ำตก
|
5.พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำช่องเขาขาด Chong Khao Khat (Hellfire Pass) ธรรมชาติโดยรอบสวยมาก ไม่พลาดแวะมาเดินชมกัน |
|
5.พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำช่องเขาขาด Chong Khao Khat (Hellfire Pass) ธรรมชาติโดยรอบสวยมาก ไม่พลาดแวะมาเดินชมกัน |
|
5.พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำช่องเขาขาด Chong Khao Khat (Hellfire Pass) ธรรมชาติโดยรอบสวยมาก ไม่พลาดแวะมาเดินชมกัน |
|
5.พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำช่องเขาขาด Chong Khao Khat (Hellfire Pass) ธรรมชาติโดยรอบสวยมาก ไม่พลาดแวะมาเดินชมกัน |
|
5.พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำช่องเขาขาด Chong Khao Khat (Hellfire Pass) ธรรมชาติโดยรอบสวยมาก ไม่พลาดแวะมาเดินชมกัน |
|
5.พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำช่องเขาขาด Chong Khao Khat (Hellfire Pass) ธรรมชาติโดยรอบสวยมาก ไม่พลาดแวะมาเดินชมกัน |
5.พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำช่องเขาขาด Chong Khao Khat (Hellfire Pass)
ตั้งอยู่ภายในกองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา บริเวณกิโลเมตรที่ 64-65 บนทางหลวงหมายเลข 323 (กาญจนบุรี-ไทรโยค-ทองผาภูมิ) ช่องเขาขาด หรือ ช่องไฟนรก เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายไทย-พม่า (ทางรถไฟสายมรณะ) ตลอดเส้นทางรถไฟสายไทย-พม่า มีหลายจุดที่มีเนินหิน ภูเขา หน้าผา หรือหุบเหว ขวางอยู่จึงต้องขุดให้เป็นช่องเพื่อที่รถไฟสามารถวิ่งผ่านไปได้ ซึ่งที่ช่องเขาขาด หรือ ช่องไฟนรก เป็นจุดที่ใหญ่ที่สุดบนเส้นทางนี้
การขุดเจาะช่องเขาขาดเริ่มในเดือนเมษายนปี พ.ศ. 2486 ปรากฏว่างานล่าช้ากว่ากำหนดจึงมีช่วงที่เร่งงานซึ่งแรงงานแต่ละกะต้องทำงานถึง 18 ชั่วโมง โดยงานส่วนใหญ่ล้วนใช้แรงคนทั้งสิ้น เชลยศึกและกรรมกรที่ช่องเขาขาดต้องทำงานตอนกลางคืนด้วยแสงไฟจากคบเพลิงและกองเพลิงทำให้สะท้อนเห็นเงาของเชลยศึกและผู้คุมวูบวาบบนผนัง ทำให้ที่นี่ได้รับการขนานนามว่า "ช่องไฟนรก" หรือ Hellfire Pass
|
6.น้ำตกไทรโยคใหญ่ ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Yai Waterfall) ธารน้ำตกไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย งามหยดย้อย หยาดเยิ้ม เพิ่มเติมความสุข สนุกครืนเครงไปกับสายน้ำเย็นฉ่ำใจ |
|
6.น้ำตกไทรโยคใหญ่ ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Yai Waterfall) ธารน้ำตกไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย งามหยดย้อย หยาดเยิ้ม เพิ่มเติมความสุข สนุกครืนเครงไปกับสายน้ำเย็นฉ่ำใจ |
|
6.น้ำตกไทรโยคใหญ่ ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Yai Waterfall) ธารน้ำตกไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย งามหยดย้อย หยาดเยิ้ม เพิ่มเติมความสุข สนุกครืนเครงไปกับสายน้ำเย็นฉ่ำใจ |
|
6.น้ำตกไทรโยคใหญ่ ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Yai Waterfall) ธารน้ำตกไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย งามหยดย้อย หยาดเยิ้ม เพิ่มเติมความสุข สนุกครืนเครงไปกับสายน้ำเย็นฉ่ำใจ |
|
6.น้ำตกไทรโยคใหญ่ ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Yai Waterfall) ธารน้ำตกไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย งามหยดย้อย หยาดเยิ้ม เพิ่มเติมความสุข สนุกครืนเครงไปกับสายน้ำเย็นฉ่ำใจ |
|
6.น้ำตกไทรโยคใหญ่ ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Yai Waterfall) ธารน้ำตกไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย งามหยดย้อย หยาดเยิ้ม เพิ่มเติมความสุข สนุกครืนเครงไปกับสายน้ำเย็นฉ่ำใจ |
|
6.น้ำตกไทรโยคใหญ่ ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Yai Waterfall) ธารน้ำตกไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย งามหยดย้อย หยาดเยิ้ม เพิ่มเติมความสุข สนุกครืนเครงไปกับสายน้ำเย็นฉ่ำใจ |
6.น้ำตกไทรโยคใหญ่ ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Yai Waterfall)
สำหรับน้ำตกไทรโยคใหญ่หรือน้ำตกเขาโจน เป็นหนึ่งในน้ำตกไทรโยค 2 สาย ที่ไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย มีแหล่งกำเนิดจากพุต้นน้ำในผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติไทรโยค น้ำตกมีความสูงประมาณ 8 เมตรและมีน้ำไหลตลอดปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาส 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2420 และ ปี พ.ศ. 2431 ภายในอุทยานฯ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติหลายเส้นทาง บริเวณใกล้เคียงมีถ้ำเล็ก ๆ อยู่ 3 ถ้ำ และมีจุดชมวิวทิวทัศน์บนสะพานแขวนข้ามแม่น้ำแควน้อย ที่สามารถข้ามไปเล่นน้ำยังฝั่งตรงข้ามน้ำตกได้ บริเวณอุทยานฯ มีบริการร้านอาหาร แพพัก เรือเช่า บ้านพัก ค่ายพักแรม และสถานที่กางเต็นท์ ทัศนียภาพโดยรอบสวยงาม ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ มีเรือนแพลอยน้ำ บรรยากาศดีให้นอนพักค้างแรมด้วย
|
7.น้ำตกไทรโยคเล็ก ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Lek Waterfall) ไฮไลท์เด็ดคือ สามารถล่องเรือแพไปเล่นน้ำตกได้อย่างเย็นฉ่ำชื่น รื่นฉ่ำใจ เหมือนในแอ่งการ่าเล็กๆที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว |
7.น้ำตกไทรโยคเล็ก ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Lek Waterfall) ไฮไลท์เด็ดคือ สามารถล่องเรือแพไปเล่นน้ำตกได้อย่างเย็นฉ่ำชื่น รื่นฉ่ำใจ เหมือนในแอ่งการ่าเล็กๆที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว |
|
7.น้ำตกไทรโยคเล็ก ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Lek Waterfall) ไฮไลท์เด็ดคือ สามารถล่องเรือแพไปเล่นน้ำตกได้อย่างเย็นฉ่ำชื่น รื่นฉ่ำใจ เหมือนในแอ่งการ่าเล็กๆที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว |
|
7.น้ำตกไทรโยคเล็ก ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Lek Waterfall) ไฮไลท์เด็ดคือ สามารถล่องเรือแพไปเล่นน้ำตกได้อย่างเย็นฉ่ำชื่น รื่นฉ่ำใจ เหมือนในแอ่งการ่าเล็กๆที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว |
|
7.น้ำตกไทรโยคเล็ก ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Lek Waterfall) ไฮไลท์เด็ดคือ สามารถล่องเรือแพไปเล่นน้ำตกได้อย่างเย็นฉ่ำชื่น รื่นฉ่ำใจ เหมือนในแอ่งการ่าเล็กๆที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว |
|
7.น้ำตกไทรโยคเล็ก ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Lek Waterfall) ไฮไลท์เด็ดคือ สามารถล่องเรือแพไปเล่นน้ำตกได้อย่างเย็นฉ่ำชื่น รื่นฉ่ำใจ เหมือนในแอ่งการ่าเล็กๆที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว |
7.น้ำตกไทรโยคเล็ก ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค (Sai Yok Lek Waterfall)อีกหนึ่งน้ำตกสวยงาม ที่สามารถลองเรือแพเล่นน้ำได้อย่างสำราญเริงใจ จัดเป็นหนึ่งในทริปล่องแพที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาอย่างยาวนาน น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่สวยงาม มีความสูงมากกว่าน้ำตกไทรโยคใหญ่ ตั้งอยู่ทางด้านใต้ สายน้ำที่พุ่งตกลงมาไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อยเช่นเดียวกับไทรโยคใหญ่ โดยตัวน้ำตกไหลมาจากพุต้นน้ำของป่าอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งมีความใส สะอาด และมีน้ำไหลตลอดให้เที่ยวชมได้ตทั้งปี สำหรับการไปเที่ยวชม ให้เดินข้ามสะพานแขวนในอุทยานแห่งชาติไทรโยค จากนั้นก็เดิ เลี้ยวซ้าย เดินไปจนสุดทาง (ระยะทางประมาณ 300 เมตร) นักท่องเที่ยวจะได้พบกับจุดชมวิวน้ำตกไทรโยคเล็ก ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้น้ำตกไทรโยคใหญ่ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน สามารถนั่งพักชมวิวริมน้ำ และเรือนแพลอยพานักท่องเที่ยวมาชมกันอย่างสนุกสนาน
|
8.อุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ (Erawan Waterfall) หนึ่งในน้ำตกสวยที่สุดอีกแห่งของเมืองไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน ที่เด็ดต้องเดินไปให้ถึงชั้น 7 สวยแบบเสร็จสรรพ รับความเย็นซ่า ชื่นอุราจับใจ |
|
8.อุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ (Erawan Waterfall) หนึ่งในน้ำตกสวยที่สุดอีกแห่งของเมืองไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน ที่เด็ดต้องเดินไปให้ถึงชั้น 7 สวยแบบเสร็จสรรพ รับความเย็นซ่า ชื่นอุราจับใจ |
|
8.อุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ (Erawan Waterfall) หนึ่งในน้ำตกสวยที่สุดอีกแห่งของเมืองไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน ที่เด็ดต้องเดินไปให้ถึงชั้น 7 สวยแบบเสร็จสรรพ รับความเย็นซ่า ชื่นอุราจับใจ |
|
8.อุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ (Erawan Waterfall) หนึ่งในน้ำตกสวยที่สุดอีกแห่งของเมืองไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน ที่เด็ดต้องเดินไปให้ถึงชั้น 7 สวยแบบเสร็จสรรพ รับความเย็นซ่า ชื่นอุราจับใจ
|
|
8.อุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ (Erawan Waterfall) หนึ่งในน้ำตกสวยที่สุดอีกแห่งของเมืองไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน ที่เด็ดต้องเดินไปให้ถึงชั้น 7 สวยแบบเสร็จสรรพ รับความเย็นซ่า ชื่นอุราจับใจ |
|
8.อุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ (Erawan Waterfall) หนึ่งในน้ำตกสวยที่สุดอีกแห่งของเมืองไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน ที่เด็ดต้องเดินไปให้ถึงชั้น 7 สวยแบบเสร็จสรรพ รับความเย็นซ่า ชื่นอุราจับใจ |
8.อุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ (Erawan Waterfall)
จัดเป็นหนึ่งในน้ำตกสวยงามที่สุดอีกแห่งของเมืองไทย เนื่องจากมีน้ำที่สวยใสเป็นสีฟ้าคราม น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เดิมน้ำตกนี้ชาวบ้านเรียกว่า น้ำตกสะด่องม่องลาย อันเป็นชื่อลำห้วยม่องลายที่เป็นต้นน้ำ โดยบริเวณน้ำตกจะมีน้ำตลอดปี แต่จะมีน้ำน้อยในช่วงฤดูแล้ง ราวเดือนธันวาคมถึงเมษายน ตัวน้ำตกอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 500 เมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 100 - 400 เมตร แบ่งเป็นชั้นต่างๆ 7 ชั้น มีระยะทางจากชั้นล่างสุดขึ้นไปชั้นบนสุด 1500 เมตร ลำน้ำเมื่อตกลงมาแล้วจะไหลลงแม่น้ำแควใหญ่บริเวณที่ทำการอุทยาน บริเวณน้ำตกชั้นที่ 1 - 4 จะมีปลาพลวง (ปลาตระกูลปลาตะเพียน ลำตัวสีน้ำตาลเขียวเกล็ดโต มีหนวดยาว 2 คู่) แหวกว่ายอยู่เป็นจำนวนมากอันเป็นลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่ง และชั้นที่ 7 เป็นชั้นที่ลักษณะรูปร่างเหมือนช้าง จึงได้ชื่อชั้นว่า ภูผาเอราวัณ
|
9.ถ้ำพระธาตุ (Phra That Cave) ไม่พลาดแวะเดินเข้าไปชมกันสักครา ตื่นตาตื่นใจกับหินงอก หินย้อย งามแช่มชม้อยยิ่งยวด |
|
9.ถ้ำพระธาตุ (Phra That Cave) ไม่พลาดแวะเดินเข้าไปชมกันสักครา ตื่นตาตื่นใจกับหินงอก หินย้อย งามแช่มชม้อยยิ่งยวด |
|
9.ถ้ำพระธาตุ (Phra That Cave) ไม่พลาดแวะเดินเข้าไปชมกันสักครา ตื่นตาตื่นใจกับหินงอก หินย้อย งามแช่มชม้อยยิ่งยวด |
|
9.ถ้ำพระธาตุ (Phra That Cave) ไม่พลาดแวะเดินเข้าไปชมกันสักครา ตื่นตาตื่นใจกับหินงอก หินย้อย งามแช่มชม้อยยิ่งยวด |
|
9.ถ้ำพระธาตุ (Phra That Cave) ไม่พลาดแวะเดินเข้าไปชมกันสักครา ตื่นตาตื่นใจกับหินงอก หินย้อย งามแช่มชม้อยยิ่งยวด |
|
9.ถ้ำพระธาตุ (Phra That Cave) ไม่พลาดแวะเดินเข้าไปชมกันสักครา ตื่นตาตื่นใจกับหินงอก หินย้อย งามแช่มชม้อยยิ่งยวด |
|
9.ถ้ำพระธาตุ (Phra That Cave) ไม่พลาดแวะเดินเข้าไปชมกันสักครา ตื่นตาตื่นใจกับหินงอก หินย้อย งามแช่มชม้อยยิ่งยวด |
|
|
9.ถ้ำพระธาตุ (Phra That Cave) ไม่พลาดแวะเดินเข้าไปชมกันสักครา ตื่นตาตื่นใจกับหินงอก หินย้อย งามแช่มชม้อยยิ่งยวด |
9.ถ้ำพระธาตุ (Phra That Cave)
เป็นถ้ำมืดขนาดใหญ่ อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเอราวัณ โดยจุดเด่นของถ้ำแห่งนี้คือ ภายในมีหินงอกหินย้อยวิจิตรงดงาม ถ้ำขนาดใหญ่ที่มีความยาว 200 เมตร ภายในละลานตาไปด้วยหินงอกหินย้อยซึ่งมีความโดดเด่นด้วยการเป็นหินโปร่งแสงสะท้อนความงามเป็นประกายดูน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ยังมีเสาเอก เสาโท อยู่ภายในถ้ำอีกด้วย ภายในถ้ำแบ่งเป็น 5 ห้อง ได้แก่ กบจำศีล ท้องฟ้าจำลอง เสาเอก ม่านลิเก และระฆัง อากาศภายในถ้ำโปร่งสบาย และถ้ำพระธาตุสามารถให้ความรู้ด้านธรณีวิทยา และแผ่นดินไหวได้ด้วย เพราะมีร่องรอยของสภาพรอยเลื่อนที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ และการเกิดแผ่นดินไหว ทำเลที่ตั้งของตัวถ้ำอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ประมาณ 12 กิโลเมตร สามารถขับรถเข้ามาได้ไม่ไม่ไกล และต้องเดินขึ้นไปยังตัวถ้ำอีกประมาณ 600 เมตร
|
10.น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น (Huay Mae Khamin Waterfall) น้ำตกสวยรุ่มระรวยด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ จนหยุดใจไม่อยู่ ต้องพาโฉมกรู มานอนพักค้างดูดาว พราวเพลินให้จำเริญใจสักคืน |
|
10.น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น (Huay Mae Khamin Waterfall) น้ำตกสวยรุ่มระรวยด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ จนหยุดใจไม่อยู่ ต้องพาโฉมกรู มานอนพักค้างดูดาว พราวเพลินให้จำเริญใจสักคืน |
|
10.น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น (Huay Mae Khamin Waterfall) น้ำตกสวยรุ่มระรวยด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ จนหยุดใจไม่อยู่ ต้องพาโฉมกรู มานอนพักค้างดูดาว พราวเพลินให้จำเริญใจสักคืน |
|
10.น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น (Huay Mae Khamin Waterfall) น้ำตกสวยรุ่มระรวยด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ จนหยุดใจไม่อยู่ ต้องพาโฉมกรู มานอนพักค้างดูดาว พราวเพลินให้จำเริญใจสักคืน |
|
10.น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น (Huay Mae Khamin Waterfall) น้ำตกสวยรุ่มระรวยด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ จนหยุดใจไม่อยู่ ต้องพาโฉมกรู มานอนพักค้างดูดาว พราวเพลินให้จำเริญใจสักคืน |
|
10.น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น (Huay Mae Khamin Waterfall) น้ำตกสวยรุ่มระรวยด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ จนหยุดใจไม่อยู่ ต้องพาโฉมกรู มานอนพักค้างดูดาว พราวเพลินให้จำเริญใจสักคืน |
|
10.น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น (Huay Mae Khamin Waterfall) น้ำตกสวยรุ่มระรวยด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ จนหยุดใจไม่อยู่ ต้องพาโฉมกรู มานอนพักค้างดูดาว พราวเพลินให้จำเริญใจสักคืน |
10.น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น (Huay Mae Khamin Waterfall)
แน่นอนว่านอกจากน้ำตกเอราวัณแล้ว อีกหนึ่งน้ำตกสวยงามตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์ ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาชมกันคงไม่พลาดที่จะไปชม น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ตั้งอยู่ที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ โดยเป็นน้ำตกที่อยู่ไกลจากตัวเมืองมีระยะทางถึง 110 กิโลเมตร และยังถูกจัดให้เป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย ด้วยความงามของม่านน้ำตกที่ไหลลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นเล็กชั้นน้อย บรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยป่าเขา น้ำตกถูกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น มีชื่อเรียกเรียงกันจากชั้นหนึ่งไปจนถึงชั้นเจ็ดคือ ดงว่าน ม่านขมิ้น วังหน้าผา ฉัตรแก้ว ไหลจนหลง ดงผีเสื้อ ร่มเกล้า ซึ่งจะมีทางเดินลัดเลาะริมน้ำตก ทางอุทยานสร้างเป็นทางเดินไม้และบันไดไว้ในจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปชมได้อย่างปลอดภัยด้วย
|
11.เขื่อนศรีนครินทร์ (Srinakarin Dam) เขื่อนขนาดใหญ่ งามวิไลด้วยทัศนียภาพสวยงาม อร่ามจับใจ ใครมาก็ต้องเล่นน้ำกันไปอย่างสนุกสนาน สราญเริงรมย์ ชื่นชมธรรมชาติอย่างมิเสื่อมคลาย |
|
11.เขื่อนศรีนครินทร์ (Srinakarin Dam) เขื่อนขนาดใหญ่ งามวิไลด้วยทัศนียภาพสวยงาม อร่ามจับใจ ใครมาก็ต้องเล่นน้ำกันไปอย่างสนุกสนาน สราญเริงรมย์ ชื่นชมธรรมชาติอย่างมิเสื่อมคลาย |
|
11.เขื่อนศรีนครินทร์ (Srinakarin Dam) เขื่อนขนาดใหญ่ งามวิไลด้วยทัศนียภาพสวยงาม อร่ามจับใจ ใครมาก็ต้องเล่นน้ำกันไปอย่างสนุกสนาน สราญเริงรมย์ ชื่นชมธรรมชาติอย่างมิเสื่อมคลาย |
|
11.เขื่อนศรีนครินทร์ (Srinakarin Dam) เขื่อนขนาดใหญ่ งามวิไลด้วยทัศนียภาพสวยงาม อร่ามจับใจ ใครมาก็ต้องเล่นน้ำกันไปอย่างสนุกสนาน สราญเริงรมย์ ชื่นชมธรรมชาติอย่างมิเสื่อมคลาย |
11.เขื่อนศรีนครินทร์ (Srinakarin Dam) จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตติดลมบนอีกแห่งในอำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี โดยเฉพาะใครที่ชื่นชอบการเล่นน้ำ แน่นอนว่าต้องไม่พลาดมาเที่ยวเขื่อนนี้ เนื่องจากเป็นเขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีทัศนียภาพที่สวยงาม โดยเขื่อนศรีนครินทร์นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินแก่ผู้มาเที่ยวชมปีละเป็นจำนวนกว่าแสน อีกทั้งยังเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง สร้างขึ้น บนแม่น้ำแควใหญ่ บริเวณบ้านเจ้าเณร ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี กั้นแม่น้ำแควใหญ่นับเป็น เขื่อนแห่งที่ 8 ในจำนวน 17 แห่ง ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สร้างขึ้นเพื่อ อำนวยประโยชน์ทางด้านต่างๆ ตลอดจนช่วยพัฒนาชีวิต ความเป็นอยู่ของราษฎร และส่งเสริมให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม เหมาะกับการมาทัศนาชม อย่างน่าภิรมย์ใจ
และสำหรับข้อมูลรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งเก่าและที่เที่ยวเปิดใหม่ในอำเภอไทรโยค และแหล่งท่องเที่ยวอำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งได้นำมาเสนอ แนะนำไว้ในบทความเว็ปไซต์บล็อกนี้ น่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆที่กำลังวางแผนไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ไม่มากก็น้อย หากผิดพลาดสิ่งใด ดิฉันต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอบพระคุณที่แวะเวียนเข้ามาเปิดสไลด์เลื่อนอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไปค่ะ.........................จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
----------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้ค่ะ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ฝ่าพระบาทที่เท้าของพระนอนวัดโพธิ์ รูปสัญลักษณ์ที่หลายคนสงสัย มีความหมายว่าอะไร นำมาให้อ่านกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
จัดไปกับ 15 ที่เที่ยวจุดเช็กอินยอดนิยมในเชียงราย ที่ใครก็ต้องปักหมุดไปถ่ายรูปกันสักครั้ง มีที่ใหนบ้างนั้น ตามไปเที่ยวชมกันได้เลย คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวค่ะ>>>
0 ความคิดเห็น