|
วางแผนพาครอบครัวและคู่รักมาเที่ยวอุตรดิตถ์ในวันหยุดนี้ ไปที่เที่ยวใหนดี มีที่เที่ยวเปิดใหม่ที่ใหนบ้าง แนะนำอัพเดทสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอุตรดิตถ์ยอดนิยม มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ทั้งที่เที่ยวในเมือง และที่เที่ยวลับแล ต้องปักหมุดไปเที่ยวกัน |
มาเอาใจเพื่อนสายเที่ยว ที่จะปักหมุดเลี้ยวแวะไปเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือว่าวันลาพักร้อนนี้ จะพาคู่รักและครอบครัวไปรืนระรัวไหว้พระทำบุญสุนทาน ยลตระการดูสถานที่ท่องเทียวเปิดใหม่น่าสนใจในเมืองพระยาพิชัยดาบหัก หรือว่าเมืองลางสาดหวาน แต่ยังไม่รู้ว่าจะว่าหากวางแผนจัดโปรแกรมทัวร์อุตรดิตถ์สั้นๆสัก 2 วัน 1 คืน ว่าสัก 3 วัน จะไปเที่ยวเช็คอินถ่ายรูปแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงเมืองอุตรดิตถ์ที่ใหนได้บ้าง แม้อุตรดิตถ์จะเป็นเมืองที่ไม่ได้ใหญ่มาก บางคนคิดว่าเป็นแค่ทางผ่าน แต่เมืองรองต้องห้ามพลาดแห่งนี้ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ต้องตามไปเช็คอินมากมายหลาแห่งกันเลยทีเดียว ยิ่งพอหลังโควิดมา ก็มีที่เที่ยวเปิดใหม่ให้ไปถ่ายรูปกันนอกจากนี้ยังมีอาหารพื้นบ้านรสเด็ดให้ลิ้มลอง และผลไม้รสหวานอร่อยให้ทานกันสำราญบานฉ่ำใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนอีกด้วย
เพื่อไม่ให้เว็ปไซต์บล็อกร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมาอัพเดทแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดอุตรดิตถ์ เมืองรองต้องห้ามพลาด ที่ไม่ต้องคิดมาก สามารถกระชากใจแวะมาเช็คอินถ่ายรูปเที่ยวกันได้แบบสวยๆ ส่วนจะที่ใหนบ้างนั้น ตามไปเที่ยวกันได้ดังนี้จ้า
|
แผนที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในจังหวัดอุตรดิตถ์ (Uttaradit Province Tourist Attraction places Map) |
|
1.จุดที่เที่ยวแรกในเมืองอุตรดิตถ์ที่ใครมาเมืองนี้ ก็ไม่พลาดมาเช็คอินกันคือ มากราบสักการะอนุสาวรีย์เจ้าพระยาพิชัยดาบหัก (Phraya Phichai Dab Hak Monument - Uttaradit) |
|
1.จุดที่เที่ยวแรกในเมืองอุตรดิตถ์ที่ใครมาเมืองนี้ ก็ไม่พลาดมาเช็คอินกันคือ มากราบสักการะอนุสาวรีย์เจ้าพระยาพิชัยดาบหัก (Phraya Phichai Dab Hak Monument - Uttaradit) |
|
1.จุดที่เที่ยวแรกในเมืองอุตรดิตถ์ที่ใครมาเมืองนี้ ก็ไม่พลาดมาเช็คอินกันคือ มากราบสักการะอนุสาวรีย์เจ้าพระยาพิชัยดาบหัก (Phraya Phichai Dab Hak Monument - Uttaradit) |
1.จุดที่เที่ยวแรกในเมืองอุตรดิตถ์ที่ใครมาเมืองนี้ ก็ไม่พลาดมาเช็คอินกันคือ มากราบสักการะอนุสาวรีย์เจ้าพระยาพิชัยดาบหัก ซึ่งประดิษฐานตั้งอยู่ที่หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์
โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติประวัติในความกล้าหาญ รักชาติและเสียสละ เมื่อครั้งพระยาพิชัยครองเมืองพิชัยในสมัยธนบุรี ท่านได้สร้างเกียรติประวัติไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อปี พ.ศ. 2316 พม่ายกทัพมาตีเมืองพิชัย พระยาพิชัย ได้ยกทัพไปสกัดทัพพม่าจนแตกพ่ายกลับไป การรบในครั้งนั้น ดาบคู่มือของพระยาพิชัยข้างขวาได้หักไปหนึ่งเล่ม แต่ก็ยังสามารถรบจนได้ชัยชนะเหนือทัพพม่า ด้วยวีรกรรมดังกล่าวท่านจึงได้สมญานามว่า "พระยาพิชัยดาบหัก" อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้รับการออกแบบและหล่อโดยกรมศิลปากร ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์
|
2.พิพิภัณฑ์เหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก |
|
2.พิพิภัณฑ์เหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก |
|
2.พิพิภัณฑ์เหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก |
|
2.พิพิภัณฑ์เหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก |
2.พิพิภัณฑ์เหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก
ตั้งอยู่ใกล้กับลานอนุสาวรีย์เจ้าพระยาพิชัยดาบหัก ภายในบริเวณมีพิพิธภัณฑ์ดาบเหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก อันเป็นที่เก็บรักษาดาบเหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนัก 557.8 กิโลกรัม ฝักดาบทำด้วยไม้ประดู่ ฝังลวดลายมุกหุ้มปลอกเงินสลักลาย และพิพิธภัณฑ์พระยาพิชัยดาบหัก ที่ภายในเก็บรวบรวมประวัติของพระยาพิชัยดาบหัก แบบจำลองสนามรบ วิถีชีวิตผู้คนเมืองอุตรดิตถ์ในสมัย อยุธยาตอนปลาย ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยโบราณ จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ในตัวเมืองอุตรดิตถ์ที่น่าสนใจอีกแห่งที่ต้องแวะเข้าไปเที่ยวชมกัน
|
3.วัดท่าถนน (Wat Tha Thanon- Uttaradit)
|
|
3.วัดท่าถนน (Wat Tha Thanon- Uttaradit) วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานหลวงพ่อเพ็ชร |
|
3.วัดท่าถนน (Wat Tha Thanon- Uttaradit) วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานหลวงพ่อเพ็ชร |
|
3.วัดท่าถนน (Wat Tha Thanon- Uttaradit) วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานหลวงพ่อเพ็ชร |
3.วัดท่าถนน (Wat Tha Thanon- Uttaradit) วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานหลวงพ่อเพ็ชร
อีกหนึ่งที่เที่ยวสำคัญในตัวเมืองอุตรดิตถ์ และจัดเป็นวัดเก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองอุตรดิตถ์มาอย่างยาวนาน ใครแวะมาเที่ยวเมืองอุตรดิตถ์ ก็ไม่พลาดไปกราบสักการะกัน แต่เดิมชื่อ วัดวังเตาหม้อ อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ ประดิษฐานหลวงพ่อเพ็ชร พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์ 1 หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ ในบริเวณวัดมีอาคารศิลปะแบบตะวันตก สร้างเมื่อ พ.ศ. 2474 เป็นโรงเรียนปริยัติธรรมและภาษาบาลีของพระภิกษุสามเณรในเมือง มีลักษณะสถาปัตยกรรมสวยงาม และอุโบสถซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังซึ่งได้รับยกย่องว่าสวยงามที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์
โดยสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดท่าถนนคือ หลวงพ่อเพ็ชรเป็นพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร ศิลปะเชียงแสนสิงห์หนึ่ง หน้าตักกว้าง 32 นิ้ว มีพุทธลักษณะงดงามมาก ชาวอุตรดิตถ์นับถือว่า เป็นพระพุทธรูปสำคัญประจำเมืองอุตรดิตถ์ มีงานนมัสการประจำปีในวันกลางเดือนสี่ของทุกปี
|
4.ถ่ายรูปเช็คอินซุ้มประตู เมืองลับแล ที่เที่ยวโด่งดังที่ใครก็ห้ามพลาดมาเช็คอินกัน (Laplae City Gate)
|
|
4.ถ่ายรูปเช็คอินซุ้มประตู เมืองลับแล ที่เที่ยวโด่งดังที่ใครก็ห้ามพลาดมาเช็คอินกัน (Laplae City Gate)
|
|
4.ถ่ายรูปเช็คอินซุ้มประตู เมืองลับแล ที่เที่ยวโด่งดังที่ใครก็ห้ามพลาดมาเช็คอินกัน (Laplae City Gate)
|
|
4.ถ่ายรูปเช็คอินซุ้มประตู เมืองลับแล มีอนุสาวรีย์แม่ม่าย เมืองลับแล (Laplae City Gate) |
|
4.ถ่ายรูปเช็คอินซุ้มประตู เมืองลับแล ที่เที่ยวโด่งดังที่ใครก็ห้ามพลาดมาเช็คอินกัน (Laplae City Gate)
|
|
4.มาเช็คอินถ่ายรูปซุ้มประตู เมืองลับแล เขตห้ามพูดโกหก |
4.มาเช็คอินถ่ายรูปซุ้มประตู เมืองลับแล ที่เที่ยวโด่งดังที่ใครก็ห้ามพลาดมาเช็คอินกัน (Laplae City Gate)
โดยเมืองลับแลอยู่ห่างจากเมืองอุตรดิตถ์ประมาณ 8 กิโลเมตรเท่านั้น โดยซุ้มประตูเมืองลับแล เป็นซุ้มประตูเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองลับแล ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นศิลปะประยุกต์แบบสุโขทัยมีขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 41 เมตร ออกแบบโดยกรมศิลปากร ที่ด้านข้างของซุ้มประตูมีประติมากรรมรูปปั้นหญิงสาวยืนอุ้มลูกน้อยสีหน้าเศร้าสร้อย ข้าง ๆ มีสามีนั่งก้มหน้าในมือถือถุงย่ามใส่ขมิ้นเตรียมเดินทางออกจากเมืองลับแล ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์คู่เมืองลับแลมาอย่างยาวนาน ที่ใครแวะมาเที่ยวก็ต้องมาถ่ายรูปภาพกัน และที่ด้านข้างประตู มีอนุสาวรีย์แม่ม่ายเมืองลับแล เป็นรูปปั้นหญิงสาวอุ้มลูกน้อย ข้าง ๆ มีสามีนั่งคอตก ในมือถือย่ามใส่ขมิ้น บริเวณฐานจารึกข้อความ "ขอเพียงสัจจะวาจา" ลัญลักษณ์สำคัญของเมืองลับแล เมืองที่มักถูกเรียกกันติดปากว่า ลับแล-แม่ม่าย (เครดิต : https://www2.uttaradit.go.th/travel/detail/3 )
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
|
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum) |
5.พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล แหล่งเรียนรู้อันน่าสนใจที่ต้องแวะไปชมกัน (Laplae Museum)
ใกล้กับซุ้มประตูลับแล ก็ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกแห่งนั้นก็คือ พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล ซึ่งเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ขนมธรรมเนียมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิถีชีวิตชุมชนของเมืองลับแลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน รวมทั้งผลงานของพระศรีพนมมาศ ท่านมียศเป็นอำมาตย์ตรี ดำรงตำแหน่งเกษตรมณฑลพิษณุโลก ซึ่งท่านได้สร้างความเจริญให้แก่อำเภอลับแลเป็นอย่างมาก เช่น วางผังเมืองลับแล สร้างฝายหลวง พัฒนาการศึกษา และส่งเสริมการเกษตร จึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวลับแลมาจนปัจจุบัน ภายในพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยลานกิจกรรม วัฒนธรรม ประเพณี อาคารพิพิธภัณฑ์บ้านพระศรีพนมมาศ เรือนจำลองของเมืองลับแลในอดีต อาคารจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก ร้านอาหารพื้นบ้านให้ทาน และยังมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ให้เข้าไปสอบถามข้อมูลด้านการเดินทางด้วย
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
|
6.วัดดอนสัก ลับแล หนึ่งในวัดเก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงามที่สุดอีกแห่งที่ยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน (the arched entrance door of Donsak Laplae Temple) |
6.วัดดอนสัก-ลับแล (Donsak Temple Laplae) หนึ่งในวัดเก่าแก่ของเมืองลับแล โบสถ์วิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงาม 1 ใน 3 คู่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา วิหารที่สร้างด้วยไม้สักเพียงต้นเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่
โดยวัดดอนสักนี้ ตั้งอยู่ในตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ชื่อมาจากการสร้างวิหาร ด้วยไม้สักเพียงต้นเดียว ที่ขึ้นอยู่บนเนินสูงตามธรรมชาติ เป็นวิหารที่มีบานประตูไม้สักที่สวยงาม 1 ใน 3 คู่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ คือ บานประตูวิหารวัดพระฝาง, บานประตูพระวิหารวัดพระแท่นศิลาอาสน์ และบานประตูวิหารวัดดอนสัก ซึ่งประตูวัดดอนสักนี้เป็น 1 ใน 2 คู่ บานประตูสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน บานประตูวิหารวัดดอนสัก สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีลวดลายสวยงามวิจิตรการตาติดตั้งเป็นบานประตูสำหรับวิหารวัดดอนสักสถาปัตยกรรมเชียงแสนปนสุโขทัย บรรยากาศภายในวัดร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ เย็นสบาย ช่วงหน้าฝน ปกถูกปกคลุมไปด้วยมอสสีเขียวขึ้น แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ และอากาศภายในวัดที่เย็นสบายตลอดทั้งปี
|
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ |
|
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ |
|
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ |
|
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ |
|
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ |
|
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ |
7.วัดท้องลับแล (Wat Thong Laplae ) สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ
เดินทางออกจากวัดดอนสักมาไม่ไกล ก็เป็นที่ตั้งของวัด ท้องลับแล เป็นวัดเก่าแก่ สิ่งที่น่าสนใจ คือ “ภาพสะท้อนหัวกลับ” ของศาลาการเปรียญฝั่งตรงข้ามที่ปรากฏบนผนังในพระอุโบสถ โดยพระสมชายที่มาบวชที่วัดเมื่อ พ.ศ. 2554 เป็นผู้พบภาพดังกล่าวขณะที่เข้าไปทำวัตรภายในโบสถ์ที่ปิดประตูและหน้าต่าง ช่วงเวลาที่จะชมภาพหัวกลับได้อย่างชัดเจนคือ วันที่มีแสงแดดจัด ช่วงเวลา 13.00-16.00 น.
โดยภายในโบสถ์ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นเรื่องตำนานและวิถีชีวิตของชาวลับแล มีเรื่องเล่าว่า หมอภูมินทร์ ซึ่งเป็นทันตแพทย์ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ได้ฝันเห็นเจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร ปฐมกษัตริย์แห่งนครลับแลมาบอกว่า มีผู้พบภาพหัวกลับภายในโบสถ์ คุณหมอจึงได้เดินทางมาพิสูจน์ และได้เห็นภาพปรากฏขึ้นจริงตามที่เจ้าฟ้าฮ่ามมาเข้าฝัน จึงเกิดความศรัทธาและสร้างเจดีย์แก้วขึ้นบริเวณข้างพระอุโบสถ นอกจากนี้ยังมีหอไตรโบราณกลางน้ำอายุหลายร้อยปี สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
|
8.วัดเจดีย์ศรีวิหาร หรือวัดป่าแก้ว (Wat Chedisriwihan Laplae) มีพระเจดีย์โบราณซึ่งเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ |
|
8.วัดเจดีย์ศรีวิหาร หรือวัดป่าแก้ว (Wat Chedisriwihan Laplae) มีพระเจดีย์โบราณซึ่งเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ |
|
8.วัดเจดีย์ศรีวิหาร หรือวัดป่าแก้ว (Wat Chedisriwihan Laplae) มีพระเจดีย์โบราณซึ่งเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ |
|
8.วัดเจดีย์ศรีวิหาร หรือวัดป่าแก้ว (Wat Chedisriwihan Laplae) มีพระเจดีย์โบราณซึ่งเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ |
8.วัดเจดีย์ศรีวิหาร หรือวัดป่าแก้ว (Wat Chedisriwihan Laplae) มีพระเจดีย์โบราณซึ่งเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน วัดเจดีย์คีรีวิหาร ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ห่างจากตัวจังหวัด 10 กิโลเมตร วัดนี้เดิมมีชื่อว่า "วัดป่าแก้ว" สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 1519 โดยเจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร ปฐมกษัตริย์แห่งนครลับแลโบราณ ภายในวัดมีพระเจดีย์โบราณซึ่งเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งขอแบ่งมาจากพระมหาชินธาตุเจ้า (พระธาตุดอยตุง) จังหวัดเชียงราย ถือกันว่าพระเจดีย์แห่งนี้เป็นพระบรมธาตุเจดีย์แห่งแรก ในอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ปัจจุบันกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นโบราณสถานของชาติ
|
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งของอุตรดิตถ์ |
|
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์ |
|
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์ |
|
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดอุตรดิตถ์ |
|
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอุตรดิตถ์ |
|
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอุตรดิตถ์ |
9.แวะไปเช็คอินดูตลาดหัวดง (Huadong Fruit market ) ตลาดผลไม้ขายส่ง ที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกแห่งของอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นแหล่งขายทุเรียงหลงหลินลับแล หรือว่าลางสาดหวานเด็ด ผลไม้ประจำท้องถิ่นอันลือชื่อของทีนี้ก็ว่าได้ ซึ่งจะขายส่งแบบยกเข่ง ลูกค้าที่มาซื้อส่วนใหญ่ก็มักนิยมซื้อยกเข่งและนำไปขายต่อ ส่วนนักท่องเที่ยวคนใหนที่แวะมาตลาดหัวดง และอยากซื้อในราคาปลีก อาจต้องสอบถามพ่อค้า แม่ค้า ซึ่งมีบางร้านที่ขายผลไม้ปลีกให้ลูกค้าได้เช่นกัน แต่ราคาอาจจะแพงกว่าราคาขายส่งนิดหน่อยค่ะ
|
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์
|
|
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์
|
|
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์
|
|
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์ |
|
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์ |
|
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์ |
10.น้ำตกแม่พลู (Mae Phun Waterfall (Laplae) น้ำตกสวยงามแห่งเมืองลับแล อุตรดิตถ์ เป็นน้ำตกที่ทางจังหวัดสร้างขึ้นโดยการตกแต่งลำธาร โดยการเทปูน มีความสูงหลายชั้น มีลักษณะเป็นฝายน้ำล้น ไหลจากภูเขาสูง ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น เย็นสบาย และใกล้บริเวณน้ำตกยังมีสวนลางสดอันเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของอุตรดิตถ์อีกด้วย เป็นสถานที่ที่ใกล้ตัวเมืองและมีถนนเข้าถึงอย่างสะดวกสบาย และมีนักท่องเที่ยวเดินทางกันมาอย่างไม่ขาดสาย ระหว่างทางที่ขับรถผ่านมายังเส้นทางน้ำตก ก็จะผ่านสวนผลไม้ขึ้นชื่อของถิ่นลับแล อย่างสวนทุเรียนหลงหลินลับแล และสวนลางสาด บริเวณโดยรอบน้ำตก มีร้านค้าของที่ระลึก มีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อนชมทิวทัศน์น้ำตกแม่พูลอย่างเด่นชัด เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ
|
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) |
|
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) อีกหนึ่งที่เที่ยวไม่ควรพลาด และไม่ใช้แค่ทางผ่านไปยังตลาดหัวดงและน้ำตกแม่พูลเท่านั้น แต่ด้านบนเนินเขาแห่งนี้ ประดิษฐานพระเหลือ พระพุทธรูปที่สร้างจากทองชนวน ที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช |
|
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) อีกหนึ่งที่เที่ยวไม่ควรพลาด และไม่ใช้แค่ทางผ่านไปยังตลาดหัวดงและน้ำตกแม่พูลเท่านั้น แต่ด้านบนเนินเขาแห่งนี้ ประดิษฐานพระเหลือ พระพุทธรูปที่สร้างจากทองชนวน ที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช |
|
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) อีกหนึ่งที่เที่ยวไม่ควรพลาด และไม่ใช้แค่ทางผ่านไปยังตลาดหัวดงและน้ำตกแม่พูลเท่านั้น แต่ด้านบนเนินเขาแห่งนี้ ประดิษฐานพระเหลือ พระพุทธรูปที่สร้างจากทองชนวน ที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช |
|
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) อีกหนึ่งที่เที่ยวไม่ควรพลาด และไม่ใช้แค่ทางผ่านไปยังตลาดหัวดงและน้ำตกแม่พูลเท่านั้น |
|
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) อีกหนึ่งที่เที่ยวไม่ควรพลาด และไม่ใช้แค่ทางผ่านไปยังตลาดหัวดงและน้ำตกแม่พูลเท่านั้น แต่ด้านบนเนินเขาแห่งนี้ ประดิษฐานพระเหลือ พระพุทธรูปที่สร้างจากทองชนวน ที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช |
11.ม่อนจำศีล (Mon Chamsin-Laplae) อีกหนึ่งที่เที่ยวไม่ควรพลาด และไม่ใช้แค่ทางผ่านไปยังตลาดหัวดงและน้ำตกแม่พูลเท่านั้น แต่ด้านบนเนินเขาแห่งนี้ ประดิษฐานพระเหลือ พระพุทธรูปที่สร้างจากทองชนวน ที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช ครั้งรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสผ่านเมืองลับแล มีพระราชประสงค์ที่จะใช้ม่อนจำศีล เป็นที่ประดิษฐานองค์พระเหลือ เพื่อให้ประชาชนได้เคารพสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล บริเวณม่อนจำศีลมีทางเดินบันไดพญานาคขึ้นไปยังศาลาที่ประดิษฐานพระเหลือ
ประวัติม่อนจำศีล ถือกำเนิดเกิดขึ้นเมื่อครั้งปี พ.ศ.2444 เมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสเมืองลับแล เจ้าอาวาสวัดทุ่งยั้งในขณะนั้น ได้นำคณะสงฆ์ของเมืองลับแล มาจำศีลภาวนาเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อรอรับเสด็จและทำพิธีสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ม่อนแห่งนี้จึงได้ขนานนามว่า ม่อนจำศีล
|
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) |
|
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) |
|
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) |
|
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) |
|
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) |
|
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) |
12.เช็คอินไหว้พระที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ (Wat Phra Thaen Sila At-Uttaradit) อีกหนึ่งวัดเก่าแก่สำคัญในเมืองลับแล ที่ใครก็ไม่พลาดมากราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลกัน
สำหรับวัดพระแท่นศิลาอาสน์ เดิมชื่อ วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ที่บนเนินเขาเต่า หรือเขาทอง บ้านพระแท่น ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ติดกับวัดพระยืนพุทธบาทยุคล ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก บนเนินเขาลูกเดียวกันแต่คนละยอดกันเท่านั้น
วัดพระแท่นศิลาอาสน์เป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดสร้าง และสร้างแต่เมื่อใด ในศิลาจารึกครั้งกรุงสุโขทัยไม่ปรากฏข้อความกล่าวถึงพระแท่นศิลาอาสน์ แต่เพิ่งมีปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดาร ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระองค์ได้เสด็จนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ เมื่อปี พ.ศ. 2283 ได้แสดงว่าพระแท่นศิลาอาสน์ได้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว จนเป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วไปอย่างกว้างขวาง และทางราชการได้นำพระแท่นศิลาอาสน์ไปประดิษฐานไว้ในตราประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ แสดงถึงความศรัทธาเลื่อมใสและความสำคัญขององค์พระแท่นศิลาอาสน์ได้เป็นอย่างดี
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
|
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย |
13.วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง (Wat Phra Brommathat Thung Yang) อีกหนึ่งวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัย
สำหรับ วัดพระบรมธาตุทุ่งยังนั้น ตั้งอยู่อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ไม่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ชาวบ้านเรียกชื่อวัดนี้ไปต่างๆกัน เป็นวัดที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองอุตรดิตถ์เพียง
โดยวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งในปัจจุบันได้รับการบูรณะซ่อมแซมบำรุงอยู่เสมอในฐานะวัดสำคัญประจำเมืองทุ่งยั้ง ซึ่งเมืองทุ่งยั้งในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีผู้คนอาศัยติดต่อกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยซึ่งพิจารณาได้จากสำเนียงการพูดของคนทุ่งยั้งเทียบกับกลุ่มคนในชุมชนชาวสุโขทัยเดิม ที่อาศัยอยู่ในแถว หมู่ที่ 10 และหลายๆ หมู่บ้านในเขตตำบลทุ่งยั้ง ที่มีประวัติชุมชนว่าเป็นกลุ่มคนที่อพยพไปตั้งบ้านเรือนที่อื่นได้ วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งยังมีประเพณีประจำปีที่สำคัญคือ ประเพณีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ทุกวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี โดยเป็นวันงานสลากภัตของวัดและจะมีการจัดแสดงพุทธประวัติตอนถวายพระเพลิงพระบรมศพด้วย
|
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) |
|
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) |
|
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) |
|
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) |
|
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) |
|
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) |
14.ตลาดถนนคนเดินเมืองอุตรดิตถ์ (Uttaradit Walking Street Market) เป็นตลาดถนนคนเดินที่เปิดทุกวันเสาร์ เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเมืองอุตรดิตถ์ได้แวะเดินเลือกซื้อสินค้า ของที่ระลึก และอาหารพื้นบ้านท้องถิ่น และอาหารคาวหวานมากมาย และมีสินค้าเสื้อผ้าพื้นเมือง เสื้อผ้าแฟชั่นน่ารักเก๋ๆ ถือเป็นอีกตลาดที่ต้องห้ามพลาดมาเที่ยวกัน
|
15.วัดพระอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ (Wat Ban Kaeng Tai) หนึ่งในพระพุทธรูปสุด Unseen ที่ต้องมากราบไหว้ขอพรกันสักครั้ง |
|
15.วัดพระอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ (Wat Ban Kaeng Tai) หนึ่งในพระพุทธรูปสุด Unseen ที่ต้องมากราบไหว้ขอพรกันสักครั้ง |
|
15.วัดพระอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ (Wat Ban Kaeng Tai) หนึ่งในพระพุทธรูปสุด Unseen ที่ต้องมากราบสักการะกันสักครั้ง |
|
15.วัดพระอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ (Wat Ban Kaeng Tai) หนึ่งในพระพุทธรูปสุด Unseen ที่ต้องมากราบสักการะกันสักครั้ง |
|
15.วัดพระอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ (Wat Ban Kaeng Tai) หนึ่งในพระพุทธรูปสุด Unseen ที่ต้องมากราบไหว้ขอพรกันสักครั้ง |
|
15.วัดพระอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ (Wat Ban Kaeng Tai) หนึ่งในพระพุทธรูปสุด Unseen ที่ต้องมากราบไหว้ขอพรกันสักครั้ง |
15.วัดพระอกแตก วัดบ้านแก่งใต้ (Wat Ban Kaeng Tai) หนึ่งในพระพุทธรูปสุด Unseen ที่ต้องมากราบไหว้ขอพรกันการะกันสักครั้ง
วัดบ้านแก่งใต้ เป็นวัดเก่าแก่อายุประมาณ 300 ปี แต่เดิมวัดตั้งอยู่กลางลำน้ำน่าน แต่กระแสน้ำไหลเชี่ยว ทำให้ตลิ่งพัง จึงต้องย้ายมาสร้างใหม่ในสถานที่ปัจจุบัน วัดนี้ยังเคยเป็นสถานที่ฝึกมวยของพระยาพิชัยเมื่อครั้งท่านยังเป็นเด็ก นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อเพชร" พระพุทธรูปปางสมาธิเพชร ขนาดหน้าตัก 3.80 เมตร สูง 4.50 เมตร เนื่องจากอุโบสถวัดแห่งนี้ สร้างมาประมาณ 60 ปีแล้ว เกิดการชำรุด ทางวัดจึงบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระประธานหลวงพ่อเพชร ขณะที่ช่างจากจังหวัดพิจิตรทำการซ่อมแซมองค์พระประธานอยู่นั้น ก็พบว่ามีปูนจำนวนมากหลุดร่วงออกจากบริเวณท้องของพระประธาน และพบว่ามีเศียรพระซ่อนอยู่ข้างใน ชาวบ้านจึงเรียกว่า "พระอกแตก"
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam) |
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam) |
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam) |
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam) |
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam) |
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam)
|
|
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam) |
16.เขื่อนสิริกิติ์ อีกหนึ่งเขื่อนสวยและยังเขื่อนดินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ((Sirikit Dam)
สำหรับเขื่อนสิริกิติ์ หรือที่เรียกกันในชื่อท้องถิ่นว่า เขื่อนท่าปลา จัดเป็นเขื่อนดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กั้นแม่น้ำน่าน ที่ไหลลงมาจากอำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน เดิมอยู่ในความดูแลของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายหลังได้ติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงาน และมอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับผิดชอบดูแลต่อไป ทั้งนี้พื้นที่เหนือเขื่อนเป็นแอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ด้วย ระยะทางจากเมืองอุตรดิตถ์มาเที่เขื่อนสิริกิติ์ประมาณ 65 กิโลเมตร
|
มีศาลาให้นั่งพักผ่อนรับลมชมวิวสวยๆกันอย่างสบายๆ มีจักรยานให้เช่าปั่นอีกด้วย |
ภายในบริเวณสันเขื่อนสิริกิติ์ มีจุดเช็คอินชมวิวถ่ายรูป และมีศาลาให้นั่งพักผ่อนรับลมชมวิวสวยๆกันอย่างสบายๆ มีจักรยานให้เช่าปั่นอีกด้วย
|
ขับรถมอเตอร์ไซต์มาถึงเขื่อนก็บ่ายกว่าแล้วค่ะ เลยจัดอาหารง่ายๆ สไตล์ผัดกะเพรา |
กว่าจะขับรถมอเตอร์ไซต์มาถึงเขื่อนก็บ่ายกว่าแล้วค่ะ เลยจัดอาหารง่ายๆ สไตล์ผัดกะเพราทานเป็นมื้อเที่ยงไปค่ะ
บริเวณร้านอาหารสวัสดิการที่สันเขื่อนก็ขายดีมากๆ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวพอดี นักท่องเที่ยวพาครอบครัวมาเด็กๆมาเที่ยวเขื่อนกันเป็นจำนวนมาก สั่งอาหารก็ต้องรอนานเหมือนกัน
นั่งทานอาหารรับลมเย็นๆ ชมวิวทิวทัศน์โดยรอบของเขื่อนสิริกิติ์ไป บรรยากาศดีทีเดียวค่ะ ไม่เสียแรงที่ขับรถมอเตอร์ไซต์จากบ้านแก่งใต้ อำเภอตรอน มาไกลถึง เขื่อนสิริกิติ์
|
ชมนั่งชมวิวสันเขื่อนสิริกิติ์อย่างอิ่มหน่ำสำราญแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับเมืองอุตรดิตถ์แล้วค่ะ |
หลังจากได้ชมนั่งชมวิวสันเขื่อนสิริกิติ์อย่างอิ่มหน่ำสำราญแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับเมืองอุตรดิตถ์แล้วค่ะ
ระหว่างปากทางเข้าผ่านอุทยานแห่งชาติลำน้ำนาน มีตลาดปลาด้วย
|
ตลาดปลาหน้าทางเข้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน |
โดยตลาดปลาลำน้ำน่าน เป็นอีกหนึ่งตลาดเล็กๆ ตั้งอยู่ปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน มีปลาแดดเดียว และปลาตากแห้ง ผลิตภัณฑ์ของฝากขึ้นชื่อของที่นี่
|
แวะซื้อปลาแดดเดียว ที่ตลาดปลาลำน้ำน่าน |
มาถึงที่ตลาดเดี๊ยนเลยไม่พลาด ต้องซื้อปลาแดดเดียวไปฝากทีบ้าน และฝากคนที่ทำงานด้วย เพราะเห็นว่าปลาที่นี่รสชาติอร่อยๆ และเป็นปลาจากเขื่อนสิริกิติ์ด้วย
|
ปลาช่อนแดดเดียว ปลาสลิดแดดเดียว ที่ตลาดปลาลำน้ำน่าน ทำกันสดๆ ตากกันแบบนี้เลยจ้า |
เพราะปลาทีนี่ก็ทำกันแบบสดๆ ตากแดดอยู่บริเวณนี้เลยก็มี แต่ดูบรรยากาศโดยรอบแล้ว ไม่ค่อยมีฝุ่นมากนัก เพราะมีแต่ต้นไม้ใหญ่ และเป็นทางเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ น่าจะสะอาดสะอ้านอยู่พอสมควร เดี๊ยนเลยจัดซื้อชุดใหญ่ หอบใส่มอเตอร์ไซต์กลับไปเลย
|
ถึงสถานีขนส่งรถโดยสาร หรือ บขส.อุตรดิตถ์ |
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับมาเอากระเป๋าที่ฝากไว้ในโรงแรม และนำรถมอเตอร์ไซต์ไปคืนที่ร้านมุ้งมิ้งรถเช่าพร้อมรับเงินมัดจำคืน แล้วก็นั่งรถวินมอเตอร์ไซต์จากร้านเช่ามาที่สถานีขนส่ง บขส.อุตรดิตถ์ เพื่อรอขึ้นบัสกลับกรุงเทพ
และสำหรับข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่ในจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ได้นำมาแนะนำไว้ในบทความบล็อกนี้ น่าจะมีประโยชน์และเป็นไกด์ไลน์สำหรับคนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวอุตรดิถต์ในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ไม่มากก็น้อย หากข้อมูลดังกล่าวที่ได้นำเสนอไป มีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอบพระคุณที่เข้ามาคลิ๊กเปิดสไลด์อ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไป....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
-------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้ค่ะ
ห้ามพลาดกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดนครปฐม ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ที่ต้องแวะไปเสพสม ภิรมย์ใจกันสักครา มีที่เที่ยวเปิดใหม่ที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
รวมอัพเดทสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในสิงคโปร์ล่าสุด ที่ต้องหยุดแวะไปถ่ายภาพเช็คอินสวยปังกันสักครั้ง ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงเลยนะ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>
จัดทริปไปเที่ยวสิงคโปร์ล่าสุดด้วยตัวเองในปี 2022 ต้องเตรียมเอกสารอะไรไปบ้าง แบบผ่านด่านตม.ฉลุย สรุปมาให้แบบง่ายๆ รวบเดียวจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>
0 ความคิดเห็น