สวัสดีเพื่อนนักทัศนาจร ออนซอนหัวใจ ที่หลงใหลในการท่องเที่ยวเดินทางทุกๆคนค่ะ สำหรับเพื่อนๆคนใหน ที่จัดโปรแกรมทัวร์ไปเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร อีกหนึ่งเมืองรองท่องเที่ยวติดริมแม่น้ำโขงในภาคอีสาน ที่ใครๆก็ต้องแวะไปยลตระการกันสักครา เพราะนอกจากประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานแล้ว ในจังหวัดมุกดาหาร ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้แวะไปเช็คอินถ่ายรูปสวยๆ รุ่มระรวยด้วยธรรมชาติ และวัดวาอารามเก่าแก่สวยงามอยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะใครที่เป็นนักแสวงบุญ หรือนักท่องเที่ยวสายมู ชอบไหว้พระขอพร ที่มุกดาหารเป็นอีกหนึ่งเมืองพญานาคริมแม่น้ำโขง ที่ให้เหล่านักท่องเที่ยวที่ศรัทธาในพญานาค ได้เดินทางมากราบไหว้องค์พญานาคเพื่อความเป็นสิริมงคลกันสักครั้ง อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยว Unseen Thailand แสนมหัศจรรย์ให้แวะไปเริงสุขสันต์อีกหลายแห่งเลยล่ะค่ะ
1.หอแก้วมุกดาหาร (Mukdahan Tower)
จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงประจำจังหวัด ตั้งอยู่ในตัวเมือง โดยหอแก้วมุกดาหารเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2539 เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ครองราชย์ครบ 50 ปี หอแก้วมุกดาหารมีลักษณะเป็นหอคอยสูง ส่วนฐานของหอคอยเป็นอาคารทรงเก้าเหลี่ยม 2 ชั้น (ความหมายตรงกับรัชกาลที่ 9) ความกว้างของเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 เมตร ชั้นที่ 1 จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในการดำรงชีวิตของชาวมุกดาหาร ชั้น 2 เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติเมืองมุกดาหารวัตถุโบราณ ภาพถ่ายเก่า ตลอดจนเครื่องแต่งกายชาวไทยพื้นเมืองมุกดาหาร 8 เผ่า ชั้นที่ 3-5 เป็นส่วนแกนของหอคอย ชั้น 6 เป็น จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบตัวเมืองมุกดาหาร แม่น้ำโขงและแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ชั้นบนสุด (ชั้น 7) เป็นหอพระประดิษฐานพระพุทธรูปนวมิ่งมงคลมุกดาหาร และพระประจำวันเกิดทั้ง 7 วัน เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-17.30 น.
|
2. วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ (Wat Roi Phra Phutthabat Phu Manorom) |
|
2. วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ (Wat Roi Phra Phutthabat Phu Manorom) |
|
2. วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ (Wat Roi Phra Phutthabat Phu Manorom) |
|
2. วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ (Wat Roi Phra Phutthabat Phu Manorom) |
|
2. วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ (Wat Roi Phra Phutthabat Phu Manorom) |
|
2. วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ (Wat Roi Phra Phutthabat Phu Manorom) |
|
2. วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ (Wat Roi Phra Phutthabat Phu Manorom) |
|
2. วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ (Wat Roi Phra Phutthabat Phu Manorom) |
2. วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ (Wat Roi Phra Phutthabat Phu Manorom)
อีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดมุกดาร ด้วยความโดดเด่นขององค์พระใหญ่ และรูปปั้นองค์พญานาคอันสวยงามวิจิตรตระการตา ทำให้กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คและดึงดูดพุทธศาสนิกชนและผู้แสวงบุญ ต่างต้องมนต์ดลใจมาเที่ยวไหว้พระสักการะพระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์ และองค์พญานาคกันสักครั้ง ซึ่งวัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ อยู่ห่างจากตัวเมืองมุกดาหารประมาณ 5 กม. มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ อยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติมุกดาหาร ภายในวัดมี "องค์พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช" แลนด์มาร์คใหม่ของมุกดาหาร และยังประดิษฐานพระุทธรูปเฉลิมพระเกียรติ “พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์” ประดิษฐานอยู่บนยอดภู พระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 39.99 เมตร สูง 59.99 เมตร ความสูงจากฐานถึงยอดเศียร 84 อีกทั้งยังมีจุดดชมวิวมีภาพ 3 มิติ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปอีกด้วย
|
3.อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Thoep National Park) |
|
3.อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Thoep National Park) |
|
3.อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Thoep National Park) |
|
3.อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Thoep National Park) |
|
3.อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Thoep National Park) |
|
3.อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Thoep National Park) |
3.อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ (Phu Pha Thoep National Park)
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันโดดเด่นและสำคัญของจังหวัดมุกดาหาร โดยอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ หรือ อุทยานแห่งชาติมุกดาหาร เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในจังหวัดมุกดาหาร ประเทศไทย เป็นหนึ่งในอุทยานที่มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดในประเทศไทย โดยอุทยานแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหินรูปทรงประหลาดและถ้ำที่มีจิตรกรรมวาดด้วยมือ และความน่าสนใจของอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ ได้แก่ กลุ่มหินเทิบ การเกิดกลุ่มหินเทิบจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นที่มาของประติมากรรมธรรมชาติที่ล้วนเกิดจากการกัดเซาะของฝน น้ำ ลมและแสงแดด ผ่านกาลเวลามาถึง 120-95 ล้านปีทำให้กลุ่มหินเหล่านี้มีสภาพแตกต่างกันไปดูคล้ายรูปเครื่องบินไอพ่น จานบิน เก๋งจีน มงกุฎ หัวจระเข้และหอยสังข์ ฤดูกาลท่องเที่ยวของอุทยานฯ คือ ฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน ฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ และฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม ค่าเข้าชม คนไทยผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท /ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
|
4.แก่งกะเบา (Kaengkabao) |
|
4.แก่งกะเบา (Kaengkabao) |
|
4.แก่งกะเบา (Kaengkabao) |
|
4.แก่งกะเบา (Kaengkabao) |
|
4.แก่งกะเบา (Kaengkabao) |
|
4.แก่งกะเบา (Kaengkabao) |
4.แก่งกะเบา (Kaengkabao)
เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินแลนด์มาร์ค ที่เที่ยวเปิดใหม่ในจังหวัดมุกดาหาร ที่นักท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดไปถ่ายรูปภาพกัน โดยความโดดเด่นของแก่งกะเบาคือ มีรูปปั้น"องค์พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช" พญานาคองค์ใหญ่สีขาวงดงามอยู่ริมแม่น้ำโขง สำหรับแก่งกะเบา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม ตั้งอยู่ในเขตบ้านนาแกน้อย ตำบลป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ ห่างจากตัวจังหวัดมุกดาหาร 35 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ห่างจากอำเภอธาตุพนมเป็นระยะทาง 24 กิโลเมตร ตรงข้ามกับเมืองไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แก่งกะเบา เป็นแก่งหินและโขดหินยาวตามลำน้ำโขง สายน้ำโขงที่ไหลมามาจะกระทบกับแก่งหินมีการกัดเซาะทำให้เกิดรูปร่างที่สวยงาม ในบางที่จะมีลักษณะเหมือนกับหลุมลึกบางที่ก็จะเป็นลักษณะเหมือนถ้ำใต้น้ำ บางช่วงบนฝั่งมีลานหินกว้างใหญ่เป็นที่พักผ่อนได้อย่างดี ในฤดูแล้งประมาณเดือนมกราคม-พฤษภาคม น้ำลดจนมองเห็นเกาะแก่งกลางน้ำและหาดทรายสวยกว่าฤดูอื่น ๆ ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจรวมทั้งมาทำกิจกรรมภายในครอบครัวหรือเล่นน้ำ
|
5. วัดศรีมหาโพธิ์-อาคารกุฏิหลังเก่า-ที่ว่าการกิ่งอำเภอหว้านใหญ่สุดคลาคสิค |
|
5. วัดศรีมหาโพธิ์-อาคารกุฏิหลังเก่า-ที่ว่าการกิ่งอำเภอหว้านใหญ่สุดคลาคสิค |
|
5. วัดศรีมหาโพธิ์-อาคารกุฏิหลังเก่า-ที่ว่าการกิ่งอำเภอหว้านใหญ่สุดคลาคสิค |
|
5. วัดศรีมหาโพธิ์-อาคารกุฏิหลังเก่า-ที่ว่าการกิ่งอำเภอหว้านใหญ่สุดคลาคสิค |
|
5. วัดศรีมหาโพธิ์-อาคารกุฏิหลังเก่า-ที่ว่าการกิ่งอำเภอหว้านใหญ่สุดคลาคสิค |
|
5. วัดศรีมหาโพธิ์-อาคารกุฏิหลังเก่า-ที่ว่าการกิ่งอำเภอหว้านใหญ่สุดคลาคสิค |
5. วัดศรีมหาโพธิ์-อาคารกุฏิหลังเก่าที่ว่าการกิ่งอำเภอหว้านใหญ่สุดคลาคสิค
จัดเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นและเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดมุกดาหาร วัดพระศรีมหาโพธิ์ เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมานานนับ 100 ปี ตั้งอยู่กลางใจเมือง บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงตั้งอยู่ที่บ้านหว้านใหญ่ ตำบลหว้านใหญ่ ภายในวัดจะมีโบราณสถานคือ สิมอีสาน(โบสถ์) ที่เก่าแก่ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2459 ศิลปะผสมตะวันตก ไทย เวียดนาม ฝรั่งเศส เป็นสิมที่ผนัง 3 ด้าน ภายในผนังจะมีธูปแต้มหรือจิตกรรมฝาผนังเรื่องราวของพระเวสสันดรชาดกที่เป็นฝีมือของช่างพื้นบ้านซึ่งนับว่าเป็นภาพที่งดงามและหาดูได้ยากในปัจจุบัน ส่วนอาคารเก่าทรงยุโรป เมื่อ พ.ศ. 2467 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2470 สร้างโดยชาวญวนซึ่งอพยพมาบวชที่วัดนี้แล้วไม่มีที่อยู่อาศัย บ้างระบุว่าผู้สร้างชื่อ หัสดี จากฝั่งประเทศลาวซึ่งมาบวชที่วัดแห่งนี้ บ้างกล่าวว่าแรกสร้างจะใช้เป็นกุฏิสงฆ์ อย่างไรก็ตามอาคารนี้เคยใช้เป็นที่ว่าการกิ่งอำเภอหว้านใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 2520 ดังที่ปรากฏรูปครุฑปูนปั้นอยู่หน้าบันของอาคาร
|
6.จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (Thai Lao Friendship Bridge NO.2)
|
|
6.จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (Thai Lao Friendship Bridge NO.2)
|
|
6.จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (Thai Lao Friendship Bridge NO.2)
|
|
6.จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (Thai Lao Friendship Bridge NO.2)
|
|
6.จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (Thai Lao Friendship Bridge NO.2)
|
6.จุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 (Thai Lao Friendship Bridge NO.2)
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียง และเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินยอดนิยมที่นักเดินทางไม่พลาดแวะมาเที่ยวชมกัน เนื่องจากเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขง เชื่อมต่อจังหวัดมุกดาหารของประเทศไทย เข้ากับแขวงสุวรรณเขตของประเทศลาว เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางเศรษฐกิจตะวันตกตะวันออก ซึ่งเริ่มจากพม่า ผ่าน ไทย ลาวและสิ้นสุดที่เวียดนาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงของธนาคารการพัฒนาแห่งเอเชีย ซึ่งมีความยาวทั้งหมด 1,600 เมตร มีความกว้าง 12 เมตร และมีช่องการจราจร 2 ช่อง บริเวณจุดชมมีทางเดินให้นั่งและแวะพักชมวิวทัศนียภาพอันงดงามของ 2 ฝั่งโขง
|
7.วัดศรีมงคลใต้ (Wat Si Mongkhon Tai) |
|
7.วัดศรีมงคลใต้ (Wat Si Mongkhon Tai) |
|
7.วัดศรีมงคลใต้ (Wat Si Mongkhon Tai) |
|
7.วัดศรีมงคลใต้ (Wat Si Mongkhon Tai) |
7.วัดศรีมงคลใต้ (Wat Si Mongkhon Tai)
จัดเป็นวัดเก่าแก่สำคัญตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงในตัวเมืองมุกดาหาร เป็นวัดเก่าแก่ สร้างสมัยกรุงธนบุรี ตั้งอยู่ถนนสำราญชายโขง ริมแม่น้ำโขงในตัวเมืองมุกดาหาร ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระเจ้าองค์หลวงพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ประชาชนชาวไทยและลาวเลื่อมใสศรัทธามาหลายชั่วอายุคน สร้างขึ้นก่อนตั้งเมืองมุกดาหาร แต่ไม่ปรากฏว่าสร้างในสมัยใด มีขนาดหน้าตักกว้าง 2.20 เมตร ส่วนสูงเฉพาะองค์ถึงยอดพระเมาลี 2 เมตร เป็นวัดเก่าแก่ สร้างสมัยกรุงธนบุรี ตั้งอยู่ถนนสำราญชายโขง ริมแม่น้ำโขงในตัวเมืองมุกดาหาร ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระเจ้าองค์หลวงพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ประชาชนชาวไทยและลาวเลื่อมใสศรัทธามาหลายชั่วอายุคน สร้างขึ้นก่อนตั้งเมืองมุกดาหาร แต่ไม่ปรากฏว่าสร้างในสมัยใด มีขนาดหน้าตักกว้าง 2.20 เมตร ส่วนสูงเฉพาะองค์ถึงยอดพระเมาลี 2 เมตร
|
8.วัดศรีบุญเรือง (Wat Sriboonruang Mukdahan) ประดิษฐานพระพุทธรูปสิงห์สอง |
|
8.วัดศรีบุญเรือง (Wat Sriboonruang Mukdahan) ประดิษฐานพระพุทธรูปสิงห์สอง |
|
8.วัดศรีบุญเรือง (Wat Sriboonruang Mukdahan) ประดิษฐานพระพุทธรูปสิงห์สอง |
|
8.วัดศรีบุญเรือง (Wat Sriboonruang Mukdahan) ประดิษฐานพระพุทธรูปสิงห์สอง |
|
8.วัดศรีบุญเรือง (Wat Sriboonruang Mukdahan) ประดิษฐานพระพุทธรูปสิงห์สอง |
8.วัดศรีบุญเรือง (Wat Sriboonruang Mukdahan) ประดิษฐานพระพุทธรูปสิงห์สอง
เป็นอีกหนึ่งวัดสำคัญของจังหวัดมุกดาหาร ตั้งอยู่ที่ถนนสำราญชายโขง การสร้างและการบูรณะวัด จากหลักฐานของคนเฒ่าคนแก่เล่าสืบต่อกันมา และเอกสารพอเชื่อถือได้ กล่าวไว้ว่า "วัดศรีบุญเรือง" เป็นวัดที่ชาวบ้านสร้างขึ้นมาในยุคเดียวกับการสร้างเมืองมุกดาหาร ( ประมาณ พ.ศ.2310 - 2317) หลังจากสร้างอุโบสถพุทธสีมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ให้ชาวบ้านศรีบุญเรืองจัดขบวนดอกไม้ธูปเทียน ไปอัญเชิญ "พระพุทธสิงห์สอง" จากวัดศรีมงคลใต้ มาประดิษฐานไว้ เป็นพระประธานในอุโบสถหลังนี้ ก็เนื่องจากว่าพระองค์พระพุทธรูปสิงห์สองนี้ เป็นพระพุทธรูปเมืองเหนือ ตัวท่านเองก็เป็นคนชาวเหนือ ได้อพยพลงมาในดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ และท่านมีความเคารพพระพุทธรูปองค์นี้มาก จึงได้นำมาประดิษฐานไว้เป็นอนุสรณ์ในอุโบสถที่ท่านได้สร้างขึ้นมา โดยพระพุทธสิงห์สอง พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน ปัจจุบันทางวัดได้ถือเอาหลวงพ่อพุทธสิงห์ เป็นพระประธานและเป็นสัญญลักษณ์ของวัดตลอดมา ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวบ้านศรีบุญเรือง และชาวมุกดาหาร จะยึดเอาหลวงพ่อพุทธสิงห์สองนี้ เป็นหลักยึดเหนี่ยวทางจิตใจมาโดยตลอด
|
9.วัดสองคอน-สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี (Wat Songkhon - Catholic Shrine Of The Martyrs Of Thailand) |
|
9.วัดสองคอน-สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี (Wat Songkhon - Catholic Shrine Of The Martyrs Of Thailand) |
|
9.วัดสองคอน-สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี (Wat Songkhon - Catholic Shrine Of The Martyrs Of Thailand) |
|
9.วัดสองคอน-สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี (Wat Songkhon - Catholic Shrine Of The Martyrs Of Thailand) |
9.วัดสองคอน-สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี (Wat Songkhon - Catholic Shrine Of The Martyrs Of Thailand)
เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ณ บ้านสองคอน ตำบลป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร เดิมมีชื่อว่า วัดพระแม่ไถ่ทาส สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเทิดพระเกียรติบุญราศีมรณสักขีทั้ง 7 ที่อุทิศชีวิตในป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อพิสูจน์ศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า เมื่อครั้งเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งต่อมา พ.ศ. 2532 พระสันตะปาปาก็ได้ประกาศให้ท่านทั้งเจ็ดคนเป็นบุญราศีมรณสักขี โดยในทุก ๆ ปี วัดสองคอนจะมีพิธีเฉลิมฉลองรำลึกการสถาปนาแต่งตั้งบุญราศี ณ กรุงโรมวันที่ 22 ตุลาคม และพิธีรำลึกบุญราศีสองคอน 16 ธันวาคม โบสถ์เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2538 จุดเด่นคือ โบสถ์คริสต์สร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กโถงสี่เหลี่ยมชั้นเดียว
|
10.ตลาดอินโดจีน (Indochina Market Mukdahan) |
|
10.ตลาดอินโดจีน (Indochina Market Mukdahan) |
|
10.ตลาดอินโดจีน (Indochina Market Mukdahan) |
|
10.ตลาดอินโดจีน (Indochina Market Mukdahan) |
10.ตลาดอินโดจีน (Indochina Market Mukdahan)
สำหรับตลาดอินโดจีน ก็จัดเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งช็อปปิ้งสำคัญของจังหวัดมุกดาหาร และยังถือว่าเป็นตลาดอินโดจีนที่ใหณ่ที่สุดในภาคอีสาน ตั้งอยู่ที่ถนนสำราญชายโขง ต.ศรีบุญเรือง อ.เมือง จ.มุกดาหาร จำหน่ายสินค้าจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เวียดนาม จีน รัสเซีย จำพวก ข้าวของเครื่องใช้ ผ้าพื้นเมือง เซรามิก เครื่องเงิน เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ตลาดแห่งนี้เริ่มเปิดเมื่อปี พ.ศ. 2523 โดยมีแม่ค้ามาจำหน่ายบนรถเข็น สินค้าที่นำมาจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวที่มาชมทัศนียภาพสองฝั่งโขง ซึ่งจะเป็นมะขามหวาน และอาหารขบเคี้ยวทั่วไปจำหน่ายทั้งราคาส่ง และปลีก และนอกจากสินค้าที่นำเข้ามา จำหน่ายจากต่างประเทศแล้วยังมี สินค้าพื้นเมืองของชาวมุกดาหารมาจำหน่ายอีกด้วย เช่น ผ้าไหม ผ้ามัดหมี่ ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อเลือกหากันด้วย
-----------------------------------------------------------------------------------------
0 ความคิดเห็น