สวัสดีทักทายเพื่อนๆคุณผู้อ่านรวมทั้งเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจทุกๆคนค่ะ กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะ กับบทความสาระน่ารู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวทั่วฟ้าเมืองไทย ที่จะสรรหามาให้อ่านฆ่าเวลากัน หลังจากที่บทความบล็อกก่อนหน้านี้ ได้พาไปรู้จัก วัดเขาช่องกระจก แห่งเมืองสามอ่าวกันไปแล้ว และเพื่อไม่ให้เว็ปไซต์ร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอพาคุณผู้อ่านไปรู้จักตำนานและประวัติวัดเก่าแก่แห่งเมืองแม่กลอง นั้นก็คือ วัดบางกุ้ง วัดที่ถูกจัดให้เป็น Unseen ของเมืองไทย ซึ่งอุโบสถถูกปกคลุมไปด้วยรากต้นโพธิ์ใหญ่ ที่ดูมีมนต์ขลัง จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ใครมารื่นรมย์ เดินตลาดน้ำอัมพวา ก็ต้องนั่งเรือมาชื่นอุราไหว้พระที่วัดบางกุ้งด้วย
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ วัดบางกุ้ง จังหวัดสมุทรสงคราม (Wat Bang Kung, Samut Songkhram province)
สำหรับวัดบางเก่า ถือเป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญอีกวัดหนึ่ง ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำแม่กลอง ในเขตตำบตั้งอยู่ในเขตตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โดยมีจุดเด่นที่พระอุโบสถ ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่นั้นถูกปกคลุมด้วยรากของต้นโพธิ์ ต้นกร่าง ต้นไกร ไปรอบทั้งอาคาร จนได้รับยกให้เป็นอันซีนแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงคราม และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังประจำจังหวัด อีกทั้งยังเป็นหนึ่งใน 9 วัดที่ต้องเข้าไปกราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
|
โบสถ์เก่าแก่นั้นถูกปกคลุมด้วยรากของต้นโพธิ์ ต้นกร่าง ต้นไกร ไปรอบทั้งอาคาร จนได้รับยกให้เป็นอันซีนแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงคราม |
ซึ่งลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดบางกุ้ง โดยตัวพระอุโบสถนั้นเป็นอาคารเครื่องก่ออิฐถือปูน ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา ตามแบบวัดไทยทั่วๆไป ที่มักเป็นเครื่องลำยอง
|
ภายในโบสถ์ก็ยังมีองค์พระประธานซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านใน ซึ่งมีนามว่า "หลวงพ่อนิลมณี" หรือ "หลวงพ่อดำ" |
แต่ภายในโบสถ์ก็ยังมีองค์พระประธานซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านใน ซึ่งมีนามว่า "หลวงพ่อนิลมณี" หรือ "หลวงพ่อดำ" ตามที่ชาวบ้านเรียกกัน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทรงปางมารวิชัยขนาดใหญ่ สมัยอยุธยาตอนปลาย นอกจากนี้ภายในยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติที่สวยงามด้วย แม้ว่าภาพจะเลื่อนลางไปก็ตาม แต่ภาพจิตกรรมดังกล่าว ก็บ่งบอกเรื่องราวว่าเป็นถึงอดีตได้เป็นอย่างดี
|
ประวัติที่มาของวัดบางกุ้งนีัน้ตามประวัติกล่าวว่า สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งทางประวัติศาสตร์ |
ส่วนประวัติที่มาของวัดบางกุ้งนีัน้ตามประวัติกล่าวว่า สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย พ.ศ. 2308 กองทัพพม่ายกเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าเอกทัศรับสั่งให้หัวเมืองปากใต้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งที่ตำบลบางกุ้ง เมืองสมุทรสงคราม เรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง” กองทัพพม่าซึ่งยกทัพเข้ามาตามลำน้ำแม่กลองและบุกลงมาจนถึงค่ายบางกุ้ง โดยที่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถต้านทานไว้ได้ค่ายบางกุ้งจึงแตก
|
หลังจากพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ. 2310 ค่ายบางกุ้งก็ตกอยู่ในสภาพค่ายร้าง |
และหลังจากพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ. 2310 ค่ายบางกุ้งก็ตกอยู่ในสภาพค่ายร้าง เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรีแล้ว โปรดให้ชาวจีนรวบรวมสมัครพรรคพวกมาตั้งเป็นกองทหารรักษาค่ายเก่าที่บางกุ้ง จึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ค่ายจีนบางกุ้ง”ฃ
|
กระทั้งในปี พ.ศ. 2311 หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาไปประมาณ 8 เดือน กองทัพพม่านำโดยเจ้าเมืองทวายยกทัพบกและทัพเรือลงมาล้อมค่ายจีนบางกุ้งไว้ |
จนกระทั้งในปี พ.ศ. 2311 หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาไปประมาณ 8 เดือน กองทัพพม่านำโดยเจ้าเมืองทวายยกทัพบกและทัพเรือลงมาล้อมค่ายจีนบางกุ้งไว้ ทหารจีนที่รักษาค่ายบางกุ้งสู้รบอย่างเต็มที่แต่มีกำลังน้อยกว่าเกือบจะเสียค่ายแก่พม่า กรมการเมืองสมุทรสงครามจึงมีหนังสือกราบทูลไปยังกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงทราบจึงยกกองทัพมาตีทัพพม่าแตกพ่ายไป และต่อมาในปี พ.ศ. 2317 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยกกองทัพเรือนำทหารไปออกศึกที่บางแก้ว เมืองราชบุรี ในระหว่างการเดินทางได้หยุดกองทัพพักพลเสวยพระกระยาหารที่วัดกลางค่ายบางกุ้ง
|
หลักฐานโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ พระอุโบสถก่ออิฐถือปูนปัจจุบันถูกต้นไทรขึ้นปกคลุมทั้งหลังหน้าบันของพระอุโบสถ |
จากหลักฐานโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ พระอุโบสถก่ออิฐถือปูนปัจจุบันถูกต้นไทรขึ้นปกคลุมทั้งหลังหน้าบันของพระอุโบสถ มีปูนปั้นลวดลายพันธุ์พฤกษาประดับด้วยเครื่องถ้วยซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
|
นพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่สมัยอยุธยาตอนปลาย สลักจากหินทรายแดง |
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่สมัยอยุธยาตอนปลาย สลักจากหินทรายแดง แสดงปางมารวิชัย ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโบสถ์น้อย” และที่ฝาผนังของพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปพระอดีตพุทธเจ้า และภาพพุทธประวัติ
นอกจากนี้ยังมีสระน้ำโบราณรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดความกว้างประมาณ 5 เมตร ความยาว 7 เมตร ที่ขอบสระมีกำแพงเตี้ยกั้น และกรุด้วยอิฐถือปูนลักษณะสอบลงไป ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระอุโบสถ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดบางกุ้งเป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 113 ตอนพิเศษ 50 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2539
ที่วัดบางกุ้งนี้เองมีศาลอยู่ทางด้านหลัง โดยมีชื่อว่า "ศาลนางไม้เจ้าจอม" หรือศาลขององค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า) ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ มีคนให้ความเคารพนับถือกันมาก
|
วัดแห่งนี้ยังมีจุดเด่นที่มีรูปปั้นนักมวยไทยเป็นจำนวนมากอยู่ตามมุมต่างๆ |
อีกอย่างของวัดแห่งนี้ยังมีจุดเด่นที่มีรูปปั้นนักมวยไทยเป็นจำนวนมากอยู่ตามมุมต่างๆ
|
ยังมีสวนสัตว์ขนาดเล็กๆ ที่มีทั้งกรงอูฐ กวาง ม้า |
เและยังมีสวนสัตว์ขนาดเล็กๆ ที่มีทั้งกรงอูฐ กวาง ม้า มีจระเข้ตั้งอยู่ริมท่าน้ำวัดบางกุ้งอีกด้วย ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดจุดสนใจเด็กและครอบครัวให้มาเยือนอย่างไม่ขาดสาย
|
ส่วนเจ้าจระเข้ก็อ้าปากรอกินอาหารอร่อยๆ หลบอยู่ใต้หลังคา |
|
แต่จระเข้ที่นี่ไม่กินผักนะคะ |
สำหรับนักท่องเที่ยวคนใหนที่ช่วงวันหยุดยาวๆกลางปีนี้ จะจัดทริปมาเที่ยวสมุทรสงคราม ก็สามารถนั่งเรือจากตลาดน้ำอัมพวาไหว้พระ 9 วัด ล่องมาตามแม่น้ำแม่กลอง เพื่อมาเที่ยวชมและไหว้พระที่วัดแห่งนี้ได้อย่างสำราญใจ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้
0 ความคิดเห็น