![]() |
ขอมาเขียนบล็อกรีวิวประจำเดือนกุมภาพันธ์ต่อค่ะ สำหรับตอนจบนี้ ขอมารีวิวเที่ยวเมืองกาฬสินธุ์ เยือนถิ่นไดโนเสาร์ นอนคลอเคล้าที่เขื่อนลำปาว สวยสกาวยิ่งนัก |
โดยบล็อกนี้ดิฉันก็ขอมาเขียนรีวิวท่องเที่ยวต่อจากตอนที่แล้วนะค่ะ หลังจากที่บทความบล็อกก่อนหน้านี้ เดี๊ยนได้เช่ามอเตอร์ไซต์แว๊น ขับตะล่อนไหว้พระในเมืองร้อยเอ็ดไปแล้วนะค่ะ ในวันต่อมาดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์ลั๊ลลาออกจากเมืองร้อยเอ็ด ระเหินระเห็ดมาเที่ยวกาฬสินธ์ค่ะ เป็นการมาเยือนเมืองนี้ครั้งแรกเลยนะค่ะ เพราะไม่เคยมาเลย เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนาม ว่าเป็นเมืองฟ้าแดดสงยาง ส่วนโปงลางก็เล่นได้เลิศล้ำ แถมยังเป็นถิ่นโดโนเสาร์ และมีมหาธารเขื่อนลำปาว ให้ไปนอนสุขสกาวกันอีกด้วย
ใหนแวะมาเที่ยวร้อยเอ็ดทั้งที ก็ขอมาฉิมพลีเมืองกาฬสินธ์สักหน่อยแล้วกันค่ะ เพราะเป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากร้อยเอ็ด ขับรถมาประมาณ 40 กว่ากิโลเมตรก็ถึงค่ะ....จริงแล้ววางแผนไว้ว่าวันนี้จะไปเที่ยวกาฬสินธ์ ช่วงเช้าและช่วงบ่ายขับรถไปไหว้พระที่มหาเจดีย์ศรีชัยมงคลต่อค่ะ แต่ด้วยระยะเวลาจำกัด และเดี๊ยนเองก็เผลอไปนอนหลับไหลอยู่ที่เขื่อนลำปาว และไม่ได้ไปไหว้พระที่เจดีย์มงคลเลย คงเอาไว้คราวหลังแล้วกันนะค่ะ
ต่อจากตอนรีวิวตอนที่ 1 เว็ปไซต์ https://goo.gl/igFAoe
เช้าของวันถัดมา ดิฉันตื่นสายเป็นพิเศษค่ะ เพราะหลังจากที่เมื่อวานนี้นอนสลบไสลไปทั้งคืน
ตืนมาก็รีบอาบน้ำ ล้างหน้าให้เสร็จเลยค่ะ เพื่อจะมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมค่ะ เพราะอาหารเช้าที่โรงแรมก็ปิดตอน 10 โมงค่ะ
บรรยากาศที่โรงแรมตอนเช้า ก็เงียบๆหงอยๆหน่อยค่ะ
อาจจะเป็นวันธรรมดาด้วยกระมัง
ส่วนที่ห้องอาหารก็เริ่มกร่อยๆไม่ค่อยมีลูกค้าแล้วค่ะอาหารเช้าของโรงแรมเรือนริมน้ำก็เป็นบุฟเฟ่ต์ไทยๆแบบง่ายๆค่ะ
ถึงแม้ว่าจะตื่นสายนะคะ
ลงมาทานตรงไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ก็ยังมีให้อาหารให้เลือกทานหลายอย่างอยู่นะค่ะ
ตอนแรกคิดว่า เค้าคงเก็บหมดไปแล้วกระมัง แต่ว่ายังจ้า ยังมีให้กินอยู่นะค่ะ
แต่เดี๊ยนเองก็คงไม่ทานเยอะอะไร เพราะเมื่อวานตอนเย็นก็ทานไปตั้งเยอะ
มื้อเช้านี้เลยจัดเบาๆ เป็นข้าวต้ม 3 ชาม ข้าวราดแกง 1 จาน และปาท่องโก๋ 5 ชิ้น
และโอวัลตินอีก 2 แก้ว ทานมื้อเดียวอิ่มย้นเที่ยงเลยจ้า
เช่ามอเตอร์ไซต์ขับจากร้อยเอ็ด ระเหินระเห็ดมาเด็ดดมชมเมืองกาฬสินธ์ุครั้งแรก ก็แหกโค้ง เชื่อมโยงกาลเวลา ช่ะช่ะช่าหัวใจ งามวิไลเริ่ดเว่อร์จ้า |
เวลา 10 โมงครึ่ง ดิฉันก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ออกจากโรงแรมในจังหวัดร้อยเอ็ด
พร้อมเปิด GPS นำทาง มุ่งหน้ามาเที่ยวสถานที่แห่งแรก นั้นก็คือ พระธาตุยาคู
เพื่อมาดูแหล่งกำเนิดของเมืองฟ้าแดดสงยาง มากราบพระธาตุ
ใครว่าอีสานแห้งแล้ง แม้จะเป็นหน้าแล้ง แต่ที่นี้ก็มีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ทำนาปรังกันนะค่ะ |
ใครบอกว่าอีสานแห้งแล้ง เนี่ยขนาดหน้าแล้งนะค่ะ ยังมีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์กว่าภาคกลางเสียอีกค่ะ
ทางเข้าเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง พระธาตุยาคู |
เป็นเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง พระธาตุยาคู อยู่ที่อำเภอกมลาไสย
โดยระยะทางจากเมืองร้อยเอ็ด มายังพระธาตุยาคู ประมาณ 40 กิโลเมตรค่ะ
ประวัติความเป็นมาของเมืองฟ้าแดดสงยาง แบบสังเขป |
หรือที่เรียกเพี๊ยนเป็น ฟ้าแดดสูงยาง บางแห่งเรียกว่า เมืองเสมา เนื่องจากผังของเมือง มีรูปร่างคล้ายใบเสมา เป็นเมืองโบราณ ที่มีคันดินล้อมรอบ 2 ชั้น ความยาวของคันดินยาวโดยรอบประมาณ 5 กิโลเมตร คูน้ำจะอยู่ตรงกลางระหว่าง คันดินทั้งสอง
จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบ ทำให้ทราบว่ามีการอยู่อาศัยภายในเมืองมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์และได้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นในสมัยทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 ดังหลักฐานทางพุทธศาสนาที่ปรากฎทั่วไปทั้งภายในและภายนอกเมืองเช่น ใบเสมาหินทรายจำหลักภาพเรื่องชาดกและพุทธประวัติจำนวนมาก บางส่วนเก็บไว้ที่วัดโพธิ์ชัยเสมาราม ซึ่งอยู่ภายในเมือง บางส่วนยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งเดิมที่พบเห็นและบางส่วนก็นำไปเก็บรักษาและจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จ.ขอนแก่น นอกจากนั้นยังมีซากศาสนสถานกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปทั้งภายในและภายนอกเมืองเช่น พระธาตุยาคูและกลุ่มเจดีย์บริวาร ศาสนสถานที่โนนวัดสูง โนนฟ้าหยาด โนนฟ้าแดด เป็นต้น
กรมศิลปากร ได้ประการขึ้นทะเบียน เมืองฟ้าแดดสงยาง เป็นโบราณสถานของชาติโดยประกาศเป็นราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 53 ตอนที่ 34 วันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2479
เมืองฟ้าแดดสงยาง |
ซากศาสนสถานที่เห็นเด่นชัดเลย ก็มีพระธาตุยาคู
ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและที่สักการะบูชาของคนในระแวก
พระธาตุยาคู |
แดดอาจจะร้อนหน่อยนะค่ะ หากใครที่มากลัวจะร้อน แนะนำไหว้ด้านในเต็นที่เค้าจัดไว้ให้จะดีกว่าค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับพระธาตุยาคู อ่านดูเป็นความรู้ด้านโบราณสถานค่ะ
สำหรับพระธาตุยาคูเดิมเรียกว่าพระธาตุใหญ่ เป็นสถูปเจดีย์ในสมัยทวารดี (ราวพุทธศตวรรษที่ 13-15) มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุด ในบรรดาโบราณสถานในเมืองฟ้าแดดสงยาง ยังคงปรากฎร่องรอยของฐานที่สร้างในสมัยแรก เป็นรูปฐานสี่เหลี่ยม เดิมมีลวดลายปูนปั้นประดับ ปัจจุบันหลุดออกหมด และได้นำไปจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จ.ขอนแก่น แผนผังของพระสถูปองค์เดิม เปรียบเทียบได้กับศาสนสถานแบบทวารวดีที่พบทางภาคกลาง เช่นที่อำเภออู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และที่อำเภอคูบัว จ.ราชบุรี
รูปทรงขององค์เจดีย์
ได้ถูกก่อสร้างเปลี่ยนแปลงไปในสมัยหลังเป็นเจดีย์รูปแปดเหลี่ยม
บนฐานสี่เหลี่ยมเดิมและกรมศิลปากรได้ทำการบูรณะครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2526
และครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ.2539
ได้พบใบเสมาหินทรายหลายใบโดยรอบองค์พระธาตุ ยังปรากฎซากเจดีย์ขนาดเล็ก
และภายในบริเวณพระธาตุยาคู
ก็มีชาวบ้านกำลังทอผ้าด้วยค่ะ
ดิฉันเลยไม่รีรอขอตามไปดูและพูดคุยกับชาวบ้านค่ะ
คุณป้าบอกว่ากำลังทอผ้าฝ้ายอยู่คะ
ตอนแรกเดี๊ยนก็คิดว่าทอผ้าไหมแพรวาซ่ะอีก
จริงๆแล้วไม่ใช่นะค่ะ ที่เห็นคือกำลังทอผ้าฝ้ายค่ะ
ป้าบอกว่าทอเอาไว้ใช้ในงานบวชค่ะ เพราะเป็นผ้าสีขาว
เส้นด้ายที่กรอแล้ว ก็ใส่ไว้ในตะกร้า
เพื่อเตรียมเอาไว้ใส่กระสวยเข้ากี่ทอผ้าต่อไป
ส่วนอีกมุมนึงอยู่ใกล้ๆกัน ที่คุณป้ากำลังม้วนด้ายหลายๆสีอยู่นั้น
เป็นการทำใยแมงมุมค่ะ เดี๊ยนก็พึ่งรู้นะค่ะว่าเป็นใยแมงมุม ตอนแรกคิดว่า ป้าจะทำงานช่วยลูกที่บ้านส่งคุณครูเสียอีกค่ะ เพราะเป็นด้ายสีๆพันกับไม้ให้เกิดทรงสี่เหลี่ยมดูเป็นเป็นเรขาคณิต
โดยใยแมงมุมทำไว้เพื่อเป็นเครื่องแขวน ช่วยป้องกันและปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ถือเป็นเครื่องมงคลของภาคอีสาน ใช้งานบุญผะเหวดและงานมงคลต่างๆค่ะ
ใยแมงมุม |
ที่เป็นหกเหลี่ยม ดูเหมือนนะค่ะ แต่เป็นสี่เหลี่ยม ดูไม่ค่อยเหมือนใยแมงเท่าใดนัก
แต่ที่ชาวบ้านทำออกมาสวยดีค่ะ
ใยแมงมุม |
และหาชมได้เฉพาะในภาคอีสานเท่านั้นนะค่ะ
เพราะภาคอื่นยังไม่ค่อยพบเห็นเลย
ใยแมงมุม |
เป็นงานฝีมือของชาวบ้านในพื้นที่ ทอกันได้สวยงามมาก หากใครที่แวะเวียนไปมา ก็อย่าลืมแวะมากราบพระธาตุยาคู และอุดหนุนสินค้าของชาวบ้านในพื้นที้นี้นะค่ะ ชาวบ้านจะได้มีรายได้ไม่ต้องออกไปทำงานยังต่างถิ่นค่ะ
หลังจากที่ได้แวะไปกราบสักการะพระธาตุยาคูแล้วนะค่ะ
ดิฉันก็ขับรถมุ่งหน้าต่อไปยังพิพิธภัณฑ์สิรินธร
ซึ่งต้องขับเข้ามาในตัวเมืองกาฬสินธุ์นะค่ะ
ระหว่างทางขับรถมาก็ไม่ต้องกลัวหลงทางนะค่ะ
เพราะมีป้ายบอกเส้นทางตลอดค่ะ
โดยขับรถเข้ามาในเมืองระยะทางจากในเมืองกาฬสินธุ์ไปพิพิธภัณฑ์สิรินธรประมาณ 30 กิโลเมตรค่ะ
เดี๊ยนขับรถมาได้สักพัก กระเพาะอาหารก็ร้อง เลยไปร้องท้องที่ร้านก๋วยเตี๋ยวริมทางค่ะ
มื้อเที่ยงนี้ทานก๋วยเตี๋ยวไก่ รสชาติพอทานได้ แถมได้เยอะด้วย
หลังจากที่ทานก๋วยเตี๋ยวอิ่มแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็แว๊นๆ ขับมอเตอร์ไซตมุ่งหน้ามาจนถึงอำเภอสหัสขันธ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สิรินธร หรือพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์นั้นเอง เพราะใหนๆแวะมากาฬสินธ์ทั้งที นอกจากดนตรีโปงลางเริ่ดๆแล้ว ต้องไม่พลาดแวะมาชมไดโนเสาร์คะ
ตั้งแต่ขับรถตามทางหลวงมา 2 ข้างทางก็มีไดโนเสาร์จำลองหลายตัวให้เข้าไปชมค่ะ
เรียกว่าหากใครที่พาเด็กๆมาเที่ยวต้องไม่พลาดแวะมาถ่า่ยรูปกันนะค่ะ
โดยเฉพาะตอนที่เดี๊ยนขับรถมา ก็เห็นรถทัศนศึกษาของนักเรียนและเด็กหลายกรุ๊ป
แวะเวียนเข้ามาอย่างไม่ขาดสายค่ะ
ขับรถมาเรื่อยตามป้ายบอกทาง
ก็ถึงแล้วค่ะพิพิธภัณฑ์สิริธร
บรรยากาศโดยรอบพิพิธภัณฑ์ก็ดึงดูดใจไปด้วยไดโนเสาร์ตัวใหญ่หลายตัวเลยนะค่ะ
แต่ละตัวก็ดูเหมือนมีชีวิตมากๆ ถ้ามีชีวิตจริงๆคงจะน่าตื่นเต้นไม่ใช่น้อยเลยค่ะ
เดินเข้ามาที่อาคารพิพิธภัณฑ์ด้านใน
เพื่อเข้าไปชมโซนจัดแสดงต่างๆค่ะ
ค่าธรรมเนียมเข้าชมก็ไม่แพงเลยนะค่ะ
ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 10 บาทค่ะ
ส่วนเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าชมฟรีจ้า
ได้ตั๋วมาแล้วเก็บไว้ให้ดีนะค่ะ
เพราะเผื่อจะได้ใช้ตอนไปพิพิธภัณฑ์หลุมค่ะ ก็เอาตั๋วใบเดิมเนี่ยแหละค่ะไปแสดง
จะได้ไม่ต้องเสียตังซื้ออีกรอบ
เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์สิริธร
ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว หรือ พิพิธภัณฑ์สิรินธร (อังกฤษ: Sirindhorn Museum) เป็นศูนย์วิจัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์และ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งแรกของประเทศไทย อยู่ที่อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์[1]เป็นพิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติวิทยา ที่มีการจัดแสดงซากกระดูกไดโนเสาร์ และแสดงความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในมุมมองต่างๆ ทั้งเชิงวิชาการ การอนุรักษ์ รวมไปถึงความสัมพันธ์ต่างๆ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์สิรินธร ได้รับพระราชทานนามจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า "พิพิธภัณฑ์สิรินธร"
(เครดิตข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว)
โดยภายในอาคารนิทรรศการได้จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับยุคเริ่มแรกของการกำเนิดโลกจนเกิดวิวิฒนาการต่างๆทั้งหมด 8 โซนค่ะได้แก่
โซนที่ 1 จักวาลและโลก
โซนที่ 2 เมื่อสิ่งมีชีวิตแรกปรากฏ
โซนที่ 3 มหายุคพาลีโอโซอิก
โซนที่ 4 มหายุคมีโซโซอิค หรือ มหายุคแห่งสัตว์เลื้อยคลานและไดโนเสาร์
โซนที่ 5 วิถีชีวิตของไดโนเสาร์
โซนที่ 6 คืนชีวิตให้ไดโนเสาร์
โซนที่ 7 มหายุคซีโนโซอิก หรือมหายุคแห่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
โซนที่ 8 เรื่องของมนุษย์
เดินเข้ามาโซนแรก ก็จะเป็นโซนจักรวาลและโลกก่อนเลยค่ะ โดยตามเส้นทางก็จะมีรอยเท้าไดโนเสาร์ให้เดินตามรอยไปค่ะ
สำหรับโซนที่ตืนตาตื่นใจที่สุดคงต้องยกให้โซนห้องไดโนเสาร์ไทย ซึ่งจำลองกระดูกไดโนเสาร์ไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ถ้ามันมีชีวิตจริงๆ คงจะดีไม่ใช่น้อยเลยนะค่ะ
แต่ละจุดที่แสดงก็มีป้ายอธิบายสาระและความรู้ให้ได้อ่านกัน
อย่างเช่นซากฟอสซิลแต่ละแบบ หรือปลาในยุคดึกดำบรรพ์
ห้องแสดงโซน 4.2.ไดโนเสาร์ไทย
ที่นักเดินทางทุกต้องแวะถ่ายรูป
อารมณ์เหมือนได้ไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ในอเมริกาเลยนะค่ะ
เพราะเห็นแล้วคล้ายๆกันเลยค่ะ
พิพิธภัณฑ์สิริธร หอนิทรรศการไดโนเสาร์ภูกุ่มข้าว |
ดิฉันก็เดินขึ้นตามเนินเขามาตามป้าย เพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์หลุมขุด
ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของการค้นหาซากไดโนเสาร์อีกหลายจุดๆ ณ ดินแดนแห่งนี้ค่ะ
เดินเข้ามาก็พอกับห้องกว้างๆ
ซึ่งแสดงหลุมขุดค้นซากกระดูกไดโนเสาร์อายุหลายล้านปีให้ได้ชมกันกันค่ะ
นอกจากนี้โดยรอบก็มีป้ายอธิบายความเป็นมาและไดโนเสาร์ชนิดต่างๆให้ได้ศึกษากันด้วยค่ะ
ย้อนอดีตภูกุ้มข้าว ???
สำหรับซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ที่ภูกุ้มข้าวพบชิ้นแรกเมื่อปี 2537 โดยพระครูวิจิตรสหัสคุณ เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยพบท่อนกระดูกโผล่จากพื้นดินในบริเวณที่เป็นหลุมขุดค้นปัจจุบัน ต่อมาคณะสำรวจจากกรมทรัพยากรธรณีจึงได้ทำการสำรวจขุดค้นอย่างเป็นระบบ พบกระดูกไดโนเสาร์ขนาดต่างๆ เป็นกระดูกไดโนเสาร์ชนิดกินพืชมากกว่า 7 ตัว จำนวนกระดูกมากกว่า 700 ชิ้น
ที่สำคัญคือ พบชิ้นส่วนของหัวกระโหลก ฟันและกราม และโครงกระดูกที่เรียงรายต่อกัน เกือบจะสมบูรณ์ทั้งตัวอยู่ด้วย ซากกระดูกไดโนเสาร์เหล่านี้เป็นหลักฐานสำคัญ ที่มีคุณค่ายิ่งในด้านการศึกษาวิจัยถึงเรื่องราว ประวัติความเป็นมาในอดีตอันยาวนาน และสามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการของโลก ทั้งนี้เพราะไดโนเสาร์ที่พบเป็นสกุลและชนิดใหม่ของโลก ดังนั้นเพื่ออนุรักษ์แหล่งซากไดโนเสาร์ให้คงอยู่เป็นแหล่งอ้างอิงธรณีวิทยา เพื่อศึกษาวิจัยเรื่องของไดโนเสาร์ เพื่อให้เกิดพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งแรกของประเทศไทย รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวิชาการแหล่งใหม่ จึงได้มีโครงการนี้ขึ้น และได้สร้างอาคารวิจัยซากไดโนเสาร ์และสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่นๆ รวมทั้งสวนไดโนเสาร์ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาวิจัย แหล่งเผยแพร่ความรู้ แหล่งพักผ่อนหย่อนใจและเที่ยวชม
และหลังจากที่ได้เพลิดเพลินใจ ใช้เวลาเดินชมและศึกษาในพิพิธภัณฑ์สิรินธรอยู่นาน
ก็ได้เวลาเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายต่อไปแล้วค่ะ
เขื่อนลำปาว |
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเทียวและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมที่ใครๆก็ต้องตามมาชมกันค่ะ
แวะมาบรรยากาศโดยรอบก็เงียบสงบ ลมพัดโชยเย็นดีเหลือเกินค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเขื่อนลำปาว
เขื่อนลำปาวสร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2511 ปิดกั้นลำน้ำปาวและห้วยยางที่บ้านหนองสองห้อง ทำให้เกิดเป็นอ่างเก็บน้ำแฝดทางด้านเหนือเขื่อน จึงได้ขุดร่องเชื่อมระหว่างอ่างทั้งสอง สร้างขึ้นเพื่อบรรเทาอุทกภัยและเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะ
เขื่อนลำปาวมีความสูงจากท้องน้ำ 33 เมตร สันเขื่อนยาว 7.8 กิโลเมตร สามารถกักเก็บน้ำได้ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนประตูระบายน้ำ เป็นแบบเปิด ไม่มีประตูปิดกั้นให้น้ำใหลตลอดเวลา(ใหลเฉพาะช่วงฤดูฝน) ปัจจุบัน เขื่อนลำปาวเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา มีสถานที่พักผ่อนหย่อยใจ ได้แก่ หาดดอกเกด ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นสวรรค์ชายหาดของคนอีสาน
(เครดิตข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/เขื่อนลำปาว)
เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจยิ่งนัก
ยิ่งช่วงหน้าร้อนแบบนี้ด้วยแล้ว เหมาะกับการมาเล่นน้ำมากๆค่ะ
น้ำในเขื่อนดูใสกิ้ง ฟรุ้งฟริ้งมากๆค่ะ
น่าลงไปเล่นจริงๆค่ะ หากใครมาเที่ยวกาฬสินธ์ ก็อย่าลืมมาเดินฟินๆที่มหาธารเขื่อนลำปาวแห่งนี้นะค่ะ
รับรองว่าไม่ผิดหวัง ได้รูปสวยปังกลับไปแน่นอนค่ะ
เดี๊ยนนั่งพักริมเขื่อนเพื่อรอถ่ายรูปเรือแล่นในเขื่นอ
แต่เรือแล้วเรือเล่า ก็ไม่เห็นเรือสักลำจะแล่นมาเลยค่ะ
แต่ก็ยังดีที่มีคนกำลังหาปลาอยู่คะ
ดูคุณพี่แกน่าจะถนัดกับการหาปลาอย่างมากนะค่ะ
วิถีชีวิตผู้คนที่อยู่ใกล้เขื่อนลำปาว กำลังสุขสกาวอยู่กับการหาปลาในน้ำ |
ที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้เขื่อน ไม่อดตายค่ะ เพราะในน้ำมีปลา ในนามีข้าว
รอบๆเขื่อนก็มีดอกไม้สวยๆให้ชื่นชม เร้าอารมณ์ชื่นอุราช่ะช่ะช่าหัวใจเช่นกันนะค่ะ
มีดอกจาน หรือดอกทองกวาว ดอกไม้งามประจำเขื่อนลำปาว
สวยสกาวแบบบ้านทุ่ง กำลังผลิดอกสีส้มแป๊ดเชียวค่ะ
และอีกหนึ่งดอกไม้งานก็คือ ดอกกัลปพฤกษ์ สีชมพูหวาน ดูแล้วร้าวรานใจเหลือเกิน
ต้อนรับการย่างกรายเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มตัว
และอีกหนึ่งสัญลักษณ์อันโดดเด่นเป็นสง่า เชิดหน้าและชูตาเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี
ต้องยกให้โปงลาง เครื่องดนตรีชั้นดีที่ตีได้เสนาะเพราะพริ้ง แถมสวิงกิ้งเร้าใจ ให้อารมณ์เพลินเพลิน
เป็นตัวแทนของความสนุกครืนเครง บรรเลงจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน
เขื่อนลำปาว |
ทางเข้าหาดดอกเกด |
ใหนๆมาทั้งที่ต้องไปดูหน่อยซี ว่าจะเริ่ดฉิมพลีแค่ใหน
หาดดอกเกิดอีกหนึ่งหาดสวย รวยด้วยมนต์เสนห์ไม่แพ้หาดทะเลในภาคตะวันออกและภาคใต้เลยค่ะ
แม้จะเป็นหาดน้ำจืด แต่ก็ไม่ดาษดื่น เพราะร่มรื่นไปด้วย
ชายหาดดอกเกด เขื่อนลำปาว |
แถมมีร้านค้าขายส้มตำแซ่บนัว ตำซั่ว ตำถาด ไก่ย่าง ปลาเผา ส่งกลิ่นหอมระรัว
ยวลยั่วน้ำลายไหลยิ่งนักเชียว
ชายหาดดอกเกด เขื่อนลำปาว |
เริ่ดมากๆ ไม่ต้องไปไกลถึงทะเลน้ำเค็ม ได้เล่นน้ำทะเลน้ำจืด ไม่เหนียวตัวอีกด้วยนะค่ะ
บรรยากาศโดยรอบก็ครืนเครง ไปด้วยเด็กนักเรียนที่ได้ไปทัศนศึกษา ณ พิพิธภัณฑ์สิรินธรแล้ว
คุณครูก็พานักเรียนมาพักผ่อน เล่นน้ำทีเขื่อนแห่งนี้
ดูเด็กๆน่าจะสนุกและชอบใจมิใช้น่อยเลยนะค่ะ
เพราะได้เล่นน้ำเย็นๆ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ ประทุดั่งไฟเผาทรวง ก็ช่วยคลายร้อนได้ไม่น้อยเลยค่ะ
เด็กก็เล่นกันอย่างสนุกสนานเชียว เห็นแล้วก็อยากลงไปเล่นด้วยคนจัง |
เห็นแล้วก็อยากลงไปเล่นด้วยคนจัง
ส่วนเด็กบางคนที่ไม่ได้เล่นน้ำก็มานั่งอุดหนุนช่วยซื้อขนมกับคุณป้าที่แบกหาบเร่มาขาย |
เป็นการกระจายรายได้ช่วยคนในท้องที่ให้มีเงินไปจุนเจือครอบครัว
และหลังจากที่ดิฉันได้นั่งพักผ่อนริมหาดดอกเกด เขื่อนลำปาวอยู่นานพอสมควร
แหงนดูเข็มนาฬิกาในข้อมือ ก็ได้เวลาต้องเดินทางกลับโรงแรมที่พักในเมืองร้อยเอ็ดแล้วค่ะ
ระหว่างทางแวะมา ก็ผ่านร้านขายขนมริมทาง เป็นร้านขายขนมใสใส้
ขนมของโปรดเลยนะค่ะ ตอนแรกคิดว่ามาเที่ยวอีสาน หรือเที่ยวภาคกลางค่ะ
เพราะที่นี้มีขนมไทยขายกันริมทางเลยจ้า
ขนมใส่ใส้ขายอยู่ริมทาง รสชาติหวานอร่อยมาก ใส้ด้านในเป็นมะพร้าวอ่อน หาได้เป็นมะพร้าวแก่ไม่ ต้องแวะลองชิมแบบไฉไลดูค่ะ |
เดี๊ยนชอบมากๆ เอาคะแนนรีวิวไปเลย 5 ล้านดาวจ้า... ชื่อร้านขนมใส่ใส้แม่เล็กดั้งเดิม ใครที่แวะมาเที่ยวก็อย่าลืมมาอุดหนุนนะค่ะ อร่อยจริงๆ
แวะซื้อของฝากริมทาง ระหว่างขับรถมอเตอร์ไซต์เข้าเมืองกาฬสินธ์ แวะชิมผลไม้ท้องถิ่นแห่งนี้ รสชาติดีมิใช้น้อย |
ช่วงนี้ฤดูมะม่วงค่ะ ที่หมู่บ้านนี้ก็ปลูกมะม่วงหลายสายพันธ์ นำมาวางขายตามแผงหน้าบ้าน คนที่ขับรถผ่านไปมาก็แวะซื้อได้
ลองชิมแล้ว มะม่วงน้ำดอกไม้รสหอมหวานอร่อยมากๆ
ต้องซื้อไปทานคู่กับข้าวเหนียวมูลค่ะ
เดี๊ยนเลยอุดหนุนแม่ค้าสักหน่อย
ซื้อไปฝากคนที่บ้านด้วย แม่คงไม่ว่านะค่ะ เพราะที่บ้านก็ปลูกมะม่วงเหมือนกัน
แต่รสชาติไม่เหมือนกันค่ะ ซื้อไปทานกับข้าวเหนียวมูล
หลังจากที่ได้แวะซื้อของฝากริมทางแล้วนะค่ะ
เดี๊ยนก็แว๊นๆ ขับมอเตอร์ไซต์จากกาฬสินธ์ุกลับมายังเมืองร้อยเอ็ด
แวะหาซื้ออาหารเย็นทาน ที่ตลาดทุ่งเจริญ
ตลาดทุ่งเจริญอยู่ในตัวเมืองร้อยเอ็ด มีอาหารรสชาติเด็ดให้เลือกทานหลายอย่างเลยค่ะ
เดี๊ยนเดินวนหลายรอบเหมือนกัน เพราะเลือกไม่ถูกไม่รู้จะทานอะไรดี
และแล้วก็มาจบที่กระเพาะปลากับไส้กรอกค่ะ มื้อเย็นนี้ทานง่าย
ส่วนขนมใส่ใส้ก็ต้องนำทานให้หมด มะม่วงก็กินกับข้าวเหนียวมูล อร่อยอิ่มเว่อร์จ้า
จบทริปหมดไป 1 วัน
--------------------------------------------------------------------------
เช้าตรู่ของวันที่สาม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายแล้ว
วันนี้คงไม่ได้ไปเที่ยวใหน เพราะต้องเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพแล้วค่ะ
ก็เลยต้อง Check out ออกจากที่พัก แล้วขับมอเตอร์ไซต์ไปคืนที่ร้านเช่าที่โรงแรมวันดีดีเพลส
รถสามล้อเครื่องในภาคอีสาน ที่นั่งใหญ่อลังการเริ่ดเว่อร์ค่ะ |
โทรติดต่อคนขับแท๊กซี่ เพื่อจะเดินทางไปยังสนามบินค่ะ
โดยมานั่งรอขึ้นรถแท๊กซี่ที่หน้าป้ายรถเมลล์ห้างบิ๊กซี
รอแล้ว รอเล่า แต่ก็ไม่นานนัก
คนขับแท๊กซี่ก็มาจอดรถรอตั้งนานแล้วค่ะ
นั่งแท๊กซี่จากตัวเมืองร้อยเอ็ดมาที่สนามบิน
ค่าเสียหายเท่ากันกับตอนเที่ยวขามานะค่ะ 250 บาทค่ะ
หากมาหลายคนก็แชร์กันได้
มาถึงก็ Check in ที่สนามบินร้อยเอ็ดค่ะ
หลังจากนั้นก็ขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพค่ะ
จบทริปรีวิวเที่ยวร้อยเอ็ด กาฬสินธ์ ฟินเริ่ดเว่อร์จ้า
หากเพื่อนๆพี่ๆและน้องๆท่านใดที่ยังไม่เคยมาเที่ยวเมืองร้อยเอ็ด หรือกาฬสินธ์ ยังไงลองแวะมาเที่ยวกันสักครั้งนะค่ะ เพราะในเมืองนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ไปชมกันหลายแห่งค่ะ อย่างตัวเดี๊ยนเองไปเที่ยว 2 วันยังไปไม่ครบเลยค่ะ จริงๆไปร้อยเอ็ดยังขาดเจดีย์มหาชัยมงคลอยู่หนึ่งแห่งนะค่ะ เอาไว้คราวหน้า หากมีโอกาสมาเที่ยวอีก คงได้แวะไปค่ะ
สำหรับรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนกุมภาพันธ์ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้นะค่ะ ขอบพระคุณเพื่อนๆทุกคนที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามาสไลด์ดูภาพกันค่ะ ภาพอาจไม่สวยหรือเนื้อหาไม่ดีประการใด ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปค่ะ
--------------------------------------------------------
รวมบทความบล็อกเที่ยวเดือนละ 1 ครั้ง มีดังนี้ค่ะ(จะทยอยเขียนเพิ่มเรื่อย เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกนี้ร้างไปจ้า)
![]() |
รีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ 14 แบกเป้ไปชมความน่ารักที่เมืองกอลมาร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2uQBBTE
![]() |
รีวิวเที่ยวงานอุ่นไอรักคลายความหนาว สวยสกาวน่ารัก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sB8ccW
![]() |
รีวิวเที่ยวร้อยเอ็ด งามเด็ดอีหลีเด้อ ก.พ.2018 ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/igFAoe
![]() |
แบกเป้คนเดียวเที่ยวฮ่องกงแบบงงๆ ม.ค.2018 ตอนที่ 2 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
![]() |
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวมาเก๊า นั่งเรือเมาไปถึงเกาะฮ่องกง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
![]() |
รีวิวเดินชมเทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี 2018 ไปดูของดี 4 ภาค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
![]() |
แวะเที่ยวหัวหิน เยือนถิ่นกำเนิดโครงการพระราชดำริ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
![]() |
รีวิวเที่ยวประจำเดือน ธ.ค.2017 เที่ยวเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
![]() |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคม 2017 เที่ยวเมืองตราด-เกาะกูด ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
![]() |
รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
![]() |
แบกเป้คนเดียวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปฟูจิซัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
![]() |
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว ไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
![]() |
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 เดินย่องท่องเมืองฮาโกดาเตะ สุดโรแมนติก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
![]() |
รีวิวท่องเที่ยวเดือน สิงหาคม 2560 รีวิวเที่ยวเมืองเก่าอยุธยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์: https://goo.gl/df15Xi
![]() |
รีวิวเที่ยวประจำเดือนกันยายน ลุยเดี่ยวเช่ามอเตอร์ไซต์ไปเขาใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>> |
0 ความคิดเห็น