Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รีวิวเที่ยวกาฬสินธุ์ ตอนที่ 2 แวะถิ่นไดโนเสาร์ ไปนอนคลอเคล้าริมเขื่อนลำปาว สวยสกาวสาวโปงลาง งามสะพร่างดั่งสายน้ำทิพย์

ขอมาเขียนบล็อกรีวิวประจำเดือนกุมภาพันธ์ต่อค่ะ สำหรับตอนจบนี้ ขอมารีวิวเที่ยวเมืองกาฬสินธุ์ เยือนถิ่นไดโนเสาร์ นอนคลอเคล้าที่เขื่อนลำปาว สวยสกาวยิ่งนัก
ก็ขอสวัสดี๊ดีเพื่อนๆพี่ๆและน้องๆผองชาวไทยที่น่ารักสดใสกันทุกๆคนนะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน ก็ขอมาออนซอน ต้อนรับท่านเข้าสู่เว็ปบล็อกรีวิวท่องเที่ยวนี้อีกครั้งนะค่ะ ใหนๆแวะกันเข้ามาแล้ว ก็อย่าพึ่งด่วนแจ๋ว จรลีคลิ๊กหนีไปใหนนะค่ะ มาสไลด์ชะแว๊ปปั๊บๆ ก่อนขยับเป็นเว็ปอื่นนะค่ะ มาอ่านบล็อกแนวๆโกโรโกโส เฮโลเที่ยวไทย ไฉไลไปแบบมั่วซั่ว ให้ได้ระรัวอ่านกันจนปวดหัวอีกเหมือนเคยจ้า

โดยบล็อกนี้ดิฉันก็ขอมาเขียนรีวิวท่องเที่ยวต่อจากตอนที่แล้วนะค่ะ หลังจากที่บทความบล็อกก่อนหน้านี้ เดี๊ยนได้เช่ามอเตอร์ไซต์แว๊น ขับตะล่อนไหว้พระในเมืองร้อยเอ็ดไปแล้วนะค่ะ ในวันต่อมาดิฉันก็ขับมอเตอร์ไซต์ลั๊ลลาออกจากเมืองร้อยเอ็ด ระเหินระเห็ดมาเที่ยวกาฬสินธ์ค่ะ เป็นการมาเยือนเมืองนี้ครั้งแรกเลยนะค่ะ เพราะไม่เคยมาเลย เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนาม ว่าเป็นเมืองฟ้าแดดสงยาง ส่วนโปงลางก็เล่นได้เลิศล้ำ แถมยังเป็นถิ่นโดโนเสาร์ และมีมหาธารเขื่อนลำปาว ให้ไปนอนสุขสกาวกันอีกด้วย

ใหนแวะมาเที่ยวร้อยเอ็ดทั้งที ก็ขอมาฉิมพลีเมืองกาฬสินธ์สักหน่อยแล้วกันค่ะ เพราะเป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากร้อยเอ็ด ขับรถมาประมาณ 40 กว่ากิโลเมตรก็ถึงค่ะ....จริงแล้ววางแผนไว้ว่าวันนี้จะไปเที่ยวกาฬสินธ์ ช่วงเช้าและช่วงบ่ายขับรถไปไหว้พระที่มหาเจดีย์ศรีชัยมงคลต่อค่ะ แต่ด้วยระยะเวลาจำกัด และเดี๊ยนเองก็เผลอไปนอนหลับไหลอยู่ที่เขื่อนลำปาว และไม่ได้ไปไหว้พระที่เจดีย์มงคลเลย คงเอาไว้คราวหลังแล้วกันนะค่ะ

ต่อจากตอนรีวิวตอนที่ 1 เว็ปไซต์ https://goo.gl/igFAoe
เช้าของวันถัดมา ดิฉันตื่นสายเป็นพิเศษค่ะ เพราะหลังจากที่เมื่อวานนี้นอนสลบไสลไปทั้งคืน
ตืนมาก็รีบอาบน้ำ ล้างหน้าให้เสร็จเลยค่ะ เพื่อจะมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมค่ะ เพราะอาหารเช้าที่โรงแรมก็ปิดตอน 10 โมงค่ะ 
บรรยากาศที่โรงแรมตอนเช้า ก็เงียบๆหงอยๆหน่อยค่ะ 
อาจจะเป็นวันธรรมดาด้วยกระมัง
ส่วนที่ห้องอาหารก็เริ่มกร่อยๆไม่ค่อยมีลูกค้าแล้วค่ะ
อาหารเช้าของโรงแรมเรือนริมน้ำก็เป็นบุฟเฟ่ต์ไทยๆแบบง่ายๆค่ะ
 ถึงแม้ว่าจะตื่นสายนะคะ
ลงมาทานตรงไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์ก็ยังมีให้อาหารให้เลือกทานหลายอย่างอยู่นะค่ะ
ตอนแรกคิดว่า เค้าคงเก็บหมดไปแล้วกระมัง แต่ว่ายังจ้า ยังมีให้กินอยู่นะค่ะ
แต่เดี๊ยนเองก็คงไม่ทานเยอะอะไร เพราะเมื่อวานตอนเย็นก็ทานไปตั้งเยอะ
มื้อเช้านี้เลยจัดเบาๆ เป็นข้าวต้ม 3 ชาม ข้าวราดแกง 1 จาน และปาท่องโก๋ 5 ชิ้น
และโอวัลตินอีก 2 แก้ว ทานมื้อเดียวอิ่มย้นเที่ยงเลยจ้า
เช่ามอเตอร์ไซต์ขับจากร้อยเอ็ด ระเหินระเห็ดมาเด็ดดมชมเมืองกาฬสินธ์ุครั้งแรก ก็แหกโค้ง เชื่อมโยงกาลเวลา ช่ะช่ะช่าหัวใจ งามวิไลเริ่ดเว่อร์จ้า
หลังจากที่ทานข้าวอิ่มแล้วนะค่ะ
เวลา 10 โมงครึ่ง ดิฉันก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ออกจากโรงแรมในจังหวัดร้อยเอ็ด
พร้อมเปิด GPS นำทาง มุ่งหน้ามาเที่ยวสถานที่แห่งแรก นั้นก็คือ พระธาตุยาคู
เพื่อมาดูแหล่งกำเนิดของเมืองฟ้าแดดสงยาง มากราบพระธาตุ
ใครว่าอีสานแห้งแล้ง แม้จะเป็นหน้าแล้ง แต่ที่นี้ก็มีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ทำนาปรังกันนะค่ะ
ระหว่างขับรถมอเตอร์ไซต์มา 2 ข้างทางก็เป็นทุ่งนาสีเขียว ซึ่งเป็นฤดูกาลทำนาปรัง
ใครบอกว่าอีสานแห้งแล้ง เนี่ยขนาดหน้าแล้งนะค่ะ ยังมีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์กว่าภาคกลางเสียอีกค่ะ
ทางเข้าเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง พระธาตุยาคู
ดิฉันขับรถมาได้ประมาณเกือบชั่วโมงก็มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกแล้วค่ะ
เป็นเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง พระธาตุยาคู อยู่ที่อำเภอกมลาไสย
โดยระยะทางจากเมืองร้อยเอ็ด มายังพระธาตุยาคู ประมาณ 40 กิโลเมตรค่ะ
ประวัติความเป็นมาของเมืองฟ้าแดดสงยาง แบบสังเขป
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเมืองฟ้าแดดสงยาง มาอ่านดูเป็นความรู้ดีเลิศ

หรือที่เรียกเพี๊ยนเป็น ฟ้าแดดสูงยาง บางแห่งเรียกว่า เมืองเสมา เนื่องจากผังของเมือง มีรูปร่างคล้ายใบเสมา เป็นเมืองโบราณ ที่มีคันดินล้อมรอบ 2 ชั้น ความยาวของคันดินยาวโดยรอบประมาณ 5 กิโลเมตร คูน้ำจะอยู่ตรงกลางระหว่าง คันดินทั้งสอง
จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบ ทำให้ทราบว่ามีการอยู่อาศัยภายในเมืองมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์และได้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นในสมัยทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 ดังหลักฐานทางพุทธศาสนาที่ปรากฎทั่วไปทั้งภายในและภายนอกเมืองเช่น ใบเสมาหินทรายจำหลักภาพเรื่องชาดกและพุทธประวัติจำนวนมาก บางส่วนเก็บไว้ที่วัดโพธิ์ชัยเสมาราม ซึ่งอยู่ภายในเมือง บางส่วนยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งเดิมที่พบเห็นและบางส่วนก็นำไปเก็บรักษาและจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จ.ขอนแก่น นอกจากนั้นยังมีซากศาสนสถานกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปทั้งภายในและภายนอกเมืองเช่น พระธาตุยาคูและกลุ่มเจดีย์บริวาร ศาสนสถานที่โนนวัดสูง โนนฟ้าหยาด โนนฟ้าแดด เป็นต้น

กรมศิลปากร ได้ประการขึ้นทะเบียน เมืองฟ้าแดดสงยาง เป็นโบราณสถานของชาติโดยประกาศเป็นราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 53 ตอนที่ 34 วันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2479
เมืองฟ้าแดดสงยาง
ซากอิฐและโบราณสถานเมืองฟ้าแดดสงยางที่ยังมีให้เห็น
 ซากศาสนสถานที่เห็นเด่นชัดเลย ก็มีพระธาตุยาคู
ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและที่สักการะบูชาของคนในระแวก
พระธาตุยาคู
แวะมาทั้งทีก็ไม่พลาดมากราบไหว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ
แดดอาจจะร้อนหน่อยนะค่ะ หากใครที่มากลัวจะร้อน แนะนำไหว้ด้านในเต็นที่เค้าจัดไว้ให้จะดีกว่าค่ะ

 
สาระน่ารู้เกี่ยวกับพระธาตุยาคู อ่านดูเป็นความรู้ด้านโบราณสถานค่ะ

สำหรับพระธาตุยาคูเดิมเรียกว่าพระธาตุใหญ่ เป็นสถูปเจดีย์ในสมัยทวารดี (ราวพุทธศตวรรษที่ 13-15) มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุด ในบรรดาโบราณสถานในเมืองฟ้าแดดสงยาง ยังคงปรากฎร่องรอยของฐานที่สร้างในสมัยแรก เป็นรูปฐานสี่เหลี่ยม เดิมมีลวดลายปูนปั้นประดับ ปัจจุบันหลุดออกหมด และได้นำไปจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จ.ขอนแก่น แผนผังของพระสถูปองค์เดิม เปรียบเทียบได้กับศาสนสถานแบบทวารวดีที่พบทางภาคกลาง เช่นที่อำเภออู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และที่อำเภอคูบัว จ.ราชบุรี
รูปทรงขององค์เจดีย์ ได้ถูกก่อสร้างเปลี่ยนแปลงไปในสมัยหลังเป็นเจดีย์รูปแปดเหลี่ยม บนฐานสี่เหลี่ยมเดิมและกรมศิลปากรได้ทำการบูรณะครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2526 และครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ.2539 ได้พบใบเสมาหินทรายหลายใบโดยรอบองค์พระธาตุ ยังปรากฎซากเจดีย์ขนาดเล็ก 

กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนพระธาตุยาคูเป็นโบราณสถาน โดยประกาศในราชกิจานุเบกษา เล่มที่ 54 วันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2480 และประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณสภาน ในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 99 ตอนที่ 155 วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2525 พื้นที่ประมาณ 6 ไร่ 2 งาน

 และภายในบริเวณพระธาตุยาคู
ก็มีชาวบ้านกำลังทอผ้าด้วยค่ะ
ดิฉันเลยไม่รีรอขอตามไปดูและพูดคุยกับชาวบ้านค่ะ
คุณป้าบอกว่ากำลังทอผ้าฝ้ายอยู่คะ
ตอนแรกเดี๊ยนก็คิดว่าทอผ้าไหมแพรวาซ่ะอีก
จริงๆแล้วไม่ใช่นะค่ะ ที่เห็นคือกำลังทอผ้าฝ้ายค่ะ
ป้าบอกว่าทอเอาไว้ใช้ในงานบวชค่ะ เพราะเป็นผ้าสีขาว
เส้นด้ายที่กรอแล้ว ก็ใส่ไว้ในตะกร้า
เพื่อเตรียมเอาไว้ใส่กระสวยเข้ากี่ทอผ้าต่อไป
ส่วนอีกมุมนึงอยู่ใกล้ๆกัน ที่คุณป้ากำลังม้วนด้ายหลายๆสีอยู่นั้น
เป็นการทำใยแมงมุมค่ะ เดี๊ยนก็พึ่งรู้นะค่ะว่าเป็นใยแมงมุม ตอนแรกคิดว่า ป้าจะทำงานช่วยลูกที่บ้านส่งคุณครูเสียอีกค่ะ เพราะเป็นด้ายสีๆพันกับไม้ให้เกิดทรงสี่เหลี่ยมดูเป็นเป็นเรขาคณิต

โดยใยแมงมุมทำไว้เพื่อเป็นเครื่องแขวน ช่วยป้องกันและปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ถือเป็นเครื่องมงคลของภาคอีสาน ใช้งานบุญผะเหวดและงานมงคลต่างๆค่ะ
ใยแมงมุม
 ที่เห็นนี้คือใยแมงมุมค่ะ เดี๊ยนพยายามดูให้เป็นใยแมงมุมค่ะ
ที่เป็นหกเหลี่ยม ดูเหมือนนะค่ะ แต่เป็นสี่เหลี่ยม ดูไม่ค่อยเหมือนใยแมงเท่าใดนัก
แต่ที่ชาวบ้านทำออกมาสวยดีค่ะ 
ใยแมงมุม
ใยแมงมุมๆหลากสีสัน สวยสดงดงามแปลกตาดี
และหาชมได้เฉพาะในภาคอีสานเท่านั้นนะค่ะ
เพราะภาคอื่นยังไม่ค่อยพบเห็นเลย 
ใยแมงมุม
 นอกจากนี้ยังมีผ้าลายขิดทอสำเร็จและผ้าซิ่นแบบอื่นให้เลือกด้วยนะค่ะ
เป็นงานฝีมือของชาวบ้านในพื้นที่ ทอกันได้สวยงามมาก หากใครที่แวะเวียนไปมา ก็อย่าลืมแวะมากราบพระธาตุยาคู และอุดหนุนสินค้าของชาวบ้านในพื้นที้นี้นะค่ะ ชาวบ้านจะได้มีรายได้ไม่ต้องออกไปทำงานยังต่างถิ่นค่ะ

 หลังจากที่ได้แวะไปกราบสักการะพระธาตุยาคูแล้วนะค่ะ
ดิฉันก็ขับรถมุ่งหน้าต่อไปยังพิพิธภัณฑ์สิรินธร
ซึ่งต้องขับเข้ามาในตัวเมืองกาฬสินธุ์นะค่ะ 
 ระหว่างทางขับรถมาก็ไม่ต้องกลัวหลงทางนะค่ะ
เพราะมีป้ายบอกเส้นทางตลอดค่ะ
โดยขับรถเข้ามาในเมืองระยะทางจากในเมืองกาฬสินธุ์ไปพิพิธภัณฑ์สิรินธรประมาณ 30 กิโลเมตรค่ะ
 เดี๊ยนขับรถมาได้สักพัก กระเพาะอาหารก็ร้อง เลยไปร้องท้องที่ร้านก๋วยเตี๋ยวริมทางค่ะ
มื้อเที่ยงนี้ทานก๋วยเตี๋ยวไก่ รสชาติพอทานได้ แถมได้เยอะด้วย
 หลังจากที่ทานก๋วยเตี๋ยวอิ่มแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็แว๊นๆ ขับมอเตอร์ไซตมุ่งหน้ามาจนถึงอำเภอสหัสขันธ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สิรินธร หรือพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์นั้นเอง เพราะใหนๆแวะมากาฬสินธ์ทั้งที นอกจากดนตรีโปงลางเริ่ดๆแล้ว ต้องไม่พลาดแวะมาชมไดโนเสาร์คะ
 ตั้งแต่ขับรถตามทางหลวงมา 2 ข้างทางก็มีไดโนเสาร์จำลองหลายตัวให้เข้าไปชมค่ะ
เรียกว่าหากใครที่พาเด็กๆมาเที่ยวต้องไม่พลาดแวะมาถ่า่ยรูปกันนะค่ะ
โดยเฉพาะตอนที่เดี๊ยนขับรถมา ก็เห็นรถทัศนศึกษาของนักเรียนและเด็กหลายกรุ๊ป
แวะเวียนเข้ามาอย่างไม่ขาดสายค่ะ
 ขับรถมาเรื่อยตามป้ายบอกทาง
ก็ถึงแล้วค่ะพิพิธภัณฑ์สิริธร
บรรยากาศโดยรอบพิพิธภัณฑ์ก็ดึงดูดใจไปด้วยไดโนเสาร์ตัวใหญ่หลายตัวเลยนะค่ะ
แต่ละตัวก็ดูเหมือนมีชีวิตมากๆ ถ้ามีชีวิตจริงๆคงจะน่าตื่นเต้นไม่ใช่น้อยเลยค่ะ
 เดินเข้ามาที่อาคารพิพิธภัณฑ์ด้านใน
เพื่อเข้าไปชมโซนจัดแสดงต่างๆค่ะ
 ค่าธรรมเนียมเข้าชมก็ไม่แพงเลยนะค่ะ
ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 10 บาทค่ะ
ส่วนเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าชมฟรีจ้า
 ได้ตั๋วมาแล้วเก็บไว้ให้ดีนะค่ะ
เพราะเผื่อจะได้ใช้ตอนไปพิพิธภัณฑ์หลุมค่ะ ก็เอาตั๋วใบเดิมเนี่ยแหละค่ะไปแสดง
จะได้ไม่ต้องเสียตังซื้ออีกรอบ
 เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์สิริธร

ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว หรือ พิพิธภัณฑ์สิรินธร (อังกฤษ: Sirindhorn Museum) เป็นศูนย์วิจัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์และ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งแรกของประเทศไทย อยู่ที่อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์[1]เป็นพิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติวิทยา ที่มีการจัดแสดงซากกระดูกไดโนเสาร์ และแสดงความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในมุมมองต่างๆ ทั้งเชิงวิชาการ การอนุรักษ์ รวมไปถึงความสัมพันธ์ต่างๆ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์สิรินธร ได้รับพระราชทานนามจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า "พิพิธภัณฑ์สิรินธร"
(เครดิตข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว)
 โดยภายในอาคารนิทรรศการได้จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับยุคเริ่มแรกของการกำเนิดโลกจนเกิดวิวิฒนาการต่างๆทั้งหมด 8 โซนค่ะได้แก่
โซนที่ 1 จักวาลและโลก
โซนที่ 2 เมื่อสิ่งมีชีวิตแรกปรากฏ
โซนที่ 3 มหายุคพาลีโอโซอิก
โซนที่ 4 มหายุคมีโซโซอิค หรือ มหายุคแห่งสัตว์เลื้อยคลานและไดโนเสาร์
โซนที่ 5 วิถีชีวิตของไดโนเสาร์
โซนที่ 6 คืนชีวิตให้ไดโนเสาร์
โซนที่ 7 มหายุคซีโนโซอิก หรือมหายุคแห่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
โซนที่ 8 เรื่องของมนุษย์
เดินเข้ามาโซนแรก ก็จะเป็นโซนจักรวาลและโลกก่อนเลยค่ะ โดยตามเส้นทางก็จะมีรอยเท้าไดโนเสาร์ให้เดินตามรอยไปค่ะ
สำหรับโซนที่ตืนตาตื่นใจที่สุด
คงต้องยกให้โซนห้องไดโนเสาร์ไทย ซึ่งจำลองกระดูกไดโนเสาร์ไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ถ้ามันมีชีวิตจริงๆ คงจะดีไม่ใช่น้อยเลยนะค่ะ
 แต่ละจุดที่แสดงก็มีป้ายอธิบายสาระและความรู้ให้ได้อ่านกัน
อย่างเช่นซากฟอสซิลแต่ละแบบ หรือปลาในยุคดึกดำบรรพ์
 ห้องแสดงโซน 4.2.ไดโนเสาร์ไทย
ที่นักเดินทางทุกต้องแวะถ่ายรูป
อารมณ์เหมือนได้ไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ในอเมริกาเลยนะค่ะ
เพราะเห็นแล้วคล้ายๆกันเลยค่ะ
พิพิธภัณฑ์สิริธร หอนิทรรศการไดโนเสาร์ภูกุ่มข้าว
หลังจากได้เดินชมห้องนิทรรศการด้านในจนเพลินแล้วนะค่ะ
ดิฉันก็เดินขึ้นตามเนินเขามาตามป้าย เพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์หลุมขุด
ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของการค้นหาซากไดโนเสาร์อีกหลายจุดๆ ณ ดินแดนแห่งนี้ค่ะ
 เดินเข้ามาก็พอกับห้องกว้างๆ
ซึ่งแสดงหลุมขุดค้นซากกระดูกไดโนเสาร์อายุหลายล้านปีให้ได้ชมกันกันค่ะ
นอกจากนี้โดยรอบก็มีป้ายอธิบายความเป็นมาและไดโนเสาร์ชนิดต่างๆให้ได้ศึกษากันด้วยค่ะ

ย้อนอดีตภูกุ้มข้าว ???

สำหรับซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ที่ภูกุ้มข้าวพบชิ้นแรกเมื่อปี 2537 โดยพระครูวิจิตรสหัสคุณ เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยพบท่อนกระดูกโผล่จากพื้นดินในบริเวณที่เป็นหลุมขุดค้นปัจจุบัน ต่อมาคณะสำรวจจากกรมทรัพยากรธรณีจึงได้ทำการสำรวจขุดค้นอย่างเป็นระบบ พบกระดูกไดโนเสาร์ขนาดต่างๆ เป็นกระดูกไดโนเสาร์ชนิดกินพืชมากกว่า 7 ตัว จำนวนกระดูกมากกว่า 700 ชิ้น

ที่สำคัญคือ พบชิ้นส่วนของหัวกระโหลก ฟันและกราม และโครงกระดูกที่เรียงรายต่อกัน เกือบจะสมบูรณ์ทั้งตัวอยู่ด้วย ซากกระดูกไดโนเสาร์เหล่านี้เป็นหลักฐานสำคัญ ที่มีคุณค่ายิ่งในด้านการศึกษาวิจัยถึงเรื่องราว ประวัติความเป็นมาในอดีตอันยาวนาน และสามารถใช้เป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการของโลก ทั้งนี้เพราะไดโนเสาร์ที่พบเป็นสกุลและชนิดใหม่ของโลก ดังนั้นเพื่ออนุรักษ์แหล่งซากไดโนเสาร์ให้คงอยู่เป็นแหล่งอ้างอิงธรณีวิทยา เพื่อศึกษาวิจัยเรื่องของไดโนเสาร์ เพื่อให้เกิดพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์แห่งแรกของประเทศไทย รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวิชาการแหล่งใหม่ จึงได้มีโครงการนี้ขึ้น และได้สร้างอาคารวิจัยซากไดโนเสาร ์และสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่นๆ รวมทั้งสวนไดโนเสาร์ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาวิจัย แหล่งเผยแพร่ความรู้ แหล่งพักผ่อนหย่อนใจและเที่ยวชม
และหลังจากที่ได้เพลิดเพลินใจ ใช้เวลาเดินชมและศึกษาในพิพิธภัณฑ์สิรินธรอยู่นาน
ก็ได้เวลาเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายต่อไปแล้วค่ะ 
เขื่อนลำปาว
 และสถานที่ท่องเที่ยวถัดไปซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์สิรินธรก็คือเขื่อนลำปาวค่ะ
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเทียวและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมที่ใครๆก็ต้องตามมาชมกันค่ะ
 แวะมาบรรยากาศโดยรอบก็เงียบสงบ ลมพัดโชยเย็นดีเหลือเกินค่ะ
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเขื่อนลำปาว

เขื่อนลำปาวสร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2511 ปิดกั้นลำน้ำปาวและห้วยยางที่บ้านหนองสองห้อง ทำให้เกิดเป็นอ่างเก็บน้ำแฝดทางด้านเหนือเขื่อน จึงได้ขุดร่องเชื่อมระหว่างอ่างทั้งสอง สร้างขึ้นเพื่อบรรเทาอุทกภัยและเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะ

เขื่อนลำปาวมีความสูงจากท้องน้ำ 33 เมตร สันเขื่อนยาว 7.8 กิโลเมตร สามารถกักเก็บน้ำได้ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนประตูระบายน้ำ เป็นแบบเปิด ไม่มีประตูปิดกั้นให้น้ำใหลตลอดเวลา(ใหลเฉพาะช่วงฤดูฝน) ปัจจุบัน เขื่อนลำปาวเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา มีสถานที่พักผ่อนหย่อยใจ ได้แก่ หาดดอกเกด ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นสวรรค์ชายหาดของคนอีสาน
(เครดิตข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/เขื่อนลำปาว)
เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจยิ่งนัก
ยิ่งช่วงหน้าร้อนแบบนี้ด้วยแล้ว เหมาะกับการมาเล่นน้ำมากๆค่ะ
 น้ำในเขื่อนดูใสกิ้ง ฟรุ้งฟริ้งมากๆค่ะ
น่าลงไปเล่นจริงๆค่ะ หากใครมาเที่ยวกาฬสินธ์ ก็อย่าลืมมาเดินฟินๆที่มหาธารเขื่อนลำปาวแห่งนี้นะค่ะ
รับรองว่าไม่ผิดหวัง ได้รูปสวยปังกลับไปแน่นอนค่ะ
เดี๊ยนนั่งพักริมเขื่อนเพื่อรอถ่ายรูปเรือแล่นในเขื่นอ
แต่เรือแล้วเรือเล่า ก็ไม่เห็นเรือสักลำจะแล่นมาเลยค่ะ
แต่ก็ยังดีที่มีคนกำลังหาปลาอยู่คะ
ดูคุณพี่แกน่าจะถนัดกับการหาปลาอย่างมากนะค่ะ
วิถีชีวิตผู้คนที่อยู่ใกล้เขื่อนลำปาว กำลังสุขสกาวอยู่กับการหาปลาในน้ำ
อีกหนึ่งวิถีชีวิตของคนอีสาน
ที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้เขื่อน ไม่อดตายค่ะ เพราะในน้ำมีปลา ในนามีข้าว 
 รอบๆเขื่อนก็มีดอกไม้สวยๆให้ชื่นชม เร้าอารมณ์ชื่นอุราช่ะช่ะช่าหัวใจเช่นกันนะค่ะ
มีดอกจาน หรือดอกทองกวาว ดอกไม้งามประจำเขื่อนลำปาว
สวยสกาวแบบบ้านทุ่ง กำลังผลิดอกสีส้มแป๊ดเชียวค่ะ
 และอีกหนึ่งดอกไม้งานก็คือ ดอกกัลปพฤกษ์ สีชมพูหวาน ดูแล้วร้าวรานใจเหลือเกิน
ต้อนรับการย่างกรายเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มตัว
 และอีกหนึ่งสัญลักษณ์อันโดดเด่นเป็นสง่า เชิดหน้าและชูตาเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี
ต้องยกให้โปงลาง เครื่องดนตรีชั้นดีที่ตีได้เสนาะเพราะพริ้ง แถมสวิงกิ้งเร้าใจ ให้อารมณ์เพลินเพลิน
เป็นตัวแทนของความสนุกครืนเครง บรรเลงจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน
เขื่อนลำปาว
ทางเข้าหาดดอกเกด
 และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมที่เขื่อนแห่งนี้ก็คือ หาดดอกเกดค่ะ
ใหนๆมาทั้งที่ต้องไปดูหน่อยซี ว่าจะเริ่ดฉิมพลีแค่ใหน
 หาดดอกเกิดอีกหนึ่งหาดสวย รวยด้วยมนต์เสนห์ไม่แพ้หาดทะเลในภาคตะวันออกและภาคใต้เลยค่ะ
แม้จะเป็นหาดน้ำจืด แต่ก็ไม่ดาษดื่น เพราะร่มรื่นไปด้วย
ชายหาดดอกเกด เขื่อนลำปาว
 เดินมาก็มร่มผ้าใบกางระเยงโตงเตง คล้ายที่หาดบางแสนเลยนะค่ะ
แถมมีร้านค้าขายส้มตำแซ่บนัว ตำซั่ว ตำถาด ไก่ย่าง ปลาเผา ส่งกลิ่นหอมระรัว
ยวลยั่วน้ำลายไหลยิ่งนักเชียว
ชายหาดดอกเกด เขื่อนลำปาว
 นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นอย่าง บาน่านาโบ๊ทให้เล่นอีกด้วยนะค่ะ
เริ่ดมากๆ ไม่ต้องไปไกลถึงทะเลน้ำเค็ม ได้เล่นน้ำทะเลน้ำจืด ไม่เหนียวตัวอีกด้วยนะค่ะ
 บรรยากาศโดยรอบก็ครืนเครง ไปด้วยเด็กนักเรียนที่ได้ไปทัศนศึกษา ณ พิพิธภัณฑ์สิรินธรแล้ว
คุณครูก็พานักเรียนมาพักผ่อน เล่นน้ำทีเขื่อนแห่งนี้
ดูเด็กๆน่าจะสนุกและชอบใจมิใช้น่อยเลยนะค่ะ
เพราะได้เล่นน้ำเย็นๆ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ ประทุดั่งไฟเผาทรวง ก็ช่วยคลายร้อนได้ไม่น้อยเลยค่ะ
เด็กก็เล่นกันอย่างสนุกสนานเชียว เห็นแล้วก็อยากลงไปเล่นด้วยคนจัง
เด็กก็เล่นกันอย่างสนุกสนานเชียว
เห็นแล้วก็อยากลงไปเล่นด้วยคนจัง
ส่วนเด็กบางคนที่ไม่ได้เล่นน้ำก็มานั่งอุดหนุนช่วยซื้อขนมกับคุณป้าที่แบกหาบเร่มาขาย
ส่วนเด็กบางคนที่ไม่ได้เล่นน้ำก็มานั่งอุดหนุนช่วยซื้อขนมกับคุณป้าที่แบกหาบเร่มาขาย
เป็นการกระจายรายได้ช่วยคนในท้องที่ให้มีเงินไปจุนเจือครอบครัว
และหลังจากที่ดิฉันได้นั่งพักผ่อนริมหาดดอกเกด เขื่อนลำปาวอยู่นานพอสมควร
แหงนดูเข็มนาฬิกาในข้อมือ ก็ได้เวลาต้องเดินทางกลับโรงแรมที่พักในเมืองร้อยเอ็ดแล้วค่ะ
ระหว่างทางแวะมา ก็ผ่านร้านขายขนมริมทาง เป็นร้านขายขนมใสใส้
ขนมของโปรดเลยนะค่ะ ตอนแรกคิดว่ามาเที่ยวอีสาน หรือเที่ยวภาคกลางค่ะ
เพราะที่นี้มีขนมไทยขายกันริมทางเลยจ้า 
ขนมใส่ใส้ขายอยู่ริมทาง รสชาติหวานอร่อยมาก ใส้ด้านในเป็นมะพร้าวอ่อน หาได้เป็นมะพร้าวแก่ไม่ ต้องแวะลองชิมแบบไฉไลดูค่ะ
 ลองชิมขนมดูแลวอร่อยจริงๆค่ะ ใส้ในเป็นใส้มะพร้าวอ่อน ไม่เหมือนที่อื่นที่ใช้มะพร้าวแก่  รสหอมหวานกำลังดี ไม่หวานมาก อร่อยมากๆแถมราคาถูกมาก 6 ชิ้น 20 บาทเองค่ะ ถูกกว่าที่กรุงเทพอีกนะค่ะ
เดี๊ยนชอบมากๆ เอาคะแนนรีวิวไปเลย 5 ล้านดาวจ้า... ชื่อร้านขนมใส่ใส้แม่เล็กดั้งเดิม ใครที่แวะมาเที่ยวก็อย่าลืมมาอุดหนุนนะค่ะ อร่อยจริงๆ
แวะซื้อของฝากริมทาง ระหว่างขับรถมอเตอร์ไซต์เข้าเมืองกาฬสินธ์ แวะชิมผลไม้ท้องถิ่นแห่งนี้ รสชาติดีมิใช้น้อย
 ขับรถมาอีกซักพัก ก็มาพบกับร้านขายผลไม้ริมทางอีกค่ะ มีหลายร้านให้เลือกเลยนะค่ะ
ช่วงนี้ฤดูมะม่วงค่ะ ที่หมู่บ้านนี้ก็ปลูกมะม่วงหลายสายพันธ์ นำมาวางขายตามแผงหน้าบ้าน คนที่ขับรถผ่านไปมาก็แวะซื้อได้
 ลองชิมแล้ว มะม่วงน้ำดอกไม้รสหอมหวานอร่อยมากๆ
ต้องซื้อไปทานคู่กับข้าวเหนียวมูลค่ะ
 เดี๊ยนเลยอุดหนุนแม่ค้าสักหน่อย
ซื้อไปฝากคนที่บ้านด้วย แม่คงไม่ว่านะค่ะ เพราะที่บ้านก็ปลูกมะม่วงเหมือนกัน
แต่รสชาติไม่เหมือนกันค่ะ ซื้อไปทานกับข้าวเหนียวมูล
หลังจากที่ได้แวะซื้อของฝากริมทางแล้วนะค่ะ
เดี๊ยนก็แว๊นๆ ขับมอเตอร์ไซต์จากกาฬสินธ์ุกลับมายังเมืองร้อยเอ็ด
แวะหาซื้ออาหารเย็นทาน ที่ตลาดทุ่งเจริญ
ตลาดทุ่งเจริญอยู่ในตัวเมืองร้อยเอ็ด มีอาหารรสชาติเด็ดให้เลือกทานหลายอย่างเลยค่ะ
เดี๊ยนเดินวนหลายรอบเหมือนกัน เพราะเลือกไม่ถูกไม่รู้จะทานอะไรดี
และแล้วก็มาจบที่กระเพาะปลากับไส้กรอกค่ะ มื้อเย็นนี้ทานง่าย
ส่วนขนมใส่ใส้ก็ต้องนำทานให้หมด มะม่วงก็กินกับข้าวเหนียวมูล อร่อยอิ่มเว่อร์จ้า
จบทริปหมดไป 1 วัน
--------------------------------------------------------------------------
เช้าตรู่ของวันที่สาม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายแล้ว
วันนี้คงไม่ได้ไปเที่ยวใหน เพราะต้องเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพแล้วค่ะ
ก็เลยต้อง Check out ออกจากที่พัก แล้วขับมอเตอร์ไซต์ไปคืนที่ร้านเช่าที่โรงแรมวันดีดีเพลส
รถสามล้อเครื่องในภาคอีสาน ที่นั่งใหญ่อลังการเริ่ดเว่อร์ค่ะ
 หลังจากนั้นก็แบกเป้เดินจากโรงแรมวันดีดีเพลสมาที่บิ๊กซี
โทรติดต่อคนขับแท๊กซี่ เพื่อจะเดินทางไปยังสนามบินค่ะ
โดยมานั่งรอขึ้นรถแท๊กซี่ที่หน้าป้ายรถเมลล์ห้างบิ๊กซี
รอแล้ว รอเล่า แต่ก็ไม่นานนัก
คนขับแท๊กซี่ก็มาจอดรถรอตั้งนานแล้วค่ะ
 นั่งแท๊กซี่จากตัวเมืองร้อยเอ็ดมาที่สนามบิน
ค่าเสียหายเท่ากันกับตอนเที่ยวขามานะค่ะ 250 บาทค่ะ
หากมาหลายคนก็แชร์กันได้
 มาถึงก็ Check in ที่สนามบินร้อยเอ็ดค่ะ
หลังจากนั้นก็ขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพค่ะ
จบทริปรีวิวเที่ยวร้อยเอ็ด กาฬสินธ์ ฟินเริ่ดเว่อร์จ้า

หากเพื่อนๆพี่ๆและน้องๆท่านใดที่ยังไม่เคยมาเที่ยวเมืองร้อยเอ็ด หรือกาฬสินธ์ ยังไงลองแวะมาเที่ยวกันสักครั้งนะค่ะ เพราะในเมืองนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ไปชมกันหลายแห่งค่ะ อย่างตัวเดี๊ยนเองไปเที่ยว 2 วันยังไปไม่ครบเลยค่ะ จริงๆไปร้อยเอ็ดยังขาดเจดีย์มหาชัยมงคลอยู่หนึ่งแห่งนะค่ะ เอาไว้คราวหน้า หากมีโอกาสมาเที่ยวอีก คงได้แวะไปค่ะ

สำหรับรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนกุมภาพันธ์ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้นะค่ะ ขอบพระคุณเพื่อนๆทุกคนที่เสียสละเวลาคลิ๊กเข้ามาสไลด์ดูภาพกันค่ะ ภาพอาจไม่สวยหรือเนื้อหาไม่ดีประการใด ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ  หวังว่าจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไปค่ะ
--------------------------------------------------------
รวมบทความบล็อกเที่ยวเดือนละ 1 ครั้ง มีดังนี้ค่ะ(จะทยอยเขียนเพิ่มเรื่อย เพื่อไม่ให้เว็ปบล็อกนี้ร้างไปจ้า) 
รีวิวลุยเดี่ยวตอนที่ 14 แบกเป้ไปชมความน่ารักที่เมืองกอลมาร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวยุโรป ตอนที่ 14 แบกเป้จรลีไปที่เมืองกอลมาร์ เดินลั๊ลลาชมเมืองเก่าสุดน่ารักโรแมนติค คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางคะ>>>
ดูภาพรีวิวได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2uQBBTE
รีวิวเที่ยวงานอุ่นไอรักคลายความหนาว สวยสกาวน่ารัก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวงานอุ่นไอรักคลายความหนาว เดือน มี.ค.61 เดินย้อนยุคสู่ความเป็นไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน คลิ๊กดูภาพและรายละเอียดรีวิวค่ะ>> 
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/sB8ccW
รีวิวเที่ยวร้อยเอ็ด งามเด็ดอีหลีเด้อ ก.พ.2018 ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองร้อยเอ็ด เดือน ก.พ.61 เช่ามอเตอร์ไซต์ขับไปทำบุญสุนทาน สุดอลังการพระสูงใหญ่ คลิ๊กดูภาพและรายละเอียดรีวิวค่ะ>> 
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/igFAoe  
แบกเป้คนเดียวเที่ยวฮ่องกงแบบงงๆ ม.ค.2018 ตอนที่ 2 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวฮ่องกงแบบงงๆ ม.ค.61 ตอนที่ 2 (ตอนจบ) นั่งกระเช้านองปิง เดินสวิงกิ้งย่านสตรีทอาร์ต คลิ๊กดูภาพและรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวมาเก๊า นั่งเรือเมาไปถึงเกาะฮ่องกง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวมาเก๊า-ฮ่องกง ม.ค.61 ตอนที่ 1 เที่ยวมาเก๊านั่งเรือเมาไปถึงเกาะฮ่องกง แถมติดด่าน ตม. เข้าห้องเย็นเจี๊ยบ คลิ๊กดูภาพและรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
 รีวิวเดินชมเทศกาลเที่ยวเมืองไทยปี 2018 ไปดูของดี 4 ภาค คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวภาพงานเที่ยวเมืองไทยประจำปี 2018 ไปชมของดี 4 ภาค กระชากใจเว่อร์ จัดมาออเดิฟรับต้นปี คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>> 
แวะเที่ยวหัวหิน เยือนถิ่นกำเนิดโครงการพระราชดำริ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แวะมาหัวหิน เยือนถิ่นกำเนิดโครงการพระราชดำริ ที่บ้านเขาเต่า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
 รีวิวเที่ยวประจำเดือน ธ.ค.2017 เที่ยวเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเกาะกูด 4 วัน นอนสุขสันต์ริมชายหาด สวยสะอาดน้ำทะเลใส งามวิไลเลิศสะแมนแตน คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>
 รีวิวเที่ยวประจำเดือนธันวาคม 2017 เที่ยวเมืองตราด-เกาะกูด ตอนที่ 1 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองตราด ธ.ค.2017 เดินย่องท่องชุมชนเก่า บอกเล่าความหลัง นั่งเรือไปเกาะกูด สวยชะลูดบาดใจ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวค่ะ>>

 รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวตอนที่ 15 (ตอนจบ) สิ้นสุดการเดินทางอันยาวไกล แวะไปซื้อของฝากเมืองโอซาก้า คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
 แบกเป้คนเดียวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปฟูจิซัง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งริมทะเลสาบคาวากูชิโกะ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว ไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 13 เที่ยวโตเกียวใน 1 วัน นั่งรถไฟสุขส้นต์ไปเมืองคามากุระ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 เดินย่องท่องเมืองฮาโกดาเตะ สุดโรแมนติก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 12 แวะเดินชิลๆเมืองฮาโกดาเตะ สุดแสนโรแมนติก ชิคๆน่ารัก คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวท่องเที่ยวเดือน สิงหาคม 2560 รีวิวเที่ยวเมืองเก่าอยุธยา คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวอยุธยาครึ่งวัน ขี่จักรยานสุขสันต์ตามโบราณสถาน ย้อนวันวานภูมิหลัง งามอลังการชนะเลิศเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>> 
หรือดูบทความรีวิวที่เว็ปไซต์: https://goo.gl/df15Xi
รีวิวเที่ยวประจำเดือนกันยายน ลุยเดี่ยวเช่ามอเตอร์ไซต์ไปเขาใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเขาใหญ่ในฤดูฝน เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับไปชมน้ำตก เดินป่าดูนกในดงพนาไพร งามวิไลเลิศเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
 

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น