Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

พารีวิวชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร มาออนซอนรับความรู้แบบไทยๆ แวะชมนิทรรศการในจิ๋นซีฮ่องเต้

เก็บตกทริปวันหยุดสั้นๆนี้ คุณนายเว่อร์ เธอขอเป็นคนบ้า มารีวิวเที่ยวชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครในกรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน และเดินชมนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้ วัตถุโบราณกว่า 2,000 ปี ให้เดินยวลยีชมกันอีกด้วย
ก็ขอสวัสดีทักทาย ซำบายดีกับเหล่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจกันทุกๆคนอีกเช่นเดิมนะคะ และทริปในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ คุณนายเว่อร์ เธอก็ไม่ได้บ้าเที่ยวออกไปใหนไกลค่ะ วันนี้เลยขอจัดทริปสั้นๆแบบครึ่งวันไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกรุงเทพมหานคร อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันโด่งดัง ติดหนึ่งใน ที่เที่ยวยอดนิยม ที่นักเดินทางชาวต่างชาติ มาเที่ยวควบคู่กับการเที่ยวชมวัดพระแก้ว และย่านเมืองเก่าพระนครรอบเกาะรัตนโกสินทร์มากที่สุดอีกแห่งก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นแหล่งรวบความรู้ การจัดแสดงโบราณวัตถุ ประวัติศาสตร์ และความเป็นมาของชนชาติไทยไว้ให้คนรุ่นหลัง และนักท่องเที่ยวได้ชมกัน ทำให้ใครๆก็ตามที่มาเยือนกรุงเทพ เมืองฟ้าอมรแห่งนี้ ต่างก็สุขเกษมเปรมปรีไปความรู้ที่จะได้จากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

และการไปเยือนพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งนี้ ก็เหมือนได้เปิดไทม์ แมชชีน เปิดประตูย้อนเวลา เข้าไปในอดีตวันวานอีกด้วย ดิฉันจำได้ว่า เคยมาชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เมื่อหลายสิบที่แล้ว จนจำ พ.ศ.ไม่ได้แล้วล่ะค่ะว่ามาปีใหน ถ้าบอก พ.ศ.ไป เดี๊ยนต้องแก่เป็นคุณป้าแน่นอน เอาเป็นว่า เพื่อไม่ให้เสียเวลา ขอพาคุณผู้อ่านที่ยังไม่เคยไปเยือนชม ยลตระการพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ได้ชมกันเลย เผื่อใครที่คิดจะมาเที่ยวกรุงเทพ และไหว้พระที่วัดพระแก้ว ต่อไปก็ต้องไม่กังวลใจเรื่องรถติดแล้วล่ะค่ะ เพราะมีรถไฟฟ้าใต้ดินบริการมาถึงย่านเมืองเก่าใกล้ๆ สนามหลวง วัดพระแก้วเลย เรียกว่าสะดวกสุดๆ
เริ่มต้นการเดินทางวันนี้ แม้จะเป็นวันหยุด กว่าจะได้เดินทางออกจากที่พัก ก็ปาไปตอนเที่ยงกว่าเลยค่ะ นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินลงที่สถานีสนามไชย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน
เริ่มต้นการเดินทางวันนี้ แม้จะเป็นวันหยุด กว่าจะได้เดินทางออกจากที่พัก ก็ปาไปตอนเที่ยงกว่าเลยค่ะ เพราะต้องสะส่าง เคลียงานให้แล้วเสร็จก่อนจะมา

ส่วนการเดินทางมายังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงที่สถานีรถไฟ สนามไชยได้เลย
ทางออกประตู 1 มิวเซียม สยาม 
ป้ายบอกเส้นทางในสถานีรถไฟไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ
วัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง วัดโพธิ์ 
 เดินขึ้นบันใดเลื่อนทางออกประตู 1 มาก็จะเห็นอาคารด้านหน้า พิพิธภัณฑ์มิวเซียมสยามเลยค่ะ อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ในกรุงเทพที่น่าสนใจไม่น้อย
จากนั้นก็เดินตามทางเดินฟุตบาทตรงไปเรื่อยๆ หากใครไม่อยากเดินเท้าไปสนามหลวง นั่งรถเมลล์สาย 53 ไปได้
จากนั้นก็เดินตามทางเดินฟุตบาทตรงไปเรื่อยๆ
และหากใครไม่อยากเดินเท้าไปสนามหลวง พิพิธฑสถานแห่งชาติ ก็สามารถนั่งรถเมลล์สาย 53 ไปได้นะคะ โดยไปขึ้นที่ป้ายรถเมลล์หน้าตำหนักจักรพงษ์ อยู่ตรงข้ามกับ รร.ตั้งตรงจิตรพณิชยการก็ได้ ค่าโดยสาร 8 บาท

แต่ถ้าใครขึ้เกียจรอรถเมลล์ ก็เดินออกกำลังกายไปเลยก็ได้ เพราะบางวันรถติดหนัก รถเมลล์สีแดงกว่าจะมาจอดที่ป้าย เราอาจเดินไปถึงที่หมายก่อนก็ได้ 
แต่วันที่ไป รถติดมากๆ เดี๊ยนเลยตัดสินใจเดินไปดีกว่าค่ะ ถือว่าออกกำลังกายไปในตัวละกัน ประมาณ 1.8 กิโลเมตร เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็เดินเท้ากันไป ฝนตกลงมาปรอยๆ เย็นฉ่ำกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว 
สองเท้า ก้าวเดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน MRT สถานีสนามไชย มาเรื่อยๆก็ถึงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
เดินออกกำลังกายจากสถานีรถไฟใต้ดิน MRT สถานีสนามไชย มาเรื่อยๆก็ถึงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแล้วค่ะ อยู่ติดๆกับ ม.ธรรมชาติ ใกล้สนามหลวง
National Museum Bangkok แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นไทย มีของเก่าแก่แท้ให้ชม อย่างน่าภิรมย์ใจ
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในเขตเมืองเก่าพระนคร ที่ไม่ใช่แค่ทางผ่าน เพราะด้านในมีอะไรให้เข้าไปยลตระการอยู่ไม่น้อย
เรื่องน่ารู้เกี่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร 
เนื่องจากมีการจัดงานแสดงนิทรรศการโบราณวัตถุของจิ๋นฮ่องเต้ ที่นำมาจากเมืองซีอาน มาจัดแสดงด้วย ทำให้คนมากันเยอะมากๆ ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ

เรื่องน่ารู้เกี่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร 

ตั้งอยู่บริเวณ “พระราชวังบวรสถานมงคล” หรือ “วังหน้า” เป็นที่ประทับในกรมพระราชวังบวรสถานมงคล วังหน้าหรือพระมหาอุปราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2325 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท วังหน้าในรัชกาลที่ 1 ขอบเขตพระราชวังเมื่อแรงสร้างอยู่ระหว่างถนนพระจันทร์ถึงพนนราชินี บริเวณเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า และริมแม่น้ำเจ้าพระยาถึงถนนราชดำเนินใน ซึ่งเคยครอบคลุมพื้นที่สนามหลวงฝั่งเหนือ ปัจจุบันกำแพงพระราชวังเหลือเพียงกำแพงด้านทิศใต้ซึ่งเป็นกำแพงของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

และในคราวเดียวกับพระบรมมหาราชวัง พระราชวังแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของพระมหาอุปราชถึง 5 พระองค์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ยกเลิกตำแหน่งพระมหาอุปราช พระราชวังแห่งนี้จึงว่างลง จึงโปรดเกล้าฯให้ “มิวเซียมหลวง” ณ ศาลาสหทัยสมาคมหรือหอคองคอเดีย ในพระบรมมหาราชวังมาตั้งแสดง

ต่อมาในรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชมณเฑียรในพระราชวังบวรสถานมงคลทั้งหมด จัดเป็นพิพิธภัณฑ์สถานสำหรับพระนคร ทั้งรวบรวมศิลาจารึก คัมภีร์ใบลาน สมุดไทย ตำราโบราณมาจัดแสดงที่พระที่นั่งศิวโมกขพิมานในฐานะหอพระสมุดวชิรญาณ โดยสมเด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดพิพิภัณฑสถานพระนคร เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2469

ค่าธรรมเนียมเข้าชม คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท เปิดให้ชมทุกวัน พุธ-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 8.30-16.00 น.
ยืนรอเข้าคิวซื้อบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์
คนไทย 30 บาท
ชาวต่างชาติ 200 บาท
ยกเว้นค่าเข้าชม เด็ก นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป พระสงฆ์ สมาชิก ICOM และ ICOMOS ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม
พิพิธภัณฑ์เปิดให้ชมทุกวัน พุธ-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 8.30-16.00 น.

ยกเว้นค่าเข้าชม เด็ก นักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป พระสงฆ์ สมาชิก ICOM และ ICOMOS ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม
ได้บัตรเข้าชมมาแล้ว เพราะแผ่นพับข้อมูลพิพิธภัณฑ์  
ไปรับบัตรจำนวนผู้เข้าชมแต่ละรอบด้วยนะคะ สำหรับคนที่จะเข้าชมห้องจัดแสดงในอาคารพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน
ได้บัตรเข้าชมแล้ว ก็ต้องไปรับบัตรจำนวนผู้เข้าชมแต่ละรอบด้วยนะคะ สำหรับคนที่จะเข้าชมห้องจัดแสดงในอาคารพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ซึ่งเป็นอาคารหลังแรกที่นักท่องเที่ยวจะเข้าไป
ฝากของที่ห้อง Deposit Room
ส่วนใครที่นำกระเป๋าเป้หรือของมีค่า ก็นำไปฝากไว้ที่จุดรับฝากได้เลยค่ะ

ข้อพึงปฎิบัติในการเ้าชมนิทรรศการพิเศษ ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
ข้อพึงปฎิบัติในการเ้าชมนิทรรศการพิเศษ ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน 
- ห้ามนำกระเป๋าขนาดใหญ่เข้าห้องจัดแสดง
- กระเป๋าใบเล็กที่นำติดตัวเข้าไปต้องผ่านการตรวจทุกใบ
- ห้ามนำไปแช็กและวัตถุที่ก่อให้เกิดประกายไฟเข้าห้องจัดแสดง
- ห้ามนำมีดพกและวัตถุมีคมเข้าห้องจัดแสดง
- ห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดเข้าห้องจัดแสดง
- ถ่ายภาพนิ่งด้วยกล้องมือถือเท่านั้น 
- ห้ามถ่ายภาพเคลื่อนไหวทุกชนิด งดเซลฟี่ งดแฟลซ และไม้เซลฟี่
- การเช้าชมนิทรรศการพิเศษจะได้รับการจัดสรรเป็นรอบ
- ผู้เข้าชมต้องผ่านการตรวจอาวุธและพึงรับฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ 

รูปภาพแสดงหมายเลขชื่ออาคารต่างๆในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติให้ผู้สนใจเข้าไปชมและเรียนรู้
แผนที่แสดงหมายเลขอาคารต่างๆในเขตพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
1.พระที่นั่งศิวโมขพิมาน ห้องจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ
2.พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ สถาปัตยกรรมวังหน้า ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์
3.พระตำหนักแดง คือที่ประทับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งทรงพระเยาว์
4.อาคารมหาสุรสิงหนาท แสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์โบราณคดีก่อนพุทธศตวรรษที่ 18
5.อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ แสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์โบราณคดีหลังพุทธศตวรรษที่ 18
6.อาคารหมู่พระวิมาน นิทรรศการแสดงข้าวของเครื่องใช้ในสำนักพระราชวังหลวง และศิลปะไทยประเพณี
7.พระที่นั่งอิศเรศราชนุสรณ์ ที่ประทับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
8.เก๋งนุกิจราชบริหาร ภาพจิตรกรรมฝาผนังจีน ห้องสิน
9.หอพระอนุสรณ์เจ้าพระยายมราช
10.โรงราชรถ จัดแสดงพระราชยานในงานพระเมรุ พระเมรุมาศ
11.พระที่นั่งมังคลาภิเษก
12.ศาลาสำราญมุขมาตย์ สถาปัตยกรรมไทยอันวิจิตรตระการตา
13.ศาลาลงสรง สถาปัตยกรรมวังหน้า

สำหรับรูปภาพที่ถ่ายมานี้ ก็มาจากมือถือเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ภาพอาจจะไม่ค่อยชัด หรือเบลอๆไปบ้าง ต้องขออภัยด้วยนะคะ
สำหรับรูปภาพที่ถ่ายมานี้ ก็มาจากมือถือเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ภาพอาจจะไม่ค่อยชัด หรือเบลอๆไปบ้าง ต้องขออภัยด้วยนะคะ เพราะกล้องมือถือเก่ามากๆแล้ว

นั่่งรถคิวไม่นานนักประมาณ 20 กว่านาที ก็เชิญเข้าไปชมด้านในอาคาร พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน จัดแสดงนิทรรศการพิเศษ จิ๋นซีฮ่องเต้ ซึ่งนำโบราณวัตถุจากเมืองซีอานประเทศจีนมาจัดแสดง ให้ผู้สนใจเข้าชม
ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไม่น้อย จนต้องต่อคิวกันเข้าเลยทีเดียวค่ะ 
อายุนามนับสองพันปีของโบราณวัตถุรูปปั่นหุ่นทหาร ที่ยืนเรียงนับร้อย กลายเป็นภาพติดตา ที่ใครๆก็ต้องอยากไปชมสักครั้ง
ความเก่าแก่อายุนามนับสองพันปีของโบราณวัตถุรูปปั่นหุ่นทหาร ที่ยืนเรียงนับร้อย กลายเป็นภาพติดตา ที่ใครๆก็ต้องอยากไปชมสักครั้ง และแน่นอนว่าตอนนี้ ก็ไม่ต้องบินไปชมไกลถึงเมืองซีอานประเทศจีน พิพิธภัณฑ์สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน รวบรวมโบราณวัตถุสำคัญ จำนวน 86 รายการ (จำนวน 133 ชิ้น) มีอายุกว่า 2,000 ปี จากพิพิธภัณฑ์ชั้นนำ 14 แห่ง ในประเทศจีน มาจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ ณ พระที่นั่งศิวโมขพิมาน แห่งนี้ เปิดให้ชมนาน 3 เดือน ก่อนจะนำกลับไปเมืองจีนเหมือนเดิม 

จัดแสดงพัฒนาการก่อนการรวมชาติ ในบริบทประวัติศาสตร์จีน ประวัติศาสตร์ไทย
 ในโซนแรก จัดแสดงพัฒนาการก่อนการรวมชาติ ในบริบทประวัติศาสตร์จีน ประวัติศาสตร์ไทย และประวัติศาสตร์โลก ที่จัดแสดงแผนผังให้ได้ชมกันอย่างน่าสนใจ
ภายในห้องจัดแสดงวัตถุโบราณ มีกระจกกันขโมยอย่างดี หากไปสัมผัสหรือจับต้องเข้า จะมีเสียงกรีดกริ่งร้องระงมไปทั่ว ดังยิ่งกว่าเสียงจิ้งหรีดซ่ะอีก หากใครที่เข้ามาชมอย่าได้จับต้องเชียวล่ะค่ะ

สมัยจ้านกว่อ ประเทศจีนประกอบด้วยแคว้นเล็ก แคว้นน้อยที่แบ่งแยกการปกครองเอกเทศ จากภาพเป็นชิ้นส่วนข้อต่อโครงสร้าง
ในสมัยราชวงศ์โจว สมัยชุนชิว และสมัยจ้านกว่อ ประเทศจีนประกอบด้วยแคว้นเล็ก แคว้นน้อยที่แบ่งแยกการปกครองเอกเทศ ยุคนี้มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการหล่อสำริด เช่นการผลิตอาวุธ เครื่องดนตรี ภาชนะ และเงินตรา รวมถึงความก้าวหน้าทางการทหาร  ซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมให้แคว้นฉินที่เป็นแคว้นขนาดเล็ก ในเขตชายแดนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีนโบราณ กลายเป็นจักรวรรดิที่แข็งแกร่งในเวลาต่อมา

ตามภาพถ่ายจากมือถือ เป็นชิ้นส่วนข้อต่อโครงสร้าง ใช้ยึดโยงตัวโครงสร้างไม้ให้มั่นคง
วัสดุเป็นสำริด
ยืนมาจาก พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มณฑลส่านซี
อายุสมัยซุนชิว (227 ปีก่อนเกิด พ.ศ.- พ.ศ.68)
 
เหอ เป็นภาชนะมีพวยกาประดับลวดลายคดโค้ง ใช้สำหรับบรรจุเหล้า
เหอ เป็นภาชนะมีพวยกาประดับลวดลายคดโค้ง ใช้สำหรับบรรจุเหล้า

ติ่ง ภาชนะในพิธีกรรม
ติ่ง ภาชนะในพิธีกรรม
ภาชนะประเภทนี้ใช้สำหรับบรรจุอาหารเพื่อใช้ในการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
วัสดุ สำริด
ยืนมาจาก พิพิธภัณฑ์หล่งเสียน 
อายุสมัยซุนชิว (227 ปีก่อนเกิด พ.ศ.- พ.ศ.68)

ลูกต้มน้ำหนัก 30 จิน วัสดุทำจากสำริด
ลูกต้มน้ำหนัก 30 จิน
วัสดุเป็นสำริด
ยืนมาจาก พิพิธภัณฑ์มณฑลส่านซี
อายุสมัยราชวงศ์ฉิน (พ.ศ.323-338)
โซนจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกของจีนกับกองทัพทหารดินเผา
และโซนสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หยิบกล้องมาถ่ายภาพแทบทุกมุม คงเป็นโซนจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกของจีนกับกองทัพทหารดินเผา
แสดงโบราณวัตถุสำคัญจากสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี เช่นหุ่นทหาร และม้าดินเผา เสื้อเกราะ อาวุธสำริด และรถม้าสำริด
จัดแสดงโบราณวัตถุสำคัญจากสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี เช่นหุ่นทหาร และม้าดินเผา เสื้อเกราะ อาวุธสำริด และรถม้าสำริด โดยจิ๋นซีฮ่องเต้เผ้าค้นหาความเป็นอมตะเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะตลอดชีวิต ทรงดำริให้มีการสร้างสุสานเมื่อพระชนมายุ 13 พรรษา 
ส่วนประกอบเป็นทองคำและเงิน
ตามภาพเป็นส่วนประกอบของบังเหียนม้าและรถม้า
ส่วนประกอบเป็นทองคำและเงิน อายุสมัย ราชวงศ์เฉิน พ.ศ.323-328 ราวประมาณ 2,240 ปีมาแล้ว 
ส่วนประกอบเป็นทองคำและเงิน
ยืนมาจาก พิพิธภัณฑ์สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี
อายุสมัย ราชวงศ์เฉิน พ.ศ.323-328
มีอายุราวประมาณ 2,240 ปีมาแล้ว 

หลังจากชาวนาคนหนึ่งได้ขุดค้นพบทหารดินเผา นับเป็นการค้นพบทางโบราณคดีครั้งสำคัญแห่งศตวรรษที่ 20
เรื่องราวของจิ๋นซี ได้รับการบันทึกไว้โดยอาลักษณ์สมัยราชวงศ์ฮั่น ซือหม่าเฉียน พรรณารายละเอียดอันน่าทึ่งของมหาสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีไว้ ปริศนานี้ได้รับการเปิดเผย เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2517 หลังจากชาวนาคนหนึ่งได้ขุดค้นพบทหารดินเผา นับเป็นการค้นพบทางโบราณคดีครั้งสำคัญแห่งศตวรรษที่ 20 องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ ยูเนสโก จึงประกาศให้สุสานจักรพรรดิจิ๋นซีเป็นมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อ พ.ศ.2530
เสื้อแกราะสำริดโบราณของทหารถูกฝั่งเก็บไว้ มีสภาพสมบูรณ์ อายุนานนับ 2,000 ปี
ความมหัศจรรย์ของสุสานจักรพรรดิ์จิ๋นซี คือการใช้แรงงานคนจำนวนมหาศาลเพื่อดำเนินการก่อสร้างสุสานในระยะเวลาเกือบ 40ปี  มหาอนาจักรแห่งนี้ ครอบคลุมพื้นที่ 60 ตารางกิโลเมตร โดยเป็นการจำลองนครเสียนหยาง เมืองหลวงแห่งสุดท้ายในสมัยราชวงศ์ฉินไว้ในสุสาน  รัฐบาลจีนได้ดำเนินการขุดพบทางโบราณคดีแล้วกว่า 900 หลุม พบทหารดินเผาและรถม้ากว่า 8,000 ตัว

พบสุสานบริวารของเจ้าชาย เจาหญิง นางสนม ข้าราชการ คนงานสร้างสุสาน คอกสัตว์และรถม้าสำริดอีกด้วย ถือเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ และกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงดึงดูดนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อไปชมความยิ่งใหญ่ ของสุสานจิ๋นซีแห่งนี้

แผ่นทองคำมีตราประทับหรือตัวหนังสือปรากฎด้านบน ใช้สำหรับเป็นของกำนัล
นอกจากนี้ยังมีของมีค่าต่างๆเช่น
แผ่นทองคำมีตราประทับหรือตัวหนังสือปรากฎด้านบน ใช้สำหรับเป็นของกำนัล
วัสดุเป็นทองคำ
ยืมมาจาก พิพิธภัณฑ์ซีอาน
ตุ๊กตาหญิงรับใช้ ใส่เสื้อหลายชั้น แขกกว้าง ซึ่งแสดงถึงการแต่งกายในราชสำนักในยุคนั้น
มีตุ๊กตาหญิงรับใช้ ใส่เสื้อหลายชั้น แขกกว้าง ซึ่งแสดงถึงการแต่งกายในราชสำนักในยุคนั้น
วัสดุเป็นดินเผาเขียนสี
ยืมมาจาก พิพิธัภัณฑ์หยางหลิน
อายุสมัยราชวงศ์ฮั่น ตะวันตก พ.ศ.338 -552

ประติมากรรมบุคคล
ประติมากรรมบุคคล
รูปปั้นทหารในสมัยนั้น 
ตุ๊กตารูปสัตว์ 
ประตูสุสานสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ มรดกทางวัฒนธรรมจากจักรพรรดิจิ๋นซีและราชวงศ์เฉิน ส่งต่อสู่ราชวงศ์ฮั่น ส่วนสุดท้ายของนิทรรศการ จัดแสดงโบราณวัตถุสุสานสมัยราชวงศ์ฮั่น
ประตูสุสานสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่ยังคงความงามของลวดลายไว้อย่างสมบูรณ์ 
มรดกทางวัฒนธรรมจากจักรพรรดิจิ๋นซีและราชวงศ์เฉิน ส่งต่อสู่ราชวงศ์ฮั่น ส่วนสุดท้ายของนิทรรศการ จัดแสดงโบราณวัตถุสุสานสมัยราชวงศ์ฮั่น และโบราณวัตถุที่บอกเล่าเรื่องราวประเพณี วิถีชีวิต ความรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรม การเมือง การปกครอง สังคม เกษตรกรรม และเทคโนโลยี ทางการทหาร ตลอดจนการค้า การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่าง ชาวจีนโบราณกับชาวต่างชาติบนเส้นทางสายแพรไหม สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคั่งทางเศรษฐกิจ นับเป็นยุคทองของงานศิลปกรรมและอารยธรรมของจีนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ยังมีโบราณวัตถุอื่นๆ อีกหลายชิ้นที่นำมาจัดแสดงให้ผู้สนใจได้เข้าชม โดยจัดแสดงในพระที่นั่งศิวโมกขพิมานนาน 3 เดือน ก่อนจะนำกลับสู่แผ่นดินจีนดั้งเดิม
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพระที่นั่งพุทไธสวรรย์
ออกจากการเดินชมโซนที่ 1 แล้ว จากนั้นก็ก็มาไหว้พระต่อที่ อาคารพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ สถาปัตยกรรมวังหน้า

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพระที่นั่งพุทไธสวรรย์

เป็นพระที่นั่งภายในพระราชวังบวรสถานมงคล สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เดิมมีนามว่า พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เดิมสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเพื่อทำการพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีตรุษสารท พระราชพิธีโสกันต์พระเจ้าลูกเธอ เป็นต้น หลังจากนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2330 พระองค์เสด็จไปยังเชียงใหม่ และไดัอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ลงมา พระองค์จึงทรงพระราชอุทิศพระที่นั่งองค์นี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์

เมื่อต่อมา สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ทรงเปลี่ยนนามพระที่นั่งองค์นี้ว่า พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ปัจจุบัน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์เป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร  (เครดิตข้อมูลจาก https://th.wikipedia.org/wiki/พระที่นั่งพุทไธสวรรย์)
ด้านในประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ องค์จริงจากสมัยอาณาจักรสุโขทัย ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
ด้านในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ องค์จริงจากสมัยอาณาจักรสุโขทัย
ภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบไทยแท้ งามยิ่งนักแลด้านในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์
จุดเด่นนอกจากองค์พระพุทธสิหิงค์เป็นองค์ประธานแล้วอยู่ตรงกลางพระที่นั่งแล้ว ยังมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรกรรมตา งามล้ำค่าต่อผู้ที่ได้เข้ามาชม
โดยภาพเขียนฝาผนัง แสดงเรื่องราวพุทธประวัติ ซึ่งมีทั้งหมด 32 ผนัง ยกตัวอย่างเช่น ผนังที่ 1 พระราชพิธีอภิเษกสมรสพระเจ้าสุทโธทนะ ไปจนถึงผนังที่ 32 แสดงการถวายพระเพลิง พระมหากัสสปะกราบพระยุคลบาทองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระตำหนักแดง เคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
ด้านหลังของพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ก็เป็นตำหนักแดง ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
ศาลาสำราญมุขมาตย์ สถาปัตยกรรมไทย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน
มีศาลาสำราญมุขมาตย์ สถาปัตยกรรมไทยอันงดงามวิจิตรตระการตา งามล้ำค่าต่อผู้ที่ได้พบเห็น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต้องต้องตะลึงงึงงันอยู่นาน 
ศาลาสำราญมุขมาตย์ สถาปัตยกรรมไทยอันงดงามวิจิตรตระการตา
เดินมาชมต่อเป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการความเป็นไทย
โซนแสดงนิทรรศการนครรัฐไทยบนแผ่นดินสุวรรณภูมิ
โดยเป็นห้องโซนแสดงนิทรรศการนครรัฐไทยบนแผ่นดินสุวรรณภูมิ
จากรัฐโบราณสู่บ้านเมืองไทย ภาพอาจเบลอๆ ไม่ค่อยชัด เนื่องจากถ่ายจากล้องมือถือค่ะ From The Ancient States to The Thai Kingdom
เรื่องน่ารู้จากรัฐโบราณสู่บ้านเมืองไทย

แผ่นดินไทยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสุวรรณภูมิ หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ตอนล่างเป็นคาบสมุทรเปิดสู่ทะเลจีนใต้ทางภาคตะวันออก และออกสู่มหาสมุทรอินเดีย ทางภาคตะวันตก เป็นจุดภูมิศาสตร์สำคัญทางการค้าโบราณ ระหว่างโลกตะวันออกและโลกตะวันตก มีผู้คนหลากหลายภาษา เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัย ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเจริญด้านต่างๆ และวัฒนธรรม จนชุมชนก่อนประวัติศาสตร์พัฒนาขึ้นเป็นเมือง และรัฐสมัยต้นประวัติศาสตร์ โดยรัฐแรกที่สำคัญ เช่น ทวารวดี และลวปุระหรือลพบุรีในภาคกลาง เจนละและศรีจนาศะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ศรีวิชัยในภาคใต้ และหริภูญชัยในภาคเหนือ

เวลาต่อมา เมื่อรัฐโบราณข้างต้น และอาณาจักรใกล้เคียง เช่น กัมพูชา พุกาม เสื่อมอำนาจลง ประกอบกับจีนเปลี่ยนนโยบายการค้า มาติดต่อกับเมืองน้อยใหญ่โดยตรง และสนับสนุนให้ผู้คนทางใต้ของจีนเข้ามาทำมาหากินในอุษาคเนย์ จึงเป็นปัจจุัยให้เกิดบ้านเมืองใหม่ๆ บนแผ่นดินไทยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19 ดั่งปรากฎในเอกสารจีน ศิลาจาริกจาม และเขมร  เรียกกลุ่มเมือง หรือรัฐบนแผ่นดินนี้ว่า เสียน เสียม หรือสยาม กลุ่มบ้านเมืองเหล่านี้ ล้วนมีรากฐานมาจากความเจริญทางด้านสังคมและวัฒนธรรมที่มีมาก่อน กระจายอยู่ทุกภูมิภาค โดยมักตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำสายหลัก  ที่มีเส้นทางติดทะเล เติบโตด้วยการเป็นศูนย์กลางการค้า มีศาสนาพุทธฝ่ายเถรวาท เป็นศาสนาหลัก กษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ แต่ไม่กีดกันศาสนาอื่น จนในที่สุดก็มีการผนึกเป็นอาณาจักรของชาวไทยอย่างแท้จริง หรือที่ชาวต่างชาติเรียกว่า ราชอาณาจักรสยามในสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อพุทธศตวรรษที่ 21 กระทั่งเป็นราชอาณาจักรไทย หรือประเทศไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อปลายพุทธศตวรรษที่ 25 จวบจนถึงทุกวันนี้

 ภายในจัดแสดงนิทรรศการความรู้ ความสำคัญต่างๆของแผ่นดินไทยไว้อย่างน่าสนใจ
พระที่นั่งของพระมหากษัตริย์ทไย
 วัตถุสิ่งของมีค่าที่หาชมได้ยากมาจัดแสดงไว้
พระสุวรรณภิงคาร เป็นศิลปอยุธยา พบในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ
เช่นภาพที่เห็นนี้คือ พระสุวรรณภิงคาร เป็นศิลปอยุธยา พบในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ.2500 เป็นพระเต้าน้ำ มีพวย ฝายอดพรหมพักตร์ มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ ว่าเป็นภาชนะสำหรับบรรจุน้ำศักดิ์สิทธิ์ มักใช้ในการกรวดน้ำ เมื่อทำบุญหรือบริจาคทาน ในพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกใช้บรรจุเป็นน้ำเทพมนต์ หรือใช้สำหรับพระเจ้าแผ่นดินหลั่งทักษิโณทก
ดอกพิกุลทอง จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ศิลปสมัยรัตนโกสินทร์
ดอกพิกุลทอง ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ 25 โดยดอกพิกุลทองถือว่าเป็นดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์จากสรวงสวรรค์ ในพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก พระเจ้าแผ่นดินผู้ดำรงอยู่ในฐานะเทวราชา จะทรงโปรยดอกพิกุลทอง และพิกุลเงิน พระราชทานแด่พราหมณ์ พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาท เปรียบเสมือนเทพยดา ทรงโปรยดอกไม้จากสรวงสวรรค์ลงมาให้มนุษย์ได้ชื่นชมและเป็นสิริมงคล
บัลลังค์จำลองทองคำ พุทธศตวรรษที่ 22 ศิลปะล้านนา ได้มาจากการขุดค้นวัดเจดีย์สูง
บัลลังค์จำลอง พุทธศตวรรษที่ 22 ศิลปะล้านนา ได้มาจากการขุดค้นวัดเจดีย์สูง ตำบลฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณที่จะถูกน้ำท่วม เมื่อสร้างเขื่อนภูมิพล สำหรับบัลลังค์จำลอง พร้อมเครื่องสูงสำหรับพระมหากษัตริย์ เป็นเครื่องสักการบูชาพระพุทธ ถวายไว้ในพระพุทธศาสนาแบบวัฒนธรรมล้านนา ตามคติที่เชื่อว่า พระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ และถือว่าพระศาสดาเป็นขัติยวงศ์ จึ
สร้างเครื่องราชนูปโภค ถวายเป็นพุทธบูชา
 หนังสือกฎหมายตราสามดวง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช กฎหมายโบราณที่ถูกตราและชำระขึ้นมาใหม่ในรัชกาลที่ 1
รถไฟจำลอง เป็นเครื่องราชบรรณาการจากสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียอังกฤษ
รถไฟจำลอง เป็นเครื่องราชบรรณาการจากสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียแห่งอังกฤษ ในสมัยพระเจ้าเกล้าเจ้าอยู่หัว ศตวรรษที่ 19 เป็นรถไฟหัวจักรไอน้ำ จำลองแบบมีรถพวงตาม มีการแบ่งห้องพวงเป็นคันๆ โดยมีทั้งส่วนบรรทุกของ และส่วนผู้โดยสารตามสถานะ ส่วนหัวมีจาริกเป็นภาษาอังกฤษความว่า "Victoria"
นอกจากนี้ยังมีวัตถุโบราณต่างๆ นำมาจัดแสดงให้ชมในโซนดังกล่าวอีกมากมาย และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้่งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาเรียนรู้และเดินชมไม่น้อย
นอกจากนี้ยังมีโซนอื่นๆอีก โดยมีป้ายบอกหมายเลขอาคารต่างๆไว้ด้วย 
พระที่นั่งมังคลาภิเษก สถาปัตยกรรมวังหน้า
ส่วนศาลาที่อยู่ด้านหลังพระที่นั่งพุทไธสวรรย์เป็น พระที่นั่งมังคลาภิเษก สถาปัตยกรรมวังหน้า
 ใกล้ๆกันเป็นโรงราชรถ จัดแสดงพระราชยานในงานพระเมรุ พระเมรุมาศ
 ใกล้ๆกันเป็นโรงราชรถ จัดแสดงพระราชยานในงานพระเมรุ พระเมรุมาศ
ซึ่งโรงราชรถก็เป็นอีกหนึ่งโซนที่รวบรวมสถาปัตยกรรมไทยไว้อย่างสวยงาม มีป้ายแสดงความรู้ให้ได้อ่าน และเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำอีกด้วย
เดินมาที่อาคารหมายเลข 5 เป็นอาคารประพาสพิพิธภัณฑ์
มาที่อาคารหมายเลข 5 เป็นอาคารประพาสพิพิธภัณฑ์
เป็นอาคาร 2 ชั้น เพิ่ม 2 หลัง เพื่อจัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่มีเพิ่มมากขึ้น เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ประชาชนโดยมีนาย ทิพา สังขวัฒนะเป็นผู้ออกแบบ ผู้จัดตั้งแสดงในห้องต่างๆ 
ชั้นบนเป็นห้องจัดแสดงศิลปสมัยอยุธยา 
ชั้นบนเป็นห้องจัดแสดงศิลปสมัยอยุธยา  
 เป็ออีกโซนที่น่าสนใจ บ่งบอกประวัติศาสตร์ความเจริญรุ่งเรื่องในสมัยอยุธยาได้เป็นอย่างดี
เช่น ห้องจัดแสดงศิลปะวัตถุตู้โบราณและหีบต่างๆ
ห้องจัดแสดงพระพุทธรูปโบราณสมัยอยุธยา พระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่ ปางมารวิชัย อายุประมาณ 300 ปี ศิลปะอยุธยา
 เศียรพระพุทธรูปสมัยอยุธยา ที่นำมาจัดแสดงให้ชม อย่างน่าอัศจรรย์ใจ 
 เศียรพระพุทธรูปสมัยอยุธยา ที่นำมาจัดแสดงให้ชม อย่างน่าอัศจรรย์ใจ 
ธรรมสาสน์ ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 23 ได้มาจากวัดใหญ่สุวรรณาราม จังหวัดเพชรบุรี
ตามภาพนี้คือ ธรรมสาสน์ ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 23 ได้มาจากวัดใหญ่สุวรรณาราม จังหวัดเพชรบุรี
 รูปหล่อสำริดโบราณต่างๆ
 เดินลงมาด้านล่างเป็นห้องจัดแสดงโบราณวัตถุสมัยรัตนโกสินทร์
ห้องจัดแสดงโบราณวัตถุสมัยรัตนโกสินทร์
 ซึ่งจัดแสดงศิลปะวัตถุ และโบราณวัตถุไว้ในตู้ให้ได้ชม มีป้ายบอกชื่อและที่มาให้อ่านเป็นความรู้ด้วย
 เจดีย์จำลอง ศิลปะรัตนโกสินทร์ มีลักษณะพิเศษคือ การทำทุกส่วนอยู่ในผังย่อมุม ตั้งแต่ฐานไปจนถึงบัลลังค์
ยกตัวอย่างเช่นเจดีย์ที่เห็นนี้คือ เจดีย์จำลอง ศิลปะรัตนโกสินทร์ พ.ศ.2444 เป็นทองเหลืองปิดทองคำเปลว  เป็นเจดีย์ทรงเครื่อง ที่มีเครื่องประดับตกแต่งส่วนต่างๆ มีลักษณะพิเศษคือ การทำทุกส่วนอยู่ในผังย่อมุม ตั้งแต่ฐานไปจนถึงบัลลังค์ สำหรับการจำลองเจดีย์ทรงเครื่องด้วยโลหะนี้ คงเป็นการจำลองเจดีย์จุฬามณี เจดีย์ที่ประดิษฐานพระเขึ้ยวแก้วและพระเมาลีของพระพุทธเจ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการบูชา
ตู้พระธรรมขาหมู จำหลักลายเซี่ยวกางยืนเงื้อศาสตรบนสิงห์โตและเวชสันดรชาดก
ตามภาพที่เห็นคือ ตู้พระธรรมขาหมู จำหลักลายเซี่ยวกางยืนเงื้อศาสตรบนสิงห์โตและเวชสันดรชาดก ศิลปะรัตนโกสินทร์ เมื่อ 200 ปีมาแล้ว เป็นไม้ลงรักปิดทอง เป็นฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ 1 เดิมอยู่ที่วัดราชนัดดา ได้มาเมื่อ พ.ศ.2463
เศียรหุ่นหลวง ตัวพระ ตัวนาง ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ 24 อายุประมาณ 200 ปีมาแล้ว
เศียรหุ่นหลวง ตัวพระ ตัวนาง ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ 24 อายุประมาณ 200 ปีมาแล้ว
เป็นไม้เขียนสี ทองคำ ประดับกระจก โดยกรมพิณพาทย์และโขนหลวงส่งมาให้เมื่อปี พ.ศ.2469  สำหรับหุ่นหลวงหรือหุ่นใหญ่ นิยมสร้างขนาดความสูงจากระดับศรีษะถึงปลายเท้า ตั้งแต่ 85-110 เซนติเมตร มีลำตัว แขน แขน และแต่งตัวเช่นเดียวกับละคร
และตรงข้ามอาคารประพาธพิพิธภัณฑ์ ก็เป็นโซนแสดงนิทรรศการหมายเลข 6 อาคารหมู่วิมาน
614 เป็นห้องจัดแสดงเครื่องสัตราวุธโบราณ
 อย่างเช่นห้อง 614 เป็นห้องจัดแสดงเครื่องสัตราวุธโบราณ
จุดเด่นในห้องนี้นอกจากเครื่องอาวุธโบราณต่างๆแล้ว คงเป็นเป็นช้างตัวใหญ่ ซึ่งเป็นคชยุทธ์ ช้างพาหนะสำคัญในการสงคราม โดยเหล่าขุนศึกผู้ควบคุมช้าง  จะจัดกระบวนทัพช้างเป็นแถว ตามหลักพิชัยสงคราม โดยมีแม่ทัพที่ประทับบนคอช้างศึก เป็นผู้นำออกคำสั่งผ่านการให้อาณัติสัญญาณบนสัปคับหลังช้าง สำหรับช้างที่ใช้ออกศึก จะผ่านพิธีกรรมลงยันต์ ตามตัวเพื่อให้หนังเหนียวและมีความศักดิ์สิทธิ์
 ถัดมาก็เป็นห้องมุกกระสัน จัดแสดงเครื่องใช้มุกต่างๆในราชสำนักวังหลวง
มีด้านบนให้ขึ้นไปชมได้อีกด้วย
ด้านบนเป็นพระที่นั่งอุตราภิมุข แสดงอิสริยพัตราภูษาภัณฑ์ต่างๆให้ได้ชมและเรียนรู้อีกด้วย
 ถัดจากห้องมุขกระสัน ก็เป็นห้องจัดแสดงพระภูษา ฉลองพระองค์ หรือเสื้อผ้าของพระมหาษัตริย์ไทย
 ชุดไทยในพระราชสำนัก
โดยผ้าที่จัดแสดงเป็นผ้าโบราณเก่าแก่ มีลวดลายที่ประณีตและงดงามยิ่งนัก
614 เป็นห้องจัดแสดงเครื่องสัตราวุธโบราณ
 ห้องแสดงเครื่องสัปคับ ที่พระที่นั่งปฤษฎางค์ภิมุข
เครื่องสัปคับก็คือ ที่นั่งบนหลังช้าง
เครื่องสัปคับก็คือ ที่นั่งบนหลังช้าง ซึ่งในอดีตพระมหาษัตริยืไทยจะนิยมนั่งบนสัปคับหลังช้างเสด็จไปยังสถานที่ต่างๆ
ห้องจัดแสดงเครื่องถ้วยในพระราชสำนัก ที่พระที่นั่งวสันตพิมาน อยู่ด้านล่าง
ห้องจัดแสดงเครื่องถ้วยในพระราชสำนัก
ที่พระที่นั่งวสันตพิมาน อยู่ด้านล่าง
ห้องจัดแสดงเครื่องที่ประทับในวังหลวง
ห้องจัดแสดงเครื่องที่ประทับในวังหลวง
อยู่ด้านบนของ พระที่นั่งวสันตพิมาน
พระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข จัดแสดงเครื่องโลหะศิลป์
และติดๆกันกับพระที่นั่งวสันตพิมาน
ก็เป็นพระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข จัดแสดงเครื่องโลหะศิลป์
 ก็คือห้องแสดงดนตรีไทยในวังหลวงแบบต่างๆ
รวมทั้งจัดแสดงหัวโขน เครื่องแต่งกายของโขน ให้ผู้ที่สนใจได้ชมและได้รับความรู้ในโซนนี้ด้วย 
เวลา 4 โมงเย็น ก็หมดเวลาการเข้าชมของพิพิธภัณฑ์แล้วค่ะ
เดินไปสุดที่ห้องแสดงเครื่องโลหะศิลป์ เวลา 4 โมงเย็น ก็หมดเวลาการเข้าชมของพิพิธภัณฑ์แล้วค่ะ
จบทริปเที่ยวในวันหยุดสั้นๆ จริงๆแล้วยังเดินชมไม่หมดเลยนะคะ ยังมีโซนห้องจัดแสดงอื่นๆอีก ขากลับไม่ไหวค่ะ เพราะเดินในโซนต่างๆจนเมื่อยขา นั่งรถเมลล์สาย 53 กลับไปรถไฟใต้ดินสถานีสนามไชย เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
จบทริปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ครึ่งวัน จริงๆแล้วยังเดินชมไม่หมดเลยนะคะ ยังมีโซนห้องจัดแสดงอื่นๆ อีกหลายอาคารให้เข้าไปชมโซนต่างๆ  ตอนขามาเดินจากสถานีรถไฟมายังพิพิธภัณฑ์ ขากลับไม่ไหวค่ะ เพราะเดินในโซนต่างๆจนเมื่อยขา นั่งรถเมลล์สาย 53 ไปลงที่ป้ายหน้า รร.ตั้งตรงจิตร และเดินไปที่สถานีรถไฟสนามไชย กลับที่พักโดยสวัสดิภาพ

ถือเป็นอีกหนึ่งศูนย์เรียนรู้อันทรงคุณค่าที่สุดอีกแห่งขอเมืองไทย เพราะรวบรวมประวัติศาสตร์ความเป็นมา โบราณวัตถุ และศิลปะวัตถุไว้อย่างดี หากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆคนใหน ยังไม่เคยมาเยี่ยมชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ก็แวะมาออนซอน เดินเทียวชมและศึกษาหาความรู้กันนะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ แถมตอนนี้ เดินทางก็ไม่ต้องกังวลเรื่องรถติดอีกแล้ว เพราะมีรถไฟฟ้าใต้ดินบริการมาจนถึงย่านท่องเที่ยวเมืองเก่าอีกด้วย แวะมาเที่ยวกันเยอะนะคะ

สรุปค่าใช้จ่าย 
ค่าเดินทางรถไฟฟ้าใต้ดินไปกลับ เที่ยวละ 42 บาท รวม 84 บาทไปกลับ
ค่ารถเมลล์โดยสารขากลับ สาย 53 ไปลงป้ายหน้า รร.ตั้่งตรงจิต 8 บาท
ค่าธรรมเนียมเข้าชม 30 บาท
รวมทั้งหมด 122 บาท 

สำหรับรีวิวทริปเที่ยวพาชมพิพิพิธภัณฑ์ในบทความนี้ ก็ขอจบเพียงเท่านี้ หากผิดพลาดสิ่งใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆท่านที่เสียสละเวลา เข้ามาสไลด์เลื่อนชมกัน หวังว่าะจะได้พบกันอีกในเว็ปบล็อกถัดไป....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
------------------------------------------------------------------------
บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้ 
7 วัดสวยงามในกรุงเทพ ที่ใครๆก็ต้องมาเสพสุขไหว้กันสักครั้ง มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลยค่ะ>>
รู้จัก 7 วัดสวยงามในกรุงเทพ ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเสพสุข ไหว้พระกันสักครั้ง มีวัดใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ>>

เก็บตกวันหยุด รีวิวพาเที่ยวชมพระราชวังเดิม เติมความรู้แบบไทยๆ ไปชมกันเลยจ้า คลิ๊กดูที่เที่ยว>>
เก็บตกวันหยุด พารีวิวเที่ยวชมพระราชวังเดิม เติมความรู้ไทยๆ มีอะไรให้ชมบ้างในโบราณสถานแห่งนี้ คลิ๊กดูรายละเอียดและการเดินทางค่ะ>>>

เที่ยวกรุงเทพปีนี้ พักแถวใหนดี กับ 7 โซนตามเส้นทางรถไฟฟ้า คลิ๊กดูข้อมูล>>
แนะนำ 7 โซนที่พักตามเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพ เดินทางสะดวกสบาย มาให้เลือกพิจารณากัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
หรือดูข้อมูลที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2k5RELh

แนะนำโรงแรมและที่พักแถวจตุจักร-หมอชิตเปิดใหม่ ราคาถูก ประหยัด คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
รวมอัพเดทที่พักเปิดใหม่แถวหมอชิต-จตุจักร ราคาถูก ประหยัด ห้องพักราคาไม่แพง ใกล้สถานีรถไฟฟ้า เดินทางสะดวก คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก+เบอร์โทรติดต่อ>>

รีวิวเที่ยวมิวเซียมสยาม แหล่งเรียนรู้สุดเก๋ไก๋ มีอะไรอัพเดทใหม่บ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย>>
รีวิวพาเที่ยวชมมิวเซียมสยาม แหล่งเรียนรู้ไทยๆสุดเก๋ไก๋ มีอะไรอัพเดทใหม่ๆให้ชมบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวและที่เที่ยวค่ะ>>>

แบ่งปันรีวิวเที่ยวขอนแก่น สุดสะแนนแสนชิล ไปถ่ายรูปวิวสวยงาม คลิ๊กดูที่เที่ยว>>
มาเด้อมาเที่ยวเมืองขอนแก่น สุดสะแนนแสนชิล ขับรถไปถ่ายรูปชมวิวต่างๆ มีที่ใหนเช็คอินบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>

รีวิวเที่ยวเมืองอุดร เช่ารถขับตะลอนไปชมสถานที่ต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อ>>
มาม๊ะ..มารีวิวเที่ยวเมืองอุดร เช่ารถออนซอน ตะลอนไปชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งกันได้เลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
รวม 12 ข้อดีของประโยชน์ที่ได้ออกไปท่องเที่ยวมีอะไรบ้าง คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
รวมสาระกับ 12 ประโยชน์ข้อดีของการออกไปท่องเที่ยว มีอะไรบ้าง นำมาให้อ่านสร้างพลังกันเดินหน้าต่อไป คลิ๊กดูรายละเอียดบทความ>>


รีวิวเช่ารถมอเตอร์ไซต์ไปเที่ยวเมืองปราจีนบุรี ต้องไปฉิมพลีกันสักครั้งครา คลิ๊กดูรีวิว>>
เก็บตก แวะเที่ยวเมืองปราจีนบุรี เมืองที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน แต่ก็มีอะไรให้ยลตระการ ชื่นบานอุราอยู่ไม่น้อย คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>>
เที่ยวนครนายกไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวไปทั่วได้ด้วยตัวเอง คลิ๊กดูรีวิว>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวนครนายก ไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวไปทั่วได้ใน 1 วันแบบชิลๆ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวจ้า>>>
แบ่งปันทริปรีวิวเที่ยวเมืองเก่าซาลซ์บูร์ก 1 วัน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
เปิดโลกกว้าง เดินทางไปเที่ยวเมืองซาลซ์บูร์ก(Salzburg) เมืองเก่าแก่แห่งนี้ มีที่เที่ยวจุดชมวิวสวยๆอะไรบ้าคลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวและการเดินทางค่ะ>>>
เปิดโลกกว้างเที่ยวเมืองเซลอัมซี (Zell am See) เมืองนี้ มีที่เที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
แบ่งปันทริปท่องโลกกว้าง เที่ยวเมืองเซลอัมซี เมืองน่ารัก มีจุดนั่งพักถ่ายรูปสวยๆ ไปดูสิว่ามีที่เที่ยวอะไรบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
แบ่งปันรีวิวเดินทางไปชมปราสาทน็อยชวานสไตน์ด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิววิธีการเดินทางไปเที่ยวชมปราสาทน็อยชวานสไตน์ด้วยตัวเองมาฝากใน 1 วัน มีที่เที่ยวอะไรให้ชมอีกบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวเมืองมิวนิค เดินชิคๆไปชมสถานที่สวยงามต่างๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวเมืองมิวนิค เดินชิคๆไปชมสถานที่สวยงามต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปชมกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>
รีวิวพาไปเที่ยวเมืองอูล์ม เมืองน่ารักที่ไม่เป็นแค่ทางผ่าน คลิ๊กดูสถานที่ท่องเที่ยวจ้า>>
แบ่งปันรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวพาไปเที่ยวเมืองอูล์ม(Ulm) เมืองน่ารัก ที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน แต่ก็มีสถานที่ให้ยลตระการอยู่ไม่น้อย คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวจ้า>>
แบ่งปันรีวิวพาไปชมเมืองสตุทการ์ท มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปกันเลย>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวพาไปเที่ยวเมืองสตุทการ์ท มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ มีที่เที่ยวอะไรให้ชมอีกบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวจ้า>>>

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น