Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

ตะลอนเมืองไทยไปต้องรู้ดู สะดือแม่น้ำโขง วัดอาฮงศิลาวาส ตำนานสายน้ำเกี่ยวกับพญานาค ที่ใครก็ไม่พลาดไปชมกันสักครั้ง

เพื่อไม่ให้บทความร้างไป เที่ยวเมืองไทยไปให้รู้ในวันนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอนำเสนอสาระน่ารู้เกี่ยวกับ สะดือแม่น้ำโขง วัดอาฮงศิลาวาส จุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง แหล่งท่องเที่ยวที่ใครก็ไม่พลาดมาเช็กอินถ่ายรูปชมกัน


สวัสดีค่ะเพื่อนๆผู้อ่านบนโลกออนไลน์ และเหล่านักทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจทุกๆคน หลังจากที่บทความก่อนหน้าได้พาไปลัดเลาะเที่ยวชมเสน่ห์วิถีชีวิตของกรุงเทพในอดีตกันไปแล้ว วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอพาไปเที่ยวชม สะดือแม่น้ำโขง ที่วัดอาฮงศิลาวาส หนึ่งวัดเก่าแก่ในจังหวัดบึงกาฬ ที่ใครแวะผ่านก็ต้องมายลตระการสะดืดแม่น้ำโขง และไหว้พระกราบกรานที่วัดติดริมแม่น้ำแห่งนี้สักครั้ง ยังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวและจุดเช็กอินถ่ายรูปสำคัญที่ใครมาเที่ยวบึงกาฬก็ไม่พลาดมาชม สะดือแม่น้ำโขง ให้เห็นเป็นบุญตาสักครั้ง


สาระน่ารู้เกี่ยวกับ สะดือแม่น้ำโขง วัดอาฮงศิลาวาส จังหวัดบึงกาฬ (Wat Ahong Silawas, Bueng Kan province)


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ สะดือแม่น้ำโขง วัดอาฮงศิลาวาส จังหวัดบึงกาฬ (Wat Ahong Silawas, Bueng Kan province)

สำหรับจุดชม "สะดือแม่น้ำโขง" นั้น ตั้งอยู่ที่ วัดอาฮงศิลาวาส เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงใกล้ๆกับบริเวณแก่งอาฮง ซึ่งตัววัดอยู่ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬประมาณ 21 กิโลเมตร  โดยจุดดังกล่าวถือว่าเป็นจุดแม่น้ำโขงที่มีความลึกที่สุด เนื่องด้วยมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวตลาดและ มีกระแสน้ำวนบริเวรดังกล่าวเป็นกรวยวนขนาดใหญ่ในช่วงน้ำหลาก แต่ถ้าฤดูแล้ง แต่จุดดังกล่าวน้ำก็ไม่เคยแห้งเหือด ก็ยังมีกระแสน้ำวนตลอด โดยสังเกตุได้จากซากไม้หรือวัสดุที่ลอยมาถึงบริเวณดังกล่าว ซากไม้เหล่านั้นก็จะหมุนวนอยู่นาน จึงจะไหลต่อไปได้ ดังนั้นชาวบ้านในระแวกนั้นเชื่อกันว่าเป็น "สะดือแมน้ำโขง" โดยจะผ่านหน้าวัดฮาฮงศิลาวาส 

คำว่า "อาฮง" หรือ "โฮง" นั้นเป็นภาษาโบราณ แปลว่า เมืองหลวง ห

ส่วนคำว่า "อาฮง" หรือ "โฮง" นั้นเป็นภาษาโบราณ แปลว่า เมืองหลวง หรือพื้นที่กว้างใหญ่ สังเกตุได้จากพื้นที่คุ้งน้ำและภายในวัดเป็นพื้นที่กว้าง ที่มีคำว่า อา นำหน้านั้น ก็เป็นการพ้องเพี้ยนของภาษา แต่เดิมเรียกน้ำของ แต่ต่อมาเรียกน้ำโขง เป็นต้น   

บริเวณที่เชื่อว่าเป็นจุดที่ลึกที่สุดที่เรียกว่า "สะดือแม่น้ำโขง" ก็คือบริเวณวัดอาฮงศิลาวาสนี้เอง

ซึ่งสะดือแม่น้ำโขง ก็จะมีความเกี่ยวพันกับตำนานของพญานาคด้วย โดยประวัติที่มาของสะดืดแม่น้ำโขงนั้นเริ่มต้นจาก แม่น้ำโขงถือได้ว่าเป็นแม่น้ำนานาชาติ มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาหิมาลัยผ่านประเทศจีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชาและเวียดนาม รวมความยาวทั้งสิ้น 4,880 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับ 8 ของโลก แต่บริเวณที่เชื่อว่าเป็นจุดที่ลึกที่สุดที่เรียกว่า "สะดือแม่น้ำโขง" ก็คือบริเวณวัดอาฮงศิลาวาสนี้เอง โดยจะเห็นได้ชัดในฤดูน้ำหลากคือช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนกันยายน 

คนแก่สมัยโบราณเคยวัดความลึกของสะดือแม่น้ำโขงโดยใช้เชือกกับก้อนหินหย่อนลงไปวัดความลึกได้ 80 วา

คนเฒ่าคนแก่สมัยโบราณเคยวัดความลึกของสะดือแม่น้ำโขงโดยใช้เชือกกับก้อนหินหย่อนลงไปวัดความลึกได้ 80 วา ส่วนในหน้าแล้งคือช่วงเดือนมีนาคม ถึงเดือนเมษายน วัดความลึกได้ 45-50 วา เนื่องจากบริเวณสะดือแม่น้ำโขงค่อนข้างกว้างใหญ่ ยากที่จะสังเกตุให้รู้ได้ ดังนั้นหากท่านใด อยากจะทราบว่าบริเวณใดเป็นจุดที่ลึกที่สุดนั้น ให้สังเกตุวังน้ำวนได้หน้าพระอุโบสถถึงหน้าพระวิหารใหญ่

น้ำโขงในบริเวณนี้จะเป็นคุ้งที่มีกระแสน้ำไหลวนเป็นวงกว้าง ยิ่งน้ำไหลแรงเชี่ยวกราดมากเท่าไหร่ ก็จะเห็นน้ำวนเป็นหลุมรูปทรงกรวยอย่างชัดเจน

ลักษณะน้ำโขงในบริเวณนี้จะเป็นคุ้งที่มีกระแสน้ำไหลวนเป็นวงกว้าง ยิ่งน้ำไหลแรงเชี่ยวกราดมากเท่าไหร่ ก็จะเห็นน้ำวนเป็นหลุมรูปทรงกรวยอย่างชัดเจน จะกินบริเวณกว้างจากหน้าวัดไปจนถึงแก่งอาฮงเลย ซึ่งเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ทอดยาวต่อกันเป็นสายลงไปในแม่น้ำโขง ฃ

ในทางภูมิศาสตร์นั้น สันนิษฐานว่า บริเวณนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับรอยเลื่อนของเปลือกโลกเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน

ซึ่งในทางภูมิศาสตร์นั้น สันนิษฐานว่า บริเวณนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับรอยเลื่อนของเปลือกโลกเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน ทำให้เกิดเป็นชั้นหินที่ต่างระดับลักษณะคล้ายหน้าผาใต้น้ำ ดังนั้นกระแสน้ำที่ไหลผ่านมาถึงบริเวณนี้จึงมีการตกกระแทก เฉกเช่นน้ำที่ตกจากหน้าผาสูงชันทั่วไป ประกอบกับคุ้งน้ำบริเวณหน้าวัดอาฮงศิลาวาส มีลักษณะคล้ายตัวอักษร S ทำให้มวลน้ำที่การกระแทกหมุนวนไปมา จึงเกิดเป็นวังน้ำวนขนาดใหญ่ จนได้ชื่อว่า สะดือแม่น้ำโขง นั้นเอง 

จากนี้ยังมีตำนานความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค หรืองูขนาดใหญ่ที่มีฤทธิ์มากอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง ทุกวันออกพรรษา 15 ค่ำเดือน 11

นอกจากนี้ยังมีตำนานความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค หรืองูขนาดใหญ่ที่มีฤทธิ์มากอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง ทุกวันออกพรรษา 15 ค่ำเดือน 11 จะมีประชาชนจำนวนมากมาเฝ้ารอชมปรากฎการณ์มหัศจรรย์ที่เรียกว่า "บั้งไฟพญานาค" มีความเชื่อกันว่าเป็นเมืองหลวงของพญานาค ตั้งแต่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย มาจนถึงสะดือแม่น้ำโขง หน้าวัดอาฮงศิลาวาสแห่งนี้จึงเชื่อกันว่าเป็นดินแดนแห่งพญานาคด้วย โดยบั้งไฟที่เกิดขึ้นนั้น เริ่มต้นแต่เวลาพลบค่ำ ลักษณะเป็นไฟดวงขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือ ไปจนถึงขนาดใหญ่เท่าใข่ห่านหรือผลส้ม มีสีแดงชมพูออกเป็นสีบานเย็นหรือสีทับทิม ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ไม่มีเปลว ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น โดยบั้งไฟพญานาค จะเริ่มปรากฎจากเหนือผิวน้ำ ตั้งแต่ระดับ 1-30 เมตร พุ้งสูงขึ้นไปประมาณ 50- 150 เมตร เป็นเวลา  5- 10 วินาที และจะดับหายวับไปในอากาศ ทั้งๆที่ดวงไฟยังโตอยู่ มิได้หรี่เล็กลงแล้วค่อยดับ และไม่มีลักษณะโค้งแล้วโตลงมาเหมือนดอกไม้ไฟ 

ปัจจุบันมีกลุ่มนักวิจัยจากหลายสถาบันตั้งสมมุติฐาน และหาหลักฐานอธิบายปรากฎการณ์ว่าเกิดขึ้นจาก กลุ่มก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ในแม่น้ำโขง เช่น ก๊าซมีเทน เป็นต้น แต่ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์และหาหลักฐานชี้ชัดได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการกระทำของ พญานาค หรือเกิดจากการกระทำของธรรมชาติกันแน่

เนื่องจากความลึกของแม่น้ำโขงนั้น ทำให้แก่งอาฮงเป็นที่อยู่อาศัยของปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก นั้นก็คือปลาบึก 

และเนื่องจากความลึกของแม่น้ำโขงนั้น ทำให้แก่งอาฮงเป็นที่อยู่อาศัยของปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก นั้นก็คือปลาบึก ในตอนดึกของฤดูน้ำหลากโดยเฉพาะช่วงวันเพ็ญเดือนเก้า จะได้ยินเสียงมาจากแม่น้ำโขง ประหนึ่งว่ามีคนลงเล่นน้ำ เสียงดังตูมตามประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก็จะเงียบหายไป คนเฒ่าคนแก่เล่าว่า นั้นคือเสียงปลาบึกออกมาผสมพันธุ์กัน ด้วยในบริเวณนั้นเป็นน้ำลึก และปลาบึกเองก็กินตะไคร่น้ำเป็นอาหาร อีกทั้งใต้น้ำแก่งอาฮงนั้นมีโขดหินมากมายและมีถ้ำใหญ่  ระบบนิเวศเรียกได้ว่ามีความสมบูรณ์ จึงเป็นแหล่งที่มีปลาบึกฉุกชุมอีกแห่งของประเทศไทย 


ประวัติการก่อตั้งวัดอาฮงศิลาวาสนั้น คือหลวงพ่อลุน ซึ่งก่อตั้งขึ้นกลางป่าดงดิบกับโขดหินน้อยใหญ่อยู่ติดริมแม่น้ำโขง ณ สมัยนั้นยังไม่มีถนนตัดผ่าน


ส่วนประวัติการก่อตั้งวัดอาฮงศิลาวาสนั้น คือหลวงพ่อลุน ซึ่งก่อตั้งขึ้นกลางป่าดงดิบกับโขดหินน้อยใหญ่อยู่ติดริมแม่น้ำโขง ณ สมัยนั้นยังไม่มีถนนตัดผ่าน โดยเป็นเทือกเขาเชื่อมโยงมาจากฝั่งประเทศลาว วัดนี้มีชื่อเรียกว่า “วัดป่าเลไลย” ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2506  จนหลวงพ่อลุนได้มรณภาพลงทำให้ วัดนี้ไม่มีพระภิกษุอยู่จำวัดแบบถาวรเลย จึงคงเหลือแต่ แม่ชี ที่อยู่เฝ้าวัดและจำพรรษาอยู่ จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2517 ท่านเจ้าคุณนิเทศศาสนคุณ (หลวงพ่อมหาสมาน สิริปัญโญ) ผ่านมาและ แวะเข้าไปดูบริเวณวัด และเห็นสภาพทั่วไป สงบร่มรื่น อยู่ติดกับริมฝั่งแม่น้ำโขงซึ่งจะมี โขดหินเรียงรายอยู่ในแม่น้ำยื่นจากฝั่ง ออกไปสู่กลางลำน้ำโขงเรียกว่า ”แก่งอาฮง”

พระอุโบสถหินอ่อนวัดอาฮงศิลาวาส 

อักทั้งบริเวณวัดยังมีโขดหินรูปร่างแปลกตามากมาย มีการจัดเรียงตามธรรมชาติ เหมือนกับสวนหิน ให้ผู้ที่ได้มาเยือนได้เดินชมกันอย่างเพลิดเพลินด้วย


และหลวงพ่อมหาสมานได้ปรึกษากับคณะพระภิกษุสงฆ์ พร้อมญาติโยม จะปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ขึ้นใหม่ ให้เป็นวัดที่สมบูรณ์และถาวรโดยปรับปรุง สภาพแวดล้อมและก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก ที่มีความจำเป็นแก่พระ ภิกษุสามเณร และญาติโยม เสร็จแล้วหลวงพ่อตั้งชื่อวัดใหม่ให้เข้ากับ สภาพแวดล้อมว่า “วัดอาฮงศิลาวาส” จนถึงปัจจุบัน และได้พัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญประจำจังหวัดบึงกาฬ  ที่ใครก็ต้องแวะมาเช็กอินไหว้พระและชมสะดือแม่น้ำโขงที่วัดแห่งนี้สักครั้ง

ายในพระอุโบสถ์ ประดิษฐาน “พระพุทธ คุวานันท์ศาสดา” ซึ่งมีความงดงามยิ่งนัก

ภายในวัดวัดอาฮงศิลาวาส มีพระอุโบสถ์หินอ่อนที่สวยงาม ตั้งตระหง่านอยู่ ริมแม่น้ำโขงตั้งอยู่บนแก่งอาฮง ภายในพระอุโบสถ์ ประดิษฐาน “พระพุทธ คุวานันท์ศาสดา” ซึ่งมีความงดงามยิ่งนัก ด้วยว่าเป็นพระ พุทธรูปลักษณะเดียวกับพระพุทธชินราช นอกจากนี้ ยังมีพระพุทธรูปทองคำสององศ์ ประดิษฐาน บรรยากาศภายในวัด  อักทั้งบริเวณวัดยังมีโขดหินรูปร่างแปลกตามากมาย มีการจัดเรียงตามธรรมชาติ เหมือนกับสวนหิน ให้ผู้ที่ได้มาเยือนได้เดินชมกันอย่างเพลิดเพลินด้วย

จากตัวเมืองบึงกาฬ ใช้ทางหลวงหมายเลข 212 เส้นทางไปจังหวัดหนองคาย ห่างจากตัวเมือง 21 กิโลเมตร

ส่วนการเดินทางมายังวัดอาฮงนั้น ระยะทางจากตัวเมืองบึงกาฬ ใช้ทางหลวงหมายเลข 212 เส้นทางไปจังหวัดหนองคาย ห่างจากตัวเมือง 21 กิโลเมตร


เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://thai.tourismthailand.org/Attraction/วัดอาฮงศิลาวาส

https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/4395

------------------------------------------------------------------------------

บทความบล็อกอื่นๆ  มีดังนี้ค่ะ


ตำนานบอกเล่าอันเก่าแก่ของบ่อน้ำพุร้อนพระร่วงในเมืองชากังราว คลิ๊กดูบทความ>>>

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับตำนานบอกเล่าอันเก่าแก่ของบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง ในเมืองชากังราวสุดน่าสนใจ มาให้อ่านกัน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดบึงกาฬ ต้องไปเริงสำราญให้ได้ คลิ๊กดูที่เที่ยว>>

รวมเด่นสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดตาในจังหวัดบึงกาฬ ต้องไปเช็กอินให้สำราญกันสักครา มีที่ใหนบ้างหนา ตามไปช่ะช่ะช่ากันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>

รวมเด่นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดตาและตราตรึงใจในสกลนคร คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นจังหวัดสกลนคร ที่ใครก็ต้องมาออนซอนเช็กอินถ่ายรูปกันสักครา ไม่งั้นมาไม่ถึงนะ มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวค่ะ>>>

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองสตูลสุดน่าสนใจ มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>

รวมเด่นแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่ในตัวเมืองสตูล ที่ต้องไปเช็กอินถ่ายรูปภาพกระชากใจเว่อร์กัน มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวค่ะ>>>

สถานที่ท่องเที่ยวในเกาะหลีเป๊ะและจุดเช็กอินถ่ายรูปวิวสวยๆ คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกาะหลีเป๊ะ และจุดเช็กอินถ่ายรูปวิวสวยๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเที่ยวชมกันเลยจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวค่ะ>>>

วมเด่นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเชียงราย ใครก็ต้องไปกัน คลิ๊กดูที่เที่ยวจ้า>>

จัดไปกับ 15 ที่เที่ยวจุดเช็กอินยอดนิยมในเชียงราย ที่ใครก็ต้องปักหมุดไปถ่ายรูปกันสักครั้ง มีที่ใหนบ้างนั้น ตามไปเที่ยวชมกันได้เลย คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวค่ะ>>>
 
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองตาก แวะไปเช็ออินถ่ายภาพกันสักครั้ง คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
รวมเด่น 12 ที่เที่ยวในเมืองตาก ต้องแวะไปเช็กอินถ่ายภาพสวยสักครา มีที่ใหนบ้างหนา ตามไปลั๊ลลากันได้เลย คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวค่ะ>>>

รวมเด็ด 17 ที่เที่ยวกำแพงเพชรยอดนิยมที่คนไปเช็กอินกันสักครั้ง>>
แนะนำ 17 แหล่งท่องเที่ยวเด็ดในกำแพงเพชร ที่ใครก็ต้องระเหินระเห็ดไปเช็กอินถ่ายรูปกันสักครา มีที่ใหนบ้างหนา ตามไปลั๊ลลากันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวค่ะ>>>

แนะนำสถานทีท่องเที่ยวในเมืองมหาชัย สมุทรสาคร แวะไปออนซอนได้ชิลๆ>>>
รวมเด็ด 11 สถานที่ท่องเที่ยวสมุทรสาคร สามารถแวะไปเช็กอิน ออนซอนถ่ายรูปได้ชิลๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวค่ะ>>>

ที่เที่ยวในเกาะพยาม ที่ใครก็ต้องตามไปเช็กอินถ่ายภาพสวยๆกัน คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเกาะพยาม ที่ใครก็ต้องตามไปถ่ายรูปภาพเช็กอินกัน ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึง มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแนะนำที่เที่ยวค่ะ>>>
แหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองประจวบฯ ที่ต้องแวะมาเช็กอินกันให้ได้ คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
รวมเด็ดสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองประจวบคีรีขันธ์ ต้องมาเช็กอินถ่ายภาพกันสักครา มีที่ใหนบ้างหนา ตามไปช่ะช่ะช่ากันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแนะนำที่เที่ยวค่ะ>>>
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในสมุทรสงคราม ต้องตามไปเช็กอินกัน คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในแม่กลอง-อัมพวา ที่ใครๆก็มาเช็กอินถ่ายรูปกัน ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงนะ คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>
แหล่งท่องเที่ยวภาคอีสานใต้ ที่พลาดไม่ได้เลย ต้องไปเช็กอินกัน คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>>
แนะนำ 15 สถานที่ท่องเที่ยวแดนดินถิ่นอีสานใต้ ที่ใครๆก็ต้องแวะมาถ่ายรูปเช็กอินกันสักครา ตามไปลั๊ลลากันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>
แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดระนอง ไม่ลองไปดูไม่รู้ว่ามีที่เที่ยวสวยๆมากมาย คลิ๊กดูที่เที่ยว>>
รวมเด็ด 17 ที่เที่ยวจังหวัดระนอง ไม่ลองไปดู ว่ามีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆมากมาย ส่วนจะมีที่ใหน ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>
 แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ แวะไปจุดเช็กอิน ถ่ายรูปภาพกัน คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
แนะนำ 7 สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ แวะไปเช็กอิน ถ่ายรูปกันอย่างสำราญใจ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งดูจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>
7 วัดสวยงามในกรุงเทพ ที่ใครๆก็ต้องมาเสพสุขไหว้กันสักครั้ง มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลยค่ะ>>
รู้จัก 7 วัดสวยงามในกรุงเทพ ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเสพสุข ไหว้พระกันสักครั้ง มีวัดใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ>>


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น