Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รีวิวเที่ยวระยอง งามผุดผ่องเขาแหลมหญ้า ไปลั๊นลาที่เกาะเสม็ด นั่งกินเห็ดที่หาดแม่รำพึง อร่อยตะลึงตึงตึง ตราตรึงเริ่ดสะแมนแตน

รีวิวเที่ยวระยอง ท่องเกาะเสม็ด นั่งกินเห็ดที่หาดแม่รำพึง เดินตะลึงตึงตึงที่เขาแหลมหญ้า นอนพักลั๊นลาที่บ้านเพ กินอาหารทะเลอร่อยแซ่บเว่อร์
ขอสวัสดี แอนด์ สวีดั๊ดดัด เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ผองชาวไทยทุกๆท่าน ที่กำลังท่องโลกออนไลน์ สะหยายผมโป่ง นั่งงวยงงกับการสไลด์หน้าจอมือถือหาข้อมูลท่องเที่ยวทั่วไทย ไปไกลนอกโลกกันอยู่ ณ ขณะนี้นะค่ะ (ดิฉัน)เดี๊ยนคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน บล็อกเกอร์มือสมัครเล่นแนวๆกากๆ โกโรโกโส สับปะรังเค ขอมาสรวญเสเฮฮาลั๊นลา บ้าๆบอๆ ต้อนรับท่านเข้าสู่เว็ปบล็อกแนะนำที่พัก รีวิวท่องเที่ยว เขียนไปเรื่อยเปื่อย มั่วๆซั่วๆ หาสาระดีๆไม่ค่อยจะมี ให้ท่านได้ฉิมพลีอ่านกันแบบงงๆ สับสนสมองกันอีกครั้งนะค่ะ

ก็กลับมากันอีกครั้งนะค่ะ สำหรับบล็อกรีวิวท่องเที่ยวประจำเดือนค่ หลังจากที่ทั้งเดือนนี้นะคะ เดี๊ยนเองก็มัวแต่กุลีกุจอ อุทิศกายถวายตนทำงานให้กับองค์กรบริษัทมาแรมดง แรมเดือน เดี๊ยนเลยขอมาลางเลือน ย้ำเตือนความคิด ออกมาสะกิดต่อมสะมองประลองปัญญาให้บรรเจิรด ตะเลิดเปิดเปิง เป็นใยเพิง ออกเที่ยวแบบบ้าๆบอๆให้ได้อรรถรสโอชา ลั๊นลาจับจ้วงสู่ดั่งดวงหฤทัยอีกครั้งนึงนะค่ะ เหมือนประมาณว่า ต้องมีองค์เจ้าแม่มาประทับร่างทรง องค์ถึงจะได้ลงเป็นคุณนายสะหยายผมโป่งๆออกมาตะแล๊ดแต๊ดแต๋เที่ยวค่ะ

โดยรีวิวท่องเที่ยวในเดือนมีนาคม 2560 นี้ เดี๊ยนก็ได้กฤษ์งามยามดี ออกไปจรลีหนีงานไปซุ่มเที่ยวเมืองระยองมาค่ะ ถือว่าเป็นไปชาร์ตแบตให้ตัวเองค่ะ ถึงแม้จะไปแค่แป๊บๆนะค่ะ เพราะจริงๆแล้วเดี๊ยนตั้งใจจะลางานไปพักผ่อนเป็นคุณนายตีผมโป่ง นั่งงอยู่ที่ทะเลระยองสัก 2 วันค่ะ พอไปๆมาๆได้ไปตะลอนเที่ยวเมืองระยองแค่วันเดียวเองค่ะ เพราะมีอีมงอีเมลล์จากลูกค้าและเจ้านายให้ช่วยเจือจางงานสะส่างให้เสร็จก่อนจะเสด็จปลีกวิเวิกหนีไป เดี๊ยนเลยต้องยอมค่ะ

แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ จังหวัดระยองอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ไปเสพสุขสมเร้าอารมณ์แสนชื่นอุรา ไปลั๊นลาเที่ยวเมืองระยองแค่วันเดียวก็เสียวได้จ้า แถมได้ไปเปิดหู เปิดตา ได้ท่องเที่ยววันธรรมดาแสนจะสุขอุราลั๊นลาจับใจค่ะ......มาบล็อกในวันนี้ เดี๊ยนเลยขอมารีวิวเที่ยวระยองแบบสั้นๆ ตามสไตล์คุณนายเว่อร์ เขียนแบบเอ๋อเหรอไปเรื่อยเปื่อย ถือว่าเป็นการเขียนบล็อกฆ่าเวลาหลังเลิกงาน ให้ทุกๆท่านที่คลิ๊กผ่านมาได้มาสไลด์ดูรูปภาพที่อาจไม่สวยมากนัก แต่เดี๊ยนก็หวังน่าจะทำให้ท่านได้ตึกตั๊กและคึกคักออกมาท่องเที่ยวทั่วไทย ที่แสนงามวิไลเริ่ดสะแมนแตนเว่อร์ค่ะ

เอ่าล่ะค่ะ เพื่อมาให้สาเวเลีย บ่นมาซ่ะเยอะล่ะ เดี๊ยนขอมารีวิวเที่ยวเมืองระยองให้คนรักทะเล ได้ไปนั่งโอ้ละเฮ่เลชากับท้องมหาสมุทรสุดแค้นแสนเสน่หาของอ่าวไทย ที่กว้างใหญ่ไพศาลอลังการสะท้านโลกา จนฝรั่งมังข้าและชาวไทยก็ต้องเดินทางลั๊นลามาเชยชมค่ะ
 ---------------------------------------------------------------------------
เดินทางไปจังหวัดระยอง : ตอนแรกเดี๊ยนตั้งใจจะออกจากกรุงเทพไปบ้านเพ-ระยองตอนเที่ยงค่ะ แต่กว่าจะออกเดินทางจากที่ทำงานไปสถานีขนส่งเอกมัยก็ปาไปบ่าย 3 โมงเลยนะค่ะ  เพราะเดี๊ยนมั่วแต่ไปสะส่างเจือจางงาน อีมงอีเมลล์ของลูกคงลูกค้า กว่าจะไปนั่งรถตู้จากเอกมัยไปเมืองระยองก็ปาไปทุ่มกว่าเลยค่ะ เพราะรถติดขัดยิ่งกว่าสลัดรุงรังอีกนะค่ะ
 หลังจากเคลียงานเสร็จ เดี๊ยนก็กุลีกุจอ รีบจรลีหนึออกจากบริษัทเดินทางด้วยรถไฟฟ้าลั๊นลามาลงที่สถานีขนส่งเอกมัย จะได้เดินทางแบบไฉไลไปบ้านเพ
การเดินทางด้วยรถตู้ในวันธรรมดา แสนจะลั๊นลาจับใจค่ะ เพราะผู้โดยสารไม่ค่อยมีเท่าไหร่ หันไปมีแต่ความว่างเปล่า แต่ก็ได้นั่งหาวนอนหลับสบายเว่อร์ค่ะ
เดี๊ยนนั่งรถตู้โดยสารมาประมาณ 3 ชั่วโมง(รวมเวลารถตู้จากกรุงเทพ) ประมาณ 1 ทุ่มก็ถึงตลาดบ้านเพ-ระยองค่ะ โดยคืนนี้ขอมานอนพักค้างที่บ้านเพสัก 1 คืนค่ะ จะได้ไม่เมื่อยล้ามากนะค่ะ อีกอย่างเดี๊ยนอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศการนอนที่บ้าน มานอนโฮมสเตย์ที่นี้สักคืนค่ะ
สำหรับที่พักคืนนี้ ค้างที่ปากคลองบ้านเพค่ะ ที่โรงแรมบ้านคุณยายไม้คุณตาค่ะ โดยเดี๊ยนขอเลือกนอนที่พักราคาไม่แพงมาก  แต่ตอนโทรมาถามเส้นทางเดี๊ยนเรียกชื่อโรงแรมเค้าผิดตลอดเลยค่ะเป็นบ้านคุณชาย ไม้คุณย่า เจ้าของที่พักแอบงงและหัวเราะจ๊ากเลยค่ะ
ที่พักคืนนี้เป็นโฮมสเตย์ ห้องพักแบบบ้านไม้สไตล์เก่าๆ แต่เอามาปรับปรุงใหม่ ไฉไลเริ่ดเว่อร์มากค่ะ ที่พักเล็กๆมุ้งมิ้ง ส่วนห้องนอนก็เล็กๆกะจิ๊ดลิดปิ๊ดปิ๊ดมากๆ นอนได้ 2 คน ราคาคืนละ 750 บาท ห้องนอนเล็กมากนะค่ะ มีประตูเปิดไปที่ระเบียง ส่วนหน้าห้องเป็นห้องนั่งมีเก้าอี้ไม้ ใหญ่โตโฮฬารมากๆค่ะ
ห้องพักมีระเบียงไม้ด้านหน้า เหมือนให้ความรู้สึกว่าไปนอนที่เชียงคานอะไรประมาณนั้นค่ะ
ห้องนอนมีแอร์ มีทีวี น้ำดื่มฟรี แต่ไม่มีตู้เย็นค่ะ เพราะเล็กมุ้งมิ้งให้พอสลีลปิ้งได้อย่างเดียวค่ะ แต่ตกแต่งได้สวยดีและเก็บรายละเอียดได้เริ่ดสะแมนแตนมากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนได้นอนที่บ้านอะไรอย่างนั้นเลยค่ะ
ห้องนอนมีแอร์ มีทีวี น้ำดื่มฟรี แต่ไม่มีตู้เย็นค่ะ เพราะเล็กมุ้งมิ้งให้พอสลีลปิ้งได้อย่างเดียวค่ะ แต่ตกแต่งได้สวยดีและเก็บรายละเอียดได้เริ่ดสะแมนแตนมากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนได้นอนที่บ้านอะไรอย่างนั้นเลยค่ะ
ส่วนห้องน้ำอยู่ด้านล่างค่ะ ห้องน้ำส่วนตัวที่นี้ใหญ่โตโอฬารกว่าห้องนอนมากๆค่ะ ห้องน้ำกับห้องนอนแยกกันค่ะ ถ้าจะอาบน้ำต้องหอบสบู่ยาสีฟันใส่ผ้าถุง กระโจมอกลงจากบันใดห้องพักมาอาบค่ะ แต่ห้องน้ำสะอาดมาก มีแยกที่นั่งอึ ที่อาบน้ำ และที่แต่งตัวให้ด้วย ถือว่าดีทีเดียว เดี๊ยนให้ผ่าน เอาไปเลย 5 ล้านดาวค่ะ
หลังจากเช็คอินน์เข้าที่พักเรียบร้อยค่ะ ท้องเริ่มร้องแล้ว ได้เวลาออกไปหาอะไรยัดใส่กระเพาะแล้วค่ะ เดี๊ยนเลยให้เจ้าของที่พักแนะนำร้านอร่อยให้หน่อย โดยเจ้าของโอมสเตย์ก็ใจดี แนะนำให้จรลีหนีมาฉิมพลี ลิ้มลองอาหารริมทางที่บ้านเพ ที่ร้านสายชลดูสักครั้ง ราคาไม่แพงค่ะ
 ที่ร้านก็มีเมนูเด็ดๆหลายรายการ ราคาก็มีทั้งราคาถูกทั้งราคาแพงแต่รสชาติน่าจะอร่อยร้อนแรงจับใจค่ะ
 ใหนมาบ้านเพ ระยองทั้งทีก็หนีไม่พ้นค่ะ อาหารทะเล หาทานไม่ง่ายนักกับ ยำเอ็นหอย ดูสดสร้อยน่าทานมากๆค่ะ ถึงหน้าตาจะไม่หน้าทาน แต่รสชาติจัดจ้านจี๊ด อร่อยเริ่ดสะใจมากๆค่ะ
ส่วนอีกชามเดี๊ยนสั่งเป็นน้ำๆมาทาน ก็ขอสั่งเมนูบ้านๆต้มปลาโม่ง สไตล์ต้มยำน้ำใสแบบบ้านๆ แต่รสชาติชวนให้ทานน้ำลายซอจริงๆเชียวค่ะ
ฉิมเส้นเอ็นหอยไปหนึ่งคำอร่อยล้ำระดับมิชลินสตาร์ ที่ไม่ต้องติดดาว ก็ร้านราวถึงทรวงในค่ะ อร่อยไฉไลแซ่บซี๊ดจริงๆค่ะ (คนอื่นอร่อยหรือเปล่าไม่รู้นะค่ะ แต่เดี๊ยนอร่อยทุกอย่างค่ะ)

หลังจากที่เดี๊ยนได้ทานอาหารมื้อเย็นอิ่มจนแน่นท้อง เดี๊ยนกลับเข้าที่พักเพื่อมาพักผ่อน นอนเก็บแรงไว้ลั๊นลาบ้าๆบอๆเดินทางในวันถัดไปค่ะ
หลังจากที่เดี๊ยนได้ทานอาหารมื้อเย็นอิ่มจนแน่นท้อง เดี๊ยนกลับเข้าที่พักเพื่อมาพักผ่อน นอนเก็บแรงไว้ลั๊นลาบ้าๆบอๆเดินทางในวันถัดไปค่ะ 
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันแรกหมดไปกับการเดินทาง ส่วนวันที่สองเป็นวันแห่งการท่องเที่ยวค่ะ ในมีนาคม 2560
 วันแรกหมดไปกับการเดินทาง ส่วนวันที่สองเป็นวันแห่งการท่องเที่ยวค่ะ ในมีนาคม 2560
เช้าตรู่ของวันถัดมา เดี๊ยนตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะ เปิดประตูห้องพักออกมา อากาศลั๊นลาลมพัดเย็นสบาย เอนกายแล้วเริ่ดเว่อร์ เผลอหันไปปั๊บก็เห็นพระเดินบิณฑบาตร แต่ก็พลาดและเสียดายค่ะ เพราะไม่ได้เตรียมอาหารไว้ใส่ค่ะ
ตอนเช้าๆที่บ้านคุณยายไม้คุณตา ที่ปากคลองบ้านเพ อากาศสดชื่นดีค่ะ ไม่ร้อนมาก ลมพัดเย็นสบาย กำลังดี แต่ช่วงสาย แดดน่าจะส่องแสงเปรี้ยงปร้างน่าดูเลยนะค่ะ
หน้าบ้านคุณยายไม้คุณตา ที่นอนเมื่อคืนนี้ค่ะ อารมณ์ประมาณที่พักคล้ายที่เชียงคานเลยนะค่ะ
เป็นบ้านไม้นำมาตกแต่งและปรับปรุงใหม่ ไฉไลดีเริ่ดค่ะ เผื่อใครที่มีบ้านแนๆนี้ ลองมาตกแต่งเป็นที่พักแนวๆนี้ดู เดี๊ยนว่าน่าอยู่เหมือนกันนะค่ะ ยังคงสไตล์เดิมไว้ เอาใจคนชอบที่พักแบบเก่าๆ สไตล์วินเทจบูติตย้อนยุคค่ะ  
มีตุ๊กตาตุ๊กตุนตกแต่งในที่พัก มีมุมถ่ายรูปสวยๆ ทำให้ที่พักเป็นจุดถ่ายรูปและน่าสนใจดีค่ะ
หลังจากที่เดี๊ยนได้พักผ่อนนอนหลับปุ๋ยไปทั้งคืน วันนี้เดี๊ยนตื่นแต่เช้า ออกมาสกาวเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ เดินเล่นไฉไลชิวเว่อร์ค่ะ ก่อนจะไปอาบน้ำ เก็บกระเป๋าและเช็คเอาท์จากที่พัก แต่ฝากกระเป๋าไว้ก่อน เดียวตอนเย็นค่อยกลับมาเอาค่ะ
ได้เพลาที่จะต้องออกไปตะลอนแล้วค่ะ แต่การเดินทางท่องเที่ยวในระยองวันนี้ ขาดพาหะนะไม่ได้ค่ะ  เพราะยังไงก็เป็นทริปตะลุยเดียวแล้ว เดี๊ยนเลยขอขับมอเตอร์ไซต์เที่ยวดีกว่าค่ะ โดยทางโรงแรมที่พักใจดี มีรถมอเตอร์ไซต์ให้เช่าด้วยค่ะ ราคาคันละ 300 บาท แถมไม่มีค่ามัดจำรถด้วยค่ะ (ฝากบัตรประชาชนไว้อย่างเดียวค่ะ) เดี๊ยนเลยตัดสินใจเช่าหนึ่งวัน ขากลับนำรถมาคืน เจ้าของที่พักบอกให้เติมน้ำมันกลับให้เต็มเหมือนเดิมค่ะ
ก่อนจะไปตะลอนค่ะ ขอไปทานอาหารเช้าก่อนค่ะ เดี๊ยนเลยขับมอเตอร์ไซต์แว๊นไปที่ตลาดร้อยเสา บ้านเพ ไปดูสิว่ามีอะไรกินบ้างค่ะ
แวะไปที่ตลาดสดบ้านเพ มีทั้งของฝาก อาหารทะเลทั้งสด ทั้งแห้ง มีให้เลือกเรียงรายกันมากมายเป็นตับๆเลยค่ะ
แวะเห็นร้านเกาเหลาและร้านโจ๊กริมทางเลยแวะทานดีกว่าค่ะ  อาหารง่ายๆเบาๆไม่หนักท้องดีกค่ะ
สถานที่ท่องเที่ยวจุดแรกที่เดี๊ยนมาตอนเช้าๆเลยนะค่ะ คืออุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าค่ะ อุทยานแห่งชาติที่อยู่ติดกับบ้านเพและหาดแม่รำพึงค่ะ
ที่อุทยานแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ดึงดูดตาและตราตรึงใจของนักท่องเที่ยวทั่วทุกสารทิศอีกแห่งที่ต้องมาเยือน มาถ่ายรูปมุ้งมิ้ง เพราะเป็นจุดชมพระอาทิตย์อัสดงลงแลลับ สวยระยับจับจ้วงสู่ดวงใจ งามวิไลเริดสะแมนแตนยิ่งนักค่ะ

ประวัติอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด :

อุทยานแห่งชาติเขาเเหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยในท้องที่อำเภอแกลง และอำเภอเมือง จังหวดระยอง ครอบคลุมพื้นที่บนฝั่งและในท้องทะเล ตลอดจนเกาะต่างๆ ประกอบด้วยเกาะเสม็ด เกาะจันทร์ เกาะทะลุ เกาะกุฎี เกาะมะขาม และเกาะปลายตีน เขาแหลมหญ้าและชายทะเลด้านทิศตะวันตกของเขาแหลมหญ้า สถานที่ที่เด่นที่สุดเป็นที่รู้จักกันดี คือ เกาะเสม็ดหรือเกาะแก้วพิศดาร ซึ่งกล่าวไว้ในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ความงดงามตามธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้เป็นที่ยอมรับของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศว่า มีทิวทัศน์สวยงาม เหมาะสำหรับการพักผ่อน

ในปี พ.ศ. 2518 ได้มีนายทุนกลุ่มหนึ่ง รวมหุ้นกันเพื่อดำเนินการขอเช่าเกาะเสม็ดจากจังหวัดระยอง เพื่อจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยจะสร้างกระเช้าลอยฟ้าข้ามจากฝั่งเขาแหลมหญ้าไปยังเกาะเสม็ดเพื่อบริการนักท่องเที่ยว แต่โครงการต้องระงับไปเพราะได้ถูกกลุ่มนิสิต นักศึกษาเป็นจำนวนมากจากหลายสถาบันเดินขบวนคัดค้าน และในปีเดียวกันนั้นสมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อม ได้มีหนังสือที่ 538/2518 ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2518 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ให้ความเห็นว่า ควรมีการอนุรักษ์เกาะเสม็ด (เกาะแก้วพิสดารในเรื่องพระอภัยมณีอันเป็นวรรณกรรมเอกของสุนทรภู่) ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สงวนไว้เป็นสมบัติของประชาชนโดยทั่วไป โดยจัดตั้งเป็นวนอุทยานทางทะเล และคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 1/2519 เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2519 ให้กรมป่าไม้ประสานกับจังหวัดระยอง พิจารณาในการจัดตั้งเกาะเสม็ดเป็นอุทยานแห่งชาติ ขณะนั้นเกาะเสม็ดอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพเรือ กรมป่าไม้จึงได้มีหนังสือ ที่ กษ 0808/1713 ลงวันที่ 31 มกราคม 2522 ขอพื้นที่ดังกล่าวไปอยู่ในความควบคุมดูแลของกรมป่าไม้ ซึ่งกองทัพเรือได้มีหนังสือ ที่ กห 0352/6405 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2522 ตอบไม่ขัดข้องที่จะให้กรมป่าไม้เข้าควบคุมดูแลเกาะเสม็ด และต่อมาคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 5/2522 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2522 แจ้งให้กรมป่าไม้ดำเนินการอนุรักษ์เกาะเสม็ดเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล
ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก:  http://park.dnp.go.th/visitor/nationparkshow.php?PTA_CODE=1034

เดี๊ยนขับมอเตอร์ไซต์มาที่หน้าอุทยาน เสียค่าพาหนะ 20 บาท ค่าธรรรมเนียมอุทยานอีก 40 บาท รวม 60 บาทค่ะ
ระหว่างทางขับรถขึ้นเป็นทางขึ้นเขา ทางชันนิดหน่อยค่ะ แต่ก็ไม่มากเท่าใดค่ะ  หลังจากนั้นเดี๊ยนก็ขับไปตามป้ายบอกทางไปท่าเรือแหลมหญ้าค่ะ เป็นทางลงเขา ทางค่อนข้างชันค่ะ ต้องระวัง
หลังจากลงเขามาก็เจอแล้วค่ะ ท่าเรือเขาแหลมหญ้า
จุดชมวิวและถ่ายรูปอันสวยงาม ระยับจับจ้วงสู่ดั่งดวงหฤทัย งามวิไลเริ่ดสะแมนยิ่งนักค่ะ



ทางไปท่าเรือจะเป็นถนนลาดยาง เดินไปได้ มีประภาคารเล็กตั้งอยู่ ดูๆแล้วคล้ายศาลเจ้าที่นะค่ะ แต่ก็ดูกิ๊บเก๋ มีเสน่ห์ให้ตราตรึงถึงความชิวลิ่วละลองละอองฟิ้วของทิวทะเลสีเขียวครามอร่ามจับตาณายิ่งยวดนักค่ะ
เดี๊ยนเองเดินทางมาที่นี้ช่วงเช้าตอนสายๆ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว บรรยากาศเลยเงียบสงบ ช่วยสยบความครึกเครง มีแต่เสียงคลื่นทะเลที่ค่อยบรรเลงให้
หากใครที่ชื่นชอบทะเล และวางแผนเที่ยวระยอง ต้องไม่พลาดลองแวะมาเดินชมท่าเรือแหลมหญ้าดูสักครั้งครานะค่ะ เดี๊ยนรับรองว่าจะประทับซึ้งและตราตรึงไปถึงทรวงในอย่างแน่นอนค่ะ
มองไปเห็นคนกำลังให้อาหารปลา
และน้ำทะเลที่ระอยงในช่วงเดือนมีนาคมนี้ ก็สีใสสดจรดไปถึงพื้นโขดหิน มองเห็นแล้วน่าลงไปเล่นแหวกว่ายกับหมู่มัจฉา ให้ลั๊นลาสุขใจยิ่งนักค่ะ
น้ำทะเลสีฟ้าครามอร่ามจับตาณานับยิ่งนักค่ะ
เดินแวะชมทะเล นั่งสรวญเสเฮฮา มองเห็นหมู่ปลากำลังแหวกว่ายในน้ำ ร้าวรานถึงทรวงในค่ะ
หลังจากได้ไปเดินชมวิวทิวทัศน์ของท่าเรือแหลมหญ้าอีกหนึ่งกิจกรรมไม่พลาด คือมาเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ โดยลัดเลาะโขดหินริมเขาแหลมหญ้า ที่งามสง่าน่าไปเดินชม เพราะแต่ละจุดมีป้ายบอกให้ดูเป็นความรู้เชิดชูสมองค่ะ
หลังจากได้ไปเดินชมวิวทิวทัศน์ของท่าเรือแหลมหญ้าอีกหนึ่งกิจกรรมไม่พลาด คือมาเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ โดยลัดเลาะโขดหินริมเขาแหลมหญ้า ที่งามสง่าน่าไปเดินชม เพราะแต่ละจุดมีป้ายบอกให้ดูเป็นความรู้เชิดชูสมองค่ะ
เดินลัดเลาะตามสะพานที่สร้างลัดเลาะไปตามโขดหินค่ะ
มีชิงช้าให้นั่งพักด้วยค่ะ
ระหว่างทางขึ้นบันใดไม้ เดี๊ยนกลัวเหลือเกินว่ามันจะหักโครมลง เพราะจับราวบันใดแล้วดูไม่ค่อยแข็งแรงเอาเสียเลยค่ะ มันโครงๆเครงยังไงไม่รู้
บางจุดก็ต้องเดินไต่ตามโขดหิน ถือว่าได้มาเดินใช้พละกำลังออกกำลังกายค่ะ เรียกว่าได้เหงื่อพอสมควรเลยค่ะ อีกอย่างแดดช่วยสายๆเนี่ยนะค่ะ ทอประกายสาดส่องแสงร้อนแรงจับใจดีจริงๆเลยค่ะ
บางจุดก็ต้องเดินไต่ตามโขดหิน ถือว่าได้มาเดินใช้พละกำลังออกกำลังกายค่ะ เรียกว่าได้เหงื่อพอสมควรเลยค่ะ อีกอย่างแดดช่วยสายๆเนี่ยนะค่ะ ทอประกายสาดส่องแสงร้อนแรงจับใจดีจริงๆเลยค่ะ
แต่ละจุดก็มีป้ายบอก อย่างเช่นป้ายนี้ เป็นสถานีที่6 ค่ะ โดย จริงๆแล้วต้องเริ่มเดินจาก1 นะค่ะ แต่เดี๊ยนเดินย้อนจากสถานีที่ 9 ตรงท่าเรือเขาแหลมหญ้ามาค่ะ  สำหรับสถานีที่ 6 ก็จะเป็นบอดร์ดความรู้เกี่ยวกับ การก่อกำเนิดเกาะเสม็ดโดยในป้ายเล่าว่า จากวิวัฒนาการและผลพวง ของภูเขาไฟที่ปะทุในอดีต ก่อให้เกิดหมู่เกาะเสม็ดและเกาะบริวารน้อยใหญ่ สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่งดงาม กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดตาและตรึงใจประทับซึ้งไปอยู่ในห้วงดวงหฤทัยของคนทั่วโลกล่าต้องตามมาเชยชมให้สุขสมอุราค่ะ
เดินมาหน่อยเห็นผลหมากรากไม้ของต้นอะไรไม่รู้ค่ะ ต้นสูงใหญ่ใบยาวมีหนามส่วนผล  แต่ดูๆน่าจะเป็นผลไม้วิเศษเพราะมีอยู่แค่ลูกเดียว มองไปคลับคลายคลับคลายเหมือนน้อยหนานะค่ะ แต่ถ้าผลสุกคงจะหอมครุกกรุ่นเป็นมัคนารีผลเป็นแน่แท้ค่ะ อยากจะเด็ดแต่ก็กลัวเกรงธรรมชาติจะลงโทษเอาเพราะเดินเนินเนาอยู่ในอุทยานค่ะ
เดินมาถึงจุดไฮไลท์อีกแห่งคือปลายเขาหินเขาแหลมหญ้า เป็นชื่อที่มาของอุทยานแห่งนี้ค่ะ 
 เดี๊ยนยอมออกแรงเพื่อลดน้ำหนักอีกหน่อยค่ะ ขึ้นไปยังเนินเขาแหลมหญ้าค่ะ ก็จะเป็นจุดชมวิวอันสวยสดงามงาม มองเห็นทะเลสีฟ้าครามสดใส
เขาเขาแหลมหญ้าค่ะ อีกหนึ่งไฮไล์ทที่งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักค่ะ เพราะเป็นจุดชมวิวที่สวยงามเว่อร์วังอลังการสะท้านโลกายิ่งนักค่ะ 

ตั้งแต่เดินย้อนจากสถานีที่ 9 มา พึงถึงสถานีที่ 4 เองค่ะ เดี๊ยนเลยขอหยุดสต๊อปแค่ตรงนี้ค่ะ
โดยสถานีที่ 4 ที่ป้ายบอดร์ได้บอกเล่าประวัติของเขาแหลมหญ้าดังนี้ค่ะ : 
เขาแหลมหญ้า คือ ภูเขาที่มีส่วนของพื้นดินที่มีลักษณะรูปทรงแหลมยื่นออกไปที่ทะเล โดยบริเวณนี้ได้รับอิทธิพลมาจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นลมที่ค่อนข้างแรง ทำให้กล้าไม้น้อยใหญ่ ไม่สามารถที่จะต้านทานลมและเจริญเติบโตได้ ส่งผลให้บริเวณนี้มีเฉพาะหญ้า โดยส่วนใหญ่เป็นหญ้าช้อแดงและหญ้าหนวดฤาษีขึ้นเท่านั้น จึงเป็นที่มาของ "เขาแหลมหญ้า" ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวหลักที่สำคัญของอุทยานและจุดชม
 มองจากเขาแหลมหญ้า ก็ลั๊นลาเห็นเกาะเสม็ด ระเหินระเห็ดอยู่กลางทะเลค่ะ ดูๆเหมือนจะใกล้ๆว่ายน้ำน่าจะข้ามไปได้ แต่ระยะทางก็ไกลพอสมควรค่ะ
 ถึงพระอาทิตย์จะสาดทอแสงอุตราไวโอเลยที่แสนจะร้อนแรง แต่ก็ยังมีลมพัดมาตะแคงให้เย็นชื่นใจค่ะ
น้ำทะเลกระทบโขดหินเขาแหลมหญ้า เสียงดังซู่ซ่าน่าเกรงขามมากๆค่ะ
มองเห็นไป นึกว่ามีแต่เดี๊ยนอยู่คนเดียว เหลียวไปเห็นพ่อลูกกำลังประสานความรักครอบครัว น่าจะคงกำลังช่วยกันก่อประสาทหินอยู่กระมังค่ะ
และหลังจากที่เดี๊ยนได้ไปเดินออกพละกำลังวังชาลั๊นลาตามเส้นทางโขดหินริมเขาแหลมหญ้าเรียบร้อยแล้วค่ะ ก็ได้เวลาเดินทางไปยังจุดเดินทางท่องเที่ยวถัดไป ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ขับลงจากเขาแหลมหญ้า เลี้ยวซ้ายออกไปหน่อยก็จะถึงแล้วค่ะ หาดแม่รำพึง ชายหาดที่สวยตราตรึงและมีความสะพรึงอยู่ในตัวค่ะ
ขับมอเตอร์ไซต์ออกจากเขาแหลมหญ้าก็แวะผ่านมาเดินชมชายหาดแม่รำพึงซักหน่อยค่ะ หาดแม่รำพึง ที่สวยตราตรึงและมีความสะพรึงอยู่ในตัวค่ะ หนึ่งในชายหาดยอดนิยมที่เป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศของชาวไทย ที่มีน้ำทะเลใสให้ได้ไปเล่นกันค่ะ 
 พอดีเดี๊ยนมาเที่ยวในวันธรรมดา บรรยากาศก็เลยงามลั๊นลาเงียบสงบ สยบความครึนเครงจริงๆค่ะ
 มองเห็นเขาแหลมหญ้า
มองเห็นฝรั่งมังข้าใส่ชุดว่ายน้ำเดินออกกำลังกาย คงจะไปว่ายน้ำเสียกระมังค่ะ 
 น้ำทะเลที่หาดแม่รำพึงสีเขียวฟ้าครามสดใส น่าลงไปว่ายจริงๆค่ะ แต่ก็เกรงกลัวว่าคลื่นจะซัดมวลเอาไปกิ
เดี๊ยนขับมอเตอร์ไซต์มาเรื่อยๆ ไม่ไกลนักก็มาถึงลานหินขาว หนึ่งในจุดดึงดูดตาและตราตรึงใจ ที่หินมากมายเป็นสีขาว สะท้านแสงแพรวพราว ชวนให้นักท่องเที่ยวมาสกาวถ่ายรูปและนั่งพักผ่อนหย่อนใจกันค่ะ 
เดี๊ยนขับมอเตอร์ไซต์มาเรื่อยๆ ไม่ไกลนักก็มาถึงลานหินขาว หนึ่งในจุดดึงดูดตาและตราตรึงใจ ที่หินมากมายเป็นสีขาว สะท้านแสงแพรวพราว ชวนให้นักท่องเที่ยวมาสกาวถ่ายรูปและนั่งพักผ่อนหย่อนใจกันค่ะ 
มีประภาคารตั้งตระหง่านอยู่ลานหินขาว มีโทรโข่งติดไว้ในประภาคาร น่าจะเอาไว้ประกาศเตือนภัย หรือระวังไม่ให้เล่นน้ำลึกจนเกินไป เพราะที่หาดแม่รำพึงแห่งนี้ ถึงแม้จะสวยตราตรึง แต่ก็มีความสะพรึงอยู่ในตัวจริงๆค่ะ ดูข่าวสารในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวพลีชีพเพื่อชายหาดแห่งนี้หลายรายเลยค่ะ 
ความเงียบสงบของร้านค้าที่หาดแม่รำพึง ตะลึงจนไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก แต่ถ้าเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ คงจะลั๊นลาและคึกคักตึกตั๊กน่าดูนะค่ะ
และหลังจากที่เดี๊ยนได้เดินชิวๆชมวิวทะเลที่หาดแม่รำพึงแล้ว เดี๊ยนก็แว๊นมอเตอร์ไซต์ออกจากหาดแม่รำพง ขอมาตะลึงตึงตึงในเมืองระยองค่ะเพราะในเมืองนี้ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ให้มากดไลท์กันอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ

ระยะทางจาไม่ไกลนักจากหาดแม่รำพึง ขับมอเตอร์ไซต์ตะลึงตึงตึงมาประมาณ 9 กิโลกว่าก็ถึงเมืองระยองแล้วค่ะ
หนึ่งในถนนเมืองเก่าที่บอกเล่าเรื่องราวเมืองระยอง ต้องมาที่นี้เลยค่ะ ถนนยมจินดา ที่มีบ้านไม้เก่าสุดลั๊นลาให้ได้ชมกัน
เป็นถนนสายเก่าแก่และเป็นเป็นสายแรกที่อยู่คู่เมืองระยองมาตั้งแต่ตั้งก่อตั้งราชธานีเมืองนี้มาแต่นานนม สะสมไปด้วยสิ่งปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนไม้อันเก่าแก่ให้ได้แลชม เป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวระยองฮิ
จุดเด่นที่นี้นอกจากอาคารไม้เก่าแก่ ยังมีร้านอาหาร ร้านขายของฝากอยู่เรียงรายให้ได้ไปย่างกรายเลือกซื้อเลือกหา หรือไปนั่งชิลล์ลั๊นลาดื่มชาหรือกาแฟก็ดีเริ่ดสะแมนแตนค่ะ

เดี๊ยนขับรถมอเตอร์ไซต์เข้ามาในถนนสายนี้ มีที่จอดรถอยู่ตรงลานกิจกรรมเลยเข้าไปจอดใต้ร่มไม้ที่นั้นค่ะ  
มาเที่ยวถนนสายนี้ ต้องไม่พลาดแวะมาพิพิธภัณฑ์เมืองระยองค่ะ ของบ้านสัตย์อุดมค่ะ
บ้าน " สัตย์อุดม "
บ้านหลังนี้เริ่มสร้างเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๖๓ สร้างเสร็จเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ เจ้าของผู้สร้างคือ ขุนศรีอุทัยเขตร์ (โป๊ง สัตย์อุดม) หรือที่ชาวระยองในอดีต รู้จักท่านในนามของ “ขุนศรีโป๊ง” อดีตกรมการพิเศษเมืองระยอง ท่านเป็นนักธุรกิจในยุคแรกของเมืองระยอง เป็นเจ้าของโรงสี โรงภาพยนต์ รับเหมาก่อสร้าง อู่ต่อเรือ ฯลฯ ช่างที่ก่อสร้างคือ ช่างถิน สาระธนะ ซึ่งเป็นช่างรับเหมาที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น มีผลงานที่สำคัญคือ สร้างตลาดเก่า ศาลจังหวัดระยอง และโรงเรียนสตรีบุญศิริบำเพ็ญ บ้านสัตย์อุดม ด้านหน้าติดถนนยมจินดา ด้านหลังติดแม่น้ำระยอง ปูพื้นด้วยไม้ตะแบก ตัวบ้านและฝาบ้านทำด้วยไม้ตะเคียน มีจำนวนทั้งสิ้น ๕ ห้อง ๓ ห้องกลาง ยกสูงแบบบ้านของชาวจันทบุรี (เนื่องจากบรรพบุรุษของเจ้าของบ้านเป็นชาวจันทบุรี) บริเวณด้านหน้าส่วนบนของบ้านจะมี ลายไม้ฉลุ คำว่า “เจริญ” ไว้ตลอดแนวหน้าบ้าน และบริเวณด้านหน้าบ้านจะเขียนภาษาจีนไว้ว่า “ง้วนฮวด” และภาษาไทย เขียนว่า “สัตย์อุดม” บ้านหลังนี้นับว่าเป็นบ้านที่มีลักษณะสวยงาม เป็นที่ชื่นชมของชาวระยอง และผู้มาเยือน ปัจจุบันบ้านหลังนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของคุณจินดาพร เจริญมายุ บุตรสาวคุณสมพร -คุณกานดา สัตย์อุดม
ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก สำนักงานวัฒนธรรม ระยอง
มาชมพิพิธภัณฑ์เมืองระยอง พอเข้ามาก็ได้กลิ่นละอองของความเก่าและความคลาสสิคไม่น้อยเลยค่ะ
 เป็นพิพิธภัณฑ์รวบรวมของเก่า บอกเล่าเรืองราวในอดีตให้ได้เรียนรู้และศึกษากันค่ะ
 อย่างเช่นมุมนี้มีทีวี วิทยุ นาฬิกา พิมพ์ดีด และของใช้เบ็ดเตล็ดมากมาย
 เห็นมุมนี้ก็สะดุดตา เห็นหนังสืออนุสาร อสท.สมัยแต่ก่อน ดูน่าหยิบอ่านจริงๆค่ะ ปกเป็นภาพล้วนไม่มีตัวอักษรให้ปวดหัวมากนักเหมือนหนังสือนิตยสารสมัยนี้ ดูภาพแม่ยิ๋งใส่เสือไทยพระราชนิยมสีแดงร้อนแรง จับใจ กำลังกางจ้องส่งรอยยิ้มหวานแบบไทยๆ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักค่ะ
 โซนห้องนี้ก็เป็นอีกมุมที่ภาพเก่าๆบอกเล่าเรืองราวมากมายค่ะ
มีมุมภาพเก่าๆบอกเล่าเรืองราว 
 ภาพนี้เป็นห้องสมุดประชาชนเมืองระยอง โฮ้...ห้องสมุดนานมากๆแล้วนะค่ะ
 ภาพนี้คงเป็นงานอะไรสักอย่างค่ะ
ภาพนี้เป็นภาพนางงามระยองเมื่อปี 2504 ค่ะ ดูสวยมีเสน่ห์กิ๊บเก๋ยูเร้ก้ายิ่งนักค่ะ แม่ยิ๋งจ้าวระยองเปิ้นใส่ชุดว่ายน้ำแบบวันพีช งามขน๊าดแต้ๆเจ้า
 ภาพนี้น่าจะเป็นงานขบวนงานแห่อะไรสักอย่างค่ะ ในภาพไม่ได้อธิบายไว้ ดูผู้คนทั้งหญิงชายกำลังเดินส่ายร่ายรำ ต้องเป็นงานมงคลเป็นแน่แท้ค่ะ
 เดินขึ้นบันใดมาหน่อย ก็เป็นห้องภาพทีวีสมัยแต่ก่อนให้ได้ชมกัน แต่เสียดายทีวีน่าจะใช้งานได้ จะได้พร่างกรายมุดตัวเข้าไปใน ทามแมชชีนเหมือนโดราเอมอนย้อนเวลาไปนั่งดูหนังมิตร-เพชราสมัยเมื่อ 50 ปีก่อนค่ะ
และหลังจากที่ได้เดินแวะชมที่พิพิธภัณฑ์เรียนรู้เมืองระยองแล้ว ได้เวลาทานอาหารเที่ยงแล้ว โดยในซอยมีร้านอาหารอยู่ร้านนึง ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือระยอง เห็นมีเปิดร้านตามปั้มอยู่ตามจุดต่างๆในระยองมากมาย เลยอยากมาลิ้มลองทานดูค่ะ เพราะยังไม่เคยทานเลย
แวะมาชิมลิ้มลองรส ก๋วยเตี๋ยวเรือระยองดูค่ะ 
 ก๋วยเตี๋ยวเรือระยอง ตักเข้าปากแล้วรสชาติอร่อยจัดจ้านดีค่ะ ทานไปหนึ่งชามเองค่ะ
 ทานก๋วยเตี่ยวไปแค่ชามเดียวยังไม่อิ่มค่ะ เดี๊ยนเลยสั่งเป็นข้าวหน้าหมูตุ่นมาลิ้มลองดูอีกสักเมนูค่ะ พอได้กินแล้วก็ยังไม่ถูกปากเดี๊ยนเท่าที่ควรค่ะ ถ้าเป็นข้าวหน้าหมูแดงคงจะอร่อยนะค่ะ
หลังจากทานข้าวอิ่มแล้วนะค่ะ เดี๊ยนก็ขับมอเตอร์ไซต์ลัดเลาะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งในเมืองระยอง ที่งามผุดผ่องให้ไปลองชมกันนั้นก็คือ ศูนย์เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ 
เข้าไปชมระบบนิเวศน์และป่าชายเลนด้านใน ร่มรืนย์ไปด้วยพรรณไม้สีเขียวสดสุ่มชุ่มชะอ่ำ ถือเป็นสถานที่เรียนรู้และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมอีกแห่งที่น่าสนใจให้มากดไลท์กันค่ะ
สองข้างทางมีการสร้างคอนโดปู ให้น้องปูได้เป็นที่อาศัย สร้างรัง เพาะขยายพันธ์ เพื่อธำรงคงไว้ให้ระบบนิเวศน์ในผืนป่าชายเลนกลางเมืองระยองให้นี้ มีแต่ความสมบูรณ์สืบไปค่ะ 
สองข้างทางมีการสร้างคอนโดปู ให้น้องปูได้เป็นที่อาศัย สร้างรัง เพาะขยายพันธ์ เพื่อธำรงคงไว้ให้ระบบนิเวศน์ในผืนป่าชายเลนกลางเมืองระยองให้นี้ มีแต่ความสมบูรณ์สืบไปค่ะ
 เดินตามทางไม้มาไม่ไกลนักก็จะเป็น หอคอยค่ะ เดี๊ยนเลยเดินขึ้นไปประมาณชั้นที่ 3 ค่ะ ถ้าเดินไปมากกว่านี้ไม่ไหวแล้วค่ะ แรงไม่ค่อยจะมี เลยจรลีพลีชีพได้แค่ชั้น 3 ก็สวยราวร้านถึงทรวงในได้ค่ะ
มองจากจุดชมวิวบนหอคอยเป็นป่าชายเลน สีเขียวชุ่มชะอุ่ม ดูสวยงามสบายตา ลั๊นลาจับจ้วงสู่ดั่งดวงหฤทัยจริงๆค่ะ
มองไปอีกฝั่งก็จะเป็นหาดแสงจันทร์ ชายหาดในเมืองระยองที่งามผุดผ่องเป็นใย ไม่แพ้หาดใดในโลกล้าเลยค่ะ
สถานที่ต่อมาไม่ไกลนัก ขับแมงกะไซต์แว๊นมาอีกนิดเดียวค่ะ ก็จะเป็นองค์พระเจดีย์กลางน้ำ ที่สวยงามตระหง่านอยู่กลางป่าชายเลย ติดริมแม่น้ำลำคลอง
สำหรับเจดีย์กลางน้ำ : ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำระยอง อยู่ในบ้านปากน้ำ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระยอง โดยเจดีย์แห่งนี้สร้างเมื่อปี พ.ศ.2416 สมัยพระยาศรีสมุทรโภคชัยโชคชิดสงคราม (เกตุ ยมจินดา) ซึ่งเป็นเจ้าเมืองระยองขณะนั้นเป็นผู้สร้าง
ลักษณะเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ทรงระฆังฐานกลม ความสูงประมาณ 10 เมตร มีบันไดขึ้น 2 ข้าง กำแพงรอบฐานเจดีย์ มี 2 ชั้น ลูกกรงเป็นลวดลายดินเผาเคลือบสีเขียว ส่วนยอดมีบัลลังก์สี่เหลี่ยม และเสาหาน รองรับปล้องไฉน ปลียอดส่วนบน เป็นเม็ดน้ำค้าง
โดยเจดีย์กลางน้ำนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดระยอง โดยในวันเพ็ญเดือน 12 ของทุกปี ก็จะมีงานประเพณีทอดกฐิน และ งานห่มผ้าเจดีย์กลางน้ำ ซึ่งกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2544 พื้นที่ 13 ไร่ 69 ตารางวา สำหรับระยะทาง เจดีย์กลางน้ำห่างจากตัวเมืองไปทางใต้ 2 กิโลเมตร ใกล้ปากแม่น้ำระยอง องค์พระเจดีย์สีขาว ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำระยอง เจดีย์กลางน้ำนี้ ใช้เป็นสัญลักษณ์ ของชาวเรือ ว่าได้เดินทางมาถึง เมืองระยองแล้ว ปัจจุบัน อยู่ในความดูแล ของวัดปากน้ำ
ขอบพระคุณข้อมูลจาก http://www.เที่ยวระยอง.com/พระเจดีย์กลางน้ำ.html
ค่ะและหลังจากที่ได้ไปยลโฉมประโลมความงามแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองระยองแล้ว เดี๊ยนก็ขับแว๊นมอเตอร์ไซต์กลับมาที่บ้านเพอีกครั้งค่ะ เพื่อไปสถานแสดงสัตว์น้ำใต้ทะเล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแห่งที่เด็กๆผู้ใหญ่และครอบครัวต้องเข้ามาชมให้ได้ค่ะ 
ที่นี้เป็นจุดแสดงสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลมากมายให้ได้ชมกันค่ะ
 เข้ามาก็เห็นนักเรียนกลุ่มนี้กำลังตื่นเต้นดูหมู่มัจฉาแหวกว่ายให้เห็นกันตัวเป็นเลยค่ะ
ค่าเข้าชมที่นี้ก็ไม่ได้แพงร้อนแรงจับใจอะไรเลยค่ะ ผู้ใหญ่ 30 บาทรักษาทุกโรค ส่วนเด็ก 10 บาทขาดตัวค่ะ 
เข้ามาด้านในก็จะเป็นตู้แสดงพันธุ์ปลาทะเลนานาชนิด ปลาแต่ละตัวก็สีสันสวยงามแวววาว สกาวรุ่งโรจน์และช่วงโชติชัชวาลย์ยิ่งนักค่ะ
เข้ามาด้านในก็จะเป็นตู้แสดงพันธุ์ปลาทะเลนานาชนิด ปลาแต่ละตัวก็สีสันสวยงามแวววาว สกาวรุ่งโรจน์และช่วงโชติชัชวาลย์ยิ่งนักค่ะ 
บางจุดที่แสดงก็สวยสดไปด้วยแสงสีและมีแต่เสียงของเด็กน้อยๆที่ตาลุกวาว แพรวพราวกับปลาตัวน้อยใหญ่ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน 
ปลาทะเลในตู้โชว์ก็โอ้โฮ้สวยงามเว่อร์วังอลังการจริงๆค่ะ 
 ปลาทะเลใต้น้ำลึก เอามาแสดงในตู้โชว์ดูแล้วโอ้โฮ้สวยจริงๆค่ะ
 ตู้ปลามีปากการังและปลาทะเล แหวกว่ายขวักไขว่กันในตู้กระจก ถ้ามันโดดออกมานอกตู้กระจกก็คงจะดีไม่น้อยนะค่ะ
 เดี๊ยนใช้เวลาชมอยู่ในสถานแสดงพันธ์สัตว์น้ำใต้ทะเลแห่งนี้อย่างเพลิดเพลินจนเต็มที่ ก็ได้เวลาจรลีไปฉิมพลีสถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของทริปนี้แล้วค่ะ
โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ต่อไปที่หากใครไป ใครมาระยองต้องไม่พลาดแวะมายลโฉม ประโลมความงามคงไม่พลาดต้องไปเกาะเสม็ดค่ะ  เดี๊ยนขับมอเตอร์ไซต์ออกจากอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำในบ้านเพ แว็นมอเตอร์ไซต์ขับมาที่ท่าเรือศรีบ้านเพ เพื่อที่จะได้โอ้ล่ะเห่เลชา นั่งเรือลั๊นลาไปเกาะเสม็ด ลองไปชิมเห็ดดูว่าจะอร่อยเด็ดแค่ใหนค่ะ
จอดรถแมงกะไซต์ไว้ที่ท่าเรือ 
 ไปซื้อตั๋ว ค่าตั๋วเรือโดยสารไป 50 บาท กลับ 50 บาท ค่าจอดรถ  30 บาท รวมทั้งหมด 130 บาทค่ะ บัตรจอดรถต้องเก็บไว้นะค่ะ ถ้าทำหายจะไม่ได้รถคืนค่ะ  เรือจะออกทุกรอบรอบละ 1 ชั่วโมงค่ะ พอดีเดี๊ยนกะเวลาถูกค่ะ ช่วงที่ไปเรือออกบ่าย 2 โมง 10 นาที เดี๊ยนกะเวลาจรลีขับมอเตอร์ไซต์มาทัน เลยซื้อตั๋วและรอขึ้นเรือไม่นานค่ะ
ท่าเรืออยู่ไกลจากที่ขายตั๋วพอสมควร แต่ทางท่าเรือก็มีบริการรถนำส่งผู้โดยสารมาขึ้นที่ท่าเรือค่ะ
รถโดยสารรับผู้โดยสารจากที่ขายตั๋วมาส่งขึ้นที่ท่าเรือเพื่อข้ามไปยังเกาะเสม็ดค่ะ ในช่วงที่เดี๊ยนไปเป็นวันศุกร์พอดี มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะเสม็ดกันเยอะพอสมควรค่ะ
พอมานั่งที่เรือ พนักงานในเรือให้ให้สวมเสื้อชูชีพกันทุกคนเลยค่ะ ตอนแรกกะจะไม่ใส่นะค่ะ เพราะอึดอัดเหลือเกิน แต่ต้องใส่เพื่อความปลอดภัยค่ะ

ระหว่างนั่งเรือเอื่อยๆไปเรื่อย ก็นั่งรับลมเย็นๆ เห็นน้ำทะเลเป็นสีเขียวใสเป็นสีมรกต งดงามดั่งอำพรรณ ดุจสวรรค์ชั้นฟ้ามาลาดินจริงๆค่ะ
ระหว่างนั่งเรือเอื่อยๆไปเรื่อย ก็นั่งรับลมเย็นๆ เห็นน้ำทะเลเป็นสีเขียวใสเป็นสีมรกต งดงามดั่งอำพรรณ ดุจสวรรค์ชั้นฟ้ามาลาดินจริงๆค่ะ
มองเห็นเรืออีกลำ คงกำลังจะแล่นกลับกระมังค่ะ หรือว่าจะแล่นออกไปหาปูหาปลาต่อก็ไม่รู้ได้ 
นั่งเรือมาประมาณ 30 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ เกาะเสม็ด จุดเด่นของท่าเรือนี้ ก็คงหนีไม่พ้นแม่นางผีเสื้อสมุทรสุดเสน่หา ที่โปรยยิ้มลั๊นลาต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนให้ยลโฉมประโลมความงาม ร้านรานที่เกาะแห่งนี้ให้มีความสุขเกษมเปรมปรีดิ์กันทุกๆคน
จุดเด่นของท่าเรือนี้ ก็คงหนีไม่พ้นแม่นางผีเสื้อสมุทรสุดเสน่หา ที่โปรยยิ้มลั๊นลาต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคนให้ยลโฉมประโลมความงาม ร้านรานที่เกาะแห่งนี้ให้มีความสุขเกษมเปรมปรีดิ์กันทุกๆคน 
เดินทางเข้าไปยังจุดพักผู้โดยสาร ต้องไปจ่ายค่าธรรมเนียมขึ้นเกาะเสม็ด 
จ่ายธรรมเนียมมาเกาะเสม็ด คนละ 20 บาทขาดตัวค่ะ
หลังจากนั้นเดี๊ยนก็เดินทางด้วยรถสองแถว 20 บาทไปยังหาดทรายแก้วค่ะ ชายหาดที่อยู่ใกล้ท่าเรือที่สุดแล้วค่ะ จริงๆเดินมาก็ได้นะค่ะ แต่อยากนั่งเพราะขึ้เกียจเดินค่ะ
มาถึงที่ตรงนี้ต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานอีกคนละ 40 บาทค่ะ แต่วันที่เดี๊ยนไปไม่ได้จ่ายค่ะ เดี๊ยนนำใบแสดงตั๋วที่ซื้อเมื่อเช้านี้ ตอนที่ไปเขาแหลมหญ้าแสดงให้เจ้าหน้าที่อุทยานดู ก็เลยไม่ต้องเสียกะตังเพิ่มค่ะ...จริงๆแล้วเดี๊ยนว่า น่าจะทำแบบว่าเอิม....จ่ายที่ท่าเรือเกาะเสม็ดทีเดียวจบ 60 บาท เดี๊ยนว่าง่ายกว่าเยอะเลย อันนี้ต้องมาจ่ายอันโน้น 20 บาท อันนี้ 40 บาท แล้วด่านต่อไปชั้นต้องจ่ายอะไรอีกค่ะ มาเกาะเนี่ยะ จ่ายเยอะเหมือนกันนะค่ะ 
 

ถึงแล้วนะค่ะ เกาะเสม็ด เกาะในตำนานหรือเกาะแก้วพิศดาล หนึ่งในเกาะวรรณคดี เรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่ กวีเอกที่แต่งโคลงฉันท์กาบกลอนได้ไพเราะเสนาะเพราะจับจ้วงไปลึกถึงห้วงทรวงในค่ะ

เกาะเสม็ด ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของระยอง ที่ได้รับความนิยมทั้งชาวไทยและชาวฝรั่งมังข้าต้องลั๊นลามาเชยชม เป็นเกาะที่อยู่ห่างจากชายฝั่งบ้านเพประมาณ 6.5 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 4000 ไร่ มีลักษณะเป็นเกาะรูปสามเหลี่ยม ส่วนฐานของเกาะอยู่ด้านทิศเหนือ ซึ่งหันเข้าสู่ฝั่งบ้านเพ มีภูเขาสลับซับซ้อนกันอยู่ 2-3 ลูก มีที่ราบอยู่ตามริมฝั่งชายหาด ส่วนใหญ่จะอยู่ทางด้านทิศเหนือและตะวันออก

เดี๊ยนเดินทางมายังหาดทรายแก้ว ชายหาดทะเลสวยงามอีกแห่งที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือมากนัก มีที่โรงแรมที่พักและร้านอาหารเรียงรายให้ย่างกรายได้ชวนชมกันค่ะ
หาดทรายแก้ว มีลักษณะเด่นของชายหาดทรายที่งดงามขาวละเอียดประดุจดั่งแป้งทาหน้าและใสขาวประดุจดั่งแก้วสีสันสดใสวิ้งวับระยับจับตา จึงได้มีชื่อฉายาว่า "หาดทรายแก้ว" และเป็นสถานที่ ที่เชื่อกันว่า คือเกาะแก้วพิสดาล ในวรรณคดีของสุนทรภู่ในเรื่องพระอภัยมณี ถือเป็นหาดที่มีชื่อเสียงทีสุดของเกาะเสม็ดค่ะ

แต่นอกจากหาดทรายแก้วแล้ว ก็ยังมีชายหาดอื่นอีกมากมาย ที่งามพร่างพรายดุจสายน้ำทิพย์ค่ะ
 
ในเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่เดี๊ยนจะจรลีกลับเมืองฟ้าอมรต่อจากนี้ เดี๊ยนเลยขอจรีลีเดินเว้าวอน ออนซอนริมชายหาดทรายแก้ว ชมทะเล ตลอดฝั่ง มีโรงแรมที่พักเรียงรายมากมายให้เลือกนั่งค่ะ แต่เดี๊ยนขอเดินอาบแดดไปเรื่อยๆเพราะยังไงก็ผิวสีดำอยู่แล้วค่ะ
หาดทรายแก้วในช่วงเดือนมีนาคมนี้ เดือนที่ไม่มีมรสุมมาอุ่มครุมเกาะแห่งนี้ ชะเง้อหน้าแลมองเห็นน้ำทะเลเป็นสีฟ้าใสสดจรดไปถึงผืนทราย งามพร่างพรายอร่ามจับตา เวิ้งชายหาดก็กว้างใหญ่ไพศาลอลังการสะท้านโลกายิ่งนักค่ะ

ระหว่างเดินทางลัดเลาะริมชายหาดทรายที่ขาวดั่งผงแป้ง ก็ร้อนแรงไปด้วยชาวต่างชาติที่ใส่ชุดว่ายน้ำอวดหุ่นอันอวบอั๋น เปรยร่างลงไปย่างอยู่กลางน้ำทะเล เห็นแล้วน่าจะสนุกฮาเฮกันจริงค่ะ 
หาดทรายแก้วในช่วงเดือนมีนาคมนี้ เดือนที่ไม่มีมรสุมมาอุ่มครุมเกาะแห่งนี้ ชะเง้อหน้าแลมองเห็นน้ำทะเลเป็นสีฟ้าใสสดจรดไปถึงผืนทราย งามพร่างพรายอร่ามจับตา เวิ้งชายหาดก็กว้างใหญ่ไพศาลอลังการสะท้านโลกายิ่งนักค่ะ

ระหว่างเดินทางลัดเลาะริมชายหาดทรายที่ขาวดั่งผงแป้ง ก็ร้อนแรงไปด้วยชาวต่างชาติที่ใส่ชุดว่ายน้ำอวดหุ่นอันอวบอั๋น เปรยร่างลงไปย่างอยู่กลางน้ำทะเล เห็นแล้วน่าจะสนุกฮาเฮกันจริงค่ะ 
เดินมาอีกหน่อย เห็นนางเงือกกำลังจะอุ้มโลกน้อยโยนลงทะเล ทำไมนางใจร้ายอย่างนี้ไม่รู้นะค่ะ แทนที่จะโอบกอดลูกอยู่ในทรวงอกไม่ให้สะทกสะท้านหวั่นไหวไปกลับคลื่นทะเลค่ะ 
ระหว่างเดินเลาะริมชายหาด เริ่มเหนื่อยแล้วค่ะ เลยขอมาหาจุดแวะพักบนเนิน นั่งพักดื่มน้ำให้หายเมื่อย นั่งพักมองชมทะเลไปเรื่อยเปื่อยค่ะ 
นั่งพักไป มองเห็นคนหาบเร่ขายอาหารริมทะเล ทั้งขนมนมเนย ไข่ปิ้งและมะม่วงที่อยู่ในตะกร้าหาบเร่ กำลังหาบเร่ขายท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนแรง คุณพี่คนขายคงต้องสู้ๆมากๆค่ะ เห็นแล้วเดี๊ยนก็มีพละกำลังวังชา พร้อมเดินหน้าสู้ชีวิตต่อไปค่ะ 
หาดทรายแก้วยามบ่าย กับน้ำทะลสีฟ้าครามสดใส มองไม่เห็นเรือใบ แต่น้ำใส๊ใสอยู่ในทะเลค่ะ 
 มีพระอภัยมณีกับนางเงือกก็มา
ตะวันเริ่มจะบ่ายคล้อย แม่นางเงือกน้อยยังคงตั้งใจจะโยนลูกน้อยลงไปทะเล
เดี๊ยนใช้เวลาอยู่ที่เกาะเสม็ดนี้อยู่ประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงก็ได้เพลาที่จะต้องจรลีออกจากเกาะแก้วพิสดาลแห่งนี้แล้วค่ะ ถ้าอยู่ต่อเกรงจะเป็นคนพิสดาลไปมากกว่านี้ค่ะ เพราะตอนนี้ก็พิศดาลพออยู่แล้วเจ้าค่ะ ขอร่ำลาบายๆหาดทรายแก้วค่ะ
เดินทางออกจากหาดทรายแก้ว เดินจากหาดทรายแก้วมาไม่ไกลนักค่ะ ผ่านโรงเรียนเกาะแก้วพิศดาลด้วยค่ะ 
มาที่ท่าเรือเกาะเสม็ด ก็เห็นพระอภัยกำลังฉิมพลีเป่าปี่อยู่ที่ท่าเทียบเรือ
เดินเข้ามาขึ้นเรือเพื่อเดินทางกลับค่ะ 
เมื่อเรือจอดเทียบท่าได้เวลาเรือออก ก็ขออำลาบ๊ายๆ เกาะเสม็ด เดียวหาดมีเวลาจะมานั่งทานเห็ดที่นี้นะค่ะ
 นั่งเรือมาไม่นานนักก็ถึงท่าเทียบเรือศรีบ้านเพค่ะ
ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพวันนี้ ต้องไม่พลาดแวะซื้อของฝากที่ตลาดบ้านเพก่อนกลับค่ะ ที่ตลาดแห่งนี้เป็นแหล่งอาหารทะเลและของฝากให้สรวญเสเฮฮาลั๊นลาบ้าๆบอๆซื้อหอกันมากมายค่ะ
ทั้งปลาทูมันปลาทูเค็มก็ราคานี้เหมือนกันทั้งตลาดค่ะ หากซื้อมากก็ต่อราคากับแม่ค้ากันกระจุยกระจายค่ะ
มีทั้งอาหารทะเล เลือดสดๆ ซดดื่มก็อร่อย หรืออาหารทะเลแปรรูป แบบแห้งๆ ทั้งหมึกแดง กุ้งแห้ง ปลาบด รสชาติก็แซ่บสะเดิด เริ่ดสะแมนแตนเว่อร์ค่ะ
ทุเรียนทอดก็มีให้ทาน แต่ราคาก็โอฬารจับใจค่ะ แต่รสชาติอร่อยเริ่ดไฉไล พอได้ชิมทีไร ต้องขวักตังซื้อทุกที ทั้งที่ราคาก็แพ๊งๆ ร้อนแรงดวงฤทัย เพราะกิเลสตัณหานั้นไซร์ อดไม่ได้ทุกทีเอย
ของฝากที่บ้านเพแห่งนี้ มีให้เลือกหลากหลายค่ะ ทั้งขนม นมเนย อาหารทะเล ของฝากยอดนิยมของที่นี้คงไม่พลาด อาหารทะเลแปรรูปแบบแห้งๆ เก็บไว้กินได้นาน เอาไปหมก ต้มยำทำก้อย ก็อร่อยเริ่ดเว่อร์ค่ะ

ของฝากที่บ้านเพแห่งนี้ มีให้เลือกหลากหลายค่ะ ทั้งขนม นมเนย อาหารทะเล ของฝากยอดนิยมของที่นี้คงไม่พลาด อาหารทะเลแปรรูปแบบแห้งๆ เก็บไว้กินได้นาน เอาไปหมก ต้มยำทำก้อย ก็อร่อยเริ่ดเว่อร์ค่ะ
ระหว่างทางจะนำมอเตอร์ไซต์ไปคืน ณ ที่พัก ในหมู่บ้านปากคลองก็มีถนนคนเดินเล็กๆให้ได้ไปช๊อปปิ้งเลือกซื้อเลือกหาของกินและของฝากกันด้วยค่ะ แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นก็จะเป็นของกินเสียมากกว่าค่ะ 
 ในตลาดมีทั้งอาหารคาว หวาน และของทานมากมายๆ ราคาก็ไม่ได้แพงเลยค่ะ
 มาสะดุดอาหารทะเลปิ้งๆย่างที่ร้านนี้ มีเอ็นหอยปิ้งให้ทานด้วยค่ะ ติดใจเมื่อคืนนี้พึ่งไปทานมา รอบนี้ก่อนจะกลับ ขอมาย่างกรายลิ้มลองอีกครั้งก่อนจะนั่งบันลังรถลิมูซีนกลับกรุงเทพค่ะ เดียวจะหาทานไม่ได้
เห็นเอ็นหอยแต่ละตัวก็น่าทาน ไม้ละ 15 บาท มีลูกค้าชิ้นปลากราย เห็นคุณป้าแกกำลังปั้นสดๆยัดใส่ไม้ เอาไม้ปิ้ง เห็นเค้าทำแล้วน่ากินจริงๆ แถมราคาก็ไม่แพง ร้อนแรงจับใจด้วยค่ะ
 เอามอเตอร์ไซต์ไปคืนเจ้าของที่พัก ได้บัตรประชาชนมาคืนเรียบร้อย ก่อนจะกลับคุณพี่เจ้าของที่พักในโฮมสเตย์ บอกลองแวะทานข้าวต้มในร้านรองท้องก่อนกลับค่ะ เดี๊ยนเลยขอมาลิ้มลอง ชามละ 20 บาทถูกเว่อร์ค่ะ
ทานข้าวต้มปากคลองบ้านเพ คู่กับเอ็นหอยทะเลรสชาติช่างโอ้ละเห่เลชา อร่อยแซ่บลั๊นลาจับใจจริงค่ะ แถมราคาก็ถู๊ก ถูก
 ทานข้าวต้มปากคลองบ้านเพ คู่กับเอ็นหอยทะเลรสชาติช่างโอ้ละเห่เลชา อร่อยแซ่บลั๊นลาจับใจจริงค่ะ
ของฝากซื้อกลับไปมากมาย เอาไปฝากที่บ้าน ร้าวรานไปถึงที่ทำงาน จะได้อิ่มอร่อยกันอย่างจุใจค่ะ
เวลา 18 จุดหนึ่งศูนย์นอ รถตู้ครัวคุณป้าก็ขับลั๊นลามารับที่หน้าตลาดปากคลองค่ะ เดินทางกลับกรุ
เทพมหานครโดยสวัสดิภาพ จบทริปเที่ยวระยองแบบวันเดียวก็เสียวได้ค่ะ ได้เสียวขับรถลงเนินเขาแหลมหญ้า ที่เสียวระย้าไปถึงหัวใจจริงค่ะ 

สำหรับรีวิวเดินทางท่องเที่ยวระยองในครั้งนี้นะค่ะ เดี๊ยนต้องขอขอบพระคุณชาวระยอง ที่แนะนำร้านอาหารอร่อยๆ แนะนำเส้นทาง สถานทีท่องเที่ยวให้การเดินทางแบบชะโงกทัวร์ชั่วคราวในครั้งนี้ของเดี๊ยน จบลงอย่างราบรื่นและปลอดภัย และเดี๊ยนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รีวิวการเดินทางท่องเที่ยวระยอง รีวิวเที่ยวเกาะเสม็ด นั่งกินเห็ดที่บ้านเพ โอ้ละเห่ที่หาดแม่รำพึง งามตะลึงตึงตึงเริ่ดสะแมนแตนในครั้งนี้คงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย หากข้อมูลดังกล่าวที่เดี๊ยนนำเสนอไปนี้ มีข้อผิดพลาด อักขระ พิมพ์ผิดตกๆหล่นๆ เนื้อไม่มีสาระประการใด เดี๊ยนต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ขอบพระคุณทุกท่านที่มาสอดส่องดูบล็อกแนวๆกากของเดี๊ยนค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น 
-----------------------------------------------------------
บทความอื่นๆ มีดังนี้ค่ะ
อัพเดทข้อมูลที่พักหาดสวนสนระยอง ราคาประหยัด คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
แนะนำข้อมูลที่พักแถวหาดสวนสนระยอง ติดชายหาด บ้านเป็นหลัง สำหรับครอบครัวหมู่คณะ คลิ๊กดูรายชื่อที่พัก+เฟสบุ๊ค+เบอร์โทรติดต่อค่ะ>>
ดูข้อมูลที่พักที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2zeccVB
มาเด้อ..มาเที่ยวศรีสะเกษ แดนดงดอกลำดวน หอมหวนกระเทียมดี คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 4(จบ) มาเด้อจ้า..มาเที่ยวเมืองศรีสะเกษ แดนดงดอกลำดวน หอมหวนกระเทียมดี มีทุเรียนดินภูเขาไฟ อาหารแซ่บคั๊กหลายเด้อ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
ดูรีวิวการเดินทางได้ที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2QngTUm

มาม๊ะ..แวะมาเที่ยวเมืองสุรินทร์ ชมถิ่นช้างใหญ่ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 3 มาม๊ะ..มาเที่ยวสุรินทร์ ไม่ต้องกินสุรา แวะไปดูช้าง ดูชาวบ้านทอผ้า สวยระย้านาข้าวหอมมะลิ กำลังผลิบาน ร้าวรานจับใจ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวเลยจ้า>>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยว เช่ารถมอเตอร์ไซต์เที่ยวในบุรีรัมย์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 2 มาเด้อเที่ยวเมืองบุรีรัมย์ เยือนถิ่นปราสาทหินเก่าแก่ แลภูเขาไฟ งามไฉไลเมืองกีฬาฟุตบอล แวะมาออนซอนกันได้เลย คลิ๊กดูรีวิวภาพที่เที่ยวจ้า>>>
แบกเป้ลุยเดี่ยว เที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสชาติแซ่บๆกันจ้า คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวท่องอีสานใต้ตอนที่ 1 มาเด้อ..มาเที่ยวเมืองโคราช กินหมี่รสแซ่บอีหลี แสนสุขขีแวะทำบุญสุนทาน ร้าวรานจับใจ แวะมาเที่ยวกันนะคะ คลิ๊กดูรีวิวที่เที่ยวจ้า>>>
ต้องแวะมา 6 ชายหาดยอดนิยมในชุมพร ที่ต้องแวะไปอรชรกันสักครั้ง>>
ต้องแวะมา 6 ชายหาดยอดนิยมในชุมพร ที่สวยงามอรชรตลอดกาล มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวหลังสวน ลิ้มลองทุเรียนจากสวนหวานฉ่ำ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวหลังสวน เดือน ก.ย.2018 แวะเยือนเมืองผลไม้ เมืองนี้มีอะไรให้เที่ยวชมบ้างนะ คลิ๊กดูภาพรีวิวการเดินทางค่ะ>>
รีวิวเที่ยวชุมพร งามอรชรตลอดกาล เดือน ก.ย.2018 คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวชุมพร เช่ามอเตอร์ไซต์ตะลอนไปทำทานที่มูลนิธิคนชรา แวะลั๊ลลาหาดทรายรี สวยฉิมพลีอ่าวทุ่งมหา อาหารทะเลรสแซ่บซ่ายิ่งนักเอย คลิ๊กดูภาพรีวิวที่เที่ยวค่ะ>>>
หรือดูรีวิวการเดินทางที่เว็ปไซต์ : http://bit.ly/2Oc4kNZ
รวมที่พักระยอง สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้ มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูข้อมูลค่ะ>>
รวมข้อมูลที่พักระยอง นำสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้ ทั้งน้องหมาและแมว บ้านเป็นหลัง บังกะโลส่วนตัว ราคาถูก ประหยัด ใกล้ชายหาด คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก+เบอร์โทรติดต่อ>>
หรือดูรายละเอียดที่พักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/VtovCd
ข้อมูลที่พักโฮมสเตย์ แถวปากน้ำประแส ติดริมน้ำ ราคาถูก คลิ๊กดูที่พักค่ะ>>
แนะนำข้อมูลที่พักแถวปากน้ำประแส แนวโฮมสเตย์วิถีชีวิตชาวเลในระยอง ห้องพักราคาถูก ประหยัด สำหรับครอบครัวและหมู่คณะ คลิ๊กดูรายชื่อที่พักโฮมสเตย์ค่ะ>> 
ที่พักแถวหาดแสงจันทร์ ติดทะเล บ้านพักราคาประหยัด คลิ๊กดูข้อมูลค่ะ>>
รวมข้อมูลที่พักแถวหาดแสงจันทร์ ติดทะเล บ้านเป็นหลังๆ ราคาประหยัด สำหรับครอบครัวและคู่รักได้เลือกพักกันค่ะ คลิ๊กดูรายชื่อที่พัก+เบอร์โทรติดต่อค่ะ>>
หรือดูข้อมูลที่พักเพิ่มในบทความเว็ปไซต์ : https://goo.gl/36wgHu

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น