  | 
เที่ยวเมืองไทยไปให้รู้ในวันนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอพาไปชมเขาตังกวน(Tang Kuan Hill) อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวจุดเช็กอินถ่ายรูปวิวเมืองสงขลา ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน และมีตำนานเรื่องเล่าขานอย่างน่าสนใจอีกด้วย
  | 
สวัสดีคุณผู้อ่านและนักรักการทัศนาจรทุกคนค่ะ กลับมาพบปะทักทาย ซำบายดีกันอีกเช่นเคยนะคะกับบทความบล็อกสาระน่ารู้เล็กน้อยๆ ที่จะมาเสริมเติมต้อย ให้ได้เลือกสอยอ่านกัน หลังจากบทความบล็อกก่อนหน้าได้พาไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เมืองตาก ที่ใครๆก็ต้องไปเดินกระชากความรู้แวะดูกันสักครั้งแล้ว วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอพาไปล่องเที่ยวเที่ยวภาคใต้กันต่อที่ เมืองสิงหนคร หรือว่าเมืองสงขลา ซึ่งในเมืองเก่าแก่แห่งนี้ ก็เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวจุดชมวิวเช็กอินถ่ายรูปชื่อดังอย่าง เขาตังกวน อีกด้วย ซึ่งเขาดังกล่าว มีตำนานเรื่องเล่าที่น่าสนใจไม่น้อย วันนี้เลยขอมานำเสนอให้ได้อ่านกันค่ะ
  | 
| สาระน่ารู้เกี่ยวกับเขาตังกวน และเรื่องเล่าตำนานอันเก่าแก่ของเขาแห่งนี้ ในเมืองสงขลา (Khao Tangkuan Hill,Songkhla City ) | 
สาระน่ารู้เกี่ยวกับเขาตังกวน และเรื่องเล่าตำนานอันเก่าแก่ของเขาแห่งนี้ ในเมืองสงขลา (Khao Tangkuan Hill,Songkhla City )เขาตังกวน ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสงขลา โดยอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาน้อย มีบันไดทางขึ้นอยู่ใกล้วัดแหลมทราย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 105 เมตร บนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานโบราณสถานที่สำคัญ ประกอบไปด้วย เจดีย์พระธาตุ คู่เมืองสงขลา เป็นศิลปะในสมัยทวาราวดี ยังมีพลาพลับที่ประทับรัชกาลที่ 4 และประภาคาร 
  | 
| เขาตังกวนแห่งนี้ ก็มีตำนานเรื่องเล่าอีกด้วย 
นานมาแล้วมีพ่อค้าจีนคนหนึ่งคุมเรือสำเภาเดินทางค้าขอบแถบชายทะเลจากเมืองจีนถึงเมืองสงขลา | 
ซึ่งเขาตังกวนแห่งนี้ ก็มีตำนานเรื่องเล่าอีกด้วย นานมาแล้วมีพ่อค้าจีนคนหนึ่งคุมเรือสำเภาเดินทางค้าขอบแถบชายทะเลจากเมืองจีนถึงเมืองสงขลา
 เมื่อขายสินค้าจนหมดแล้วก็ซื้อสินค้าจากสงขลาบรรทุกสำเภากลับไปขายเมืองจีน
 ปฏิบัติอยู่เช่นนี้เป็นนิจ วันหนึ่งเมื่อขายสินค้าหมดแล้วก็เข้าเมืองสงขลา
 เพื่อซื้อสินค้ากลับไปขายเมืองจีน 
ระหว่างที่เดินซื้อสินค้าอยู่พ่อค้าได้เห็นหมากับแมวคู่หนึ่งมีรูปร่างน่าเอ็นดู
 จึงขอซื้อหมากับแมวคู่นั้นเอาลงเรือไปด้วย 
ฝ่ายหมากับแมวเมื่อลงไปอยู่ในเรือนานๆ ก็เกิดความเบื่อหน่าย 
และอยากจะกลับไปอยู่บ้านที่สงขลาจึงปรึกษากันหาวิธีการที่จะกลับบ้าน  
หมาได้บอกกับแมวว่าพ่อค้าเรือสำเภานั้นมีดวงแก้ววิเศษสำหรับการจมน้ำ
 หากใครได้ไว้จะว่ายน้ำไปไหนๆ ก็ไม่จมน้ำ 
แมวจึงคิดอุบายที่จะได้ดวงแก้ววิเศษนั้น 
โดยไปข่มขู่หนูให้ขโมยแก้ววิเศษของพ่อค้ามาให้ 
โดยที่หนูขอหนีขึ้นฝั่งไปด้วย 
ครั้งเรือเดินทางมาถึงเมืองสงขลาอีกครั้งหนึ่ง 
หนูก็ลอบเข้าไปขโมยดวงแก้ววิเศษของพ่อค้าโดยอมเอาไว้ในปาก 
แล้วทั้งสามหนีลงเรือว่ายน้ำจะไปขึ้นฝั่งหน้าเมืองสงขลา
  | 
| หนูซึ่งว่ายอยู่ข้างหน้าก็นึกขึ้นได้ว่าดวงแก้วที่ตนอมเอาไว้ในปากนั้นมีค่ามหาศาล
 เมื่อถึงฝั่งหมากับแมวก็คงแย่งเอาไป | 
ขณะที่ว่ายน้ำมาด้วยกัน
 
หนูซึ่งว่ายอยู่ข้างหน้าก็นึกขึ้นได้ว่าดวงแก้วที่ตนอมเอาไว้ในปากนั้นมีค่ามหาศาล
 เมื่อถึงฝั่งหมากับแมวก็คงแย่งเอาไป 
จึงคิดที่จะหนีหมากับแมวขึ้นฝั่งตามลำพัง 
จะได้ครอบครองดวงแก้วเป็นสมบัติของตนตลอดไป 
แต่แมวซึ่งว่ายน้ำตามหลังหนูมาก็คิดอย่างเดียวกันกับที่หนูคิด 
ก็ว่ายน้ำตรงรี่เข้าไปหาหนู ฝ่ายหนูเห็นแมวตรงเข้ามาก็ตกใจ 
นึกว่าแมวเข้ามาจะตะปบจึงว่ายน้ำหนีสุดแรง 
และไม่ทันระวังตัวดวงแก้ววิเศษที่อมไว้ในปากก็ตกลงจมหายไปในน้ำ 
  | 
ส่วนหมาก็ตะเกียกตะกายว่ายน้ำไปจนถึงฝั่งด้วยความเหน็ดเหนื่อยหมาจึงขาดใจตายกลายเป็นหินเรียกว่า
 “เขาตังกวน” อยู่ริมอ่าวสงขลา 
  | 
 
เมื่อดวงแก้วจมน้ำแล้วทั้งหนูและแมวต่างก็หมดแรงไม่อาจจะว่ายน้ำต่อไปได้
 สัตว์ทั้งสองจึงจมน้ำตายกลายเป็น “เกาะหนูเกาะแมว” 
อยู่ที่อ่าวหน้าเมืองสงขลา 
ส่วนหมาก็ตะเกียกตะกายว่ายน้ำไปจนถึงฝั่งด้วยความเหน็ดเหนื่อยหมาจึงขาดใจตายกลายเป็นหินเรียกว่า
 “เขาตังกวน” อยู่ริมอ่าวสงขลา 
ส่วนดวงแก้ววิเศษที่หล่นจากปากหนูก็แตกละเอียดเป็นหาดทรายเรียกกันว่า 
“หาดทรายแก้ว” อยู่ทางด้านเหนือของแหลมสนยื่นออกไปในอ่าวสงขลา
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองสงขลา
 พ.ศ.2402 ได้โปรดเกล้าฯให้ พระยาสงขลาบูรณะปฏิสังขรณ์ 
เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของชาวสงขลา เมื่อขึ้นไปบนยอดเขาตังกวนแล้ว 
และด้วยความสูง 2,000 ฟุต 
จึงทำให้เขาตังกวนเป็นจุดชมทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบได้อย่างสวยงาม 
ส่วนยอดเขาน้อยทางทิศใต้ เป็นที่ประทับของเจ้าฟ้ายุคล 
ทิฆัมพร(กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์) 
เมื่อครั้งมาดำรงตำแหน่งสมเด็จอุปราชมณฑลปักษ์ใต้ เคยใช้เป็นที่ 
ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าบรมราชินีนาถฯ 
ในคราวเสด็จเยี่ยม ราษฎรในจังหวัดภาคใต้ เมื่อเดือนมีนาคม 2502 
ปัจจุบันใช้เป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัด 
  | 
| พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆัง สันนิษฐานว่าเป็น พระเจดีย์โบราณที่มีมานาน 
แต่ไม่ปรากฎหลักฐานความเป็นมาที่ชัดเจน | 
และเจดีย์พระธาตุที่ประดิษฐานบนเขา ก็จัดเป็นเจดีย์หลวงและเป็นโบราณสถานที่สำคัญของเขาตังกวนอีกด้วย โดยพระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆัง สันนิษฐานว่าเป็น พระเจดีย์โบราณที่มีมานาน 
แต่ไม่ปรากฎหลักฐานความเป็นมาที่ชัดเจน จนต่อมาในปี พ.ศ.2402 
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า อยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินประพาสเมืองสงขลา 
หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2409 จึงได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินหลวง 37 ชั่ง 
ให้เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) 
ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ให้สูงใหญ่กว่าของเก่า และในครั้งนั้น 
เจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น)ได้ สร้างคฤห์ไว้ที่ฐานพระเจดีย์ 
และต่อเติมเก๋งที่มุมกำแพง พระเจดีย์หลวงเป็นพระเจดีย์คู่บ้านคู่เมือง จึงมีการบูรณซ่อมแซ่มมาโดยตลอด   | 
| รายละเอียดจากแผ่นศิลาจารึกที่ประดิษฐานอยู่ในคฤห์ทางด้านทิศใต้ขององค์พระเจดีย์
 ปัจจุบันศิลาจารึกนี้จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสงขลา  | 
โดยข้อความรายละเอียดจากแผ่นศิลาจารึกที่ประดิษฐานอยู่ในคฤห์ทางด้านทิศใต้ขององค์พระเจดีย์ ปัจจุบันศิลาจารึกนี้จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสงขลา 
ในปี พ.ศ.2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 
ทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ ให้นำมาบรรจุในองค์พระเจดีย์ 
เขาตังกวนเป็นสถานที่จัดงานประเพณีสำคัญของสงขลา คือ 
พิธีห่มผ้าองค์พระเจดีย์ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโว 
ที่มีขึ้นช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี 
 
  | 
| ใกล้ๆกับองค์พระเจดีย์ ก็เป็นประภาคาร ซึ่งประภาคารดังกล่าว 
เป็นอาคารที่สำคัญอย่างหนึ่งของเขาตังกวนสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | 
  | 
| เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.2439 ครั้งพระยาวิเชียรคีรี (ชม) เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา | 
และใกล้ๆกับองค์พระเจดีย์ ก็เป็นประภาคาร ซึ่งประภาคารดังกล่าว เป็นอาคารที่สำคัญอย่างหนึ่งของเขาตังกวนสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.2439 ครั้งพระยาวิเชียรคีรี (ชม) เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา โดยสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้โปรดให้ กรมทหารเรือทำเครื่องหมายประดับประกอบตัวโคมและส่งแบบฐานปูนให้ข้าหลวงออกมาจัดการก่อสร้างประภาคาร ตามพระราช ดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในบริเวณที่พระยาวิเชียรคีรี (ชม ณ สงขลา) และพระยาชลยุทธโยธิน ได้เป็นผู้เลือกสถานที่ ประภาคารนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2440  | 
| ศาลาพระวิหารแดง อีกหนึ่งอาคารสำคัญที่อยู่คู่เขาตังกวน  โดยประวัติการก่อสร้างศาลาพระวิหารแดง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | 
บริเวณเขาตังกวน ยังมีศาลาพระวิหารแดง โดยมีทางเดินลงบันไดจากพระเจดีย์มายังศาลาพระวิหารแดง อีกหนึ่งอาคารสำคัญที่อยู่คู่เขาตังกวน  โดยประวัติการก่อสร้างศาลาพระวิหารแดง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้สร้างพลับพลาที่ประทับนี้แต่ยังคงสร้างค้างอยู่ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสแหลมมลายูถึงเมืองสงขลา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นนมัสการพระเจดีย์บนยอดเขาตังกวน มีพระราชศรัทธาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลาพระวิหารจนสำเร็จในเวลาต่อมา แล้วยังทรงพระราชดำริให้สร้างบันไดนาคขึ้นจาก พลับพลา สำเร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ. 2440   | 
| อาคารที่สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ตัวอาคารก่อด้วยอิฐถือปูน  | 
ศาลาแห่งนี้ เป็นอาคารที่สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ตัวอาคารก่อด้วยอิฐถือปูน มีขนาดกว้าง 9.6 เมตร ยาว 12.9 เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันตก โดยตกแต่งด้วยการทาสีแดงและสีขาว หน้าบันมีการประดับลวดลายปูนปั้นรูปช้างสามเศียรภายในพระมหามงกุฎ และกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งนี้ ตามพระราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 ลงวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478
  | 
| เทศบาลนครสงขลาสร้างลิฟต์ขึ้นเขาตังกวนอีกทางหนึ่งเพื่อสะดวกแก่นักท่องเที่ยวเด็ก
 คนแก่ชราสามารถขึ้นไปสักการะพระเจดีย์บนยอดเขาได้ง่ายขึ้น | 
ปัจจุบันเทศบาลนครสงขลาสร้างลิฟต์ขึ้นเขาตังกวนอีกทางหนึ่งเพื่อสะดวกแก่นักท่องเที่ยวเด็ก คนแก่ชราสามารถขึ้นไปสักการะพระเจดีย์บนยอดเขาได้ง่ายขึ้น และสามารถเห็นจุดชมวิวเมืองสงขลาได้อย่างสวยงาม โดยเขาตังกวน จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางสำคัญของเมืองสงขลา และยังเป็นโบราณสถานสำคัญที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาของเมืองนี้มาอย่างยาวนานอีกด้วย ทำให้เป็นจุดเช็กอินของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะมาเยือนกันอย่างไม่ขาดสายด้วย เครดิตข้อมูลดีจาก : https://www.songkhlacity.go.th/new/travel/detail/7/data.html
https://sites.google.com/site/winasthephhaengkhwamngam/kar-saedng-silpa-wathnthrrm-ti 
------------------------------------------------------------------------ 
 บทความบล็อกอื่นๆ มีดังนี้
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเกาะพยาม ที่ใครก็ต้องตามไปถ่ายรูปภาพเช็กอินกัน ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึง มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแนะนำที่เที่ยวค่ะ>>>
รวมเด็ดสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองประจวบคีรีขันธ์ ต้องมาเช็กอินถ่ายภาพกันสักครา มีที่ใหนบ้างหนา ตามไปช่ะช่ะช่ากันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแนะนำที่เที่ยวค่ะ>>> 
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในแม่กลอง-อัมพวา ที่ใครๆก็มาเช็กอินถ่ายรูปกัน ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงนะ คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>> 
แนะนำ 15 สถานที่ท่องเที่ยวแดนดินถิ่นอีสานใต้ ที่ใครๆก็ต้องแวะมาถ่ายรูปเช็กอินกันสักครา ตามไปลั๊ลลากันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>
รวมเด็ด 17 ที่เที่ยวจังหวัดระนอง ไม่ลองไปดู ว่ามีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆมากมาย ส่วนจะมีที่ใหน ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>>
แนะนำ 7 สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ แวะไปเช็กอิน ถ่ายรูปกันอย่างสำราญใจ มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งดูจ้า คลิ๊กดูรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวค่ะ>>
แนะนำ 14 ที่เที่ยวจังหวัดขอนแก่น ต้องไปถ่ายภาพให้สวยสะแนนกัน ส่วนจะมีที่ใหนบ้างนั้น ตามไปเที่ยวกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ>>> 
แนะนำ 11 แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดอุดรธานี ที่ใครมาเยือนเมืองนี้ ต้องไปถ่ายรูปเช็คอินกัน ส่วนจะมีใหนนั้น ตามไปเบิ่งกัน คลิ๊กดูรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ>> รวมเด็ด 20 สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย มีมากมายให้ไปถ่ายภาพเช็คอินกัน มีที่ใหนบ้าง ตามไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดที่เที่ยวค่ะ>>>รวมเด่น 6 ชายหาดทะเลสวยในจังหวัดตรัง ต้องแวะไปถ่ายรูปให้สวยปังกันสักครั้ง ส่วนจะมีที่ใหนบ้าง เช็คอินไปกันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดบทความที่เที่ยวค่ะ>>>
งามเด็ด 7 ที่เที่ยวแม่กำปอง ที่ใครๆก็ต้องย่องมารับอากาศดี ถ่ายรูปเช็คอินที่นี่สักครั้ง ส่วนจะมีที่ใหนบ้างตามไปกันเลย คลิ๊กดูบทความข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>>
รวมเด็ด 8 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกียวโต ที่ใครๆก็ต้องแวะถ่ายรูปกันให้ได้ ไม่งั้นมาไม่ถึง มีที่ใหนบ้าง คลิ๊กดูบทความข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>
แนะนำ 11 ที่เที่ยวในเกาะภูเก็ตยอดนิยม ที่ใครๆก็ต้องไปเก็บภาพ ถ่ายรูปเช็คอินกัน ไม่งั้นเดี่ยวจะหาว่ามาไม่ถึงนะ คลิ๊กดูรายละเอียดข้อมูลที่เที่ยวค่ะ>>>
รวมเด็ด 7 สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ที่ใครๆก็ต้องแวะมาถ่ายรูปที่นี่กันสักครั้ง คลิ๊กดูข้อมูลภาพที่เที่ยวกันเลยค่ะ>> 
 
0 ความคิดเห็น