สวัสดีเพื่อนๆผู้รักการทัศนาจร และคุณผู้อ่านบนโลกออนไลน์ทุกคน ที่หลงทางเข้ามาในเว็ปบล็อกนี้ สำหรับเพื่อนๆคนใหน ที่กำลังจะจัดซื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางแบกเป้ไปเที่ยวประเทศฝรั่งเศส หนึ่งในประเทศยอดฮิตอีกแห่งในทวีปยุโรป ที่ใครก็ต้องมาเช็คอินเที่ยวกัน และหากใครที่จะวางแผนมาเที่ยวฝรั่งเศสตอนใต้ และปักหมุดไปเที่ยวเมืองอาวียง (Avignon) เมืองท่องเที่ยวเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์เป็นมายาวนานอีกแห่งของดินแดนน้ำหอมแห่งนี้ และหากมาเที่ยวเมืองอาวียงแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะไปเช็คอินที่ใหนดี
เพื่อไม่ให้บทความนี้ร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองอาวียง เมืองท่องเที่ยวสวยงามยอดนิยมแห่งนี้ มาให้เพื่อนได้ตามไปเช็คอินกัน ซึ่งที่เที่ยวแต่ละแห่งในเมือง Avignon France นั้นก็สามารถเดินเท้าเที่ยวในเมืองได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ไปตามแผนที่ได้เลยค่ะ แหล่งท่องเที่ยวใน Avignon แต่ละแห่งก็อยู่ใกล้ๆกัน สามารถเดินไปได้ไม่ไกล แถมได้เดินออกกำลังกายด้วย ส่สวนจะมีที่ใหนบ้างนั้น ตามไปกันเลยจ้า
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองอาวียง ที่สามารถเดินเที่ยวได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ภายใน 1 วัน ไปเช็คอินถ่ายรูปสวยๆกัน มีดังนี้ (Avignon Tourist Attraction places)
 |
1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) |
 |
1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) |
 |
1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) |
 |
1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) |
 |
1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) |
 |
1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) |
 |
1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) |
 |
1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) |
1.สะพานปงแซ็ง-เบเนแซ (Pont Saint-Bénézet The - Bridge of Avignon) เป็นสะพานยุคกลางข้ามแม่น้ำโรนในเมืองอาวีญง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เป็นสะพานที่เหลืออยู่เพียงบางส่วน โดยมองเห็นแค่สี่โค้งเท่านั้น ตัวสะพานตัดผ่านแม่น้ำโรน ข้ามจากฝั่งเมืองไปยังฝั่งขวาของแม่น้ำ โดยมีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 900 เมตร
เดิมทีเป็นสะพานไม้ยุคแรกที่ทอดข้ามแม่น้ำโรนระหว่างเมืองวิลเนิฟ-เลส์-อาวีญงและอาวีญง สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1177 ถึง 1185 สะพานไม้แห่งนี้ถูกทำลายในอีกสี่สิบปีต่อมา และในปี ค.ศ. 1226 ในระหว่างสงครามครูเสดอัลบิแฌนเซียน เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 8 แห่งฝรั่งเศสทรงปิดล้อมอาวีญง เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1234 สะพานได้รับการสร้างขึ้นใหม่ ด้วยซุ้มหิน 22 แห่ง สะพานหินมีความยาวประมาณ 900 เมตร (980 หลา) และกว้างเพียง 4.9 เมตร (16 ฟุต 1 นิ้ว) รวมถึงราวกันตกที่ด้านข้าง สะพานถูกทิ้งร้างในกลางศตวรรษที่ 17 เนื่องจากซุ้มหินมักจะพังทลายลงทุกครั้งที่แม่น้ำโรนท่วม ในปีค.ศ. 1669 ได้เกิด อุทกภัยครั้งใหญ่ได้ทำลายสะพานเกือบทั้งหมด โดยเสาฐานของสะพานเหลือเพียง 4 เสาจากทั้งหมด 22 เสาแต่เดิม และได้ถูกทิ้งร้างลงถึงปัจจุบัน
สะพานแห่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเพลง Sur le pont d'Avignon และถือเป็นสถานที่สำคัญของเมือง ในปี 1995 ซุ้มโค้งของสะพานที่ยังหลงเหลืออยู่ได้รับการจัดให้เป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับพระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง และอนุสรณ์สถานอื่นๆ จากศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของอาวีญง เนื่องจากเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทนำของอาวีญงในระบอบของพระสันตปาปาในช่วงศตวรรษที่ 14 และ 15 ที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ฝรังเศสอย่างยิ่งด้วย
 |
2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง (Palais des Papes d'Avignon,) |
 |
2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง (Palais des Papes d'Avignon,) |
 |
2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง (Palais des Papes d'Avignon,) |
 |
2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง (Palais des Papes d'Avignon,) |
 |
2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง (Palais des Papes d'Avignon,) |
 |
2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง (Palais des Papes d'Avignon,) |
2.พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง หรือ ปาแลเดปัป-อาวีญง (Palais des Papes d'Avignon,)
โดยพระราชวังแห่งนี้ ถือเป็นพระราชวังศิลปแบบโกธิคที่สวยงามอีกแห่งในยุโรป ตั้งในเมืองอาวีญง ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในอาคารกอธิคยุคกลางที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในยุโรป เดิมทีเป็นป้อมปราการและพระราชวัง พระราชวังแห่งนี้เคยเป็นที่นั่งของศาสนาคริสต์ตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 14 มีการประชุมลับของพระสันตปาปา 6 ครั้งด้านในตัวปราสาท ซึ่งนำไปสู่การเลือกตั้งพระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่ 12 ในปี 1334 พระสันตปาปาเคลเมนต์ที่ 6 ในปี 1342 พระสันตปาปาอินโนเซนต์ที่ 6 ในปี 1352 พระสันตปาปาเออร์บันที่ 5 ในปี 1362 พระสันตปาปาเกรกอรีที่ 11 ในปี 1370 และพระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่ 13 ในปี 1394
จนกระทั่งในปี 1995 พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวียง ได้รับการจัดให้เป็นแหล่งมรดกโลกของ UNESCO เนื่องจากมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์สำหรับตำแหน่งพระสันตปาปา
จุดเด่นของพระราชวังแห่งนี้ประกอบด้วยอาคารสองหลังที่เชื่อมติดกัน ได้แก่ พระราชวังเก่าของพระสันตปาปาเบเนดิกต์ที่ 12 ซึ่งตั้งอยู่บนโขดหิน Doms อันแข็งแกร่ง และพระราชวังใหม่ของพระสันตปาปาเคลเมนต์ที่ 6 ซึ่งเป็นพระสันตปาปาที่มีความโอ่อ่าที่สุดแห่งเมืองอาวีญง โดยการสร้างพระราชวังทั้งสองหลังรวมกันเป็นอาคารกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในยุคกลาง นอกจากนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของรูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิคสากลอีกด้วย
 |
3.อาสนวิหารอาวีญง |
 |
3.อาสนวิหารอาวีญง |
 |
3.อาสนวิหารอาวีญง |
 |
3.อาสนวิหารอาวีญง |
 |
3.อาสนวิหารอาวีญง |
3.อาสนวิหารอาวีญง เป็นโบสถ์โรมันคาธอลิกที่ตั้งอยู่ติดกับ Palais des Papes ในเมืองอาวีญง ประเทศฝรั่งเศส มหาวิหารแห่งนี้เป็นที่นั่งของอาร์ชบิชอปแห่งอาวีญง
มหาวิหารแห่งนี้เป็นอาคารแบบโรมาเนสก์ สร้างขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 12 หอระฆังพังทลายลงในปี ค.ศ. 1405 และได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1425 และในปี ค.ศ. 1670–1672 แอปซิสได้รับการสร้างขึ้นใหม่และต่อเติม การต่อเติมดังกล่าวส่งผลให้ตัวอารามในยุคกลางนั้นถูกทำลายลง อาคารนี้ถูกทิ้งร้างและปล่อยให้ทรุดโทรมลงในช่วงการปฏิวัติ แต่ได้รับการถวายใหม่ในปี ค.ศ.1822 และบูรณะโดยอาร์ชบิชอปเซเลสติน ดูปองต์ในปี 1835–1842 คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของอาสนวิหารคือรูปปั้นพระแม่มารีปิดทองบนยอดหอระฆัง ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1859
ในปี พ.ศ. 2538 มหาวิหารแห่งนี้ พร้อมด้วย Palais des Papes และอาคารประวัติศาสตร์อื่นๆ ในใจกลางเมืองอาวีญง ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO เนื่องมาจากสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และความสำคัญในช่วงศตวรรษที่ 14 และ 15
 |
4.กำแพงเมืองเก่าอาวีญง ( Walls of Avignon) |
 |
4.กำแพงเมืองเก่าอาวีญง ( Walls of Avignon) |
 |
4.กำแพงเมืองเก่าอาวีญง ( Walls of Avignon) |
 |
4.กำแพงเมืองเก่าอาวีญง ( Walls of Avignon) |
 |
4.กำแพงเมืองเก่าอาวีญง ( Walls of Avignon) |
4.กำแพงเมืองเก่าอาวีญง ( Walls of Avignon)
สำหรับกำแพงเมืองอาวีญง (ภาษาฝรั่งเศส: Les Remparts d'Avignon) เป็นกำแพงหินป้องกันที่ล้อมรอบเมืองอาวีญงทางตอนใต้ของฝรั่งเศส กำแพงเหล่านี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ในสมัยที่อาวีญงเป็นพระสันตปาปา และได้รับการบูรณะและซ่อมแซมอย่างต่อเนื่องตลอดประวัติศาสตร์ที่ตามมา
กำแพงปัจจุบันทำหน้าแทนที่กำแพงป้องกันสองชั้นเดิมที่สร้างเสร็จในสองทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 13 ในช่วงสงครามครูเสดอัลบิเจนเซียน เมืองนี้เข้าข้างเรมอนด์ที่ 7 เคานต์แห่งตูลูส แต่ในปี ค.ศ. 1226 หลังจากที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 8 แห่งฝรั่งเศสปิดล้อมเมืองเป็นเวลาสามเดือน จนทำให้เมืองอาวีญงยอมจำนนและถูกบังคับให้รื้อกำแพงเดิมและถมคูน้ำ กำแพงเดิมได้รับการสร้างขึ้นใหม่ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 1231 และแม้ว่าจะไม่เหลืออยู่ แต่เส้นทางเดินของกำแพงยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ในผังถนนของเมือง
ลักษณะของกำแพงเมืองทอดยาวออกไป 4.3 กิโลเมตร (2.7 ไมล์) และครอบคลุมพื้นที่ 150 เฮกตาร์ (370 เอเคอร์) เดิมทีมีประตูทางเข้าเมือง 12 ประตู แต่จำนวนประตูนี้ลดลงเหลือเพียง 7 ประตูเมื่อมีการดัดแปลงป้อมปราการระหว่างปี ค.ศ. 1481 ถึง 1487 ในช่วงสงครามศาสนาของฝรั่งเศส ปัจจุบันมีทางเข้าสำหรับยานพาหนะ 15 ทางและทางเข้าสำหรับทางเดินเท้า 11 ทาง
 |
5.วิหารแซงต์-มาร์กซิยาล อาวีญง (Temple Saint-Martial d'Avignon) |
 |
5.วิหารแซงต์-มาร์กซิยาล อาวีญง (Temple Saint-Martial d'Avignon) |
 |
5.วิหารแซงต์-มาร์กซิยาล อาวีญง (Temple Saint-Martial d'Avignon) |
 |
5.วิหารแซงต์-มาร์กซิยาล อาวีญง (Temple Saint-Martial d'Avignon) |
5.วิหารแซงต์-มาร์กซิยาล อาวีญง (Temple Saint-Martial d'Avignon)
เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของนิกายโปรเตสแตนต์ ตั้งอยู่ที่มุมถนน Rue des Lices และ Rue de la République ในเมืองอาวีญง ตำบลแห่งนี้เป็นสมาชิกของคริสตจักรโปรเตสแตนต์แห่งฝรั่งเศส เดิมทีเป็นพระราชวังของราชินีฌานน์ และต่อมาเป็นที่ประทับของพระคาร์ดินัลแห่งอองโดริง เดอ ลา โรช จึงได้กลายมาเป็นสถานที่อยู่อาศัยของตระกูลคลูเนีย ต่อมาที่นี่ได้รับใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ซึ่ง Jean-Henri Fabre ซึ่งดำรงตำแหน่งภัณฑารักษ์ ได้ทำการสอนร่วมกับ Stéphane Mallarmé
ในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา การปฏิรูปศาสนาโปรเตสแตนต์ได้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ ในเมืองโปรเตสแตนต์ขนาดใหญ่เช่นออเรนจ์และนีมส์ แต่ถูกปราบปรามในเมืองของพระสันตปาปา จนกระทั่ง เสรีภาพในการนับถือศาสนาได้รับการรับรองระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสโดยมาตรา 10 ของปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของมนุษย์และพลเมืองปี 1789 ตั้งแต่ปี 1830 ชุมชนโปรเตสแตนต์ได้ย้ายเข้าไปอยู่ที่ Hôtel de Sade, rue Dorée
จุดเด่นอีกอย่างภายในบริเวณแห่งนี้คือ มีซากโบสถ์แซงต์มาร์เชียลในจัตุรัส ที่หลงเหลืออยู่ให้ได้เรียนรู้และศึกษามาจนถึงปัจจุบัน
 |
6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) |
 |
6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) |
 |
6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) |
 |
6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) |
 |
6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) |
 |
6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) |
 |
6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) |
 |
6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) |
 |
6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum) |
6.พิพิธภัณฑ์คาลเวต (Calvet Museum)
อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ในเมืองอาวีญงที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ฟรี โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ภายในพิพิธภัณฑ์ถูกจัดแสดงด้วยนิทรรศการซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสองอาคาร โดยงานศิลปะวิจิตรศิลป์จัดแสดงอยู่ในโรงแรมแบบเฉพาะกิจในศตวรรษที่ 18 และพิพิธภัณฑ์ Lapidary แยกต่างหากในโบสถ์เก่าของวิทยาลัยเยซูอิตของเมืองบนถนน Rue de la République พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดำเนินการโดย Fondation Calvet
ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุ และของสะสมต่างๆยังรวมถึงงานทอง งานเซรามิก เครื่องลายคราม ผ้าทอผนัง งานเหล็ก และตัวอย่างอื่นๆ ของศิลปะตกแต่ง ตลอดจนโบราณคดี และชาติพันธุ์วิทยาของเอเชีย โอเชียเนีย และแอฟริกา
นักสะสมและนักกายภาพบำบัดชื่อดัง Esprit Calvet อุทิศชีวิตให้กับการแพทย์และศิลปะ ในปี 1810 เขาได้ทำพินัยกรรมมอบห้องสมุด คอลเล็กชันประวัติศาสตร์ธรรมชาติ และห้องเก็บโบราณวัตถุให้แก่บ้านเกิดของเขาที่เมืองอาวีญง พร้อมทั้งมอบเงินทุนที่จำเป็นเพื่อให้เข้าถึงได้ในฐานะสถาบันอิสระ นโปเลียนที่ 1 ได้ออกพระราชกฤษฎีกาเมื่อวันที่ 9 เมษายน 1811 จากพระราชวังตุยเลอรี อนุญาตให้ผู้ว่าการเมืองอาวีญงรับมรดกในนามของเมืองอาวียง พิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นจึงตั้งชื่อตามเขาและเป็นที่จัดเก็บคอลเล็กชันของเขา
 |
7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms |
 |
7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms |
 |
7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms |
 |
7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms |
 |
7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms |
 |
7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms |
 |
7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms |
 |
7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms |
 |
7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms |
7. Garden of the Dom สวนของโดม (Jardin des Doms หรือ Jardin du Rocher des Doms
สวน Rocher des Doms เป็นสวนสาธารณะขนาด 3 เฮกตาร์ที่ตั้งอยู่บนยอด Rocher des Doms ในใจกลางเมืองประวัติศาสตร์ของอาวีญง สวนแห่งนี้ได้รับการจัดให้เป็นสวนที่น่าทึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 และเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567 โดยตั้งอยู่ติดกับ Palais des Papes และสวนของสวนแห่งนี้ มีทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเมืองอาวีญง สะพานปงดาวีญง และแม่น้ำโรน
โดยโรเชอร์ เดส์ โดมส์: เป็นเทือกเขาหินซึ่งเป็นศูนย์กลางดั้งเดิมของเมืองอาวีญง ครั้งหนึ่งที่นี่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงปราการและเป็นที่ตั้งของปราสาท ต่อมาเป็นคลังเก็บดินปืน ก่อนที่จะกลายมาเป็นสวนสาธารณะ สวน Doms ถูกออกแบบมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันมีทางเดินเล่นที่สวยงามเต็มไปด้วยต้นไม้และพุ่มไม้นานาพันธุ์ รวมถึงทะเลสาบที่มีรูปปั้น "วีนัสแห่งนกนางแอ่น" กลายเป็นสวนสาธารณะสำคัญที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว และยังเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็น สะพานปงแซงเบเนแซ และวิวแม่น้ำได้อย่างงดงามอีกด้วย
สาธารณะสมัยศตวรรษที่ 19 มีพื้นที่ 3 เฮกตาร์ ตั้งอยู่บน Rocher des Doms ในใจกลางเมืองเก่าของอาวีญง (ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก) ในเขตโวกลูสในแคว้นโพรวองซ์ สวนนี้ตั้งอยู่ติดกับ Palais des Papes ในอาวีญงและสวนพระราชวัง โดยได้รับการจัดให้เป็นสวนที่น่าทึ่งตั้งแต่ปี 2003 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี 2024
 |
นอกจากนี้ยังมีย่านร้านค้า ถนนคนเดินให้ไปเช็คอินกันด้วยค่ะ |
 |
แต่วันที่เดี๊ยนเดินทางมาเที่ยว เป็นวันธรรมดา ร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดกัน |
 |
ใช้พลังงานในการเดินเยอะพอสมควร เลยเดินออกมาหาซื้ออะไรทานมื้อเที่ยงก่อนค่ะ |
 |
เดินออกมาหาซื้ออะไรทาน สรุปคือ ได้ไปซื้อแซนวิชที่ห้างคาร์ฟูร์ใกล้ๆโรงแรมมานั่งกินแทนค่ะ |
0 ความคิดเห็น