เดินทางเที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ แวะไปดู วัดชนะสงคราม วัดเก่าแก่รอบเกาะรัตนโกสินทร์ในเมืองฟ้าอมรแห่งนี้ มีประวัติสำคัญอย่างไร |
สวัสดีเพื่อนๆสายเที่ยวทัศนาจร ออนซอนหัวใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนกันทุกๆคนค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน เพราะมัวอีรุงตุงนังอยู่กับงานประจำ จนลืมมานั่งเขียนบล็อกเรื่อยเปื่อยไปซ่ะแล้ว และในบทความนี้ ก็ขอสรรหา พาเล่าสาระดีๆเกี่ยวกับวัดวาอารามในเมืองไทย มาให้กันอ่านอีกเช่นเคยค่ะ แน่นอนว่าหากเพื่อนสายบุญคนใหน ที่จะจัดทริปโปรแกรมมาเดินไหว้พระรอบเกาะรัตนโกสินทร์ หนึ่งในวัดสำคัญอีกแห่งที่รองจากวัดพระแก้ว และวัดโพธิ์ ต้องหนีไม่พ้น วัดชนะสงครามอย่งแน่นอน เนื่องจากเป็นวัดเก่าแก่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจไม่น้อย วันนี้เลยจัดมาให้อ่านเป็นความรู้กันค่ะ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัดชนะสงคราม มีประวัติความเป็นมาอย่างไร นำมาให้อ่านจ้า |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับวัดชนะสงคราม มีประวัติความเป็นมาอย่างไร นำมาให้อ่านจ้า
วัดชนะสงคราม เป็นวัดโบราณอีกวัดหนึ่งที่มีอยู่ก่อนสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง เดิมชื่อวัดกลางนา ครั้นเมื่อสถาปนากรุงเทพมหานคร แล้ว วัดนี้ได้รับการบูรณะ ปฏิสังขรณ์โดยสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทและเป็นวัดที่มีเจ้าอาวาสเป็นพระสงฆ์รามัญจึงมี นามวัด อีกนามหนึ่งว่าวัดตองปุตามแบบอย่างวัดตองปุที่กรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นวัดรามัญนิกายต่อมาภายหลังวัดตองปุได้รับพระราชทานนามว่า วัดชนะสงครามก็เนื่องด้วยสมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ ผู้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัด ทรงเป็นแม่ทัพคนสำคัญในรัชกาลที่ 1 และทรงนำทัพ หน้าชนะศึกในการสงครามครั้งสำคัญหลายต่อหลายครั้ง ต่อมายกสถานะเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรมหาวิหาร
แต่เดิมบริเวณรอบ ๆ วัดเป็นทุ่งนาค่อนข้างกว้างใหญ่ จึงเรียกว่า “วัดกลางนา” สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงบูรณะปฏฺสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอาราม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงแต่งตั้งพระราชาคณะฝ่ายรามัญสำหรับพระนครเช่นเดียวกับสมัยอยุธยา โดยโปรดให้พระสงฆ์รามัญมาอยู่วัดนี้ จึงเรียกชื่อวัดว่าวัดตองปู เลียนแบบเดียวกับวัดตองปูซึ่งเป็นวัดพระรามัญในสมัยอยุธยา แต่อีกกระแสหนึ่งกล่าวว่าชื่อวัดตองปูมาจากชาวรามัญ หมู่บ้านตองปู ซึ่งเคยอยู่ในหงสาวดีได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองไทย จึงนำชื่อวัดที่ตนยึดถือเป็นที่พึ่งทางใจมาตั้งด้วย วัดกลางนาจึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดตองปูตามความเคยชินของชาวบ้านตองปู ต่อมาเมื่อทรงมีชัยชนะข้าศึกจึงพระราชทานนามว่า “วัดชนะสงคราม”
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดตองปุแล้วถวายเป็นพระอารามหลวงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดชนะสงคราม |
โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดตองปุแล้วถวายเป็นพระอารามหลวงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดชนะสงคราม เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงมีชัยชนะต่อพม่าในการรบทั้ง 3 ครั้ง
ในสมัยรัชกาลที่ 2 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์เมื่อได้รับการสถาปนาเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลแล้ว ได้โปรดให้ซ่อมแซมพระราชมณเฑียรโดยรื้อพระที่นั่งพิมานดุสิดานำไม้มาสร้างกุฏิ ในสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดให้บูรณะวัดชนะสงครามมาแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 4 พร้อมทั้งทรงสร้างกุฏิใหม่ แล้วเสร็จในปี 2396 และโปรดให้ทำการฉลอง ในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดให้บูรณะซ่อมแซมและปฏิสังขรณ์หลังคาพระอุโบสถและทรงปรารภที่จะสร้างที่บรรจุพระอัฐิสำหรับเจ้านายฝ่ายพระราชวังบวรสถานมงคลแต่ยังไม่ไสร้างที่ใดก็สิ้นรัชกาล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้พระราชทานอุทิศพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้ก่อสร้างที่บรรจุพระอัฐิที่เฉลียงท้ายพระอุโบสถวัดชนะสงคราม โดยกั้นผนังระหว่างเสาท้ายพระอุโบสถเป็นห้องทำเป็นคูหา 5 ช่อง คูหาหนึ่งเจาะเป็นช่องเล็ก ๆ สำหรับบรรจุพระอัฐิเจ้านายตามรัชกาล การก่อสร้างแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 7 ซึ่งพระราชทานพระราชทรัพย์ให้ราชบัณฑิตยสภาก่อสร้าง ขณะนั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นนายกราชบัณฑิตยสภาและสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงก่อสร้างจนเสร็จสิ้น ได้มีพิธีอัญเชิญพระอัฐิจากพระราชวังบวรสถานมงคลไปประดิษฐานใน พ.ศ. 2470
ภายในวัดประดิษฐาน พระประธานในพระอุโบสถ มีนามว่า โดยภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชษฐ์ มเหธิศักดิ์ ปูชะนียชยันตะโคดบรมศาสนา อนาวรญาณ |
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดประดิษฐาน พระประธานในพระอุโบสถ มีนามว่า โดยภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชษฐ์ มเหธิศักดิ์ ปูชะนียชยันตะโคดบรมศาสนา อนาวรญาณ" เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นแล้วบุด้วยดีบุกลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 2.50 เมตร สูง 3.50 เมตร ประดิษฐานบนฐานสูง 1.30 เมตรมีพระอัครสาวกซ้ายขวานั่งประนมมือ 2 องค์ เป็นพระปูนปั้นเช่นกัน
คตินิยม ความเชื่อและกุศโลบายแต่โบราณว่า หากใครที่ต้องการมีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง ให้ไปไหว้พระวัดชนะสงคราม |
มีคตินิยม ความเชื่อและกุศโลบายแต่โบราณว่า หากใครที่ต้องการมีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง ให้ไปไหว้พระวัดชนะสงคราม โดยไหว้พระประธานใบโบสถ์และรูปเคารพสมเด็จกรมพระราชวัง บวรมหาสุรสิงหนาถ (บุญมา) ผู้นับถือความซื่อสัตย์ ซึ่งในการบนบานนั้นแล้วแต่ผู้นั้นจะตั้งใจอธิฐานจิตขอพรให้ได้ดั่งใจปราถนา
ยังมีพระพุทธรูปปูนปั้นและปางมารวิชัยเช่นเดียวกับพระปฏิมาจำนวน 25 องค์ ประดิษฐานรอบฐานชุกชี |
อีกทั้งยังมีพระพุทธรูปปูนปั้นและปางมารวิชัยเช่นเดียวกับพระปฏิมาจำนวน 25 องค์ ประดิษฐานรอบฐานชุกชี
และพระเจดีย์ ตั้งอยู่มุมด้านหน้าทั้งสองข้างของเขตพุทธาวาส ลักษณะเป็นเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้ 20 ทรงจอมแห เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ พระเจดีย์กลมอีก 2 องค์ อยู่ด้านหลังพระอุโบสถ ลักษณะเป็นเจดีย์ฐานสูงมีทางขึ้นทางเดียว บนฐานที่ตั้งเจดีย์ทางเดินโดยรอบทั้ง 2 องค์
ลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญของพระอุโบสถ ก่ออิฐถือปูนเป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งเป็น 13 ห้องเสา ไม่มีพาไล ฐานพระอุโบสถเป็นฐานบัวลูกแก้ว หลังคาทำเป็นชั้นลด 3 ชั้น |
ส่วนลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญของพระอุโบสถ ก่ออิฐถือปูนเป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งเป็น 13 ห้องเสา ไม่มีพาไล ฐานพระอุโบสถเป็นฐานบัวลูกแก้ว หลังคาทำเป็นชั้นลด 3 ชั้น มุงกระเบี้องเคลือบสี ประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันเจาะเป็นช่องหน้าต่าง บานหน้าต่างเป็นลายเทพพนมเหนือบานหน้าต่างเป็นลายพระนารายณ์ทรงครุฑ ลวดลายพื้นหน้าบันแตกต่างกันคือ หน้าบันด้านหน้าลายพื้นเป็นลายเทพพนม ส่วนหน้าบันด้านหลังลายพื้นเป็นลายก้านแย่งใบเทศ ประดับกระจกสีปิดทอง ซุ้มประตู หน้าต่างซ้อนสองชั้น เป็นลายก้านขดปูนปั้นบานหน้าต่างด้านในเป็นภาพเขียนทวารบาล
และสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างเมื่อเข้ามาไหว้พระด้านในพระอุโบสถ จะมีน้ำมนต์อยู่ด้านข้างฐานชุกชี เป็นน้ำมนต์ที่บูชาและตักมา ไม่ใช่น้ำสำหรับดื่ม เป็นน้ำสำหรับประพรมเพื่อความเป็นสิริมงคล และทำพิธีทางศาสนา |
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างเมื่อเข้ามาไหว้พระด้านในพระอุโบสถ จะมีน้ำมนต์อยู่ด้านข้างฐานชุกชี เป็นน้ำมนต์ที่บูชาและตักมา ไม่ใช่น้ำสำหรับดื่ม เป็นน้ำสำหรับประพรมเพื่อความเป็นสิริมงคล และทำพิธีทางศาสนา |
โดยน้ำมนต์ที่อยู่ภายในโบสถ์นั้น ถือเป็น เป็นน้ำมนต์ที่บูชาและตักมา ไม่ใช่น้ำสำหรับดื่ม เป็นน้ำสำหรับประพรมเพื่อความเป็นสิริมงคล และทำพิธีทางศาสนา
เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
0 ความคิดเห็น