|
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ เมืองเก่าโบราณในยุคทวารวดี อายุนานนับ 1,000 ปี ที่ได้รับการขึ้นทะบียนเป็นมรดกโลก มีจุดเช็คอินและแหล่งท่องเที่ยวอะไรที่น่าสนใจบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลยจ้า |
สวัสดีเพื่อนๆสายเที่ยวทัศนาจร เว้าวอนดวงฤทัยทุกๆคนค่ะ วันหยุดเดือนนี้ หากเพื่อนๆคนใหนทีหลงใหลในประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปี ของอาณาจักรทวารดี หนึ่งในอาณาจักรที่เก่าแก่ที่สุดอีกแห่งที่ตั้งอยู่ในผืนแผ่นดินไทย และกำลังวางแผนไปเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ แหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ จากองค์การยูเนสโก้ ซึ่งบริเวณเมืองเก่าโบราณศรีเทพ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้ไปเช็คอิน และเดินเรียนรู้ทัศนศึกษาอยู่หลายแห่งเลยทีเดียวค่ะ
ส่วนใครที่จะวางแผนไปเที่ยวเมืองเก่าโบราณศรีเทพ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปเช็คอิน เดินถ่ายรูปที่ใหนดี ในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ มีแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถาน หรือจุดเช็คอินที่น่าสนใจอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้บทความร้างไป วันนี้นี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอมาอัพเดทแนะนำข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ มาให้เพื่อนๆได้วางแผนไปถ่ายรูปเช็คอินกันดังนี้ค่ะ ยังไงไปเที่ยวกันเยอะๆนะคะ
รวมสถานที่ท่องเที่ยวจุดเช็คอินในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ เมืองเก่าโบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มีดังนี้
|
1.แวะเที่ยวจุดแรก : เขาคลังนอก โบราณสถานที่ค้นพบมานานแล้วในหมู่โบราณสถานของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ แต่เพิ่งบูรณะแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2555 |
|
1.แวะเที่ยวจุดแรก : เขาคลังนอก ลักษณะของเขาคลังนอกเป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 13–14 ในสมัยทวารวดี สันนิษฐานว่าเดิมมีลักษณะเป็นสถูปขนาดใหญ่ที่สามารถขึ้นไปด้านบนได้ |
|
1.แวะเที่ยวจุดแรก : เขาคลังนอก ปัจจุบันเหลือเพียงฐานขนาดใหญ่ ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่อด้วยศิลาแลง สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ มีทางขึ้นทั้ง 4 ด้าน |
1.แวะเที่ยวจุดแรก : เขาคลังนอก
เขาคลังนอก เป็นโบราณสถานที่ค้นพบมานานแล้วในหมู่โบราณสถานของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ แต่เพิ่งบูรณะแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2555 ลักษณะของเขาคลังนอกเป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 13–14 ในสมัยทวารวดี สันนิษฐานว่าเดิมมีลักษณะเป็นสถูปขนาดใหญ่ที่สามารถขึ้นไปด้านบนได้ ปัจจุบันเหลือเพียงฐานขนาดใหญ่ ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่อด้วยศิลาแลง สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ มีทางขึ้นทั้ง 4 ด้าน กว้างด้านละประมาณ 64 เมตร ความสูงจากฐานถึงยอด ประมาณ 20 เมตร แบ่งเป็น 2 ชั้นหลัก ๆ โดยแต่ละชั้นสูงประมาณ 5 เมตร แต่ละทิศมีเจดีย์รายรอบเล็ก ๆ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อเกี่ยวกับมณฑลจักรวาล และอิทธิพลทางสถาปัตยกรรมของอินเดียตอนใต้และชวากลางคล้ายบรมพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย
|
ศาสตราจารย์ ดร.สันติ เล็กสุขุม คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร สันนิษฐานว่าด้านบนประกอบด้วยลานประทักษิณ สำหรับประกอบพิธีกรรม |
จากข้อมูล ศาสตราจารย์ ดร.สันติ เล็กสุขุม คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร สันนิษฐานว่าด้านบนประกอบด้วยลานประทักษิณ สำหรับประกอบพิธีกรรม และเป็นระเบียงที่สามารถเดินวนรอบได้ ลานประทักษิณมีเจดีย์ประธานตั้งอยู่บนสุดสร้างด้วยอิฐ โดยมีฐานอิฐรับยอดเจดีย์อีก 1 ชั้น รวมเป็น 3 ชั้น มีบันไดทางขึ้นสู่ด้านบนทั้ง 4 ทิศ บันไดมีผนังข้างเป็นชั้นรองเครื่องไม้หลังคา ปากทางขึ้นราวบันไดมีฐานของรูปสลักที่น่าจะเป็นรูปสิงห์คู่ ฐานโค้งเป็นบัว ลานประทักษิณชั้นบนสุดของแต่ละทิศมีซุ้มประตูโค้ง ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว ระเบียงคตหรืออาคารไม้มุมหลังคาล้อมรอยเจดีย์ประธาน และมีเจดีย์ขนาดเล็กประดับตามมุม
|
มีนักท่องเที่ยวมากันเป็นหมู่คณะ และมีไกด์ทัวร์ให้ข้อมูลด้านความรู้เกี่ยวกับโบราณสถานเขาคลังนอกด้วย |
บรรยากาศช่วงวันหยุดยาว มีนักท่องเที่ยวมากันเป็นหมู่คณะ และมีไกด์ทัวร์ให้ข้อมูลด้านความรู้เกี่ยวกับโบราณสถานเขาคลังนอกด้วย อารมณ์เหมือนไปทัศนาศึกษาเลยค่ะ
|
พื้นที่มหาสถูปเขาคลังนอกและโดยรอบ เผยให้เห็นการกระจายตัวของโบราณสถานและแหล่งที่เป็นไปได้ว่าเป็นส่วนประกอบของศาสนสถาน |
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลไลดาร์ พื้นที่มหาสถูปเขาคลังนอกและโดยรอบ เผยให้เห็นการกระจายตัวของโบราณสถานและแหล่งที่เป็นไปได้ว่าเป็นส่วนประกอบของศาสนสถาน รวมถึงกิจกรรมของมนุษย์ในอดีตรอบ ๆ ซึ่งทำให้เห็นว่าพื้นที่นี้เป็นมากกว่าศาสนสถานในบริบทมหาสถูป แต่อาจเป็น “มหาวิหาร” หรือวิทยาลัยซึ่งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่สำคัญแหล่งหนึ่ง เช่นเดียวกับวิทยาลัยนาลันทา ที่มีบทบาทส่งต่อพุทธศาสนาและงานศิลปะสู่รัฐในพื้นที่ใกล้เคียง (เครดิตข้อมูลดีๆจาก :https://th.wikipedia.org/เขาคลังนอก)
ส่วนเดี๊ยนกับเพื่อนก็เสียค่าธรรมเนียมไปคนละ 20 บาทจ้า
|
มาถึงก็ถ่ายรูปป้ายหน้าอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพเป็นที่ระลึก และอ่านข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับเมืองเก่าโบราณแห่งนี้สักหน่อย |
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
เมืองโบราณศรีเทพมีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 8-18 เป็นเมืองที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งในสมัยทวารวดี มีการติดต่อรับคติความเชื่อทางศาสนาหลายศาสนาและนิกาย ทั้งพุทธศาสนาแบบเถรวาทและมหายาน รวมไปถึงศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ในเสาวระนิกาย (นับถือพระสุริยะ) ไวษณพนิกาย (นับถือพระวิษณุ) และไศวนิกาย (นับถือพระศิวะ) มีการติดต่อสัมพันธ์กับวัฒนธรรมใกล้เคียงตั้งแต่วัฒนธรรมอินเดีย ขอม และทวารวดีจากแหล่งอื่น ๆ โดยยังหลงเหลือหลักฐานทางโบราณคดีและงานศิลปกรรม สามารถแสดงความเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมและการค้า แสดงให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันของชุมชนที่ต่างศาสนาในระยะเวลาเดียวกัน
|
แผนผังเมืองเก่าโบราณอุทยานประวัติศาสตร์ฺศรีเทพ เมืองใน และเมืองนอก |
บริเวณเมืองฯ พบหลักฐานการพัฒนาการอย่างต่อเนื่องใน 3 สมัย ได้แก่ ชุมชนยุคก่อนประวัติศาสตร์ สมัยทวารวดี และสมัยวัฒนธรรมขอมแผ่ขยายเข้ามามีอิทธิพลในตอนปลาย ก่อนจะหมดความสำคัญกลายเป็นเมืองร้าง
|
ยุคก่อนประวัติศาสตร์บริเวณศรีเทพเป็นชุมชนเกษตรกรรม ประกอบด้วยหมู่บ้านเล็ก ๆ หลายแห่ง แต่ละหมู่บ้านมีผู้นำ |
ชุมชนยุคก่อนประวัติศาสตร์บริเวณศรีเทพเป็นชุมชนเกษตรกรรม ประกอบด้วยหมู่บ้านเล็ก ๆ หลายแห่ง แต่ละหมู่บ้านมีผู้นำ ผู้คนรู้จักการใช้ชีวิตและจัดการตนเองให้อยู่ร่วมกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเป็นอย่างดี มีการเพาะปลูกข้าวและเลี้ยงสัตว์ ตลอดจนการล่าสัตว์และรวบรวมทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังมีการทอผ้า การทำเครื่องปั้นดินเผา และการถลุงโลหะในชุมชนด้วย ผู้คนอาจเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายหรือโลกหน้าในขณะที่พวกเขาฝังศพผู้ตายด้วยสิ่งของที่ฝังศพหลากหลายชนิด การหาอายุของเรดิโอคาร์บอน AMS ของตัวอย่างฟันจากแหล่งขุดค้นดังกล่าวให้ผล 1,730 ± 30 ปีที่แล้ว
|
การค้นพบเมืองเก่าศรีเทพ เดิมมีชื่อว่า "เมืองอภัยสาลี" หรือ "เมืองไพศาลี" สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มื่อ พ.ศ. 2447–2448 และได้ทรงเรียกเมืองนี้เสียใหม่ว่า "เมืองศรีเทพ" |
การค้นพบเมืองเก่าศรีเทพ เดิมมีชื่อว่า "เมืองอภัยสาลี" หรือ "เมืองไพศาลี" สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงค้นพบเมื่อเสด็จไปตรวจราชการมณฑลเพชรบูรณ์ ครั้งทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เมื่อ พ.ศ. 2447–2448 และได้ทรงเรียกเมืองนี้เสียใหม่ว่า "เมืองศรีเทพ" ตามชื่อเมืองที่ปรากฏในทำเนียบเก่าบอกรายชื่อหัวเมืองในสมัยอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ กรมศิลปากรจึงได้ใช้ชื่อเรียกเมืองโบราณที่สำรวจพบว่าเมืองศรีเทพ จนกว่าจะค้นพบหลักฐานเอกสารที่ยืนยันชื่อที่แท้จริงของเมืองโบราณแห่งนี้
|
ภาพตัวอักษรโบราณของเมืองศรีเทพ เอกลักษณ์และความสำคัญของเมืองศรีเทพ จึงมีนักวิชาการบางท่านสันนิษฐานว่าเมืองศรีเทพเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรม ทวารวดี หรือเมืองศรีเทพนั้นคือ ทวารวดี |
ด้วยเอกลักษณ์และความสำคัญของเมืองศรีเทพ จึงมีนักวิชาการบางท่านสันนิษฐานว่าเมืองศรีเทพเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรม ทวารวดี หรือเมืองศรีเทพนั้นคือ ทวารวดี ไม่ใช่เมืองนครปฐมโบราณ หรือเมืองอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีตามที่เชื่อกันมา
|
2.เที่ยวชมปราสาท ปรางค์สองพี่น้อง |
|
2.เที่ยวชมปราสาท ปรางค์สองพี่น้อง ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเช่นเดียวกับปรางค์ศรีเทพ มีประตูทางเข้าทางเดียวและจากการขุดแต่งทางโบราณคดี |
|
2.เที่ยวชมปรางค์สองพี่น้อง สร้างขึ้นเนื่องในศาสนาฮินดู ซึ่งอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 เป็นศิลปะขอม สันนิษฐานว่าน่าจะอยู่ในสมัยบาปวน - นครวัด และได้มีการสร้างปรางค์องค์เล็กเพิ่ม |
|
พบทับหลังที่มีจำหลักเป็นรูปพระอิศวรอุ้มนางปารพตี ประทับนั่งอยู่เหนือโคอศุภราช ซึ่งลักษณะของทับหลังและเสาประดับกรอบประตูเป็นสิ่งกำหนดอายุของปรางค์ สร้างขึ้นเนื่องในศาสนาฮินดู ซึ่งอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 |
2.ปรางค์สองพี่น้อง
ลักษณะเป็นปรางค์ 2 องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเช่นเดียวกับปรางค์ศรีเทพ มีประตูทางเข้าทางเดียวและจากการขุดแต่งทางโบราณคดี พบทับหลังที่มีจำหลักเป็นรูปพระอิศวรอุ้มนางปารพตี ประทับนั่งอยู่เหนือโคอศุภราช ซึ่งลักษณะของทับหลังและเสาประดับกรอบประตูเป็นสิ่งกำหนดอายุของปรางค์ สร้างขึ้นเนื่องในศาสนาฮินดู ซึ่งอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 เป็นศิลปะขอม สันนิษฐานว่าน่าจะอยู่ในสมัยบาปวน - นครวัด และได้มีการสร้างปรางค์องค์เล็กเพิ่ม โดยพบร่องรอยการสร้างทับกำแพงแก้วที่ล้อมรอบปรางค์องค์ใหญ่ ซึ่งอยู่ใต้ปรางค์องค์เล็ก และยังมีการก่อปิดทางขึ้นโดยเสริมทางด้านหน้าให้ยื่นออกมา และก่อสร้างอาคารขนาดเล็กทางทิศเหนือเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ระหว่างองค์ปรางค์ทั้งสองแห่งคือปรางค์สองพี่น้อง และปรางค์ศรีเทพจะมีกำแพงล้อมรอบ และมีอาคารปะรำพิธีขนาดเล็กกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป แสดงให้เห็นถึงลักษณะการวางผังแบบเดียวกับที่พบในภาคอีสานของประเทศไทย
|
3.โบราณสถานเขาคลังใน ชื่อกันว่าเป็นที่เก็บอาวุธและทรัพย์สมบัติต่าง ๆ จึงเรียกว่า "เขาคลัง" การก่อสร้างประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-14 |
|
3.โบราณสถานเขาคลังใน ผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ที่ฐานมีรูปปูนปั้นบุคคล และสัตว์ประดับเป็นศิลปะแบบทวารวดีมีลักษณะศิลปะแบบเดียวกับที่พบที่เมืองคูบัว |
|
3.โบราณสถานเขาคลังใน |
3.โบราณสถานเขาคลังใน
แต่เดิมทีนั้น ผู้คนที่อยู่ในชุมชนศรีเทพ เชื่อกันว่าเป็นที่เก็บอาวุธและทรัพย์สมบัติต่าง ๆ จึงเรียกว่า "เขาคลัง" การก่อสร้างประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-14 ผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ที่ฐานมีรูปปูนปั้นบุคคล และสัตว์ประดับเป็นศิลปะแบบทวารวดีมีลักษณะศิลปะแบบเดียวกับที่พบที่เมืองคูบัว โบราณสถานบ้านโคกไม้เดน จังหวัดนครสวรรค์ และวัดนครโกษา จังหวัดลพบุรี จะเห็นว่าเขาคลังในตั้งอยู่เกือบกลางเมือง ลักษณะทางผังเมืองจะคล้ายกับเมืองทวารวดีอื่น ๆ เช่น เมืองนครปฐมโบราณ เมืองคูบัวที่ราชบุรี และจากรายละเอียดปูนปั้นบุคคลหรือลวดลาย แบบเดียวกับที่พบที่เมืองคูคล้าย
|
4.ปราสาท ปรางค์ศรีเทพ ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของปรางค์สองพี่น้อง เป็นสถาปัตยกรรมแบบวัฒนธรรมขอมโบราณในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-17 หันหน้าไปทางทิศตะวันตก |
|
4.ปรางค์ศรีเทพ ลักษณะของปรางค์สร้างด้วยอิฐและศิลาแลง ฐานล่างก่อด้วยศิลาแลงเป็นฐานบัวลูกฟัก |
|
สระน้ำโบราณบริเวณปรางค์ศรีเทพ |
|
ต่อมาประมาณพุทธศตวรรษที่ 18 มีการพยายามจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่แต่ไม่สำเร็จ โดยได้พบชิ้นส่วนทิ้งกระจัดกระจาย |
4.ปราสาท ปรางค์ศรีเทพ
สำหรับปราสาทปรางค์ศรีเทพ ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของปรางค์สองพี่น้อง เป็นสถาปัตยกรรมแบบวัฒนธรรมขอมโบราณในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-17 หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ลักษณะของปรางค์สร้างด้วยอิฐและศิลาแลง ฐานล่างก่อด้วยศิลาแลงเป็นฐานบัวลูกฟัก แบบเดียวกับสถาปัตยกรรมขอมทั่ว ๆ ไป เรือนธาตุก่อด้วยอิฐ ในการขุดค้นบริเวณนี้พบชิ้นส่วนทับหลังรูปลายสลักราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 น่าจะเป็นการสร้างเพิ่มหลังจากโบราณสถานเขาคลังใน ต่อมาประมาณพุทธศตวรรษที่ 18 มีการพยายามจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่แต่ไม่สำเร็จ โดยได้พบชิ้นส่วนทิ้งกระจัดกระจาย
|
ธรรมจักรศิลาขนาดใหญ่อายุราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 ชี้ให้เห็นว่าชุมชนเมืองศรีเทพโบราณนับถือศาสนาพุทธ |
บริเวณใกล้ๆกับเขาคลังใน มีธรรมจักรศิลาขนาดใหญ่อายุราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 ชี้ให้เห็นว่าชุมชนเมืองศรีเทพโบราณนับถือศาสนาพุทธ
|
กรมศิลปากรในขณะนั้นได้ขึ้นทะเบียนเมืองโบราณศรีเทพ เป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478 |
หลวงวิจิตรวาทการ (วิจิตร วิจิตรวาทการ) อธิบดีกรมศิลปากรในขณะนั้นได้ขึ้นทะเบียนเมืองโบราณศรีเทพ เป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478 และประกาศลงใน ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 กระทั่งใน พ.ศ. 2527 เมืองโบราณศรีเทพได้รับการอนุรักษ์และพัฒนาเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ ภายใต้การบริหารจัดการในรูปแบบอุทยานประวัติศาสตร์ โดยการกำกับดูแลของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ สำนักศิลปากรที่ 4 ลพบุรี กรมศิลปากรด้วย
|
เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2566 อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก ภายใต้ชื่อ เมืองโบราณศรีเทพ และโบราณสถานสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้อง |
และด้วยโบราณสถานในเมืองเก่าศรีเทพ พื้นที่ราว 4.7 ตารางกิโลเมตร (ราว 2,900 ไร่) ประกอบด้วยชุมชนโบราณในลักษณะเมืองซ้อนเมืองขนาดใหญ่ และกลุ่มโบราณสถานสำคัญที่มีความโดดเด่นทั้งด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งสะท้อนถึงการเป็นศูนย์กลางทางการแลกเปลี่ยนสินค้าที่สามารถติดต่อกับภูมิภาคอื่น ๆ ได้สะดวก และความเจริญรุ่งเรืองต่อเนื่องกันถึง 3 ยุค ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ยุคทวารวดีจนถึงยุคขอมเรืองอำนาจ และในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2566 อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก ภายใต้ชื่อ เมืองโบราณศรีเทพ และโบราณสถานสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้อง (เครดิตข้อมูลดีจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ )
หลังจากเดินทางชมโบราณสถานทั้ง 3 จุดแล้ว ก็นั่งรถรางไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ต่อค่ะ แต่เสียดายไม่ได้ไปชมโครงกระดูก ซึ่งอยู่ทางใต้ของปรางค์สองพี่น้อง สามารถเดินไปได้ค่ะ
|
นักท่องเที่ยวเยอะมาก ทำให้ต้องรอคิวขึ้นรอราง นานถึง 2 คัน ถึงจะได้เดินทางมาที่บริเวณจุดทำการค่ะ |
ช่วงวันหยุดยาว นักท่องเที่ยวเยอะมาก ทำให้ต้องรอคิวขึ้นรอราง นานถึง 2 คัน ถึงจะได้เดินทางมาที่บริเวณจุดทำการค่ะ
|
5.ต้องไม่พลาด ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องราวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ |
|
5.ต้องไม่พลาด ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องราวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ |
|
5.ต้องไม่พลาด ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องราวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ |
|
5.ต้องไม่พลาด ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องราวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ |
|
5.ต้องไม่พลาด ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องราวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ |
5.ต้องไม่พลาด ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แสดงเรื่องราวอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่อยู่บริเวณที่ทำการและใกล้กับจุดขึ้นรถรางเลยค่ะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้สังเกตุ ซึ่งด้านในจัดแสดงสาระน่ารู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองศรีเทพ และจัดแสดงโบราณวัตถุสำคัญของเมืองเก่าศรีเทพให้ได้ชมด้วย เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 8.00-16.00 น.
|
มีร้านขายไอติมแท่งรูปปั้นคนแคระแบกด้วย เลยลองซื้อทานดูค่ะ แต่ราคาแอบแรงไปนิด ชิ้นละ 50 บาทเลย |
เดินเที่ยวแล้ว ก็หิวค่ะ มีร้านขายไอติมแท่งรูปปั้นคนแคระแบกด้วย เลยลองซื้อทานดูค่ะ แต่ราคาแอบแรงไปนิด ชิ้นละ 50 บาทเลย รสอร่อยดี ไม่หวานมากค่ะ
|
6.ขณะขับรถออกก็แวะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อศรีเทพ อยู่ห่างจากประตูทางเข้าเล็กน้อยทางด้านซ้ายมือ ศาลเจ้าพ่อศรีเทพไม่ใช่โบราณสถาน แต่เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านทั่วไป |
|
6.ศาลเจ้าพ่อศรีเทพ ไม่ใช่โบราณสถาน แต่เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านทั่วไป |
|
6.ศาลเจ้าพ่อศรีเทพ ไม่ใช่โบราณสถาน แต่เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านทั่วไป |
|
6.ศาลเจ้าพ่อศรีเทพ ไม่ใช่โบราณสถาน แต่เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านทั่วไป |
6.ขณะขับรถออกก็แวะไปไหว้ศาลเจ้าพ่อศรีเทพ อยู่ห่างจากประตูทางเข้าเล็กน้อยทางด้านซ้ายมือ ศาลเจ้าพ่อศรีเทพไม่ใช่โบราณสถาน แต่เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านทั่วไป โดยทุกปีจะมีงานบวงสรวง ในราวเดือนกุมภาพันธ์ (ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3)
|
ยังไม่หมดค่ะ ยังมีโบราณสถานอีกหนึ่งที่ซึ่งตั้งอยู่จากตัวเมืองชั้นใน คือ โบราณสถานปรางค์ฤาษี ห่างจากตัวเมืองเก่าชั้นในประมาณ 3 กิโลเมตรค่ะ |
ยังไม่หมดค่ะ ยังมีโบราณสถานอีกหนึ่งที่ซึ่งตั้งอยู่จากตัวเมืองชั้นใน คือ โบราณสถานปรางค์ฤาษี ห่างจากตัวเมืองเก่าชั้นในประมาณ 3 กิโลเมตรค่ะ ถ้ามาก็ปักหมุดไม่ต้องกลัวหลง เพราะมีป้ายบอกทางค่ะ
|
7.ไปชมปรางค์ฤาษี ตั้งอยู่ในวัดป่าแก้ว เป็นโบราณสถานขอมในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ห่างจากเมืองศรีเทพ 3 กิโลเมตร |
|
7. ปรางค์ฤาษี ลักษณะทางกายภาพเป็นปราสาทก่อด้วยอิฐไม่สอปูนตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงขนาดไม่สูงนักสถาปัตยกรรมแบบขอม หันหน้าไปทางทิศตะวันออก |
|
7.ปรางค์ฤาษี บริเวณปรางค์มีอาคารขนาดเล็กในบริเวณเดียวกัน ล้อมรอบด้วยแนวกำแพงก่อด้วยศิลาแลง จากการสำรวจ ปรางค์ฤๅษีเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 16 |
|
7.ไปชมปรางค์ฤาษี ตั้งอยู่ภายในวัดป่าแก้ว |
7.ไปชมปรางค์ฤาษี ตั้งอยู่ภายในวัดป่าแก้ว เป็นโบราณสถานขอมในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ห่างจากเมืองศรีเทพ 3 กิโลเมตร
ปรางค์ฤๅษี เป็นโบราณสถานขอมในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ห่างจากเมืองศรีเทพ 3 กิโลเมตร ลักษณะทางกายภาพเป็นปราสาทก่อด้วยอิฐไม่สอปูนตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงขนาดไม่สูงนักสถาปัตยกรรมแบบขอม หันหน้าไปทางทิศตะวันออก และมีอาคารขนาดเล็กในบริเวณเดียวกัน ล้อมรอบด้วยแนวกำแพงก่อด้วยศิลาแลง จากการสำรวจ ปรางค์ฤๅษีเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 16 พบโบราณวัตถุเนื่องในศาสนาฮินดู ได้แก่ ศิวลึงค์ ฐานประติมากรรม และชิ้นส่วนโคนนทิ (เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ปรางค์ฤๅษี_(อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ) )
และสำหรับข้อมูลแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ซึ่งได้แนะนำไว้ในบทความนี้ น่าจะมีสถานที่ท่องเที่ยว หรือจุดเช็คอินถ่ายรูปสวยๆ ปราสาทเก่าแก่ โบราณสถานที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเก่าโบราณแห่งอาณาจักรทวารวดีแห่งนี้ ให้ได้ไปเที่ยวกันอยู่ไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ดิฉันต้องขออภัยด้วยนะคะ ขอบพระคุณที่เข้ามาเปิดอ่านกันค่ะ...........จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
-----------------------------------------------------------------------------
0 ความคิดเห็น