Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

มาม๊ะ 1 วันไปเที่ยวตลาดเก่าหัวตะเข้ กับประวัติชุมชนเก่าแก่ริมน้ำย่านชานเมืองกรุง ที่ต้องหมายมุ่งไปเดินเช็คอินกันสักครั้ง

จัดทริปใน 1 วัน เที่ยวตลาดเก่าหัวตะเข้ ตลาดเก่าบ้านเรือนไม้ติดริมน้ำย่านชานเมืองกรุงเทพ ที่เที่ยวแถวลาดกระบังและยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ที่สามารถเดินทางไปเที่ยวเช็คอินถ่ายรูปย้อนวันวาน นั่งตามร้านคาเฟ่เก๋ๆแบบสบายๆ 





จัดแผนเดินทางเที่ยวไปไม่ไกลกรุงเทพในทริปนี้  คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้าเองก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวตลาดเก่าชุมชมหัวตะเข้อีกครั้ง หลังจากไม่ได้ไปนานเลยค่ะ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็เลยเดินทางไปเช็คอิน หาอะไรทานทีตลาดเก่าหัวตะเข้ อีกหนึ่งชุมชนเก่าแก่แถวลาดกระบัง อยู่ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ ตลาดเก่าแ่กริมน้ำที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป  แต่แท้จริงๆแล้ว มนต์เสน่ห์ของชุมชนแห่งนี้ แม้จะเป็นตลาดเก่าเล็กๆ แต่ก็ยังมีบ้านเรือนไม้เก่าแก่ติดริมคลองที่ยังหลงเหลืออยู่ให้ได้ไปเดินเช็คอินย้อนวันวานดูกันอย่างน่าสนใจ อีกทั้งใช้เวลาเที่ยวไม่นาน ภายในชุมชนมีร้านคาเฟ่ ร้านขายของเก่า ภาพศิลปะ  และสามารถเดินทางไปเที่ยวได้ภายใน 1 วัน เรียกว่าใครที่ช่วงวันหยุด อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากที่บ้าน ลองแวะมาเดินเที่ยวกันได้นะคะ 


น่ารู้เกี่ยวกับประวัติของตลาดเก่าชุมชนหัวตะเข้ นั้นมีความเป็นมาอย่างไร ดิฉันขอมาแบ่งปันให้อ่านกันดังนี้จ้า




เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับประวัติของตลาดเก่าชุมชนหัวตะเข้ นั้นมีความเป็นมาอย่างไร ขอมาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่านกันดังนี้จ้า


สำหรับคำว่า หัวตะเข้ เป็นชื่อของชุมชนและตลาด โดยเป็นจุดตัดของคลอง 3 คลอง ได้แก่ คลองหัวตะเข้ คลองลำปลาทิว และคลองประเวศบุรีรมย์ ในเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ซึ่งที่มาของชื่อชุมชนมาจากการขุดคลองในบริเวณนี้แล้วพบกะโหลกจระเข้ตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง มีแค่ส่วนหัว แต่ไม่มีตัว กะโหลกนี้ยังคงอยู่ที่ศาลเจ้าปึงเถ่ากงจนถึงปัจจุบัน ทำให้ผู้คนที่มาอยู่แรกเริ่มในบริเวณนี้ ตั้งชื่อว่า หัวตะเข้ และเรียกกันเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ 


ประวัติของตลาดเก่าหัวตะเข้  พื้นที่เดิมมีสภาพเป็นทุ่งนากว้าง เริ่มตั้งเป็นชุมชนตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มมีชุมชนหลังจากขุดคลองประเวศบุรีรมย์ (พ.ศ. 2421–2423) 



ประวัติของตลาดเก่าหัวตะเข้ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ย่านลาดกระบัง ใกล้กับมหาวิทยาเทคโนโลยีพระเจ้าเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พื้นที่เดิมมีสภาพเป็นทุ่งนากว้าง เริ่มตั้งเป็นชุมชนตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มมีชุมชนหลังจากขุดคลองประเวศบุรีรมย์ (พ.ศ. 2421–2423) จากพระโขนงถึงฉะเชิงเทรา ทำให้มีความเจริญเกิดขึ้นทั้งสองริมฝั่งคลอง มีตลาดสด ร้านรวง และชุมชนริมน้ำเกิดขึ้น  

ชุมชนหัวตะเข้เป็นจุดที่ใหญ่ที่สุด เพราะเป็นจุดตัดของคลอง 3 คลอง คนเรียกติดปากว่า "สี่แยก" ปรากฏมีการตั้งชุมชนริมน้ำในแผนที่เก่าเมื่อ พ.ศ. 2456 ในแผนที่ปรากฏสถานีรถไฟหัวตะเข้และสี่แยกหัวตะเข้



โดยชุมชนหัวตะเข้เป็นจุดที่ใหญ่ที่สุด เพราะเป็นจุดตัดของคลอง 3 คลอง คนเรียกติดปากว่า "สี่แยก" ปรากฏมีการตั้งชุมชนริมน้ำในแผนที่เก่าเมื่อ พ.ศ. 2456 ในแผนที่ปรากฏสถานีรถไฟหัวตะเข้และสี่แยกหัวตะเข้ กลุ่มคนที่เข้ามาคือ คนไทย คนมอญ คนจีน การสัญจรสามารถส่วนใหญ่ใช้ทางน้ำ รวมถึงการใช้รถไฟที่มีสถานีอยู่ทางทิศเหนือของตลาดหัวตะเข้ อาคารหลังแรกที่สร้างขึ้น สร้างเมื่อ พ.ศ. 2440 ตั้งอยู่บริเวณตลาดหัวตะเข้ฝั่งเหนือคลองประเวศบุรีรมย์ สร้างด้วยไม้สัก จากข้อมูล พ.ศ. 2558 ยังคงปรากฏอาคารหลังนี้อยู่


อาคารหลังแรกที่สร้างขึ้น สร้างเมื่อ พ.ศ. 2440 ตั้งอยู่บริเวณตลาดหัวตะเข้ฝั่งเหนือคลองประเวศบุรีรมย์ สร้างด้วยไม้สัก จากข้อมูล พ.ศ. 2558 ยังคงปรากฏอาคารหลังนี้อยู่


การสร้างอาคารแถวเรือนไม้บริเวณสองฝั่งคลองประเวศบุรีรมย์ มีรูปแบบอาคารในลักษณะเดียวทั้งสองฝั่ง โดยมีจำนวนอาคารเรือนแถวไม้ทั้งหมดประมาณ 137 หลัง 



ซึ่งการสร้างอาคารแถวเรือนไม้บริเวณสองฝั่งคลองประเวศบุรีรมย์ มีรูปแบบอาคารในลักษณะเดียวทั้งสองฝั่ง โดยมีจำนวนอาคารเรือนแถวไม้ทั้งหมดประมาณ 137 หลัง แบ่งเป็นอาคารเรือนแถวไม้ฝั่งเหนือคลองประเวศบุรีรมย์ทั้งหมด 5–7 หลัง และอาคารเรือนแถวไม้ฝั่งใต้คลองบุรีรมย์ ทั้งหมด 80 หลัง โดยอาคารทั้งหมดสร้างด้วยไม้เนื้อแข็งฝาไม้กระดานตีเกร็ด มุงกระเบื้องสังกะสี 


ด้านหน้าเป็นทางเดินมีลักษณะเป็นดิน และคลุมด้วยหลังคาไม้ทอดยาวตลอดแนวความยาวด้านหน้า



และลักษณะด้านหน้าเป็นทางเดินมีลักษณะเป็นดิน และคลุมด้วยหลังคาไม้ทอดยาวตลอดแนวความยาวด้านหน้า โดยแต่ละคูหากว้างประมาณ 3.5 เมตร ลึก 25 เมตร สูงประมาณ 5 เมตร จากความลึกของที่ดิน ทำให้มีการแบ่งหลังคาจั่วเป็นสองตอน ส่วนด้านหน้าของอาคารเรือนแถวไม้ มีลักษณะเป็นชานไม่มีหลังคาคลุมเป็นทางเดิน ขนาดประมาณ 1 เมตร สร้างด้วยดินกว้างจรดริมคลองประเวศบุรีรมย์


ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ได้มีการขยายตัวของชุมชนออกไปทางทิศตะวันตก และด้านหลังของกลุ่มอาคารเดิมที่เกาะติดอยู่ริมคลอง การสัญจรในช่วงเวลานี้ มีรูปแบบการเข้าถึงโดยใช้เส้นทางน้ำและรถไฟเป็นหลัก



และในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ได้มีการขยายตัวของชุมชนออกไปทางทิศตะวันตก และด้านหลังของกลุ่มอาคารเดิมที่เกาะติดอยู่ริมคลอง การสัญจรในช่วงเวลานี้ มีรูปแบบการเข้าถึงโดยใช้เส้นทางน้ำและรถไฟเป็นหลัก รวมถึงมีการใช้เรือเมล์ขาวหรือเรือนายเลิศ เข้ามาบริการภายในพื้นที่ ขณะที่บริเวณใกล้เคียงยังไม่พบตลาดคู่แข่งทางการค้า ทำให้เกิดเป็นย่านตลาดชุมชนสีี่แยกหัวตะเข้นั้นเป็นตลาดที่คึกคักที่สุดก็ว่าได้ในขณะนั้น พอมาในช่วง พ.ศ. 2500 เกิดไฟไหม้ตลาดฝั่งใต้คลองประเวศบุรีรมย์ ได้มีการสร้างอาคารใหม่ทั้งหมด 


กระทั่งเริ่มมีการตัดถนน มีการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ คนเริ่มสัญจรทางรถยนต์แทนทางเรือทำให้ย่านชุมชนนี้เริ่มซบเซาลงอย่างมา


จนกระทั่งเริ่มมีการตัดถนน มีการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ คนเริ่มสัญจรทางรถยนต์แทนทางเรือทำให้ย่านชุมชนนี้เริ่มซบเซาลงอย่างมาก  และเมื่อ พ.ศ. 2537 เกิดไฟไหม้ตลาดฝั่งตรงข้าม มีบ้านเรือนเสียหาย 150 ห้อง  ทำให้มีคนย้ายออก ขณะที่ฝั่งตลาดหัวตะเข้เหลือ 58 ห้อง หลายร้านปิดตัวลง


เมื่อ ปี พ.ศ. 2552 ชาวชุมชนหัวตะเข้ได้ร่วมกันฟื้นฟูชุมชนด้วยการใช้งานศิลปะมาเป็นสื่อกลางในการฟื้นฟูตลาดชุมชนแก่ริมน้ำ


 และเมื่อ ปี พ.ศ. 2552 ชาวชุมชนหัวตะเข้ได้ร่วมกันฟื้นฟูชุมชนด้วยการใช้งานศิลปะมาเป็นสื่อกลางในการฟื้นฟูตลาดชุมชนแก่ริมน้ำ โดยร่วมมือกับสถานศึกษาแถบลาดกระบังหลายแห่ง ตลาดหัวตะเข้ได้เผชิญวิกฤติเพลิงไหม้อีก 2 ครั้ง คือ เมื่อ พ.ศ. 2556 และ 2557 จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ทำให้ชาวชุมชนเกิดการตื่นตัวในการรวมกลุ่มกันแก้ปัญหาต่าง ๆ ของชุมชนมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีการการจัดแสดงานศิลปะหมุนเวียน การสอนเวิร์กชอปสำหรับผู้ที่สนใจ ร้านเอเฟรม แหล่งขายอุปกรณ์ศิลปะ ศูนย์การเรียนรู้วิถีถิ่นหัวตะเข้ มีร้านคาเฟ่ ร้านอาหารให้นักท่องเที่ยวที่แวะมานอนพักค้างแรมรอขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็นิยมไปเดินเช็คอินเที่ยวตลาดชุมชนหัวตะเข้ เนื่องจากใช้เวลาเที่ยวไม่นาน และไม่ไกลจากสนามบินอีกด้วย (เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/หัวตะเข้ )


นั่งรถโดยสาร 2 แถว มาลงที่หน้าตลาดอุดมผล จากนั้นเดินมาสุดซอย


การเดินทางไปเที่ยวตลาดเก่าหัวตะเข้นั้น สามารถเดินทางไปได้ง่ายๆ สำหรับคนที่อยู่ย่านใจกลางเมือง นั่งรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรียลลิงค์ มาลงที่สถานีลาดกระบัง จากนั้นก็ต่อรถ 2 แถว สาย 333 หรือรถที่เขียนป้ายว่าตลาดอุดมผล หรือหัวตะเข้ ก็สามารถนั่งมาได้ ราคา 8 บาทต่อคน โดยมาลงทีลงที่ปากซอยลาดกระบัง 17 หรือบริเวณตลาดอุดมผล  และเดินมาสุดซอย ก็จะเห็นสะพานไม้เก่าแก่ข้ามคลองไปยังชุมชนเก่าหัวตะเข้แล้วจ้า 


พอเดินมาสุดซอย ก็จะเห็นสะพานข้ามไปยังตลาดเก่าหัวตะเข้ ก็แวะถ่ายรูปกันสักเล็กน้อยจ้า



บรรยากาศเงียบเหงาไปหน่อย ตลาดหัวตะเข้รอเพื่อนๆมาเที่ยวกัน จะได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง 



แม้ตลาดจะเหงาหงอยไปหน่อย แต่ก็มีร้านขายอาหารและร้านคาเฟ่เก๋ๆเปิดให้บริการอยู่นะคะ วันมีน้องๆนักศึกษาแถวลาดกระบัง และนักท่องเที่ยวแวะมากันตลอดเลยค่ะ 


เดินจากปากซอยมา อากาศร้อนๆ ก็เติมน้ำตาลเข้าเส้นเลือดสักหน่อย เป็นนมเย็นๆ แสนจะชื่นใจทีเดียว 


ร้านอยู่ติดริมน้ำเลย บรรยากาศดีทีเดียว นั่งรับลมเย็นๆไปจ้า



ภายในร้านก็ตกแต่งด้วยถาดสังกระสีแบบโบราณ สุดหวานแหว๋ทีเดียว ให้นึกย้อนไปเมื่อครั้งวันวานอีกครั้ง แสนจะปังปุริเยสืบไปเลยทีเดียว 


สั่งเมนูออเดิฟไป เป็นกุ้งแช่น้ำปลา กับหมูมะนาว ทานรองเท้าไปก่อน 


นั่งทานอาหารออเดิฟ ชมเรือแล่นไปพลางๆ 

แม้ว่าผู้คนจะเปลี่ยนไปสัญจรทางบกมากขึ้น แต่การสัญจรทางน้ำของคนในระแวกนี้ ก็ยังใช้เรือในการสัญจรอยู่นะคะ แถมเร็วด้วย เพราะบางบ้านเรือนอยู่ติดริมน้ำ ทางเดินไปยังบ้านลำบาก การสัญจรทางน้ำก็ยังสะดวกและรวดเร็วกว่าทีเดียว 

ข้าวปลาแกะ

จากนั้นก็จัดอาหารมื้อหนักต่อด้วยข้าวปลาแก่ โรยด้วยน้ำปลาพริกสักเล็กน้อย อร่อยจนพุงปลิ้นไปเลย 
หากจะเติมต่อด้วยของหวานอีก คงไม่ไหวแล้วจ้า 


ทานอาหารอิ่มแล้ว ก็อย่าลืมไปเดินย่อยอาหาร ดูร้านศิลปะ ภาพวาดสวยๆสักหน่อย 


ใครที่เป็นสายอาร์ตๆ ชอบรูปภาพ แนะนำมาเลยจ้า 


มีร้านขายขนมและของเล่นย้อนยุคในอดีตที่ทุกๆคนโหยหา ให้ได้ไปเลือกซื้อด้วย 

ของเล่นสำหรับเด็กๆชิ้นโปรด มีตุ๊กตากระดาษที่เคยเล่นในอดีต ก็ยังมีขายให้เลือกซื้อ เลือกหาไปเล่นกับลูกๆหรือหลานๆได้ด้วยนะคะ 



อีกทั้งมีร้านบริการกรอบรูปสวยๆ ให้เลือกอีกด้วย 



ของกินของฝากก็มีนะคะ ขนมกะหรี่พัฟราคาห่อละ 10 บาท 

เพื่อนๆคนใหน ที่ยังไม่รู้ว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ไม่รู้จะไปเที่ยวใหนดี ลองจรลีหนีจากบ้าน มาเปลี่ยนบรรยากาศเดินเริงสำราญเที่ยวตลาดเก่าหัวตะเข้าดูค่ะ

สำหรับเพื่อนๆคนใหน ที่ยังไม่รู้ว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ไม่รู้จะไปเที่ยวใหนดี ลองจรลีหนีจากบ้าน มาเปลี่ยนบรรยากาศเดินเริงสำราญเที่ยวตลาดเก่าหัวตะเข้าดูค่ะ รับรองว่าได้ย้อนวันวานอย่างแน่นอนจ้า....มาเที่ยวกันเยอะนะคะ ชาวบ้านในตลาดจะได้ขายของได้ เศรษฐกิจได้คึกคักจ้า.......................จบทริป 1 วันเที่ยวไปไม่ไกลจากกรุงเทพ แวะไปเสพสมชมตลาดเรือนไม้เก่าแก่ติดริมคลองที่สี่แยกหัวตะเข้ 
-------------------------------------------------------------------------------------------------------

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น