Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รู้เฟื่องกับ วัดหน้าพระเมรุ วัดแห่งเดียวในอยุธยาที่ไม่โดนเผาทำลาย ยังคงศิลปะไทยไว้ให้ชม อย่างน่าภิรมย์ใจ

รู้เฟื่องเรื่องไทยๆวันนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ขอนำเสนอสาระ วัดหน้าพระเมรุ วัดแห่งเดียวในอยุธยา ที่ไม่โดนพม่าเผาทำลาย

สวัสดีคุณผู้อ่านบนโลกออนไลน์ และเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจกันทุกคน ก็กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ กับบทความน่ารู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับความเป็นไทย หลังจากที่บทความก่อนหน้าได้มาบอกเล่า เก้าสิบเกี่ยวกับวัดมหาธาตุ อยุธยากันไปแล้ว บทความวันนี้ ยังคงวนเวียน สิงสถิตอยู่ในเมืองเก่าอยุธยากันต่อค่ะ


และหนึ่งในวัดที่ใครมาอยุธยา คงต้องไปกราบสักการะกัน คงไม่พลาดที่จะไปวัดหน้าพระเมรุกันสักครั้งนะคะ เนื่องจากเป็นวัดแห่งเดียวในอยุธยาที่ไม่โดนพม่าเผาทำลาย


สำหรับวัดหน้าพระเมรุตั้งอยู่ริมแม่น้ำลพบุรี นอกเกาะเมืองอยุธยาด้านทิศเหนือ ตรงข้ามพระราชวังหลวง โดยตามตำนานกล่าวว่า พระองค์อินทร์ในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2046  พระราชทานนามว่า "วัดพระเมรุราชการาม" ต่อมาเรียกกันภายหลังว่า "วัดหน้าพระเมรุ" สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตรงที่ถวาย ตรงที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระมหากษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง


ด้วยเหตุที่หน้าวัดพระเมรุ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับพระราชวังหลวง ดังในช่วงศึกสงคราม วัดนี้จึงใช้เป็นที่ตั้งค่าย หรือที่บัญชาการรบ วัดหน้าพระเมรุเป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ถูกพม่าทำลาย และยังคงสภาพที่ดีมาก บ้างสันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะพม่าได้ไปตั้งกองบัญชาการอยู่ที่วัดนี้กับวัดหัสดาวาส (ซึ่งปัจจุบันเป็นวัดร้างและยังเหลือสิ่งก่อสร้างที่ไม่ถูกทำลายอยู่บ้าง) พระอุโบสถของวัดหน้าพระเมรุเป็นแบบอยุธยาซึ่งมีเสาอยู่ภายใน แต่น่าจะมาเพิ่มเสารับชายคาที่หลังในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระประธานในอุโบสถซึ่งสร้างปลายสมัยอยุธยา หรือได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในช่วงนั้น เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องหล่อสำริดขนาดใหญ่ ด้านหลังพระอุโบสถยังมีอีกองค์หนึ่งแต่เล็กกว่า คือ พระศรีอริยเมตไตรย์

สิ่งสำคัญที่ปรากฏภายในวัดนี้ คือ พระอุโบสถและพระพุทธรูปประธานทรงเครื่องใหญ่ ซึ่งอาจจะได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง

ซึ่งสิ่งสำคัญที่ปรากฏภายในวัดนี้ คือ พระอุโบสถและพระพุทธรูปประธานทรงเครื่องใหญ่ ซึ่งอาจจะได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หน้าบันของพระอุโบสถเป็นไม้แกะสลักปิดทองที่แสดงรูปนารายณ์ทรงครุฑยุดนาคประทับราหูแวดล้อมด้วยเหล่าเทวดา (ด้านหน้าพระอุโบสถมีเทวดาแวดล้อม 26 องค์ ด้านหลังพระอุโบสถมีเทวดาแวดล้อม 22 องค์ รวมเทวดา 48 องค์) คติดังกล่าวเป็นที่นิยมในสมัยโบราณที่ถือว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ คือเป็นพระนารายณ์อวตาร

ดังนั้น หน้าบันของโบสถ์ วิหาร หรือปราสาทราชวังที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างหรือทรงบูรณะก็มักจะทำรูปพระนารายณ์ทรงครุฑเป็นสำคัญ อันมีความหมายว่าวัดแห่งนี้เป็นพระอารามหลวง ตัวพระอุโบสถไม่มีหน้าต่าง แต่ทำเป็นช่องลูกกรงให้แสงแดดและลมผ่านเข้าไปภายใน ลูกกรงดังกล่าวยังทำเป็นดอกเหลี่ยมหรือที่เรียกว่าผนังลูกกรงมะหวดเหลี่ยม (แบบเดียวกับผนังวิหารหลวง วัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นศิลปะอยุธยาตอนต้น)
ส่วนพระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถซึ่งทรงเครื่องใหญ่ก็สร้างในคติของพระพุทธเจ้าปางโปรดพญามหาชมพู ตามความในมหาชมพูบดีสูตร
ส่วนพระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถซึ่งทรงเครื่องใหญ่ก็สร้างในคติของพระพุทธเจ้าปางโปรดพญามหาชมพู ตามความในมหาชมพูบดีสูตร ซึ่งเป็นรูปแบบของพระพุทธรูปที่นิยมมากในสมัยอยุธยาตอนกลางต่อลงมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระพุทธรูปองค์นี้อาจเปรียบเทียบได้กับพระพุทธรูปทรงเครื่องภายในเมรุทิศเมรุรายของวัดไชยวัฒนาราม ที่สร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าปราททองได้เป็นอย่างดี
ภายหลังรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์พระราชทานนามว่า พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลกนาถ (นิยมเรียกย่อว่า พระพุทธนิมิต)
ด้วยเหตุนี้ จึงอนุมานได้ว่าพระพุทธรูปประธานภายในพระอุโบสถวัดหน้าพระเมรุก็คงจะสร้างขึ้นในช่วงเวลานั้นด้วยเช่นกัน หรือไม่ก็คงได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในคราวนั้น ภายหลังรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์พระราชทานนามว่า พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลกนาถ (นิยมเรียกย่อว่า พระพุทธนิมิต)
วิหารน้อย พระศิลา มีอายุถึง 1500 ปี
ทางด้านทิศตะวันออกของพระอุโบสถมีวิหารน้อย ภายในประดิษฐาน พระคันธารราฐ พระพุทธรูปสมัยทวารวดีขนาดใหญ่ซึ่งอัญเชิญมาจากวัดมหาธาตุ อยุธยา
และทางด้านทิศตะวันออกของพระอุโบสถมีวิหารน้อย สร้างขึ้นโดยพระยาชัยวิชิต (เผือก) ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยมีรูปแบบลอกเลียนมาจากพระอุโบสถ แต่ลดขนาดให้เล็กลงกับทั้งเปลี่ยนหน้าบันให้เป็นลายพรรณษาตามความนิยมของศิลปะในช่วงนั้น ด้านในวิหารน้อยยังมีภาพจิตรกรรมเล่าเรื่องการค้าสำเภาและพุทธชาดกต่าง ๆ และภายในประดิษฐาน พระคันธารราฐ พระพุทธรูปสมัยทวารวดีขนาดใหญ่ซึ่งอัญเชิญมาจากวัดมหาธาตุ อยุธยา
ไหว้หลวงพ่อขาว พระพุทธรูปปรุเงินทั้งองค์ อายุกว่า 500 ปี
พระพุทธรูปปรุเงินทั้งองค์ อายุกว่า 500 ปี
เชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้แต่เดิมคงประดิษฐานอยู่ที่จังหวัดนครปฐมมาก่อน และได้ย้ายมายังวัดมหาธาตุ อยุธยา ราวรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิก็เป็นได้ พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปศิลาเขียวประทับนั่งห้อยพระบาทที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ไม่กี่องค์ในเมืองไทยเวลานี้ ความเก่าแก่นั้นกล่าวได้ว่าเก่าแก่ก่อนสมัยสุโขทัย ไล่เลี่ยกับยุคสมัยของโบโรบูดูร์ หรือบรมพุทโธ บนเกาะชวาในอินโดนีเซียเมื่อกว่า 1,000 ปีมาแล้ว นับเป็น 1 ใน 6 พระพุทธรูปที่สร้างจากศิลาที่มีอยู่ในโลก เป็น 1 ใน 5 องค์ที่มีอยู่ในประเทศไทย จึงนับเป็นสิ่งที่มีค่ามาก
เจดีย์ราย 3 องค์ ที่มีรากไทรแผ่เข้าครอบคลุม ด้ปรากฏในภาพวาดกรุงศรีอยุธยาในหนังสือของ อ็องรี มูโอ
เจดีย์ราย 3 องค์ ที่มีรากไทรแผ่เข้าครอบคลุม ที่อยู่ด้านหลังพระอุโบสถของวัดหน้าพระเมรุ ได้ปรากฏในภาพวาดกรุงศรีอยุธยาในหนังสือของ อ็องรี มูโอ นักสำรวจชาวฝรั่งเศส ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ทำให้วัดหน้าพระเมรุ จัดเป็นวัดสำคัญที่ยังคงรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทยสมัยอยุธยาไว้อย่างดีเยี่ยม

เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดหน้าพระเมรุ

---------------------------------------------------------------------------
บทความอื่นๆ มีดังนี้

น่ารู้กับการเปิดกรุ วัดมหาธาตุ เมืองเก่าอยุธยาในอดีต คลิ๊กดูบทความค่ะ>>
เรื่องการเปิดกรุ วัดมหาธาตุ เมืองเก่าอยุธยา ที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อน คลิ๊กดูรายละเอียดบทความค่ะ>>>

แหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองประจวบฯ ที่ต้องแวะมาเช็กอินกันให้ได้ คลิ๊กดูที่เที่ยวค่ะ>>
รวมเด็ดสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองประจวบคีรีขันธ์ ต้องมาเช็กอินถ่ายภาพกันสักครา มีที่ใหนบ้างหนา ตามไปช่ะช่ะช่ากันเลย คลิ๊กดูรายละเอียดแนะนำที่เที่ยวค่ะ>>>

 

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น