![]() |
เรี่องน่ารู้กันตำนานเล่าขานกำเนิดวันตรุษจีน มีประวัติความเป็นมาจากใหน มีที่มาอย่างไร นำมาให้อ่านกันค่ะ |
วันตรุษจีน ถือว่าเป็นวันมงคลฤกษ์ดีเริ่มต้นปีใหม่ของชาวจีนทั้งในแผ่นดินใหญ่และคนจีนที่อยู่ทั่วทุกมุมโลก ส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่างวันที่ 21 มกราคมถึง 20 กุมภาพันธ์ตามปฏิทินจันทรคติ เป็นการฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และจะฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน ( คล้ายวันคริสต์มาสของชาวตะวันตก ) โดยนับจากวันเริ่มเกิดพระจันทร์ใหม่ครั้งที่ 2 หรือวันข้างขึ้น 1 ค่ำครั้งที่ 2 หลังวัน ‘เหมายัน’ ซึ่งเป็นวันที่ขั้วโลกด้านใต้อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุด
ผู้คนจะเริ่มซื้อของขวัญ และจัดตกแต่งประดับบ้านเรือนให้สวยงาม จัดเตรียมอาหารและเสื้อผ้า รวมถึงทำความสะอาดครั้งใหญ่ ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูกทำความสะอาดตั้งแต่ชั้นบนลงชั้นล่าง ตั้งแต่หน้าบ้านจรดยันท้ายบ้าน นั่นสื่อความหมายถึงการกวาดเอาโชคร้ายทิ้งไป ประตูหน้าต่างก็จะถูกเช็ดจนสะอาด และตกแต่งทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ส่วนบานประตูหน้าต่างก็จะถูกประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอันเป็นมงคลมากมาย
และที่มาของของวันตรุษจีนนั้น มีที่มาจากใหน เริ่มต้นได้อย่างไร เลยนำสาระน่ารู้ดีๆมาให้อ่านเป็นความรู้พอสังเขปกันค่ะ
ต้นกำเนิดของวันตรุษจีน มีที่มายาวนานย้อนไปประมาณ 3,500 ปี ในช่วงยุคของราชวงศ์ชาง ซึ่งผู้คนในยุคนั้นจะจัดพิธีเซ่นไหว้บูชาบรรพบุรุษและเทพเจ้าในช่วงสิ้นสุดต่อเนื่องกับวันเริ่มต้นใหม่ของปีเพื่อความเป็นสิริมงคล
โดยที่มาของ วันตรุษจีน มาจากตำนานเก่าแก่ที่บอกเล่าขานกันมาาน มากที่สุด คือ ตำนานเกี่ยวกับปิศาจที่ชื่อ”เหนียน” (Nian) ซึ่งแปลว่า “ปี”
ตรุษจีน เป็นวันสำคัญของจีนที่มีมาแต่โบราณที่เรียกว่า “กว้อชุนเจี๋ย” หรือ “กว้อเหนียน” เล่ากันว่าในสมัยโบราณ ในป่าทึบแห่งหนึ่ง มีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและน่ากลัวมากตัวหนึ่ง เรียกว่า “เหนียน” มันออกอาละวาดกินคนเป็นประจำ พระเจ้าจึงลงโทษมัน อนุญาตให้มันลงมาจากเขาได้เพียงหนึ่งครั้งใน 365 วัน ดังนั้น เมื่อฤดูหนาวใกล้จะผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิเวียนมาใกล้ เหนียน ก็จะออกมาทำร้ายผู้คน เพื่อป้องกันการมาของ เหนียน ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างสะสมเสบียงอาหาร และกับข้าวจำนวนหนึ่งไว้ในบ้าน เมื่อถึงตอนค่ำของวันที่ 30 เดือน 12 ก็จะปิดประตูและหน้าต่างเอาไว้ ไม่หลับไม่นอนตลอดคืน เพื่อต่อสู้กับ เหนียน จนกระทั่งถึงรุ่งเช้าก็จะเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เมื่อ เหนียน กลับไปแล้ว ทุก ๆ ครัวเรือนก็จะเปิดประตูออกมาแสดงความยินดีต่อกัน ที่โชคดีไม่ได้ถูก เหนียน ทำร้าย
ต่อมาพบว่า เหนียน มีจุดอ่อน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังหวดแส้เล่นกัน เมื่อ เหนียน ได้ยินเสียงแส้ดังเปรี้ยงปร้างก็เลยตกใจเผ่นหนีไป เมื่อ เหนียน ไปถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เห็นมีชุดเสื้อผ้าสีแดงตากอยู่หน้าบ้านของครอบครัวหนึ่ง สีแดงฉูดฉาดนั้น ทำให้ เหนียน ตกใจและเผ่นหนีไปอีก เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งที่สาม ปรากฏว่าไปพบเห็นกองเพลิงกองหนึ่งบนถนน แสงเพลิงที่เจิดจ้าทำให้ เหนียน ต้องเผ่นหนีไปอีก ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนต่างรู้ว่า แม้ว่า เหนียน จะดุร้ายแต่มันก็กลัวสีแดง เสียงดัง และไฟ ทำให้ผู้คนสามารถคิดหาวิธีกำจัด เหนียน ได้โดยไม่ยากนัก
และเมื่อวันส่งท้ายตรุษจีนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างนำกระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน แขวนโคมไฟสีแดง พร้อมกับจุดประทัดและตีฆ้องรัวกลองอย่างต่อเนื่อง เมื่อ เหนียน มาถึงในตอนเย็น เห็นทุก ๆ ครัวเรือนมีแสงไฟสว่างไสว มีเสียงประทัดดังสนั่นจึงตกใจเผ่นหนีกลับเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมาอาละวาดอีก ทุก ๆ คนจึงผ่านพ้นคืนแห่งอันตรายไปอย่างปลอดภัย เมื่อฟ้าสางแล้ว ผู้คนจึงออกมาจากบ้าน กล่าวคำอวยพรซึ่งกันและกันอย่างมีความสุข พร้อมกับการนำอาหารออกมารับประทานร่วมกันอย่างสนุกสนาน
และจากความเชื่อตรงนี้ เป็นที่มาของการจุดประทัดในช่วงตรุษจีน ประดับบ้านเรือนหรือสถานที่ต่าง ๆ ด้วยสีแดงของชาวจีนในโอกาสต่าง ๆ และกลายเป็นสีที่เชื่อว่า เป็นสีมงคล ขับไล่สิ่งชั่วร้าย ตามคตินิยมของชาวจีน
ต่อมา วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็นวันเฉลิมฉลองที่มีแต่ความสุขที่เรียกกันว่า "ตรุษจีน"
โดยช่วงเทศกาลตรุษจีนนั้น มีประเพณีปฏิบัติอยู่ 3 วัน คือวันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว
1.วันจ่าย คือวันก่อนวันสิ้นปี เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไปซื้ออาหารผลไม้และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ก่อนที่ร้านค้าทั้งหลายจะปิดร้านหยุดพักผ่อนยา
2.วันไหว้ ตอนเช้ามืดจะไหว้ "ป้ายเล่าเอี๊ย" (拜老爺 / 拜老爷) เป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ - ตอนสาย จะไหว้ "ป้ายแป๋บ้อ" (拜父母) คือการไหว้บรรพบุรุษ พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูตามคติจีน - ตอนบ่าย จะไหว้ "ป้ายฮ่อเฮียตี๋" (拜好兄弟) เป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว
3.วันเที่ยว หรือ วันถือ คือวันขึ้นปีใหม่ เป็นวันที่หนึ่ง (初一 ชิวอิก) ของเดือนที่หนึ่งของปี วันนี้ชาวจีนจะถือธรรมเนียมโบราณที่ยังปฏิบัติสืบต่อกันมาถึงปัจจุบันคือ "ป้ายเจีย" เป็นการไหว้ขอพรและอวยพรจากญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพรัก เป็นวันที่ชาวจีนถือว่าเป็นสิริมงคล งดการทำบาป จะมีคติถือบา งอย่าง เช่น ไม่พูดจาไม่ดีต่อกัน ไม่ทวงหนี้กัน ไม่จับไม้กวาด และจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่แล้วออกเยี่ยมอวยพรและพักผ่อนนอกบ้าน
(เครดิตข้อมูลดีอ้างอิงดีๆจาก : https://archive.clib.psu.ac.th/online-exhibition/ChinNY/page3.html)
https://th.wikipedia.org/wiki/ตรุษจีน
https://th.wikipedia.org/wiki/เหนียน
เครดิตภาพ : https://www.freepik.com/
0 ความคิดเห็น