เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ แวะไปรู้จัก วัดพุทไธศวรรย์ วัดเก่าแก่ที่สุดอีกแห่ง สร้างตั้งแต่ก่อตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีประวัติความเป็นมาอย่างไร นำมาให้อ่านกันจ้า |
สวัสดีเพื่อนๆสายเที่ยวทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนกันทุกๆคนค่ะ กลับมาอีกครั้งกับบทความน่ารู้เกี่ยวกับโบราณสถาน แหล่งท่องเที่ยวทั่วฟ้าเมืองไทย ที่จะสรรหาสาระเล็กๆน้อย มาให้ได้อ้อยสร้อย อ่านฆ่าเวลากันจ้า ช่วงนี้กระแสออเจ้าจากละครดัง กลับมาทวงบัลลังค์ ปังปุริเยสืบไปอีกครั้ง ทำให้การท่องเที่ยวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลับมาลั๊ลลาคึกคักอีกครั้ง และหนึ่งในวัดสำคัญโดดเด่นอีกแห่ง ที่ใครไปเที่ยวอยุธยา ไม่พลาดไปกันให้ได้ นั้นก็คือ วัดพุทไธศวรรย์ วัดเก่าแก่มีความสวยงามโดดเด่นติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และอยู่ในฉากละครของออเจ้า ที่แม่การะเกดมากราบไหว้ด้วย ทำให้ใครก็ต้องปักหมุดไปกัน ซึ่งวัดแห่งนี้ จัดว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญและมีประวัติเป็นมาน่าสนใจไม่น้อย มีอะไรซ่อนไว้ตามอาคารสถานที่ และโบราณสถานด้านในวัด ที่ต้องไปชมด้วยตาตัวเองสักครั้งด้วย
และเพื่อไม่ให้บทความนี้ร้างไป หลังจากเลิกงานประจำมาวันนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า เลยขอมาแบ่งปันสาระน่ารู้เกี่ยวกัย วัดพุทไธศวรรย์ มาให้เพื่อนๆเหล่าผู้รักและหลงใหลในประวัติศาสตร์ชาติไทย มาให้ได้อ่านกันจ้า
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ วัดพุทไธศวรรย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (Wat Phutthaisawan Temple, Ayutthaya Historical Park) |
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ วัดพุทไธศวรรย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (Wat Phutthaisawan Temple, Ayutthaya Historical Park)
สำหรับ วัดพุทไธศวรรย์ ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในวัดสำคัญและมีอายุเก่าแก่กว่า 670 ปี ด้วยเป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่ก่อตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ซึ่งตัววัดตั้งอยู่ที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา
จัดให้เป็นหนึ่งในวัดสำคัญและมีอายุเก่าแก่กว่า 670 ปี ด้วยเป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่ก่อตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี |
ที่ตรงนี้มีชื่อปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า "ตำบลเวียงเล็ก หรือ เวียงเหล็ก" ครั้นเมื่อสถาปนากรุงศรีอยุธยาแล้ว ถึง พ.ศ. 1896 จึงโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเป็นพระราชอนุสรณ์ |
โดยวัดพุทไธศวรรย์เป็นพระอารามหลวงที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียงวัดหนึ่ง ปรากฏตามตำนานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างขึ้นในบริเวณที่ซึ่งเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับเมื่อทรงอพยพมาตั้งอยู่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ที่ตรงนี้มีชื่อปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า "ตำบลเวียงเล็ก หรือ เวียงเหล็ก"
และเมื่อเสียกรุงฯ ในปี พ.ศ. 2310 ไปแล้ว แต่วัดพุทไธศวรรย์เป็นอีกวัดหนึ่งที่มิได้ถูกข้าศึกทำลายเหมือนวัดอื่นๆซึ่งตั้ังอยู่ในเกาะเมือง |
ครั้นเมื่อสถาปนากรุงศรีอยุธยาแล้ว ถึง พ.ศ. 1896 จึงโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเป็นพระราชอนุสรณ์ ณ ตำบลซึ่งพระองค์เสด็จมาตั้งมั่นอยู่แต่เดิม และพระมหากษัตริย์องค์ต่อ ๆ มาก็คงจะได้โปรดให้สร้างถาวรวัตถุ เพิ่มเติมขึ้นอีกหลายอย่าง และเมื่อเสียกรุงฯ ในปี พ.ศ. 2310 ไปแล้ว แต่วัดพุทไธศวรรย์เป็นอีกวัดหนึ่งที่มิได้ถูกข้าศึกทำลายเหมือนวัดอื่นๆซึ่งตั้ังอยู่ในเกาะเมือง ทำให้ทุกวันนี้ สิ่งก่อสร้างโบราณสถานที่สำคัญส่วนใหญ่จึงยังคงสภาพดีอยู่ จะมีชำรุดเสียหายบ้าง ก็ด้วยสาเหตุของการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา
ในรัชสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 วัดพุทไธศวรรย์ เป็นหนึ่งในวัดของกรุงศรีอยุธยาที่พระองค์เสด็จมาพระราชทานพระกฐิน โดยกระบวนพระยุหยาตราทางชลมารค |
และด้วยเป็นโบราณสถานสำคัญ ทำให้กรมศิลปากร ประกาศขึ้นทะเบียนวัดพุทไธศวรรย์เป็นโบราณสถาน ไว้ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 โดยปัจจุบันวัดได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี
โดยสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดคือ คือ ปรางค์ประธาน องค์ใหญ่ศิลปะแบบขอม ตั้งอยู่กึ่งกลางอาณาเขตพุทธาวาสบนฐานไพที ซึ่งมีลักษณะย่อเหลี่ยมมีบันไดขึ้น 2 ทาง คือ ทางทิศตะวันออก และทางทิศตะวันตก โดยลักษณะโดยทั่วไปขององค์พระปรางค์ได้รับอิทธิพลรูปแบบของสถาปัตยกรรมมาจาก ปราสาทขอม ซึ่งเปรียบประดุจเขาพระสุเมรุ หรือเขาไกรลาสที่ประทับของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ในการสร้างปราสาทตามคติเดิมของขอม ได้จำลองตัวอาคารหรือเรีอนธาตุซ้อนกันเป็นชั้นๆ ขึ้นไปตามลำดับ ซึ่งก็คือ วิมานของเทพเจ้า และมีเทพผู้รักษาทิศอยู่ครบทุกด้าน ประจำอยู่ตามทิศต่างๆ
ถอดรองเท้าเดินบันไดขึ้นไปกราบพระบรมธาตุ |
ด้านหน้าของห้องพระครรภธาตุมีรอยพระพุทธบาทจำลองประดิษฐานขนาบทางเข้าอยู่ทั้งสองข้าง |
ด้านขวามือประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาท มีซุ้มเรือนแก้วที่มีเทวดาแบกอยู่สองข้าง |
พระพุทธบาทจำลองหินแกะสลักขนาบอยู่ด้านซ้ายมือ มีความสวยงามวิจิตรอย่างมาก แม้จะมีร่องรองผุพังไปบ้าง แต่ยังคงศิลปะอยุธยาไว้แบบดั้งเดิมให้ชมมาจนถึงปัจจุบัน |
และเมื่อถอดรองเท้าเดินบันไดขึ้นมา ด้านหน้าของห้องพระครรภธาตุมีรอยพระพุทธบาทจำลองประดิษฐานขนาบทางเข้าอยู่ทั้งสองข้าง ซึ่งรอยพระพุทธบาทจำลองนั้น มีลวดลายที่วิจิตรงดงามมาก และขนาบทั้งสองด้าน ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาท มีซุ้มเรือนแก้วที่มีเทวดาแบกอยู่สองข้าง เป็นปูนปั้นประดับด้วยกระจกที่คงสถาปัตยกรรมตั้งแต่ก่อสร้างไว้ตั้งแต่ต้นกรุงศรีอยุธยา
องค์พระมหาธาตุ หรือพระปรางค์ประธานองค์นี้ตามภาพที่ทุกท่านเห็นคือจะมีห้องพระครรภธาตุ |
ซึ่งองค์พระมหาธาตุ หรือพระปรางค์ประธานองค์นี้ตามภาพที่ทุกท่านเห็นคือจะมีห้องพระครรภธาตุ ภายในมีพระเจดีย์ทรงปราสาทยอด ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระเจดีย์ทรงปราสาทที่มีลวดลายปูนปั้นประดับอย่างละเอียด วิจิตรตระการตา ยอดของพระเจดีย์นี้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แม้จะดูเก่า แต่ก็คงศิลปะและความงดงามไว้อย่างดี มีประวัติว่าได้เริ่มสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นเมื่อปี พ.ศ.1896 และมีอายุยืนยาวมาตลอด ร่วมระยะเวลามาถึง 417 ปี ของความเป็นราชธานีกรุงศรีอยุธยา และด้านหลังมีพระนอน (พระพุทธรูปปางไสยาสน์) องค์สีดำประดิษฐานอยู่ด้วย
ภายในมีพระเจดีย์ทรงปราสาทยอด ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระเจดีย์ทรงปราสาทที่มีลวดลายปูนปั้นประดับอย่างละเอียด วิจิตรตระการตา |
จึงเปรียบได้ว่าวัดพุทไธศวรรย์ซึ่งจัดเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งมาตั้งแต่ปฐมกษัตริย์อยุธยา |
ดังนั้นจึงเปรียบได้ว่าวัดพุทไธศวรรย์ซึ่งจัดเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งมาตั้งแต่ปฐมกษัตริย์อยุธยา ย่อมต้องได้รับการทำนุบำรุงองค์อื่นๆ ที่สร้างขึ้นในระยะเวลาใกล้เคียงกัน
บริเวณรอบองค์พระมหาธาตุมีพระระเบียงล้อมรอบผนัง ด้านนอกทึบ ด้านในมีเสารับเครื่องบนหลังคาและชายคาเป็นระยะๆ |
และที่่สำคัญคือ บริเวณรอบองค์พระมหาธาตุมีพระระเบียงล้อมรอบผนัง ด้านนอกทึบ ด้านในมีเสารับเครื่องบนหลังคาและชายคาเป็นระยะๆ ทำให้ไม่มีผนังทางด้านใน ที่ริมผนังด้านทึบมีพระพุทธรูปนั่งเรียงอยู่โดยรอบ หลักฐานที่เกี่ยวข้องในพระระเบียงรอบพระปรางค์ประธาน คงเป็นพระพุทธรูปที่นั่งเรียงรายอยู่โดยรอบ บนผนังระเบียงมุมด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะมีภาพกิจกรรมบนฝาผนังรูปเรือนแก้ว ส่วนที่เป็นรัศมีด้านหลังพระพุทธรูปที่นั่งเรียงอยู่ในพระระเบียง ลักษณะของภาพจิตกรรมเป็นศิลปะแบบรัตนโกสินทร์สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งภาพนี้สันนิษฐานน่าจะเขียนขึ้นมาเมื่อครั้งมีการซ่อมปฏิสังขรณ์พระปรางค์ครั้งใหญ่ ในปี พ.ศ. 2441
พระอุโบสถตั้งอยู่อยู่ทางด้านตะวันตกของปรางค์ประธาน เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ยาว 32 เมตร กว้าง 14 เมตร ฐานค่อนข้างตรงไม่แอ่นท้องสำเภาเหมือนอาคารในสมัยอยุธยาตอนปลาย |
ภายในมีพระพุทธรูปสามองค์ขนาดใหญ่ที่บนฐานชุกชี ได้รับการปฏิสังขรณ์ลงรักปิดทองใหม่ทั้งหมด |
ส่วนพระอุโบสถตั้งอยู่อยู่ทางด้านตะวันตกของปรางค์ประธาน เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ยาว 32 เมตร กว้าง 14 เมตร ฐานค่อนข้างตรงไม่แอ่นท้องสำเภาเหมือนอาคารในสมัยอยุธยาตอนปลาย ภายในมีพระพุทธรูปสามองค์ขนาดใหญ่ที่บนฐานชุกชี ได้รับการปฏิสังขรณ์ลงรักปิดทองใหม่ทั้งหมด และถึงแม้ว่ารูปแบบของประติมากรรมจะดูไม่ชัดเจน ว่าเป็นศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนต้นหรือ แต่ด้วยลักษณะของฐานพระพุทธรูปที่ทำเป็นบัวคว่ำบัวหงายอยู่บนฐานเขียงไม่สูงนั้น อาจสะท้อนให้เห็นได้ว่าพระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้ มีอายุเก่าไปถึงสมัยอยุธยาตอนกลางราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 ก็เป็นได้
จุดเด่นอีกอย่างคือ บริเวณโดยรอบพระอุโบสถทั้ง 8 ทิศ มีใบเสมาหินชนวนขนาดใหญ่ |
และจุดเด่นอีกอย่างคือ บริเวณโดยรอบพระอุโบสถทั้ง 8 ทิศ มีใบเสมาหินชนวนขนาดใหญ่ และหนา โดยลักษณะใบเสมามีรูปสามเหลี่ยมที่คอกับท้องเสมา กับรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ตะแคงครงอกเสมาด้วย ที่ฐานเสมาเป็นบัวตื้นๆ สันเสมาหนามากและคม ใบเสมาคงเป็นแบหินยานลังกาเหมือนสมัยสุโขทัยตอนต้น ใบเสมาลักษณะเช่นเดียวกัน สามารถพบที่วัดมหาฐาตุ ราชบูรณะ และวัดพระศรีสรรเพชญ ซึ่งเป็นแบบที่นิยมทำในสมัยอยุธยาตอนต้นทั้งสิ้น
ซึ่งความสำคัญของใบเสมารอบโบสถ์ คืออะไร สำหรับ ใบเสมา หรือ สีมา เป็นประติมากรรมหินสลัก ซึ่งใช้เป็นสัญลักษณ์หรือเพื่อแสดงขอบเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เนื่องในพุทธศาสนา และเป็นตัวแทนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับเคารพบูชา ทำหน้าที่คล้ายสถูปเจดีย์หรือพระพุทธรูปเพื่อให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา
การปักหลักเดียว เพื่อแสดงเขตหรือตำแหน่งของบริเวณพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
ปักเป็นกลุ่ม พบว่ามีการปักล้อมรอบเนินดินหรือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์โดยไม่มีการกำหนดทิศทางแน่นอน
ปักใบเสมาประจำทิศ มีตั้งแต่การปัก 4 ทิศ 8 ทิศ ไปจนถึง 16 ทิศ โดยปักล้อมรอบเนินดินหรือสิ่งก่อสร้างทางศาสนา เพื่อแสดงเขตของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ |
ปักใบเสมาประจำทิศ มีตั้งแต่การปัก 4 ทิศ 8 ทิศ ไปจนถึง 16 ทิศ โดยปักล้อมรอบเนินดินหรือสิ่งก่อสร้างทางศาสนา เพื่อแสดงเขตของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น เจดีย์ พระธาตุ อุโบสถ พบว่ามีทั้งการปักใบเสมาเดี่ยว ปักเสมาคู่ หรือปักซ้อนกัน 3 ใบ
หารพระพุทไธศวรรย์ ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ในเขต พุทธาวาส บนหลังคาของหักพังไปหมดสิ้นแล้ว ทำให้เห็นแค่โครงสร้างก่ออิฐถือปูนโดยรอบเท่านั้น |
ส่วนวิหารพระพุทไธศวรรย์ ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ในเขต พุทธาวาส ลักษณะของพระวิหารมีลักษณะแอ่นท้องสำเภาเล็กน้อย ส่วนด้านเครื่องบนหลังคาของหักพังไปหมดสิ้นแล้ว ทำให้เห็นแค่โครงสร้างก่ออิฐถือปูนโดยรอบเท่านั้น โดยองค์พระพุธไสยาสน์นั้นหันพระเศียรไปทางทิศตะวันตก ตรงกับช่องประตูทางเข้าพอดี แม้พระพุทธไสยาสน์องค์นี้จะได้รับการบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ แต่จากพุทธลักษณะหรือพุทธศิลป์เดิมแล้ว และลักษณะรูปแบบของอาคาร อาจกำหนดอายุของพระพุทธไสยาสน์และพระวิหารหลังนี้ อยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 22-23 ซึ่งมีความเก่าแก่อยู่ไม่น้อย
ไปชมพระตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ซึ่งถูกจัดให้เป็น (Unseen Ayutthaya) อันซีนอยุธยา เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนทรงไทย 2 ชั้น ภายในอาคารมีภาพจิตกรรมฝาผนังโดยรอบ |
และอีกหนึ่งโบราณสถานสำคัญภายในวัด นอกจากไปกราบพระด้านในพระอุโบสถแล้ว ที่ต้องไปคือ ไปชมพระตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ซึ่งถูกจัดให้เป็น (Unseen Ayutthaya) อันซีนอยุธยาก็ว่าได้ โดยพระตำหนักดังกล่าว เป็นที่ตำหนักของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ท่านเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ประจำอยู่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยพระตำหนัก (พระเถระชั้นผู้ใหญ่ สมัยกรุงศรีอยุธยา)
ด้านข้างของตำหนัก มีบันไดเดินขึ้นไปชมภาพจิตรกรรมฝาผนัง |
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขต พุทธาวาส เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนทรงไทย 2 ชั้น ภายในอาคารมีภาพจิตกรรมฝาผนังโดยรอบ ชั้นล่างของอาคารมีช่องประตูและหน้าต่างเหมือนกับขั้นบน แต่หน้าต่างมีลักษณะเป็นซุ้มโค้งยอดแหลม ผนังของตําหนักแห่งนี้ มีจิตรกรรมล้ำค่าจากสมัยอยุธยาตอนปลาย คาดว่าตรงกับสมัยสมเด็จพระเพทราชา ราวปี พ.ศ. 2231-2245 ซึ่งน่าจะเป็นภาพที่ชัดเจนที่สุดแล้ว
ผนังของตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์แห่งนี้ มีจิตรกรรมล้ำค่าจากสมัยอยุธยาตอนปลาย คาดว่าตรงกับสมัยสมเด็จพระเพทราชา ราวปี พ.ศ. 2231-2245 ซึ่งน่าจะเป็นภาพที่ชัดเจนที่สุดแล้ว |
ตัวอย่างบางส่วนของภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในตำหนักสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ที่วาดตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา |
ตำหนักนี้อยู่ในสภาพค่อนข้างทรุดโทรม แต่ภายในผนังของตำหนักทั้ง 4 ทิศ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาหลงเหลือ ซึ่งน่าจะชัดเจนที่สุดแล้ว โดยมีภาพสีเกี่ยวกับเรื่องหมู่เทวดา นักพรต นมัสการพระพุทธบาท ไตรภูมิ ทศชาติชาดก และเรือสำเภาตอนพระพุทธโฆสะไปลังกา ภาพเหล่านี้อยู่ในสภาพไม่ชัดเจนนัก แต่ถูกจัดว่าเป็นศิลปะที่ล้ำค่าและหลงเหลืออยู่ให้เห็นมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าภาพจะลางเลือนไปตามกาลเวลาไปแล้วก็ตาม
ใกล้กับพระอุโบสถ ก็เป็นวิหารกัจจายานะ |
เป็นอย่างไรบ้างค่ะ สำหรับสาระน่ารู้เล็กน้อยๆ ที่นำมาเสนอแบ่งปันให้ได้อ่านกันเล็กๆน้อยในวันนี้ น่าจะมีประโยชน์อยู่ไม่มากก็น้อยนะคะ และหวังว่าเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนไปอยุธยา ก็อย่าลืมปักหมุดไปลั๊ลลาเที่ยวไหว้ที่วัดพุทไธศวรรย์กันเยอะๆนะคะ เศรษฐกิจจะได้คึกคัก
เครดิตข้อมูลดีๆจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/วัดพุทไธศวรรย์
https://www.putthaijatukam.com/
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
0 ความคิดเห็น