เรื่องเล่าขานตำนานแก่งคุดคู้ สถานที่ท่องเที่ยวจุดถ่ายรูปเช็คอินชมวิวมีชื่อเสียงของอำเภอเชียงคานแห่งนี้ มีตำนานและประวัติเป็นมาอย่างไร |
เรื่องเล่าขาน ตำนานแก่งคูดคู้ ในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย (Kaeng Khut Khu, Chiang Khan district, Loei Province) |
เรื่องเล่าขาน ตำนานแก่งคูดคู้ ในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย (Kaeng Khut Khu, Chiang Khan district, Loei Province)
จากตำนานคำบอกเล่าของชาวบ้านในเมืองเชียงคาน ที่อยู่กันมาเนิ่นนานแล้วเล่าว่า ได้มีพรานป่าคนหนึ่งชื่อ นายจึ่งขึ่งดั้งแดง โดยนายพรานดังกล่าว มีลักษณะรูปร่างสูงใหญ่ล่ำสันแข็งแรง และยังมีฝีมือในการล่าสัตว์ อยู่มาวันหนึ่งนายพรานจึ่งขึ่งดั้งแดง ได้ตามล่าควายเงินมาจากหลวงพระบาง (ที่เรียกควายเงินเพราะมูลของควายตัวนี้เป็นเงิน) โดยพอมาถึงริมแม่น้ำโขงได้เห็นควายเงินพักกินน้ำ นายพรานจึงดักซุ่มยิง พอดีชาวบ้านแล่นเรือผ่านมา ควายเงินตกใจตื่นเตลิดขึ้นไปบนเขาลูกหนึ่ง (ต่อมาภูเขาลูกนี้ได้ชื่อว่าภูควายเงินตั้งแต่นัั้นเป็นต้นมา ซึ่งปัจจุบันภูควายเงินเป็นที่ตั้งของวัดภูพระบาทควายเงินนั้นเอง)
นั้นนายพรานเลยยิงไปถูกเขาอีกลูกจนพังทลายไปซีกหนึ่ง กลายเป็นหน้าผาสูงชัน ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ภูผาแบ่น” |
จากนั้นนายพรานเลยยิงไปถูกเขาอีกลูกจนพังทลายไปซีกหนึ่ง กลายเป็นหน้าผาสูงชัน ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ภูผาแบ่น” โดยนายพรานจึ่งขึ่งดั้งแดง โกรธคนที่แล่นเรือผ่านซึ่งเป็นต้นเหตุให้ควายเงินหนีไปเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงกลั่นแกล้งด้วยการขนหินมาขวางกั้นลำโขงไม่ให้เดินเรือได้ นายพรานทำการเกือบจะสำเร็จ
แต่พอดีมีสามเณรรูปหนึ่งมาเห็นเข้า เณรนั้นออกอุบายหลอกให้นายพรานใช้ไม้เฮียะ (ไม้ใผ่ชนิดหนึ่ง) ผ่าซีกหาบหินแทน ไม้เฮียะผ่าแล้วจะเป็นสันคมกริบ เมื่อนายพรานใช้หาบหิน ไม้นั้นก็บาดคอนายพรานให้นอนตายคุดคู้อยู่ที่ริมโขงนั้นเอง ทำให้แก่งหินบริเวณดังกล่าวมีชื่อเรียกว่าว่า “แก่งคุดคู้” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ด้วยผลจากการที่นายพรานขนหินมาวางขวางทำให้กลางน้ำโขง มีหลายแก่งหลายแห่ง (ซึ่งแก่งในภาษาอีสานคือ บริเวณที่น้ำท่วมถึงและไหลผ่านโขดหินมากมาย ) |
และด้วยผลจากการที่นายพรานขนหินมาวางขวางทำให้กลางน้ำโขง มีหลายแก่งหลายแห่ง (ซึ่งแก่งในภาษาอีสานคือ บริเวณที่น้ำท่วมถึงและไหลผ่านโขดหินมากมาย ) ซึ่งมีชื่อเรียกต่างๆ เช่น แก่งฟ้า แก่งจันทร์ เป็นต้น โดยแก่งเหล่านี้แม้จะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางในลำน้ำโขงมาแต่โบราณ แต่ก็เป็นบริเวณที่มีปลาเข้ามาอยู่อาศัยอย่างชุกชุมเป็นอย่างมาก ทำให้บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์
แก่งคุดคู้ นั้นถือว่าเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ขวางกั้นอยู่กลางลำน้ำโขงทำให้เกิดกระแสน้ำเชี่ยวไหลผ่านแก่งในช่วงฤดูแล้ง |
และสำหรับแก่งคุดคู้ นั้นถือว่าเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ขวางกั้นอยู่กลางลำน้ำโขงทำให้เกิดกระแสน้ำเชี่ยวไหลผ่านแก่งในช่วงฤดูแล้ง (ประมาณเดือน ก.พ. ถึง เดือน พ.ค.) ระดับน้ำในแม่น้ำจะลดลงต่ำจนทำให้ก้อนหินน้อยใหญ่มากมายรวมถึงหาดทรายซึ่งเคยจมอยู่ใต้สายน้ำโผล่ขึ้นมาอวดลวดลายอันงดงามให้นักท่องเที่ยวได้เดินลงไปเล่นได้ด้วย
ส่วนในช่วงฤดูฝน - ฤดูหนาว (ประมาณเดือน มิ.ย.ถึง เดือนม.ค.) ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะสูงขึ้นกลืนกินแก่งหินและหาดทรายส่วนใหญ่ให้จมอยู่ภายใต้สายน้ำไปจนเกือบหมด แต่นักท่องเที่ยววก็จะสามารถพบกับภาพประทับใจของมวลหมู่เมฆและสายหมอกซึ่งลอยละล่องอยู่เหนือยอดภูเขาเขาและราวป่าไม้ริมสองฝั่งน้ำแม่น้ำโขงที่อยู่ฝั่งประเทศลาวได้อย่าวสวยงามมาก
นอกจากจะมีประวัติความเป็นมาของแก่งคุดคู้ที่น่าสนสใจแล้ว ปัจจุบันบริเวณแก่งคุดคู้ ยังจัดเป็นส่วนย่อมสำหรับการพักผ่อน และให้นักท่องเที่ยวเดินเล่น เก็บภาพบรรยากาศโดยรอบ โดยเฉพาะใครที่มาเที่ยวแก่งคุดคู้เมื่อมาถึงแล้ว ก็ไม่พลาดไปถ่ายรูปคู่ป้ายแก่งคุดคู้ และยังมีหุ่นรูปปั้นขนาดใหญ่ยักษ์ โดยเป็นรูปปั้น นายพราน จึ่งขึ่งดั้งแดง ซึ่งกำลังหันหน้าและยิ่งธนูไปทางฝั่งประเทศลาว ซึ่งกลายเป็นจุดเช็คอินถ่ายรูปมีชื่อเสียงที่ต้องมาถ่ายรูปกันให้ได้
ร้านขายของฝาก ขนมมะพร้าวแก้วอ่อน ที่จัดเป็นสินค้าของฝากขึ้นชื่อที่นี่ให้นักท่องเที่ยวซื้อติดไม้ติดมือกลับไป |
อีกทั้งบริเวณแก่งคุดคู้ ก็ยังมีร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ และร้านขายของฝากของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ เลือกหากันไปเป็นของฝากด้วย
สำหรับการเดินทางมายังแก่งคุดคู้ มีระยะทางห่างจากตัวอำเภอเชียงคาน หรือย่านตลาดถนนคนเดินประมาณ 7 กิโลเมตร หากขับรถมาจากจังหวัดเลย ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 211 พอถึงสามแยกในตัวเมืองเชียงคานจะเจอประตูป้ายวัดศรีคุนเมือง ก็ให้ขับรถเลี้ยวขวาตรงไปเรื่อยๆประมาณ 7 กิโลเมตรก็จะเห็นป้ายทางเข้าแก่งคุดคู้ แหล่งท่องเที่ยวและจุดชมวิวถ่ายรูปมีชื่อเสียงของเชียงคาน
หากเพื่อนๆคนใหนที่วางแผนมาเที่ยวเชียงคาน ก็อย่าลืมปักหมุดเดินทางมาเที่ยวและถ่ายรูปภาพสวยๆที่ แก่งคุดคู้กันเยอะๆนะคะ
0 ความคิดเห็น