เที่ยวเมืองไทยไปต้องรู้แวะไปดู ฟูจิเมืองเลย หรือภูป่าเปาะ สถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงของจังหวัดเลย มีประวัติเป็นมาอย่างไร นำมาให้อ่านเป็นความรู้กันจ้า |
สวัสดีคุณผู้อ่านและเพื่อนๆสายเที่ยวทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจทุกๆคนจ้า ท่องเที่ยวทั่วถิ่นไทยไปต้องรู้ในวันนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ก็ขอมานำเสนอสาระน่ารู้เล็กๆน้อย เกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวทั่วแคว้นแดนไทยมาให้ได้อ่านกันอีกเช่นเคยนะคะ และสำหรับใครที่จัดโปรแกรมไปเที่ยวจังหวัดเลย ช่วงปลายฝนต้นหนาวปีนี้ แน่นอนว่าหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดอีกแห่ง ที่นักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปต้องไปกัน นั้นก็คือ ภูป่าเปาะ หรือที่รู้จักกันในนาม ฟูจิเมืองเลย สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมีชื่อเสียงประจำจังหวัดเลยอีกแห่ง ที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นใดในเมืองนี้เช่นกัน
สาระน่ารู้เกี่ยวกับ ภูป่าเปาะ หรือว่า ฟูจิเมืองเลย มีประวัติเป็นมาน่าสนใจอย่างไร นำมาให้อ่านกันจ้า |
สาระน่ารู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ ภูป่าเปาะ หรือว่า ฟูจิเมืองเลย มีประวัติเป็นมาน่าสนใจอย่างไร นำมาให้อ่านกันจ้า
สำหรับ ภูป่าเปาะ ตั้งอยู่ที่บ้านผาหวาย หมู่ที่ 3 ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย ด้วยสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็น สบาย มีทัศนียภาพที่มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง โดยภูเป่าเปาะ เป็นภูเขาที่มีตวามสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 900 เมตร โดยนักท่องเที่ยวที่เดินขึ้นมายังภูป่าเปาะ จุดไฮไลท์ของภูเขาลูกนี้คือ สามารถมองเห็นวิว ภูเขาฟูจิเมืองเลย หรือชื่อเดิมคือ ภูหอ ลักษณะเป็นภูเขายอดตัด หรือภูเขายอดราบ ถ้าช่วงที่มีทะเลหมอกปกคลุมแล้วนั้น นักท่องเที่ยวมักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคล้ายกับ ภูเขาไฟฟูจิยามา ในประเทศญี่ปุ่น จนถูกขนานนามให้เป็น ภูฟูเมืองเลย หรือฟูจิของเมืองไทย
ประวัติความเป็นมาดั้งเดิมของภูป่าเปาะนั้น แต่เดิมทีภูป่าเปาะ เป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติภูค้อ-ภูกระแต และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ-ภูกระแต แต่ถูกบุกรุกแผ้วถางเพื่อทำการเกษตร จนสภาพป่าเสื่อมโทรม ต่อมาจึงมีการฟื้นฟูสภาพป่าจนกลับมามีความอุดมสมบูรณ์ดังเดิม และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมืองเลย โดยไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวขึ้นไปและไม่อนุญาตให้ตั้งเต็นท์พักค้างคืนบนภูป่าเปาะอีกด้วยเพื่อให้สภาพป่ายังคงความสมบูรณ์เป็นคงเดิมไว้ และเป็นสถานที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนและคนในพื้นที่ด้วย
แน่นอนว่าการขึ้นไปยังภูป่าเปาะนั้น นิยมใช้การเดินทางโดย "รถอีแต๊ก" ซึ่งดัดแปลงมาจากรถไถนา |
และแน่นอนว่าการขึ้นไปยังภูป่าเปาะนั้น นิยมใช้การเดินทางโดย "รถอีแต๊ก" หรือว่ารถอีแต๋น ซึ่งดัดแปลงมาจากรถไถนา และทำที่นั่งพ่วงข้างท้ายเพื่อบรรทุกคนหรือสิ่งของ เวลาวิ่งเราจะได้ยิ่นเสียงต๊อก ๆ แต๊ก ๆ ดังอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นที่มาว่าทำไมเจ้ายานพาหนะชนิดนี้ถึงได้เรียกว่า "รถอีแต๊ก"
รถคันหนึ่งสามารถบรรจุคนได้ประมาณ 5-7 คน เส้นทางไปยังจุดชมวิวภูป่าเปาะ ก็สมบุกสมบันไม่น้อย |
โดยรถคันหนึ่งสามารถบรรจุคนได้ประมาณ 5-7 คน จะนั่งหน้านั่งหลังก็แล้วแต่ตามใจชอบ สามารถชมวิวทัศนียภาพระหว่างทางได้อย่างสวยงาม
โดยจุดชมวิวภูป่าเปาะมีทั้งหมด 4 จุด ที่น่าสนใจดังนี้
จุดชมวิวที่ 1 ใกล้ทางเดินขึ้นภูป่าเปาะ |
โดยจุดชมวิวที่ 1 ใกล้ทางเดินขึ้นภูป่าเปาะ จุดนี้จะมองเห็นทัศนียภาพภูเขายอดตัตหรือภูหอได้อย่างใกล้และสวยงามที่สุด
จุดชมวิวที่ 2 จุดชมวิวภูหอ สามารถชมวิวภูหอได้อย่างกว้างขวาง |
จุดชมวิวที่ 2 จุดชมวิวภูหอ สามารถชมวิวภูหอได้อย่างกว้างขวาง พร้อมทัศนียภาพที่สวยงาม มีชิงช้าให้นั่งถ่ายรูป
จุดชมวิวที่ 3 ณ ภูป่าเปาะ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่ง สามารถมองเห็นวิวภูเขานางนอน |
จุดชมวิวที่ 3 ณ ภูป่าเปาะ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่ง สามารถมองเห็นวิวภูเขานางนอน |
จุดชมวิวที่ 3 ณ ภูป่าเปาะ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่ง สามารถมองเห็นวิวภูเขานางนอน วิวภูเขาผู้ชายนอนกอดอก โดยเป็นศิลปะที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
จุดชมวิวที่ 4 เป็นจุดสุดท้าย มีชื่อว่า ผู้พิชิตยอดภูป่าเปาะ จำเป็นต้องเดินเท้าไต่ความสูงขึ้นไปประมาณ 200 เมตร โดยต้องผ่านป่าเล็ก ๆ ขึ้นไปโผล่ยังจุดชมวิว |
จุดชมวิวที่ 4 เป็นจุดสุดท้าย มีชื่อว่า ผู้พิชิตยอดภูป่าเปาะ จำเป็นต้องเดินเท้าไต่ความสูงขึ้นไปประมาณ 200 เมตร โดยต้องผ่านป่าเล็ก ๆ ขึ้นไปโผล่ยังจุดชมวิว |
ทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวที่ 4 เดินเท้าไต่ความสูงขึ้นไปประมาณ 200 เมตร |
โผล่ยังจุดชมวิว ทั้งนี้นักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพได้แบบ 360 องศา |
จุดชมวิวที่ 4 เป็นจุดสุดท้าย มีชื่อว่า ผู้พิชิตยอดภูป่าเปาะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักชอบขึ้นไปยังจุดชมวิวที่ 4 ซึ่งจำเป็นต้องเดินเท้าไต่ความสูงขึ้นไปประมาณ 200 เมตร โดยต้องผ่านป่าเล็ก ๆ ขึ้นไปโผล่ยังจุดชมวิว ทั้งนี้นักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพได้แบบ 360 องศา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมาเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว อาจจะได้เห็นวิวทะเลหมอกที่สวยงาม เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นสถานที่ต่างๆได้อย่างสวยงาม
รถแต๊กแต๊กๆ บริการให้นักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ |
สำหรับการเดินทางไปการเดินทางไปภูป่าเปาะ หรือว่า ฟูจิเมืองเลยนั้น หากขับรถยนต์ไปจากตัวเมืองเลยไปยังภูป่าเปาะ) มีระยะทางประมาณ 67 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที แล้วใช้บริการนั่งรถอีแต๊ก หรือรถแต๊กของท้องถิ่นอีกคนละ 60 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็จะถึงจุดชมวิวฟูจิเมืองเลยอันแสนสวยงาม ส่วนเวลาเปิดทำการนั้น เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ เวลา 05:00 น. – 18:00 น.
เพื่อนๆนักท่องเที่ยวคนใหนที่วางแผนมาเที่ยวจังหวัดเลย ก็อย่าลืมปักหมุดมาเที่ยวถ่ายรูปเช็คอินที่ ฟูจิเมืองเลยกันสักครั้ง รับรองว่าสวยปังแน่นอนจ้า
-------------------------------------------------------------------------------------------
0 ความคิดเห็น