แบ่งปันสาระน่ารู้เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติโลกอันยิ่งใหญ่ (Natural History Museum) สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองลอนดอน ที่ต้องไปเที่ยวชมกัน มีประวัติเป็นมาอย่างไร นำมาให้อ่านกัน |
ก็กลับมาทักทายสวัสดี สวีดัดเพื่อนๆสายเที่ยวทัศนา อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนกันทุกๆคนอีกครั้งนะคะ แบกเป้เที่ยวไปทั่วโลก ชะโงกไปให้รู้ในวันนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ก็ขอมาแบ่งปันสาระน่ารู้เกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ (Natural History Museum) อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงลอนดอน ที่ใครปักหมุดมาเที่ยวเมืองผู้ดีแห่งนี้ ก็ไม่พลาดที่จะไปเดินชมและเรียนรู้ประวัติศาสตร์และธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของโลก ที่รวบรวบและจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์หให้ได้เดินชมกันอย่างอลังการ และสามารถเดินเที่ยวได้ทั้งวัน
อีกทั้งยังพิพิธภัณฑ์ในกรุงลอนดอน ที่เข้าชมได้ฟรี ย้ำนะคะ ฟรีจ้า ไปเที่ยวแบบไม่ต้องเสียตังเข้าชม แต่ที่จะต้องเสียตัง ก็คงเป็นค่าเดินทาง และค่ากิน ที่สามารถเลือกซื้อ เลือกหาทานกันได้ตามร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ที่มีอยุ่ทั่วไปในกรุงลอนดอน และในทริปนี้เดี๊ยนก็ขอมาแบ่งปันสาระน่ารู้เล็กๆน้อย เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ หรือ Natural History Museum London มาให้ได้อ่านกัน น่าจะได้ความรู้อยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย
นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี South Kensington |
การเดินทางไปเที่ยวชม
นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี South Kensington จากนั้นเดินไปอีกประมาณ 100 เมตรก็จะเห็นอาคารสถาปัตยกรรมสวยงามเป็นพิพิธภัณฑ์อันยิ่งใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้า
หากเลือกนั่งรถบัสโดยสาร ก็มีรถโดยสารประจำทางที่ผ่านหลายสาย นั่งรถประจำทางสาย 14, 49, 70, 74, 345, 360, 414, 430
ที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum) ตั้งอยู่ที่ Cromwell Road South Kensington, ลอนดอน SW7 5BD อังกฤษ อยู่ในย่าน: Kensington and Hyde Park. ใกล้สถานีรถไฟ Kensington
จากนั้นเดินไปอีกประมาณ 100 เมตร |
เดินจากสถานีรถไฟใต้ดินมาไม่ไกล ก็จะเห็นอาคารสถาปัตยกรรมสวยงามเป็นพิพิธภัณฑ์อันยิ่งใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้า |
การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ (Natural History Museum London)
แนะนำหากมาเที่ยวช่วงวันหยุด แนะนำให้จองตั๋วฟรี ผ่านเว็ปไซต์ล่วงหน้าผ่า่นโทรศัพท์มือถือ แล้วนำตั๋วที่ได้แสดงกับเจ้าหน้าที่ จะได้ไม่ต้องเข้าคิวต่อแถวนาน เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง และเข้าชมได้ฟรี ทำให้ผู้นักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพื่อนๆโดยเข้าไปจองตั๋วฟรีได้ที่เว็ปไซต์ : https://www.nhm.ac.uk/
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติในกรุงลอนดอน (Natural History Museum |
สาระน่ารู้เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติในกรุงลอนดอน (Natural History Museum London)
สำหรับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในลอนดอนเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงตัวอย่างมากมายจากส่วนต่างๆของธรรมชาติ และจัดแสดงชิ้นส่วนสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลกที่เก่าแก่หลายล้านปี ตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ดึกดำบรรพ์ ซึ่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1881 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับความสนใจอีกแห่งหนึ่งของโลก โดยถูกจัดให้เป็น 1 ในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงลอนดอนอีกด้วย โดยความโดดเด่นของอาคารหน้านอกที่สวยงามตระการตา และด้านในโอ่โถ่ง
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตและวิทยาศาสตร์พื้นพิภพซึ่งประกอบด้วยสิ่งของประมาณ 80 ล้านชิ้น |
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตและวิทยาศาสตร์พื้นพิภพซึ่งประกอบด้วยสิ่งของประมาณ 80 ล้านชิ้นภายในห้าคอลเลกชันหลัก ได้แก่ พฤกษศาสตร์ กีฏวิทยา แร่วิทยา บรรพชีวินวิทยา และสัตววิทยา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นศูนย์กลางการวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านอนุกรมวิธาน การระบุตัวตน และการอนุรักษ์ รวมทั้งเก็บรวบรวบและจัดแสดงวัตถุต่างๆทางธรณีวิทยาให้ได้ศึกษากันอย่างน่าสนใจ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นพิเศษจากการจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์ |
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นพิเศษจากการจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์ และสถาปัตยกรรมอันหรูหรา ซึ่งบางครั้งได้รับการขนานนามว่าเป็นมหาวิหารแห่งธรรมชาติที่สวยงามตระการตา โดยทั้งสถาปัตรกรรมในตัวอาคารและการจัดแสดงนิทรรศการธรรมชาติ 2 อย่างไว้ด้วยกัน ภายในห้องโถ่งของพิพิธภัณฑ์ จัดแสดง Diplodocus ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางโถงหลังคาโค้ง ก่อนที่มันจะถูกแทนที่ในปี 2017 ด้วยโครงกระดูกของปลาวาฬสีน้ำเงินที่ห้อยลงมาจากเพดาน และยังมีห้องสมุดพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติมีหนังสือ วารสาร ต้นฉบับ และงานศิลปะมากมายซึ่งมีความเชื่อมโยงกับผลงานและการวิจัยของวิทยาศาสตร์หลายแขนงให้ผู้ที่สนใจและนักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมและเรียนรู้กัน
หนึ่งในนิทรรศการที่มีชื่อเสียงที่สุดและโดดเด่นที่สุด ซึ่งมีชื่อเล่นว่า "ดิปปี้" คือโครงกระดูกจำลอง Diplodocus carnegii ยาว 105 ฟุต (32 ม.) |
และแน่นอนว่า หนึ่งในนิทรรศการที่มีชื่อเสียงที่สุดและโดดเด่นที่สุด ซึ่งมีชื่อเล่นว่า "ดิปปี้" คือโครงกระดูกจำลอง Diplodocus carnegii ยาว 105 ฟุต (32 ม.) เป็นโครงกระดูกที่จัดที่สุดอีกแห่งของโลก ซึ่งจัดแสดงมานานหลายปีภายในห้องโถงกลาง นักแสดงได้รับของขวัญจากแอนดรูว์ คาร์เนกี นักอุตสาหกรรมชาวสกอตแลนด์-อเมริกัน หลังจากการหารือกับกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 7 ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ดูแลบริติชมิวเซียม
แม้ว่าโดยทั่วไปจะเรียกพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ว่า พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ แต่ก็เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อพิพิธภัณฑ์บริติช (ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ) จนกระทั้งถึงปี 1992 ได้มีการแยกออกจากบริติชมิวเซียมในปี 1963 ก็ตาม แต่อาคาร Alfred Waterhouse ก็ยังเป็นสถานที่สำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวบและเก็บรวบหลักฐานวัตถุและส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติไว้อย่างดี โดยก่อนหน้านั้นภายในบริติชมิวเซียมและเปิดใช้ในปี 1881 และรวมพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาเข้าด้วยกันในภายหลัง
พิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็นสี่ชุดของแกลเลอรีหรือโซนต่างๆ ดังนี้ |
พิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็นสี่ชุดของแกลเลอรีหรือโซนต่างๆ ดังนี้
ภายในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ (Natural History Museum) |
โซนสีแดง - เป็นโซนที่สามารถเข้าได้จาก Exhibition Road ทางฝั่งตะวันออกของอาคาร เป็นแกลเลอรีที่มีธีมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงของโลก โดยโซนนี้จะจัดแสดงเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ การกำเนิดโลก การเกิดภูเขาไฟและแผ่นดินไหวอีกด้วย
โซนสีเขียว -โซนนี้เป็นโซนที่มีการจัดแสดงสัตว์ต่างๆหลายชนิดด้วยกันให้ชม ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และแมลงสายพันธุ์ต่างๆ |
โซนสีเขียว -โซนนี้เป็นโซนที่มีการจัดแสดงสัตว์ต่างๆหลายชนิดด้วยกันให้ชม ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และแมลงสายพันธุ์ต่างๆ เป็นต้น โซนต่อมาจะเป็น
ภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ธรรมชาติวิทยา |
ภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ธรรมชาติวิทยา |
ภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ธรรมชาติวิทยา |
โซนสีน้ำเงิน - ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของ Hintze Hall โซนนี้สำรวจความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ว่ามีความหลากหลายอย่างไร
โซนสีส้ม จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกบไดโนเสาร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆเป็นอย่างมาก |
โซนสีส้ม จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกบไดโนเสาร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆเป็นอย่างมาก |
โซนสีส้ม จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกบไดโนเสาร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆเป็นอย่างมาก |
โซนสีส้ม จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกบไดโนเสาร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆเป็นอย่างมาก |
โซนสีส้ม จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกบไดโนเสาร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆเป็นอย่างมาก |
โซนสีส้ม จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกบไดโนเสาร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆเป็นอย่างมาก |
โซนสีส้ม เป็นห้องของ Charles Darwin เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงวิทยาศาสตร์ของประเทศอังกฤษ ซึ่งจะมีรูปปั้นใหญ่ๆ ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น และโซนที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและผู้เข้าชมมากที่สุดก็คือ โซนไดโนเสาร์ โดยในโซนนี้ จะมีการจัดแสดงกระดูกไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆ ที่นำมาจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ มีป้ายบอกชื่อพันธุ์ไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆไว้อย่างน่าสนใจอย่างมาก เรียกว่าเด็กๆชอบห้องนี้มากที่สุดกันเลยทีเดียว
และสำหรับบทความแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้นำมาแบ่งปันให้ได้อ่านกันในวันนี้ น่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไปนะคะ...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
เครดิตข้อมูลดีจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Natural_History_Museum,_London
----------------------------------------------------------------------------------------------------
0 ความคิดเห็น