Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

แบกเป้เที่ยวให้รู้ดู พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติโลกอันยิ่งใหญ่ (Natural History Museum) มีประวัติเป็นมาอย่างไร

แบ่งปันสาระน่ารู้เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติโลกอันยิ่งใหญ่ (Natural History Museum) สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองลอนดอน ที่ต้องไปเที่ยวชมกัน มีประวัติเป็นมาอย่างไร นำมาให้อ่านกัน



ก็กลับมาทักทายสวัสดี สวีดัดเพื่อนๆสายเที่ยวทัศนา อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนกันทุกๆคนอีกครั้งนะคะ แบกเป้เที่ยวไปทั่วโลก ชะโงกไปให้รู้ในวันนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ก็ขอมาแบ่งปันสาระน่ารู้เกี่ยวกับ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ (Natural History Museum) อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงลอนดอน ที่ใครปักหมุดมาเที่ยวเมืองผู้ดีแห่งนี้ ก็ไม่พลาดที่จะไปเดินชมและเรียนรู้ประวัติศาสตร์และธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของโลก ที่รวบรวบและจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์หให้ได้เดินชมกันอย่างอลังการ และสามารถเดินเที่ยวได้ทั้งวัน 


อีกทั้งยังพิพิธภัณฑ์ในกรุงลอนดอน ที่เข้าชมได้ฟรี ย้ำนะคะ ฟรีจ้า ไปเที่ยวแบบไม่ต้องเสียตังเข้าชม แต่ที่จะต้องเสียตัง ก็คงเป็นค่าเดินทาง และค่ากิน ที่สามารถเลือกซื้อ เลือกหาทานกันได้ตามร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ที่มีอยุ่ทั่วไปในกรุงลอนดอน และในทริปนี้เดี๊ยนก็ขอมาแบ่งปันสาระน่ารู้เล็กๆน้อย เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ หรือ Natural History Museum London มาให้ได้อ่านกัน น่าจะได้ความรู้อยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย 



นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี South Kensington


การเดินทางไปเที่ยวชม

นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี South Kensington จากนั้นเดินไปอีกประมาณ 100 เมตรก็จะเห็นอาคารสถาปัตยกรรมสวยงามเป็นพิพิธภัณฑ์อันยิ่งใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้า 

หากเลือกนั่งรถบัสโดยสาร ก็มีรถโดยสารประจำทางที่ผ่านหลายสาย นั่งรถประจำทางสาย 14, 49, 70, 74, 345, 360, 414, 430


ที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum) ตั้งอยู่ที่ Cromwell Road South Kensington, ลอนดอน SW7 5BD อังกฤษ อยู่ในย่าน: Kensington and Hyde Park. ใกล้สถานีรถไฟ Kensington 


จากนั้นเดินไปอีกประมาณ 100 เมตร

เดินจากสถานีรถไฟใต้ดินมาไม่ไกล ก็จะเห็นอาคารสถาปัตยกรรมสวยงามเป็นพิพิธภัณฑ์อันยิ่งใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้า 



การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ (Natural History Museum London) หากมาเที่ยวช่วงวันหยุด แนะนำให้จองตั๋วฟรี ผ่านเว็ปไซต์ล่วงหน้าผ่า่นโทรศัพท์มือถือ แล้วนำตั๋วที่ได้แสดงกับเจ้าหน้าที่ จะได้ไม่ต้องเข้าคิวต่อแถวนาน



การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ (Natural History Museum London)

แนะนำหากมาเที่ยวช่วงวันหยุด แนะนำให้จองตั๋วฟรี ผ่านเว็ปไซต์ล่วงหน้าผ่า่นโทรศัพท์มือถือ แล้วนำตั๋วที่ได้แสดงกับเจ้าหน้าที่ จะได้ไม่ต้องเข้าคิวต่อแถวนาน เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง และเข้าชมได้ฟรี ทำให้ผู้นักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพื่อนๆโดยเข้าไปจองตั๋วฟรีได้ที่เว็ปไซต์ : https://www.nhm.ac.uk/  


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติในกรุงลอนดอน (Natural History Museum


สาระน่ารู้เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติในกรุงลอนดอน (Natural History Museum London)


สำหรับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในลอนดอนเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงตัวอย่างมากมายจากส่วนต่างๆของธรรมชาติ และจัดแสดงชิ้นส่วนสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลกที่เก่าแก่หลายล้านปี  ตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ดึกดำบรรพ์ ซึ่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1881 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับความสนใจอีกแห่งหนึ่งของโลก โดยถูกจัดให้เป็น 1 ในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงลอนดอนอีกด้วย โดยความโดดเด่นของอาคารหน้านอกที่สวยงามตระการตา และด้านในโอ่โถ่ง 


พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตและวิทยาศาสตร์พื้นพิภพซึ่งประกอบด้วยสิ่งของประมาณ 80 ล้านชิ้น


พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตและวิทยาศาสตร์พื้นพิภพซึ่งประกอบด้วยสิ่งของประมาณ 80 ล้านชิ้นภายในห้าคอลเลกชันหลัก ได้แก่ พฤกษศาสตร์ กีฏวิทยา แร่วิทยา บรรพชีวินวิทยา และสัตววิทยา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นศูนย์กลางการวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านอนุกรมวิธาน การระบุตัวตน และการอนุรักษ์ รวมทั้งเก็บรวบรวบและจัดแสดงวัตถุต่างๆทางธรณีวิทยาให้ได้ศึกษากันอย่างน่าสนใจ 



พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นพิเศษจากการจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์ 


พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นพิเศษจากการจัดแสดงโครงกระดูกไดโนเสาร์ และสถาปัตยกรรมอันหรูหรา ซึ่งบางครั้งได้รับการขนานนามว่าเป็นมหาวิหารแห่งธรรมชาติที่สวยงามตระการตา  โดยทั้งสถาปัตรกรรมในตัวอาคารและการจัดแสดงนิทรรศการธรรมชาติ 2 อย่างไว้ด้วยกัน ภายในห้องโถ่งของพิพิธภัณฑ์ จัดแสดง Diplodocus ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางโถงหลังคาโค้ง ก่อนที่มันจะถูกแทนที่ในปี 2017 ด้วยโครงกระดูกของปลาวาฬสีน้ำเงินที่ห้อยลงมาจากเพดาน  และยังมีห้องสมุดพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติมีหนังสือ วารสาร ต้นฉบับ และงานศิลปะมากมายซึ่งมีความเชื่อมโยงกับผลงานและการวิจัยของวิทยาศาสตร์หลายแขนงให้ผู้ที่สนใจและนักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมและเรียนรู้กัน


หนึ่งในนิทรรศการที่มีชื่อเสียงที่สุดและโดดเด่นที่สุด ซึ่งมีชื่อเล่นว่า "ดิปปี้" คือโครงกระดูกจำลอง Diplodocus carnegii ยาว 105 ฟุต (32 ม.) 


และแน่นอนว่า หนึ่งในนิทรรศการที่มีชื่อเสียงที่สุดและโดดเด่นที่สุด ซึ่งมีชื่อเล่นว่า "ดิปปี้" คือโครงกระดูกจำลอง Diplodocus carnegii ยาว 105 ฟุต (32 ม.) เป็นโครงกระดูกที่จัดที่สุดอีกแห่งของโลก ซึ่งจัดแสดงมานานหลายปีภายในห้องโถงกลาง นักแสดงได้รับของขวัญจากแอนดรูว์ คาร์เนกี นักอุตสาหกรรมชาวสกอตแลนด์-อเมริกัน หลังจากการหารือกับกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 7 ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ดูแลบริติชมิวเซียม




แม้ว่าโดยทั่วไปจะเรียกพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ว่า พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ แต่ก็เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อพิพิธภัณฑ์บริติช (ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ) จนกระทั้งถึงปี 1992 ได้มีการแยกออกจากบริติชมิวเซียมในปี 1963 ก็ตาม แต่อาคาร Alfred Waterhouse ก็ยังเป็นสถานที่สำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวบและเก็บรวบหลักฐานวัตถุและส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติไว้อย่างดี โดยก่อนหน้านั้นภายในบริติชมิวเซียมและเปิดใช้ในปี 1881 และรวมพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาเข้าด้วยกันในภายหลัง


พิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็นสี่ชุดของแกลเลอรีหรือโซนต่างๆ ดังนี้ 


พิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็นสี่ชุดของแกลเลอรีหรือโซนต่างๆ ดังนี้ 

ภายในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ (Natural History Museum)




โซนสีแดง - เป็นโซนที่สามารถเข้าได้จาก Exhibition Road ทางฝั่งตะวันออกของอาคาร เป็นแกลเลอรีที่มีธีมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงของโลก โดยโซนนี้จะจัดแสดงเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์ การกำเนิดโลก การเกิดภูเขาไฟและแผ่นดินไหวอีกด้วย


โซนสีเขียว -โซนนี้เป็นโซนที่มีการจัดแสดงสัตว์ต่างๆหลายชนิดด้วยกันให้ชม ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และแมลงสายพันธุ์ต่างๆ




 โซนสีเขียว -โซนนี้เป็นโซนที่มีการจัดแสดงสัตว์ต่างๆหลายชนิดด้วยกันให้ชม ไม่ว่าจะเป็น สัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และแมลงสายพันธุ์ต่างๆ เป็นต้น โซนต่อมาจะเป็น 


ภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ธรรมชาติวิทยา

ภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ธรรมชาติวิทยา

ภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ธรรมชาติวิทยา


โซนสีน้ำเงิน - ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของ Hintze Hall โซนนี้สำรวจความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ว่ามีความหลากหลายอย่างไร 


โซนสีส้ม จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกบไดโนเสาร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆเป็นอย่างมาก

โซนสีส้ม จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกบไดโนเสาร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆเป็นอย่างมาก

โซนสีส้ม จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกบไดโนเสาร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆเป็นอย่างมาก

โซนสีส้ม จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกบไดโนเสาร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆเป็นอย่างมาก

โซนสีส้ม จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกบไดโนเสาร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆเป็นอย่างมาก

 โซนสีส้ม จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกบไดโนเสาร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเด็กๆเป็นอย่างมาก


โซนสีส้ม  เป็นห้องของ Charles Darwin เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงวิทยาศาสตร์ของประเทศอังกฤษ ซึ่งจะมีรูปปั้นใหญ่ๆ ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น และโซนที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและผู้เข้าชมมากที่สุดก็คือ โซนไดโนเสาร์ โดยในโซนนี้ จะมีการจัดแสดงกระดูกไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆ ที่นำมาจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ มีป้ายบอกชื่อพันธุ์ไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆไว้อย่างน่าสนใจอย่างมาก เรียกว่าเด็กๆชอบห้องนี้มากที่สุดกันเลยทีเดียว 


และสำหรับบทความแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้นำมาแบ่งปันให้ได้อ่านกันในวันนี้ น่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไปนะคะ...จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน 


เครดิตข้อมูลดีจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Natural_History_Museum,_London

----------------------------------------------------------------------------------------------------

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น