ไปเที่ยวสัมผัสอากาศหนาวที่ภูเรือ ตอนนี้เป็นอย่างไร หนาวสุดในเมืองไทยอยู่ไหม ตามไปไฉไลทัศนาพาจรกันสักครั้ง

ไปเที่ยวสัมผัสอากาศหนาวที่ภูเรือ หนึ่งในแดนดินที่ถูกขนานนามให้เป็น เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม หนาวจริงหรือไม่ ตามไปย้อนวันวานเที่ยวไฉไลกันค่ะ

หากจะกล่าวบทไปถึงเมืองท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวยอดนิยมตลอดกาล ร้าวรานถึงทรวงใน งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนอีกแห่งของเมืองไทย หลายคนคงต้องนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตอย่าง อำเภอภูเรือ เป็นแน่แท้ เนื่องจากเป็นเมืองที่โอบล้อมด้วยเทือกเขาสูง คณานับไปด้วยป่าไม้หลายสายพันธ์ ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ พร้อมด้วยทัศนียภาพที่งดงาม และยังถูกจัดให้เป็นหนึ่งในดินแดนที่ถูกขนานนามว่า หนาวที่สุดในสยาม เป็นแหล่งเพาะปลูกดอกไม้ที่มีชื่อเสียงของเมืองไทยอีกด้วย

จัดทริปสั้นๆไปเที่ยวกันในวันนี้ คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า พาคุณผู้อ่านไปย้อนวันวานเที่ยวภูเรือกัน หากในอดีตจนถึงปัจจุบัน ภูเรือ ก็ยังเป็นหนึ่งในจุดหมาย หรือ Destination ของใครหลายๆคน แม้ว่ากาลเวลาจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไป ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม แต่หลายๆคนก็ยังอยากย้อนวันวาน เมื่อจัดทริปมาเที่ยวจังหวัดเลย ก็ไม่พลาดแวะไปชมเชย สัมผัสอากาศหนาวที่ภูเรือ กันสักครั้งครา ให้ชื่นฉ่ำอุราถึงทรวงใน 

ว่ากันว่า หนาวที่สุดในสยาม จึงหรือไม่นั้น นักทัศนาจรที่หลงใหลในการเดินทางหลายๆคน ก็มักจะปักหมุดมาเก็บประสบการณ์เดินทางมาทัศนาจร นอนพักแรมรอน ให้ออนซอนหัวใจ เพื่อไปสัมผัสอากาศหนาวและชุมวิวทะเลหมอกสวยๆที่ภูเรือกันให้ได้ 

เดินทางเที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ในบทความนี้ เริ่มต้นเช่ารถมอเตอร์ไซต์จากจังหวัดเลย พาเที่ยวที่อำเภอภูเรือ ทริปนี้อยากไปสัมผัสอากาศเย็นๆ และชมวิวสวยๆบนยอดภูเรือ ตามไปเที่ยวกันค่ะ เผื่อใครที่เคยมาเที่่ยวที่เมืองนี้แล้ว ย้อนวันวานให้ร้าวรานจับใจ ไปเที่ยวด้วยกันจ้า ก่อนจะเข้าสู่บทความพาไปเที่ยว เราก็มารู้จักตำนานของภูเรือ กันสักหน่อย ว่าอำเภอภูเรือแห่งนี้ มี่ตำนานและชื่อที่มาอย่างไร 

สาระดีๆน่ารู้เกี่ยวตำนานภูเรือ มีประวัติและที่มาเล่าขานอย่างไร

เรื่องน่ารู้เกี่ยวตำนานภูเรือ มีประวัติและที่มาเล่าขานอย่างไร

หากใครที่มาเที่ยวภูเรือ ก็มักสงสัยว่า ภูเรือ ชื่อนี้มีที่มาอย่างไร จากคำบอกเล่าตำนานพื้นบ้านเล่าสืบกันมานมนานนั้นกล่าวว่า   สมัยก่อนภูเรือ เป็นเมืองที่ชาวบ้านเรียกกันว่าภูทุ่ง โดยเจ้าเมืองภูทุ่งได้มีมีเจ้าเมืองภูครั่งเป็นพระสหายสนิท และเจ้าเมืองภูทุ่งมีโอรส ซึ่งในขณะที่เจ้าเมืองภูครั่งมีธิดา ต่างฝ่ายต่างก็อยากให้บุตรทั้งสองเป็นทองแผ่นเดียวกัน  แต่ธิดาเมืองภูครั่งนั้นมีคนรักอยู่แล้ว เมื่อโอรสเจ้าเมืองภูทุ่งจัดขันหมากมาสู่ขอแล้ว นางจึงลอบหนีไป  ทำให้โอรสเจ้าเมืองภูทุ่งจึงทำลายขันหมาก ทิ้งให้กลายเป็นหินเรียงรายอยู่ที่ ทุ่งหินพานขันหมาก และได้สร้าง หินศิวลึงค์ ไว้ให้คนเคารพบูชา พร้อมกับสร้าง หินเต่า เพื่อประชด ตัวเองซึ่งมีหลักฐานชื่อหินอยู่บริเวณอุทยานแห่งชาติภูเรือในปัจจุบัน  

และที่มาอีกชื่อหนึ่งของภูเรือ นั้นมาจากลักษณะของภูเขาซึ่งมีชะโงกผายื่นออกมาคล้ายเรือสำเภาขนาดใหญ่ โดยที่ราบบนเขามีลักษณะคล้ายท้องเรือ ทำให้ชาวบ้านเรียกที่นี่ว่า ภูเรือ ซึ่่งนักเดินทางหลายๆคนที่เดินทางมาภูเรือ ก็มักจะมองเห็นลักษณะของภูเขาที่มีชะโงกเหมือนหัวเรือที่ยื่นออกมาโดดเด่นแต่ไกล 

ลักษณะของภูเขาซึ่งมีชะโงกผายื่นออกมาคล้ายเรือสำเภาขนาดใหญ่ โดยที่ราบบนเขามีลักษณะคล้ายท้องเรือ 

จากประวัติกล่าวว่า คำว่า ภูเรือ ตั้งชื่อตามภูเขาชื่อเดิมเรียกว่า “ ภูทุ่ง “ หากมองจากอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย จะมีลักษณะเหมือนเรือแล่นอยู่ในมหาสมุทร จึงเรียกว่า “ภูเรือ” แต่อีกนัยหนึ่งเล่ากันว่า สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเครื่องบิน มาตกที่บริเวณภูทุ่งจึงได้เรียกกันว่า “ ภูเรือ ” ก่อนที่จะเป็นอำเภอภูเรือ 

และแต่เดิมทีนั้น ภูเรือ เป็นพื้นที่เขตการปกครองของสามอำเภอ คือ อำเภอเมืองเลย อำเภอด่านซ้าย อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย จนกระทั้งเมื่อ พ.ศ. 2511 กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาเห็นว่า เขตการปกครองของอำเภอเมืองเลย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย มีพื้นที่กว้างขวางมากซึ่งเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการปกครอง ดูแลทุกข์สุขของราษฎรได้ทั่วถึงจึงได้แยกตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองเลย ตำบลหนองบัว ตำบลร่องจิก ตำบลปลาบ่า อำเภอด่านซ้ายรวม 4 ตำบล เข้าเป็นเขตการปกครองเดียวกัน

แต่อีกนัยหนึ่งเล่ากันว่า สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเครื่องบิน มาตกที่บริเวณภูทุ่งจึงได้เรียกกันว่า “ ภูเรือ ” ก่อนที่จะเป็นอำเภอภูเรือ 

ดังนั้นจึงได้มีการประกาศตั้งเป็นกิ่งอำเภอภูเรือ ขึ้นกับเขตการปกครองของอำเภอด่านซ้าย เมื่อ พ.ศ. 2511 และได้ประกาศยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 28 มีนาคม 2517     ปัจจุบันอำเภอภูเรือ แบ่งเขตการปกครองท้องที่เป็น 6 ตำบล 47หมู่บ้าน คำขวัญประจำอำเภอ “ เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู ” กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงของเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งเพาะปลูกดอกไม้เมืองหนาว ส่งออกที่ใหญ่อีกแห่งของเมืองไทยด้วย

ขับมอเตอร์ไซต์มาที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ

ถึงหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเรือ ก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกให้ระทึกระทวยหัวใจกันสักเล็กน้อย 

ข้อมูลน่ารู้เล็กน้อยๆสำหรับอุทยานแห่งชาติภูเรือ (Phu Ruea National Park)

ข้อมูลน่ารู้เล็กน้อยๆสำหรับอุทยานแห่งชาติภูเรือ (Phu Ruea National Park)

เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ที่ ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ และอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับประเทศลาว เป็นภูเขาสูงบนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างมีต้นสนจำนวนมาก ขึ้นสลับซับซ้อน มีลักษณะแปลกก็คือ มีส่วนหนึ่งเป็นผาชะโงกยื่นออกมาเหมือนหัวเรือสำเภาขนาดใหญ่ ลักษณะภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติภูเรือเมื่อมองโดยรอบ ในที่สูง จะเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนกันสวยงาม ประกอบด้วยเขาหินประเภทต่าง ทรายและหินแกรนิสสสับกัน อุทยานภูเรืออยู่บนยอดเขาสูงทำให้มี อากาศหนาวเย็นตลอดปีและเป็นอุทยานที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดของประเทศโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะหนาวเย็นมาก จนกระทั่งน้ำค้างบนยอดหญ้าจะแข็งตัว ภาษาพื้นเมือง เรียกว่า "แม่คะนิ้ง"

ชำระเงินค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติภูเรือ

ค่าเสียหายเพื่อเข้าชม 40 บาทต่อคน 

ค่าเสียหายย่านพาหนะสำหรับรถมอเตอร์ไซต์ 20 บาท 

รวมแล้ว 60 บาทขาดตัว 

แผนที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ 

ทางอุทยานก็มีแผนที่เป็นแผ่นกระดาษแนะนำแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติภูเรือให้ด้วย ในแผ่นกระดาษเล็กไป เลยมาถ่ายในแผ่นป้ายบอร์ดขนาดใหญ่ให้ดูกันค่ะ 

ลานกางเต็นท์ในอุทยานแห่งชาติภูเรือ 

บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเรือ ก็มีจุดบริการลานกางเต็นท์ให้กับนักท่องเที่ยวด้วย  

สำหรับเพื่อนๆคนใหน ที่เป็นสายแคมป์ปิ้ง ก็มากางเต็นท์ที่บริเวณลานใกล้ๆอุทยานแห่งชาติภูเรือได้นะคะ 

ขับรถขึ้นไปบนยอดภูเรือไม่ไกลค่ะ 5 กิโลเมตร แต่ถนนหนทางครุขระบ้างเล็กๆน้อย น่าจะผ่านการใช้งานมานานพอสมควร ถ้าขับรถช่วงฤดูฝนต้องระมัดระวัง 

จุดชมวิวเดโช อุทยานแห่งชาติภูเรือ

ขึ้นมาแวะพักชมจุดชมวิวเดโช โอ้่โฮ้ไม่มีคนเลย ดีจัง แวะนั่งรับลมเย็นๆให้สวยปังสักเล็กน้อย แล้วค่อยๆขับรถเดินทางต่อไป 

มองจากจุดชมวิวเดโชไปยังพื้นพสุธา เบื้องล่าง ไม่ค่อยเห็นวิวมากเท่าใดนัก เพราะต้นไม้่ใบหญ้าบัง

จากนั้นเลยเดินทางไปเที่ยวต่อที่ผาซำทอง โดยสามารถเดินเข้าไปอีก 150 เมตรจากถนน

โดยบริเวณดังกล่าวยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน ที่สวยฟินอีกแห่งด้วย 

เป็นทางเดินเล็กๆขึ้นไปชมวิวผาซำทอง 

พอเดินขึ้นเนินเขามาไม่ไกลนัก ก็จะมองเห็นวิวผืนป่าเขียวชะอุ่มอย่างสวยงาม

ผาซำทอง ในอุทยานแห่งชาติภูเรือ 

และในที่สุดก็ถึงผาซำทองแล้ว เป็นผาที่เต็มไปด้วยหิน 

โดยเป็นจุดเช็คอินถ่ายรูปและรับลมเย็นๆอีกด้วย ถ้าใครที่อยากได้รูปสวยๆแนะนำมาชมช่วงพระอาทิตย์ตกดิน คงจะสวยฟินอยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่ทั้งนี้คงต้องดูสภาพอากาศด้วย ว่ามีเฆมหนาปกคลุมท้องฟ้าหรือไม่ ถ้าฟ้าเปิดแจ่มใส คงสวยงามยิ่งนัก 

เดินทางไปเที่ยวกันต่อค่ะ จากจุดนี้ขับรถขึ้นไปบนยอดภูเรืออีกไม่ไกล 

จากจุดชมวิวซำทอง ขับรถมาไม่ไกล บริเวณถนนก็จะเห็น จุดถ่ายรูปหินเต่า 

หินเต่า รูปร่างหินแปลกตาในอุทยานแห่งชาติภูเรือ

หินที่มีลักษณะคล้ายรูปเต่า ดูแล้วก็เหมือนจริงๆค่ะ เหมือนเต่านั่งอยู่บนโขดหิน หรือบางคนก็อาจจินตนการเป็นอย่างอื่น มองเป็นรูปเห็ด หรืออย่างไร คุณผู้อ่านจินตนาการกันได้นะคะ 

จากนั้นขับรถมาจอด ณ บริเวณลานจอดรถ หรือจุดบริเวณให้บริการ รถโดยสารขึ้นไปยังยอดภูเรือค่ะ 

โดยจากจุดนี้ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาโหล่นน้อย และเดินไปยอดภูเรือได้ด้วยนะคะ 

ตามเส้นทางเดิน ก็จะมีป้ายบอกข้อมูลความรู้เกี่ยวกับพรรณไม้ต่างๆที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติภูเรือให้ได้อ่านด้วย 

ป้ายแนะนำแผนที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติผาโหล่นน้อย ไปยังยอดภูเรือ เดินไปได้ไม่ไกล 

เดินมาแป๊บเดียวไม่ไกลจากปากทาง ก็ถึงผาโหล่นน้อยแล้วค่ะ มาถึงจะเห็น ศ.ศาลาเงียบเหงาให้ไปนั่งคลอเคล้าลมเย็นๆกัน 

โดยผาโหล่นน้อย ก็ยังเป็นจุดชมวิวทัศน์ที่สวยงามอีกแห่งในเขตอุทยานแห่งชาติภูเรือด้วย 

 เดินไปยอดภูเรือ ดูไปแล้ว เหมือนไกลนะคะ อยู่ใกล้ๆไม่ไกล เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึงจ้า ออกกำลังกายด้วย 

จากจุดชมวิวผาหล่นน้อย ก็จะมองเห็นยอดภูเรือซึ่งต้องเดินลงจากเขาไปอีกประมาณ 400 เมตรค่ะ ดูเหมือนไกลนะคะ แต่ใกล้ๆไม่ไกล เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึงจ้า ออกกำลังกายด้วย 

ว่ากันว่า ถ้ามาช่วงปลายฝนต้นหนาว ก็จะได้เห็นทะเลหมอกสวยสกาวด้วย ถ้ายิ่งเป็นช่วงฝนหยุดตกใหม่ๆ ก็เต็มไปด้วยหมอกที่ลอยฟุ้งเหมือนอยู่บนปุยนุ่นเลย เดี๊ยนจินตนาการไปค่ะ  

 เดินลงเขามาอีกไม่ไกล ก็จะเป็นผืนป่าอันชุ่มชื่นอุดมสมบูรณ์ และเป็นทางเดินเนินขึ้นไปยังยอดภูเรือค่ะ

จากจุดผาหินโหล่นน้อย เดินลงเขามาอีกไม่ไกล ก็จะเป็นผืนป่าอันชุ่มชื่นอุดมสมบูรณ์ และเป็นทางเดินเนินขึ้นไปยังยอดภูเรือค่ะ

เดินขึ้นมาอีกนิด ก็จะถึงบริเวณลานจุดชมวิวบนยอดภูเรือ มีป้ายบอกอุณหภูมิด้วยว่าเท่าไหร่ 

วันที่เดี๊ยนมาเที่ยวนั้นอยู่ที่ 16 องศา อากาศหนาว แต่ไม่หนาวมากนัก ถือว่ากำลังหนาวพอดิบ พอดี ไม่มีแม่คะนึ้ง หรือน้ำแข็งให้ดูนะคะ 

นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมากนัก เนื่องจากเป็นวันธรรมดา ถ้าวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือช่วงฤดูหนาวในวันหยุดเทศกาล ผู้คนที่มาทัศนาจรน่าจะเยอะพอสมควรนะคะ 

ทัศนียภาพบนยอดภูเรือ

เดินมาเหนื่อยๆ ก็นั่งพักรับลมเย็นกันสักหน่อย 

บนยอดภูเรือมีอากาศเย็นทำให้สามารถปลูกดกอกไม้เมืองหนาวให้ได้ชมกันตลอดทั้งปี แต่แดดก็ร้อนดีเช่นกันนะคะ แม้ว่าอากาศจะหนาวก็ตาม 

ทัศนียภาพบนยอดภูเรือ

แวะมาเที่ยวช่วงนี้ อากาศเย็นสบาย ไม่วุ่นวายมากด้วย 

แวะไปเดินถ่ายรูปสวยๆ บริเวณจุดชมวิว ศ.ศาลาไม่เงียบเหงาแล้ว เพราะเริ่มมีนักท่องเที่ยวมากันแล้ว 

บนยอดภูเรือ ประดิษฐานพระพุทธรูปนาวาบรรพต

และอีกหนึ่งสิ่งมามาถึงยอดภูเรือ ก็ต้องมากราบไหว้พระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคลกัน โดยพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่บนยอดภูเรือมีชื่อว่า พระพุทธนาวาบรรพต 

ประวัติพระพุทธรูปนาวาบรรพต

โดยประวัติพระพุทธรูปนาวาบรรพต โดยนายเฉลียว จรัศศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดเลยในขณะนัั้น ได้อัญเชิญมาจาก วัดพระญาติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบให้ชาวภูเรือ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนปี 2520   จากนั้นนายจำลอง เทพบรรยง นายอำเภอภูเรือ และข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ลูกเสือชาวบ้าน ชาวภูเรือได้อัญเชิญขึ้นมามาประดิษฐาน

แน่นอว่าเมื่อมาถึง ก็ไม่พลาด ถ่ายรูปคู่กับป้ายยอดภูเรือ สุดหนาวในสยาม ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,365 เมตร 

บรรยากาศวิวทิวทัศน์จากยอดภูเรือมองลงไปยังพื้นพสุธา ระย้าจับใจเบื้องล่าง 

บรรยากาศวิวทิวทัศน์จากยอดภูเรือมองลงไปยังพื้นพสุธา ระย้าจับใจเบื้องล่าง 

ภูเรือ ที่เที่ยวในวันวาน แม้จะไม่ได้หนาวยาวาน เหมือนในอดีตวันวาน แต่ป่าไม้และธรรมชาติที่นี่ยังอุดมสมบูรณ์สวยงาม  และพร้อมรอต้อนรับนักเดินทางหน้าใหม่ๆและ สว.สูงวัย มาเที่ยวกันเสมอ 

จบทริปเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูเรือ ที่เที่ยวในวันวาน แม้จะไม่ได้หนาวยาวาน เหมือนในอดีตวันวาน แต่ป่าไม้และธรรมชาติที่นี่ยังอุดมสมบูรณ์สวยงาม  และพร้อมรอต้อนรับนักเดินทางหน้าใหม่ๆและ สว.สูงวัย หรือนักทัศนาจรทุกเพศ ทุกวัย  มาเที่ยวชมกันอย่างไม่ขาดสาย มารับลม ชมธรรมชาติสวยๆ รุ่มระรวยด้วยอากาศที่เย็นสบายอุรา ช่ะช่ะช่าหัวใจ......จัดทริปเที่ยวจังหวัดเลยปีนี้ ไม่พลาดมาเที่ยวภูเรือกันนะคะ 

ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆคนที่แวะเวียนเข้ามาอ่านกัน หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในบทความถัดไปค่ะ....จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน 

เครดิตข้อมูลดีๆ : https://th.wikipedia.org/wiki/อุทยานแห่งชาติภูเรือ

http://tumnanphuruea.blogspot.com/2011/12/blog-post.html