Header Ads Widget

ads

Ticker

6/recent/ticker-posts

รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 12 เดินชิลเมืองฮาโกดาเตะแสนโรแมนติก ชมศิลปะสุดชิคและน่ารัก เดินตลาดเช้าคึกคัก กินผักอร่อยเว่อร์

รีวิวเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะในช่วงฤดูร้อน งามอรชรเมืองสุดแสนโรแมนติก แวะเดินชิคแอนด์ชิล ถ่ายรูปวิวสวยๆ
สวัสดี๊ดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆผองชาวไทยที่กำลังท่องอยู่บนโลกออนไลน์ พร่างพรายอยู่หน้าจอมือถือ อันทันสะหมอก ทันสมัย ก้าวไกลเทคโนโลยี ฉิมพลีความงาม แสนจะร้าวรานจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนกันอยู่  ณ ขณะนี้นะค่ะ ดิฉันคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน บล็อกเกอร์สมัครเล่น ขอมาทักทายและทายทักทุกท่านเข้าสู่เว็ปบล็อกเรื่องเที่ยว เขียนจนโลกเบี้ยว บ้าๆบอๆ ไปเรื่อยเปื่อย ให้ท่านได้อ่านกันจนเมื่อยสมอง ได้ประลองปัญญา จะได้เป็นคนบ้า(เที่ยว)ไปด้วยกันนะค่ะ

ก็กลับมาอีกครั้งสำหรับบทความรีวิวท่องเที่ยว กลับมาเขียนรีวิวมั่วๆซั่วให้ท่านได้มาสไลด์เปิดดูรูป จูบไม่ค่อยหอม ได้มาดอมดมสุขสมฆ่าเวลากันค่ะ ส่วนตัวดิฉันเองก็ได้เขียนบล็อกฆ่าเวลาหลังเลิกงานประจำไปค่ะ เอ้าละค่ะ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ขอมาเขียนรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นต่อเลยนะค่ะ รู้สึกเขียนมาเป็นเดือนแล้วค่ะ ไม่เสร็จสักกะที ตอนนี้เหลืออยู่ไม่กี่ตอนแล้วค่ะ

สำหรับรีวิวเที่ยวเมืองฮาโกะดาเตะของดิฉันในเว็ปบล็อกนี้ ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เที่ยวเดินชิลๆ ถ่ายรูปไปเรื่อย เอาแบบสบายๆค่ะ โดยที่เที่ยวส่วนใหญ่ก็อยู่ในระแวกเดียวกันหมดเลยค่ะ ใกล้ที่พัก ใกล้ภูเขาฮาโกดาเตะ ใกล้โกดังแดงริมท่าเรือ และใกล้สถานีรถไฟ เดินไปได้อยู่ใกล้ๆไม่ต้องเสียกะตังค่ะ

สรุปตารางทริปตอนที่ 12 นี้นะค่ะ  (ต่อจากตอนที่แล้ว ตอนที่ 11 ค่ะ)
วันที่ 21 ก.ค.
- เดินทางออกจากเมืองซับโปโรตอนเที่ยวง นั่งรถไฟลงมาที่มาฮาโกดาเตะ ถึงตอน 4 โมงเย็น
- เดินไปเช็คอินนที่พักอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ และใกล้แหล่งท่องเที่ยวค่ะ
- ตอนเย็นๆ แวะเดินชิลๆเที่ยวโกดังตึกแดง แวะชมแหล่งท่องเที่ยวในเขต Motomachi ซึ่งมีอาคารสวยๆให้เดินชมกันค่ะ
- ตอนหัวค่ำ นั่งกระเช้าลอยไฟขึ้นไปชมวิวยามค่ำคืนของเมือง Hakodate ค่ะ
วันที่ 22 ก.ค.
- แวะเดินตลาดฮาโกดาเตะช่วงเช้า
- ตอนเที่ยงก็เช็คเอาท์ออกจากที่พัก
- เวลาบ่ายโมงก็เดินทางออกจาก Hakaodate เพื่อเดินลงมายังเมืองโตเกียวค่ะ

ต่อจากตอนที่ 11  หลังจากที่เมื่อวานนี้ ดิฉันได้พาทุกท่านไปปั่นจักรยานเที่ยวเมืองฟูราโน่ และนั่งรถไฟแสนจะน่ารักไปคึกคักเมืองบิเอะแล้วนะค่ะ  วันต่อมาดิฉันก็ออกเดินทางจากเมืองซับโปโร เพื่อเดินทางไปยังเมืองฮาโกดาเตะต่อค่ะ ซึ่งเป็นเมืองแสนจะโรแมนติกอีกแห่งของเกาะฮอกไกโด ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ทั้งอาคารบ้านเรือนที่สวยงามคะ
(รีวิวต่อจากตอนที่ 11 ค่ะ) เช้าตรู่วันที่ 21 ก.ค.2560 ดิฉันตื่นแต่เช้าตรู่เลยค่ะ ตื่นมาก็ไม่ได้ลุกไปใหนเลยค่ะ พอตื่นมาก็ล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำเสร็จ ก็มาเปิดคอมโน๊ตบุ๊ค นั่งเคลียงง เคลียงาน ส่างอีมง อีเมลล์ ทำงานไปจนถึงเกือบ 11 โมงเช้า จนมีพนักงานของโรงแรมเดินบอกว่า ได้เวลาเช็คเอาท์แล้วค่ะ จนเดี๊ยนต้องรีบเก็บโน๊ตบุ๊ค จรลีไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า แล้วรีบเดินเนาแบกกระเป๋ามาเช็คเอาท์ที่หน้าเคาเตอร์ค่ะ 
หลังจากเช็คเอาท์ออจากที่พักค่ะ ก็เดินจากที่พักมาที่สถานีรถไฟเมือง Sapporo ค่ะ เพื่อจองตั๋วรถไฟเดินไปยังเมือง Hakodate ค่ะ เมืองปลายทางของวันนี้
 ก่อนจะขึ้นรถไฟ ยังไงขอซื้อของฝากเมืองนี้ เอาไว้ทานระหว่างทางค่ะ พลาดไม่ได้เลย ขนม corn chocolate ของโปรดค่ะ ตอนแรกกะว่าจะซื้อไปเป็นของฝากด้วยค่ะ แต่เอาไว้ช่วงวันกลับดีกว่าค่ะ
 ไปจองตั๋วที่เคาว์เตอร์ รถไฟ JR Sapporo ได้ตั๋วมาแล้วค่ะ
  ออกจากเมืองซับโปโร 12.15
ไปถึงเมืองฮาโกดาเตะเวลา 16.08 น.ค่ะ ใช้เวลาเดินทางเกือบ 4 ชั่วโมงเลยนะค่ะ
 ได้เวลาขึ้นรถไฟแล้วค่ะ ขบวนรถไฟ Express เดินทางไปยังเมือง Hakodate
บรรยากาศภายในรถไฟในวันธรรมดา ผู้โดยสารไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ค่ะ เงียบมากๆ ส่วนใหญ่ที่เห็นก็เป็นนักท่องเที่ยวค่ะ
เนื่องจากตอนช่วงเช้า มั่วแต่นั่งทำงาน งกๆๆ ยังไม่ได้ทานอะไรเลยค่ะ มาซัดอาหารเอามื้อเที่ยวงเนี่ยแหละค่ะ จัดไปอาหารกล่องจากร้านสะดวกซื้ออีกเหมือนเดิมนะค่ะ เพราะราคาถูกและสะดวกสุดล่ะ
ทานข้าวไม่อิ่ม มาทานขนมข้าวโพดต่อ เป็นขนมเด็ก ผู้ใหญ่ทานได้ ทานดีค่ะ รสชาติอูมาหมิ (กลมกล่อมผงชูรสมากๆค่ะ)
ระหว่างทางนั่งรถไฟ JR Express จากซับโปโร วิ่งลงไปยังเมืองฮาโกดาเตะ ก็ดูวิวริมทางฆ่าเวลาไปค่ะ เพราะบนรถไฟไม่มีปลั๊กไฟริมที่นั่งเหมือนรถไฟชินกันเซนค่ะ 
นั่งรถไฟออกจากสถานีซับโปโรมาเรื่อย ก็ผ่าน Onuma Nation park วิ่งเลียบริมทะเลสาบ สวยงามร้าวรานใจมากๆค่ะ
นั่งรถไฟมาได้ สัก 4 ชั่วโมง ก็ผ่านทะเลสบายอุทยานแห่งชาติ โอนูม่า (Onuma Nation park)  รถไฟวิ่งเลียบทะเลสาบ สวยงามมากกับบรรยากาศบ่ายแก่ๆ
ในที่สุดก็ถึงสถานีรถไฟ Hakodate แล้วค่ะ
ในที่สุดก็ถึงสักทีค่ะ นั่งรถไฟหลับๆตื่นๆ ชมวิวริมทางมาเกือบ 4 ชั่วโมง ถึงสักทีเมือง Hakodate ค่ะ เมืองท่องเที่ยวสุดแสนโรแมนติก ที่ใครก็ต้องจูงมือคู่รักมาฮันนีมูนกันที่นี้ค่ะ

เกี่ยวกับเมือง Hakodate

ฮาโกะดาเตะ ( Hakodateshi) เป็นเมืองใหญ่สุดของกิ่งจังหวัดโอะชิมะ ในจังหวัดฮอกไกโด มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเนื่องจากเป็นเมืองท่าเรือโดย มีประชากรอาศัยอยู่ราวสามแสนคน ฮะโกะดะเตะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีวิวยามค่ำคืนที่สวยงาม และเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม เนื่องจากได้รับอิทธิมาจากตะวันตก

สถานทีท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ที่สุดของเกาะฮอกไกโด และหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายชิ้นที่ยังมีหลงเหลืออยู่ที่นี่ Matsume เป็นหลักฐานจากเศษเสี้ยวกาลเวลาของเหล่านักรบซามูไร ส่วนฮะโกะดะเตะถูกกำหนดเป็นท่าเรือนานาชาติมาตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19 ลักษณะของเมืองจึงโบสถ์คริสต์และตึกแบบตะวันตกมากมาย
 สำหรับอากาศในเมืองฮาโกดาเตะในช่วงหน้าร้อน ก็ไม่ได้ร้อนมากๆค่ะ เนื่องจากเป็นเมืองติดชายทะเล อากาศก็เลยค่อนข้างดีค่ะ
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองฮะโกดาเตะ อันโดดเด่นในเมืองนี้ได้แก่
1.ภูเขา Hakodate เป็นภูเขาสูงใหญ่อยู่ ในเมือง เป็นจุดชมวิวยามค่ำคืนที่สวยงามอีกแห่ง เรียกว่าติดระดับโลกค่ะ
2.ตลาดเช้า ฮาโกดาเตะ เป็นตลาดที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟ JR และเต็มไปด้วยแผงขายอาหารทะเลทั้งแบบสดและแปรรูปกว่า 350 แผง
3.ถนนคนเดินชมเมืองย่าน Motomachi มีที่เที่ยวที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากเต็มไปด้วยอาคาร บ้านเรือน และทางเดินปูหินแบบสไตล์ญี่ปุ่นผสมผสานกับสไตล์ตะวันตก ทำให้ดูเป็นบรรยากาศที่โรแมนติก ในขณะนี้ที่เวลาเดินขึ้นเลี้ยว หรือทางลาด ก็ได้เห็นภาพท่าเรือ และบรรยากาศอันสวยงามของเมือง
4.โกดังอิฐแดง ตั้งอยู่บริเวณอ่าวอยู่ใกล้สถานีรถไฟ เป็นอาคารโกดังอิฐแดงให้เช่าในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีทั้งหมด 7 อาคารด้วยกัน แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นสถานที่รวมร้านค้าและเป็นแหล่งช๊อปปิ้งสุดเก๋
5.โบสถ์รัสเซีย นิกายออโธดอกซ์ โบสถ์สวยอยู่ในย่าน Motomachi ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1859 แต่ตึกในปัจจุบันได้สร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1916 ซึ่งมีรูปร่างเหมือนมงกุฎ ข้างในเป็นรูปโดม ที่เป็นลักษณะเด่น มี ผนังสีขาวและหลังคาสีเขียว ดูโรแมนติกพร้อมด้วยดอกซากุระจะบานในฤดูใบไม้ผลิ สีสรรใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และหิมะขาวโพลนในช่วงฤดูหนาว
6.Old public hall of Hakodate Ward อาคารสุดสวยงามแสนโรแมนติก
7.Goyokaku Park เป็นป้อมปราการของทหารในช่วงสงคราม ปัจจุบันได้กลายเป็นสวนสาธารณะที่รู้จักกันดีว่าเป็นที่ชมดอกซากุระบานที่ขึ้นชื่อของเกาะฮอกไกโด
 เดินออกจากสถานีรถไฟมา สภาพแวดล้อมและทัศนีภาพเมืองเค้าส๊วยๆนะค่ะ
ด้านหน้าสถานีรถไฟก็ตกแต่งจัดสวนปลูกเป็นดอกไม้เมืองร้อน สีสันสวยงามอร่ามจับตาคณานับมากๆค่ะ
 บางจุกปลูกต้นไม้ใส่ในกระถางเรียงรายอยู่รอบที่อยู่รอบ มีดอกม้งดอกไม้ 
ดอกไม้บานสะพรั่งในช่วงฤดูร้อน งามอรชร ดีเลิศสะแมนแตนจริงๆนะค่ะ
ดิฉันเดินแบกเป้มา ไม่ได้ไปใหนเลยค่ะ มั่วแต่เดินถ่ายรูป ชมดอกไม้ เพราะสวยงาม น่ารักฟรุ้งฟริ้ง สุดสวิงริงโก้ โอ้โฮ้ขับขาน ร้านรานจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนเว่อร์ยิ่งนักค่ะ
ดิฉันเดินแบกเป้มา ไม่ได้ไปใหนเลยค่ะ มั่วแต่เดินถ่ายรูป ชมดอกไม้ เพราะสวยงาม น่ารักฟรุ้งฟริ้งสุดสวิงริงโก้ โอ้โฮ้ขับขาน ร้านรานจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนเว่อร์ยิ่งนักค่ะ 
หลังจากมั่วแต่หลงไหลถ่ายรูปไปสักพักก็เปิด GPS เดินข้ามทางม้าลายเพื่อไปยังโรงแรมที่พักคืนนี้ค่ะ
 มีรถรางไฟฟ้าวิ่งผ่านแต่ละสถานี บ้านเมืองก็ดูสวยงาม สะอ้านสะอาด เป็นระเบียบร้อยเรียบและเรียบร้อย ไม่วุ่นวาย น่าอยู่มากๆนะค่ะ
ระหว่างกำลังจะแบกเป้เดินทางไปยังโรงแรม เห็นรถรางทั้งแบบรุ่นใหม่และรุ่นเก่า กำลังวิ่งมุ้งมิ้ง มุ้งมิ้งจอดรับผู้โดยสารระหว่างทาง รถรางน่ารักเชียวค่ะ 
 ระยะทางจากสถานีรถไฟไปยังที่พักไปยังโรงแรมไม่ไกลค่ะ
เดินออกจากสถานีรถไฟ Hakodate มาประมาณ 1 กิโลเมตรก็ถึงโรงแรม Guesthouse hakodate bay แล้วคะ
เดินมาได้สัก 1 กิโลกว่าจากสถานีรถไฟก็ถึงที่พักคืนนี้แล้วค่ะ มีชื่อว่า Guesthouse hakodate Bay ที่พักแบบเกสต์เฮ้าส์ แนวโฮสเทล ห้องนอนรวม เป็นที่พักราคาถูกที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟสุดๆแล้วค่ะ นอกนั้นราคาแพงทั้งนั้นเลยนะค่ะ เดี๊ยนสู้ราคาไม่ไหวค่ะ อันนี้ถูกสุดแล้วค่ะ ที่พักคืนนึงอยู่ที่คืน 1000 บาทค่ะ
คืนนี้พักค้างที่โรงแรม Guesthouse hakodate bay ที่น่ารักมากๆ เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย ดูรายละเอียดที่พักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/i2nrB7
ที่พักน่ารักดีค่ะ เปิดประตูมาก็เป็นป้ายที่พักต้อนรับ
เปิดมาก็จะเห็นป้ายต้อนรับ ตกแต่งน่ารักมุ้งมิ้งน่ารักเชียว
 มีของตกแต่งกะมุ้งกะมิ้ง ให้ฟรุ้งฟรุ้งชมกันค่ะ
มีที่คั่นหนังสือแบบตึ๊กๆตั๊กๆสุดแสนจะน่ารักเชียวค่ะ
 เข้ามาด้านในก็เป็นห้องรับแขก และเป็น Space Area ค่ะ
 มีเปียโนให้เล่นด้วยค่ะ แต่เดี๊ยนเล่นไม่เป็นค่ะ
ล็อบบี้ในที่พัก มีโซฟาให้นั่ง
หลังจากได้ทำการเช็คอินน์ที่พักเรียบร้อยแล้วนะค่ะ ก็แบกเป้เอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่ห้องนอนค่ะ
ห้องพักคืนนี้ โดยรวมถือว่าดีและสะอานสะอ้านดีมาก ดูรายละเอียดที่พักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/i2nrB7
 ที่นอนคืนนี้ก็เหมือนกับทุกๆคืนที่ผ่านมาค่ะ ที่พักแนวโฮสเทลห้องนอนรวม ห้องน้ำรวมค่ะ  สำหรับราคาที่พักห้องนอนรวมของที่นี้ อยู่ที่คืนละ 1000 บาทต่อคนค่ะ ราคาแพงกว่าที่เมืองซับโปโรอีกนะค่ะ อาจจะเป็นเพราะคู่แข่งน้อยก็ได้กระมังค่ะ ก็เลยราคาสูงทีเดียว
แต่สภาพโดยรวมที่พักถือว่าดีเยี่ยมเลยค่ะ เพราะสะอาดมากๆ เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย ฟูกที่นอนนิ่มมากๆ หมอนก็เป็นหมอนขนเป็ดด้วยนะค่ะ
ห้องพักโดยรวมถือว่าดีทีเดียวค่ะ ไม่วุ่นวาย และวันที่ไปพัก คนก็น้อยด้วย แม้จะแพงไปนิด แต่ก็โอเค ให้ผ่านค่ะ หากใครที่สนใจพัก หรือมองหาที่พักราคาถูกในเมืองนี้อยู่เข้าไปดูรายละเอียดที่พักเพิ่มเติมที่เว็ปไซต์ : https://goo.gl/i2nrB7 
ค่ะ และหลังที่ดิฉันได้ทำการเช็คอินน์เข้าที่พัก เอากระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วนะค่ะ เวลาประมาณ 5 โมงเย็นก็ได้เวลาออกมาเดินชิลๆ เมืองนี้แล้วค่ะ สำหรับแหล่งท่องเที่ยวโดดเด่นในเมืองนี้ คงต้องยกให้สถาปัตยกรรมบ้านเรือนสไตล์ตะวันตกในย่าน Motomachi และโกดังอิฐแดง เลยเดินออกตามแผนที่มาเรือยๆค่ะ
ระหว่างเดินมาก็เจอฝาท่อประจำเมือง ดูสวยงามน่ารักมุ้งมิ้งเชียวค่ะ
 ถนนหนทางในเมืองนี้กว้างขวางมากๆค่ะ นานจะเห็นรถผ่านสักคัน หากจะข้ามถนนต้องรอให้ไฟเขียวก่อนนะค่ะจะข้ามได้ ถึงแม้ช่วงไฟแดงจะไม่มีรถผ่าน ก็ห้ามเดินข้ามไปเลยนะค่ะ ดังนั้นต้องเคารพกฎจราจรมากๆค่ะ
 เดินมาเจออีกแล้วค่ะ คราวนี้เป็นฝาท่อรูปปลาหมึก
 แวะมาเจอป้ายแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ไม่รู้ว่าอยู่ตรงใหนบ้างนะค่ะ แต่ก็เดินไปมั่วๆเอา ตรงใหนสวยที่คนเดินกัน คงเป็นตรงนั้นแหละค่ะ คือแหล่งท่องเที่ยว
 แต่ระหว่างทางก็มีป้ายบอกนะค่ะ ไม่ต้องกลับหลงค่ะ
 ถึงแล้วค่ะ เขตเมืองเก่าโรแมนติก ในย่าน Motomachi ซึ่งทางเดินเป็นทางที่ปูนด้วยหินแบบสไตล์ญี่ปุ่นหากใครที่ชอบถ่ายรูปแนวชิคๆเก๋ ชอบถ่ายรูปแบบสถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือน ต้องไม่พลาดค่ะ เพราะย่านนี้สวยเทห์เก๋ไก๋ งามวิไลไฮโซดูโก้อลังการเว่อร์มากๆค่ะ

ถนนคนเดินชมอาคารบ้านเรือนสไตล์ตะวันตก ในย่าน Motomachi 
มีที่เที่ยวที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากเต็มไปด้วยอาคาร บ้านเรือน และทางเดินปูหินแบบสไตล์ญี่ปุ่นผสมผสานกับสไตล์ตะวันตก ทำให้ดูเป็นบรรยากาศที่โรแมนติก ในขณะนี้ที่เวลาเดินขึ้นเลี้ยว หรือทางลาด ก็ได้เห็นภาพท่าเรือ และบรรยากาศอันสวยงามของเมือง
ระหว่างเดินตามทางเดินขึ้นมา เป็นทางชันค่ะ ใช้กำลังขานิดหน่อยได้ออกกำลังกายค่ะ เห็นพระอาทิตย์กำลังจะอัสดงลงแลสุดขอบฟ้าแล้วค่ะ
 เจอดอกม้ง ดอกไม้ริมทาง กำลังพัดทิวปลิวไสว ลมพัดเย็นๆชื่นกายนะค่ะ
 ท้องฟ้ายามเย็นสวยงามตามภาพที่เห็นค่ะ เป็นเฆมสีดำกับเฆมสีฟ้ากระจายตัวคละคลุ้งอยู่เส้นแนวขอบฟ้า สวยงามพร่างพรายดุจดั่งสายน้ำทิทย์
 มองไปทางใหน ท้องฟ้าก็สวยงามแพรวพราว สุข เพราะด้วยบรรยากาศยามเย็น มีลมพัดลมเพ โอ้ละเห่เลชา สำราญร่าเริงรมย์ สุขสมฤทัย งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักค่ะ
จุดเด่นและที่ถ่ายรูปสุดสวยงามคงหนีไม่พ้น ทางเดินปูด้วยหินอันลาดชัน สุดแสนโรแมนติกที่มีวิวปลายทางเป็นทะเลและท่าเรือ ที่ใครต่อใครต่างก็ต้องมาถ่ายรูปกันค่ะ
ช่วงเวลาจะถ่ายรูป หากจะถ่ายรูปตรงกลางถนนต้องรอจังหวะมากๆนะค่ะ เพราะในช่วงยามเย็น คนมาถ่ายกันเยอะมากๆค่ะ กว่าดิฉันจะได้ถ่าย ต้องแอบเดินข้ามถนนไปตรงกลาง แล้วก็แชะได้มา 1 ภาพค่ะ แต่เบลอสุดๆค่ะ กล้องเริ่มจะพังแล้วค่ะ
แหล่งท่องเทียวยอดนิยมในเมืองฮาโกดาเต้ ที่หนุ่มสาวนิยมมาถ่ายรูปกันค่ะ
บรรยากาศสวยงามดีนะค่ะ ถ้าฤดูใบไม้ผลิหรือใบไม้ร่วงคงโรแมนติก ชิคๆเก๋ๆ เทห์ระเบิดระเบ้อมากๆนะค่ะ
เขตท่องเที่ยวในย่าน
 เดินชิลๆชมวิวเมืองมาเรื่อยนะค่ะ ก็มีมุมโน้นนี้นั้น ให้ถ่ายรูปไปเรือยเปื่อยค่ะ ไม่ต้องคิดอะไร อันใหนสวยก็ถ่ายอันใหน
 เนื่องด้วยเมือง Hakodate เป็นเมืองท่าเรือ ทำให้ได้รับวัฒนธรรมตะวันตกมาค่อนข้างมาก ทำให้มีโบสถ์คริสอยู่หลายแห่งค่ะ แต่ละแห่งก็สวยๆทั้งนั้นค่ะ
 ช่วงที่ดิฉันเดินมาเที่ยว ก็มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ เดินออกมาเที่ยวถ่ายรูปกันเยอะเลยค่ะ
 เข้าไปในโบส์ถคริสต์ด้านในก็ปิดทำการเสียแล้วค่ะ มีแต่ดอกไม้สีส้มแป๊ดบานตระหง่านอยู่โดดเด่น เห็นเย็นตา สวยระย้าจับใจเชียวค่ะ
 มีแต่ดอกไม้สีส้มแป๊ดบานตระหง่านอยู่โดดเด่น เห็นเย็นตา สวยระย้าจับใจเชียวค่ะ
 ระหว่างทางเดินลัดเลาะตามทางเดินปูหินมาถึงแล้วค่ะ โบส์ถรัสเซีย นิกายออโธดอกซ์ เห็นดอก
โบสถ์รัสเซีย นิกายออโธดอกซ์
โบสถ์รัสเซีย นิกายออโธดอกซ์
โบสถ์สวยอยู่ในย่าน Motomachi ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1859 แต่ตึกในปัจจุบันได้สร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1916 ซึ่งมีรูปร่างเหมือนมงกุฎ ข้างในเป็นรูปโดม ที่เป็นลักษณะเด่น มี ผนังสีขาวและหลังคาสีเขียว ดูโรแมนติกพร้อมด้วยดอกซากุระจะบานในฤดูใบไม้ผลิ สีสรรใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และหิมะขาวโพลนในช่วงฤดูหนาว
 โบสถ์หลังสีเขียว ดูสวยงาม รูปทรงสวยงามอร่ามจับตาดีค่ะ
โดยรอบบริเวณโบส์ถก็เป็นสวนดงดอกไม้ ดอกกุหลาบสีชมพูอ่อน งามออนซอนดีเลิศสะแมนแตนมากๆค่ะ 
เดินไปเจอดอกที่ใหน เดี๊ยนเป็นคนบ้าถ่ายมากๆค่ะ เพราะดอกไม้มันมีสีสัน ช่วยแต่งแต้มความเมามันให้สุขสำราญอุรา ลั๊ลลาจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตน
 ดิฉันเดินลัดเลาะ กระเซาะกระแซไปตามทางเดิน ก็จะเห็นอาคาร บ้านเรือนรูปทรงน่ารัก คล้ายๆบ้านในการ์ตูนเลยนะค่ะ
 เห็นนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์กำลังเดินกันมาเป็นกลุ่มเชียวค่ะ 
 บ้านเรือน รูปทรงน่ารักสวยงาม สะอาดสะอ้าน สบายตาดีค่ะ
 เหมือนบ้านในหนังคาวบอยเลยนะค่ะ
 เดินไปเจอดอกไม้ริมทาง น่ารักอีกแล้วค่ะ ดอกสีขาว เกสรสีเหลือง ไม่รู้ดอกอะไร ดูคล้ายๆดอกเบญจมาศแต่กลีบเล็กกว่า ก็เลยให้ชื่อว่าดอกบานชื่นมื่นตื่นสายเสมอไปแล้วค่ะ
  เดินไปเจอดอกไม้ริมทาง น่ารักอีกแล้วค่ะ ดอกสีขาว เกสรสีเหลือง ไม่รู้ดอกอะไร ดูคล้ายๆดอกเบญจมาศแต่กลีบเล็กกว่า ก็เลยให้ชื่อว่าดอกบานชื่นมื่นตื่นสายเสมอไปแล้วค่ะ
 มีร้านขายของกิ๊ฟช๊อฟอยู่ริมทางยังเปิดอยู่ เห็นมีร้านเดียวกระมังค่ะ ร้านเล็กกะจิ๊ดลิ๊ด น่ารักเชียวค่ะ
 ทางเดินเท้าปูด้วยหิน ดูสวยงาม สบายตาดีจังเลยนะค่ะ สองข้างทางก็เป็นอาคารบ้านเรือนของชุมชนระแวกนี้ มีน้องหมา กำลังลั๊ลลาอยู่กับเจ้าของ น่ารักจริงๆค่ะ
และเดินมาอีกนิดก็มาถีง Old public hall of hakodate Ward จุดถ่ายรูปสวยงามอีกแห่ง สำหรับคู่รักฮันนีมูน ชื่อเรียกยาวๆ ดิฉันเลยเปลี่ยนชื่อเรียกสั้นๆ เป็นพระราชวังหลุยแล้วกันค่ะ ดูอลังการคล้ายๆกันค่ะ อาคารสีฟ้าแซมด้วยสีเหลืองทอง งามเรืองรองผ่องอำไพเชียวค่ะ

อาคาร Old public hall of hakodate Ward
อาคารนี้ ได้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุมของประชาชนในปี ค.ศ.1910 สีของอาคารมีสีฟ้าเทาและสีเหลืองซึ่งเป็นจุดเด่น จากระเบียงของชั้นที่สองเมืองมองออกไปจะเห็นท่าเรือ hakodate ได้ เป็นภาพที่สวยงาม อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาถ่ายรูปกันสักครั้ง
เปิดทำการ 9.00-19.00 น.
ค่าผ่านประตูเข้าไปชมด้านใน 300 เยน
 รอบอาคารๆมีป้ายต้อนรับสู่เมือง hakodate ด้วยค่ะน่ารักดีนะค่ะ
อาคาร Old public hall of hakodate Ward
อาคารนี้ ได้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุมของประชาชนในปี ค.ศ.1910 สีของอาคารมีสีฟ้าเทาและสีเหลืองซึ่งเป็นจุดเด่น จากระเบียงของชั้นที่สองเมืองมองออกไปจะเห็นท่าเรือ hakodate ได้ เป็นภาพที่สวยงาม อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาถ่ายรูปกันสักครั้ง 
 บรรยากาศยามเย็น
เดินชิลๆมาเรื่อยๆ ก็เริ่มเมื่อยขาแล้วค่ะ นั่งพักรับลมชมวิวเมืองนี้สักแป๊บค่ะ
 มีมุมถ่ายรูปสวยๆให้ถ่ายหลายมุมเลยค่ะ ตรงนี้นี้ก็มีอาคารเก่าแก่ตั้งอยู่ แต่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร
ทัศนียภาพโดยรอบ มีอาคารกิ๊บเก๋ยูเรก้า สวยงามค่ะ
อาคารนี้ชื่ออะไร จำไม่ได้แล้วค่ะ อยู่ถัดลงมาจากอาคาร Old public hall
ใกล้กันก็มีพ่วงพุ่มช่อฟ้าผกามาส แม่ดอกไอเดรนเยียสีม่วง บานเป็นยวง ช่วงโชติชัชวาลย์อร่ามจับตาเชียวค่ะ 
หลังจากได้เดินเลาะชมสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนได้สักพัก ดิฉันก็เดินเท้าต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่อไป นั้นก็คือ โกดังอิฐแดงค่ะ
เดินไปตามทางเดินเรื่อย ก็มาพบ jirinkisha ค่ะ กำลังจะลากพานักท่องเที่ยวไปที่ใหนสักแห่งในช่วงยามเย็นแบบนี้นะค่ะ
 ดูคาเฟ่ร้านนี้ ต้นไม้สีเขียวชะอุ่มปกคลุมไปทั่วร้าน บรรยากาศน่าเข้าไปนั่งดื่มสุดๆค่ะ
ตลอดสองข้างทางก็จะเป็น อาคาร บ้านไม้ ชานเรือน สวยงาม ค่าเฟ่กิ๊บเก๋ น่ารัก ตึ๊กๆตั๊กๆมากๆค่ะ บรรยากาศดี ทัศนียภาพสวยงาม 
 เดินมาถึงแล้วค่ะ โกดังอิฐสีแดงริมอ่าวฮาโกดาเตะ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนรักการถ่ายรูปและช๊อปปิ้ง ดูคล้ายๆกับเอเชียทิคในกรุงเทพเราเลยนะค่ะ แต่ในเมืองนี้ของเค้าอยู่ติดริมทะเล แต่ในเมืองไทยเราอยู่ติดริมแม่น้ำ คนละบรรยากาศเลยค่ะ

เกี่ยวโกดังอิฐแดง
ตั้งอยู่บริเวณริมอ่าว อยู่ใกล้สถานีรถไฟ เป็นอาคารโกดังอิฐแดงให้เช่าในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีทั้งหมด 7 อาคารด้วยกัน แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นสถานที่รวมร้านค้าและเป็นแหล่งช๊อปปิ้งสุดเก๋
ในช่วงที่เดินมาก็อยู่ในช่วงหัวค่ำ หกโมงเย็นแล้วค่ะ 
ทัศนียภาพโดยรอบก็สวยงาม มีลมพัดโชยเย็นๆ อากาศดีมากๆนะค่ะ 
มีมุมให้ถ่ายรูป หลายจุดเลยค่ะ ทั้งหุ่นตุ๊กตาเด็กผู้หญิง ยืนสวิงกิ้งอยู่
 หรือแม่น้องแมวเหมียวก็กำลังจะเดินลัดเหลียวหาลูก
 หรือแวะชมคลองน้ำ บรรยากาศอันเงียบสงบ สยบความครืนเครง ไม่มีอะไรมาบรรเลงให้กวนใจ
มองไปที่ตัวอาคาร ก็ดูคล้ายๆกับเอเชียทิคในกรุงเทพเลยนะค่ะ แต่ในเมืองนี้ ของเค้าอยู่ติดริมทะเล แต่ในเมืองไทยเราอยู่ติดริมแม่น้ำ และคนละบรรยากาศเลยค่ะ 
 ด้านในโกดังอิฐสีแดง ก็เป็นร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น ของที่ระลึก กิ๊บช๊อป และร้านอาหารสุดกิ๊บเก๋ ยูเรก้าให้ได้เลือกหา เลือกซื้อกันตามใจชอบค่ะ
 ส่วนดิฉันก็เดินเมามัน สุขสันอยู่ด้านนอก ไม่ได้เดินไปด้านในหรอกค่ะ เดียวเข้าไป เกิดกิเลส อยากได้โน้นอยากได้นี้ มีเสียตัง หรือไม่ก็รูดบัตรหมดเงินแน่ๆค่ะ
 ในเมื่อไม่อยากเสียตังก็เลย ออกมาเดินอยู่บนผวัง ผนังอิฐสีแดง งามร้อนแรงจับใจ ในช่วงฤดูร้อนค่ะ
 หากใครที่ชอบถ่ายคู่กับสถาปัตยกรรมสวยๆ กับบรรยากาศเมืองสุดคลาสสิคในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือฤดูหนาวปีนี้ ลองจรลีหนีงาน มาร้านรานเมืองนี้ดูนะค่ะ
  หากใครที่ชอบถ่ายคู่กับสถาปัตยกรรมสวยๆ กับบรรยากาศเมืองสุดคลาสสิคในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือฤดูหนาวปีนี้ ลองจรลีหนีงาน มาร้านรานเมืองนี้ดูนะค่ะ
 มองไปอีกฝั่งก็จะเป็นท่าเรือ
 บรรยากาศยามเย็นพลบค่ำ ฟ้าเริ่มมืดแล้วค่ะ
 อากาศดี๊ดีนะค่ะ ดิฉันนั่งพักอยู่ตรงริมทะเลนี้เสียนานค่ะ จนห้วงเวลาเลยผ่านไปเรื่อยๆ ได้เวลาต้องไปเที่ยวอีกแห่งแล้วค่ะ
 เดินผ่านมาเห็นร้านขายสินค้าปลอดภาษีด้วยนะค่ะ เพราะเขียนป้ายเป็นภาษาไทยตัวเบ่อเริ้มเทิ้มเลยค่ะ
 เดินผ่านมาเห็นร้านขายสินค้าปลอดภาษีด้วยนะค่ะ เพราะเขียนป้ายเป็นภาษาไทยตัวเบ่อเริ้มเทิ้มเลยค่ะ
 นักท่องเที่ยวในช่วงวันธรรมดา ค่อนข้างน้อยมากๆค่ะ ดูไม่วุ่นวาย เงียบสงบดีมากๆนะค่ะ
 มีร้านขายของเล่น กิ๊ฟช๊อป ขายไอติม ดูน่าเข้าไปซื้อมากๆ
หลังจากที่ได้เดินชมอาคารโกดังอิฐแดงริมทะเลฮาโกดาเตะแล้วนะค่ะ แหล่งท่องเที่ยวต่อไปก็คือ จุดชมวิวบนยอดเขาฮาโกดาเตะค่ะ เดินไปอีกครั้งค่ะ อยู่ไม่ไกลค่ะ เดิน แล้วก็เดิน เป็นเมืองที่ต้องออกกำลังขาจริงๆนะค่ะ
เจอร้านขายไอติม ร้านน่ารัก เห็นแล้วอยากเข้าไปทานจังค่ะ 
 ดิฉันเดินออกจากโกดังอิฐขึ้นเนินตามเดินมาเรื่อยก็ถึงแล้วค่ะ จุดนั่งกระเช้าไฟฟ้าไปยังจุดชมวิวบนภูเขา hakodate ค่ะ
 รถนักท่องเที่ยวทั่วสารทิศมาจอดเรียงราย และกระเช้าไฟฟ้ากำลังลอยละล่อง รับส่งนักท่องเที่ยวไปสู่ยอดเขาค่ะ
พอเข้ามาด้านใน หากจะนั่งกระเช้า ก็ต้องซื้อกับเครื่องซื้อบัตรโดยสารอัตโนมัตินะค่ะ  แรกๆก็งงๆ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำค่ะ ราคานั่งกระเช้าไฟฟ้าไปบนยอดเขา ค่าเสียหาย รวมทั้งขาไปและกลับ ผู้ใหญ่ อยู่ที่คนละ 1280 เยนค่ะ ถ้าเด็กไปกลับก็คนละ 640 เยนค่ะ มีแบบรอบเดียวด้วยนะค่ะ ผู้ใหญ่ 780 เยน ส่วนเด็ก 390 เยนค่ะ
 พอเอาเงินใส่ตู้ กดปุ๊บ บัตรก็ออกมาปั๊บเลยค่ะ ตามนี้ค่ะ
 เดินเข้ามาก็ต้องตกใจ นักท่องเที่ยวเรียงคิวเข้าแถวกันยาวและมีจำนวนเยอะมากๆค่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ต้องยกให้เค้าเลยนะค่ะ มาเป็นรถทัวร์เลยค่ะ โอ้มายกอด!!!
 ดิฉันยืนรอคิวนั่งกระเช้าอยู่นานพอสมควรน่าจะสัก 20 กว่านาทีได้ค่ะ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะจริงๆไม่รู้มาจากใหน ตอนเดินเที่ยวช่วงเย็นนักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะนะค่ะ แต่พอมาที่จุดชมวิวนี้ นักท่องเที่ยวเยอะจนแน่นขนัดตาเลยค่ะ
ยื่นรออยู่นานในที่สุดก็ได้ขึ้นสักทีค่ะ อัดกันเต็มกระเช้าจนเดี๊ยนแทบจะหายใจไม่ออกแล้วค่ะ 
มองไปหอชมวิวด้านบน ดูท่านักท่องเที่ยวคงเยอะน่าดูค่ะ
ออกจากกระเช้ามา ก็จะมีทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนค่ะ มองจากภูเขาลงไปก็เห็นวิวเมืองฮาโกดาเตะ สวยจริงๆค่ะ

เกี่ยวกับ ภูเขา Hakodate 
ภูเขามีความสูง  334 เมตร โดยในอดีตที่ผ่านมา ภูเขาแห่งนี้เคยเป็นป้อมปราการของทหารมาก่อน จึงมีร่องรอยของสงคราม เช่นฐานปืนใหญ่ เป็นต้น ยามคำคื่นที่มองจากหอชมวิวที่อยู่บนภูเขาจะสวยงามตลอดทั้งปี และได้รับคำกล่าวว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น
พอขึ้นมาถึงแค่เห็นนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศเยอะมากๆค่ะ เรียกว่าเดินทีแทบจะชนไหลกันอยู่แล้วค่ะ ใครเอาขาตั้งกล้องมา คงไม่มีที่วางแน่ๆค่ะ
เดี๊ยนเดินหาที่ถ่ายรูปแทบไม่ได้เลยค่ะ เพราะคนเยอะมากๆ เหมือนแย่งกันถ่ายรูป คิดผิดมากๆนะค่ะ ที่มาช่วงนี้ อยู่งี้มาตอนกลางวันดีกว่านะค่ะ โอ้ย..เพลียมากๆค่ะ

เนี่ยขนาดวันธรรมดานะค่ะ ลองคิดเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ หรือช่วงวันหยุด นักท่องเที่ยวคงเยอะกว่านี้มากค่ะ
กว่าจะเดินแทรกไปตามทางเดินแต่ละจุดได้เนี่ยนะค่ะ มันยากมากๆค่ะ
เวลาถ่ายรูปต้องเดาเอาว่าจะได้ภาพดีหรือไม่ดี ส่วนใหญ่ถ่ายออกมา ภาพค่อนข้างมัวและเกิดนอยเยอะมากๆค่ะ
ถ่ายรูปวิวมาก็ได้เท่านี้ค่ะ จริงๆแล้ว เดี๊ยนเองถ่ายไว้หลายรูปพอสมควร แต่มาเปิดดูในคอมแล้ว รูปมัวเกือบหมดค่ะเลือกเอามา มีพอใช้ได้ไม่กี่รูปค่ะ
ทัศนียภาพวิวเมือง hakodate สวยดีค่ะ แต่บรรยากาศบนหอชมวิวที่ภูเขา Hakodate แห่งนี้ ไม่ค่อยดีเลยคะ เพราะอึดอัดกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เยอะมากๆ
เนื่องจากที่หอชมวิวด้านบน นักท่องเที่ยวเยอะมากๆ ดิฉันเลยเดินออกมาด้านนอกอาคาร ซึ่งเป็นลานกว้าง มองไปอีกฝั่งของเมืองที่เป็นทะเลก็สวยงามเหมือนกันค่ะ
หากใครที่แวะมาชมวิวเมืองยามค่ำคืน และเจอแบบนี้ เดี๊ยนแนะนำให้ถือขาตั้งกล้องมาด้วย ตรงลานกว้างมีที่นั่งให้ชมวิวด้วย ถึงแม้จะไม่สวยเท่าหอชมวิวด้าน แต่ก็ดีกว่าไปแออัดและแย่งที่กันถ่ายรูปค่ะ

ดิฉันใช้เวลาเดินชมวิวถ่ายรูปก็ได้เวลานั่งกระเช้ากลับค่ะ ตอนขากลับก็รอคิวนานพอสมควรค่ะ เพราะแถวยาวมากๆค่ะ
นั่งกระเช้าลอยฟ้าลงมาถึงอาคารด้านล่างค่ะ
จากนั้นดิฉันก็เดินทางกลับที่พักค่ะ บรรยากาศเมืองเงียบสุดๆ ต่างจากหอชมวิวด้านบนมากๆค่ะ
 สำหรับระยะทางจากอาคารขึ้นกระเช้าลอยฟ้ามายังที่พักและสถานีรถไฟไม่ไกลค่ะ ประมาณ 2 กิโล เดินไปได้ค่ะ หรือถ้าใครเมื่อยขาก็นั่งรถรางได้ค่ะ 
 ระหว่างทางเดินกลับที่พัก แวะหาซื้ออะไรทานเป็นมื้อเย็นนี้ค่ะ ไม่พ้นร้านสะดวกซื้ออีกแล้วค่ะ ตอนแรกจะแวะไปทานที่โกดังอิฐแดง แต่เดินเลยมาทางที่พักแล้ว ก็เลยแวะซื้ออะไรทานง่ายในร้านสะดวกซื้อเอาค่ะ
กลับถึงที่พักค่ะ Guesthouse hakodate bay ค่ะ 
ก่อนจะอาบน้ำก็แวะทานอาหารมื้อเย็นก่อนค่ะ มี Space Area ให้นั่งทานด้วยนะค่ะ ด้านข้างก็เป็น Kitchen Zone ค่ะ 
 อาหารเย็นมื้อนี้จัดไปง่ายๆ ไม่พ้นอาหารกล่องอีกเหมือนเดิมค่ะ อาหารที่ซื้อก็ไม่รู้ว่าอะไร คือดูแล้วน่าจะอร่อยก็เลยซื้อมาทานค่ะ แถมราคาถูกสุดแล้ว ขอแค่มีผักและน้ำผลหมาก รากไม้ก็อิ่มแล้วค่ะ
หลังจากทานข้าวอิ่ม ดิฉันก็ไปอาบน้ำ ยังไม่เข้านอนค่ะ ออกมานั่งทำงานที่โต๊ะด้านนอกตรงที่นั่ง คือแบบโชดดีมากๆค่ะ เพราะวันที่เข้าพัก มีแขกที่อยู่ในห้องเดียวกันแค่ 3 คน ก็เลยไม่วุ่นวาย และสงบ เป็นที่พักที่น่าพักมากๆค่ะ...หลังจากทำงานเสร็จจนดึก ดิฉันก็เข้านอนพักผ่อน หลับไปยันสว่างเลยค๊า

หมดไป 1 วันกับการเดินทางจากเมืองซับโปโร จนมาถึงเมืองฮาโกดาเตะ จากนั้นช่วงเย็นๆก็มาเดินเที่ยวชิลๆ ชมวิวในเมืองต่อค่ะ  รู้สึกไม่เหนื่อยแต่เมื่อยขามากๆค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าตรู่ในวันที่ 22 ก.ค.2560 ดิฉันตื่นแต่เช้าตรู่ค่ะ พอทำภารกิจส่วนตัว เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้เรียบร้อย ก็เดินมาร้านสะดวกซื้อใกล้ๆที่พัก บรรยากาศช่วงเช้าในเมือง hakodate ท้องฟ้าค่อนข้างสลัว มีหมอกลอยคละคลุงปกคลุมภูเขาค่ะ เพราะเมื่อคืนนี้ฝนตกค่อนข้างหนักมากค่ะ คือแบบว่าตอนนอนได้ยินเสียงฝนตกและลมพัดพายุ พัดโหมกระหน่ำช๊อกช้ำระกำทรวงสุดๆค่ะ
แวะไปร้านสะดวกซื้อมา เช้านี้ทานโยเกิต ข้าวปั้น และซุปสาหร่ย แล้วก็กล้วยค่ะ 
 พอทานมื้อเช้าแค่พออยู่ท้องแล้วนะค่ะ เช้านี้วางแผนคงไม่ได้ไปใหนไกล เลยแวะไปเดินตลาดเช้าเมือง hakodate ดีกว่าค่ะ
 ระยะทางจากที่พักเดินมาตลาดได้ไม่ไกลค่ะ เพราะตลาดอยู่ใกล้สถานีรถไฟ JR hakodate เลยค่ะ เดินมาได้สะดวกมากๆค่ะ
 สำหรับตลาดเช้า hakodate ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์การท่องเที่ยวค่ะ เพราะตลาดสดในช่วงเช้าแห่งนี้ มีการขายอาหารอาหารทะเลทั้งสด และแปรปรู และอาหารร้อน มีผัก ผลหมาก รากไม้ขายให้เลือกทานกันอย่างไม่อั้นเลยค่ะ ใหนแวะมาทั้งที ต้องไม่พลาดมายวลยี ฉิมพลีความหอมหวาน ให้ร้าวรานถึงทรวงในสักหน่อยค่ะ
บรรยากาศตลาดช่วงเช้าก็ดูคึกคักนค่ะ มีนักท่องเที่ยวมาเดินกันตลอดค่ะ  และตลาดค่อนข้างสะอาด สะอ้านเป็นระเบียบร้อยเรียบและเรียบร้อย น่าเดินมากๆค่ะ
 เข้ามาด้านในก็เป็นแผงขายอาหารทะเลสด นำมาขาย มีพ่อค้า แม่ค้าชาวญี่ปุ่น นำเสนอโปรโมชั่นกันสุดฤทธิ์สุดเดชเลยค่ะ
 มีอาหารทะเลสด ให้เลือกซื้อไปทานกันด้วยนะค่ะ ราคาก็สมเหตุสมผลไม่ได้แพงอะไรเลยค่ะ
 มีปูทะเลฮอกไกโดสดๆ รสชาติน่าจะอร่อยนะค่ะ ราคาตามป้ายเลยค่ะ
 นอกจากอาหารทะเลสดๆแล้วนะค่ะ ยังมีเมล่อนสีเหลือง น่าจะหวานฉ่ำน่าดู มีผ่าขายแยกเป็นชิ้นๆให้ได้ล้มลองกันด้วยค่ะ
มีแตงเมล่อนแบบลดราคาด้วยค่ะ
 เดินมาด้านหลังอาคารตลาดสดก็จะมีป้ายเขียนไว้ว่า Hakodate Morning Market Sqaure
 ส่วนด้านในอาคารตลาดสด ก็มีร้านอาหารเปิดขายให้ได้เลือกทานกันตอนเช้าๆด้วยนะค่ะ
 แผงร้านขายปลาสดๆ และปลาแปรรูป
 เดินตลาดมาได้สักชั่วโมง เริ่มหิวแล้วค่ะ ใหนๆแวะมาทั้งที ต้องหาอะไรทานค่ะ เหลียบไปเห็นอาหารญี่ปุ่นเป็นชุดๆ ก็เลยอยากทานค่ะ
 ในร้านมีเมนูภาษาไทยให้ด้วยนะค่ะ ดิฉันเลยชี้ว่าอยากทานอาหารชิ้นตามรูปค่ะ
ระหว่างรออาหารนะค่ะ ก็ไปซื้อแตงเมล่อนแบบลดราคามาทานรอค่ะ พอดีร้านอยู่ใกล้ๆค่ะ รสชาติอร่อยหวานฉ่ำมากๆค่ะ
รออาหารได้สักพักก็จัดมาแล้วค่ะ ตามรูปอาหารจำลองด้านบนเลยค่ะ มาเหมือนกันเด๊ะๆ แต่ของจริงนี้ดูน่าทานกว่านะค่ะ เป็นปลาเหมือนอบเกลือเอาไปย่างนะค่ะ มีเครื่องเคียงหลายอย่างเรียงอยู่หัวจาน มีหัวไชเทาสับละเอียดน่าจะเป็นเครื่องเคียงทานกับปลา มีข้าวสวย มีน้ำซุป

แต่ตอนจะทานก็ไม่รู้จะเริ่มอันใหนก่อนดี ตอนแรกจะเรียกพนักงานที่ร้านมาแนะนำว่า วัฒนธรรมที่เค้าทานกันเนี่ย ต้องทานยังไงก่อน แต่เห็นที่ร้านยุ่งๆ เดี๊ยนเกรงใจเค้าค่ะ ก็เลยกินตามมีตามเกิด ตักยัดเข้าปากแล้ว รสชาติอร่อยดีค่ะ  แต่เครื่องเคียงบางอย่าง เดี๊ยนก็ทานไม่ได้นะค่ะ เพราะรู้สึกว่าจะคาวและรสเค็มจัดมากๆ แต่ที่อร่อยคงเป็นไข่ปลา กับปลาสับรสหวาน อันนั้นอร่อยดีค่ะ
 หลังจากได้อิ่มอร่อยกับอาหารเช้าที่ตลาด hakodate แล้วนะค่ะ ดิฉันก็เดินทางกลับที่พัก จนถึงเวลาเที่ยงก็เช็คเอาท์ แบกเป้เดินมายังสถานีรถไฟ เพื่อเดินทางไปยังเมืองโตเกียว เป็นจุดมุ่งหมายต่อไปค่ะ
ระหว่างทางจะไปสถานีรถไฟ เวลายังเหลือ มานั่งพร่ำเพรือถ่ายรูปดอกม้งดอกไม้ มีดอกดาวรง ดาวเรือง งามเหลืองเฟืองฟุ้งกระจุงกระจาย
มีดอกไม้สีม่วงคล้ายดอกลาเวนเดอร์ บานเอ๋อเหรออยู่ในสวน ดูสวยงามดีค่ะ
อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นดอกอันไร กลีบดอกสวยไฉไลดีค่ะ
 ลักษณะกลีบ เป็นแปดแฉกเรียงกัน สีชมพูอ่อนๆ เกสรด้านในสีเหลือเข้มปนแดงแสด
 รอรถไฟก็มาถ่ายรูปดอกม้ง ดอกไม้ค่ะ ดูสวยงามเชียวค่ะ บานสะพรั่งอยู่ตรงทางเดินเข้าไปสถานีรถไฟ สวยงามอร่ามจับตาเชียวค่ะ
และเวลาประมาณบ่ายสองโมงก็ได้เวลาออกเดินทางจากเมือง Hakodate แล้วค่ะ
 นั่งรถไฟ JR จากสถานี Hakodate ไปลงที่สถานี Shin
 การเดินทางช่วงบ่ายนี้ เป็นการเดินทางทั้งวันค่ะ เริ่มออกจากเมือง Hakodate บ่าย 2 โมงกว่าๆ
 จากนั้นก็ไปลงที่สถานีรถไฟ Shina Hakodate-Hokuto เพื่อนั่งรถไฟชินกันเซน เวลา 14.44 น.ไปยังเมืองโตเกียวซึ่งเป็นเมืองปลายทางของวันนี้ค่ะ
 โชดดีที่ได้ทำการจองที่นั่งไว้แล้ว และได้ที่นั่งริมหน้าต่างๆค่ะ เลยมีปลั๊กไฟสำหรับไว้นั่งทำงานตลอดการนั่งรถไฟหลายชั่วโมงกว่าจะถึงโตเกียวค่ะ
จบทริปการเดินทางเที่ยวเมืองฮาโกดาเตะค่ะ
เดียวมาขึ๊นรีวิวบล็อกท่องเ ที่ยวตอนที่ 12 ต่อนะค่ะเป็นรีวิวเดินชิลๆเที่ยวเมืองโตเกียว แวะเลี้ยวไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะไปนอนพักค้างที่เมือง kawaguchiko เมืองใกล้ภูเขาไฟฟูจิค่ะ อย่าลืมมาติดตามกันนะค่ะ จะรีบๆเชียนให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ค่ะ

สำหรับรีวิวบทความท่องเที่ยวในบล็อกนี้ก็ขอบจบเพียงเท่านี้ต่อค่ะ  ขอบพระคุณเพื่อนๆพี่ๆและน้องๆทุกๆท่านที่เข้ามาติดตาม อ่านและสไลด์ดูภาพกันนะค่ะ หากมีข้อผิดพลาด อักขระ พิมพ์ผิดๆ ตกๆหล่นๆ ประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
บล็อกเกอร์สมัครเล่น
---------------------------------------------------------------------
รวมบทความบล๊อกเที่ยวเดือนละ 1 ครั้ง มีดังนี้ (จะทยอยอัพเดทเขียนเพิ่มเรื่อยๆ บล็อกจะได้ไม่ร้างค่ะ) 
แนะนำโรงแรมในเกาะฮอกไกโด แช่ออนเซ็น เห็นวิวสวยๆ คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก>>
รวมเด็ดกับโรงแรมในฮอกไกโด นอนแช่น้ำพุร้อนออนเซ็น เห็นวิวสวยๆ อากาศดีๆ นอนสบายๆ สำหรับคู่รักและครอบครัว คลิ๊กดูข้อมูลที่พัก+เบอรโทรติดต่อค่ะ>>>
โรงแรมในเมืองฮาโกดาเตะ สุดน่ารัก แถมราคาถูกอีกด้วย คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>>
สุดน่ารัก 10 ที่พักฮาโกดาเตะ ราคาถูก ใกล้สถานีรถไฟJR นอนพักสบายๆในเมืองสวยโรแมนติค คลิ๊กดูข้อมูลที่พักค่ะ>>> 
หรือดูข้อมูลได้ที่เว็ปบล็อก : http://bit.ly/2EMob0W
แบกเป้เที่ยวนาโกย่า รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมือง คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวนาโกย่า ไปลั๊ลลาชมดอกซากุระ รีวิวการเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในตัวเมืองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวและการเดินทางค่ะ>>  
แนะนำโรงแรมโตเกียวเปิดใหม่ปี 2108 สำหรับคู่รัก คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แนะนำโรงแรมโตเกียวเปิดใหม่2018 วิวสวยๆ สำหรับคู่รักฮันนีมูน ราคาสุดประหยัด ใกล้สถานีรถไฟอีกด้วย คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักค่ะ>>  
หรือดูข้อมูลได้ที่บล็อก : http://bit.ly/2L3Nivv 
แนะนำโรงแรมในซัปโปโร ห้องนอนคู่ดูโอ้ ใกล้สถานีรถไฟ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวมที่พักซับโปโร ห้องพักนอนคู่ดูโอ้ ราคาถูก เน้นใกล้สถานีรถไฟ JR เดินลั๊ลลาได้ชิวเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>> 
 รีวิวเที่ยวประจำเดือน ก.ค.2560 เที่ยวญี่ปุ่นตอนจบ สรุปค่าใช้จ่าย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวตอนที่ 15 (ตอนจบ) สิ้นสุดการเดินทางอันยาวไกล แวะไปซื้อของฝากเมืองโอซาก้า คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 14 ไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งดูวิวทะเลสาบคาวากูชิโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 14 นั่งรถไฟไปชมภูเขาไฟฟูจิซัง นั่งริมทะเลสาบคาวากูชิโกะ คลิ๊กดูรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 13 นอนค้างโตเกียว นั่งรถไฟไปเที่ยวคามากุระ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 13 เที่ยวโตเกียวใน 1 วัน นั่งรถไฟสุขส้นต์ไปเมืองคามากุระ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
 10 ที่พักโอซาก้า ราคาถูกสุดๆ ใกล้สถานีรถไฟ JR คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
รวมที่พักโอซาก้าราคาถูกหลักร้อย ใกล้สถานีรถไฟ JR เดินไปได้ใกล้ๆ สะดวกสุดๆ คลิ๊กดูรายละเอียดที่พักค่ะ>>

รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมไร่นาเมืองบิเอะ สวยเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบ็คแพ็ครีวิวญี่ปุ่นญี่ปุ่น ตอนที่ 11 ขี่จักรยานชมทุ่งนาข้าวบาร์เลย์เมืองบิเอะตอนบ่าย งามพร่างพรายสวยเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 10 ปั่นจักยานไปชมดอกลาเวนเดอร์บานๆ อลังการเว่อร์ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้คนเดียวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 10 ปั่นจักรยานไปชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์บานตอนเช้าๆ สวยแพรวพราวน่ารักเว่อร์ คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
แบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 9 เดินชิลชมเมืองซับโปโรครึ่งวัน คลิ๊กดูรายละเอียดค่ะ>>
แบ็คแพ็ครีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 9 เดินชิลๆชมเมืองซับโปโร ไปเดินเฮโลที่คลองโอตารุ สวยทะลุสู่ยอดฟ้า คลิ๊กดูรายละเอียดรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 8 ชมศิลปะทุ่งนาข้าวผลิหลากสีสวยงาม คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 8 แวะผ่านอาโอโมริ ไปชมศิลปะทุ่งนาข้าวผลิหลากสีที่ อินาคาดาเตะ งามเป๊ะเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>

เที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 7 รีวิวการเดินทางไปหลังคาญี่ปุ่นด้วยตัวเองมาฝาก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 7 รีวิววิธีการเดินทางไปเจแปนแอลป์ด้วยตัวเองมาฝาก ภูเขาสวยงามมาก กระชากใจเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 6 เดินตลาดเช้าทาคายาม่า แวะดูทุ่งนาชิราคาวาโก คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่น ตอนที่ 6 เดินตลาดเช้าทาคายาม่า แวะไปชมทุ่งนาที่ชิราคาว่าโก สวยโอฬาร งามเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 5 เดินดูเมืองเก่าคุราชิกิ ชมใบไม้ผลิสวยเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ตอนที่ 5 เดินลั๊ลลาดูเมืองเก่าสมัยเอโดะที่คุราชิกิ ชื่นชมใบไม้ผลิสีแดง แรงเริ่ดเว่อร์ คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 4 ตามรอยระเบิดเมืองฮิโรชิม่า ไปลั๊นลาเกาะมิยาจิมะ คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 4 ตามรอยระเบิดนิวเคลียร์เมืองฮิโรชิม่า นั่งรถไฟลั๊ลลาไปสะพานคินไตเคียว คลิ๊กดูภาพรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นตอนที่ 3 ท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะ งามเริ่ด คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 3 เดินย่องท่องเมืองฟูกุโอกะ ชมเทศกาลยามากาสะในหน้าร้อน งามอรชรดีเริ่ด คลิ๊กดูบทความรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 2 นั่งไฟออนซอนไปอบทรายร้อนที่อิบูชูกิ คลิ๊กดูค่ะ>>
แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 2 ลัดเลาะเนินเขาชมวิวคาโกชิม่า นั่งรถไฟลั๊ลลาไปอบทรายร้อนอิบูซูกิ คลิ๊กดูบทความรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวทามะ แวะพักชมปราสาทสวย คลิ๊กดูรีวิวค่ะ>>
รีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่นฤดูร้อน ตอนที่ 1 นั่งรถไฟแมวเหมียวทามะสุดน่ารัก แวะเดินพักชมปราสาทวาคายามะ คลิ๊กดูบทความรีวิวท่องเที่ยวค่ะ>>>

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น